ผ้าแพรเทพบินกลับคืนสู่เจ้าของแล้ว!เฟ่ยเย่พาซานอี้เดินทางขึ้นเขาเมิ่งซาน“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด” ซานอี้เอ่ยถามทำลายความเงียบ“เขาเมิ่งซาน” จริงสิตอนนี้ซานอี้ตามองไม่เห็นแล้ว นางจึงจับมือซานอี้ให้กะชับมากขึ้นตลอดการเดินทาง“เจ้าไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับองค์รัชทายาทของหนานเจียงเลยหรือ?”ซานอี้สงสัย“ไม่มี! ที่สำคัญตอนนี้คือพาท่านไปรักษาดวงตาให้หาย“ เฟ่ยเย่ตอบสั้นๆเขาเสียบดาบ! ลั่วซือทางเดินมาถึงเขาเสียบดาบด้วยความลำบาก ที่นี่! เป็นสุสานอาวุธของเหล่าบรรดาจอมยุทธ ที่สิ้นชีพไปแล้ว อาวุธที่สุสานเขาเสียบดาบแห่งนี้รอคอยผู้เป็นเจ้านายคนใหม่!ลั่วซือเข้าไปยังใจกลางหุบเขาทำสมาธิแล้วดึงดาบทีละเล่ม เจอดาบดึงดาบ เจอกระบี่ดึงกระบี่ จนในที่สุดลั่วซือก็ดึง “ดาบวารีไหล” ของซืออู๋ตู้ครั้นมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ออกมาได้สำเร็จ! เทพอัคคีฉงหลีนั่งทำสมาธิรู้ได้ด้วยญาณว่าลั่วซือได้ดึงดาบวารีไหลออกมาจากเขาเสียบดาบสำเร็จแล้ว การครอบครองดาบวารีไหลนั้นไม่ง่ายแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้! ท่านอาจารย์ลืมตาขึ้น เบื้องหน้าตนคือเฟ่ยเย่กับซานอี้พึ่งขึ้นมาถึงยอดเขาเมิ่งซานพอดี”กราบท่านอาจารย์“ เฟ่ยเย่ลุกเข่ากราบคาราวะอาจาย์ ซานอี้ก
ณ เขาพระจันทร์เสี้ยว“ท่านพี่! ข้าจะส่งท่านออกไปก่อน“ องค์ชายต้วนอวี้บอกองค์รัชทายาทอันซื่อ ”ไม่นะอาอวี้ข้าไม่ไป ข้าจะทิ้งเจ้าได้อย่างไร?“ อันซื่อมิยินยอม”เราติดอยู่ที่นี่มาหลายวันเกินไปแล้ว พอเสบียงหมดทหารจะหมดแรง ถึงตอนนั้น ข้าจะปล่อยให้องค์รัชทายาทแห่งหนานฉี่ ถูกจับคุมไปเป็นเชลยศึกได้อย่างไร?“ ต้วนอวี้มีสีหน้าจริงจังและคุกเข่าต่อหน้าอันซื่อ”ท่านพี่ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าไม่เคยร้องขออะไรจากท่านเลย ครั้งนี้อาอวี้ขอร้องท่านพี่สักครั้งได้หรือไม่! โปรดฟังคำขอร้องจากข้าด้วย!“ ต้วนอวี้ยังคงคุกเข่า”ไม่ได้! เจ้าอยู่ข้าอยู่! ไม่ว่าวันข้างหน้าจะสิ้นแสงสักเพียงใด ข้าจะไปกับเจ้า! ข้าเป็นท่านพี่ของเจ้า หากเจ้าเป็นอะไรไปข้าจะอธิบายกับเสด็จแม่บนสวรรค์ได้อย่างไร?” อันซื่อค่อยประคองต้วนอวี้ให้ลุกขึ้น“คืนนี้เราจะใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม” อั่นซื่อกล่าว“ไม่คิดเลยว่าแม่ทัพต้าฝู่จะสกปรกถึงเพียง คบค้าพวกมาร ทหารผีดิบพวกนั้นฆ่าไม่ตาย!” ต้วนอวี้กล่าวอย่างหดหู่เขาพระจันทร์เสี้ยวในคืนนั้น!ทหารหลายหมื่นนายสู้กันอย่างดุเดือด ทางฝ่ายแม่ทัพต้าฝู่สมคบคิดกับพวกมาร ทหารผีดิบพวกนั้นมีเป็นหมื่น เป็นพันๆ
