“กระทงผมล่วงหมดแล้วเอาของคุณมาให้ผมเลย”
“แบบนี้ก็ได้เหรอคุณก็ไปซื้อใหม่ที่หน้าวัดสิมีคนตั้งขายตั้งเยอะ”
พิมพรรณชี้ให้ชายหนุ่มเดินออกไปซื้อที่หน้าวัดเพราะมันไม่ใช่ความผิดของเธอในเมื่อชายหนุ่มมายืนขวางทางเธอเอง
“ไม่ถ้าคุณไม่ให้งั้นผมจะลอยกับคุณ”
ทรงรบดึงกระทงของพิมพรรณออกจากมือของหญิงสาวหน้าตาเฉย
“อย่าเถียงกันเลยค่ะเอาของฉันก็ได้”
พัชรินทร์เห็นท่าจะไม่ค่อยดีจึงยื่นกระทงของตัวเองให้กับทรงรบเพื่อตัดปัญหา
“ไม่ได้นะคะ”
พิมพรรณรีบห้ามพัชรินทร์เอาไว้หากชายหนุ่มอยากจะลอยกระทงกับเธอนักเธอก็จะทำให้วันลอยกระทงปีนี้ทรงรบไม่มีวันลืมไปเลย
“อยากลอยกับฉันใช่ไหม..ได้ตามมา”
“อ้าวทำไมพ่อเลี้ยงมาด้วยล่ะ”
ภูผาที่มารอสองสาวที่ทาน้ำของวัดอยู่ก่อนแล้วเห็นสองสาวมีทรงรบเดินมาด้วยจึงแปลกใจไม่น้อยเพราะเห็นหลานของเขาพูดอยู่ว่าไม่ค่อยชอบหน้าพ่อเลี้ยงของไร่ภิภพเท่าไรไหนตอนนี้มาพร้อมกัน
“ฉันเดินชนกับพ่อเลี้ยงกระทงเค้าเลยพังฉันก็ต้องให้เค้ามาลอยกับฉันนี่แหละ”
“งั้นก็รีบลอยกันเถอะ”
ภูผาพยักหน้าเข้าใจและให้ทุกคนรีบลอยเพราะเดี๋ยวดึกกว่านี้จะต้องต่อคิวกันกับคนอื่นให้ยุ่งยาก
“คุณพัชค่อยๆนะคะ”
พิมพรรณให้ทรงรบถือกระทงเอาไว้ก่อนเพราะเธอต้องคอยพยุงพัชรินทร์เมื่อเธอกำลังอธิฐานลอยกระทงลงในแม่น้ำ
“เข้ามาสิคุณ..เอามานี่ฉันอธิษฐานก่อน”
พิมพรรณพยุงพัชรินทร์ให้ลุกขึ้นยืนหลังจากที่หญิงสาวลอยกระทงเสร็จและหันไปถือกระทงในมือทรงรบมานั่งลงอธิษฐานซึ่งทรงรบก็นั่งอยู่ข้างๆกับหญิงสาวด้วย ในขณะที่ทั้งสองนั่งข้างๆกันสายตาและรอยยิ้มของทรงรบที่ส่งให้กับพิมพรรณขณะที่เธอหลับตาอธิฐานมันทำให้ภูผามองออกว่าทรงรบน่าจะชอบหลานสาวของตนไม่อย่างนั้นคนอย่างทรงรบหรือจะมาเสียเวลาต่อปากต่อคำทำเรื่องไร้สาระกับหลานสาวของเขาอยู่ได้แต่ก็ไม่ได้ทำท่าทีกระโตกกระตากแค่คอยดูพฤติกรรมกันต่อไปเท่านั้น
“อะตาคุณ..อธิฐานสิจะได้ลอยซะที”
เมื่ออธิษฐานเรียบร้อยแล้วพิมพรรณก็ลืมตาและส่งกระทงของเธอให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“..พิมทำอะไร..”
