ในถ้ำ
กองไฟถูกจุดขึ้น เพื่อให้ความสว่างและความอบอุ่น เฟ่ยเย่ค่อยๆพยุงซานอี้วางลงอย่างระมัดระวัง ซานอี้คงมีสติ แต่เหนื่อยอ่อน หมดแรง ปวดบาดแผล ซานอี้บาดเจ็บสาหัส เลือดสีดำไหลออกมาทางบาดแผลคมลูกธนูที่ปักคาอกของซานอี้ “ลูกธนูมีพิษ ข้าไม่รู้ว่าเป็นชนิดใด“ เฟ่ยเย่มีสีหน้าเป็นกังวลจนเห็นได้ชัด “ข้าจะต้องดึงธนูออกก่อน มันอาจจะเจ็บปวดมากท่านไหวมั้ย“ เฟ่ยเย่อธิบายพร้อมเงยหน้ามองซานอี้เพื่อขอความเห็น ซานอี้พยักหน้ารับ ”ข้าต้องถอดเสื้อท่านออกก่อน จะได้ทำแผลสะดวก“ พูดพลางมือก็ปลดเข็มของซานอี้ออก ครู่ต่อมา ซานอี้ก็รู้สึกประหม่า เขินอายนิดหน่อย ตั้งแต่โตมาไม่เคยมีสตรีนางใดมาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเค้าออกเช่นนี้ เฟ่ยเย่มีหอบผ้ามัดติดตัวมาด้วย นางรีบปลดออกจากตัวเพื่อความคล่องตัว เมื่อเตรียมทุกอย่างแล้ว ”ข้าจะดึงธนูออกแล้วนะ” เฟ่ยเย่หันไปสบตาซานอี้อีกครั้ง ซานอี้พยักหน้ารับ นางจัดท่าให้ซานอี้กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงซ้อนทับตัวนางไว้ หันหน้าออกเฟ่ยเย่เม้มปากแน่น มือขวากำลูกธนูแน่น มือซ้ายกอดตัวซ่านอี้ไว้ ไม่ให้ขยับ ข้าจะดึงแล้วนะ พูดไม่ทันขาดคำ ฉึก! ซานอี้กัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่น ลูกธนูถูกเฟ่ยเย่ดึงออกมาในครั้งเดียว แล้วเลือดสีดำก็ไหลตามออกมาเช่นกัน นางซับเลือดสีดำอยู่สักพักหนึ่ง ไม่ได้การล่ะ หากเลือดออกมาไม่หมดพิษคงวิ่งเข้าสู่หัวใจ นางจัดท่าให้ซานอี้นอนราบลงกับพื้นวิธีที่นางคิดได้ในตอนนี้คือดูดเอาเลือดออก นางล้มหน้าเอาปากดูดเลือดที่แผ่นอกของซานอี้ ในยามที่ปากสัมผัสโดนแผ่นอก ซานอี้สะท้านไปทั้งร่าง “เจ้า เจ้า ทำอะไรน่ะ” ซานอี้หัวใจเต้นแรง “ดูดเลือดพิษออก” เฟ่ยเย่หันมาตอบ สีหน้าปกติยามพ่นเลือดพิษออก ใช้แขนเสื้อเช็คเลือดที่ติดอยู่ที่ปาก “ข้าต้องถอดเสื้อผ้า ท่านอีก“ พลางยื่นมือไปดึงกางเกงของซานอี้ ห๊ะ ”เดี๋ยวๆ เจ้า เจ้า หยุดนะ“ ซานอี้ใช้มือยื้อกางเกงให้กลับขึ้นมา ”เจ้าเป็นผู้หญิงนะ ชื่อขึ้นธรรมเนียมสกุลสตรีอันดับหนึ่ง เจ้าได้มาได้อย่างไร“ ซานอี้ทำตาดุเม้มปากแน่น ตอนนี้ซานอี้ไม่มีแรงแม้แต่จะเชือดไก่ หากเฟ่ยเย่ยังดึงดันคงไม่มีแรงพอจะขัดขืน ”ข้าต้องฝั่งเข็มเส้นลมปราณ สกัดพิษ ตอนนี้พิษวิ่งไปทั่วแล้ว ข้าดูดพิษออกแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หากชักช้า เจ้าน่าจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้“ เฟ่ยเย่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ”ข้า เอ่อ ต้อง ถอดหมดหรือ ให้ตายสิ ข้า ยอมตายตรงนี้ดีหรือไม่” ซานอี้ยังคงกำชายกางเกงแน่น “ไม่ต้องกังวล ส่วนที่เจ้าหวงแหน ข้าจะเอาผ้าปิดไว้ให้ เช่นนั้นเจ้าวางใจเถอะ ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะมองของเจ้านักหรอก” เฟ่ยเย่ขมวดคิ้วเข้าหากัน ซานอี้ปล่อยตัวตามสบาย เค้าหลับตาลง รู้สึกเหนื่อยอ่อนเต็มที เฟ่ยเย่เอาห่อเข็มออกมาจากย่าม คลี่ห่อเข็มออกภายในมีเข็มวางเรียงกันอยู่หลายสิบเข็ม นางลงเข็มปักไปตามร่างกายของซานอี้ เหงือเล็กๆผุดขึ้นที่หน้าผา การรักษาที่ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วยาม และต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก ซานอี้รู้สึกถึงเข็มที่ทิ่มลงมาที่เนื้อ ทีละเข็มทีละเข็ม แต่เค้าก็อ่อนแรงจากการเสียเลือด แล้วยังบาดเจ็บจากการโดนกระบองหนามเหล็กฟาดแถมด้วยพิษจากลูกศรอีก เฟ่ยเย่เก็บเข็มทำความสะอาดเก็บเข้าห่อผ้า นางฉีกชายเสื้อมาพันบาดแผลให้ซานอี้เรียบร้อย ค่ำคืนนั้นต่างฝ่ายต่างอ่อนแรง ตอนเช้า ซานอี้รู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้น ก็พบกับแก้มของเฟ่ยเย่มาอยู่ติดปลายจมูกของเค้าได้กลิ่นหอม อ่อนๆ ทำให้ซานอี้ไม่กล้าหายใจแรงๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เค้าไม่คิดจะหลบหลีกใบหน้ารูปไข่ ขาวนวลไรผม และคิ้ว ไล่สายตามาหยุดตรงปากอวบอิ่ม ทำให้นึกถึงเมื่อคืน นางใช้ปากประกบตรงหน้าอกดูดพิษอยู่หลายครั้ง เฟ่ยเย่ขยับตัวเล็กน้อย ส่วนซานอี้แกล้งหลับตา เฟ่ยเย่รู้สึกตัวตื่น นางเห็นใบหน้าซานอี้อยู่ตรงหน้า มองใกล้ๆ พี่ชายเราก็หล่อเหลาเอาการมากทีเดียว พี่ชายที่มีแสงสว่างในพยายามฤดูใบไม้ผลิของข้า นางใช้นิ้วมือเขี่ยตามไรผม และวางนิ้วค่อยๆวาดนิ้วบนคิ้วช้าๆ จากนั้นก็วางนิ้วที่สันจมูกแล้ววาดลงมาช้าๆ ซานอี้ลืมตาตื่น สบตาเฟ่ยเย่ที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าทำอะไรน่ะ” ซานอี้ อมยิ้มทำให้มีลักยิ้มแก้มบุ๋ม “เอ่อ เออ เช้าแล้วเจ้าค่ะ ดูเหมือนท่านจะไม่มีไข้แล้ว แต่ยังต้องฝั่งเข็มต่ออีก 3-4 วัน พิษจึงจะถูกขับออกจนหมด ตอนนี้ท่านใช้วรยุทธไม่ได้ เพราะข้าผนึกลมปราณเอาไว้ก่อน เพื่อขจัดพิษ” เฟ่ยเย่ลุกขึ้น หยิบกระเป๋าทำจากหนังภายในบรรจุน้ำอยู่เต็มพอให้ทั้งสอง ล้างหน้าล้างตา และดื่มกิน นางหยิบแผ่นแป้งกลมออกมาย่างไฟ และแบ่งกันกิน ”ในห่อผ้าของเจ้า มีของกี่มากน้อย ข้าไม่คิดว่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างเจ้า จะเตรียมตัวมาลำบากได้ดีถึงเพียงนี้” นี่ไม่ใช่คำประชดประชัน แต่เป็นการชื่นชมจากใจจริงของซานอี้ ฮึ! นางทำเสียงขึ้นจมูก ชำเรืองดูซานอี้ ”ข้าก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วสิ แน่นอนว่ามาทางเหนือคร่านี้ไม่ได้มาเที่ยวเล่น หากข้าไม่เป็นห่วงเจ้า..ข้าคงไม่มา” “เจ้าเป็นห่วงข้าอย่างนั้นรึ” ซานอี้แปลกใจ สายตาคาดคั้นอยากได้คำตอบ เฟ่ยเย่สะดุ้งเล็กน้อย ลืมตัว ตอนนี้นางไม่ใช่ เหยียนหลินน้องสาวสุดที่รักของซานอี้อีกต่อไปแล้ว เฟ่ยเย่ไม่ตอบ กัดริมฝีปากเงียบ ซานอี้ค่อยๆ พยุงตัวเองเดินมานั่งข้างๆ เฟ่ยเย่ เค้าจับมือทั้งสองข้างของเฟ่ยมากุมไว้ “มองข้า” เฟ่ยเย่สบตาซานอี้ “กลับถึงแคว้นฉู่ เมื่อไหร่ ข้าจะทูลเสร็จพ่อ ไปสู่ขอเจ้า ข้าจริงจังนะ” ลูกผู้ชายอย่างซานอี้เป็นสุภาพบุรุษ ที่มีความรับผิดชอบสูงส่ง แต่ไม่ใช่เพียงแค่นางช่วยชีวิต แต่มันเป็นความรู้สึกบางอย่างที่มันก่อตัวตั้งแต่ร่วมทางเดินมาด้วยกันจนถึงร่วมเป็นร่วมตายกัน จนตอนนี้ “ไม่ ข้าไม่อยากได้ความรับผิดชอบ หรือการตอบแทนใดๆ ด้วยวิธีนี้ ไม่ต้องตอบแทน ไม่ต้องถวายตัวให้ข้า ฮ่าๆๆ“ เฟ่ยเย่หัวเราะหยอกล้อสบายใจ เวลาที่อยู่ในสถานะเหยียนหลิน กับพี่ซานอี้เป็นพี่ที่สนิทที่สุด ดังนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเฟ่ยเย่ นางก็ยังอยากจะหยอกล้อ ยั่วโมโหเค้าเช่นเดิม ”เจ้านี่!“ เมื่อองค์ชายถูกดูถูกซึ่งหน้าเช่นนี้ ใบหน้าร้อนเผ่า ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าจะมีสตรีนางใดมาดูถูกได้ถึงเพียงนี้ ซานอี้เอื้อมมือคว้าท้ายทอยของเฟ่ยเย่โน้มมาใกล้ใบหน้าของเค้า และกัดเข้าที่คอของเฟ่ยเย่กัดแล้วดูดอยู่สักพัก ”โอ๊ย ทำข้าเจ็บ“ เฟ่ยเย่พยายามผลักออก จับไปที่คอตนเอง สัมผัสได้ถึงรอยฟันและรอยช้ำแดงจากการดูด “รอยกัดนี้คือรอยตราประทับของข้า ข้าจองเจ้าไว้แล้ว” ซานอี้พูดพรางก็ยิ้มเขินอายเล็กน้อย “เจ้าจะบ้าหรือ ใครเค้าทำกันเช่นนี้เล่า” ซานอี้ยังคงต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อยู่ถ้ำวันที่ 3 พิษในร่างซานอี้ยังคงต้องฝั่งเข็มขับพิษอยู่อีก อย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วยาม ณ ค่ายอี้ชาง ท่านแม่ทัพเกราะทองฟางหมิ่นเหยียน กลับถึงค่ายอี้ชางแล้ว หลังจากที่แยกจากเฟ่ยเย่ที่หุบเขาลิ่ว ตอนนี้พิษที่อยู่ในกายก็ถูกถอนออกไปบ้างแล้ว ข่าวการหายไปขององค์ชายสามซานอี้กับคุณหนูฟางเฟ่ยเย่ไปถึงฮ่องเต้แคว้นหนานฉู่แล้ว องค์ชายต้วนอี้ เดินวนไปวนมาอยู่หน้าตำหนักตงเตี้ยน เพื่อรอเข้าเฝ้าฝ่าบาท “องค์ชายรอง เชิญพะยะค่ะ ฝ่าบาทอยู่ที่ห้องทรงพระอักษร” ขันทีเว่ยผายมือ เชื้อเชิญ “ถวายบังคมเสร็จพ่อ ขอทรงพระเจริญหมื่นๆปี“ ต้วนอวี้คุกเข่าคำนับเสร็จพ่อ ฝ่าบาทเงยหน้าขึ้นมาจากฎีกา อืม “ลุกขึ้น เจ้าว่ามาสิ“ ฝ่าบาทถามผู้อยู่เบื้องหน้า ”ทูลเสร็จพ่อ ลูกได้ยินมาว่าน้องสามกับคุณหนูฟางเฟ่ยเย่ หายตัวไปหลังจากที่บุกช่วยท่านแม่ทัพฟาง บัดนี้ยังหาตัวไม่พบ ข้าขออนุญาตไปตามหาน้องสามทางเหนือ พระเจ้าข้า” “เรื่องนี้ แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าส่งองค์รักษ์ลับไปช่วยออกตามหาแล้ว ส่วนเจ้ายังมีเรื่องต้องทำ” “แต่..