“หนาว..หนาวยิ่งนัก” ความเย็นยะเยือกที่รายล้อมอยู่รอบตัวของแม่นางเฟ่ยเย่ เสื้อผ้าที่เปียกชื้นนั่น ทำให้นางยิ่งหนาวมากขึ้น นางยังคงไม่ได้สติ ภายในถ้ำ บุรุษรูปงามนั่งอยู่หน้ากองไฟ คิ้วเข้มงามใบหน้าได้รูป ผิวขาว ในดวงตามีกองไฟเต้นอยู่ตามจังหวะ การสั่นไหวของเปลวไฟ เค้าครุ่นคิด สาเหตุของเรือที่อับปราง มันเป็นอุบัติเหตุหรืออะไรกันแน่! “หนาว..ข้าหนาวยิ่งนัก” เสียงนาง ทำให้บุรุษหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ ใกล้นางอีกนิด พยายามหาฟางใบไม้แห้งมาห่อนางเพื่อให้ความอบอุ่น เฟ่ยเย่ปรือตามองชายหนุ่มเบื้องหน้า “ข้าปวดหัว ข้าหนาวยิ่งนัก ท่านพี่รองขอข้ากอดหน่อย กอดข้าหน่อย” พูดไม่ทันขาดคำ เฟ่ยเย่ก็โผเข้าหาอ้อมกอดของต้วนอวี้ เค้าไม่ทันได้ตั้งหลัก ตัวแข็งทือ ทำอะไรไม่ถูก ค่อยๆคลายมือ ของเฟ่ยเย่ออก ”แม่นางเฟ่ยเย่ เจ้าปล่อยมือออกก่อน“ พลางค่อยๆแกะมือนางออกจากท้ายทอย หลุดจากท้ายทอยก็มากอดรอบตัว รัดมือแน่นกว่าเดิม จนแผ่นหน้าอกแนบชิดกัน ต้วนอวี้หัวใจเต้นรั่วยิ่งนัก! ผ้าที่ผิงไฟไว้น่าจะพอแห้งแล้ว เค้ารีบสลัดแกะมือของเฟ่ยเย่แล้วรีบออกจากพันธนาการของมือนางก็คว้าเสื้อมาคลุมไว้แทน เค้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ชา
จวนสกุลฟาง ข่าวการเดินทางไปส่งเสบียงและช่วยออกรบทางเหนือขององค์ชายซานอี้ก็เข้าหู ของคุณหนูฟางเฟ่ยเย่ “คุณหนูเจ้าคะ อีกไม่กี่วันองค์ชายซานอี้จะไปส่งเสบียงให้ท่านแม่ทัพ นายท่านมีโอกาสได้กลับมาบ้านแล้ว” พูดพลางหวีผมให้เฟ่ยเย่ไปด้วย “ข้าจะไปกับพี่สามด้วย เอ่อ หมายถึง ข้าจะร่วมเดินทางไปกับองค์ชายสามด้วย พรุ่งข้าต้องออกจากจวน” เหยียนหลินในร่างเฟ่ยเย่เริ่มคิดวางแผนต่างๆนานา ในใจ ”มันอันตรายนะเจัาคะ! ครานั้นก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ข้าว่าฮูหยินท่านไม่มีทางให้ไปคุณหนูไปเจ้าค่ะ“ รุ่ยรุ่ยสาวใช้ผู้นี้ พอจะมีความคิดความอ่านบ้าง ณ ถ้ำในเขาเจ็ดสี “เสี่ยวเป่า!..เสี่ยวเป่า!“ เฟ่ยเย่เอ่ยชื่อใครสักคนเดินเข้าไปในถ้ำ ในมือถือคบเพลิงส่องสว่าง ”เสี่ยวเป่า!...เสี่ยวเป่า!” เดินสองสามก้าวก็เรียกครั้งนึง ส่ายมือไปมาให้แสงไฟจากคบเพลิงส่องตามที่ตามองพยายามเพ่งมอง นางพยายามหาใครสักคนในถ้ำ มีดวงตาสีแดงฉานคู่หนึ่ง จับจองมาที่เฟ่ยเย่ ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา เฟ่ยเย่หาได้หวาดกลัวสายตาคู่นั้นไม่ กับยื่นมือเข้าหาอย่างช้าๆ คร่าาาาาาาา...ฮ่าาาาา เสียงคำรามดังกึกก้องสะท้านไปทั่ว เจ้าของดวงตาแดงฉานคู่นั้น บัดนี้อ้างปา