ภูผาเห็นพิมพรรณกำลังผลักทรงรบลงน้ำโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวจึงเอ่ยปรามขึ้นมาก่อนแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
ตู้มมม
“นี่คุณผลักผมทำไม”
ทรงรบตกลงไปในน้ำตูมใหญ่เขารีบตะเกียกตะกายขึ้นมาเกาะเสาที่ท่าน้ำและมองพิมพรรณอย่างไม่สบอารมณ์ที่เธอแกล้งเขา
“อยากลอยกระทงไม่ใช่หรือไงงั้นก็ไหลไปกับกระทงไปเลยนะคะคุณพ่อเลี้ยง”
พิมพรรณเอ่ยอย่างลอยหน้าลอยตาสมน้ำหน้าชายหนุ่มที่อยากมากวนประสาทเธอก่อนเอง
“คุณพิม” พัชรินทร์หน้าเสียกะทันหันไม่คิดเหมือนกันว่าพิมพรรณจะแสบขนาดนี้
“เรานี่มันก็จริงๆเลยนะพิม..พ่อเลี้ยงขึ้นมาครับ”
ภูผาส่งเสียงดุหลานของเขาที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่องทั้งรีบยื่นมือให้ทรงรบเกาะแล้วดึงชายหนุ่มขึ้นมาจากน้ำอย่างรวดเร็ว
วันเวลาอันสงบสุขพ้นผ่านนานร่วมหนึ่งปี
หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ทรงรบก็คอยหาเรื่องกวนประสาทพิมพรรณเรื่อยมาไม่หยุดไม่หย่อนเป็นปีแล้วส่วนพัชรินทร์เองก็คลอดลูกแฝดหญิงได้เก้าเดือนแล้วตอนนี้เป็นแก้วตาดวงใจของเธอและคนในไร่ก็ว่าได้ยิ่งเริงฤทธิ์ประคบประหงมเจ้าแฝดทั้งสองยิ่งกว่าไข่ในหินกลางวันพัชรินทร์แทบจะไม่ต้องจับลูกเลยเพราะเริงฤทธิ์เป็นคนดูแลจัดการทุกอย่างเอง
“แอ้..หม่ำๆ..”
ตอนนี้เป็นเวลาโพล้เพล้แล้วเริงฤทธิ์ก็ทำหน้าที่ป้อนข้าวเหลนๆของเขาที่เกาะเปลยืนกันหน้าสลอนรอคนเป็นทวดป้อนข้าว
“โอ้ย..นี่มันลูกคนหรือลูกลิงกันละเนี่ย”
พอเริงฤทธิ์ป้อนอีกคนอีกคนก็จะปีนออกจากเปลเพราะไม่ทันใจทำเอาเขาต้องบ่นออกมาแต่ก็ด้วยความเอ็นดูเจ้าก้อนกลมทั้งสอง
“สมใจพ่อไหมล่ะ”
ภูผาที่นั่งมองอยู่ห่างๆก็หัวเราะพ่อของเขาที่อยากจะหาเลี้ยงเหลนเองคนเดียวไม่ให้ใครช่วยก็เป็นแบบนี้แหละ
“น้ำเมยน้ำปายกลับบ้านเรานะคะ”
หลังจากที่พัชรินทร์และพิมพรรณไปส่งของเรียบร้อยแล้วก็กลับมารับน้ำเมยกับน้ำปายกลับบ้าน
“แอ้..แอ้..”
เด็กหญิงตัวกลมทั้งสองเห็นคนเป็นแม่มาก็กระโดดโลดเต้นดีใจกันดุ๊กดิ๊ก
“เหนื่อยไหมคะตา”
พัชรินทร์ถามเริงฤทธิ์ด้วยรอยยิ้มตั้งแต่เธอฝากให้เริงฤทธิ์เลี้ยงลูกให้เธอช่วงหกเดือนไปแล้วดูเริงฤทธิ์จะมีชีวิตชีวามากขึ้นเป็นพิเศษ
“ไม่เหนื่อยเลยอยู่กับลูกลิงนี่ไม่เหงาดี”
เริงฤทธิ์พูดพร้อมมองเจ้าแฝดด้วยสายตาเอ็นดู
“หลานหนูเป็นลูกลิงไปแล้วเหรอตา”
พิมพรรณเอ่ยหนอกตาของเธอ
“ดูเอาเองสินี่ถ้าไม่มีเปลกั้นกลิ้งลงไร่ไปแล้ว”
“ท่าจะจริง..ฮ่าๆๆ..หลานป้านี่มันอยู่ไม่สุขจริงๆเลย”
“แอร๊..”
