ที่โรงเตี๊ยมแคว้นหนานเจียง
หนอนมัจจุราช ถูกปลุกให้ตื่นด้วยพลังที่มันตามหาทำให้ลั่วซือมีอาการกระวนกระวายใจ ด้วยพลังบางอย่างในกายของเฟ่ยเย่ที่ดึงดูดหนอนมัจจุราช จนลั่วซือยากที่จะควบคุมสติขอตัวตัวเอง ครั้นเมื่อตอนกราบลาอาจารย์ ได้รับปากอาจารย์ว่าจะหาคนผู้นึง อาจารย์ไม่ได้บอกกล่าวสิ่งใดนอกจาก ถ่ายหนอนมัจจุราชเข้าไปร่างกายของลั่วซือ เมื่อมีหนอนมัจจุราชอยู่ในกาย ต้องอาศัยการดื่มเลือดผู้คน การดื่มเลือดจากผู้คน ผู้ที่ถูกดูดเลือดจะได้รับพลังเทพรักษาโรคได้หรือบางคนก็มีอาการเคลิบเคลิ้ม หรือสัมผัสเลือดแม้นเพียงเล็กน้อยจะสามารถรู้ได้ว่าใช่คนที่กำลังตามหาอยู่หรือไม่ แม้ว่าลั่วซือจะมีหนอนมัจจุราชในร่างกาย แต่ถึงกระนั้นเค้าก็ยังยินยอม เพื่อแลกกับเคล็ดวิชาที่อาจารย์สอนสั่ง แล้วอีกอย่างเค้าคิดว่ามันไม่ได้ทำอันตรายให้แก่ผู้คนแต่อย่างใด หากตามหาคนผู้นั้นพบ ถึงแม้เค้าเองจะต้องทรมาน แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่าย หากลั่วซือพบคนผู้นั้นได้ เค้าคงกราบลาอาจารย์อย่างจริงจังได้ และออกท่องยุทธภพต่อไป ประตูห้องพักของเฟ่ยเย่ ถูกกำลังภายในดันจนเปิดออก ภายในห้องพักของเฟ่ยเย่ นางกำลังหลับสบายบนเตียง นางรู้สึกตัวไว ด้วยคนที่มี วรยุทธมักจะรู้สึกตัวเร็วกว่าคนทั่วไป นางเอื้อมมือไปชักมีดสั้นใต้หมอน พอพลิกตัวหันกลับมา แต่ก็ช้าไปกว่าผู้บุกรุกผู้นั้น เฟ่ยเย่ถูกร่างเงาดำทะมึนในความมืด กดทับอยู่บนเตียง มือทั้งสองข้างถูกตึงไว้ด้วยมือของคนผู้นั้น เฟ่ยเย่พยายามขัดขืน แต่มือและเท้าทั้งสองก็ถูกตึงด้วยร่างกายที่กดทับบนตัวของนาง ในความมืดสลัว แต่ในความรู้สึกที่คุ้นเคย นางจำคนผู้นั้นได้ทันที แต่ก็แปลกประหลาดใจมากอยู่ดี พี่ลั่วซือ! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นท่าน “ปล่อยนะ!” เฟ่ยเย่พยายามดิ้นรน ให้หลุดจากพันธการ ที่สำคัญการที่มีบุรุษ มานอนทับบนร่างของนาง ถึงแม้จะเป็นพี่ลั่วซือ แต่ก็เป็นบุรุษที่ทำให้นางตื่นกลัว ยิ่งตอนนี้ลั่วซือก็เหมือนคนแปลกหน้าที่เฟ่ยเย่เองก็ไม่เข้าใจ! ลั่วซือก้มลงกัดที่ซอกคอเฟ่ยเย่! เลือดอุ่นๆของเฟ่ยเย่ไหลเข้าปากของลั่วซือ เมื่อลิ้นสัมผัสรสเลือดลั่วซือก็ได้สติ ลั่วซือค่อยๆ คลายมือ นั่งเอามือลูบหน้าตัวเอง มืออันสั่นเทาเล็กน้อย “ท่านพี่..ทำไม่ถึงกัดข้า“ เฟ่ยเย่เอามือลูบต้นคอตรงรอยแผล รู้สึกเจ็บแสบนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับแย่ ”ลั่วซือหายใจเข้าลึกๆ เจ้าเป็นสตรีรึ“ ลั่วซือหันไปถามตรงๆ “ปกปิดตัวตนไม่ได้แล้วสินะ” เฟ่ยเย่ยิ้มมุมปาก ลั่วซือยืนขึ้น คาราวะแบบคนในยุทธภพ “ขออภัยแม่นาง ข้าล่วงเกินแล้ว“ ”ท่านคือคนที่อาจารย์ของข้าตามหา“ กล่าวจบลั่วซือก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้นหมดสติไป “ท่านพี่ลั่วซือ! ท่านพี่ลั่วซือ!” เฟ่ยเย่เขย่าตัวสองสามครั้ง และเอาหูแนบกับหน้าอกของลั่วซือ ยังหายใจอยู่นี่! เฟ่ยเย่พยุงลั่วซือขึ้นเตียงแล้วจัดท่านอนให้อยู่ในท่าสบาย นางตรวจชีพจรสักพัก และก็หยิบห่อเข็มเงินคลี่ออกมา ค่อยๆ หยิบเข็มปักไปตามร่างของลั่วซือ ตามศาสตร์แพทย์ที่ได้ร่ำเรียนมา ครึ่งชั่วยามผ่านไป นางค่อยๆดึงเข็มออกทีละเข็มจนหมด “หนอนแปลกประหลาดอะไรกันเนี่ย“ เอาออกยากซะด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่อันตราย แต่พี่ลั่วซือคงทรมานไม่น้อย ทำไมท่านพี่ถึงยอมได้นะ? เฟ่ยเย่รู้สึกอ่อนล้า นางเดินไปที่โถงของโรงเตี๊ยม สั่งอาหารเช้าและน้ำชามานั่งดื่ม คำถามที่ไม่เข้าใจผุดขึ้นมาในหัวมากมายเต็มไปหมด ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรทำอย่างไร? ข้าจะช่วยท่านพี่ลั่วซือได้อย่างไร? แล้วข้าจะช่วยพี่ซานอี้ได้อย่างไร?