การมาของเฟ่ยเย่ครั้งนี้ เฟ่ยเย่เองก็รู้สึกหนักใจเป็นอย่างยิ่ง ในสถานะองค์หญิงเหยียนหลินก็ไม่ได้มีความสนิทอะไรกับท่านแม่ทัพฟางเลยแม้แต่น้อย
การที่นางมาที่นี่ประการแรกเป็นห่วงพี่ซานอี้เสียมากกว่า อีกอย่างตอนนี้นางเองก็อยู่ในสถานะลูกสาวของท่านแม่ทัพฟางแล้ว จะให้นิ่งดูดายเฝ้าเรือน ทั้งๆที่รู้ว่าบิดาตนถูกพวกศัตรูล้อมเช่นนั้น นางคงทนไม่ได้ “เราต้องวางแผน บุกหุบเขาลิ่ว เพื่อชิงตัวท่านแม่ทัพฟางในคืนนี้ ต้องช่วยให้ได้ในคราวเดียว ไม่ให้พวกมันตั้งรับได้ทัน“ ซานอี้ใช้ไม้จิ้มไปที่แผนที่จำลอง และวางแผนให้ทุกฝ่ายกระจายกำลัง บุกโจมตีพร้อมกันรอบหุบเขาลิ่ว หลังจากที่เฟ่ยเย่นั่งและทำความเข้าใจแผนสักพัก ”แล้วข้าล่ะ ข้าต้องทำอะไร“ เฟ่ยเย่เอ่ยถาม ”เจ้าไม่ต้องทำอะไร อยู่ในค่ายรักษาผู้บาดเจ็บ“ ซานอี้พูดทำเสียงเข้ม สีหน้าสงบนิ่ง ”เดิมทีเจ้าก็ไม่ได้อยู่ในแผนเราตั้งแต่แรก รอที่ค่ายเถอะ“ มีเจ้าช่วยรักษาทหารบาดเจ็บคงช่วยได้มากทีเดียว เมื่อเข้าใจแผนแล้วเหตุใดข้าจะตามไปด้วยมิได้เล่า เฟ่ยเย่เม้มปากแน่นแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดนอกจาก ”ข้าเข้าใจแล้ว“ เฟ่ยเย่เอามือประสานกันทำความเคารพแบบผู้ชาย ยามจื่อ! เสียงสัญญานบุก ซานอี้ได้เดินตามแผนที่วางไว้ แต่คิดถึงไม่ถึง พวกมันจะมีทหารกองหนุนเข้ามาเสริมอีก 10000 คนและมาได้ไวถึงเพียงนี้ การสูัรบเป็นไปอย่างดุเดือด สถานะการณ์ทางฝ่ายซานอี้ยังตกเป็นรอง ซานอี้ฟาดทวนสั่งหารเหล่าทหาร เพลงทวนของซานอี้ไม่ได้เป็นรองใคร เค้าเข้าไปในใจกลางหุบเขาได้สำเร็จ แต่กระนั้นก็ไปเผชิญหน้ากับต้าฝู่ แม่ทัพของหนานเจียง ถ้าเทียบวรยุทธซานอี้กับต้าฝู่ ก็ไม่แน่ว่าผู้ใดจะชนะ “ข้ามารอองค์ชายอยู่สักพักแล้ว“ น้ำเสียงต้าฝู่กล่าวออกมาอย่างใจเย็น “แม่ทัพอยู่ที่ไหน” ซานอี้กำทวนแน่นพร้อมรับมือ ”ผ่านข้าไปให้ได้ก่อน แล้วข้าจะบอก“ ต้าฝู่กล่าวอย่างมั่นใจ จากนั้นเสียงอาวุธกระทบกันก็ดังขึ้น ซานอี้หลบหลีบรวดเร็วพริ้วไหว ทำให้ต้าฝู่อารมณ์เสีย กระบองเหล็กมีหนามฟาดมาทางซานอี้แบบไม่นับ เจ้าต้าฝู่นี่แรงเยอะเสียจริง ตุบ! ซานอี้โดนฟาดด้วยกระบองหนาม ฟาดลงมาอีกคราวนี้ซานอี้ใช้ทวนรับ ทวนของซานอี้หักเป็น 2 ท่อน ต้าฝู่ได้ใจฟาดกระบองลงไปที่ร่างซานอี้ไม่ยั้งมือ เฟ่ยเย่หาทางเข้าใจกลางหุบเขาเจอแล้ว เสียงต่อสู้ดังมาจากด้านหนึ่ง มีทหารออกมาสกัดเฟ่ยเย่เป็นระยะๆ นางคงสู้ผ่านทหารพวกนั้นอย่างสบาย เฟ่ยเย่เห็นซานอี้ต่อสู้อยู่กับต้าฝู้ อีกด้านหนึ่ง เป็นที่คุมขังท่านแม่ทัพฟาง และทหารหลายคน “ท่านพ่อ ข้ามาช่วยท่าน นางใช้กระบี่ในมือฟันกุญแจขาด” เฟ่ยเย่เปิดประตูคุก แม่ทัพและคนอื่นๆ รีบพากันออกมา “เจ้ามาได้อย่างไร ข้าถูกพิษ ไม่มีแรงยกกระบี่ คนในคุกถูกพิษกันหมด” ท่านแม่ทัพกล่าวด้วยท่าทางอิดโรย “ออกไปทางด้านนั้น มีทหารของเรารออยู่ ท่านพ่อรีบออกจากที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าตามไป ท่านพ่อไม่ต้องห่วงข้า รีบไป” เฟ่ยเย่ไม่รอคำตอบจากแม่ทัพฟาง นางรีบไปทางซานอี้ เมื่อครู่เห็นอยู่ว่าการประลองนี้พี่ซานอี้ตกเป็นรองต้าฝู่ เมื่อมาถึง ภาพที่เห็น เฟี้ยว! มีลูกศรพรุ่งมาทางซานอี้ ลูกศรปักเข้าที่กลางหน้าอก..