พิมพรรณขึ้นไปอุ้มน้ำปายขึ้นมากอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างหมั่นเขี้ยวจนหนูน้อยร้องท้วง
“เล่นกับเหลนข้าเบาๆหน่อยสิ”
เริงฤทธิ์เห็นพิมพรรณเล่นกับเด็กๆแรงจึงต้องเอ่ยปราม
“เดี๋ยวนี้อะไรก็เหลนนะตาหลานอย่างหนูหัวเน่าแล้วมั้ง” พิมพรรณพูดพรางอมยิ้ม
พัชรินทร์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ลูกของเธอสร้างความสุขให้คนที่นี่ได้แล้วก็สร้างความสุขให้เธอได้อย่างมากอีกเช่นกัน
กรุงเทพมหานคร
บ้านอิทธิกร
“ดูหลานสิครับน่ารักน่าชังที่สุดเลย”
อิทธิกรนั่งดูรูปเจ้าแฝดที่พัชรินทร์ส่งมาให้ในมือถือพร้อมกับทศพลเขาคิดถึงหลานทั้งสองของเขามากเหมือนกันแต่ก็ยังไม่มีเวลาไปหาสักที
“เหมือนอคิณมากๆเลยนะ”
ทศพลมองเด็กทั้งสองก็อดที่จะพูดไม่ได้เลยว่าเจ้าแฝดทั้งสองเหมือนอคิณอย่างกับเคาะใบหน้ากันออกมา
“นั่นสิครับถ้าพี่ผมอคติน้อยลงกว่านี้ผมก็อยากจะบอกความจริงอยู่เหมือนกันแต่ทุกวันนี้ดูจะหนักขึ้นกว่าเดิมอีกสิครับ” อิทธิกรพยักหน้าเบาๆเขาไม่ปฏิเสธเรื่องนี้และใจลึกๆเขาก็อยากให้อคิณรู้ด้วยว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังมีลูกที่น่ารักน่าชังอยู่ติดตรงที่อคิณนั้นยังอคติกับพัชรินทร์ไม่เลิกเท่านั้นเอง
“อคิณเหมือนพ่อไม่มีผิด”
ทศพลรู้ดีว่านิสัยของอคิณที่ทิฐิไม่เลิกแบบนี้มันเหมือนอัคนีไม่มีผิดเข่าจะเลือกเชื่อตามที่เขาอยากจะเชื่อเท่านั้น
“เพราะแบบนี้ไงครับคุณพ่อคุณแม่ถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ถ้าพี่คิณได้ความมีเมตตาของคุณแม่ไปบ้างก็คงจะดีกว่านี้นะครับ” อิทธิกรเอ่ยด้วยน้ำเสียงหดหู่เมื่อต้องพุดถึงเรื่องที่พ่อแม่ของเขาต้องแยกทางกันเพราะแม่ของเขาทนนิสัยของพ่อเขาไม่ไหว
“แล้วนี่จะไปหาหนูพัชเมื่อไรอาว่าจะหาเวลาว่างไปด้วย”
“ช่วงนี้ที่โรงงานแปรรูปยังยุ่งๆอยู่เลยครับคงอีกพักใหญ่”
ช่วงนี้อิทธิกรยังหาวันว่างที่เหมาะๆไม่ได้เลยเพราะปัญหาเรื่องงานก็ยังคงมีให้แก้อยู่ได้ในทุกๆวันเขาทำได้แต่ส่งของให้หลานๆเขาและดูรูปในมือถือต่างหน้าเท่านั้น
เป็นปีแล้วที่กิ่งแก้วลาออกจากงานเลขาไปเป็นนางแบบเหมือนเดิมอคิณเองก็ต้องเรียกมารุตมาช่วยงานอย่างเก่าดูเหมือนความสัมพันธ์ของอคิณและกิ่งแก้วจะไม่แน่นแฟ้นอย่างเมื่อก่อนเท่าไรเพราะทั้งคู่ไม่ค่อยได้เจอกันเหตุเพราะงานอคิณก็ค่อนข้างยุ่งกิ่งแก้วก็เดินทางบ่อยเดือนๆแทบจะไม่เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ17.00 น."