ซานอี้กับเฟ่ยเย่ลงจากเขาเมิ่งซานมาด้วยกัน จึงไปที่หอหรูอี้เพื่อสืบข่าว และได้พบกับองค์รักษ์ชิงเฟิงเฟ่ยเย่ตรวจดูอาการของชิงเฟิงแล้ว ถึงจะบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ได้ยามาช่วยบรรเทาได้ทันเวลา นางใช้พลังเทพเดินลมปราณให้ชิงเฟิงทำให้หายเร็วกว่าปกติมาก”ขอบพระคุณแม่นางฟาง“ ชิงเฟิงกล่าวขอบคุณเฟ่ยเย่”มิได้ มิได้ องค์รักษ์ชิงเฟิงโตมาด้วยกันกับองค์รัชทายาทอันซื่อเราจะนิ่งดูดายได้อย่างไรกันเล่า“ เฟ่ยเย่ยิ้มให้อย่างมีไมตรี”เหตุใดแม่นางถึงได้ล่วงรู้เรื่องนี้ด้วย!“ชิงเฟิงหมวดคิ้วสงสัย”โถ เอ้ย เราเป็นสหายร่วมเรียนกับองค์หญิงเหยียนหลินนะ“ เฟ่ยเย่แสร้งกลบเกลื่อน“ท่านพี่ซานอี้เราคงต้องแยกกันตรงนี้ ท่านไปกับชิงเฟิงกลับไปหนานฉี่ก่อน ไปช่วยทางท่านพี่ลั่วซือ ส่วนข้าจะเข้าวังหนานเจียงไปพบองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหออีกครั้ง“ เฟ่ยเย่รีบแจกแจง”ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป หากเจ้าถูกจับตัวไป ข้าจะมีหน้าไปพบท่านแม่ทัพฟางหมิ่นเฉียนรึ“ ซานอี้หมวดคิ้ว ยืนกอดอก สีหน้าขรึงขรึม”ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านพี่ ให้ข้าไปเถอะนะ”เฟ่ยเย่เข้ามาเขย่าแขนอ้อนซานอี้“ไม่ได้” ซานอี้กอดอกหันหลังให้เฟ่ยเย่“ข้ารับรอง ข้าไม่มีทางเป็นอันตราย ข้ามีอาว
ฟางเฟ่ยเย่ตอนนี้ปลอมตัวเป็นองค์รักษ์อยู่ข้างกายองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอ ออกตามเสด็จไปช่วยบรรเทาภัยแล้งในหลายๆพื้นที่ของหนานเจียงเสด็จพ่อของอวิ๋นเทียนเหอ ฮ่องเต้ของแคว้นหนานเจียงตอนนี้ป่วยหนัก จนในที่สุดก็ทรงสวรรคต! บัดนี้..รัชศกเจียงโจวปีที่ 17 แห่งแคว้นหนานเจียงองค์รัชทายาทอวิ๋นเทียนเหอจึงได้ทรงขึ้นครองบังลังก์ ซึ่งในขณะนี้เกิดความวุ่นวายโกลาหล ในแคว้นกลับมีพวกนับถือลัทธิมารปรากฏ! องค์ฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอ พึ่งขึ้นครองราช ไม่มีอำนาจและไม่มีกำลังทหารอยู่ในมือจึงต้องรีบส่งองค์รัชทายาทอันซื่อ-องค์ชายต้วนอวี้และแม่นางฟางเฟ่ยเย่กลับคืนไปยังสู่แคว้นหนานฉี่ณ หอดาราดาว! “พรุ่งนี้ข้าก็จะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีกแล้ว ขอให้เจ้าเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย“อวิ๋นเทียนเหอพยายามข่มความรู้สึก และข่มกิริยาที่แสดงออกไป“ฝ่าบาทก็เช่นกัน ต้องดูแลตัวเองอย่างดีนะเพคะ” เฟ่ยเย่เอ่ยด้วยความจริงใจ นางล้วงมือไปในถุงเฉียนคุน หยิบของออกมาสิ่งหนึ่งยื่นให้องค์ฮ่องเต้ อวิ๋นเทียนเหอ“ฝ่าบาท! เอานี่ติดตัวไว้ตลอดห้ามถอดออกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม รับปากหม่อมชั้นนะเพคะ” เฟ่ยเย่ยื่นจี้หยกสยบมารให้อวิ๋นเทียนเหอ“จี้หยก