“ คิดถึงเสร็จพ่อ! คิดถึงแม่นมจาง! “แม่นาง” เจ้าของน้ำเสียงนั้น นั่งลงตรงหน้าเฟ่ยเย่ นางสะดุ้งตื่นจากความคิดของตัวเอง “ท่านฟื้นก็ดีแล้ว เจ็บปวดตรงไหนหรือไม่?” เฟ่ยเย่ถามลั่วซือด้วยความเป็นห่วง “ข้าไม่เป็นไรแล้ว ขออภัยแม่นางจูจินอีกครั้ง”ลั่วซือ กล่าวอย่างสำนึกผิด “ข้าไม่ได้ชื่อจูจิน จริงๆแล้วข้าชื่อฟางเฟ่ยเย่” เฟ่ยเย่บอกความจริง “สกุลฟางมาจาก แคว้นหนานฉี่หรือไม่?” เฟ่ยเย่พยักหน้ารับ “ข้ามีเรื่องจะขอร้องแม่นางเฟ่ยเย่” ลั่วซือพูดอย่างวิงวอน “เรื่องอะไรรึ” เฟ่ยเย่เลิกคิ้วแบบสงสัย “ที่ข้ามีหนอนมัจจุราชอยู่ในกาย เพราะข้าต้อง ตามหาคนผู้นึงให้ท่านอาจารย์ ตอนนี้ข้าหาคนผู้นั้นพบแล้ว” ลั่วซือกล่าวด้วยทางท่าสงบนิ่ง “พูดต่อสิ” เฟ่ยเย่รอฟัง! “คนผู้นั้นที่ท่านอาจารย์ตามหาคือแม่นาง” ลั่วซือ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเฟ่ยเย่ นางหลบตาต่ำ “ทำไมเป็นถึงเป็นข้า แล้วข้าจะช่วยท่านได้อย่างไร?” เฟ่ยเย่จองตาลั่วซือ “ขอเพียงแม่นางไปพบอาจารย์ของข้าสักครั้งเถอะ อาจารย์ของข้ามิใช่คนชั่วช้า ข้ารับรองความปลอดภัยของเจ้า” ลั่วซือกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่นอีกครั้ง เฟ่ยทอดถอนใจ! “ข้าก็อยากช่วยท่าน แต่ข้ามีเรื่องสำคัญมากต้องทำ และต้องการให้ท่านช่วยข้าด้วย“ เฟ่ยเย่ยื่นข้อเสนอ “ตกลง! ข้ารับปาก! พูดเรื่องสำคัญของแม่นางมาได้เลย” ลั่วซือยังคงมีน้ำเสียงที่หนักแน่นเดิม “เรียกข้าว่าเฟ่ยเย่ หรือน้องเล็กก็ได้” เฟ่ยเย่ยิ้ม เฟ่ยเย่จึงเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ตั้งแต่เดินทางมากับซานอี้ จนได้รับบาดเจ็บ และซานอี้ถูกจับตัวไป จนนางต้องตามมาถึงที่นี่! “เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ซานอี้คือน้องชายของข้า ยังไงข้าต้องช่วยเค้าอย่างแน่นอน” ลั่วซือไม่รู้ว่าตอนนี้ดวงจิตขององค์หญิงเหยียนหลินได้มาอยู่ในร่างเฟ่ยเย่แล้ว! “ดี! ตกลงถามนี้” เฟ่ยเย่ยิ้มกว้างๆ พร้อมชูนิ้วก้อยยื่นออกไปข้างหน้า เกี่ยวก้อยสัญญากับข้าสิ “เจ้านี่มันเด็กน้อยชัดๆ! ” ถึงแม้ว่าลั่วซือจะยื่นนิ้วก้อยออกมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของเฟ่ยเย่ แต่ก็หันมองเมินหน้าไปทางอื่นๆ แต่กับมีรอยยิ้มที่มุมปากเล็กๆก่อนวันงานเทศกาลธิดาบุปผาจะเริ่ม ทางหอหรูอี้ติดประกาศไปทั่วเกี่ยวกับการรับสมัครสตรีทั่วหล้า เพื่อประกวดแข่งขันชิงตำแหน่งเทพธิดาผู้ที่ทำให้ดอกไม้เบ่งบาน ต้นไม้เขียวชะอุ่มอุดมสมบูรณ์ตลอดปี หากผู้ใดได้รับการคัดเลือก จะขอประทานรางวัลได้หนึ่งอย่างจากฮ่องเต้ของแคว้นหนานเจียง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเทพธิดาพยากรณ์ของแคว้น! “นี่ๆๆ ท่านพี่ดูนี่สิ” เฟ่ยเย่หยิบกระดาษใบปลิวประกาศจากหอหรูอี้ เรื่องรับสมัครสตรีเข้าประกวดแข่งขันชิงตำแหน่งเทพธิดา ลั่วซือหยิบกระดาษประกาศจากมือเฟ่ยเย่เอามาอ่าน “อืม!..เจ้ามีแผนรึ?” ลั่วซือเลิกคิ้วถาม “โถ่..ก็มีน่ะสิ“แต่คุณสมบัติอื่นนอกจากความเป็นสตรีแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่นะ”เฟ่ยเย่มองหาสือเนียงผู้ดูแลหอ ครั้นเฟ่ยเย่กวาดสายตามองไปปะทะบุรุษหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในหอหรูอี้ เฟ่ยเย่ตาลุกแววทันที เอ๊ะ! เฟ่ยเย่อุทาน! ลั่วซือมองตามสายตาของนางไป “คุณชายทั้งสองโต๊ะนั่งของเราเต็มหมดแล้วเจ้าค่ะ” สือเนียงกล่าวอย่างนอบน้อม “แล้วห้องพักเล่า มีห้องพักสักหนึ่งหรือสองห้องหรือไม่? เราสองคนมีเงินจ่ายไหว แพงเพียงใดก็เรียกมาได้เลย” ต้วนอี้คราดครั้นเล็กน้อย “โถ่เอ๋ย! ท่านทั้