ตั้งแต่คุณไม่ได้เป็นเลขาผมเราก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันสักเท่าไรเลยนะ" วันนี้กิ่งแก้วพึ่งกลับจากปารีสเมื่ออคิณรู้จึงรีบไปรับเธอที่สนามบินมาที่บ้านด้วยความคิดถึง"ก็กิ่งต้องไปต่างประเทศบ่อยนี่คะ""แล้วฤกษ์แต่งเราล่ะผมไม่เห็นคุณจะพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย""ช่วงนี้ทั้งกิ่งทั้งคุณก็ยุ่งๆพักแพลนไปก่อนก็ได้ค่ะยังไงเราก็ยังรักดันดีอยู่นี่คะ" "คืนนี้คุณพึ่งกลับมาอยู่กับผมนะครับ" อคิณแปลกใจไม่น้อยที่กิ่งแก้วไม่ยักจะสนเรื่องแต่งงานแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจจะถามแค่ตอนนี้เขาอยากรักเธอให้หายคิดถึงมากกว่าจึงค่อยๆสอดมือหนาเข้าไปขยำอกตูมของเธออย่างปรารถนา"กิ่งต้องกลับบ้านน่ะค่ะคุณพ่อท่านรู้แล้วว่ากิ่งกลับมาถ้าจะขอค้างกับคุณกิ่งกลัวว่าจะถูกท่านตำหนิ" กิ่งแก้วต้องรีบดึงมือชายหนุ่มออกเพราะเธอไม่สามารถอยู่กับอคิณนานได้"
“หา...ทำไมเราติดหนี้เค้าเยอะแบบนั้นล่ะตา” พิมพรรณเบิกตาโพรงตกใจเมื่อได้ยินยอดหนี้“ข้าก็เอามาลงทุนกับเครื่องทุ่นแรงในไร่นี่แหละ”“ขอผ่อนเค้าไปก่อนไม่ได้เหรอคะตา” พัชรินทร์เธอพอจะมีเงินอยู้่บ้างหากขอผ่อนผันได้เธอก็จะช่วยจ่ายเท่าที่มีไปก่อน“นี่ก็สามปีแล้วที่ไม่ได้ผ่อน..อีกสามเดือนถ้าไม่มีเงินไปจ่ายไร่นี้ก็จะถูกยึด” เริงฤทธิ์ส่ายหัว“นี่ถึงกับยึดกันเลยเหรอ” พิมพรรณแทบเข่าอ่อนเธอรักไร่นี้มากเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธออุ่นใจเมื่อได้อยู่ที่นี่"ไร่นี้จะไม่ถูกยึดถ้าเอ็งยอมช่วยตา" "คืออะไรพ่อ" คำพูดของคนเป็นพ่อทำเอาภูผาขมวดคิ้วเป็นปมไม่เข้าใจว่าพิมพรรณจะช่วยเรื่องนี้ได้อย่างไร“ถ้าเจ้าพิมยอมแต่งงานกับทรงรบทุกอย่างจะเป็นโมฆะ” "นี่พ่อไปตกลงกับพ่อเลี้ยงแบบนั้นได้ยังไง" ภูผาเอ่ยเสียงแข็ง"ก็เค้าเสนอมาแบบนั้นฉันก็มาถามเจ้าพิมมันก่อนถ้าไม่ตกลงก็ปล่อยให้เค้ายึดไปก็เท่านั้น""หนูขอคิดดูก่อนนะตา" พิมพรรณนั่งหน้าตาตื่นเธอเงียบอึ้งไปครู่ใหญ่เธอขอเวลาใช้ความคิดสักพักแล้วเธอจะแก้ปัญหาเรื่องนี้เองเธอพอจะรู้ว่าทรงรบคงต้องการแกล้งเธออีกแน่นอนถึงได้ให้ข้อเสนอนี้กับตาของเขามา20.00 น.“เจ้าแฝดหลับ