ทางฝั่งของค่ายอี้ชาง เขตแดนหนานฉี่ “ท่านพ่อ ลูกขอออกไปปราบปีศาจนะเจ้าคะ ที่นี่มีไอมารพวยพุ่งเป็นจำนวนมากจะต้องมีปีศาจร้ายอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่นอน เจ้าค่ะ“ เฟ่ยเย่ออดอ้อนท่านแม่ทัพผู้เป็นบิดา ”หน้าที่นี้ให้เป็นของพ่อเถอะ เจ้าเป็นเพียงสตรีบอบบาง พ่อว่าเจ้าควรกลับจวนไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่เจ้าดีหรือไม่?“ แม่ทัพฟางกล่าวกับลูกสาวด้วยความห่วงใย ”ข้ารู้ว่าท่านพ่อรักข้าที่สุด แต่ลูกได้กราบเทพอัคคีฉงหลีเป็นอาจารย์ ตอนนี้ลูกมีวรยุทธ ลูกได้รับปากท่านอาจารย์ว่าจะต้องกำจัดคนชั่ว ช่วยเหลือผู้อ่อนแอเจ้าค่ะ! ให้ลูกไปเถอะนะเจ้าคะ“ “อืม!..เย่เอ๋อร์..พ่อว่าเจ้าอยู่ช่วยเหลือรักษาทหารกับชาวบ้านที่บาดเจ็บในค่ายนี้ก็พอแล้ว” แม่ทัพฟางยังไม่ยอมรับปากเฟ่ยเย่ง่ายๆ ยามจื่อ! เฟ่ยเย่สวมชุดสีดำพรางตัวทะมัดทะแมงรัดเกล้าผมทรงสูง ใช้วิชาตัวเบารัดเลาะหลบทหารเดินยามในค่ายอี้ชาง นางรู้สึกถึงการถูกตบที่ไหล่จากทางด้านหลัง จึงสวนกลับเตะ ต่อย 2-3 กระบวนท่า “ศิษย์พี่!เองหรือ? ข้าตกใจหมด” เฟ่ยเย่รีบหยุดมือ “เจ้าจะไปไหนรึ?” ลั่วซื่อขมวดคิ้วถาม “แถวนี้มีไอมาร มีกลิ่นปีศาจ ข้าจะไปดูหน่อยว่ามันมาจากที่ใดกันแน่” เฟ
มีราชองค์การจากฮ่องเต้หนานฉี่ ให้องค์ชายทั้งสี่กลับเข้าวังหลวง ส่วนค่ายอี้ชางมอบหมายให้ท่านแม่ทัพเกราะทองฟางหมิ่นเฉียนอยู่รักษาการณ์ชายแดนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย!ให้เดินทางออกจากค่ายอี้ชางภายในสามวันนับจากวันที่ได้รับราชองค์การ!“เราคงต้องทิ้งเจ้าสี่ไว้ที่นี่ก่อน หากเราเคลื่อนย้ายเค้าไปอาการคงไม่ดีแน่ เราจะไปทูลเสด็จพ่อเอง ฝากทางท่านแม่ทัพฟางด้วยนะ” องค์รัชทายาทอันซื่อเป็นห่วงน้องชาย“กะหม่อมจะดูแลองค์ชายสี่อย่างดี พระเจ้าข้า!” แม่ทัพฟางรับปากองค์รัชทายาท แล้วหันไปพูด กับเฟ่ยเย่ว่า ”เจ้าก็ตามองค์ชายทั้งสามกลับเมืองหลวงเสียเถอะ ป่านนี้ท่านแม่ของเจ้าเป็นห่วงแย่แล้ว!“”เจ้าค่ะ ท่านพ่อ“ เฟ่ยเย่รับคำอย่างว่าง่าย”องค์รัชทายาทเพคะ ข้าขอพระราชทานนามให้ศิษย์พี่เสี่ยวเป่าได้หรือไม่เจ้าคะ“ เฟ่ยเย่เอ่ยถามอันซื่อ”เรียกท่านพี่อันซื่อสิ“ อันซื่อยิ้มล้อเลียนเฟ่ยเย่”อ่อ หม่อมชั้นมิบังอาจ“ เฟ่ยเย่สงบเสงี่ยมเจียมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ทัพฟาง”เรียกเราว่าท่านพี่อันซื่อเถอะ เคยเรียกเช่นไรก็เรียกเช่นนั้น“ อันซื่อยิ้มให้เฟ่ยเย่แล้วกล่าวต่ออีกว่า “ชื่อใดดีนะ หนุ่มหน้าขาวราวหยก ดวงตาสีฟ้าดั่งทะเลใส ข้าให
ณ แคว้นหนานฉี่องค์ชายทั้งสามกลับมาถึงหนานฉี่อย่างปลอดภัย ส่วนฟางเฟ่ยเย่ก็กลับถึงจวนสกุลฟางเรียบร้อยแล้ว“คุณหนูกลับมาแล้ว” รุ่ยรุ่ยสาวใช้ประจำตัวรีบวิ่งเข้าไปต้อนรับ ”คุณหนู! ยูหยินรอท่านอยู่ที่ศาลบรรพชนเจ้าค่ะ“ สาวใช้รุ่ยรุ่ยรีบรายงาน”อืม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้“ ฟางเฟ่ยเย่เดินมาหยุดที่ประตูทางเข้าศาลบรรพชนนางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยเปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปยูหยินสกุลฟางนั่งสวดมนต์อยู่ก่อนแล้วเทียนไขในห้องนั้นถูกจุดสว่าง