องค์ชายของแคว้นหนานฉี่ ถ้าเปรียบดังความสง่างามใน 4 ฤดู 1.ผู้ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ดุจน้ำเปล่า ซื่อตรง สดใส เพียบพร้อม สูงส่ง ราวกับฤดูใบไม้ผลิ คือองค์รัชทายาทอันซื่อ 2.ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความฉลาดมากความสามารถ มีความอบอุ่น และอ่อนโยน เปรียบดังฤดูร้อน คือองค์ชายรอง ต้วนอวี้ 3.ผู้ที่ร่าเริง แข็งแกร่งและทรงพลัง ดูมีชีวิตชีวา ส่องประกายแสงสีสองทองในฤดูใบไม้ร่วง คือองค์ชายสามซานอี้ 4.ผู้ที่เงียบขรึม ฉลาด สุขุม รอบคอบ เจ้าเล่ห์ มากแผนการและเยือกเย็นดังฤดูหนาว คือองค์ชายสี่ลั่วซือ “เจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นผู้เลือกได้รึ?
View Moreเมืองซีเยียน“องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์หญิงซีอิน! เสด็จมาถึงแล้ว พะยะค่ะ!” ขันทีกล่าวรายงานต่อเจ้าเมืองอ๋องอวี้ “อาอวี้!” อันซื่อเดินเข้าไปสวมกอดน้องชายตบหลังเบาๆ แสดงถึงความรักที่มีต่อกัน“ทำไมท่านทั้งสองถึงมาด้วยกันได้” อ๋องอวี้สงสัย“มีเรื่องยุ่งยากกับเจ้าสาม ข้ากับซีอินจึงมาช่วยเจ้า” อันซื่อจึงเล่าสถานการณ์การสลับร่างให้ต้วนอี้ได้รับรู้“อย่างนี้เจ้าสามก็ลำบากแล้ว แล้วเรื่องการหมั้นหมายเจ้าสามก็ยินยอมด้วยงั้นรึ?“ ต้วนอวี้ซักถามต่อ”เจ้าตัวไม่ยินยอมแต่จะมีทางไหนแก้ไขได้รึ? ตัวสลับกันแบบนั้น ราชโองการหมั้นก็ออกประกาศทั่วแล้ว“ ที่ทะเลสาบซางไห่ เมืองซีเยียนพ่อมดเป่ยเยียนกำลังใช้พลังจิตหาลูกแก้ววิญญาน แต่มังกรเทพ อวี่หลงที่ตามอารักษ์ขาองค์หญิงซีอินมาซีเยียนด้วยนั้นกลับรู้สึกกระวนกระวายใจ เหมือนถูกกระตุ่นด้วยอะไรบางอย่าง จนทำให้ต้องกลายร่างเป็นมังกรเหินขึ้นสู่ฟ้าเหาะวนไปวนมา จนมาถึงที่ทะเลสาบซางไห่ ลูกแก้ววิญญาณนั้นค่อยๆ ลอยตัวขึ้นจากทะเลสาบอย่างช้า พ่อมดร่ายคาถาพยายามจะสะกดลูกแก้ววิญญาน ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้มังกรเทพอวี่หลงเป็นอย่างมากอ่าาาาาาาาาา! มังกรอวี่หลงแผดเสียงร้องด้วยคว
อวี่หลงกายร่างเป็นมังกรพาซีอินเหาะไปพบเทพ อัคคีฉงหลีที่เขาเมิ่งซาน เล่าเรื่องการสลับร่างของพ่อมดเป่ยเยียนให้ท่านอาจารย์ฟัง เทพอัคคีฉงหลีกล่าวว่าหากจะให้แก้คาถาสลับร่างผู้ร่ายคาถาต้องเป็นผู้แก้เท่านั้นหรือไม่ก็ตายจากไปคาถาจะสลายหายไปเอง!ซีอินและอวี่หลงจึงแวะไปหาฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอณ ห้องทรงพระอักษร หนานเจียง“ฝ่าบาท! องค์หญิงซีอินมาขอเข้าพบเป็นการส่วนพระองค์ พะยะค่ะ” องค์รักษ์ซิ่วอิงกล่าวรายงาน ทำให้อวิ๋นเทียนเหอ แปลกใจอยู่ไม่น้อย“นางมากับใคร ทำไมข้าถึงไม่รู้ล่วงหน้าเลย” ฝ่าบาทสงสัย“องค์หญิงมากับองค์รักษ์เพียงแค่สองคนเท่านั้น พะยะค่ะ” ซิ่วอิงกราบทูลฝ่าบาท“รีบเชิญเร็วเข้า” ฝ่าบาทมีท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ซีอินเดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษรเพียงลำพัง ซิ่วอิงกับอวี่หลงค่อยเฝ้าอยู่หน้าห้อง“ถวายบังคับ ฝ่าบาท ขอให้อายุยืนหมื่นๆปี เพคะ!” ซีอินเมื่อเดินไปถึงหน้าโต๊ะทรงงานก็ทำความเคารพฝ่าบาท อวิ๋นเทียนเหอเงยหน้ามองซีอินและยิ้มให้ด้วยความดีใจ ฝ่าบาทเดินมาพยุงซีอินให้ลุกขึ้น“ไม่ต้องมากพิธี ตามสบายนะ เราดีใจมากที่ได้เจอเจ้า ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นองค์หญิงซีอินแล้ว เหมาะสมยิ่งนัก“ อวิ๋นเทียนเห
เช้าวันต่อมาหว่านชิงที่อยู่ในร่างซานอี้ค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาตื่นนางพยายามพยุงร่างลุกขึ้นนั่งด้วยศรีษะอันอึ้งจำแทบไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น มองไปทางตั่งนั่งไม้พบลั่วซือกำลังนอนหลับอยู่“อ๊ายยย! เจ้าๆ มานอนในห้องข้าได้อย่างไร” หว่านชิงร้องความตกใจ และยิ่งตกใจไปมากกว่าคือน้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่เสียงนาง นางรีบก้มมองดูตัวเองจับหน้าตัวเองทันที”กรี๊ดดดดดด! นี่ไม่ใช่ข้า นี่ไม่ใช่ข้า“ หว่านชิงในร่างซานอี้แผดเสียงร้องลั่น ทำให้ลั่วซือสะดุ้งตื่นรีบวิ่งเข้ามาใกล้”พี่สาม! เจ้าเป็นอะไรไป เจ้าอย่ามัวแต่ร้องสิ เจ้าพูดสิ!” ลั่วซือจับไหล่ซานอี้เขย่าเบาๆ“ข้าไม่ใช่พี่สามของเจ้า ข้าคือหว่านชิง” หว่านชิงในร่างซานอี้ยังคงร้องไห้ลั่นชั่วครู่ต่อมา ปัง! ปัง! ปัง! เสียงทุบประตูดังขึ้น“เปิดประตู! ข้าบอกให้เปิดประตู”เสียงของซานอี้ในร่างหว่านชิงเร่งให้เปิดประตูห้องพักซานอี้ ลั่วซือจึงเดินไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออกซานอี้ในร่างหว่านชิงรีบเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเตียงที่หว่านชิงในร่างซานอี้นั่งอยู่ และเมื่อทั้งสองได้เจอหน้ากัน ” เจ้า!“ ต่างฝ่ายต่างทำอะไรไม่ถูก”เจ้า! เจ้าคืนร่างข้ามานะ“ ซานอี้ในร่างหว่านช
ณ ตำหนักลี่ถิง“องค์รัชทายาทเสด็จ! พะยะค่ะ“ เสียงขันทีหน้าตำหนักลี่ถิงรายงาน ซีอินจึงรีบเดินออกไปต้อนรับ พร้อมทำความเคารพ”เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ที่นี่อยู่สบายดีหรือไม่?“ อันซื่อทักทายยิ้มแย้ม”อยู่สบายดี เพคะ“ ซีอันตอบกลับ”ข้านำต้นอิงฮวา มาปลูกให้เจ้า หลายต้นเลย และนำคนงานมาทำชิงช้าให้น้องหญิงด้วย“อันซื่อพูดอย่างมีไมตรีและเรียกซีอินว่าน้องหญิง”ขอบพระทัยท่านพี่ เพคะ! เชิญเข้ามานั่งดื่มชาก่อน เพคะ!” อันซื่อเดินเข้าไปนั่งในห้องโถงของตำหนักลี่ถิง นั่งจิบน้ำชาเงียบๆ“น้องหญิงเจ้าจะไปหนานเจียงเมื่อใดรึ” อันซื่อเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น“ต้องถามทางองค์รัชทายาทหยางหย่วนว่าพร้อมเมื่อใด เพคะ” อันซื่อและซีอินคุยกันได้สักพักเสียงขันทีหน้าตำหนักก็ดังขึ้นอีกครั้ง“องค์ชายซานอี้และองค์ชายลั่วซือเสด็จ พะยะค่ะ” เมื่อทั้งสองหันไปมองที่ต้นเสียงก็ปรากฏว่าองค์ชายทั้งสองที่พึ่งมาถึงเดินเข้ามาในห้องโถงของตำหนักลี่ถิงแล้ว ซานอี้กับลั่วซือชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นอันซื่อนั่งอยู่ก่อนแล้ว“ถวายบังคมเสด็จพี่ พระข้าเจ้า” ซานอี้กับลั่วซือทำความเคารพองค์รัชทายาทอันซื่อ“ท่านพี่ทั้งสองเชิญนั่งก่อน” ซีอินเชิญแขกผู้มาใ