วันที่ 9 เดือน 10 งานประชันเทพธิดาบุปผางามสะพรั่งผู้คนต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาในเมืองซินฮุยแคว้นหนานเจียง บัดนี้โรงเตี๊ยมและที่พักแน่นขนัดเต็มไปด้วยผู้คนองค์ชายทั้งสามต่างก็รีบไปจับจองที่นั่งในหอหรูอี้เร็วกว่าผู้ใด!องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอและองค์ชายหยางหย่วนแห่งแคว้นหนานเจียงเสร็จมาถึงแล้ว! ขันทีที่ตามเสร็จประกาศหน้าหอหรูอี้ สือเนียงและเจ้าหอรีบออกไปต้อนรับ ภายในหอหรูอี้ทุกคนยืนขึ้นต้อนรับและนั่งลงหลังจากองค์รัชทายาทนั่งลงแล้วบนเวทีมีการแสดงจากนักระบำให้ดูฆ่าเวลาก่อนการประกวด ครู่ต่อมา! ชิงเฟิงองค์รักษ์เงาขององค์รัชทายาทอันซื่อ รีบเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูของอันซื่อ จากนั้นก็รีบร้อนออกไป!พึบ! เสียงกางพัดของอันซื่อ เค้าโบกพัดเข้าหาตัวเบาๆ จากนั้นก็กระซิบที่ข้างหูต้วนอี้โดยเอาพัดขึ้นปิดไว้แบบพองาม“เราต้องรีบกลับกันแล้ว องค์หญิงรองหนิงเอ๋อ กับองค์หญิงสามจิ่งเสียนแห่งหนานตูกำลังมา” อันซื่อพูดข้างหูต้วนอวี้ด้วยเสียงแผ่วเบา ต้วนอวี้เบิ่งตากว้าง! มีอาการตกใจกับข่าวนี้ไม่น้อยหากมีผู้ใดรู้ว่าบัดนี้องค์ชายรัชทายาทและองค์ชายทั้งสี่พระองค์แห่งแคว้นฉี่ มาอยู่รวมตัวกันในดินแดนแคว้นศัตรู! จะต
บัดนี้องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้กลับถึงหนานฉี่อย่างปลอดภัยแล้ว!แม่ทัพเกราะทองฟางหมิ่นเฉียนยังคงประจำการในค่ายอี้ชาง ฟื้นฟูร่างกายหายเป็นปกติแล้ว ต้วนอวี้ส่งข่าวเรื่องคุณหนูฟางเฟ่ยเย่ให้แม่ทัพทราบแล้วเช่นกันลั่วซือหาทางลักรอบไปหาเฟ่ยเย่ในห้องพัก จากวันที่ประกวดวันนั้นจนถึงวันนี้นางสลบไปสามวันเต็มๆ ลั่วซือแอบมาตรวจดูอาการนางทุกวันถ่ายทอดพลังให้และขอกัดแขนนางบางวันที่อาการหนอนมัจจุราชกำเริบเฟ่ยเย่รู้สึกตัวได้สติแล้ว ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง“มีราชองค์การ จากองค์ฮ่องเต้ถึงแม่นางจูจินหลาง” ขันทีป่าวประกาศเรียกที่ห้องโถงหอหรูอี้สือเนียงรีบเข้ามาประคองแขนของเฟ่ยเย่ในนามจูจินหลาง เดินไปถึงห้องโถงแล้วค่อยๆ นั่งคุกเข่าลง คนในห้องโถงต่างก็นั่งคุกทั้งหมดเพื่อรอฟังประกาศราชองค์การเนื้อความในราชองค์การ..!บัดนี้งานคัดเลือกเทพธิดาบุปผาได้สำเร็จลุล่วง จึงได้ผู้ที่มีความสามารถทำให้ดอกไม้นานาของแคว้นหนานเจียงผลิบาน อีกทั้งยังมีใบหน้างดงามราวนางฟ้า มีกิริยาวาจา และท่วงท่างามสง่า เราจึงขอแต่งตั้งเทพธิดาบุปผาคนใหม่ “จูจินหลาง” เป็นเทพธิดาบุปผา ประจำตำหนักหอดาราดาว“ ให้เทพธิดาจูจินหลางเข้าพัก
จูจินหลางใช้พลังมากเกินไปทำให้สลบไสลไปสามวันเต็มๆ นางค่อยฟื้นได้สติลืมตามองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรแล้วเพคะ! แค่ใช้พลังมากไป“ จูจินหลางกล่าวหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมาถึงได้รู้ว่าตลอดสามวันที่ผ่านมานางอยู่ในตำหนักขององค์รัชทายาทมาตลอดยามจื่อ! จูจินหลางสวมชุดดำมีผ้าคลุมปิดหน้าไปที่หอเก็บตำราหลวงอีกครั้งคราวนี้ไม่มีผู้ใดขัดขวาง นางได้แผนที่ราชวังมาแล้ว จึงเริ่มค้นหาจากตำหนักทางทิศตะวันออก นางปีนขึ้นหลังคาและค่อยๆเปิดแผ่นกระเบื้องหลังคาดูความเคลื่อนไหวของคนภายในตำหนักต่างๆที่นี่เป็นตำหนักหยงฉิ่ง ไทฮองไทเฮา ทรงประชวร จูจินหลางได้ยินลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอและมีอาการไอเป็นระยะ นางฟังอาการอยู่สักพักเจ้าของตำหนักนี้คือใครกัน ฟังจากเสียงลมหายใจแล้วเหมือนจะโดนพิษ? นางนึกในใจ ที่นี่คงไม่ใช่ที่คุมขังพี่ซานอี้เป็นแน่!ตามหาในวังแห่งนี้มาหลายตำหนักแล้วก็ยังไม่เจอ! ข้าคงต้องแอบสืบความจากใครสักคน ว่าแล้วก็นึกถึงองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอขึ้นมา หลายวันมานี้ได้องค์รัชทายาทช่วยไว้หลายครั้ง จึงรอดพ้นจากนักฆ่าพวกนั้นมาได้! นางเดิ
