เลยยามเว่ยแล้วเมื่อฉู่ซีเย่กลับมาที่จวนด้วยรถม้า
เสียงฝีเท้าของบ่าวรับใช้ทำนางตื่น ทุกคนในจวนเริ่มงานเพื่อรับรองฉู่ซีเย่อย่างเป็นระบบและชำนาญการ ไม่มีขาดตกบกพร่อง “เขากลับมาแล้ว” เหยาอี้เหยาหยิกเนื้อตัวเองให้ตื่นเต็มตา จัดเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้พร้อมแล้วรีบถือโคมไฟออกมารอเขาที่ประตูด้านนอกจวน ระหว่างนั้นนางปั้นหน้ายิ้มแย้ม จัดระเบียบความเรียบร้อยของเสื้อผ้าให้สะอาดสะอ้าน ไม่นานฉู่ซีเย่ก็เดินผ่านเงาพระจันทร์มาให้เห็น กลิ่นหอมของสมุนไพรและสุราโชยมากับสายลม ไอความแข็งกร้าวที่อาบไล้ตัวเขาพาลให้นางรู้สึกหวั่นกลัวอยู่บ้าง “ซื่อจื่อ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” เหยาอี้เหยาเก็บอาการสีหน้าไม่อยู่ ราวกับสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ ที่ตื่นเต้นเสียเต็มประดาเมื่อเจ้าของกลับมาบ้าน แต่ในนั้นก็เจือความกลัวไว้ชั้นหนึ่ง “อืม” ฉู่ซีเย่รับรู้ถึงนางก่อนแล้วจึงไม่แปลกใจอะไร ในมือเขาถือขวดสุรา พอเห็นนางก็โยนให้ถือโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า เหยาอี้เหยาผวารับขวดสุราจนตัวเซ “ห้ามทำตก ไม่งั้นข้าจะให้เจ้าชดใช้” “เจ้าค่ะ” นางกอดขวดสุราแนบอกในทันที สุราชนิดนี้แพงมาก ขืนตกไปคงชดใช้ไม่ไหว “เจ้ามาทำอันใดตรงนี้” “ข้าน้อยมารอท่าน” “รอ? ทำไม” ฉู่ซีเย่เดินไม่รอ ท่อนขาเขาเหยียดยาวเหมือนต้นไผ่ นางก้าวสามก้าวถึงจะเท่าเขาก้าวหนึ่งครั้ง “ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะปรึกษากับท่าน หากท่านพอมีเวลาฟัง…” เหยาอี้เหยาวิ่งตามหลังเพื่อให้ทัน มือหนึ่งถือโคมไฟ มือหนึ่งถือสุรา ส่วนเขาเหมือนลอยลิ่วๆ มุ่งหน้ากลับเรือน “พูดสิ ตอนนี้มีเวลา” งั้นท่านก็หยุดสักหน่อยซี “ซื่อจื่อ ท่านเดินเร็วยิ่ง ข้าจะตามไม่ทันแล้ว” ความจริงคือข้าตามไม่ทันแล้ว “เจ้าช้าเองหรือไม่"เขาปรายตามองเงียบๆ “นี่ข้าน้อยวิ่งแล้วนะ” “ตกลงธุระของเจ้าคืออันใด” “เรื่องนั้น ท่านคงไม่ลืมกระมังว่าข้าน้อยต้องขอนอนหลับกับท่านด้วย แน่นอนว่าข้าน้อยไม่บังอาจล่วงเกินท่าน ก่อนหน้าทั้งชีวิตก็ไม่คาดฝันว่าจะต้องทำเช่นนี้ แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องทำจริงๆ หวังว่าซื่อจื่อจะ…โอ๊ย!” ฉู่ซีเย่ราวกับกลั่นแกล้งนาง อยู่ดีๆ ก็หยุดเดินจนนางหยุดเท้าไม่ทัน ในเวลาที่เกือบจะพุ่งชนเขา ปลายนิ้วชี้ของเขาก็ดันหน้าผากนางให้ถอยห่างไปหลายฉื่อ “ซื่อจื่อ ข้าเจ็บนะ” หน้าผากนางร้อนผ่าว ส่วนคนลงมือยืนทำหน้าเรียบๆ แต่นัยน์ตายิ้มร้ายอยู่ตรงนั้น เขาจงใจตีนางแน่! “เจ็บรึ” สีหน้าฉู่ซีเย่พอใจยิ่ง มีความร้ายกาจเหมือนคนชอบกลั่นแกล้งผู้อื่นรอบกาย “ไม่มากเจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยานับก้อนหิน ไม่อาจเผยสีหน้าไม่พอใจ “ซื่อจื่อ คืนนี้ข้าน้อยอยากขอนอนหลับกับท่าน” “ไม่ใช่ว่าไม่ได้” “ท่านอนุญาตแล้ว งั้นข้าจะไปนำผ้าห่มมาเดี๋ยวนี้” นางลิงโลด แต่ถูกคนสกัดดาวรุ่ง “เดี๋ยว” ฉู่ซีเย่ดึงขวดสุรากลับมาจากอ้อมแขนนางอย่างรวดเร็ว “แต่คืนนี้ข้าไม่สะดวก” “เช่นนั้นท่านสะดวกเมื่อใด” “เมื่อข้าสะดวก” เหยาอี้เหยาคิดไว้บ้างว่าคนที่เกิดและเติบโตมาอย่างฉู่ซีเย่ ย่อมไม่อาจยอมรับการรบกวนของนางเช่นนี้ได้ แต่นางต้องการเขา นางต้องการพื้นที่ข้างๆ ตั่งเตียงของเขา! “ท่านรังเกียจข้า ข้าเข้าใจ” “เช่นนั้นก็ดี” ฉู่ซีเย่ไม่ฟังนาง เดินข้ามประตูอย่างไม่ใส่ใจ บ่าวรีบใช้เปิดประตูให้ผ่านเข้าไปด้านใน เหยาอี้เหยาเป็นคนนอก ไม่มีคำสั่งเขาย่อมไม่สามารถเข้าไปในห้องส่วนตัว นางจึงทำได้เพียงยืนอยู่ด้านนอก แล้วพูดกับเขาอย่างว้าวุ่น “ซื่อจื่อเย่ ข้าน้อยทราบว่าสิ่งนี้รบกวนท่านอย่างยิ่ง ความจริงข้าเองก็เกรงใจยิ่ง ดังนั้นจึงคิดว่า ยิ่งทำให้เรื่องนี้จบเร็วเพียงใด ก็ยิ่งดีทั้งต่อท่านและข้าไม่ใช่หรือ ซื่อจื่อ ท่านได้โปรดฝืนใจให้ข้านอนด้วยสักคืนสองคืนเถอะนะ แต่ถ้าหากคืนนี้ไม่ได้ เช่นนั้นเป็นคืนอื่น ท่านกำหนดวันมาได้เลย ข้าพร้อมเสมอ” การนอนหลับกับเขาสามารถถอนพิษจนหายดีได้ นางจึงอยากเริ่มเร็วๆ เวลาที่เหลือ นางจะได้เอาไปสืบเรื่องท่านตาต่อ ไม่ต้องมาคอยระวังเรื่องพิษกำเริบ เพราะเอาเข้าจริงๆ การต้องกินยาทุกๆ เดือนจากมือฉู่ซีเย่ ทำให้นางไปไหนไม่ได้ “คุณหนูเหยา ข้าบอกแล้วว่าไม่สะดวก เจ้าจะมาบีบคั้นข้าเช่นนี้เพื่ออะไร” สุ่มเสียงนั้นราบเรียบยิ่ง แย่แล้ว สวรรค์กำลังไม่พอใจ! “ไม่ๆ ข้าน้อยไหนเลยจะกล้าบีบท่านกัน ท่านโปรดให้ข้าน้อยอธิบาย” นางมือเท้าพันกันทั้งๆ ที่เขาไม่มีทางมองเห็น ในหัวคิดอย่างหนักว่าได้ไปบีบคั้นเขาเมื่อใด นางไม่กล้าจะทำเขาไม่พอใจด้วยซ้ำ "อย่างนั้นรึ" "ถ้าข้าน้อยทำท่านขุ่นข้อง ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ" เทียนในห้องถูกจุดขึ้นมา เหยาอี้เหยาเดินเลียบไปตามระเบียง ตามเงาที่เห็น สมองพยายามเค้นหาคำพูดดีๆ “ซื่อจื่อ ข้าน้อยหาได้มีเจตนารบกวนหรือทำท่านไม่พอใจ แต่ท่านคิดดู การที่ท่านต้องลำบากตรากตรำเพื่อเลี้ยงแมลงคุณไสยปรุงยาระงับพิษให้ข้า ไม่ใช่เป็นเรื่องเหน็ดเหนื่อยสิ้นเปลืองสมองหรือ แต่หากข้าหายดี ท่านก็ไม่ต้องเหนื่อยอีกแล้ว อีกทั้งการช่วยเหลือข้าน้อยในครานี้ คือกุศลผลบุญครั้งใหญ่ ชั่วชีวิตนี้ของข้าน้อยจะจดจำไม่มีทางลืมเด็ดขาด” “เจ้าอยากแบ่งเบาภาระข้า?” “เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” เขาจะไม่ต้องลำบากเพื่อนางอีก ถ้านางหายดีแล้ว “คุณหนูเหยา เช่นนั้นเจ้าเข้ามา” “รับทราบเจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยาตรงเข้าไปด้านในห้องของเขา เพียงผ่านฉากกั้นเข้าไปก็พบกับบรรยากาศอันแปลกพิกล ซึ่งนางอธิบายไม่ถูกว่าเกิดขึ้นจากสิ่งใด จะเป็นเพราะฉู่ซีเย่ซึ่งนั่งเผยชุดตัวในอย่างไม่เรียบร้อย หรือจะเป็นเพราะสายตาของเขาซึ่งกำลังจดจ้องมองนางอยู่ เหยาอี้เหยาทำเป็นไม่รู้สึก ทว่าเวลาผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว นางยังถูกเขามองอยู่ตลอดจนทนไม่ไหวจริงๆ “ซื่อจื่อ ท่านมองข้ามีอะไรหรือไม่” นัยน์ตาของฉู่ซีเย่มีพลังงานซึ่งยากจะต่อกร เพียงเขามองมานิ่งๆ ก็ชวนให้คนเริ่มพิจารณากับตนเองแล้วว่าข้าคือใคร มีหน้ามานั่งต่อหน้าคนเช่นเขาหรือ “คุณหนูเหยา ปีนี้เจ้าสิบสี่กระมัง” ฉู่ซีเย่ลงมืออุ่นสุรา แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงถามเรื่องอายุ แต่นางก็ตอบ “เจ้าค่ะ” “เจ้ามีคู่หมายหรือไม่” “ไม่มีเจ้าค่ะ” เมื่อก่อนนางหมั้นหมายไว้กับคุณชายหลี่ ทว่าหลังเหตุการณ์ซึ่งพาให้สกุลเหยาตกต่ำ นางก็ถูกถอนหมั้นไปแล้ว “คนรัก คนชอบ มีบ้างหรือไม่” “เรื่องนั้น ก็ไม่มีนะเจ้าคะ” นางเติบโตที่นอกด่าน สภาพแวดล้อมที่นั่นไม่เอื้อให้มีชีวิตรอด นางต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากยากเข็ญ จะเอาเวลาที่ไหนสนใจเรื่องพวกนี้ “ซื่อจื่อท่านถามเรื่องพวกนี้ไปเพื่ออันใด” “ข้าจำเป็นต้องรู้” ฉู่ซีเย่รินสุรา ให้ตนเองหนึ่งจอกให้นางหนึ่งจอก “จำเป็นหรือเจ้าคะ” ถ้านางเป็นเขา นางคงจะถามเช่นว่า เจ้าเป็นเหาหรือไม่ เป็นเกลื้อนหรือเปล่า นอนกรนไหม หรือนอนดิ้นเสียมากกว่า ฉู่ซีเย่เลื่อนจอกสุราให้นาง “คุณหนูเหยา เจ้ายืนยันอยู่อีกหรือไม่ว่าต้องการนอนกับข้า” “แน่นอนเจ้าค่ะ” “เจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง” “เจ้าค่ะ!" ฉู่ซีเย่พยักหน้าว่าตกลงตามนี้ เขาผลักโต๊ะซึ่งขวางกั้นระหว่างนางและเขาออกไป ยื่นมือออกมารั้งตัวนาง งอนิ้วมือเพียงเล็กน้อยก็กุมเอวบางให้แนบชิด สองขานางถูกเข้าคร่อมไว้ “ทะ…ท่านทำอะไร” เหยาอี้เหยาไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจ อยู่ดีๆ นางก็ถูกฉู่ซีเย่กดไว้ใต้ร่าง ต่อให้นางจะซื่อเพียงใด ก็ไม่ขนาดที่จะไม่เข้าใจสถานการณ์ในขณะนี้ "เจ้าบอกจะนอนกับข้า" "ไม่สิ..." “นอนกับข้า คือเจ้าต้องเป็นของข้า” ดวงตานางเบิกกว้าง สมองนางเหมือนเริ่มทำงาน ในชั่วพริบตาเดียวก็เข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมานางเข้าใจผิดมาตลอด ที่แท้การนอนกับฉู่ซีเย่ คือนางต้องนอนกับเขาจริงๆ! “ปล่อยข้า” เมื่อตื่นรู้แล้ว นางก็ไม่นิ่งเฉย พยายามจะหลุดออกจากนิ้วมือของฉู่ซีเย่ แต่เขาไม่ปล่อย เขาอยากจะแน่ใจว่านางได้เข้าใจในทุกสิ่งแล้ว “ตอนนี้เจ้าเข้าใจคำว่า 'นอน' แล้วใช่หรือไม่” กลิ่นสุราในตัวของฉู่ซีเย่โชยเข้าจมูก ไหนจะนิ้วมือเรียวซึ่งกำลังกดตัวนางอยู่ ให้ความรู้สึกชนิดหนึ่งที่นางอยากจะรับไหว “ข้าเข้าใจ…ท่านปล่อยข้าเถอะ” ฉู่ซีเย่ปล่อยนาง ทันทีที่เป็นอิสระ เหยาอี้เหยาก็รีบลุกขึ้นมานั่งห่างๆ ทำใจอยู่ครู่หนึ่งเพื่อจัดระเบียบสติที่หล่นหายไปเมื่อครู่ ทว่าไม่ได้ สมองนางกำลังวุ่นวายยิ่ง “ข้าน้อยนึกว่าแค่นอนหลับด้วยกัน” นางไม่เคยคิดถึงเรื่องทำนองนี้มาก่อน มิน่าเล่า วันนั้นผู้อาวุโสฉู่ ถึงทำสีหน้ายากจะเอ่ยคำ เพราะวิธีนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด นอนกับเขาหรือ? นางไม่กล้า… ทำไม่ได้ บ้าจริง อยู่ดีๆ นางก็อยากหันหลังแล้ววิ่งหนีไปเสีย ฉู่ซีเย่คิดไว้แล้วว่านางต้องมีท่าทีเช่นนี้ เขาจึงบอกนางก่อน ไม่อยากให้นางรอดตายจากพิษแมลงคุณไสยเพื่อมาตายทั้งเป็นกับความเสียใจที่ทำลงไปในวันนี้ ทว่าลึกๆ เขาก็ไม่สบอารมณ์...อย่างไร้สาเหตุ “คุณหนูเหยา เจ้ามีเวลาหนึ่งปี คิดให้รอบคอบเถอะ แล้วค่อยมาหาข้า” สุ่มเสียงเขาเหมือนไม่พอใจอยู่บ้าง นางจึงรีบอธิบาย “ซื่อจื่อ ข้าน้อยไม่ได้รังเกียจท่านแต่อย่างใด เพียงแต่เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ยากจะไม่ตกใจ” นางไม่ได้ลังเลเพราะรังเกียจเขา เพียงแต่เรื่องนี้กะทันหันเกินไป หากให้เวลานาง นางคงจะทำได้ “…ข้าน้อยต้องการเวลา” “คุณหนูเหยา แม้ข้าจะรับปากช่วยเจ้า แต่ทุกอย่างย่อมมีสิ่งที่เรียกว่าความเกรงใจ เจ้าคงไม่คิดจะใช้เวลานานหรอกกระมัง” ยิ่งนาน นางจะยิ่งกลัว เขาจึงอยากจะกระชับเวลาหน่อย เหมือนที่นางบอก ยิ่งจบเรื่องนี้เร็วเท่าไหร่ ทั้งนางและเขา ก็ไม่ต้องลำบากอีก “ไม่เกินสามเดือนเจ้าค่ะ” “ตามใจ ข้าเองไม่ใช่พวกวิปริต ไม่ชอบข่มเหงรังแกคน ตราบใดที่เจ้าไม่ยินยอม ข้าจะไม่แตะต้องเจ้า” “ซื่อจื่อ ขอบคุณท่านที่จริงใจต่อข้า” เหยาอี้เหยายอบตัวลงคุกเข่าโขกศีรษะให้เขาอย่างซาบซึ้ง “ข้าน้อยรบกวนท่านมากแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวเจ้าค่ะ” “ไม่ส่ง" "ข้าน้อยไม่กล้าให้ท่านส่งหรอกเจ้าค่ะ"เหยาอี้เหยาจากไป นางถือโคมไฟฝ่าอากาศหนาวกลับเรือน ความจริงที่ได้รู้เหมือนจะทำให้สตินางหายไปบ้าง แต่พรุ่งนี้คงจะตั้งสติได้ ฉู่ซีเย่ปิดประตูลง หิมะโปรยปรายลงมาอย่างแช่มช้าทั้งคืนเสียงเคาะประตูดังอยู่ด้านนอก สาวรับใช้ประจำเรือนร้องบอกให้นางตื่นได้แล้ว เหยาอี้เหยาไม่อยากตื่น นางจึงพลิกตัวไปด้านข้างแล้วตลบผ้าห่มคลุมตัว ทว่าสาวรับใช้ได้เปิดประตูเข้ามาดึงนางลุกขึ้นจากเตียง‘ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะไม่ทันนะเจ้าคะ’‘ข้าอยากนอนต่ออีกหน่อย’ เหยาอี้เหยาเอนตัวนอนลงอีกรอบอย่างง่วงงุน‘ไม่ได้นะเจ้าค่ะ รีบตื่นเถอะเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันการณ์’ สาวรับใช้ดันหลังเหยาอี้เหยาขึ้นจากเตียง พวกนางหิ้วปีกนางออกไปยังนอกเรือน‘เดี๋ยวก่อน นี่พวกเจ้าจะพาข้าไปที่ใด’ เหยาอี้เหยาเอ่ยถาม พวกนางส่งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย ก่อนจะผลักนางเข้าไปยังที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับเรือนของฉู่ซีเย่ไม่มีผิด‘ที่นี่คือ…’‘คุณหนู ได้เวลานอนกับซื่อจื่อเป็นคืนแรกแล้วเจ้าค่ะ’ ทั้งสองปิดประตูใส่นางที่กำลังยืนมึนงง สภาพแวดล้อมเหมือนหมุนได้ พริบตาเดียวนางก็มาอยู่ในห้องนอนแล้ว‘ไม่นะ ให้ข้าออกไป’ เหยาอี้เหยารีบพุ่งตัวไปที่ประตู ทว่าไม่สามารถเปิดได้ นางจึงงัดอย่างแรง ใช้สองมือระดมทุบเพื่อให้ประตูเปิด ก่อนที่แผ่นหลังจะรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตสายหนึ่ง ครั้นนางหันมามอง ก็เห็นฉู่ซีเย่ที่ยืนอยู่ห่างจากนาง