หน้าจวนองค์ชายซานอวี้ มีรถม้าคันหนึ่งมาจอดตั้งแต่เช้ามืด ฟ้ายังไม่สาง “องค์ชายสาม หน้าจวนมีรถม้าจากสกุลฟางมาจอดรอ พะยะค่ะ” องค์รักษ์มากล่าวรายงาน “เห็นว่าจะร่วมเดินทางร่วมทัพไปกับองค์ชายด้วย พะยะค่ะ” ซานอี้ขมวดคิ้วแปลกใจ ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเรียงกันเบาๆ ความแปลกใจคงอยู่ในใบหน้างามสง่าเกลี้ยงเกลา “สกุลฟางรึ ลูกสาวคนเดียวของท่านแม่ทัพ คุณหนูฟางเฟ่ยเย่ใช่หรือไม่” ใช่พะยะค่ะ องค์รักษ์พยักหน้า ”ไปเชิญนางมาพบข้า“ องค์รักษ์รับคำสั่ง ”หม่อมชั้น ฟางเฟ่ยเย่ ถวายบังคมองค์ชาย“ เฟ่ยเย่ย่อตัวทำความเคารพ ”ทำตัวตามสบายเถอะ เชิญนั่ง“ องค์ชายสามผายมือไปทางเก้าอี้ “องค์ชายเพคะ หม่อมชั้นขอติดตามร่วมเดินทางไปช่วยท่านพ่อด้วยได้หรือไม่เพคะ เอ่อ ข้ารับรองข้าจะไม่ทำตัวเป็นภาระ แน่นอน“ ”ในกองทัพมีเหล่าทหารมากมาย เจ้าเป็นหญิง ครั้งนี้เราเกรงว่าจะไม่ได้สะดวกสบายนักหรอก ถึงแม้นครานั้นที่ร่องเรือ ก็มิได้เรียบรื่น เราต้องสูญเสียน้องสาวอันเป็นที่รักของเราไป“ ซานอี้แววตาเศร้าหมอง หลบตาต่ำ “หม่อมชั้นจะปลอมตัวเป็นชาย เป็นองค์รักษ์ของพระองค์ หม่อมชั้นมีวรยุทธ์ ชำนาญการแพทย์ ขี่ม้า ยิงธนูได้ เพคะ” เฟ่ยเย่
การมาของเฟ่ยเย่ครั้งนี้ เฟ่ยเย่เองก็รู้สึกหนักใจเป็นอย่างยิ่ง ในสถานะองค์หญิงเหยียนหลินก็ไม่ได้มีความสนิทอะไรกับท่านแม่ทัพฟางเลยแม้แต่น้อย การที่นางมาที่นี่ประการแรกเป็นห่วงพี่ซานอี้เสียมากกว่า อีกอย่างตอนนี้นางเองก็อยู่ในสถานะลูกสาวของท่านแม่ทัพฟางแล้ว จะให้นิ่งดูดายเฝ้าเรือน ทั้งๆที่รู้ว่าบิดาตนถูกพวกศัตรูล้อมเช่นนั้น นางคงทนไม่ได้ “เราต้องวางแผน บุกหุบเขาลิ่ว เพื่อชิงตัวท่านแม่ทัพฟางในคืนนี้ ต้องช่วยให้ได้ในคราวเดียว ไม่ให้พวกมันตั้งรับได้ทัน“ ซานอี้ใช้ไม้จิ้มไปที่แผนที่จำลอง และวางแผนให้ทุกฝ่ายกระจายกำลัง บุกโจมตีพร้อมกันรอบหุบเขาลิ่ว หลังจากที่เฟ่ยเย่นั่งและทำความเข้าใจแผนสักพัก ”แล้วข้าล่ะ ข้าต้องทำอะไร“ เฟ่ยเย่เอ่ยถาม ”เจ้าไม่ต้องทำอะไร อยู่ในค่ายรักษาผู้บาดเจ็บ“ ซานอี้พูดทำเสียงเข้ม สีหน้าสงบนิ่ง ”เดิมทีเจ้าก็ไม่ได้อยู่ในแผนเราตั้งแต่แรก รอที่ค่ายเถอะ“ มีเจ้าช่วยรักษาทหารบาดเจ็บคงช่วยได้มากทีเดียว เมื่อเข้าใจแผนแล้วเหตุใดข้าจะตามไปด้วยมิได้เล่า เฟ่ยเย่เม้มปากแน่นแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดนอกจาก ”ข้าเข้าใจแล้ว“ เฟ่ยเย่เอามือประสานกันทำความเคารพแบบผู้ชาย ยามจื่อ! เสียงสัญ
ในถ้ำกองไฟถูกจุดขึ้น เพื่อให้ความสว่างและความอบอุ่น เฟ่ยเย่ค่อยๆพยุงซานอี้วางลงอย่างระมัดระวังซานอี้คงมีสติ แต่เหนื่อยอ่อน หมดแรง ปวดบาดแผล ซานอี้บาดเจ็บสาหัส เลือดสีดำไหลออกมาทางบาดแผลคมลูกธนูที่ปักคาอกของซานอี้“ลูกธนูมีพิษ ข้าไม่รู้ว่าเป็นชนิดใด“ เฟ่ยเย่มีสีหน้าเป็นกังวลจนเห็นได้ชัด“ข้าจะต้องดึงธนูออกก่อน มันอาจจะเจ็บปวดมากท่านไหวมั้ย“ เฟ่ยเย่อธิบายพร้อมเงยหน้ามองซานอี้เพื่อขอความเห็นซานอี้พยักหน้ารับ”ข้าต้องถอดเสื้อท่านออกก่อน