ลูก” ต้วนอวี้ทำถ้าจะเอ่ยปาก “เจ้าต้องไปแคว้นหนานตู ไปเป็นทูตเจรจาการค้า รีบออกเดินทางภายใน 2 วัน หากไม่มีอะไรก็ออกไปเถอะ“ ฮ่องเต้โบกมือให้ไป “ลูกทูลลา“ ต้วนอวี้โค้งคำนับ ค่อยถอยหลังและหันหลังเดินออกไปในถ้ำที่หนานเจียง “ข้าต้องออกไปหาเสบียง วันนี้เราจะต้องได้กินเนื้อกันบ้าง” เฟ่ยเย่เตรียมเก็บของเข้าย่ามและ สะพายห่อผ้ารัดคาดอก “ข้าไปด้วย” ซานอี้ก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อตัวนอกมาใส่ “ไม่ต้องไป ท่านต้องอยู่ที่นี่ ท่านมีแผลอยู่ ไม่ควรขยับตัวไปไหนมาไหนใช้แรงมากๆ” เฟ่ยเย่กอดอกออกคำสั่ง ส่วนซานอี้ก็นั่งกอดอกเงยหน้ามองกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร “ข้าไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น เราออกไปพร้อมกันเถอะ ข้าจะหายดีในอีกไม่กี่วัน” ซานอี้ยังยืนกร้าน “เสบียงเราหมดแล้วท่านพี่คนดีของข้า“ น้ำเสียงฟังดูประชดประชันเล็กน้อย จากที่นางยืนกอดอกเปลี่ยนกลับมาเป็นนั่งลงข้างๆ แทน อมยิ้มทำหน้าปนหยอกล้อเล็กน้อย “ท่านต้องเดินลมปราณเพื่อขับพิษ จนกว่าพิษในร่างกายจะออกหมด ข้าต้องไปหาสมุนไพร มาช่วยขับพิษด้วย“ เฟ่ยเย่อธิบายต่อ ”ลำบากเจ้าแล้ว“ ซานอี้วางมือบนไหล่เฟ่ยเย่ แม้ซานอี้ไม่อยากให้ไป แต่ก็ห้ามนางมิได้ เฟ่ยเย่ออกจากถ้ำมาแล้ว แต่ไม่พบเสี่ยวเป่า คาดว่าคงไปหลบรักษาบาดแผลที่ไหนสักที่ เฟ่ยเย่เดินลงเขามาประมาณ 1 ชั่วยามแล้วเจอหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง สอบถามจากชาวบ้านจึงรู้ว่าที่นี่คือแคว้นหนานเจียง เฟ่ยเย่รีบหาซื้อเสบี
กลางดึก เฟ่ยเย่แต่งตัวเป็นชายรวบผมหางม้าทรงสูงใส่ชุดสีดำ ดูทะมัดทะแมง ออกตามสืบหาพี่ซานอี้ คงจะต้องเริ่มสืบจากค่ายทหารก่อน นางควบม้าเร็ววิ่งไปทางค่ายทหารของหนานเจียงติดชายแดนค่ายอี้ชาง ใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพง และเดินไปบนหลังคา เบื้องล่างมีทหารเฝ้ายาม เดินตรวจตราอยู่ไม่น้อย นางพยายามค้นหา ทุกซอกทุกมุมในค่ายทหารของหนานเจียงนี่ แต่ก็ไม่พบ พวกมันเอาตัวพี่ซานอี้ไปไว้ที่ใดกัน? เฟ่ยเย่เดินไปเดินมาในห้องพักที่โรงเตี๊ยม เพื่อใช้ความคิด พี่ซานอี้เป็นถึงองค์ชาย หากจับองค์ชายเป็นตัวประกันได้ คงไม่เอาตัวมาคุมขังในคุกทหารหรอกกระมัง หรืออยู่ในวังของหนานเจียง เพื่อเอามาเป็นข้อต่อรองระหว่างสองแคว้นเป็นแน่ๆ! นอกจากเดินไปเดินมา พูดคนเดียว แล้วก็นั่งถอนหายใจ ติดๆ กัน 2-3 ครั้ง “จะเข้าไปในวังได้อย่างไร? จริงสิงานเทพธิดาบุปผา“ เฟ่ยเย่เหมือนจะคิดอะไรออก ”เถ้าแก่ ข้าจะขอพักอยู่ต่อจนถึงงานเทศกาลบุปผา” เฟ่ยเย่เรียกผู้ที่นั่งดีดลูกคิดไปมาไปอยู่โต๊ะด้านหลัง “ทั้งหมด 5 ตำลึงเงิน“ เถ้าแก่วางมือจากดีดลูกคิดไปมา เฟ่ยเย่ส่งก้อนเงินก้อนใหญ่สีทองส่งให้เถ้าแก่ วันต่อมา เฟ่ยเย่เดินเข้าไปสำรวจในหอหรูอี้ คร