ประตูปิดลง ลมหนาวด้านนอกถูกประตูต้านเอาไว้ ไม่ให้ย่างกรายเข้ามาได้ตามใจ“เมื่อครู่เจ้าพูดจาไม่ถนอมน้ำใจนางเลย” เจ้าเมืองฉู่นั่งลงข้างเตาผิง มือหยิบถ่านเข้าเตาผิง “นางจะเสียใจได้”“ท่านเอ็นดูนางมากหรือ” ฉู่ซีเย่หยักไหล่ไม่ใส่ใจ จิบสุราอุ่นของอำเภอหงชุ่นที่ขึ้นชื่อที่สุด“เจ้าก็เช่นกันไม่ใช่หรือ” หาไม่แล้ว คนอย่างฉู่ซีเย่จะมอบเสื้อคลุมกันหนาวขนมิงค์ให้นางหรือ แม้จะใช้วิธีซับซ้อนอย่างการให้เขามอบต่อให้กงจิ้งแต่ก็เพราะรู้ว่าท้ายที่สุด เสื้อตัวนี้จะต้องกลับมาหานางแน่ไม่ใช่หรือฉู่ซีเย่เปลี่ยนเรื่องดื้อๆ “ไม่เช้าแล้ว ไปวัดกันเถอะท่านพี่”“จุดประสงค์คือไปวัดแน่หรือ”“ย่อมไม่ใช่”“วัดนั้นมีปัญหา”ฉู่ซีเย่ตอบ “ข้าหวังว่าจะไม่มี”เหยาอี้เหยาถูกฉู่ซีเย่ไล่ออกมาจากห้องโถงด้วยความเย็นชา นางจึงต้องมายืนหนาวรออยู่ด้านนอกตรงลานจอดรถม้า ยังดีที่คนของเจ้าเมืองฉู่นำเตาอุ่นมาให้นางกอด อีกทั้งเสื้อคลุมขนมิงค์ยังกันลมได้ดี นางจึงนั่งรอได้ไม่เดือดร้อนกับความหนาวแต่รอไปรอมานางก็หิว ความจริงเวลานี้นางยังไม่ทานอาหารเช้าหรอก ทว่าเมื่อวานนางทานข้าวเย็นเสียที่ไหน ตอนนี้จมูกได้กลิ่นขนมแป้งเคลือบน้ำผึ้ง น้ำย่อยใน
เหยาอี้เหยากลับมาที่จวนกับจินเฟยก่อนเพื่อรักษาจางลี่ท่านหมอให้ความเห็นว่าบาดแผลตรงศีรษะของจางลี่สาหัสยิ่ง อีกทั้งนางยังเสียเลือดมากจนร่างกายช็อก ไม่มีวิธีการเพื่อยื้อชีวิตนางได้แล้ว ท่านหมอจึงออกมาบอกกับเหยาอี้เหยาว่าจางลี่คงอยู่ได้ไม่พ้นคืนนี้ หากมีเรื่องใดก็ให้นางเข้าไปพูดตอนนี้เสียเหยาอี้เหยาจึงเข้าไปหาจางลี่ ในชั่วขณะหนึ่งนางแทบจะไม่อยากเชื่อว่าคนที่นอนหายใจแผ่วอยู่บนเตียงขณะนี้ คือจางลี่หลายวันก่อนนางยังสบายดี แต่ตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้แล้วใครกันที่ทารุณกับนางขนาดนี้“หนาวหรือไม่” นางหยิบที่คีบเพื่อส่งถ่านเข้าไปในเตา ให้ห้องพักรักษาตัวอันเย็นจัดได้อบอุ่นขึ้นมาบ้าง“คุณหนูเหยา…ท่านชิงชังข้าบ้างหรือไม่” สายตาจางลี่อยู่ที่นาง เคลือบทับไว้ด้วยความรู้สึกผิดชั้นหนึ่ง“ไม่เลย แค่โกรธนิดหน่อย” เหยาอี้เหยานั่งลงข้างเตียง ยื่นมือไปซับน้ำตาให้จางลี่อย่างอ่อนโยน“ข้าน้อยผิดต่อท่าน…” ความทรงจำเลวร้ายที่ตนทำกับนาง ไหลวนกลับมาเหมือนกระแสน้ำ น้ำตาจึงไหลออกมามากกว่าเดิม “ข้าน้อยไม่เคยดีกับท่านเลย แต่ท่านดีกับข้าเสมอ…”“ข้าอยากดีกับเจ้าให้มากกว่านี้” เหยาอี้เหยาจับมือนาง ยิ่งสัมผัสได้ถึงชีพจรอันเ
พิธีศพของจางลี่จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเหยาอี้เหยาสวมชุดป่านสีขาว ยืนอยู่เบื้องหน้าหลุมศพจางลี่ รอบข้างมีคณะทูตจากต้าหย่ง รวมทั้งจิ่งเถียนและพ่อบ้านซุนประจำสกุลฉู่มาร่วมงาน เนื่องจากจางลี่เป็นลูกกำพร้า ไม่มีครอบครัวหลงเหลืออยู่อีกแล้ว นางจึงขอให้ทางการอนุญาตให้ฝั่งร่างของจางลี่ในสุสานชาวเมืองโจวอี้ภายในวันนั้นเนื่องจากอีกไม่กี่วันจะถึงวันคล้ายวันเกิดของฉู่ซีเย่ คนทั้งเมืองจะจัดงานรื่นเริงงดเว้นงานสีดำ ดังนั้นนางจึงต้องรีบฝั่งจางลี่ก่อนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางจึงเดินกลับจวนสกุลฉู่พร้อมกงจิ้ง ซ่างเจวี๋ยและลู่หมิง ส่วนพ่อบ้านซุนและจิ่งเถียนตามอยู่ข้างหลังไกลๆเหยาอี้เหยาเร่งฝีเท้าเพื่อเดินข้างกงจิ้ง นางมีเรื่องจะพูดกับเขา“แม่ทัพกง ท่านรู้จักคนที่ชื่อฟู่เจิ้งชิวมากแค่ไหน” ในอดีตกงจิ้งเคยสังกัดกองทหารของท่านตา อีกทั้งเขายังเป็นคนของราชวงศ์ มากน้อยแค่ไหนก็ต้องรู้เรื่องฟู่เจิ้งชิวมากกว่านางแน่“รู้จักเพียงผิวเผิน ไม่เคยพบหน้าเขา” เรื่องเล่าของฟู่เจิ้งชิวนั้นเขาเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง“ช่วยเล่าเรื่องของเขาให้ข้าฟังได้หรือไม่”“อืม ได้ยินว่าฟู่เจิ้งชิวเป็นเด็กกำพร้า ได้รับการเลี้ยงดูจากศา
“อื้อ! ปล่อยข้า” เหยาอี้เหยาประท้วง แต่ฉู่ซีเย่ไม่สะทกสะท้านต่อเรี่ยวแรงของนาง ยิ่งเมื่อพบว่าปากนางหวานล้ำจึงอยากชิมให้มากขึ้น หนทางที่จะปล่อยนางให้เป็นอิสระ ยิ่งน้อยลง ทว่าร่างกายของนางสั่นเทายิ่งจุมพิตของฉู่ซีเย่เนิ่นนานและทรมานนางอย่างยิ่ง เรียวปากบางถูกเขาดูดดึงจนบวมช้ำ ข้อมือบางถูกกุมจนขึ้นรอยนิ้วสีแดง ในสถานการณ์ที่นางต่อต้านไม่ได้ ขอบตาจึงร้อนผ่าวเวลานั้นฉู่ซีเย่มองเห็นหยาดน้ำตาชุ่มขนตางอนยาวก็คิดจะหยุด...แต่ไม่ได้หยุดทันทีเพราะเขาแค่คิดที่จะหยุดเท่านั้น“ข้าร้อนยิ่ง” ฉู่ซีเย่ถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากบางอย่างอ้อยอิ่ง นิ้วมือเรียวที่ราวกับไฟเกลี่ยไล่ปอยผมให้พ้นกรอบหน้า จมูกที่แดงจัดเพราะความหนาวทำให้นางยิ่งน่าทะนุถนอมไว้ในฝ่ามือจนเขาปวดใจที่เผลอลงมือหนักเมื่อครู่“ซื่อจื่อ...” เหยาอี้เหยาเบือนหน้าหนีริมฝีปากร้อนจัดของเขาเพื่อหายใจเอาอากาศเข้าปอด แผ่นหลังของนางติดกับขอบบ่อ สองมือที่พึ่งเป็นอิสระดันแผ่นอกที่แข็งดั่งกับก้อนหิน อีกทั้งยังร้อนลวกมือจนนางไม่กล้าแตะต้องมาก“กลัวข้าหรือ...”จมูกโด่งยังคงคลอเคลียแก้มนางไม่ห่าง พร้อมกอดรัดนางไว้อย่างแนบชิด เขารู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายตนเอง
หลังลงจากเขาแล้ว ฉู่ซีเย่สั่งให้คนพาตัวเหยาอี้เหยากลับจวนและหากไม่มีคำสั่งของเขา ห้ามนางออกจากจวนแม้ครึ่งก้าว ส่วนเขาเดินทางไปยังจวนเจ้าเมืองฉู่เพื่อสอบสวนฟู่เจิ้งชิวด้วยตัวเองฉู่ซีห่าวคอยอยู่แล้วเมื่อเขาไปถึง ทั้งยังสละเสื้อคลุมให้เขาอีกตัว แต่ตอนนี้ฉู่ซีเย่ร่างกายอบอุ่นยิ่ง ไม่ต้องการเสื้อคลุมใดๆ“ข้าไม่หนาว”“เจ้าทำให้ข้าเป็นห่วงแทบแย่” ฉู่ซีห่าวอดพูดไม่ได้“ข้าสบายดี” ฉู่ซีเย่แย้มยิ้ม กลิ่นกายหอมกรุ่นของนางยังคงติดจมูก น่าเสียดายที่เขากอดนางได้ไม่นานเท่าที่ใจปรารถนา “ท่านพี่ คนแซ่ฟู่ล่ะ”“อยู่ในคุกรอเจ้าแล้ว” ฉู่ซีห่าวพาเขาลงไปใต้ดิน ภายในคุกคุมกันแน่นหนาเพื่อไม่ให้ใครมาชิงฆ่านักโทษไปได้ รวมทั้งยังวางกำลังไว้จำนวนหนึ่งเพื่อจับตาดู จะได้ไม่มีเหตุการณ์ฆ่าตัวตายก่อนการสอบสวนทันทีที่ฉู่ซีเย่ปรากฏตัวขึ้น ฟู่เจิ้งชิวในชุดไต้ซือก็แสดงท่าทีตื่นตระหนกฉู่ซีเย่ไม่ได้เริ่มการสืบสวนทันที แต่เขาหันมาพูดกับฉู่ซีห่าวก่อน “จริงสิท่านพี่ ท่านเขียนจดหมายให้ท่านปู่ทราบแล้วหรือยัง”“ยังเลย”“เช่นนั้นระหว่างที่ข้าสอบสวนคนแซ่ฟู่ ท่านช่วยเขียนจดหมายถึงท่านปู่ได้หรือไม่”ฉู่ซีห่าวไม่ปฏิเสธ เขาคิดจะเขีย
เลยยามจื่อแล้ว เมื่อเหยาอี้เหยากับซ่างเจวี๋ยเดินเท้าถึงจวนเจ้าเมืองฉู่เพื่อพบหน้าฟู่เจิ้งชิวเป็นการส่วนตัว เวลานั้นเจ้าเมืองฉู่ซีห่าวไปจัดการคดีค้ามนุษย์ซึ่งเจ้าอาวาสหยูเม่ากับไต้ซือจอมปลอมอย่างฟู่เจิ่งชิวก่อขึ้น ดังนั้นจึงมีเพียงแม่ทัพจ้าวสือรอนางอยู่“เรียนแม่ทัพจ้าว ข้าน้อยมาขอพบนักโทษ”เหยาอี้เหยามอบจดหมายอนุญาตเข้าเยี่ยมนักโทษจากซื่อจื่อให้แม่ทัพจ้าวตรวจสอบความถูกต้อง"คุณหนูเหยามีจดหมายอนุญาตย่อมเข้าได้ เพียงแต่แม่ทัพซ่าง… ""ข้ารอที่นี้ได้" ซ่างเจวี๋ยพูดห้วนๆ"เช่นนั้นก็เรียบร้อย" จ้าวสือจึงให้เหยาอี้เหยาเข้าได้ “เนื่องจากนักโทษแซ่ฟู่มีความสำคัญต่อคดีมาก เลยไม่อาจให้พบหน้าได้นานนัก ขอคุณหนูโปรดเข้าใจ”“เข้าเยี่ยมได้นานเท่าใดหรือ”“ไม่เกินหนึ่งเค่อ”“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยาไม่ขอเวลาเพิ่ม“เชิญคุณหนูทางด้านนี้” จ้าวสือส่งที่ทางเข้า “อ่อ มีอีกเรื่องที่ต้องกำชับ ภายในมีกลไกป้องกันการบุกรุก ดังนั้นจึงไม่อยากให้คุณหนูแตะต้องสิ่งใดโดยไม่ได้รับอนุญาต”“รบกวนแม่ทัพจ้าวแล้ว” เหยาอี้เหยารับคำ สายตาสังเกตรองเท้าและรอยเปื้อนของชายเสื้อคลุมทหาร ร่องรอยดินโคลนสาดกระเซ็นขนาดนี้ แสดงว่าแ
หลังออกมาจากคุกใต้ดินที่ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ เหยาอี้เหยาตั้งใจเดินทางกลับจวนสกุลฉู่ทันที ทว่าเวลานั้นฝนหิมะโปรยปรายลงมาหนักหน่วงจนมืดฟ้ามัวดิน หากคิดจะเดินฝ่าพายุอันหนาวเหน็บ พรุ่งนี้นางต้องจับไข้แน่จ้าวสือที่เห็นว่าสภาพอากาศเลวร้าย เลยแนะให้นางอยู่ก่อน “ฝนหิมะตกหนักยิ่ง เกรงว่าคุณหนูเหยาอาจจะเดินทางกลับไปจวนไม่สะดวกนัก มิสู้รอสักครู่ ข้าจะให้คนไปเรียกเกวียนมาให้”จวนเจ้าเมืองกับจวนสกุลฉู่อยู่ไม่ไกลกันมาก แต่หากให้เดินตากฝนปนหิมะกลับไป เกรงว่าจะไม่ไหว ยิ่งรู้ว่าถ้ากลับไปต้องเจอออะไร นางก็ยิ่งหมดแรงยกเท้า“เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านแล้ว”“เป็นหน้าที่ คุณหนูอย่าได้เกรงใจ” จ้าวสือผายมือ “ระหว่างรอเกวียน เชิญคุณหนูและแม่ทัพซ่างพักผ่อนด้านนี้”“ไม่ลำบากท่านแม่ทัพจ้าว ข้าน้อยกับแม่ทัพซ่างขอยืนรอตรงนี้จะเป็นการดีกว่า “เหยาอี้เหยาพูดอย่างเกรงใจ ขณะนั้นเสียงรถม้าดังให้ได้ยินมาแต่ไกล คาดว่าคนในรถม้าคงเป็นเจ้าเมืองฉู่ แล้วก็เป็นเขาจริงๆเมื่อรถม้าจอดลงตรงประตูจวน ฉู่ซีห่าวในชุดคลุมเดินลงมาจากรถ ร่มกระดาษในมือไม่สามารถปกป้องเข้าจากสายฝนได้มากนัก ทำให้ร่างกายเปียกชื้น ซึ่งหากเป็นคนปกติทั่วไป เกรงว่าคง