ป้ายชื่อผู้ล่วงลับตั้งวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเมื่อฟางเฟ่ยเย่เข้ามาในห้องนางก็รีบจุดรูปสักการะบรรพบุรุษทันที ก้มลงกราบสามครั้ง แล้วนั่งนิ่งๆ จองมองแผ่นหลังของผู้เป็นมารดา“เจ้ากลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัยแม่ก็สบายใจแล้ว แต่เจ้ามีความผิดที่หลบหนีออกไปเช่นนี้ เจ้าเป็นกุลสตรีที่ยังไม่ออกเรือน หากวันนี้แม่ไม่ลงโทษเจ้า เจ้าคงไม่เห็นความสำคัญของชื่อเสียงตนเองและวงศ์ตระกูล เจ้าจงนั่งสำนึกผิดในศาลบรรพชนนี้สักสามวันเถอะ” เมื่อพูดจบยูหยินก็ลุกขึ้นช้าๆแล้วเดินออกจากโถงบรรพชนไปเฟ่ยเย่ได้แต่นั่งสำนึกผิดในห้องตามลำพัง!วันต่อมา!องค์ชายทั้งสามและฟางเฟ่ยเย่ได้รับราชองค์การให้ไปเข้า
หน้าตำหนักตงเตี้ยน แคว้นหนานฉี่องค์รัชทายาทอันซื่อ,องค์ชายต้วนอวี้,องค์ชายซานอี้ มาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท! ขันทีเว่ยจึงรีบไปรายงานฮ่องเต้ ที่ห้องทรงพระอักษร“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?” ซานอี้เปยขึ้นมากับตัวเอง แล้วเดินไปเดินมาอยู่หน้าตำหนักตงเตี้ยนไม่สามารถสงบใจได้เลย ส่วนอันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็รอที่หน้าตำหนักอย่างร้อนใจเช่นกันครู่ต่อมา ขันทีเว่ยก็ออกมารายงานให้องค์ชายทั้งสามแยกย้ายกลับได้ “พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้เข้าพบหรือสงสัยในราชองค์การที่ทรงรับสั่งไปแล้ว! พะยะค่ะ” ขันทีเว่ยถ่ายทอดคำสั่งอันซื่อได้แต่ทอดถอนใจแล้วเดินกลับตำหนักบูรพา เมื่อมาถึงตำหนักบูรพาได้ประมาณหนึ่งก้านธูป องค์ชายต้วนอวี้และองค์ชายซานอี้ก็มาขอเข้าพบ!ในตำหนักบูรพา!“ท่านพี่ทั้งสอง ข้าชอบอาเย่ นางมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ข้าต้องแต่งงานกับนาง“ ซานอี้เริ่มก่อน”ไม่ได้! นางจะแต่งกับใครไม่ได้ทั้งนั้น“ ต้วนอวี้พูดขัดขึ้น”พี่รอง พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ซานอี้เดินไปประจันหน้ากับ ต้วนอี้ขมวดคิ้วสีหน้าจริง“ถ้าพูดถึงเรื่องบุญคุณ นางก็มีคุณบุญกับข้าช่วยเหลือข้า ตอนเรือแตกติดถ้ำอยู่กับข้า” ต้วนอวี้ยอมลดละ“นางไม่ได้ชอบเจ้า ทำไมต้อ
เมืองซีเยียน“องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์หญิงซีอิน! เสด็จมาถึงแล้ว พะยะค่ะ!” ขันทีกล่าวรายงานต่อเจ้าเมืองอ๋องอวี้ “อาอวี้!” อันซื่อเดินเข้าไปสวมกอดน้องชายตบหลังเบาๆ แสดงถึงความรักที่มีต่อกัน“ทำไมท่านทั้งสองถึงมาด้วยกันได้” อ๋องอวี้สงสัย“มีเรื่องยุ่งยากกับเจ้าสาม ข้ากับซีอินจึงมาช่วยเจ้า” อันซื่อจึงเล่าสถานการณ์การสลับร่างให้ต้วนอี้ได้รับรู้“อย่างนี้เจ้าสามก็ลำบากแล้ว แล้วเรื่องการหมั้นหมายเจ้าสามก็ยินยอมด้วยงั้นรึ?