จูจินหลางได้รับอนุญาตให้ออกนอกวัง ด้วยคำกล่าวอ้างของนางคือต้องการไปแช่น้ำพุร้อนเพื่อเสริมสร้างพลัง ที่เขาเมิ่งซาน แต่อันที่จริงนางอยากพบลั่วซือต่างหาก!จูจินหลางเตรียมตัวออกเดินทางโดยไม่มีผู้ติดตามเนื่องจากการไปในครั้งนี้ต้องขึ้นไปถึงยอดเขาเมิ่งซานจึงจะเจอบ่อน้ำพุร้อน และผู้ที่ขึ้นไปได้จึงต้องเป็นผู้ฝึกวรยุทธ หรือมีพลังจิตที่เข้มแข็งเท่านั้น!ถึงแม้นองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอจะเป็นห่วงนางมากเพียงใดแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้!เฟ่ยเย่นัดกับลั่วซือที่บริเวณตีนเขาเมิ่งซาน ด้วยการขึ้นเขาครั้งนี้มันไม่ได้ง่าย“คาราวะท่านพี่ลั่วซือ“ ฟางเฟ่ยเย่ทำความเคารพ ยามพบหน้า”ไม่ต้องมากพิธี” ลั่วซือจับต้นแขนนางทั้งสองข้างยกให้ตัวยืนขึ้น“ท่านพี่ ข้าเจอพี่ซานอี้แล้ว แต่เค้าตาบอด ถูกพิษและร่างกายอ่อนแอ ข้าได้บอกข่าวนี้ไปยังพี่อันซื่อกับพี่ต้วนอวี้แล้ว“ เฟ่ยเย่รายงานสถานะการณ์ต่างๆให้ลั่วซือฟังทั้งหมด“ดูเจ้าสนิทกับองค์ชายทั้งสามมากนะ“ น้ำเสียงลั่วซือปนความน้อยใจอยู่นิดหน่อย”ก็แน่ล่ะสิ ข้าเป็นถึง...สหายร่วมเรียนขององค์หญิงเหยียนหลินนี่นา“ เฟ่ยเย่หันหน้ามายิ้มให้ลั่วซือ”ไปเถอะหนทางขึ้นเขาลำบากมาก เดี๋ยวจะค่ำ
“เจ้าหาเสี่ยวเป่าอยู่ใช่หรือไม่?” ท่านอาจารย์ถามเฟ่ยเย่“ท่านรู้ความลับนี้ได้อย่างไร?” เฟ่ยเย่มีท่าทีตกใจท่านอาจารย์พูดต่อว่า เสี่ยวเป่าอายุครบหนึ่งหมื่นปีแล้ว เค้าจำศีลจนสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้แล้วเพียงแต่ตอนนี้ยังต้องใช้เวลา เดิมทีเสี่ยวเป่าเป็นบุตรของเทพมังกรยิ่งหรง ข้าก็หวังว่าเค้าจะสง่างามเหมือนพ่อของเค้า“ตอนนี้เค้าอยู่ไหนหรือเจ้าคะ” เฟ่ยเย่ตื่นเต้นดีใจ“อยู่ที่บ่อน้ำพุร้อนด้านหลังเขา ข้าได้กางเขตอาคมป้องกันการรบกวนให้เค้า แต่เจ้าเข้าไปได้” ท่านอาจารย์พูดเชิงอนุญาต“งั้นข้าจะไปหาเสี่ยวเป่าก่อนนะเจ้าคะ!” ว่าแล้วเฟ่ยเย่ก็ไม่สนใจสิ่งใด รีบลุกออกไปตามหาเสี่ยวเป่า ทิ้งความงงงวยให้ลั่วซือที่บ่อน้ำพุร้อน บนเขาเมิ่งซาน“เสี่ยวเป่า..เสี่ยวเป่า” น้ำเสียงเรียกที่คุ้นเคย กลิ่นนี้ที่คุ้นเคย ซึ่งเสี่ยวเป่าจำได้ดี แต่ตอนนี้เสี่ยวเป่าแปลงกายเป็นคนได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ครึ่งตัวส่วนล่างยังคงเป็นหางมังกรสีดำคลับ จึงต้องอาศัยแช่ในน้ำพุร้อนเพื่อเสริมพลังเมื่อเฟ่ยเย่เดินมาถึงบ่อน้ำพุร้อน ก็เห็นเงาคนผู้หนึ่งอยู่ในบ่อน้ำพุนั่น เฟ่ยเย่จึงก้าวขาลงไปในบ่อเพื่อไปดูให้แน่ว่าใช่เสี่ยวเป่าหรือไม่ห
หลายวันต่อ! ฟางเฟ่ยเย่ต้องเดินทางกลับเข้าวังของแคว้นหนานเจียง เพื่อช่วยองค์ชายซานอี้ส่วนลั่วซือกราบลาอาจารย์เดินทางไปยอดเขาเสียบดาบ เพื่อตามหาอาวุธประจำกาย แล้วจึงกลับไปหนานฉี่ด้วยเหตุที่ได้ข่าวไม่ค่อยสู้ดีเกี่ยวกับกองทัพขององค์รัชทายาทอันซื่อ และองค์ชาย ต้วนอวี้ส่วนทางเสี่ยวเป่ายังคงอยู่ที่บ่อน้ำผุร้อนต่อไปเมื่อเฟ่ยเย่กลับถึงวังของหนานเจียงก็กลับมาใช้ชื่อของจูจินหลาง นางเข้ากราบทูลองค์ฮ่องเต้ถึงการกลับมาของนาง ตอนนี้นางมาหยุดที่หน้าตำหนักหยางซินขันทีของวังหยางซินรีบวิ่งไปรายงานองค์รัชทายาท ”เทพธิดาจูจินหลางขอเข้าเฝ้า พะยะฮ่า“”รีบเชิญเข้ามาเร็ว“ องค์รัชทายาทมีน้ำเสียงดีใจปนตื่นเต้น”หม่อมชั้นจูจินหลางถวายบังคมองค์รัชทายาท“ จูจินหลางย่อคำนับอย่างรู้มารยาท”มานั่งนี่เถอะ“ องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอกวักมือเรียกนางไปนั่งข้างๆ โต๊ะที่ทรงพระอักษร”เจ้าสบายดีหรือไม่?