จะได้ทำแผลสะดวก“ พูดพลางมือก็ปลดเข็มของซานอี้ออกครู่ต่อมา ซานอี้ก็รู้สึกประหม่า เขินอายนิดหน่อย ตั้งแต่โตมาไม่เคยมีสตรีนางใดมาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเค้าออกเช่นนี้ เฟ่ยเย่มีหอบผ้ามัดติดตัวมาด้วย นางรีบปลดออกจากตัวเพื่อความคล่องตัว เมื่อเตรียมทุกอย่างแล้ว”ข้าจะดึงธนูออกแล้วนะ” เฟ่ยเย่หันไปสบตาซานอี้อีกครั้ง ซานอี้พยักหน้ารับ นางจัดท่าให้ซานอี้กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงซ้อนทับตัวนางไว้ หันหน้าออกเฟ่ยเย่เม้มปากแน่น มือขวากำลูกธนูแน่น มือซ้ายกอดตัวซ่านอี้ไว้ ไม่ให้ขยับ ข้าจะดึงแล้วนะ พูดไม่ทันขาดคำ ฉึก! ซานอี้กัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่นลูกธนูถูกเฟ่ยเย่ดึงออกมาใน
ในถ้ำที่หนานเจียง “ข้าต้องออกไปหาเสบียง วันนี้เราจะต้องได้กินเนื้อกันบ้าง” เฟ่ยเย่เตรียมเก็บของเข้าย่ามและ สะพายห่อผ้ารัดคาดอก “ข้าไปด้วย” ซานอี้ก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อตัวนอกมาใส่ “ไม่ต้องไป ท่านต้องอยู่ที่นี่ ท่านมีแผลอยู่ ไม่ควรขยับตัวไปไหนมาไหนใช้แรงมากๆ” เฟ่ยเย่กอดอกออกคำสั่ง ส่วนซานอี้ก็นั่งกอดอกเงยหน้ามองกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร “ข้าไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น เราออกไปพร้อมกันเถอะ ข้าจะหายดีในอีกไม่กี่วัน” ซานอี้ยังยืนกร้าน “เสบียงเราหมดแล้วท่านพี่คนดีของข้า“ น้ำเสียงฟังดูประชดประชันเล็กน้อย จากที่นางยืนกอดอกเปลี่ยนกลับมาเป็นนั่งลงข้างๆ แทน อมยิ้มทำหน้าปนหยอกล้อเล็กน้อย “ท่านต้องเดินลมปราณเพื่อขับพิษ จนกว่าพิษในร่างกายจะออกหมด ข้าต้องไปหาสมุนไพร มาช่วยขับพิษด้วย“ เฟ่ยเย่อธิบายต่อ ”ลำบากเจ้าแล้ว“ ซานอี้วางมือบนไหล่เฟ่ยเย่ แม้ซานอี้ไม่อยากให้ไป แต่ก็ห้ามนางมิได้ เฟ่ยเย่ออกจากถ้ำมาแล้ว แต่ไม่พบเสี่ยวเป่า คาดว่าคงไปหลบรักษาบาดแผลที่ไหนสักที่ เฟ่ยเย่เดินลงเขามาประมาณ 1 ชั่วยามแล้วเจอหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง สอบถามจากชาวบ้านจึงรู้ว่าที่นี่คือแคว้นหนานเจียง เฟ่ยเย่รีบหาซื้อเสบี
กลางดึก เฟ่ยเย่แต่งตัวเป็นชายรวบผมหางม้าทรงสูงใส่ชุดสีดำ ดูทะมัดทะแมง ออกตามสืบหาพี่ซานอี้ คงจะต้องเริ่มสืบจากค่ายทหารก่อน นางควบม้าเร็ววิ่งไปทางค่ายทหารของหนานเจียงติดชายแดนค่ายอี้ชาง ใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพง และเดินไปบนหลังคา เบื้องล่างมีทหารเฝ้ายาม เดินตรวจตราอยู่ไม่น้อย นางพยายามค้นหา ทุกซอกทุกมุมในค่ายทหารของหนานเจียงนี่ แต่ก็ไม่พบ พวกมันเอาตัวพี่ซานอี้ไปไว้ที่ใดกัน? เฟ่ยเย่เดินไปเดินมาในห้องพักที่โรงเตี๊ยม เพื่อใช้ความคิด พี่ซานอี้เป็นถึงองค์ชาย