ฤดูใบไม้ผลิของแดนเหนืออบอุ่นและงดงาม ต้นไม้ที่หลับใหลในฤดูเหมันต์ผลิใบอ่อน แสงแดดลอดเงาผ่านช่องว่างต้นถั่วแดงเข้ามาเป็นลำแสง ต้นถั่วแดงหงฉู่โตวเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาหลับใหลในฤดูหนาวเช่นกัน แต่เพราะมันเติบโตในแดนใต้ที่อากาศอุ่น ก่อนจะถูกขุดล้อมแล้วย้ายขึ้นมาที่เมืองโจวอี้ ต้นถั่วแดงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาก เหยาอี้เหยามักจะมารดน้ำต้นถั่วด้วยตนเอง นางจำได้ว่าช่วงสามปีแรก ต้นถั่วโตช้ายิ่ง จนกระถางเล็กๆ ยังโตไม่เต็ม ครั้นลงดินที่อำเภอซานถง เพียงไม่นานก็สูงเอาๆ แต่พอมาคิดดู เหยาอี้เหยาคิดว่าสาเหตุที่ต้นถั่วโตช้าตอนอยู่ในกระถาง เพราะพื้นที่ไม่พอ สารอาหารขาดแคลน พอได้รับแสงแดด สายลม พื้นที่เหมาะสม พริบตาเดียวก็สูงขึ้นจนต้องแหนหน้ามองแล้ว ร่มเงาของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกเป็นพุ่มงาม ใบไม้เสียดสีเบาๆ ราวกับกำลังอวยพรให้นาง เหยาอี้เหยาพนมมือรับพรด้วยน้ำตา แต่คำอวยพรบางอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้... “อยู่นี่เอง” ฉู่ซีเย่เดินเข้ามาบริเวณสวนดอกไม้ ตรงกลางมีต้นถั่วยืนต้นโดดเด่น ใต้ร่มเงามีหญิงงามในชุดผ้าคลุมตัวยาว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังสวมชุดฤดูหนาว “ท่านหาข้าอยู่หรือ” เ
เดินทางจากอำเภอซานถงถึงแดนเหนือใช้เวลาสองสัปดาห์ เหยาอี้เหยาตกลงใจใช้ชีวิตอยู่กับฉู่ซีเย่ บางวันหวานชื่น บางวันรักร้อนแรง หรือทะเลาะกันบ้าง เพราะนางอยากออกไปทำงานสำรวจสำมโนครัวแบบเมื่อก่อน เพราะอยู่เฉยๆ เบื่อเกินไปฉู่ซีเย่คัดค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากให้นางออกไปทำงานข้างนอก กลัวว่าจะมีคนมาชมชอบนาง ก็นางงามขนาดนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่มอง“แน่ใจนะว่าท่านไม่อนุญาต”“แน่นอน”“งั้นคืนนี้ท่านไปนอนที่อื่น”ฉู่ซีเย่ลุกพรึ่บ “ไม่ได้”“ได้ ก็นี่ห้องข้า เสียก็แต่ว่าท่านจะยึดคืน” เหยาอี้เหยาลุกขึ้น นางคว้าหมอนและผ้าห่มของฉู่ซีเย่ออกไปทิ้งด้านนอกห้อง“อี้เหยา” ฉู่ซีเย่ตามไปเก็บแล้ววางที่เดิม ก่อนจะประกาศก้อง “คืนนี้ข้าจะนอนที่นี้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่สิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นะ ยิ่งเจ้าของไม่อนุญาต ยิ่งไม่ได้”“แล้วไง ใครสน” ฉู่ซีเย่นั่งลงบนเตียง เขาเอนนอนเอาแขนชันศีรษะ “ข้าพอใจจะนอนที่นี้”“ก็ได้ งั้นข้าจะไปนอนที่อื่น” เหยาอี้เหยาเดินไปที่ประตู ฉู่ซีเย่ดีดตัวลุกขึ้นมาขวาง เขายืนขวางประตู ก่อนจะถอนหายใจ เขายอมถอยให้นาง“เอาล่ะ พอก่อน มาคุยกันดีๆ เถอะ”“ก็ได้” เหยาอี้เหยาเห็นเขายอมถอย นางก็ถอยหนึ่งก้าว “
“เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจสบายใจได้ ตราบใดที่มีเจ้า” หย่งสวินกล่าวอย่างลำบากใจ แต่ดวงตากลับเฝ้ารอ ในใจคงจินตนาการวันที่ได้ฆ่าฉู่ซีเย่มานับครั้งไม่ถ้วน“คนที่คิดจะฆ่าข้า ไม่ตายดีสักคน” ฉู่ซีเย่ไม่กลัวว่าหย่งสวินจะเอาดาบแทงตน เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างหย่งสวิน ไม่เล่นในเกมที่ตกเป็นรอง“เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นานๆ หน่อย จะได้รู้ว่าข้าจะได้ตายดีหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันนั้นแล้ว” หย่งสวินยกดาบขึ้น ก่อนจะฟันใส่แขนขวาจนขาด เขาส่งเสียงร้องโหยหวน“ช่วยข้าด้วย! ต้าเป่ยอ๋องจะสังหารข้า!”ประตูท้องพระโรงเปิดออกในยามรุ่งสาง ฉู่ซีเย่ถูกคุมตัวออกมามุ่งหน้าไปยังลานประหารในโทษฐานลอบทำร้ายประมุขของประเทศ ความรีบร้อนในการประหารเขาทันที เป็นความต้องการของหย่งสวินคลื่นลมในวังเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมั่นใจแน่แล้วว่าหย่งสวินจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป ด้วยไท่จื่อก็สิ้นแล้ว หย่งมู่ที่กลัวตายก็รีบหอบผ้าหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากังขาหรือคัดค้านแม้เพียงนิดที่หย่งสวินคิดจะสังหารฉู่ซีเย่อย่างไรก็ตาม การประหารใช่จะทำได้เลยในทันที เพราะความวุ่นวายจากทางฝั่งของคนสนับสนุนไท่จื่อก็ไม่ยินยอมเช่นกัน