บทที่ 8 - แต่งงานสานสัมพันธ์ องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้ บัดนี้เดินทางถึงแคว้นหนานตูเรียบร้อยแล้ว แคว้นหนานตูเป็นแคว้นอยู่ติดหนางเจียงค่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นหนานฉี่ กษัตย์แคว้นหนานตูไม่ฝักใฝ่การรบและมักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแคว้นอื่นๆ กษัตย์แคว้นหนานตูมีองค์หญิงมากมาย แต่กลับไม่มีพระโอรส จึงมักส่งองค์หญิงแต่งงานกับแคว้นอื่น เพื่อสานความสัมพันธ์ งานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตของแคว้นหนานตู ณ วังเจียหมิง ถูกจัดขึ้น มีโต๊ะวางเลี้ยงกันตลอดแนว มีของกินมากมาย มีการแสดงรำฟ้อนของแคว้นหนานตู มีบรรดาเหล่าองค์หญิงของเจ้าแคว้นและเหล่าเสนาบดีทั้งหลาย มาให้การต้อนรับ หนึ่งในนั้นคือองค์หญิงรองหนิงเอ๋อ องค์หญิงรองหนิงเอ๋อ สำรวจพินิจพิเคราะห์องค์ชายทั้งสอง สง่างามสมคำล่ำลือ ประทับใจเมื่อได้พบกันครั้งแรก นางอมยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีแผนการ งานเลี้ยงฉลองต้อนรับเป็นไปอย่างราบรื่น ทางหนานฉี่นำไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่เท่ากำปันเด็ก ซึ่งเป็นของค้ำค่าและหายาก มาถวายกษัตริย์หนานตู การค้าซื้อขายแลกเปลี่ยน แร่เหล็ก อาหาร เสื้อผ้า เกลือและอื่นๆ เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกัน ศาลาสวนดอกไ
ที่โรงเตี๊ยมแคว้นหนานเจียง หนอนมัจจุราช ถูกปลุกให้ตื่นด้วยพลังที่มันตามหาทำให้ลั่วซือมีอาการกระวนกระวายใจ ด้วยพลังบางอย่างในกายของเฟ่ยเย่ที่ดึงดูดหนอนมัจจุราช จนลั่วซือยากที่จะควบคุมสติขอตัวตัวเอง ครั้นเมื่อตอนกราบลาอาจารย์ ได้รับปากอาจารย์ว่าจะหาคนผู้นึง อาจารย์ไม่ได้บอกกล่าวสิ่งใดนอกจาก ถ่ายหนอนมัจจุราชเข้าไปร่างกายของลั่วซือ เมื่อมีหนอนมัจจุราชอยู่ในกาย ต้องอาศัยการดื่มเลือดผู้คน การดื่มเลือดจากผู้คน ผู้ที่ถูกดูดเลือดจะได้รับพลังเทพรักษาโรคได้หรือบางคนก็มีอาการเคลิบเคลิ้ม หรือสัมผัสเลือดแม้นเพียงเล็กน้อยจะสามารถรู้ได้ว่าใช่คนที่กำลังตามหาอยู่หรือไม่ แม้ว่าลั่วซือจะมีหนอนมัจจุราชในร่างกาย แต่ถึงกระนั้นเค้าก็ยังยินยอม เพื่อแลกกับเคล็ดวิชาที่อาจารย์สอนสั่ง แล้วอีกอย่างเค้าคิดว่ามันไม่ได้ทำอันตรายให้แก่ผู้คนแต่อย่างใด หากตามหาคนผู้นั้นพบ ถึงแม้เค้าเองจะต้องทรมาน แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่าย หากลั่วซือพบคนผู้นั้นได้ เค้าคงกราบลาอาจารย์อย่างจริงจังได้ และออกท่องยุทธภพต่อไป ประตูห้องพักของเฟ่ยเย่ ถูกกำลังภายในดันจนเปิดออก ภายในห้องพักของเฟ่ยเย่ นางกำลังหลับสบายบนเตียง นางรู้สึกตั
ก่อนวันงานเทศกาลธิดาบุปผาจะเริ่ม ทางหอหรูอี้ติดประกาศไปทั่วเกี่ยวกับการรับสมัครสตรีทั่วหล้า เพื่อประกวดแข่งขันชิงตำแหน่งเทพธิดาผู้ที่ทำให้ดอกไม้เบ่งบาน ต้นไม้เขียวชะอุ่มอุดมสมบูรณ์ตลอดปี หากผู้ใดได้รับการคัดเลือก จะขอประทานรางวัลได้หนึ่งอย่างจากฮ่องเต้ของแคว้นหนานเจียง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเทพธิดาพยากรณ์ของแคว้น! “นี่ๆๆ ท่านพี่ดูนี่สิ” เฟ่ยเย่หยิบกระดาษใบปลิวประกาศจากหอหรูอี้ เรื่องรับสมัครสตรีเข้าประกวดแข่งขันชิงตำแหน่งเทพธิดา ลั่วซือหยิบกระดาษประกาศจากมือเฟ่ยเย่เอามาอ่าน “อืม!..เจ้ามีแผนรึ?” ลั่วซือเลิกคิ้วถาม “โถ่..ก็มีน่ะสิ“แต่คุณสมบัติอื่นนอกจากความเป็นสตรีแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่นะ”เฟ่ยเย่มองหาสือเนียงผู้ดูแลหอ ครั้นเฟ่ยเย่กวาดสายตามองไปปะทะบุรุษหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในหอหรูอี้ เฟ่ยเย่ตาลุกแววทันที เอ๊ะ! เฟ่ยเย่อุทาน! ลั่วซือมองตามสายตาของนางไป “คุณชายทั้งสองโต๊ะนั่งของเราเต็มหมดแล้วเจ้าค่ะ” สือเนียงกล่าวอย่างนอบน้อม “แล้วห้องพักเล่า มีห้องพักสักหนึ่งหรือสองห้องหรือไม่? เราสองคนมีเงินจ่ายไหว แพงเพียงใดก็เรียกมาได้เลย” ต้วนอี้คราดครั้นเล็กน้อย “โถ่เอ๋ย! ท่านทั้