“ อวิ๋นเทียนเหอ มองเพ่งพินิจไปทั่วตัว”หม่อมชั้นสบายดีเพคะ ถึงตอนนี้หากหม่อมชั้นใช้พลังทำให้ดอกไม้เบ่งบาน ก็ไม่เป็นไรแล้ว เพคะ“ จูจินหลางกล่าวอย่างยิ้มๆ”เรายินดีด้วยนะ เจ้าทำได้แล้ว จะได้ไม่มีผู้ใดกังขาเจ้าอีก““หม่อมชั้น
สองวันต่อมา!จูจินหลางมาขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอ พระองค์ดีใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากวันนั้นพระองค์ยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่มากมาย!“ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ” จูจินหลางถวายความเคารพ“ลุกขึ้นเถอะ” องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเข้าไปประคองแขน และยิ้มให้จูจินหลางอย่างนุ่มนวล“ขอหม่อมชั้นตรวจดูอาการของพระองค์หน่อยนะเพคะ” จูจินหลางเปลี่ยนเป็นจับแขนองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอประคองให้ไปนั่งแทน จากนั้นจูจินหลางก็ถลกแขนเสื้อขององค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอเล็กน้อยและใช้ปลายนิ้วมือกดที่จุดชีพจร ตรวจอาการอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันมายิ้มให้องค์รัชทายาท “ชีพจรปกติ พระองค์รู้สึกเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่ เพคะ” จูจินหลางเอ่ยถาม“เราไม่ได้เจ็บตรงไหน แต่เราคิดถึงเจ้ามาก” องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอพูดโพล่งความในใจออกมา!จูจินหลางมิได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแต่ยิ้มเขินอายรักษากิริยาอยู่ในที“เอ่อ..เมื่อสองวันก่อนหม่อมชั้นลืมของไว้ที่ตำหนักหยางซิน วันนี้จึงมาขอคืน เพคะ“ จูจินหลางอมยิ้มน้อยๆ แต่องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอ พอได้ยินคำว่าสองวันก่อน ก็หน้าแดง หูแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เริ่มมีอาการเขินอายจนเห็นได้ชัด“อืม..เอ่อ..มีสิ่งใ
ซานอี้กับเฟ่ยเย่ลงจากเขาเมิ่งซานมาด้วยกัน จึงไปที่หอหรูอี้เพื่อสืบข่าว และได้พบกับองค์รักษ์ชิงเฟิงเฟ่ยเย่ตรวจดูอาการของชิงเฟิงแล้ว ถึงจะบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ได้ยามาช่วยบรรเทาได้ทันเวลา นางใช้พลังเทพเดินลมปราณให้ชิงเฟิงทำให้หายเร็วกว่าปกติมาก”ขอบพระคุณแม่นางฟาง“ ชิงเฟิงกล่าวขอบคุณเฟ่ยเย่”มิได้ มิได้ องค์รักษ์ชิงเฟิงโตมาด้วยกันกับองค์รัชทายาทอันซื่อเราจะนิ่งดูดายได้อย่างไรกันเล่า“ เฟ่ยเย่ยิ้มให้อย่างมีไมตรี”เหตุใดแม่นางถึงได้ล่วงรู้เรื่องนี้ด้วย!“ชิงเฟิงหมวดคิ้วสงสัย”โถ เอ้ย เราเป็นสหายร่วมเรียนกับองค์หญิงเหยียนหลินนะ“ เฟ่ยเย่แสร้งกลบเกลื่อน“ท่านพี่ซานอี้เราคงต้องแยกกันตรงนี้ ท่านไปกับชิงเฟิงกลับไปหนานฉี่ก่อน ไปช่วยทางท่านพี่ลั่วซือ ส่วนข้าจะเข้าวังหนานเจียงไปพบองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหออีกครั้ง“ เฟ่ยเย่รีบแจกแจง”ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป หากเจ้าถูกจับตัวไป ข้าจะมีหน้าไปพบท่านแม่ทัพฟางหมิ่นเฉียนรึ“ ซานอี้หมวดคิ้ว ยืนกอดอก สีหน้าขรึงขรึม”ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านพี่ ให้ข้าไปเถอะนะ”เฟ่ยเย่เข้ามาเขย่าแขนอ้อนซานอี้“ไม่ได้” ซานอี้กอดอกหันหลังให้เฟ่ยเย่“ข้ารับรอง ข้าไม่มีทางเป็นอันตราย ข้ามีอาว