ตำหนักรับรองราชฑูต“เสด็จพี่! ท่านนอนหรือยัง?” หว่านชิงเคาะประตูห้องของหยางหย่วน หยางหย่วนจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู“เข้ามาสิ” หยางหย่วนชวนหว่านชิงเข้ามาในห้อง“มีเรื่องอะไรหรือไม่?” หยางหย่วนถามหว่านชิง“ข้าแค่สงสัย!” หว่านชิงเหมือนมีคำถาม“ว่ามาสิ” หยางหย่วนรินน้ำชาใส่ถ้วยยกขึ้นจิบ“องค์ชายของหนานฉี่มีทั้งหมด 4 คน ทำไมวันนี้เห็นแค่สามคน” หว่านชิงถามข้อสงสัย“ได้ข่าวมาว่าองค์ชายสี่ไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่นอกวัง แต่ก็ได้ข่าวว่าหล่อเหลา สง่างามไม่แพ้กัน เจ้าชอบองค์ชายคนไหนล่ะ” หยางหย่วนศึกษาข้อมูลมาไม่น้อย“คนที่ข้าชอบ ข้าจะต้องรู้สึกตกหลุมรักเค้าในครั้งแรก แต่องค์ชายทั้งสามไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกเช่นนั้น!” หว่านชิงแสดงความรู้สึกที่ชัดเจน“เออ! จริงสิ ทำไมท่านพี่อวิ๋นเทียนเหอถึงอยากให้แม่นางฟางนั่นไปที่แคว้นเราด้วยล่ะ” หว่านชิงสงสัย “หรือท่านพี่จะชอบนาง?” “ชอบก็ส่วนชอบ แต่แคว้นของเราก็มีความจำเป็นต้องพานางไปจริงๆ หากหนานฉี่หวาดระแวงไม่ปล่อยให้แม่นางฟางกลับไปกับข้า คงต้องให้เจ้าอยู่ที่หนานฉี่แลกตัวกันสักพัก นี่เป็นบัญชาจากองค์ฮ่องเต้” หยางหย่วนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“ท่
ณ แคว้นหนานฉี่“กราบทูลฝ่าบาท ตอนนี้คณะราชฑูตของหนานเจียงเดินทางมาถึงประตูเมืองแล้ว พะยะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายกรมพิธีการกล่าวรายงานฮ่องเต้แคว้นฉี่“อืม! เจ้าจัดคนไปต้อนรับแล้วหรือไม่?“ ฮ่องเต้ตรัสถาม”องค์ชายทั้งสามพระองค์ขอรับอาสาไปต้อนรับแล้วพะยะค่ะ“เสนาบดีฝ่ายกรมพิธีการตอบกลับที่ประตูเมืองหลวงแคว้นหนานฉี่ เมื่อประตูเมืองเปิดออก ขบวนของคณะฑูตของแคว้นหนานเจียงก็ขับเคลื่อนเดินทางเข้ามามีทั้งเดินเท้าและรถม้ารถเสบียง ม้าทหารองค์รักษ์ขององค์รัชทายาทและองค์หญิงเสด็จเข้าเมืองมามีประชาชนของแคว้นยืนรอรับเสด็จ ประชาชนส่วนใหญ่เพียงอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น เบื้องหน้ารอรับขบวนคณะฑูตนั้นคือ องค์ชายทั้งสามเจ้าของแคว้น ทรงนั่งอยู่หลังม้าทั้งสามพระองค์งามสง่าสมคำร่ำลือ เปรียบดังความสง่างามใน 4 ฤดู 1.ผู้ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ดุจน้ำเปล่า ซื่อตรง สดใส เพียบพร้อม สูงส่ง ราวกับฤดูใบไม้ผลิ คือองค์รัชทายาทอันซื่อ 2.ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความฉลาดมากความสามารถ มีความอบอุ่น และอ่อนโยน เปรียบดังฤดูร้อน คือองค์ชายรอง ต้วนอวี้ 3.ผู้ที่ร่าเริง แข็งแกร่งและทรงพลัง ดูมีชีวิตชีวา ส่องประกายแสงสีสองทองในฤดูใบไม้ร่วง คือองค์ชาย