วันที่ 9 เดือน 10 งานประชันเทพธิดาบุปผางามสะพรั่งผู้คนต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาในเมืองซินฮุยแคว้นหนานเจียง บัดนี้โรงเตี๊ยมและที่พักแน่นขนัดเต็มไปด้วยผู้คนองค์ชายทั้งสามต่างก็รีบไปจับจองที่นั่งในหอหรูอี้เร็วกว่าผู้ใด!องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอและองค์ชายหยางหย่วนแห่งแคว้นหนานเจียงเสร็จมาถึงแล้ว! ขันทีที่ตามเสร็จประกาศหน้าหอหรูอี้ สือเนียงและเจ้าหอรีบออกไปต้อนรับ ภายในหอหรูอี้ทุกคนยืนขึ้นต้อนรับและนั่งลงหลังจากองค์รัชทายาทนั่งลงแล้วบนเวทีมีการแสดงจากนักระบำให้ดูฆ่าเวลาก่อนการประกวด ครู่ต่อมา! ชิงเฟิงองค์รักษ์เงาขององค์รัชทายาทอันซื่อ รีบเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูของอันซื่อ จากนั้นก็รีบร้อนออกไป!พึบ! เสียงกางพัดของอันซื่อ เค้าโบกพัดเข้าหาตัวเบาๆ จากนั้นก็กระซิบที่ข้างหูต้วนอี้โดยเอาพัดขึ้นปิดไว้แบบพองาม“เราต้องรีบกลับกันแล้ว องค์หญิงรองหนิงเอ๋อ กับองค์หญิงสามจิ่งเสียนแห่งหนานตูกำลังมา” อันซื่อพูดข้างหูต้วนอวี้ด้วยเสียงแผ่วเบา ต้วนอวี้เบิ่งตากว้าง! มีอาการตกใจกับข่าวนี้ไม่น้อยหากมีผู้ใดรู้ว่าบัดนี้องค์ชายรัชทายาทและองค์ชายทั้งสี่พระองค์แห่งแคว้นฉี่ มาอยู่รวมตัวกันในดินแดนแคว้นศัตรู! จะต
บัดนี้องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้กลับถึงหนานฉี่อย่างปลอดภัยแล้ว!แม่ทัพเกราะทองฟางหมิ่นเฉียนยังคงประจำการในค่ายอี้ชาง ฟื้นฟูร่างกายหายเป็นปกติแล้ว ต้วนอวี้ส่งข่าวเรื่องคุณหนูฟางเฟ่ยเย่ให้แม่ทัพทราบแล้วเช่นกันลั่วซือหาทางลักรอบไปหาเฟ่ยเย่ในห้องพัก จากวันที่ประกวดวันนั้นจนถึงวันนี้นางสลบไปสามวันเต็มๆ ลั่วซือแอบมาตรวจดูอาการนางทุกวันถ่ายทอดพลังให้และขอกัดแขนนางบางวันที่อาการหนอนมัจจุราชกำเริบเฟ่ยเย่รู้สึกตัวได้สติแล้ว ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง“มีราชองค์การ จากองค์ฮ่องเต้ถึงแม่นางจูจินหลาง” ขันทีป่าวประกาศเรียกที่ห้องโถงหอหรูอี้สือเนียงรีบเข้ามาประคองแขนของเฟ่ยเย่ในนามจูจินหลาง เดินไปถึงห้องโถงแล้วค่อยๆ นั่งคุกเข่าลง คนในห้องโถงต่างก็นั่งคุกทั้งหมดเพื่อรอฟังประกาศราชองค์การเนื้อความในราชองค์การ..!บัดนี้งานคัดเลือกเทพธิดาบุปผาได้สำเร็จลุล่วง จึงได้ผู้ที่มีความสามารถทำให้ดอกไม้นานาของแคว้นหนานเจียงผลิบาน อีกทั้งยังมีใบหน้างดงามราวนางฟ้า มีกิริยาวาจา และท่วงท่างามสง่า เราจึงขอแต่งตั้งเทพธิดาบุปผาคนใหม่ “จูจินหลาง” เป็นเทพธิดาบุปผา ประจำตำหนักหอดาราดาว“ ให้เทพธิดาจูจินหลางเข้าพัก
จูจินหลางใช้พลังมากเกินไปทำให้สลบไสลไปสามวันเต็มๆ นางค่อยฟื้นได้สติลืมตามองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรแล้วเพคะ! แค่ใช้พลังมากไป“ จูจินหลางกล่าวหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมาถึงได้รู้ว่าตลอดสามวันที่ผ่านมานางอยู่ในตำหนักขององค์รัชทายาทมาตลอดยามจื่อ! จูจินหลางสวมชุดดำมีผ้าคลุมปิดหน้าไปที่หอเก็บตำราหลวงอีกครั้งคราวนี้ไม่มีผู้ใดขัดขวาง นางได้แผนที่ราชวังมาแล้ว จึงเริ่มค้นหาจากตำหนักทางทิศตะวันออก นางปีนขึ้นหลังคาและค่อยๆเปิดแผ่นกระเบื้องหลังคาดูความเคลื่อนไหวของคนภายในตำหนักต่างๆที่นี่เป็นตำหนักหยงฉิ่ง ไทฮองไทเฮา ทรงประชวร จูจินหลางได้ยินลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอและมีอาการไอเป็นระยะ นางฟังอาการอยู่สักพักเจ้าของตำหนักนี้คือใครกัน ฟังจากเสียงลมหายใจแล้วเหมือนจะโดนพิษ? นางนึกในใจ ที่นี่คงไม่ใช่ที่คุมขังพี่ซานอี้เป็นแน่!ตามหาในวังแห่งนี้มาหลายตำหนักแล้วก็ยังไม่เจอ! ข้าคงต้องแอบสืบความจากใครสักคน ว่าแล้วก็นึกถึงองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอขึ้นมา หลายวันมานี้ได้องค์รัชทายาทช่วยไว้หลายครั้ง จึงรอดพ้นจากนักฆ่าพวกนั้นมาได้! นางเดิ