"นี่ผมหนวกหูนะ"ทรงรบแสร้งเอามือปิดหูทั้งยกยิ้มมุมปาก"ได้...เอาแบบนี้ก็ได้...ฉันแต่งงานกับคุณแล้วหนี้ฉันจะจบใช่ไหม"พิมพรรณชี้หน้าทรงรบด้วยสายตาจริงจัง"อืม...""ได้ฉันจะแต่งทนฉันได้เกินเดือนได้ก็คอยดู"พิมพรรณกัดฟันพูดจบก็หันหลังเดินออกไปอารมณ์เธอตอนนี้แทบจะฉีกเนื้อทรงรบเป็นชิ้นๆได้แต่ก็ต้องข่มเอาไว้เอาคืนทีหลัง"อืม...เตรียมตัวรอได้เลยอาทิตย์หน้าผมจะแห่ขันหมากไปขอคุณ"ทรงรบเอ่ยตามหลังพิมพรรณด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความอารมณ์ดีเป็นพิเศษ"รีบๆล่ะฉันรออยู่"พิมพรรณหันมาชี้หน้าชายหนุ่มและหันหลังเดินออกไปต่อ พ่อเลี้ยงหนุ่มอมยิ้มตามหลังหญิงสาวความพยศของเธอนี่แหละที่ทำให้เขาชอบมองเธอและสร้างข้อผูกมัดบ้าๆนี้ขึ้นมา"อีพ่อเลี้ยงบ้าคุณได้เจอฉันแน่คอยดูสิ"เมื่อพิมพรรณขึ้นมานั่งบนรถได้เธอก็บ่นอุกอย่างเจ็บใจในเมื่อเขาเอาเรื่องใหญ่อย่างเรื่องแต่งงานมาล้อเล่นกับเธอตัวเธอก็จะทำให้รู้ว่าไม่ควรมาเอาชนะกันด้วยวิธีนี้"อะไรนะตกลงแต่งงานเหรอ""ค่ะ...พ่อเลี้ยงทรงรบกับฉันต้องเจอกันสักตั้ง"พิมพรรณกลับมาที่บ้านบอกเรื่องราวทั้งหมดกับพัชรินทร์ทำเอาพัชรินทร์เองเริ่มกังวลไม่น้อยคิดว่าเรื่องนี้มันจะไม่จบแค่แต่
กรุงเทพมหานคร“ส่งของขวัญไปหรือยัง”อคิณที่กำลังนั่งดื่มอยู่ในห้องทำงานเขารู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของทรงรบเพื่อนของเขาแต่ที่ไม่อยากไปด้วยตัวเองก็เพราะสภาพจิตใจยังคงไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงส่งคนไปให้ของขวัญและอยู่ร่วมงานแทนทรงรบกับอคิณเรียนรุ่นเดียวกันในมหาลัยตอนเรียนทั้งคู่สนิทกันมากพึ่งจะมาห่างกันก็ช่วงที่ต่างคนต่างต้องรับผิดชอบหน้าที่การงานของตัวเองคราแรกเขายังคิดว่าทรงรบจะแต่งงานทีหลังเขาด้วยซ้ำเพราะไม่เห็นว่าจะมีสาวคนไหนเข้าตาทรงรบสักคนแต่กลับเป็นเขาที่ยังไม่ได้แต่งเพราะว่าที่เจ้าสาวที่ขอเอาไว้กลับไม่ซื่อสัตย์ต่อเขานั่นเอง“คนของเราส่งเรียบร้อยแล้วครับแล้วก็เก็บภาพบรรยากาศในงานแต่งมาด้วยครับ”มารุตรีบส่งไฟล์รูปงานแต่งของทรงรบให้อคิณทันทีที่เขารีบให้อคิณดูเพราะมีบางอย่างที่อคิณน่าจะอยากรู้“ฉันขอดูหน้าเจ้าสาวเพื่อนฉันหน่อยซิ...นี่มัน”อคิณเปิดไฟล์รูปดูในโน๊ตบุ๊คครู่หนึ่งเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเจ้าสาวของทรงรบคือพิมพรรณพยาบาลที่เขาเคยจ้างให้เฝ้าพัชรินทร์แถมคนที่ยืนยิ้มข้างๆบ่าวสาวนั้นยังเป็นพัชรินทร์“ครับเธออยู่ที่นั่นตอนนี้เธอก็มีลูกแฝดผู้หญิงวัยเก้าเดือนกว่าแล้วด้วยครับ”เรื่อง