องค์ชายทั้งสามเมื่อออกจากตำหนักตงเตี้ยน อันซื่อจึงเอ่ยปากเรียกน้องชายทั้งสอง “อาอวี้-อี้เอ๋อร์” องค์ชายทั้งสองหันกลับมามองทางต้นเสียง อันซื่อจึงเดินไปโอบไหล่ของน้องชายด้วยแขนคนละข้าง”พวกเจ้าน่ะ ดีกันเถอะ หายโกรธกันได้แล้ว“ อันซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล”เสด็จพ่อพูดขนาดนั้น ข้าหายโกรธตั้งนานแล้ว!” ซานอี้นั้นถึงแม้จะอารมณ์ร้อนไปบ้างแต่ก็มีเหตุผล“อืม! ข้าขอโทษด้วยนะซานอี้ และขอโทษเสด็จพี่ด้วย เราไม่ได้ต่อยกันนานแล้ว หมัดซานอี้หนักชะมัด!“ ทั้งสามยังคงยิ้มให้กัน“จริงสิ ถ้าลั่วซืออยู่ด้วยล่ะก็ หมอนั่นจะกล้ายอมรับกับเสด็จพ่อมั้ยว่าชอบอาเย่ด้วยเหมือนกัน” ซานอี้พูดถึงองค์ชายสี่ลั่วซือต้วนอวี้ยังมิได้กลับจวน แต่เดินมาเรื่อยๆ จนถึงตำหนักจิ่งหลิน ซึ่งเป็นตำหนักขององค์หญิงเหยียนหลิน มีนางกำนัลยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องโถง เมื่อเปิดประตูภายในห้องโถงตกแต่งไว้อาลัย ศพขององค์หญิงบรรจุอยู่ในโลงตั้งไว้ที่กลางโถง ต้วนอวี้นั่งลงจุดธูปเพื่อเคารพศพน้องสาวอย่างเงียบๆ “ตอนนี้เจ้าน่ะไปอยู่ในร่างคนอื่นแล้ว เราไม่ได้เกี่ยวดองกันทางสายเลือดอีกแล้ว ชาตินี้พี่ชายดูแลเจ้าไม่ดี! พี่ชายรู้สึกผิดต่อเจ้ายิ่งนัก! แ
หน้าตำหนักตงเตี้ยน แคว้นหนานฉี่องค์รัชทายาทอันซื่อ,องค์ชายต้วนอวี้,องค์ชายซานอี้ มาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท! ขันทีเว่ยจึงรีบไปรายงานฮ่องเต้ ที่ห้องทรงพระอักษร“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?” ซานอี้เปยขึ้นมากับตัวเอง แล้วเดินไปเดินมาอยู่หน้าตำหนักตงเตี้ยนไม่สามารถสงบใจได้เลย ส่วนอันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็รอที่หน้าตำหนักอย่างร้อนใจเช่นกันครู่ต่อมา ขันทีเว่ยก็ออกมารายงานให้องค์ชายทั้งสามแยกย้ายกลับได้ “พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้เข้าพบหรือสงสัยในราชองค์การที่ทรงรับสั่งไปแล้ว! พะยะค่ะ” ขันทีเว่ยถ่ายทอดคำสั่งอันซื่อได้แต่ทอดถอนใจแล้วเดินกลับตำหนักบูรพา เมื่อมาถึงตำหนักบูรพาได้ประมาณหนึ่งก้านธูป องค์ชายต้วนอวี้และองค์ชายซานอี้ก็มาขอเข้าพบ!ในตำหนักบูรพา!“ท่านพี่ทั้งสอง ข้าชอบอาเย่ นางมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ข้าต้องแต่งงานกับนาง“ ซานอี้เริ่มก่อน”ไม่ได้! นางจะแต่งกับใครไม่ได้ทั้งนั้น“ ต้วนอวี้พูดขัดขึ้น”พี่รอง พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ซานอี้เดินไปประจันหน้ากับ ต้วนอี้ขมวดคิ้วสีหน้าจริง“ถ้าพูดถึงเรื่องบุญคุณ นางก็มีคุณบุญกับข้าช่วยเหลือข้า ตอนเรือแตกติดถ้ำอยู่กับข้า” ต้วนอวี้ยอมลดละ“นางไม่ได้ชอบเจ้า ทำไมต้อ