“ ต้วนอวี้ซักถามต่อ”เจ้าตัวไม่ยินยอมแต่จะมีทางไหนแก้ไขได้รึ? ตัวสลับกันแบบนั้น ราชโองการหมั้นก็ออกประกาศทั่วแล้ว“ ที่ทะเลสาบซางไห่ เมืองซีเยียนพ่อมดเป่ยเยียนกำลังใช้พลังจิตหาลูกแก้ววิญญาน แต่มังกรเทพ อวี่หลงที่ตามอารักษ์ขาองค์หญิงซีอินมาซีเยียนด้วยนั้นกลับรู้สึกกระวนกระวายใจ เหมือนถูกกระตุ่นด้วยอะไรบางอย่าง จนทำให้ต้องกลายร่างเป็นมังกรเหินขึ้นสู่ฟ้าเหาะวนไปวนมา จนมาถึงที่ทะเลสาบซางไห่ ลูกแก้ววิญญาณนั้นค่อยๆ ลอยตัวขึ้นจากทะเลสาบอย่างช้า พ่อมดร่ายคาถาพยายามจะสะกดลูกแก้ววิญญาน ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้มังกรเทพอวี่หลงเป็นอย่างมากอ่าาาาาาาาาา! มังกรอวี่หลงแผดเสียงร้องด้วยคว
อวี่หลงกายร่างเป็นมังกรพาซีอินเหาะไปพบเทพ อัคคีฉงหลีที่เขาเมิ่งซาน เล่าเรื่องการสลับร่างของพ่อมดเป่ยเยียนให้ท่านอาจารย์ฟัง เทพอัคคีฉงหลีกล่าวว่าหากจะให้แก้คาถาสลับร่างผู้ร่ายคาถาต้องเป็นผู้แก้เท่านั้นหรือไม่ก็ตายจากไปคาถาจะสลายหายไปเอง!ซีอินและอวี่หลงจึงแวะไปหาฮ่องเต้อวิ๋นเทียนเหอณ ห้องทรงพระอักษร หนานเจียง“ฝ่าบาท! องค์หญิงซีอินมาขอเข้าพบเป็นการส่วนพระองค์ พะยะค่ะ” องค์รักษ์ซิ่วอิงกล่าวรายงาน ทำให้อวิ๋นเทียนเหอ แปลกใจอยู่ไม่น้อย“นางมากับใคร ทำไมข้าถึงไม่รู้ล่วงหน้าเลย” ฝ่าบาทสงสัย“องค์หญิงมากับองค์รักษ์เพียงแค่สองคนเท่านั้น พะยะค่ะ” ซิ่วอิงกราบทูลฝ่าบาท“รีบเชิญเร็วเข้า” ฝ่าบาทมีท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ซีอินเดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษรเพียงลำพัง ซิ่วอิงกับอวี่หลงค่อยเฝ้าอยู่หน้าห้อง“ถวายบังคับ ฝ่าบาท ขอให้อายุยืนหมื่นๆปี เพคะ!” ซีอินเมื่อเดินไปถึงหน้าโต๊ะทรงงานก็ทำความเคารพฝ่าบาท อวิ๋นเทียนเหอเงยหน้ามองซีอินและยิ้มให้ด้วยความดีใจ ฝ่าบาทเดินมาพยุงซีอินให้ลุกขึ้น“ไม่ต้องมากพิธี ตามสบายนะ เราดีใจมากที่ได้เจอเจ้า ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นองค์หญิงซีอินแล้ว เหมาะสมยิ่งนัก“ อวิ๋นเทียนเห
เช้าวันต่อมาหว่านชิงที่อยู่ในร่างซานอี้ค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาตื่นนางพยายามพยุงร่างลุกขึ้นนั่งด้วยศรีษะอันอึ้งจำแทบไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น มองไปทางตั่งนั่งไม้พบลั่วซือกำลังนอนหลับอยู่“อ๊ายยย! เจ้าๆ มานอนในห้องข้าได้อย่างไร” หว่านชิงร้องความตกใจ และยิ่งตกใจไปมากกว่าคือน้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่เสียงนาง นางรีบก้มมองดูตัวเองจับหน้าตัวเองทันที”กรี๊ดดดดดด! นี่ไม่ใช่ข้า นี่ไม่ใช่ข้า“ หว่านชิงในร่างซานอี้แผดเสียงร้องลั่น ทำให้ลั่วซือสะดุ้งตื่นรีบวิ่งเข้ามาใกล้”พี่สาม! เจ้าเป็นอะไรไป เจ้าอย่ามัวแต่ร้องสิ เจ้าพูดสิ!” ลั่วซือจับไหล่ซานอี้เขย่าเบาๆ“ข้าไม่ใช่พี่สามของเจ้า ข้าคือหว่านชิง” หว่านชิงในร่างซานอี้ยังคงร้องไห้ลั่นชั่วครู่ต่อมา ปัง! ปัง! ปัง! เสียงทุบประตูดังขึ้น“เปิดประตู! ข้าบอกให้เปิดประตู”เสียงของซานอี้ในร่างหว่านชิงเร่งให้เปิดประตูห้องพักซานอี้ ลั่วซือจึงเดินไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออกซานอี้ในร่างหว่านชิงรีบเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเตียงที่หว่านชิงในร่างซานอี้นั่งอยู่ และเมื่อทั้งสองได้เจอหน้ากัน ” เจ้า!