เช้าวันแรกที่อู่หวินไถ!ซานอี้กับลั่วซืออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบมาหาองค์ชายน้อยที่ห้องพักข้างๆ ทันที ซานอี้เปิดประตูเลื่อนผัวะ! ทำท่า ผงะเล็กน้อยแล้วรีบเลื่อนประตูปิดอย่างรวดเร็ว ลั่วซือยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ซานอี้จึงรีบเอ่ยเสียงดังๆขึ้นว่า“ท่านพี่! องค์ชายน้อย ข้ากับเจ้าสี่เข้าไปได้หรือไม่“ ”พวกเจ้าอย่าพึ่งเข้ามา รอสักครู่ก่อน!“อันซื่อรีบพูดสวนกลับ ภายในห้องนั้น เยียนหลินกำลังอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา “เสร็จแล้วๆ ท่านพี่ทั้งสองเชิญเข้ามาได้”เสียงเยียนหลินดังออกมาจากภายในห้อง ซานอี้และลั่วซือจึงเปิดประตูอีกครั้งและเข้าไปในห้อง“โอโห องค์ชายน้อยแต่งชุดนักศึกษาแล้วดูมีสง่างาม มีราศีไม่น้อยเลย”ลั่วซือจับตัวเยียนหลินหมุนไปมา เยียนหลินเขินจนหน้าแดงเล็กน้อย “เจ้าอย่าแกล้งน้องสิ น้องหน้าแดงหมดแล้ว”อันซื่อตำหนิลั่วซือเล็กน้อย“สง่างามจริงๆ นั่นแหละ หากข้าเป็นผู้หญิงคงหลงรักองค์ชายน้อยแล้ว”ซานอี้ก็ล้อเยียนหลินด้วยเหมือนกัน“เอาล่ะๆ พวกเราไปเรือนรับรองอาหารกันดีกว่า”ต้วนอวี้กล่าวพร้อมกับต้อนบรรดาพี่น้องให้เดินออกจากห้องพักที่เรือนรับรองอาหาร มีอาหารหลายอย่างที่ต้อ
รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากราชวังเหล่าบรรดาพี่ๆ องค์ชายต่างฝ่ายต่างนั่งกันเงียบสงบ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก ทำให้เยียนหลินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก องค์ชายต้วนอี้และซานอี้ก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา ส่วนองค์ชายอันซื่อก้มหน้าก้มตาอ่านตำรา และองค์ชายลั่วซือก็นั่งกอดอกหัวพิงขอบหน้าต่าง เหมือนงีบหลับเสียอย่างนั้น เยียนหลินได้แต่ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ครึ่งชั่วยามผ่านไปรถม้าก็ค่อยๆ มาจอดที่หน้าสำนักศึกษาอู่หวินไถ!วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ของสำนักศึกษาอู่หวินไถ จึงมีป้ายประกาศรายชื่อนักเรียนที่เข้ามาใหม่และมีการจัดอันดับห้องเรียนใหม่ตรงบริเวณป้ายประกาศรายชื่อมีคนจำนวนมากที่เบียดเสียดเข้าไปดูรายชื่อของตนเอง เยียนหลินจึงยืนอยู่เว้นระยะห่างจากตรงป้ายประกาศพอสมควรโดยมีลั่วซือยืนระวังความปลอดภัยให้น้องส่วนอันซื่อ ต้วนอวี้ และซานอี้เข้าไปเบียดเสียดมองหารายชื่อของตนเองและคนรู้จัก“ท่านพี่! ท่านดูสิ! รายชื่อของท่านอยู่อันดับหนึ่ง ส่วนชื่อข้าอยู่อันดับสี่ เราได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว”ต้วนอวี้สะกิดเรียกอันซื่อและชี้มือไปทางป้ายประกาศทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาปัดมือของต้วนอวี้ออกอย่างแรง “เจ้
องค์หญิงเยียนหลินรีบตื่นขึ้นในตอนเช้า อาบน้ำแต่งองค์ด้วยเสื้อผ้าที่ท่านอาจารย์มอบให้ ทรงเสด็จไปยังเรือนรับรองโดยมิได้มีเหม่ยจูตามเสด็จมาด้วย เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในเรือนรับรอง เห็นนางกำนัลเก็บวาดทำความสะอาดตามห้องพักต่างๆ องค์หญิงรีบถามนางกำนัลที่ทำความสะอาดบริเวณนั้น“ท่านอาจารย์ล่ะ เจ้าเห็นท่านอาจารย์ของข้าหรือไม่?”“ทูลองค์หญิง ท่านราชครูไปแล้ว เพคะ!”นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปไหนหรือ?”องค์หญิงซักถามนางกำนัลต่ออีก“ทรงขึ้นรถม้าออกนอกราชวังไปแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปแล้วหรือ!”องค์หญิงถึงกลับอึงไป และพูดอยู่กับตัวเองย้ำๆ ว่าไปแล้วหรือ! นางเดินกลับตำหนักจิ่งหลินด้วยความผิดหวัง เหม่ยจูเห็นองค์หญิงเดินกลับตำหนักด้วยท่าทางเหม่ยลอย นางคว้าแขนองค์หญิงและเขย่าเรียกเบาๆ“องค์หญิง! องค์หญิงไปไหนมาหรือเจ้าคะ?”เหม่ยจูเขย่าองค์หญิงเบาๆ อีกครั้ง!“ไปหาท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์กลับไปแล้ว”องค์หญิงตอบเหม่ยจูด้วยสีหน้าผิดหวัง“องค์หญิงน้อย ฝ่าบาทให้ขันทีเว่ยมาตามไปพบเสด็จฯ เพคะ องค์หญิงน้อยทรงรีบไปที่ตำหนักตงเตี้ยนเถอะเจ้าค่ะ“เหม่ยจูรีบจูงมือขององค์หญิงน้อย