ณ เขาพระจันทร์เสี้ยว“ท่านพี่! ข้าจะส่งท่านออกไปก่อน“ องค์ชายต้วนอวี้บอกองค์รัชทายาทอันซื่อ ”ไม่นะอาอวี้ข้าไม่ไป ข้าจะทิ้งเจ้าได้อย่างไร?“ อันซื่อมิยินยอม”เราติดอยู่ที่นี่มาหลายวันเกินไปแล้ว พอเสบียงหมดทหารจะหมดแรง ถึงตอนนั้น ข้าจะปล่อยให้องค์รัชทายาทแห่งหนานฉี่ ถูกจับคุมไปเป็นเชลยศึกได้อย่างไร?“ ต้วนอวี้มีสีหน้าจริงจังและคุกเข่าต่อหน้าอันซื่อ”ท่านพี่ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าไม่เคยร้องขออะไรจากท่านเลย ครั้งนี้อาอวี้ขอร้องท่านพี่สักครั้งได้หรือไม่! โปรดฟังคำขอร้องจากข้าด้วย!“ ต้วนอวี้ยังคงคุกเข่า”ไม่ได้! เจ้าอยู่ข้าอยู่! ไม่ว่าวันข้างหน้าจะสิ้นแสงสักเพียงใด ข้าจะไปกับเจ้า! ข้าเป็นท่านพี่ของเจ้า หากเจ้าเป็นอะไรไปข้าจะอธิบายกับเสด็จแม่บนสวรรค์ได้อย่างไร?” อันซื่อค่อยประคองต้วนอวี้ให้ลุกขึ้น“คืนนี้เราจะใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม” อั่นซื่อกล่าว“ไม่คิดเลยว่าแม่ทัพต้าฝู่จะสกปรกถึงเพียง คบค้าพวกมาร ทหารผีดิบพวกนั้นฆ่าไม่ตาย!” ต้วนอวี้กล่าวอย่างหดหู่เขาพระจันทร์เสี้ยวในคืนนั้น!ทหารหลายหมื่นนายสู้กันอย่างดุเดือด ทางฝ่ายแม่ทัพต้าฝู่สมคบคิดกับพวกมาร ทหารผีดิบพวกนั้นมีเป็นหมื่น เป็นพันๆ
ผ้าแพรเทพบินกลับคืนสู่เจ้าของแล้ว!เฟ่ยเย่พาซานอี้เดินทางขึ้นเขาเมิ่งซาน“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด” ซานอี้เอ่ยถามทำลายความเงียบ“เขาเมิ่งซาน” จริงสิตอนนี้ซานอี้ตามองไม่เห็นแล้ว นางจึงจับมือซานอี้ให้กะชับมากขึ้นตลอดการเดินทาง“เจ้าไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับองค์รัชทายาทของหนานเจียงเลยหรือ?”ซานอี้สงสัย“ไม่มี! ที่สำคัญตอนนี้คือพาท่านไปรักษาดวงตาให้หาย“ เฟ่ยเย่ตอบสั้นๆเขาเสียบดาบ! ลั่วซือทางเดินมาถึงเขาเสียบดาบด้วยความลำบาก ที่นี่! เป็นสุสานอาวุธของเหล่าบรรดาจอมยุทธ ที่สิ้นชีพไปแล้ว อาวุธที่สุสานเขาเสียบดาบแห่งนี้รอคอยผู้เป็นเจ้านายคนใหม่!ลั่วซือเข้าไปยังใจกลางหุบเขาทำสมาธิแล้วดึงดาบทีละเล่ม เจอดาบดึงดาบ เจอกระบี่ดึงกระบี่ จนในที่สุดลั่วซือก็ดึง “ดาบวารีไหล” ของซืออู๋ตู้ครั้นมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ออกมาได้สำเร็จ! เทพอัคคีฉงหลีนั่งทำสมาธิรู้ได้ด้วยญาณว่าลั่วซือได้ดึงดาบวารีไหลออกมาจากเขาเสียบดาบสำเร็จแล้ว การครอบครองดาบวารีไหลนั้นไม่ง่ายแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้! ท่านอาจารย์ลืมตาขึ้น เบื้องหน้าตนคือเฟ่ยเย่กับซานอี้พึ่งขึ้นมาถึงยอดเขาเมิ่งซานพอดี”กราบท่านอาจารย์“ เฟ่ยเย่ลุกเข่ากราบคาราวะอาจาย์ ซานอี้ก
สองวันต่อมา!จูจินหลางมาขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอ พระองค์ดีใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากวันนั้นพระองค์ยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่มากมาย!“ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ” จูจินหลางถวายความเคารพ“ลุกขึ้นเถอะ” องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเข้าไปประคองแขน และยิ้มให้จูจินหลางอย่างนุ่มนวล“ขอหม่อมชั้นตรวจดูอาการของพระองค์หน่อยนะเพคะ” จูจินหลางเปลี่ยนเป็นจับแขนองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอประคองให้ไปนั่งแทน จากนั้นจูจินหลางก็ถลกแขนเสื้อขององค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอเล็กน้อยและใช้ปลายนิ้วมือกดที่จุดชีพจร ตรวจอาการอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันมายิ้มให้องค์รัชทายาท “ชีพจรปกติ พระองค์รู้สึกเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่ เพคะ” จูจินหลางเอ่ยถาม“เราไม่ได้เจ็บตรงไหน แต่เราคิดถึงเจ้ามาก” องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอพูดโพล่งความในใจออกมา!