“แอ้..แง้งงงง”อคิณรวบลูกของเขาทั้งสองออกจากอกพัชรินทร์ทั้งที่เจ้าแฝดสองคนกำลังร้องให้โยเยอยู่“เอาลูกพัชมานะ”พัชรินทร์เสมือนถูกควักหัวใจออกจากอกเมื่ออคิณแย่งลูกของเธอไปต่อหน้าต่อตา“คนอย่างเธอไม่สมควรจะเป็นแม่ของลูกฉัน”อคิณส่งลูกของเขาให้มารุตและหันมาชี้หน้าหญิงสาวตะคอกใส่เธอเสียงแข็งปังง“จะพาลูกพัชไปไหน” อคิณปิดประตูเมื่อเห็นว่าพัชรินทร์กำลังจะวิ่งตามมารุตที่อุ้มเด็กๆออกไป“ลูกเธอก็ลูกฉัน”"ปล่อยพัชกับลูกไปนะคะ"หญิงสาวนั่งฟุบลงกับพื้นยกมือไหว้ชายหนุ่มด้วยน้ำตาพัชรินทร์เห็นชัดเจนแล้วว่าอคิณต้องการจะพรากลูกไปจากเธอบาดแผลในใจครั้งนี้มันเจ็บกว่าครั้งที่ถูกเขาทารุณก่อนหน้าด้วยซ้ำ"เซ็นยกมรดกของเธอให้ฉันแล้วฉันจะปล่อยเธอ"อคิณรีบหยิบเอกสารในมือให้หญิงสาวเซ็นเพราะเขาไม่ต้องการให้สมบัติของแม่เขาตกไปอยู่กับพัชรินทร์แม้แต่ชิ้นเดียว"เรียบร้อยค่ะขอลูกคืนให้พัชนะคะ"พัชรินทร์รีบหยิบเอกสารนั้นมาเซ็นอย่างลวกๆไม่ว่าเขาจะให้เธอทำอะไรเธอทำทั้งนั้นขอแค่เขาคืนลูกของเธอมาเท่านั้น"ฉันบอกว่าฉันจะปล่อยเธอไม่ใช่ปล่อยลูกในเมื่อเด็กสองคนนี้เป็นลูกของฉันเค้าก็จะต้องได้อยู่กับฉัน""ไม่นะคะเอาลูกพัชคืนมาพ
เช้าวันต่อมา"แค่นี้ถึงกับไข้ขึ้นเลยหรือไง"อคิณตื่นขึ้นมาในตอนเช้าบนโซฟาข้างเตียงนอนที่มีพัชรินทร์นอนอยู่เขาเห็นหญิงสาวนอนตัวขดสั่นเทาเล็กน้อยจึงใช้หลังมือสัมผัสหน้าผากมนวัดไข้ดูจึงรู้ว่าเธอตัวร้อนเขาจึงจำต้องหาผ้ามาเช็ดตัวให้เธอเพราะที่นี่ไม่มียาแก้ไข้"ลูกพัช.. เอาลูกพัชคืนมา.."พัชรินทร์ยังคงละเมอเป็นเรื่องลูกแม้เธอจะละเมอแต่ความเจ็บปวดในใจก็ทำให้เธอร้องให้ออกมาในขณะที่ไม่รู้ตัว"เธอยังต้องทรมานกว่านี้อีกหลายเท่าพัชรินทร์"อคิณมองร่างบางอย่างสมเพชยิ่งเขาเห็นหน้าของเธอเรื่องของแม่เขาก็ยิ่งผุดขึ้นมาในหัวพร้อมความเจ็บปวดและเขาจะทำให้หญิงสาวเจ็บปวดกว่าเขาหลายเท่าจากที่เขาได้รับบ้านอิทธิกร"ป้านวลครับยังไงรีบหาคนมาช่วยดูแลหลานผมด่วนเลยนะครับ"อิทธิกรโล่งใจที่ศรีนวลแม่บ้านของเขาเลี้ยงหลานของเขาทั้งสองได้เป็นอย่างดีทั้งรีบให้ศรีนวลหาคนมาช่วยอีกแรงเพราะเจ้าแฝดทั้งสองนั้นค่อนข้างซนกันแล้วในช่วงวัยนี้"ค่ะคุณกร""แอ้.. ๆๆ.. หม่ำๆ"เจ้าสองแฝดที่นั่งตัวกลมอยู่บนพื้นเห็นถ้วยข้าวในมือศรีนวลก็นั่งจ้องกันตาเป็นมันทั้งปากก็เอ่ยขอกันสลับกันไปมาจนศรีนวลอดขำไม่ได้"คุณหนูท่าจะทานเก่งกันทั้งคู่เลยนะค