“ ต่างฝ่ายต่างทำอะไรไม่ถูก”เจ้า! เจ้าคืนร่างข้ามานะ“ ซานอี้ในร่างหว่านช
ณ ตำหนักลี่ถิง“องค์รัชทายาทเสด็จ! พะยะค่ะ“ เสียงขันทีหน้าตำหนักลี่ถิงรายงาน ซีอินจึงรีบเดินออกไปต้อนรับ พร้อมทำความเคารพ”เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ที่นี่อยู่สบายดีหรือไม่?“ อันซื่อทักทายยิ้มแย้ม”อยู่สบายดี เพคะ“ ซีอันตอบกลับ”ข้านำต้นอิงฮวา มาปลูกให้เจ้า หลายต้นเลย และนำคนงานมาทำชิงช้าให้น้องหญิงด้วย“อันซื่อพูดอย่างมีไมตรีและเรียกซีอินว่าน้องหญิง”ขอบพระทัยท่านพี่ เพคะ! เชิญเข้ามานั่งดื่มชาก่อน เพคะ!” อันซื่อเดินเข้าไปนั่งในห้องโถงของตำหนักลี่ถิง นั่งจิบน้ำชาเงียบๆ“น้องหญิงเจ้าจะไปหนานเจียงเมื่อใดรึ” อันซื่อเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น“ต้องถามทางองค์รัชทายาทหยางหย่วนว่าพร้อมเมื่อใด เพคะ” อันซื่อและซีอินคุยกันได้สักพักเสียงขันทีหน้าตำหนักก็ดังขึ้นอีกครั้ง“องค์ชายซานอี้และองค์ชายลั่วซือเสด็จ พะยะค่ะ” เมื่อทั้งสองหันไปมองที่ต้นเสียงก็ปรากฏว่าองค์ชายทั้งสองที่พึ่งมาถึงเดินเข้ามาในห้องโถงของตำหนักลี่ถิงแล้ว ซานอี้กับลั่วซือชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นอันซื่อนั่งอยู่ก่อนแล้ว“ถวายบังคมเสด็จพี่ พระข้าเจ้า” ซานอี้กับลั่วซือทำความเคารพองค์รัชทายาทอันซื่อ“ท่านพี่ทั้งสองเชิญนั่งก่อน” ซีอินเชิญแขกผู้มาใ
ตำหนักรับรองราชฑูต“เสด็จพี่! ท่านนอนหรือยัง?” หว่านชิงเคาะประตูห้องของหยางหย่วน หยางหย่วนจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู“เข้ามาสิ” หยางหย่วนชวนหว่านชิงเข้ามาในห้อง“มีเรื่องอะไรหรือไม่?” หยางหย่วนถามหว่านชิง“ข้าแค่สงสัย!” หว่านชิงเหมือนมีคำถาม“ว่ามาสิ” หยางหย่วนรินน้ำชาใส่ถ้วยยกขึ้นจิบ“องค์ชายของหนานฉี่มีทั้งหมด 4 คน ทำไมวันนี้เห็นแค่สามคน” หว่านชิงถามข้อสงสัย“ได้ข่าวมาว่าองค์ชายสี่ไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่นอกวัง แต่ก็ได้ข่าวว่าหล่อเหลา สง่างามไม่แพ้กัน เจ้าชอบองค์ชายคนไหนล่ะ” หยางหย่วนศึกษาข้อมูลมาไม่น้อย“คนที่ข้าชอบ ข้าจะต้องรู้สึกตกหลุมรักเค้าในครั้งแรก แต่องค์ชายทั้งสามไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกเช่นนั้น!” หว่านชิงแสดงความรู้สึกที่ชัดเจน“เออ! จริงสิ ทำไมท่านพี่อวิ๋นเทียนเหอถึงอยากให้แม่นางฟางนั่นไปที่แคว้นเราด้วยล่ะ” หว่านชิงสงสัย “หรือท่านพี่จะชอบนาง?” “ชอบก็ส่วนชอบ แต่แคว้นของเราก็มีความจำเป็นต้องพานางไปจริงๆ หากหนานฉี่หวาดระแวงไม่ปล่อยให้แม่นางฟางกลับไปกับข้า คงต้องให้เจ้าอยู่ที่หนานฉี่แลกตัวกันสักพัก นี่เป็นบัญชาจากองค์ฮ่องเต้” หยางหย่วนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“ท่