จูจินหลางมิได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแต่ยิ้มเขินอายรักษากิริยาอยู่ในที“เอ่อ..เมื่อสองวันก่อนหม่อมชั้นลืมของไว้ที่ตำหนักหยางซิน วันนี้จึงมาขอคืน เพคะ“ จูจินหลางอมยิ้มน้อยๆ แต่องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอ พอได้ยินคำว่าสองวันก่อน ก็หน้าแดง หูแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เริ่มมีอาการเขินอายจนเห็นได้ชัด“อืม..เอ่อ..มีสิ่งใ
หลายวันต่อ! ฟางเฟ่ยเย่ต้องเดินทางกลับเข้าวังของแคว้นหนานเจียง เพื่อช่วยองค์ชายซานอี้ส่วนลั่วซือกราบลาอาจารย์เดินทางไปยอดเขาเสียบดาบ เพื่อตามหาอาวุธประจำกาย แล้วจึงกลับไปหนานฉี่ด้วยเหตุที่ได้ข่าวไม่ค่อยสู้ดีเกี่ยวกับกองทัพขององค์รัชทายาทอันซื่อ และองค์ชาย ต้วนอวี้ส่วนทางเสี่ยวเป่ายังคงอยู่ที่บ่อน้ำผุร้อนต่อไปเมื่อเฟ่ยเย่กลับถึงวังของหนานเจียงก็กลับมาใช้ชื่อของจูจินหลาง นางเข้ากราบทูลองค์ฮ่องเต้ถึงการกลับมาของนาง ตอนนี้นางมาหยุดที่หน้าตำหนักหยางซินขันทีของวังหยางซินรีบวิ่งไปรายงานองค์รัชทายาท ”เทพธิดาจูจินหลางขอเข้าเฝ้า พะยะฮ่า“”รีบเชิญเข้ามาเร็ว“ องค์รัชทายาทมีน้ำเสียงดีใจปนตื่นเต้น”หม่อมชั้นจูจินหลางถวายบังคมองค์รัชทายาท“ จูจินหลางย่อคำนับอย่างรู้มารยาท”มานั่งนี่เถอะ“ องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอกวักมือเรียกนางไปนั่งข้างๆ โต๊ะที่ทรงพระอักษร”เจ้าสบายดีหรือไม่?“ อวิ๋นเทียนเหอ มองเพ่งพินิจไปทั่วตัว”หม่อมชั้นสบายดีเพคะ ถึงตอนนี้หากหม่อมชั้นใช้พลังทำให้ดอกไม้เบ่งบาน ก็ไม่เป็นไรแล้ว เพคะ“ จูจินหลางกล่าวอย่างยิ้มๆ”เรายินดีด้วยนะ เจ้าทำได้แล้ว จะได้ไม่มีผู้ใดกังขาเจ้าอีก““หม่อมชั้น
“เจ้าหาเสี่ยวเป่าอยู่ใช่หรือไม่?” ท่านอาจารย์ถามเฟ่ยเย่“ท่านรู้ความลับนี้ได้อย่างไร?” เฟ่ยเย่มีท่าทีตกใจท่านอาจารย์พูดต่อว่า เสี่ยวเป่าอายุครบหนึ่งหมื่นปีแล้ว เค้าจำศีลจนสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้แล้วเพียงแต่ตอนนี้ยังต้องใช้เวลา เดิมทีเสี่ยวเป่าเป็นบุตรของเทพมังกรยิ่งหรง ข้าก็หวังว่าเค้าจะสง่างามเหมือนพ่อของเค้า“ตอนนี้เค้าอยู่ไหนหรือเจ้าคะ” เฟ่ยเย่ตื่นเต้นดีใจ“อยู่ที่บ่อน้ำพุร้อนด้านหลังเขา ข้าได้กางเขตอาคมป้องกันการรบกวนให้เค้า แต่เจ้าเข้าไปได้” ท่านอาจารย์พูดเชิงอนุญาต“งั้นข้าจะไปหาเสี่ยวเป่าก่อนนะเจ้าคะ!” ว่าแล้วเฟ่ยเย่ก็ไม่สนใจสิ่งใด รีบลุกออกไปตามหาเสี่ยวเป่า ทิ้งความงงงวยให้ลั่วซือที่บ่อน้ำพุร้อน บนเขาเมิ่งซาน“เสี่ยวเป่า..เสี่ยวเป่า” น้ำเสียงเรียกที่คุ้นเคย กลิ่นนี้ที่คุ้นเคย ซึ่งเสี่ยวเป่าจำได้ดี แต่ตอนนี้เสี่ยวเป่าแปลงกายเป็นคนได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ครึ่งตัวส่วนล่างยังคงเป็นหางมังกรสีดำคลับ จึงต้องอาศัยแช่ในน้ำพุร้อนเพื่อเสริมพลังเมื่อเฟ่ยเย่เดินมาถึงบ่อน้ำพุร้อน ก็เห็นเงาคนผู้หนึ่งอยู่ในบ่อน้ำพุนั่น เฟ่ยเย่จึงก้าวขาลงไปในบ่อเพื่อไปดูให้แน่ว่าใช่เสี่ยวเป่าหรือไม่ห