ฉึก! เสียงลูกศรแวกผิวหน้าอก สร้างความเจ็บปวดให้ซานอี้เป็นอย่างยิ่ง เฟ่ยเย่โกรธจัด กัดริมฝีปากแน่น “เจ้ากล้าดีอย่างไรทำร้ายคนของข้า เจ้าพวกสมควรตาย“ สองมือของเฟ่ยเย่กำมัดแน่น ตัวลอยขึ้นอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นพลังงานบางอย่างเป็นลำแสงสีฟ้าพรุ่งจากหัวของเฟ่ยเย่ ถูกส่งไปยังผู้ที่ยิงลูกศร จนชักเกร็งร่างกระตุก หยุดหายใจ พลังงานนี้เฟ่ยเย่เองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาหาคำตอบนั้น นางรับมือกับต้าฝู่ 2 เพลงกระบี่ นางรู้แล้วนางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้าฝู่ ยากที่จะรับมือ นางสลัดห่อยาในแขนเสื้อในมาอยู่ในมือแล้วสาดผงยาสลบไปที่หน้าต้าฝู่ รีบพยุงซานอี้วิ่งออกมา มีทหารของหนานเจียงทะลักเข้าเรื่อยๆ นางสู้จนอ่อนแรง ตามแขนมีรอยดาบถากๆ แต่ก็หลายรอย ”เสี่ยวเป่า..เสี่ยวเป่า“ เฟ่ยเย่เป่าปากเรียก ไม่นานเสี่ยวเป่าก็ปรากฏตัวขึ้น เสี่ยวเป่าคำรามส่งเสียงด้วยความโกรธ ใช้ลำตัวเลื้อยทับพวกทหาร ใช้หางปัดให้พ้นทาง เสี่ยวเป่าพาเฟ่ยเย่กับซานอี้ขี่หลัง พามายังถ้ำซึ่ง อยู่ทางภูเขาอีกฝ่ายหนี่งหากใช้เวลาเดินกลับค่ายอี้ชาง จะต้องใช้เวลาเดิน 5-6 วัน แต่เสี่ยวเป่าหารู้ไม่ ภูเขานี้อยู่ในเขตของหนานเจียงในถ้ำกองไฟถูกจุดขึ้น เพื่อให้ความสว่างและความอบอุ่น เฟ่ยเย่ค่อยๆพยุงซานอี้วางลงอย่างระมัดระวังซานอี้คงมีสติ แต่เหนื่อยอ่อน หมดแรง ปวดบาดแผล ซานอี้บาดเจ็บสาหัส เลือดสีดำไหลออกมาทางบาดแผลคมลูกธนูที่ปักคาอกของซานอี้“ลูกธนูมีพิษ ข้าไม่รู้ว่าเป็นชนิดใด“ เฟ่ยเย่มีสีหน้าเป็นกังวลจนเห็นได้ชัด“ข้าจะต้องดึงธนูออกก่อน มันอาจจะเจ็บปวดมากท่านไหวมั้ย“ เฟ่ยเย่อธิบายพร้อมเงยหน้ามองซานอี้เพื่อขอความเห็นซานอี้พยักหน้ารับ”ข้าต้องถอดเสื้อท่านออกก่อน จะได้ทำแผลสะดวก“ พูดพลางมือก็ปลดเข็มของซานอี้ออกครู่ต่อมา ซานอี้ก็รู้สึกประหม่า เขินอายนิดหน่อย ตั้งแต่โตมาไม่เคยมีสตรีนางใดมาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเค้าออกเช่นนี้ เฟ่ยเย่มีหอบผ้ามัดติดตัวมาด้วย นางรีบปลดออกจากตัวเพื่อความคล่องตัว เมื่อเตรียมทุกอย่างแล้ว”ข้าจะดึงธนูออกแล้วนะ” เฟ่ยเย่หันไปสบตาซานอี้อีกครั้ง ซานอี้พยักหน้ารับ นางจัดท่าให้ซานอี้กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงซ้อนทับตัวนางไว้ หันหน้าออกเฟ่ยเย่เม้มปากแน่น มือขวากำลูกธนูแน่น มือซ้ายกอดตัวซ่านอี้ไว้ ไม่ให้ขยับ ข้าจะดึงแล้วนะ พูดไม่ทันขาดคำ ฉึก! ซานอี้กัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่นลูกธนูถูกเฟ่ยเย่ดึงออกมาใน
ในถ้ำที่หนานเจียง “ข้าต้องออกไปหาเสบียง วันนี้เราจะต้องได้กินเนื้อกันบ้าง” เฟ่ยเย่เตรียมเก็บของเข้าย่ามและ สะพายห่อผ้ารัดคาดอก “ข้าไปด้วย” ซานอี้ก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อตัวนอกมาใส่ “ไม่ต้องไป ท่านต้องอยู่ที่นี่ ท่านมีแผลอยู่ ไม่ควรขยับตัวไปไหนมาไหนใช้แรงมากๆ” เฟ่ยเย่กอดอกออกคำสั่ง ส่วนซานอี้ก็นั่งกอดอกเงยหน้ามองกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร “ข้าไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น เราออกไปพร้อมกันเถอะ ข้าจะหายดีในอีกไม่กี่วัน” ซานอี้ยังยืนกร้าน “เสบียงเราหมดแล้วท่านพี่คนดีของข้า“ น้ำเสียงฟังดูประชดประชันเล็กน้อย จากที่นางยืนกอดอกเปลี่ยนกลับมาเป็นนั่งลงข้างๆ แทน อมยิ้มทำหน้าปนหยอกล้อเล็กน้อย “ท่านต้องเดินลมปราณเพื่อขับพิษ จนกว่าพิษในร่างกายจะออกหมด ข้าต้องไปหาสมุนไพร มาช่วยขับพิษด้วย“ เฟ่ยเย่อธิบายต่อ ”ลำบากเจ้าแล้ว“ ซานอี้วางมือบนไหล่เฟ่ยเย่ แม้ซานอี้ไม่อยากให้ไป แต่ก็ห้ามนางมิได้ เฟ่ยเย่ออกจากถ้ำมาแล้ว แต่ไม่พบเสี่ยวเป่า คาดว่าคงไปหลบรักษาบาดแผลที่ไหนสักที่ เฟ่ยเย่เดินลงเขามาประมาณ 1 ชั่วยามแล้วเจอหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง สอบถามจากชาวบ้านจึงรู้ว่าที่นี่คือแคว้นหนานเจียง เฟ่ยเย่รีบหาซื้อเสบี