ณ แคว้นหนานฉี่องค์ชายทั้งสามกลับมาถึงหนานฉี่อย่างปลอดภัย ส่วนฟางเฟ่ยเย่ก็กลับถึงจวนสกุลฟางเรียบร้อยแล้ว“คุณหนูกลับมาแล้ว” รุ่ยรุ่ยสาวใช้ประจำตัวรีบวิ่งเข้าไปต้อนรับ ”คุณหนู! ยูหยินรอท่านอยู่ที่ศาลบรรพชนเจ้าค่ะ“ สาวใช้รุ่ยรุ่ยรีบรายงาน”อืม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้“ ฟางเฟ่ยเย่เดินมาหยุดที่ประตูทางเข้าศาลบรรพชนนางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยเปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปยูหยินสกุลฟางนั่งสวดมนต์อยู่ก่อนแล้วเทียนไขในห้องนั้นถูกจุดสว่าง ป้ายชื่อผู้ล่วงลับตั้งวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเมื่อฟางเฟ่ยเย่เข้ามาในห้องนางก็รีบจุดรูปสักการะบรรพบุรุษทันที ก้มลงกราบสามครั้ง แล้วนั่งนิ่งๆ จองมองแผ่นหลังของผู้เป็นมารดา“เจ้ากลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัยแม่ก็สบายใจแล้ว แต่เจ้ามีความผิดที่หลบหนีออกไปเช่นนี้ เจ้าเป็นกุลสตรีที่ยังไม่ออกเรือน หากวันนี้แม่ไม่ลงโทษเจ้า เจ้าคงไม่เห็นความสำคัญของชื่อเสียงตนเองและวงศ์ตระกูล เจ้าจงนั่งสำนึกผิดในศาลบรรพชนนี้สักสามวันเถอะ” เมื่อพูดจบยูหยินก็ลุกขึ้นช้าๆแล้วเดินออกจากโถงบรรพชนไปเฟ่ยเย่ได้แต่นั่งสำนึกผิดในห้องตามลำพัง!วันต่อมา!องค์ชายทั้งสามและฟางเฟ่ยเย่ได้รับราชองค์การให้ไปเข้า
“หนาว..หนาวยิ่งนัก” ความเย็นยะเยือกที่รายล้อมอยู่รอบตัวของแม่นางเฟ่ยเย่ เสื้อผ้าที่เปียกชื้นนั่น ทำให้นางยิ่งหนาวมากขึ้น นางยังคงไม่ได้สติ ภายในถ้ำ บุรุษรูปงามนั่งอยู่หน้ากองไฟ คิ้วเข้มงามใบหน้าได้รูป ผิวขาว ในดวงตามีกองไฟเต้นอยู่ตามจังหวะ การสั่นไหวของเปลวไฟ เค้าครุ่นคิด สาเหตุของเรือที่อับปราง มันเป็นอุบัติเหตุหรืออะไรกันแน่! “หนาว..ข้าหนาวยิ่งนัก” เสียงนาง ทำให้บุรุษหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ ใกล้นางอีกนิด พยายามหาฟางใบไม้แห้งมาห่อนางเพื่อให้ความอบอุ่น เฟ่ยเย่ปรือตามองชายหนุ่มเบื้องหน้า “ข้าปวดหัว ข้าหนาวยิ่งนัก ท่านพี่รองขอข้ากอดหน่อย กอดข้าหน่อย” พูดไม่ทันขาดคำ เฟ่ยเย่ก็โผเข้าหาอ้อมกอดของต้วนอวี้ เค้าไม่ทันได้ตั้งหลัก ตัวแข็งทือ ทำอะไรไม่ถูก ค่อยๆคลายมือ ของเฟ่ยเย่ออก ”แม่นางเฟ่ยเย่ เจ้าปล่อยมือออกก่อน“ พลางค่อยๆแกะมือนางออกจากท้ายทอย หลุดจากท้ายทอยก็มากอดรอบตัว รัดมือแน่นกว่าเดิม จนแผ่นหน้าอกแนบชิดกัน ต้วนอวี้หัวใจเต้นรั่วยิ่งนัก! ผ้าที่ผิงไฟไว้น่าจะพอแห้งแล้ว เค้ารีบสลัดแกะมือของเฟ่ยเย่แล้วรีบออกจากพันธนาการของมือนางก็คว้าเสื้อมาคลุมไว้แทน เค้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ชา...
Comments