หากจับองค์ชายเป็นตัวประกันได้ คงไม่เอาตัวมาคุมขังในคุกทหารหรอกกระมัง หรืออยู่ในวังของหนานเจียง เพื่อเอามาเป็นข้อต่อรองระหว่างสองแคว้นเป็นแน่ๆ! นอกจากเดินไปเดินมา พูดคนเดียว แล้วก็นั่งถอนหายใจ ติดๆ กัน 2-3 ครั้ง “จะเข้าไปในวังได้อย่างไร? จริงสิงานเทพธิดาบุปผา“ เฟ่ยเย่เหมือนจะคิดอะไรออก ”เถ้าแก่ ข้าจะขอพักอยู่ต่อจนถึงงานเทศกาลบุปผา” เฟ่ยเย่เรียกผู้ที่นั่งดีดลูกคิดไปมาไปอยู่โต๊ะด้านหลัง “ทั้งหมด 5 ตำลึงเงิน“ เถ้าแก่วางมือจากดีดลูกคิดไปมา เฟ่ยเย่ส่งก้อนเงินก้อนใหญ่สีทองส่งให้เถ้าแก่ วันต่อมา เฟ่ยเย่เดินเข้าไปสำรวจในหอหรูอี้ คร
บทที่ 8 - แต่งงานสานสัมพันธ์ องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้ บัดนี้เดินทางถึงแคว้นหนานตูเรียบร้อยแล้ว แคว้นหนานตูเป็นแคว้นอยู่ติดหนางเจียงค่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นหนานฉี่ กษัตย์แคว้นหนานตูไม่ฝักใฝ่การรบและมักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแคว้นอื่นๆ กษัตย์แคว้นหนานตูมีองค์หญิงมากมาย แต่กลับไม่มีพระโอรส จึงมักส่งองค์หญิงแต่งงานกับแคว้นอื่น เพื่อสานความสัมพันธ์ งานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตของแคว้นหนานตู ณ วังเจียหมิง ถูกจัดขึ้น มีโต๊ะวางเลี้ยงกันตลอดแนว มีของกินมากมาย มีการแสดงรำฟ้อนของแคว้นหนานตู มีบรรดาเหล่าองค์หญิงของเจ้าแคว้นและเหล่าเสนาบดีทั้งหลาย มาให้การต้อนรับ หนึ่งในนั้นคือองค์หญิงรองหนิงเอ๋อ องค์หญิงรองหนิงเอ๋อ สำรวจพินิจพิเคราะห์องค์ชายทั้งสอง สง่างามสมคำล่ำลือ ประทับใจเมื่อได้พบกันครั้งแรก นางอมยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีแผนการ งานเลี้ยงฉลองต้อนรับเป็นไปอย่างราบรื่น ทางหนานฉี่นำไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่เท่ากำปันเด็ก ซึ่งเป็นของค้ำค่าและหายาก มาถวายกษัตริย์หนานตู การค้าซื้อขายแลกเปลี่ยน แร่เหล็ก อาหาร เสื้อผ้า เกลือและอื่นๆ เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกัน ศาลาสวนดอกไ
องค์หญิงเยียนหลินรีบตื่นขึ้นในตอนเช้า อาบน้ำแต่งองค์ด้วยเสื้อผ้าที่ท่านอาจารย์มอบให้ ทรงเสด็จไปยังเรือนรับรองโดยมิได้มีเหม่ยจูตามเสด็จมาด้วย เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในเรือนรับรอง เห็นนางกำนัลเก็บวาดทำความสะอาดตามห้องพักต่างๆ องค์หญิงรีบถามนางกำนัลที่ทำความสะอาดบริเวณนั้น“ท่านอาจารย์ล่ะ เจ้าเห็นท่านอาจารย์ของข้าหรือไม่?”“ทูลองค์หญิง ท่านราชครูไปแล้ว เพคะ!”นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปไหนหรือ?”องค์หญิงซักถามนางกำนัลต่ออีก“ทรงขึ้นรถม้าออกนอกราชวังไปแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปแล้วหรือ!”