กลางดึก เฟ่ยเย่แต่งตัวเป็นชายรวบผมหางม้าทรงสูงใส่ชุดสีดำ ดูทะมัดทะแมง ออกตามสืบหาพี่ซานอี้ คงจะต้องเริ่มสืบจากค่ายทหารก่อน นางควบม้าเร็ววิ่งไปทางค่ายทหารของหนานเจียงติดชายแดนค่ายอี้ชาง ใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพง และเดินไปบนหลังคา เบื้องล่างมีทหารเฝ้ายาม เดินตรวจตราอยู่ไม่น้อย นางพยายามค้นหา ทุกซอกทุกมุมในค่ายทหารของหนานเจียงนี่ แต่ก็ไม่พบ พวกมันเอาตัวพี่ซานอี้ไปไว้ที่ใดกัน? เฟ่ยเย่เดินไปเดินมาในห้องพักที่โรงเตี๊ยม เพื่อใช้ความคิด พี่ซานอี้เป็นถึงองค์ชาย หากจับองค์ชายเป็นตัวประกันได้ คงไม่เอาตัวมาคุมขังในคุกทหารหรอกกระมัง หรืออยู่ในวังของหนานเจียง เพื่อเอามาเป็นข้อต่อรองระหว่างสองแคว้นเป็นแน่ๆ! นอกจากเดินไปเดินมา พูดคนเดียว แล้วก็นั่งถอนหายใจ ติดๆ กัน 2-3 ครั้ง “จะเข้าไปในวังได้อย่างไร? จริงสิงานเทพธิดาบุปผา“ เฟ่ยเย่เหมือนจะคิดอะไรออก ”เถ้าแก่ ข้าจะขอพักอยู่ต่อจนถึงงานเทศกาลบุปผา” เฟ่ยเย่เรียกผู้ที่นั่งดีดลูกคิดไปมาไปอยู่โต๊ะด้านหลัง “ทั้งหมด 5 ตำลึงเงิน“ เถ้าแก่วางมือจากดีดลูกคิดไปมา เฟ่ยเย่ส่งก้อนเงินก้อนใหญ่สีทองส่งให้เถ้าแก่ วันต่อมา เฟ่ยเย่เดินเข้าไปสำรวจในหอหรูอี้ คร
บทที่ 8 - แต่งงานสานสัมพันธ์ องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้ บัดนี้เดินทางถึงแคว้นหนานตูเรียบร้อยแล้ว แคว้นหนานตูเป็นแคว้นอยู่ติดหนางเจียงค่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นหนานฉี่ กษัตย์แคว้นหนานตูไม่ฝักใฝ่การรบและมักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแคว้นอื่นๆ กษัตย์แคว้นหนานตูมีองค์หญิงมากมาย แต่กลับไม่มีพระโอรส จึงมักส่งองค์หญิงแต่งงานกับแคว้นอื่น เพื่อสานความสัมพันธ์ งานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตของแคว้นหนานตู ณ วังเจียหมิง ถูกจัดขึ้น มีโต๊ะวางเลี้ยงกันตลอดแนว มีของกินมากมาย มีการแสดงรำฟ้อนของแคว้นหนานตู มีบรรดาเหล่าองค์หญิงของเจ้าแคว้นและเหล่าเสนาบดีทั้งหลาย มาให้การต้อนรับ หนึ่งในนั้นคือองค์หญิงรองหนิงเอ๋อ องค์หญิงรองหนิงเอ๋อ สำรวจพินิจพิเคราะห์องค์ชายทั้งสอง สง่างามสมคำล่ำลือ ประทับใจเมื่อได้พบกันครั้งแรก นางอมยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีแผนการ งานเลี้ยงฉลองต้อนรับเป็นไปอย่างราบรื่น ทางหนานฉี่นำไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่เท่ากำปันเด็ก ซึ่งเป็นของค้ำค่าและหายาก มาถวายกษัตริย์หนานตู การค้าซื้อขายแลกเปลี่ยน แร่เหล็ก อาหาร เสื้อผ้า เกลือและอื่นๆ เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกัน ศาลาสวนดอกไ