จูจินหลางได้รับอนุญาตให้ออกนอกวัง ด้วยคำกล่าวอ้างของนางคือต้องการไปแช่น้ำพุร้อนเพื่อเสริมสร้างพลัง ที่เขาเมิ่งซาน แต่อันที่จริงนางอยากพบลั่วซือต่างหาก!จูจินหลางเตรียมตัวออกเดินทางโดยไม่มีผู้ติดตามเนื่องจากการไปในครั้งนี้ต้องขึ้นไปถึงยอดเขาเมิ่งซานจึงจะเจอบ่อน้ำพุร้อน และผู้ที่ขึ้นไปได้จึงต้องเป็นผู้ฝึกวรยุทธ หรือมีพลังจิตที่เข้มแข็งเท่านั้น!ถึงแม้นองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอจะเป็นห่วงนางมากเพียงใดแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้!เฟ่ยเย่นัดกับลั่วซือที่บริเวณตีนเขาเมิ่งซาน ด้วยการขึ้นเขาครั้งนี้มันไม่ได้ง่าย“คาราวะท่านพี่ลั่วซือ“ ฟางเฟ่ยเย่ทำความเคารพ ยามพบหน้า”ไม่ต้องมากพิธี” ลั่วซือจับต้นแขนนางทั้งสองข้างยกให้ตัวยืนขึ้น“ท่านพี่ ข้าเจอพี่ซานอี้แล้ว แต่เค้าตาบอด ถูกพิษและร่างกายอ่อนแอ ข้าได้บอกข่าวนี้ไปยังพี่อันซื่อกับพี่ต้วนอวี้แล้ว“ เฟ่ยเย่รายงานสถานะการณ์ต่างๆให้ลั่วซือฟังทั้งหมด“ดูเจ้าสนิทกับองค์ชายทั้งสามมากนะ“ น้ำเสียงลั่วซือปนความน้อยใจอยู่นิดหน่อย”ก็แน่ล่ะสิ ข้าเป็นถึง...สหายร่วมเรียนขององค์หญิงเหยียนหลินนี่นา“ เฟ่ยเย่หันหน้ามายิ้มให้ลั่วซือ”ไปเถอะหนทางขึ้นเขาลำบากมาก เดี๋ยวจะค่ำ
จูจินหลางใช้พลังมากเกินไปทำให้สลบไสลไปสามวันเต็มๆ นางค่อยฟื้นได้สติลืมตามองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรแล้วเพคะ! แค่ใช้พลังมากไป“ จูจินหลางกล่าวหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมาถึงได้รู้ว่าตลอดสามวันที่ผ่านมานางอยู่ในตำหนักขององค์รัชทายาทมาตลอดยามจื่อ! จูจินหลางสวมชุดดำมีผ้าคลุมปิดหน้าไปที่หอเก็บตำราหลวงอีกครั้งคราวนี้ไม่มีผู้ใดขัดขวาง นางได้แผนที่ราชวังมาแล้ว จึงเริ่มค้นหาจากตำหนักทางทิศตะวันออก นางปีนขึ้นหลังคาและค่อยๆเปิดแผ่นกระเบื้องหลังคาดูความเคลื่อนไหวของคนภายในตำหนักต่างๆที่นี่เป็นตำหนักหยงฉิ่ง ไทฮองไทเฮา ทรงประชวร จูจินหลางได้ยินลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอและมีอาการไอเป็นระยะ นางฟังอาการอยู่สักพักเจ้าของตำหนักนี้คือใครกัน ฟังจากเสียงลมหายใจแล้วเหมือนจะโดนพิษ? นางนึกในใจ ที่นี่คงไม่ใช่ที่คุมขังพี่ซานอี้เป็นแน่!ตามหาในวังแห่งนี้มาหลายตำหนักแล้วก็ยังไม่เจอ! ข้าคงต้องแอบสืบความจากใครสักคน ว่าแล้วก็นึกถึงองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอขึ้นมา หลายวันมานี้ได้องค์รัชทายาทช่วยไว้หลายครั้ง จึงรอดพ้นจากนักฆ่าพวกนั้นมาได้! นางเดิ
บัดนี้องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้กลับถึงหนานฉี่อย่างปลอดภัยแล้ว!แม่ทัพเกราะทองฟางหมิ่นเฉียนยังคงประจำการในค่ายอี้ชาง ฟื้นฟูร่างกายหายเป็นปกติแล้ว ต้วนอวี้ส่งข่าวเรื่องคุณหนูฟางเฟ่ยเย่ให้แม่ทัพทราบแล้วเช่นกันลั่วซือหาทางลักรอบไปหาเฟ่ยเย่ในห้องพัก จากวันที่ประกวดวันนั้นจนถึงวันนี้นางสลบไปสามวันเต็มๆ ลั่วซือแอบมาตรวจดูอาการนางทุกวันถ่ายทอดพลังให้และขอกัดแขนนางบางวันที่อาการหนอนมัจจุราชกำเริบเฟ่ยเย่รู้สึกตัวได้สติแล้ว ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง“มีราชองค์การ จากองค์ฮ่องเต้ถึงแม่นางจูจินหลาง” ขันทีป่าวประกาศเรียกที่ห้องโถงหอหรูอี้สือเนียงรีบเข้ามาประคองแขนของเฟ่ยเย่ในนามจูจินหลาง เดินไปถึงห้องโถงแล้วค่อยๆ นั่งคุกเข่าลง คนในห้องโถงต่างก็นั่งคุกทั้งหมดเพื่อรอฟังประกาศราชองค์การเนื้อความในราชองค์การ..!บัดนี้งานคัดเลือกเทพธิดาบุปผาได้สำเร็จลุล่วง จึงได้ผู้ที่มีความสามารถทำให้ดอกไม้นานาของแคว้นหนานเจียงผลิบาน อีกทั้งยังมีใบหน้างดงามราวนางฟ้า มีกิริยาวาจา และท่วงท่างามสง่า เราจึงขอแต่งตั้งเทพธิดาบุปผาคนใหม่ “จูจินหลาง” เป็นเทพธิดาบุปผา ประจำตำหนักหอดาราดาว“ ให้เทพธิดาจูจินหลางเข้าพัก