ณ แคว้นหนานฉี่“กราบทูลฝ่าบาท ตอนนี้คณะราชฑูตของหนานเจียงเดินทางมาถึงประตูเมืองแล้ว พะยะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายกรมพิธีการกล่าวรายงานฮ่องเต้แคว้นฉี่“อืม! เจ้าจัดคนไปต้อนรับแล้วหรือไม่?“ ฮ่องเต้ตรัสถาม”องค์ชายทั้งสามพระองค์ขอรับอาสาไปต้อนรับแล้วพะยะค่ะ“เสนาบดีฝ่ายกรมพิธีการตอบกลับที่ประตูเมืองหลวงแคว้นหนานฉี่ เมื่อประตูเมืองเปิดออก ขบวนของคณะฑูตของแคว้นหนานเจียงก็ขับเคลื่อนเดินทางเข้ามามีทั้งเดินเท้าและรถม้ารถเสบียง ม้าทหารองค์รักษ์ขององค์รัชทายาทและองค์หญิงเสด็จเข้าเมืองมามีประชาชนของแคว้นยืนรอรับเสด็จ ประชาชนส่วนใหญ่เพียงอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น เบื้องหน้ารอรับขบวนคณะฑูตนั้นคือ องค์ชายทั้งสามเจ้าของแคว้น ทรงนั่งอยู่หลังม้าทั้งสามพระองค์งามสง่าสมคำร่ำลือ เปรียบดังความสง่างามใน 4 ฤดู 1.ผู้ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ดุจน้ำเปล่า ซื่อตรง สดใส เพียบพร้อม สูงส่ง ราวกับฤดูใบไม้ผลิ คือองค์รัชทายาทอันซื่อ 2.ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความฉลาดมากความสามารถ มีความอบอุ่น และอ่อนโยน เปรียบดังฤดูร้อน คือองค์ชายรอง ต้วนอวี้ 3.ผู้ที่ร่าเริง แข็งแกร่งและทรงพลัง ดูมีชีวิตชีวา ส่องประกายแสงสีสองทองในฤดูใบไม้ร่วง คือองค์ชาย
องค์ชายทั้งสามเมื่อออกจากตำหนักตงเตี้ยน อันซื่อจึงเอ่ยปากเรียกน้องชายทั้งสอง “อาอวี้-อี้เอ๋อร์” องค์ชายทั้งสองหันกลับมามองทางต้นเสียง อันซื่อจึงเดินไปโอบไหล่ของน้องชายด้วยแขนคนละข้าง”พวกเจ้าน่ะ ดีกันเถอะ หายโกรธกันได้แล้ว“ อันซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล”เสด็จพ่อพูดขนาดนั้น ข้าหายโกรธตั้งนานแล้ว!” ซานอี้นั้นถึงแม้จะอารมณ์ร้อนไปบ้างแต่ก็มีเหตุผล“อืม! ข้าขอโทษด้วยนะซานอี้ และขอโทษเสด็จพี่ด้วย เราไม่ได้ต่อยกันนานแล้ว หมัดซานอี้หนักชะมัด!“ ทั้งสามยังคงยิ้มให้กัน“จริงสิ ถ้าลั่วซืออยู่ด้วยล่ะก็ หมอนั่นจะกล้ายอมรับกับเสด็จพ่อมั้ยว่าชอบอาเย่ด้วยเหมือนกัน” ซานอี้พูดถึงองค์ชายสี่ลั่วซือต้วนอวี้ยังมิได้กลับจวน แต่เดินมาเรื่อยๆ จนถึงตำหนักจิ่งหลิน ซึ่งเป็นตำหนักขององค์หญิงเหยียนหลิน มีนางกำนัลยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องโถง เมื่อเปิดประตูภายในห้องโถงตกแต่งไว้อาลัย ศพขององค์หญิงบรรจุอยู่ในโลงตั้งไว้ที่กลางโถง ต้วนอวี้นั่งลงจุดธูปเพื่อเคารพศพน้องสาวอย่างเงียบๆ “ตอนนี้เจ้าน่ะไปอยู่ในร่างคนอื่นแล้ว เราไม่ได้เกี่ยวดองกันทางสายเลือดอีกแล้ว ชาตินี้พี่ชายดูแลเจ้าไม่ดี! พี่ชายรู้สึกผิดต่อเจ้ายิ่งนัก! แ