ที่โรงเตี๊ยมแคว้นหนานเจียง หนอนมัจจุราช ถูกปลุกให้ตื่นด้วยพลังที่มันตามหาทำให้ลั่วซือมีอาการกระวนกระวายใจ ด้วยพลังบางอย่างในกายของเฟ่ยเย่ที่ดึงดูดหนอนมัจจุราช จนลั่วซือยากที่จะควบคุมสติขอตัวตัวเอง ครั้นเมื่อตอนกราบลาอาจารย์ ได้รับปากอาจารย์ว่าจะหาคนผู้นึง อาจารย์ไม่ได้บอกกล่าวสิ่งใดนอกจาก ถ่ายหนอนมัจจุราชเข้าไปร่างกายของลั่วซือ เมื่อมีหนอนมัจจุราชอยู่ในกาย ต้องอาศัยการดื่มเลือดผู้คน การดื่มเลือดจากผู้คน ผู้ที่ถูกดูดเลือดจะได้รับพลังเทพรักษาโรคได้หรือบางคนก็มีอาการเคลิบเคลิ้ม หรือสัมผัสเลือดแม้นเพียงเล็กน้อยจะสามารถรู้ได้ว่าใช่คนที่กำลังตามหาอยู่หรือไม่ แม้ว่าลั่วซือจะมีหนอนมัจจุราชในร่างกาย แต่ถึงกระนั้นเค้าก็ยังยินยอม เพื่อแลกกับเคล็ดวิชาที่อาจารย์สอนสั่ง แล้วอีกอย่างเค้าคิดว่ามันไม่ได้ทำอันตรายให้แก่ผู้คนแต่อย่างใด หากตามหาคนผู้นั้นพบ ถึงแม้เค้าเองจะต้องทรมาน แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่าย หากลั่วซือพบคนผู้นั้นได้ เค้าคงกราบลาอาจารย์อย่างจริงจังได้ และออกท่องยุทธภพต่อไป ประตูห้องพักของเฟ่ยเย่ ถูกกำลังภายในดันจนเปิดออก ภายในห้องพักของเฟ่ยเย่ นางกำลังหลับสบายบนเตียง นางรู้สึกตั
ก่อนวันงานเทศกาลธิดาบุปผาจะเริ่ม ทางหอหรูอี้ติดประกาศไปทั่วเกี่ยวกับการรับสมัครสตรีทั่วหล้า เพื่อประกวดแข่งขันชิงตำแหน่งเทพธิดาผู้ที่ทำให้ดอกไม้เบ่งบาน ต้นไม้เขียวชะอุ่มอุดมสมบูรณ์ตลอดปี หากผู้ใดได้รับการคัดเลือก จะขอประทานรางวัลได้หนึ่งอย่างจากฮ่องเต้ของแคว้นหนานเจียง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเทพธิดาพยากรณ์ของแคว้น! “นี่ๆๆ ท่านพี่ดูนี่สิ” เฟ่ยเย่หยิบกระดาษใบปลิวประกาศจากหอหรูอี้ เรื่องรับสมัครสตรีเข้าประกวดแข่งขันชิงตำแหน่งเทพธิดา ลั่วซือหยิบกระดาษประกาศจากมือเฟ่ยเย่เอามาอ่าน “อืม!..เจ้ามีแผนรึ?” ลั่วซือเลิกคิ้วถาม “โถ่..ก็มีน่ะสิ“แต่คุณสมบัติอื่นนอกจากความเป็นสตรีแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่นะ”เฟ่ยเย่มองหาสือเนียงผู้ดูแลหอ ครั้นเฟ่ยเย่กวาดสายตามองไปปะทะบุรุษหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในหอหรูอี้ เฟ่ยเย่ตาลุกแววทันที เอ๊ะ! เฟ่ยเย่อุทาน! ลั่วซือมองตามสายตาของนางไป “คุณชายทั้งสองโต๊ะนั่งของเราเต็มหมดแล้วเจ้าค่ะ” สือเนียงกล่าวอย่างนอบน้อม “แล้วห้องพักเล่า มีห้องพักสักหนึ่งหรือสองห้องหรือไม่? เราสองคนมีเงินจ่ายไหว แพงเพียงใดก็เรียกมาได้เลย” ต้วนอี้คราดครั้นเล็กน้อย “โถ่เอ๋ย! ท่านทั้
วันที่ 9 เดือน 10 งานประชันเทพธิดาบุปผางามสะพรั่งผู้คนต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาในเมืองซินฮุยแคว้นหนานเจียง บัดนี้โรงเตี๊ยมและที่พักแน่นขนัดเต็มไปด้วยผู้คนองค์ชายทั้งสามต่างก็รีบไปจับจองที่นั่งในหอหรูอี้เร็วกว่าผู้ใด!องค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอและองค์ชายหยางหย่วนแห่งแคว้นหนานเจียงเสร็จมาถึงแล้ว! ขันทีที่ตามเสร็จประกาศหน้าหอหรูอี้ สือเนียงและเจ้าหอรีบออกไปต้อนรับ ภายในหอหรูอี้ทุกคนยืนขึ้นต้อนรับและนั่งลงหลังจากองค์รัชทายาทนั่งลงแล้วบนเวทีมีการแสดงจากนักระบำให้ดูฆ่าเวลาก่อนการประกวด ครู่ต่อมา! ชิงเฟิงองค์รักษ์เงาขององค์รัชทายาทอันซื่อ รีบเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูของอันซื่อ จากนั้นก็รีบร้อนออกไป!พึบ! เสียงกางพัดของอันซื่อ เค้าโบกพัดเข้าหาตัวเบาๆ จากนั้นก็กระซิบที่ข้างหูต้วนอี้โดยเอาพัดขึ้นปิดไว้แบบพองาม“เราต้องรีบกลับกันแล้ว องค์หญิงรองหนิงเอ๋อ กับองค์หญิงสามจิ่งเสียนแห่งหนานตูกำลังมา” อันซื่อพูดข้างหูต้วนอวี้ด้วยเสียงแผ่วเบา ต้วนอวี้เบิ่งตากว้าง! มีอาการตกใจกับข่าวนี้ไม่น้อยหากมีผู้ใดรู้ว่าบัดนี้องค์ชายรัชทายาทและองค์ชายทั้งสี่พระองค์แห่งแคว้นฉี่ มาอยู่รวมตัวกันในดินแดนแคว้นศัตรู! จะต