องค์หญิงถึงกลับอึงไป และพูดอยู่กับตัวเองย้ำๆ ว่าไปแล้วหรือ! นางเดินกลับตำหนักจิ่งหลินด้วยความผิดหวัง เหม่ยจูเห็นองค์หญิงเดินกลับตำหนักด้วยท่าทางเหม่ยลอย นางคว้าแขนองค์หญิงและเขย่าเรียกเบาๆ“องค์หญิง! องค์หญิงไปไหนมาหรือเจ้าคะ?”เหม่ยจูเขย่าองค์หญิงเบาๆ อีกครั้ง!“ไปหาท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์กลับไปแล้ว”องค์หญิงตอบเหม่ยจูด้วยสีหน้าผิดหวัง“องค์หญิงน้อย ฝ่าบาทให้ขันทีเว่ยมาตามไปพบเสด็จฯ เพคะ องค์หญิงน้อยทรงรีบไปที่ตำหนักตงเตี้ยนเถอะเจ้าค่ะ“เหม่ยจูรีบจูงมือขององค์หญิงน้อย
@ ณ ตำหนักตงเตี้ยน แคว้นหนานฉี่วันนี้มีการตั้งวางแท่นบูชากราบไหว้เทพ เทวดาฟ้าดิน เซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ องค์ฮ่องเต้แคว้นฉี่ยืนอยู่หน้าแท่นบูชา จุดธูปไหว้เทียนเพื่อบรวงเทวดา ถัดมาแถวที่สองเป็นบรรดาเหล่าองค์ชายองค์หญิงและพระสนมวังหลัง แถวที่สามเป็น เหล่าเสนาบดี และข้าราชการยืนเรียงแถวด้านหลัง ถึงกระนั้นก็ยังมีเสียงกระซิบกันเกิดขึ้น“วันนี้ท่านราชครูเข้าวัง ใช่หรือไม่?“เสนาบดีฝ่ายซ้ายถามเสนาบดีกรมพิธีการ”ใช่ ดูเหมือนเป็นเช่นนั้น ทุกครั้งที่ท่านราชครูเข้าวัง ฝ่าบาททำพิธีทรงบวงสรวงสวรรค์ทุกครั้งไป”เสนาบดีกรมพิธีการกระซิบเบากับเสนาบดีฝ่ายซ้าย“อืม! ข้าก็สังเกตเห็นไปเช่นนั้น ราชครูคนอื่นๆที่สอนบรรดาเหล่าองค์ชาย ไม่มีใครเป็นเช่นนี้“เสนาบดีซ้ายยังคงกล่าวด้วยความสงสัย”ท่านอย่าได้พูดเช่นนี้อีกเชียว! ข้าได้ยินมาว่าท่านราชครูฉงหลี ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นเทพบนสวรรค์“ เสนาบดีกรมพิธีการกระซิบเบากับเสนาบดีฝ่ายซ้าย“ท่านราชครูฉงหลีมาถึงแล้ว!“เสียงขันทีตะโกนแจ้งข่าวการมาของท่านราชครูเมื่อรถม้าของท่านราชครูฉงหลีมาถึง เค้าก็ค่อยๆก้าวลงมาจากรถม้าช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ชุดสีขาวที่ท่านราชครูมักสวมใส
เวลาบนสวรรค์ต่างจากเวลาบนโลกมนุษย์บัดนี้ผ่านไปสิบห้าปีแล้ว นับตั้งแต่กษัตริย์แห่งหนานฉี่ได้พบกับเทพอัคคีฉงหลีที่วัดเซียนกู่ บนเขาเบญจเทวะ ข่าวการคลอดขององค์หญิงห้าแห่งแคว้นหนานฉี่นามว่าองค์หญิงเยียนหลินก็ลือสะพัดไปทั่วแคว้น! เป็นธิดาที่เกิดจากพระสนมเสียนเฟ่ยกษัตริย์แห่งแคว้นหนานฉี่มีบุตรชายสี่พระองค์และองค์หญิงห้าเป็นธิดาพระองค์เดียวและเป็นน้องคนสุดท้องแห่งแคว้นหนานฉี่! องค์หญิงห้าเป็นที่โปรดปรานและกษัตริย์แห่งแคว้นหนานฉี่ก็ยินดีปรีดาที่มีธิดาบุตรสาวถือกำเนิดขึ้น พระองค์ทรงรักและทะนุถนอมดั่งแก้วตาดวงใจ@ ณ ตำหนักบูรพา วังหลวงแคว้นหนานฉี่“องค์หญิงเยียนหลินเสด็จ!” ขันทีหน้าตำหนักกล่าวรายงาน “ตึกๆๆๆ”เสียงฝีเท้าที่วิ่งด้วยความรวดเร็วด้วยหน้าตาที่แตกตื่น“องค์หญิงช้าหน่อย เพคะ องค์หญิงรอหม่อมชั้นด้วย เพคะ“เหม่ยจูสาวใช้คนสนิทขององค์หญิงวิ่งตามมาเอามือทามอกหายใจเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด!“เสด็จพี่!”เยียนหลินเห็นหน้าอันซื่อจึงวิ่งโผล่เข้าไปกอดอันซื่อไว้แน่น ส่วนอันซื่อนั้นยังไม่ทันจะตั้งท่าก็ตกใจมากพอควร“เจ้า! หลินเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไป พี่จะล้มแล้ว”สิ้นเสียงอันซื่อเสียหลักก็ล้มตัวลง ถึงจะ
เมื่อพ่อมดแห่งเยียนถูกปลิดชีพคาถาและมนต์สะกดที่ร่ายไว้ก็สลายหายไป องค์ชายซานอี้กับองค์หญิงหว่านชิงที่ถูกคาถาสะกดให้หลับไหลดวงจิตก็ได้สลับร่างกลับตามเดิมมังกรเทพอวี่หลงกับอ๋องอวี้กลับมาถึงวังซีเยียนอวี่หลงเห็นซีอินกำลังถ่ายพลังเทพให้อันซื่อที่นอนนิ่งพาดอยู่ที่ตักซีอิน“องค์หญิง! หากถ่ายพลังเทพแต่กำเนิดให้มนุษย์ท่านจะต้องตายไปด้วย!“ อวี่หลงจับไหล่ซีอินเขย่าเบาๆ ”ไม่ๆๆ ข้าจะปล่อยให้ท่านพี่ตายไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมเสียเค้าไปอีกคน” ซีอินยังคงดื้อดึงปล่อยพลังเทพเพื่อช่วยชีวิตอันซื่อต่อไปส่วนจี้เฉินพึ่งจะตามหลังต้วนอวี้มาติดๆ จึงเห็นชิงเฟิงมีหอกปักคาหน้าอกทะลุหลัง ลำตัวมีบาดแผลไม่น้อย จี้เฉินจะวิ่งไปประคองชิงเฟิง”ชิงเฟิง ชิงเฟิง ท่านพี่! ข้ามาช้าไปใช่หรือไม่?“จี้เฉินเริ่มน้ำตาไหล เรียกชื่อชิงเฟิง ซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง”เจ้าน้องโง่! ชายชาตรี อย่าร้องไห้“ ชิงเฟิงหายใจรวยรินเต็มทียังกล่าวด้วยเสียงอันแผ่วเผาต่ออีกว่า “พี่ไม่เสียใจ เจ้าก็อย่าเสียใจเลย ข้า...ข้าฝากดูแล....”ชิงเฟิงพูดไม่ทันจบประโยคก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นลมหายใจภายใต้อ้อมกอดของน้องชาย“ท่านพี่!!!! ฮือๆๆๆ”จี้เฉินนั้นมีชิงเฟิงเป็นพี่ชาย
@วังซีเยียน!องค์หญิงซีอินและซิ่วอิงกลับมาถึงซีเยียนก็ตรงเข้าไปวังทันที“ถวายบังคมเสด็จพี่ทั้งสามเพคะ หม่อมชั้นมาขอรับโทษ เพคะ!”ซีอินคุกเข่าหน้าบัลลังก์เพื่อรอโทษ“เจ้าผิดเรื่องใดรู้ตัวหรือไม่?” ต้วนอวี้ขมวดคิ้วเอ่ยปากถามซีอินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“หม่อมชั้นวู่วาม แอบไปที่กำแพงเมืองเป่ยเยียนโดยไม่ได้บอกผู้ใด เพคะ“ ซีอินก้มหมอบตัวลงต่ำเกือบติดพื้น ตอบคำถามอย่างสำนึกผิด”น้องหญิงหากเจ้าเป็นอะไรไป จะให้พวกเสด็จพี่ตอบคำถาม เสด็จพ่อว่าอย่างไร?“ อันซื่อกล่าวสำทับคำพูดของต้วนอวี้”หม่อมชั้นสำนึกผิดแล้ว เพคะ“ ซีอินโขกหัวคำนับ และก้มหมอบตัวลงต่ำเกือบติดพื้นเช่นเดิมเมื่อซานอี้เห็นเช่นนั้นก็อดรนทนดูมิได้ จึงเข้าไปพยุงซีอินให้ลุกขึ้น“น้องหญิงลุกขึ้นมาก่อนเถอะ”ซานอี้ในร่างหว่านชิงค่อยพยุงซีอินให้ลุกขึ้น“ท่านพี่ทั้งสอง น้องหญิงกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วก็ช่างเถอะ พะยะค่ะ โปรดอภัยให้นางด้วย นางทำไปเพราะความเป็นห่วงเจ้าสี่จริงๆ”ซานอี้ขอร้องแทนซีอิน“ช่างเถอะ! ตามที่เจ้าสามว่ากลับมาปลอดภัยก็ดีแล้ว”อันซื่อผู้มีจิตใจอ่อนโยนกล่าว“แต่ข้าจำเป็นจะต้องให้บทลงโทษกับน้องหญิงเสียหน่อยนะ คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่ทำ