“เจ้าไม่เป็นห่วงชายผู้นั้นของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นของกงจิ้ง ย่อมหมายถึงฉู่ซีเย่ “ได้ยินว่าทางวังกำลังเผชิญหน้ากับพายุใหญ่ ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นของเจ้า อาจพบอันตรายร้ายแรง”“ก็อาจจะพบอันตราย แต่ข้าไม่ห่วงมากเท่าไหร่” นางล้างผัก ท่าทีผ่อนคลายกงจิ้งทำหน้าประหลาด เหยาอี้เหยาดูไม่ร้อนใจเท่าที่ควร“สามปี” เหยาอี้เหยาพูดขณะมองตรงไปหน้าผืนนา “เขาใช้เวลาสามปีวางแผนแก้แค้น ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ต่อให้ถูกใครคิดปองร้าย ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของเขา”กงจิ้งมองนาง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง”“ความจริงข้าไม่เข้าใจเขาหรอก ใครจะกล้าพูดว่าเข้าใจเขาได้”กงจิ้งเห็นด้วย “ข้าแปลกใจเสมอที่รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชิงบัลลังก์"“ข้าไม่แปลกใจ”“เพราะอะไร” ขอเพียงมีใจนึกอยาก ไม่ใช่ว่าจะชิงมาไม่ได้“เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และยโสโอหังมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำสัตย์ยิ่งชีพมากเช่นกัน อะไรที่รับปากคนอื่นไว้แล้ว ต่อให้ดินถล่มฟ้าแหวกออก เขาก็จะทำให้ได้ ในงานพิธีรับตำแหน่งต้าเป่ยอ๋อง เขาชัดเจนแล้วว่าเลือกแดนเหนือ”“เข้าใจแล้ว”ฉู่ซีเย่ไม่ได้ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ชิงบัลลังก์ แต่เขาให้คำสัตย์ว่าจะตา
ต้าหย่ง...ชายเสื้อปักดิ้นทองเคลื่อนไหวเพียงบางเบา แต่สามารถทำให้ตะเกียงบนโต๊ะด้านหน้าสั่นไหว เงาใหญ่ยักษ์ที่ทอดลงหลังฉากพระที่นั่งวิจิตรงดงาม แลดูแปลกตา ยิ่งเมื่อขยับเคลื่อนไหว เงาสีดำยิ่งชวนให้รู้สึกขนกายลุกพองหย่งฉียังคงทรงงานแม้จะค่อนคืนเข้าไปแล้ว พระขนงมีมีร่องรอยยับย่น หมึกเปื้อนพระหัตถ์เป็นปื้นสีดำทั้งสองข้าง ลามไปถึงชายแขนเสื้อที่ถูกหมึกสีดำทำลายความประณีตลงหลายเท่าตัวหลังตั้งตรงเริ่มตกลู่ หย่งฉีในปีนี้อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ทว่าความเคร่งเครียดและการตรากตรำอยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่าสามสิบปี ทำให้ใบหน้านั้นแก่ชรา ริ้วรอยแห่งวัยทอดแนวอยู่บนหน้าพระพักตร์หมองคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นมองลงมาภายในโถงพระที่นั่งอันหนาวเหน็บและช่างว่างเปล่า หย่งฉีคล้ายจะยิ้มเย้ยให้ตนเองอย่างสมเพชข้าวของมากมายหล่นเกลื้อนกลาดแทบเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระนั้นท้องพระโรงที่เละเทะเช่นนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับภายในจิตใจของเขาหย่งฉีทิ้งพู่กันในมือ เขาส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้าราวกับแทบขาดใจ“ขันทีโม่...”โม่หานยืนก้มหน้าตามระเบียบประเพณี ในมือมีพวงแส้ม้านุ่มสลวย ทองคำซึ่งหลอมอยู
เหยาอี้เหยา “ก่อนจะให้ท่านพูดอธิบาย อยากจะขอรบกวนให้ท่านอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย” กลิ่นสาบจากตัวเขาทำให้ภายในบ้านถูกกลิ่นบูดรมควัน ดังนั้นนางจึงนำเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้คราวก่อนออกมาให้เขา พร้อมชี้ทางว่าสามารถไปอาบน้ำที่ลำธารใกล้กับแปลงผักจี๋ฉายได้ ทั้งยังรุนหลัง ให้เขาไปไวๆ ฉู่ซีเย่ไม่อิดออด เขาก็เริ่มได้กลิ่นจากตัวเองเช่นกัน “ได้ ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยสนทนาเรื่องที่เข้าใจผิด” ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็มีความน้อยใจเล็กๆ ที่นางดูราวกับไม่ใส่ใจเขาเลย จะถามไถ่สักคำว่าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยหรือเปล่าก็ไม่มี ยังมีตบของนางอีก แม้แรงนางจะไม่ระคายผิวหนังหนาด้านของเขา แต่จิตใจบอบช้ำยิ่ง “ท่านอ๋อง” เหยาอี้เหยากล่าวรั้ง ใบหน้าคมกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อหันหน้ามาก็กลบเกลื่อนให้หมดสิ้น “ว่าอย่างไรรึ” ใบหน้าของฉู่ซีเย่ในตอนนี้สามารถพูดได้คำเดียวว่าเขาสำนึกผิดแล้ว “เมื่อครู่ข้าขอโทษที่ตบท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่” การตบตีเขาไม่เคยอยู่ในสมองนางมาก่อน แต่พอเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า แรงอารมณ์ที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งเดือนก็ปะทุ รู้ตัวอีกทีก็ตบเขาเสียฉาดใหญ่ “แรงเท่ามดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้กัน”