บัดนี้องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้กลับถึงหนานฉี่อย่างปลอดภัยแล้ว!แม่ทัพเกราะทองฟางหมิ่นเฉียนยังคงประจำการในค่ายอี้ชาง ฟื้นฟูร่างกายหายเป็นปกติแล้ว ต้วนอวี้ส่งข่าวเรื่องคุณหนูฟางเฟ่ยเย่ให้แม่ทัพทราบแล้วเช่นกันลั่วซือหาทางลักรอบไปหาเฟ่ยเย่ในห้องพัก จากวันที่ประกวดวันนั้นจนถึงวันนี้นางสลบไปสามวันเต็มๆ ลั่วซือแอบมาตรวจดูอาการนางทุกวันถ่ายทอดพลังให้และขอกัดแขนนางบางวันที่อาการหนอนมัจจุราชกำเริบเฟ่ยเย่รู้สึกตัวได้สติแล้ว ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง“มีราชองค์การ จากองค์ฮ่องเต้ถึงแม่นางจูจินหลาง” ขันทีป่าวประกาศเรียกที่ห้องโถงหอหรูอี้สือเนียงรีบเข้ามาประคองแขนของเฟ่ยเย่ในนามจูจินหลาง เดินไปถึงห้องโถงแล้วค่อยๆ นั่งคุกเข่าลง คนในห้องโถงต่างก็นั่งคุกทั้งหมดเพื่อรอฟังประกาศราชองค์การเนื้อความในราชองค์การ..!บัดนี้งานคัดเลือกเทพธิดาบุปผาได้สำเร็จลุล่วง จึงได้ผู้ที่มีความสามารถทำให้ดอกไม้นานาของแคว้นหนานเจียงผลิบาน อีกทั้งยังมีใบหน้างดงามราวนางฟ้า มีกิริยาวาจา และท่วงท่างามสง่า เราจึงขอแต่งตั้งเทพธิดาบุปผาคนใหม่ “จูจินหลาง” เป็นเทพธิดาบุปผา ประจำตำหนักหอดาราดาว“ ให้เทพธิดาจูจินหลางเข้าพัก
องค์ชายอันซื่อ องค์ชายซานอี้ และองค์หญิงหว่านชิงกลับมาถึงซีเยียน ระหว่างทางได้รับสาสน์ที่ต้วนอวี้ส่งมาอันซื่อจึงเร่งเดินทางโดยมิได้หยุดพัก เมื่อมาถึงจึงได้เรียกให้มารวมตัวกันที่ตำหนักซีเยียน เพื่อประชุมหารือการช่วยองค์ชายลั่วซือและการแลกเปลี่ยนจากเป่ยเยียนแต่ซีอินไม่อาจสงบใจรออะไรได้เมื่อนางรู้ว่าอวิ๋นเทียนเหอสิ้นพระชนม จึงอยากไปดูให้เห็นกับตาถึงแม้จะรู้ว่ากำลังเดินเข้าไปติดกับดักก็ตาม!ขันทีน้อยนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาจากตำหนักชิงเหยา”ทูลฝ่าบาท! องค์หญิงซีอินกับองค์รักษ์อวี่หลงไม่ได้อยู่ในตำหนักชิงเหยา พะยะค่ะ กะหม่อมให้คนตามหาจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่พบ พะยะค่ะ“ ”จะไปที่ใดได้เล่า ส่งคนออกตามหาให้ทั่วซีเยียน“ ต้วนอวี้ออกคำสั่งทหาร ในใจเค้ารู้ดีว่าซีอินนั้นภายนอกจะดูสุขุมใจเย็น แต่แท้จริงแล้วเป็นคนที่วู่วามเพียงใด!ขณะเดียวกันอวี่หลงมังกรเทพนั้น ไม่เคยขัดใจองค์หญิงของเค้ามาก่อนและจะคอยติดตามซีอินไปทุกหนแห่ง ครั้งนี้ก็เช่นกันเค้ากลายร่างเป็นมังกรพาซีอินเหาะมาที่กำแพงเมืองเป่ยเยียนค่อยบินลงต่ำๆ และกลายร่างเป็นมนุษย์ทั้งสองกระโดดลงไปที่บนกำแพงเมืองเป่ยเยียนซึ่งมีทหารยื่นเฝ้าประจำการอยู่ตามจ
ต้วนอวี้แล้วจี้เฉินกับเหล่าองค์รักษ์กลับถึงซีเยียนอย่างปลอดภัย และได้นำศพองค์ชายจิ่วมิ่งเย่ลู่กลับมารีบจัดแจงหาช่างทำแท่นน้ำแข็งและห้องเย็นรักษาสภาพศพ!