องค์ชายอันซื่อ องค์ชายซานอี้ และองค์หญิงหว่านชิงกลับมาถึงซีเยียน ระหว่างทางได้รับสาสน์ที่ต้วนอวี้ส่งมาอันซื่อจึงเร่งเดินทางโดยมิได้หยุดพัก เมื่อมาถึงจึงได้เรียกให้มารวมตัวกันที่ตำหนักซีเยียน เพื่อประชุมหารือการช่วยองค์ชายลั่วซือและการแลกเปลี่ยนจากเป่ยเยียนแต่ซีอินไม่อาจสงบใจรออะไรได้เมื่อนางรู้ว่าอวิ๋นเทียนเหอสิ้นพระชนม จึงอยากไปดูให้เห็นกับตาถึงแม้จะรู้ว่ากำลังเดินเข้าไปติดกับดักก็ตาม!ขันทีน้อยนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาจากตำหนักชิงเหยา”ทูลฝ่าบาท! องค์หญิงซีอินกับองค์รักษ์อวี่หลงไม่ได้อยู่ในตำหนักชิงเหยา พะยะค่ะ กะหม่อมให้คนตามหาจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่พบ พะยะค่ะ“ ”จะไปที่ใดได้เล่า ส่งคนออกตามหาให้ทั่วซีเยียน“ ต้วนอวี้ออกคำสั่งทหาร ในใจเค้ารู้ดีว่าซีอินนั้นภายนอกจะดูสุขุมใจเย็น แต่แท้จริงแล้วเป็นคนที่วู่วามเพียงใด!ขณะเดียวกันอวี่หลงมังกรเทพนั้น ไม่เคยขัดใจองค์หญิงของเค้ามาก่อนและจะคอยติดตามซีอินไปทุกหนแห่ง ครั้งนี้ก็เช่นกันเค้ากลายร่างเป็นมังกรพาซีอินเหาะมาที่กำแพงเมืองเป่ยเยียนค่อยบินลงต่ำๆ และกลายร่างเป็นมนุษย์ทั้งสองกระโดดลงไปที่บนกำแพงเมืองเป่ยเยียนซึ่งมีทหารยื่นเฝ้าประจำการอยู่ตามจ
ต้วนอวี้แล้วจี้เฉินกับเหล่าองค์รักษ์กลับถึงซีเยียนอย่างปลอดภัย และได้นำศพองค์ชายจิ่วมิ่งเย่ลู่กลับมารีบจัดแจงหาช่างทำแท่นน้ำแข็งและห้องเย็นรักษาสภาพศพ!ซิ่วอิงสลบไหลไปสามวันเต็มๆ จึงค่อยฟื้นขึ้นมาได้ยาบำรุงจากหมอหลวงประกอบกับร่างกายที่แข็งแกร่งฝึกวรยุทธตั้งแต่เด็กทำให้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เค้าจึงออกตามหาซีอิน@ ณ แคว้นหนานฉี่เมื่อองค์รัชทายาทอันซื่อได้รับข่าวการถูกจับคุมของฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอและองค์ชายลั่วซือ ทำอันซื่อร้อนอกร้อนใจจนต้องรีบกลับซีเยียน ครั้งนี้องค์หญิงหว่านชิงและองค์ซานอี้ก็ตามเสด็จองค์รัชทายาทอันซื่อไปซีเยียนด้วยเช่นกัน ทางฮ่องเต้หนานฉี่ได้ให้การสนับสนุนกำลังทหารอีกหนึ่งแสนนายตามไปซีเยียนในครั้งนี้ด้วย@ ณ สระวังน้ำเย็นอาการของซีอินหายดีแล้วกำลังจะเดินทางออกจากสระวังน้ำเย็น เสียงดังสวบ!สาบ!สวบ!สาบ เป็นเสียงแวกหญ้า ซีอินมองไปทางต้นเสียงนั้นผู้ที่มาคือซิ่วอิง!“ถวายบังคมองค์หญิง” ซิ่วอิงรีบเข้ามาทำความเคารพซีอิน“เจ้ามาได้อย่างไร แล้วฝ่าบาทล่ะ”ซีอินมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด“ซิ่วอิงสมควรตาย ตอนนี้ฝ่าบาทถูกจับตัวไปพะยะค่ะ แต่ฝากให้ซิ่วอิงมาทูลองค์หญิงว่าดูแลตัวเ