โรงแรมxxx"ที่แท้ก็ทะเลาะกับว่าที่เจ้าบ่าว" ก้องเกียรติพากิ่งแก้วขับรถมาที่โรงแรมม่านรูดก่อนจะลงจากรถกิ่งแก้วก็ระบายเรื่องที่อยู่ในใจให้ก้องเกียรติฟังจนหมด"ฉันกำจัดแม่เค้าได้แล้วจะไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน" กิ่งแก้วเอ่ยเสียงแข็งเธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่สุขสบายเมื่อลงทุนมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจะไม่ยอมปล่อยให้อคิณหลุดมือไปง่ายๆ"ทีหลังคุณก็อย่ามักมากนักสิ" ก้องเกียรติรู้ดีว่าอดีตคนรักของเขานั้นมีความต้องการมากแค่ไหน"ฉันก็ขี้เบื่อเหมือนกันนะ" กิ่งแก้วเอื้อมมือไปลุบไล้แผงอกของก้องเกียรติแม้จะเคยๆกันมาก่อนแต่เมื่อห่างกันไปนานๆเธอก็มีความตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อยเหมือนกัน"มาสนุกกันดีกว่านะหวังว่าการห่างของเราจะทำให้คุณคิดถึงผมบ้างนะ" ก้องเกียรติรีบเปิดประตูรถและอุ้มร่างบางไปสนุกกันในห้องโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังปล่อยความลับที่ปกปิดมานานให้เปิดเผยสามวันต่อมา"เป็นแบบนี้นี่เองเลวที่สุด" อิทธิกรนั่งกำมือแน่นหลังจากที่ได้หลักฐานจากนักสืบที่เขาจ้างให้ตามดูก้องเกียรติแต่ใครจะไปรู้ว่าเรื่องนี้กิ่งแก้วเป็นคนจัดการสั่งทุกอย่างทั้งหมด"นี่ยังติดต่ออคิณไม่ได้อีกหรือไง" ทศพลเอ่ยข
"ทำไมไม่เอาไว้บ้านแกล่ะ"อคิณเท้าเอวมองหน้าอิทธิกรเขาไม่ได้มีเวลาจะมาดูแลลูกของเขาสักเท่าไรอีกอย่างวันนี้เขาก็ต้องรีบกลับไปที่เกาะด้วย"อ้าว..ก็ลูกพี่"อิทธิกรทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่ออุ้มเจ้าก้อนทั้งสองอกมาทักทายพ่อตัวเองเสียหน่อย"แอ้..ๆ"เมื่อเจ้าแฝดทั้งสองเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาใหม่จึงมองหน้ากันทั้งขมวดคิ้วสงสัยด้วยท่าทางน่าเอ็นดู"ไปหาคุณพ่อนะครับน้ำเมย"อิทธิกรส่งน้ำเมยให้อคิณได้อุ้มอย่างปฏิเสธไม่ได้"แอ้..ๆหม่ำๆๆ"เจ้าก้อนเงยหน้ามองคนที่อุ้มก็ยกมือป้อมทั้งสองจิกไปที่ผมของคนเป็นพ่อทั้งหม่ำๆเกร็งปากด้วยความหมั่นเขี้ยว“หิวจนจะหม่ำพ่อเข้าไปแล้วเหรอ”อคิณเห็นท่าทางเช่นนั้นของน้ำเมยเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแกมหยอกพร้อมแสดงน้ำเสียงอ่อนโยนเล่นกับลูกสาวตัวกลมของเขาอย่างไม่รู้ตัวมันเป็นไปเองอัตโนมัติเพราะความน่ารักไร้เดียงสาของลูกสาวของเขานั่นเองท่าทีอคิณตอนนี้ทำเอาอิทธิกรถึงกับมองตาค้างเพราะไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาเล่นเสียงสองแบบนี้มาก่อนแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีแล้วตอนนี้เขาก็พร้อมจะบอกความจริงเรื่องอุบัติเหตุที่พรากชีวิตแม่ของเขาไปแล้วด้วยหวังว่าพี่ชายของเขาจ