@ ณ ตำหนักตงเตี้ยน แคว้นหนานฉี่วันนี้มีการตั้งวางแท่นบูชากราบไหว้เทพ เทวดาฟ้าดิน เซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ องค์ฮ่องเต้แคว้นฉี่ยืนอยู่หน้าแท่นบูชา จุดธูปไหว้เทียนเพื่อบรวงเทวดา ถัดมาแถวที่สองเป็นบรรดาเหล่าองค์ชายองค์หญิงและพระสนมวังหลัง แถวที่สามเป็น เหล่าเสนาบดี และข้าราชการยืนเรียงแถวด้านหลัง ถึงกระนั้นก็ยังมีเสียงกระซิบกันเกิดขึ้น“วันนี้ท่านราชครูเข้าวัง ใช่หรือไม่?“เสนาบดีฝ่ายซ้ายถามเสนาบดีกรมพิธีการ”ใช่ ดูเหมือนเป็นเช่นนั้น ทุกครั้งที่ท่านราชครูเข้าวัง ฝ่าบาททำพิธีทรงบวงสรวงสวรรค์ทุกครั้งไป”เสนาบดีกรมพิธีการกระซิบเบากับเสนาบดีฝ่ายซ้าย“อืม! ข้าก็สังเกตเห็นไปเช่นนั้น ราชครูคนอื่นๆที่สอนบรรดาเหล่าองค์ชาย ไม่มีใครเป็นเช่นนี้“เสนาบดีซ้ายยังคงกล่าวด้วยความสงสัย”ท่านอย่าได้พูดเช่นนี้อีกเชียว! ข้าได้ยินมาว่าท่านราชครูฉงหลี ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นเทพบนสวรรค์“ เสนาบดีกรมพิธีการกระซิบเบากับเสนาบดีฝ่ายซ้าย“ท่านราชครูฉงหลีมาถึงแล้ว!“เสียงขันทีตะโกนแจ้งข่าวการมาของท่านราชครูเมื่อรถม้าของท่านราชครูฉงหลีมาถึง เค้าก็ค่อยๆก้าวลงมาจากรถม้าช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ชุดสีขาวที่ท่านราชครูมักสวมใส
เวลาบนสวรรค์ต่างจากเวลาบนโลกมนุษย์บัดนี้ผ่านไปสิบห้าปีแล้ว นับตั้งแต่กษัตริย์แห่งหนานฉี่ได้พบกับเทพอัคคีฉงหลีที่วัดเซียนกู่ บนเขาเบญจเทวะ ข่าวการคลอดขององค์หญิงห้าแห่งแคว้นหนานฉี่นามว่าองค์หญิงเยียนหลินก็ลือสะพัดไปทั่วแคว้น! เป็นธิดาที่เกิดจากพระสนมเสียนเฟ่ยกษัตริย์แห่งแคว้นหนานฉี่มีบุตรชายสี่พระองค์และองค์หญิงห้าเป็นธิดาพระองค์เดียวและเป็นน้องคนสุดท้องแห่งแคว้นหนานฉี่! องค์หญิงห้าเป็นที่โปรดปรานและกษัตริย์แห่งแคว้นหนานฉี่ก็ยินดีปรีดาที่มีธิดาบุตรสาวถือกำเนิดขึ้น พระองค์ทรงรักและทะนุถนอมดั่งแก้วตาดวงใจ@ ณ ตำหนักบูรพา วังหลวงแคว้นหนานฉี่“องค์หญิงเยียนหลินเสด็จ!” ขันทีหน้าตำหนักกล่าวรายงาน “ตึกๆๆๆ”เสียงฝีเท้าที่วิ่งด้วยความรวดเร็วด้วยหน้าตาที่แตกตื่น“องค์หญิงช้าหน่อย เพคะ องค์หญิงรอหม่อมชั้นด้วย เพคะ“เหม่ยจูสาวใช้คนสนิทขององค์หญิงวิ่งตามมาเอามือทามอกหายใจเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด!“เสด็จพี่!”เยียนหลินเห็นหน้าอันซื่อจึงวิ่งโผล่เข้าไปกอดอันซื่อไว้แน่น ส่วนอันซื่อนั้นยังไม่ทันจะตั้งท่าก็ตกใจมากพอควร“เจ้า! หลินเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไป พี่จะล้มแล้ว”สิ้นเสียงอันซื่อเสียหลักก็ล้มตัวลง ถึงจะ
เมื่อพ่อมดแห่งเยียนถูกปลิดชีพคาถาและมนต์สะกดที่ร่ายไว้ก็สลายหายไป องค์ชายซานอี้กับองค์หญิงหว่านชิงที่ถูกคาถาสะกดให้หลับไหลดวงจิตก็ได้สลับร่างกลับตามเดิมมังกรเทพอวี่หลงกับอ๋องอวี้กลับมาถึงวังซีเยียนอวี่หลงเห็นซีอินกำลังถ่ายพลังเทพให้อันซื่อที่นอนนิ่งพาดอยู่ที่ตักซีอิน“องค์หญิง! หากถ่ายพลังเทพแต่กำเนิดให้มนุษย์ท่านจะต้องตายไปด้วย!“ อวี่หลงจับไหล่ซีอินเขย่าเบาๆ ”ไม่ๆๆ ข้าจะปล่อยให้ท่านพี่ตายไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมเสียเค้าไปอีกคน” ซีอินยังคงดื้อดึงปล่อยพลังเทพเพื่อช่วยชีวิตอันซื่อต่อไปส่วนจี้เฉินพึ่งจะตามหลังต้วนอวี้มาติดๆ จึงเห็นชิงเฟิงมีหอกปักคาหน้าอกทะลุหลัง ลำตัวมีบาดแผลไม่น้อย จี้เฉินจะวิ่งไปประคองชิงเฟิง”ชิงเฟิง ชิงเฟิง ท่านพี่! ข้ามาช้าไปใช่หรือไม่?“จี้เฉินเริ่มน้ำตาไหล เรียกชื่อชิงเฟิง ซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง”เจ้าน้องโง่! ชายชาตรี อย่าร้องไห้“ ชิงเฟิงหายใจรวยรินเต็มทียังกล่าวด้วยเสียงอันแผ่วเผาต่ออีกว่า “พี่ไม่เสียใจ เจ้าก็อย่าเสียใจเลย ข้า...ข้าฝากดูแล....”ชิงเฟิงพูดไม่ทันจบประโยคก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นลมหายใจภายใต้อ้อมกอดของน้องชาย“ท่านพี่!!!! ฮือๆๆๆ”จี้เฉินนั้นมีชิงเฟิงเป็นพี่ชาย