ณ กระโจงพักของฮ่องเต้หนานเจียงซิ่งอิงที่สลับตัวปลอมเป็นฮ่องเต้อวิ๋นเทียนยังคงนั่งทำหน้าที่ได้ดี มิได้มีผู้ใดจับได้ และแล้วกระโจมก็เปิดออก มีเงาร่างคนผู้หนึ่งสวมชุดดำเข้าไปภายในกระโจม เมื่อซิ่วอิงเห็นก็เบิกตาและยิ้มกว้างทันที“พระองค์กลับมาอย่างปลอดภัยช่างดีจริงๆ”ซิ่ว อิงรีบเดินเข้ามาสำรวจตรวจร่างกายอวิ๋นเทียนใกล้ๆ อวิ๋นเทียนเหออมยิ้มอย่างอารมณ์ดีหมุนตัวตามแรงมือของซิ่วอิงไปมา“อารมณ์ดีเพียงนี้ เจอนางแล้วใช่หรือไม่ พระเจ้าข้า”ซิ่วอิงถามอย่างรู้ทัน ส่วนอวิ๋นเทียนเหอไม่ตอบได้แต่อมยิ้มและพยักหน้ารับ“ฝ่าบาทเปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนเถอะ ข้าไม่อยากอยู่ในชุดนี้แล้ว” ซิ่วอิงเร่งรัดอวิ๋นเทียนเหอ“ฮ่าๆๆ เจ้าอยู่ในชุดนี้ดูดีเชียวนะ“อวิ๋นเทียนเหอหยอกล้อซิ่วอิงอย่างอารมณ์ดี”โธ่! ฝ่าบาทอย่าทรงแกล้งซิ่วอิงเลย” ซิ่วอิงโค้งคำนับอวิ๋นเทียนเหอเชิงขอร้อง ซิ่วอิงอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฝ่าบาทของเค้าอารมณ์ถึงเพียงนี้ก็พอจะเดาได้ว่าคงมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับอวิ๋นเทียนเหออย่างแน่นอน!เมื่อลั่วซือนำกองทัพที่สมทบมาถึงฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอกับองค์ชายลั่วซือก็เร่งบุกโจมตีประตูทางเข้าเป่ยเหยียนทันที ไม่นานทั้งสองก็ส
ณ กระโจงพักของฮ่องเต้หนานเจียง“ข้าเดินทางจากทางเหนือมาจนซีเยียนแล้ว ข้ายังไม่เจอซีอินเลย ซิ่วอิงเจ้าไปตามหาซีอินบอกนางว่าอยากพบนางได้หรือไม่“ ฮ่องเต้อวิ๋นเทียนสั่งความองค์รักษ์ส่วนตัว”ตอนนี้สถานะการณ์รบคับขันยิ่งนัก พระองค์ใจเย็นๆก่อนเถอะ หากเรารบชนะฝ่าบาทคงได้เจอได้แน่นอน พะยะค่ะ“ ซิ่วอิงท้วงติง”ซิ่วอิงข้ากับเจ้าเติบใหญ่มาด้วยกัน เจ้าอยู่เคียงข้ามาตั้งแต่เด็ก เจ้าเข้าใจข้ามากที่สุดใช่หรือไม่“อวิ๋นเทียนเหอถอนหายใจออกมาเบาๆ”ซิ่วอิงสมควรตาย ซิ่วอิงจะไปทำตามรับสั่งเดี๋ยวนี้พระองค์ดูแลรักษาพระวรกายให้ดีๆ นะ พะยะค่ะ“ ซิ่วอิงลำบากใจยิ่งนักณ ตำหนักวังซีเยียนลั่วซือมาขอเข้าเฝ้าอ๋องต้วนอวี้และองค์รัชทายาทอันซื่อ”ถวายบังคมท่านพี่ทั้งสอง“ ลั่วซือทำความเคารพ”ลุกขึ้นเถอะน้องสี่ ไม่ต้องมากพิธี” อันซื่อกล่าวกับน้องชาย“เจ้ามีเรื่องอันใดใช่หรือไม่?”อ๋องต้วนอวี้เอ่ยถามน้องชาย“ทูลท่านพี่ทั้งสอง ตอนนี้สถานะการณ์หนานเจียงบุกโจมตีเป่ยเยียนไม่สู้ดี หลายวันมานี้ไม่สามารถบุกเข้าไปในเป่ยเยียนได้ อีกทั้งทหารเป่ยเหยียนมีจำนวนมาก ข้าเกรงว่า..“ลั่วซือเหมือนจะมีบางคำพูดที่จุกอยู่ในอกพูดออกมาลำบาก”ข้ากับท