ซิ่วอิงสลบไหลไปสามวันเต็มๆ จึงค่อยฟื้นขึ้นมาได้ยาบำรุงจากหมอหลวงประกอบกับร่างกายที่แข็งแกร่งฝึกวรยุทธตั้งแต่เด็กทำให้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เค้าจึงออกตามหาซีอิน@ ณ แคว้นหนานฉี่เมื่อองค์รัชทายาทอันซื่อได้รับข่าวการถูกจับคุมของฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอและองค์ชายลั่วซือ ทำอันซื่อร้อนอกร้อนใจจนต้องรีบกลับซีเยียน ครั้งนี้องค์หญิงหว่านชิงและองค์ซานอี้ก็ตามเสด็จองค์รัชทายาทอันซื่อไปซีเยียนด้วยเช่นกัน ทางฮ่องเต้หนานฉี่ได้ให้การสนับสนุนกำลังทหารอีกหนึ่งแสนนายตามไปซีเยียนในครั้งนี้ด้วย@ ณ สระวังน้ำเย็นอาการของซีอินหายดีแล้วกำลังจะเดินทางออกจากสระวังน้ำเย็น เสียงดังสวบ!สาบ!สวบ!สาบ เป็นเสียงแวกหญ้า ซีอินมองไปทางต้นเสียงนั้นผู้ที่มาคือซิ่วอิง!“ถวายบังคมองค์หญิง” ซิ่วอิงรีบเข้ามาทำความเคารพซีอิน“เจ้ามาได้อย่างไร แล้วฝ่าบาทล่ะ”ซีอินมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด“ซิ่วอิงสมควรตาย ตอนนี้ฝ่าบาทถูกจับตัวไปพะยะค่ะ แต่ฝากให้ซิ่วอิงมาทูลองค์หญิงว่าดูแลตัวเ
ณ กระโจงพักของฮ่องเต้หนานเจียงซิ่งอิงที่สลับตัวปลอมเป็นฮ่องเต้อวิ๋นเทียนยังคงนั่งทำหน้าที่ได้ดี มิได้มีผู้ใดจับได้ และแล้วกระโจมก็เปิดออก มีเงาร่างคนผู้หนึ่งสวมชุดดำเข้าไปภายในกระโจม เมื่อซิ่วอิงเห็นก็เบิกตาและยิ้มกว้างทันที“พระองค์กลับมาอย่างปลอดภัยช่างดีจริงๆ”ซิ่ว อิงรีบเดินเข้ามาสำรวจตรวจร่างกายอวิ๋นเทียนใกล้ๆ อวิ๋นเทียนเหออมยิ้มอย่างอารมณ์ดีหมุนตัวตามแรงมือของซิ่วอิงไปมา“อารมณ์ดีเพียงนี้ เจอนางแล้วใช่หรือไม่ พระเจ้าข้า”ซิ่วอิงถามอย่างรู้ทัน ส่วนอวิ๋นเทียนเหอไม่ตอบได้แต่อมยิ้มและพยักหน้ารับ“ฝ่าบาทเปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนเถอะ ข้าไม่อยากอยู่ในชุดนี้แล้ว” ซิ่วอิงเร่งรัดอวิ๋นเทียนเหอ“ฮ่าๆๆ เจ้าอยู่ในชุดนี้ดูดีเชียวนะ“อวิ๋นเทียนเหอหยอกล้อซิ่วอิงอย่างอารมณ์ดี”โธ่! ฝ่าบาทอย่าทรงแกล้งซิ่วอิงเลย” ซิ่วอิงโค้งคำนับอวิ๋นเทียนเหอเชิงขอร้อง ซิ่วอิงอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฝ่าบาทของเค้าอารมณ์ถึงเพียงนี้ก็พอจะเดาได้ว่าคงมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับอวิ๋นเทียนเหออย่างแน่นอน!เมื่อลั่วซือนำกองทัพที่สมทบมาถึงฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอกับองค์ชายลั่วซือก็เร่งบุกโจมตีประตูทางเข้าเป่ยเหยียนทันที ไม่นานทั้งสองก็ส
ณ กระโจงพักของฮ่องเต้หนานเจียง“ข้าเดินทางจากทางเหนือมาจนซีเยียนแล้ว ข้ายังไม่เจอซีอินเลย ซิ่วอิงเจ้าไปตามหาซีอินบอกนางว่าอยากพบนางได้หรือไม่“ ฮ่องเต้อวิ๋นเทียนสั่งความองค์รักษ์ส่วนตัว”ตอนนี้สถานะการณ์รบคับขันยิ่งนัก พระองค์ใจเย็นๆก่อนเถอะ หากเรารบชนะฝ่าบาทคงได้เจอได้แน่นอน พะยะค่ะ“ ซิ่วอิงท้วงติง”ซิ่วอิงข้ากับเจ้าเติบใหญ่มาด้วยกัน เจ้าอยู่เคียงข้ามาตั้งแต่เด็ก เจ้าเข้าใจข้ามากที่สุดใช่หรือไม่“อวิ๋นเทียนเหอถอนหายใจออกมาเบาๆ”ซิ่วอิงสมควรตาย ซิ่วอิงจะไปทำตามรับสั่งเดี๋ยวนี้พระองค์ดูแลรักษาพระวรกายให้ดีๆ นะ พะยะค่ะ“ ซิ่วอิงลำบากใจยิ่งนักณ ตำหนักวังซีเยียนลั่วซือมาขอเข้าเฝ้าอ๋องต้วนอวี้และองค์รัชทายาทอันซื่อ”ถวายบังคมท่านพี่ทั้งสอง“ ลั่วซือทำความเคารพ”ลุกขึ้นเถอะน้องสี่ ไม่ต้องมากพิธี” อันซื่อกล่าวกับน้องชาย“เจ้ามีเรื่องอันใดใช่หรือไม่?”อ๋องต้วนอวี้เอ่ยถามน้องชาย“ทูลท่านพี่ทั้งสอง ตอนนี้สถานะการณ์หนานเจียงบุกโจมตีเป่ยเยียนไม่สู้ดี หลายวันมานี้ไม่สามารถบุกเข้าไปในเป่ยเยียนได้ อีกทั้งทหารเป่ยเหยียนมีจำนวนมาก ข้าเกรงว่า..“ลั่วซือเหมือนจะมีบางคำพูดที่จุกอยู่ในอกพูดออกมาลำบาก”ข้ากับท