@วังซีเยียน!องค์หญิงซีอินและซิ่วอิงกลับมาถึงซีเยียนก็ตรงเข้าไปวังทันที“ถวายบังคมเสด็จพี่ทั้งสามเพคะ หม่อมชั้นมาขอรับโทษ เพคะ!”ซีอินคุกเข่าหน้าบัลลังก์เพื่อรอโทษ“เจ้าผิดเรื่องใดรู้ตัวหรือไม่?” ต้วนอวี้ขมวดคิ้วเอ่ยปากถามซีอินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“หม่อมชั้นวู่วาม แอบไปที่กำแพงเมืองเป่ยเยียนโดยไม่ได้บอกผู้ใด เพคะ“ ซีอินก้มหมอบตัวลงต่ำเกือบติดพื้น ตอบคำถามอย่างสำนึกผิด”น้องหญิงหากเจ้าเป็นอะไรไป จะให้พวกเสด็จพี่ตอบคำถาม เสด็จพ่อว่าอย่างไร?“ อันซื่อกล่าวสำทับคำพูดของต้วนอวี้”หม่อมชั้นสำนึกผิดแล้ว เพคะ“ ซีอินโขกหัวคำนับ และก้มหมอบตัวลงต่ำเกือบติดพื้นเช่นเดิมเมื่อซานอี้เห็นเช่นนั้นก็อดรนทนดูมิได้ จึงเข้าไปพยุงซีอินให้ลุกขึ้น“น้องหญิงลุกขึ้นมาก่อนเถอะ”ซานอี้ในร่างหว่านชิงค่อยพยุงซีอินให้ลุกขึ้น“ท่านพี่ทั้งสอง น้องหญิงกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วก็ช่างเถอะ พะยะค่ะ โปรดอภัยให้นางด้วย นางทำไปเพราะความเป็นห่วงเจ้าสี่จริงๆ”ซานอี้ขอร้องแทนซีอิน“ช่างเถอะ! ตามที่เจ้าสามว่ากลับมาปลอดภัยก็ดีแล้ว”อันซื่อผู้มีจิตใจอ่อนโยนกล่าว“แต่ข้าจำเป็นจะต้องให้บทลงโทษกับน้องหญิงเสียหน่อยนะ คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่ทำ
องค์ชายอันซื่อ องค์ชายซานอี้ และองค์หญิงหว่านชิงกลับมาถึงซีเยียน ระหว่างทางได้รับสาสน์ที่ต้วนอวี้ส่งมาอันซื่อจึงเร่งเดินทางโดยมิได้หยุดพัก เมื่อมาถึงจึงได้เรียกให้มารวมตัวกันที่ตำหนักซีเยียน เพื่อประชุมหารือการช่วยองค์ชายลั่วซือและการแลกเปลี่ยนจากเป่ยเยียนแต่ซีอินไม่อาจสงบใจรออะไรได้เมื่อนางรู้ว่าอวิ๋นเทียนเหอสิ้นพระชนม จึงอยากไปดูให้เห็นกับตาถึงแม้จะรู้ว่ากำลังเดินเข้าไปติดกับดักก็ตาม!ขันทีน้อยนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาจากตำหนักชิงเหยา”ทูลฝ่าบาท! องค์หญิงซีอินกับองค์รักษ์อวี่หลงไม่ได้อยู่ในตำหนักชิงเหยา พะยะค่ะ กะหม่อมให้คนตามหาจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่พบ พะยะค่ะ“ ”จะไปที่ใดได้เล่า ส่งคนออกตามหาให้ทั่วซีเยียน“ ต้วนอวี้ออกคำสั่งทหาร ในใจเค้ารู้ดีว่าซีอินนั้นภายนอกจะดูสุขุมใจเย็น แต่แท้จริงแล้วเป็นคนที่วู่วามเพียงใด!ขณะเดียวกันอวี่หลงมังกรเทพนั้น ไม่เคยขัดใจองค์หญิงของเค้ามาก่อนและจะคอยติดตามซีอินไปทุกหนแห่ง ครั้งนี้ก็เช่นกันเค้ากลายร่างเป็นมังกรพาซีอินเหาะมาที่กำแพงเมืองเป่ยเยียนค่อยบินลงต่ำๆ และกลายร่างเป็นมนุษย์ทั้งสองกระโดดลงไปที่บนกำแพงเมืองเป่ยเยียนซึ่งมีทหารยื่นเฝ้าประจำการอยู่ตามจ
ต้วนอวี้แล้วจี้เฉินกับเหล่าองค์รักษ์กลับถึงซีเยียนอย่างปลอดภัย และได้นำศพองค์ชายจิ่วมิ่งเย่ลู่กลับมารีบจัดแจงหาช่างทำแท่นน้ำแข็งและห้องเย็นรักษาสภาพศพ!ซิ่วอิงสลบไหลไปสามวันเต็มๆ จึงค่อยฟื้นขึ้นมาได้ยาบำรุงจากหมอหลวงประกอบกับร่างกายที่แข็งแกร่งฝึกวรยุทธตั้งแต่เด็กทำให้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เค้าจึงออกตามหาซีอิน@ ณ แคว้นหนานฉี่เมื่อองค์รัชทายาทอันซื่อได้รับข่าวการถูกจับคุมของฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอและองค์ชายลั่วซือ ทำอันซื่อร้อนอกร้อนใจจนต้องรีบกลับซีเยียน ครั้งนี้องค์หญิงหว่านชิงและองค์ซานอี้ก็ตามเสด็จองค์รัชทายาทอันซื่อไปซีเยียนด้วยเช่นกัน ทางฮ่องเต้หนานฉี่ได้ให้การสนับสนุนกำลังทหารอีกหนึ่งแสนนายตามไปซีเยียนในครั้งนี้ด้วย@ ณ สระวังน้ำเย็นอาการของซีอินหายดีแล้วกำลังจะเดินทางออกจากสระวังน้ำเย็น เสียงดังสวบ!สาบ!สวบ!สาบ เป็นเสียงแวกหญ้า ซีอินมองไปทางต้นเสียงนั้นผู้ที่มาคือซิ่วอิง!“ถวายบังคมองค์หญิง” ซิ่วอิงรีบเข้ามาทำความเคารพซีอิน“เจ้ามาได้อย่างไร แล้วฝ่าบาทล่ะ”ซีอินมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด“ซิ่วอิงสมควรตาย ตอนนี้ฝ่าบาทถูกจับตัวไปพะยะค่ะ แต่ฝากให้ซิ่วอิงมาทูลองค์หญิงว่าดูแลตัวเ