หน้าตำหนักตงเตี้ยน แคว้นหนานฉี่องค์รัชทายาทอันซื่อ,องค์ชายต้วนอวี้,องค์ชายซานอี้ มาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท! ขันทีเว่ยจึงรีบไปรายงานฮ่องเต้ ที่ห้องทรงพระอักษร“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?” ซานอี้เปยขึ้นมากับตัวเอง แล้วเดินไปเดินมาอยู่หน้าตำหนักตงเตี้ยนไม่สามารถสงบใจได้เลย ส่วนอันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็รอที่หน้าตำหนักอย่างร้อนใจเช่นกันครู่ต่อมา ขันทีเว่ยก็ออกมารายงานให้องค์ชายทั้งสามแยกย้ายกลับได้ “พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้เข้าพบหรือสงสัยในราชองค์การที่ทรงรับสั่งไปแล้ว! พะยะค่ะ” ขันทีเว่ยถ่ายทอดคำสั่งอันซื่อได้แต่ทอดถอนใจแล้วเดินกลับตำหนักบูรพา เมื่อมาถึงตำหนักบูรพาได้ประมาณหนึ่งก้านธูป องค์ชายต้วนอวี้และองค์ชายซานอี้ก็มาขอเข้าพบ!ในตำหนักบูรพา!“ท่านพี่ทั้งสอง ข้าชอบอาเย่ นางมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ข้าต้องแต่งงานกับนาง“ ซานอี้เริ่มก่อน”ไม่ได้! นางจะแต่งกับใครไม่ได้ทั้งนั้น“ ต้วนอวี้พูดขัดขึ้น”พี่รอง พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ซานอี้เดินไปประจันหน้ากับ ต้วนอี้ขมวดคิ้วสีหน้าจริง“ถ้าพูดถึงเรื่องบุญคุณ นางก็มีคุณบุญกับข้าช่วยเหลือข้า ตอนเรือแตกติดถ้ำอยู่กับข้า” ต้วนอวี้ยอมลดละ“นางไม่ได้ชอบเจ้า ทำไมต้อ
ณ แคว้นหนานฉี่องค์ชายทั้งสามกลับมาถึงหนานฉี่อย่างปลอดภัย ส่วนฟางเฟ่ยเย่ก็กลับถึงจวนสกุลฟางเรียบร้อยแล้ว“คุณหนูกลับมาแล้ว” รุ่ยรุ่ยสาวใช้ประจำตัวรีบวิ่งเข้าไปต้อนรับ ”คุณหนู! ยูหยินรอท่านอยู่ที่ศาลบรรพชนเจ้าค่ะ“ สาวใช้รุ่ยรุ่ยรีบรายงาน”อืม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้“ ฟางเฟ่ยเย่เดินมาหยุดที่ประตูทางเข้าศาลบรรพชนนางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยเปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปยูหยินสกุลฟางนั่งสวดมนต์อยู่ก่อนแล้วเทียนไขในห้องนั้นถูกจุดสว่าง ป้ายชื่อผู้ล่วงลับตั้งวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเมื่อฟางเฟ่ยเย่เข้ามาในห้องนางก็รีบจุดรูปสักการะบรรพบุรุษทันที ก้มลงกราบสามครั้ง แล้วนั่งนิ่งๆ จองมองแผ่นหลังของผู้เป็นมารดา“เจ้ากลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัยแม่ก็สบายใจแล้ว แต่เจ้ามีความผิดที่หลบหนีออกไปเช่นนี้ เจ้าเป็นกุลสตรีที่ยังไม่ออกเรือน หากวันนี้แม่ไม่ลงโทษเจ้า เจ้าคงไม่เห็นความสำคัญของชื่อเสียงตนเองและวงศ์ตระกูล เจ้าจงนั่งสำนึกผิดในศาลบรรพชนนี้สักสามวันเถอะ” เมื่อพูดจบยูหยินก็ลุกขึ้นช้าๆแล้วเดินออกจากโถงบรรพชนไปเฟ่ยเย่ได้แต่นั่งสำนึกผิดในห้องตามลำพัง!วันต่อมา!องค์ชายทั้งสามและฟางเฟ่ยเย่ได้รับราชองค์การให้ไปเข้า