ณ แคว้นหนานเจียงบัดนี้องค์รัชทายาทหยางหย่วนกลับถึงหนานเจียงเรียบร้อยแล้ว แต่องค์หญิงหว่านชิงและองค์ชายซานอี้มิได้ตามเสด็จกลับไปด้วย ยังคงอยู่ที่แคว้นหนานฉี่ เพื่อฟังข่าวและติดตามความเคลื่อนไหวของพ่อมดเป่ยเยียนอยู่ตลอด“ถวายบังคมเสด็จพี่“ หยางหย่วนเมื่อมาถึงก็รีบเข้าเฝ้าฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอที่ห้องทรงพระอักษรทันที”ลุกขึ้นเถอะหย่วนเอ๋อร์ ห้องนี้ไม่มีใคร ไม่ต้องมากพิธี“ อวิ๋นเทียนเหอกล่าวกับน้องชาย”ขอบพระทัย พระเจ้าข้า” หยางหย่วนกล่าวขอบคุณและนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างอย่างคุ้นเคย“เราร้อนใจมาหลายวัน เห็นเจ้าวันนี้เราก็ค่อยคลายกังวลได้บ้าง มีสิ่งใดจะเล่าให้เราฟังหรือไม่ เราอยากรู้จากปากของเจ้า“ อวิ๋นเทียนเหอซักถามหยางหย่วนหยางหย่วนจึงเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้อวิ๋นเทียนฟังอีกครั้งหนึ่ง “ที่เจ้าเล่ามาเหมือนกันกลับที่ซีอินเคยกล่าวไว้แล้ว หากไม่มีทางอื่น เหลือแค่ต้องปลิดชีพพ่อมดนั่น การสลับร่างคืนจึงจะสำเร็จ เราก็จะยกทัพบุกเป่ยเยียนสักคร้้ง“ อวิ๋นเทียนเหอกล่าวด้วยความโกรธ!ท้องพระโรง ณ แคว้นหนานฉี่“มีราชสาสน์จากฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอ แคว้นหนานเจียง ขอยกทัพผ่านหนานฉี่ไปบุกตีแคว้นเป่ยเยียน พะยะค
เมืองซีเยียน“องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์หญิงซีอิน! เสด็จมาถึงแล้ว พะยะค่ะ!” ขันทีกล่าวรายงานต่อเจ้าเมืองอ๋องอวี้ “อาอวี้!” อันซื่อเดินเข้าไปสวมกอดน้องชายตบหลังเบาๆ แสดงถึงความรักที่มีต่อกัน“ทำไมท่านทั้งสองถึงมาด้วยกันได้” อ๋องอวี้สงสัย“มีเรื่องยุ่งยากกับเจ้าสาม ข้ากับซีอินจึงมาช่วยเจ้า” อันซื่อจึงเล่าสถานการณ์การสลับร่างให้ต้วนอี้ได้รับรู้“อย่างนี้เจ้าสามก็ลำบากแล้ว แล้วเรื่องการหมั้นหมายเจ้าสามก็ยินยอมด้วยงั้นรึ?“ ต้วนอวี้ซักถามต่อ”เจ้าตัวไม่ยินยอมแต่จะมีทางไหนแก้ไขได้รึ? ตัวสลับกันแบบนั้น ราชโองการหมั้นก็ออกประกาศทั่วแล้ว“ ที่ทะเลสาบซางไห่ เมืองซีเยียนพ่อมดเป่ยเยียนกำลังใช้พลังจิตหาลูกแก้ววิญญาน แต่มังกรเทพ อวี่หลงที่ตามอารักษ์ขาองค์หญิงซีอินมาซีเยียนด้วยนั้นกลับรู้สึกกระวนกระวายใจ เหมือนถูกกระตุ่นด้วยอะไรบางอย่าง จนทำให้ต้องกลายร่างเป็นมังกรเหินขึ้นสู่ฟ้าเหาะวนไปวนมา จนมาถึงที่ทะเลสาบซางไห่ ลูกแก้ววิญญาณนั้นค่อยๆ ลอยตัวขึ้นจากทะเลสาบอย่างช้า พ่อมดร่ายคาถาพยายามจะสะกดลูกแก้ววิญญาน ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้มังกรเทพอวี่หลงเป็นอย่างมากอ่าาาาาาาาาา! มังกรอวี่หลงแผดเสียงร้องด้วยคว
อวี่หลงกายร่างเป็นมังกรพาซีอินเหาะไปพบเทพ อัคคีฉงหลีที่เขาเมิ่งซาน เล่าเรื่องการสลับร่างของพ่อมดเป่ยเยียนให้ท่านอาจารย์ฟัง เทพอัคคีฉงหลีกล่าวว่าหากจะให้แก้คาถาสลับร่างผู้ร่ายคาถาต้องเป็นผู้แก้เท่านั้นหรือไม่ก็ตายจากไปคาถาจะสลายหายไปเอง!