การมาเยือนขององค์หญิงสิบเอ็ดเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านไปในฉับพลัน มื้ออาหารที่ควรจะผ่อนคลายมีแต่ความเงียบงัน กงจิ้งลอบมองใบหน้าเหยาอี้เหยาด้วยความเห็นใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกันกงจิ้งจำใบหน้าซีดเผือกของนางเมื่อเขากลับมาถึงบ้านได้ รวมทั้งสีหน้าสะอกสะใจขององค์หญิง ที่ได้เหยียมหยามนาง ทำเอากงจิ้งอยากไล่ตะเพิดไปไกลๆ“...” ลุงกู่เห็นเหยาอี้เหยาเศร้า ก็ตักน้ำแกงผักให้ชามใหญ่ เขาเอ็นดูนางมาก ไม่อยากเห็นนางเป็นทุกข์ใดๆเวลานั้นเอง เหยาอี้เหยาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกลับหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของนางใสกังวาน รอยยิ้มที่เผยกว้างบ่งบอกว่านางไม่ได้เสแสร้ง แต่นางกำลังหัวเราะอย่างจริงใจ“เจ้าหัวเราะอะไร”หรือเสียใจจนเสียสติไปแล้ว?“ข้าเปล่านะ ข้าปกติดี” เหยาอี้เหยายกชามน้ำแกงดื่มจนหมดรวดเดียวก่อนจะยิ้มอีกรอบ “ข้าแค่ดีใจนะ ที่วันนี้แสดงละครได้ดี”กงจิ้งและลุงกู่พากันขมวดคิ้วเหยาอี้เหยาเฉลย “ข้ารู้เรื่องนางอยู่แล้ว แต่คิดว่าถ้าทำเป็นรู้อยู่แล้ว นางคงไม่พอใจเท่าไหร่ จนอาจจะลงไม้ลงมือกับข้าก็ได้”กงจิ้ง “แสดงว่าเมื่อครู่เจ้าแสดงละคร”“ก็ไม่ทั้งหมดนะเจ้าคะ ความจริงก็เจ็บอยู่” แรกทีเดียวนางก็แสดงละคร แต่หลั
“อดทนเพื่อข้าได้หรือไม่…” ฉู่ซีเย่จูบไซ้กลีบปากบางที่สั่นระริก ปลายจมูกคลอเคลียปลอบโยน เขาอดทนเพื่อให้นางเปิดใจ ต่อให้ร่างกายใกล้จะระเบิดเต็มที“งั้น…งั้นช้าๆ นะ” นางเห็นเม็ดเหงื่อผุดพราวทั่วใบหน้าเขา รวมทั้งสันกรามที่ถูกขบกัดจนนูน บ่งบอกว่าเขาเองก็ต้องอดทนมากเช่นกัน“แน่นอน…” ฉู่ซีเย่ไม่บุ่มบ่าม เขาค่อยๆ กดตัวตนเข้าไปหานางอย่างละมุนละม่อน ถึงยังงั้นเอวบางก็ขยับหนีตามสัญชาตญาณ เขาจึงรั้งเรียวขานางไว้แรงเสียดทานจากท่อนกายอันเข้มแข็งทำให้ความอ่อนนุ่มต้องเผชิญกับความท้าทายอันใหญ่หลวงความเจ็บร้าวที่แผ่ซ่านคลี่คลุมจนตัวชา ถึงอย่างนั้นจุมพิตขอโทษจากเขาก็ทำให้นางอดทน พร้อมโอบรับความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดสองมือเรียวเกาะไหล่หนา สองขาเรียวอยู่ระห่างเอวสอบที่กำลังเคลื่อนไหว“ท่าน…อื้อ!”“อีกนิดนะ…” เสียงเขาแหบพร่า ริมฝีปากงับไล่ติ่งหูสะอาด เขาโอบรัดคลุกเคล้ากับร่างกายนางทุกตารางนิ้ว“ได้…” นางสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของเขา จึงเปิดเปลือยทุกความกังวลลง รองรับแก่นกายใหญ่โตเข้ามา“อี้เหยา…” แรงตอดรัดจากนางทำฉู่ซีเย่กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า เขารวบเอวนางให้กดต่ำ สอดตัวเข้าไปหานาง…ไม่รุนแรง แต่นางห
“ซ่างเจวี๋ยไม่เป็นอะไรแล้ว “ฉู่ซีเย่พูด ถอนเข็มที่ปักอยู่ทั่วร่างออก เว้นเข็มบริเวณหน้าผาก เพื่อให้หลับต่อไป “แต่ก็อย่างที่เห็น ตอนนี้นางไม่สามารถใช้ชีวิตเร่ร่อนแล้วฝากยาไว้กับสำนักคุ้มภัยอีกแล้ว แบบนั้นไม่ปลอดภัย ดังนั้นเพื่อผลประโยชน์ของนางเอง ข้าแนะนำให้ส่งนางขึ้นเหนือ”กงจิ้งตอบ “ข้าเห็นด้วย แบบนั้นคงปลอดภัยกว่า”“แต่ทางเหนือหนาวเกินไป แม่ทัพซ่างจะไม่เป็นอะไรหรือ” ในฐานะที่เหยาอี้เหยามีประสบการณ์ตอนพิษกำเริบมาก่อน นางรู้ซึ้งดีเลยว่า อากาศหนาวของเเดนเหนือ ทำให้ทุกข์ทรมานเพิ่มอีกหลายเท่าแล้วพิษแมลงคุณไสยก็ยิ่งไม่ถูกกับอากาศหนาวอย่างยิ่ง นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ซ่างเจวี๋ยเร่ร่อนไปทั่วทางใต้เพื่อลี้ภัยอากาศหนาว“เป็นแน่ แต่ไม่ตายหรอก” ฉู่ซีเย่ย้ำให้เห็นความจริง "นางจะตายถ้ายังเร่ร่อนอยู่ที่นี่มากกว่า"“ท่านอ๋อง ท่านยังไม่พบวิธีแก้พิษแมลงคุณไสยหรือ ข้าไม่อยากเห็นแม่ทัพซ่างบาดเจ็บอีกแล้ว”“เงื่อนไขของนางไม่เหมือนของเจ้า” ฉู่ซีเย่มองนาง “แต่เจ้าวางใจเถอะ แมลงในตัวซ่างเจวี๋ยว่าง่ายกว่าตอนอยู่ในตัวเจ้า ตราบใดที่กินยาเสมอไม่ขาด จะไม่ส่งผลร้ายใดๆ”เมื่อพูดถึงเรื่องกินยาอย่างสม่ำเสมอแล้ว ดูเหม