ซีอินและอวี่หลงจึงแวะไปหาฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอณ ห้องทรงพระอักษร หนานเจียง“ฝ่าบาท! องค์หญิงซีอินมาขอเข้าพบเป็นการส่วนพระองค์ พะยะค่ะ” องค์รักษ์ซิ่วอิงกล่าวรายงาน ทำให้อวิ๋นเทียนเหอ แปลกใจอยู่ไม่น้อย“นางมากับใคร ทำไมข้าถึงไม่รู้ล่วงหน้าเลย” ฝ่าบาทสงสัย“องค์หญิงมากับองค์รักษ์เพียงแค่สองคนเท่านั้น พะยะค่ะ” ซิ่วอิงกราบทูลฝ่าบาท“รีบเชิญเร็วเข้า” ฝ่าบาทมีท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ซีอินเดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษรเพียงลำพัง ซิ่วอิงกับอวี่หลงค่อยเฝ้าอยู่หน้าห้อง“ถวายบังคับ ฝ่าบาท ขอให้อายุยืนหมื่นๆปี เพคะ!” ซีอินเมื่อเดินไปถึงหน้าโต๊ะทรงงานก็ทำความเคารพฝ่าบาท อวิ๋นเทียนเหอเงยหน้ามองซีอินและยิ้มให้ด้วยความดีใจ ฝ่าบาทเดินมาพยุงซีอินให้ลุกขึ้น“ไม่ต้องมากพิธี ตามสบายนะ เราดีใจมากที่ได้เจอเจ้า ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นองค์หญิงซีอินแล้ว เหมาะสมยิ่งนัก“ อวิ๋นเทียนเห
เช้าวันต่อมาหว่านชิงที่อยู่ในร่างซานอี้ค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาตื่นนางพยายามพยุงร่างลุกขึ้นนั่งด้วยศรีษะอันอึ้งจำแทบไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น มองไปทางตั่งนั่งไม้พบลั่วซือกำลังนอนหลับอยู่“อ๊ายยย! เจ้าๆ มานอนในห้องข้าได้อย่างไร” หว่านชิงร้องความตกใจ และยิ่งตกใจไปมากกว่าคือน้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่เสียงนาง นางรีบก้มมองดูตัวเองจับหน้าตัวเองทันที”กรี๊ดดดดดด! นี่ไม่ใช่ข้า นี่ไม่ใช่ข้า“ หว่านชิงในร่างซานอี้แผดเสียงร้องลั่น ทำให้ลั่วซือสะดุ้งตื่นรีบวิ่งเข้ามาใกล้”พี่สาม! เจ้าเป็นอะไรไป เจ้าอย่ามัวแต่ร้องสิ เจ้าพูดสิ!” ลั่วซือจับไหล่ซานอี้เขย่าเบาๆ“ข้าไม่ใช่พี่สามของเจ้า ข้าคือหว่านชิง” หว่านชิงในร่างซานอี้ยังคงร้องไห้ลั่นชั่วครู่ต่อมา ปัง! ปัง! ปัง! เสียงทุบประตูดังขึ้น“เปิดประตู! ข้าบอกให้เปิดประตู”เสียงของซานอี้ในร่างหว่านชิงเร่งให้เปิดประตูห้องพักซานอี้ ลั่วซือจึงเดินไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออกซานอี้ในร่างหว่านชิงรีบเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเตียงที่หว่านชิงในร่างซานอี้นั่งอยู่ และเมื่อทั้งสองได้เจอหน้ากัน ” เจ้า!“ ต่างฝ่ายต่างทำอะไรไม่ถูก”เจ้า! เจ้าคืนร่างข้ามานะ“ ซานอี้ในร่างหว่านช
ณ ตำหนักลี่ถิง“องค์รัชทายาทเสด็จ! พะยะค่ะ“ เสียงขันทีหน้าตำหนักลี่ถิงรายงาน ซีอินจึงรีบเดินออกไปต้อนรับ พร้อมทำความเคารพ”เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ที่นี่อยู่สบายดีหรือไม่?“ อันซื่อทักทายยิ้มแย้ม”อยู่สบายดี เพคะ“ ซีอันตอบกลับ”ข้านำต้นอิงฮวา มาปลูกให้เจ้า หลายต้นเลย และนำคนงานมาทำชิงช้าให้น้องหญิงด้วย“อันซื่อพูดอย่างมีไมตรีและเรียกซีอินว่าน้องหญิง”ขอบพระทัยท่านพี่ เพคะ! เชิญเข้ามานั่งดื่มชาก่อน เพคะ!” อันซื่อเดินเข้าไปนั่งในห้องโถงของตำหนักลี่ถิง นั่งจิบน้ำชาเงียบๆ“น้องหญิงเจ้าจะไปหนานเจียงเมื่อใดรึ” อันซื่อเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น“ต้องถามทางองค์รัชทายาทหยางหย่วนว่าพร้อมเมื่อใด เพคะ” อันซื่อและซีอินคุยกันได้สักพักเสียงขันทีหน้าตำหนักก็ดังขึ้นอีกครั้ง“องค์ชายซานอี้และองค์ชายลั่วซือเสด็จ พะยะค่ะ” เมื่อทั้งสองหันไปมองที่ต้นเสียงก็ปรากฏว่าองค์ชายทั้งสองที่พึ่งมาถึงเดินเข้ามาในห้องโถงของตำหนักลี่ถิงแล้ว ซานอี้กับลั่วซือชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นอันซื่อนั่งอยู่ก่อนแล้ว“ถวายบังคมเสด็จพี่ พระข้าเจ้า” ซานอี้กับลั่วซือทำความเคารพองค์รัชทายาทอันซื่อ“ท่านพี่ทั้งสองเชิญนั่งก่อน” ซีอินเชิญแขกผู้มาใ