เมื่อถึงเวลาตอนเย็นอ้นก็มารับเอกลับบ้าน ซึ่งเอก็มายืนรอหน้าวิทยาลัยหลังเลิกเรียน เพราะ ช่วงนี้ใกล้สอบเอจึงไม่คิดที่จะไปไหนถึงอย่างไรเขาก็ยังอยากเรียนจบ เอจึงคิดที่จะกลับไปอ่านหนังสือที่ห้อง
“นายขี่นะ”อ้นจอดรถตรงหน้าเอที่ยืนรออยู่
ในระหว่างที่เอกำลังจะขึ้นจะเปลื่ยนมานั่งขับรถนั้น เจนก็ขับรถมาจอดข้างๆรถของอ้น
“ว่าไงจะไปไหนเหรอ”เจนถามโดยหันมามองหน้าเอ
“จะไปไหนมันก็เรื่องของกู มึงมายุ่งอะไรด้วยเจน”
“ไม่ได้อยากยุ่งหรอก แต่อยากรู้ว่าจะไปไหนกันก็แค่นั้น”
“ก็นั่นแหละมันกี่ยวอะไรกับมึงไอ้เจน”เอเริ่มมีอารมณ์โกรธพอสมควร
“กลับห้อง”อ้นพูดขึ้น
“กูไม่ได้ถามมึงไอ้หน้าอ่อน อยากเสือกเรื่องของคนอื่น”เจนหันหน้ามามองอ้นด้วยสายตาที่ไม่สมอารมณ์
“เฮ้ย ไอ้เจนมึงนี่มันจริงๆเลือกของแท้ชอบยุ่งเรื่องของกูจัง”
“กูไม่ได้ยุ่งกับมึงซะหน่อย”
“ไม่ได้ยุ่งก็ถอยไปกูจะกลับห้องแล้ว”เอพูดขึ้น
“อุ๊ย ห้องใครเอย”
“จะห้องใครก็ไม่เกี่ยวกับมึงไปกันเถอะอ้น”
เอขึ้นรถทันทีที่พูดจบ ส่วนอ้นก็รีบขึ้นซ้อนท้าย
“หวานแหวนเหลือเกินคู่รัก”เจนแซวไม่เลิกหันมามองหน้าทั้งสอง
“มึงอย่ามากวนกูให้มากไอ้เจน ถ้ามึงพูดอีกคำกูจะลงไปต่อยมึงให้หายปากซ่า”
“ไม่พูดก็ได้คงไม่ยอมรับความจริง”
“หุบปากแล้วไปไหนก็ไปอย่ามายุ่งกับกู”
“ก็ได้กูก็ไม่อยากยุ่งกับมึงหรอก ว่าแต่น้องอ้นระวังหมดตัว เจ็บตัวไม่พอยังต้องมาเจ็บใจอีกนะจะหาว่าไม่เตือน”เจนยิ้มให้อ้นแล้วรีบเร่งเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ออกไปในทันที เพราะด้วยกลัวเอโมโหจะลงมาทำร้ายเขาได้ เพราะลำพังตัวต่อตัวเขาไม่สามารถต่อกรกับเอได้หรอก
“ไปเหอะอย่าไปสนในปากคน”อ้นพูดขึ้น
“ฮือ”ส่วนเอไม่คิดเช่นนั้น ถ้าใครมาล้อเรื่องของเขากับอ้นก็รู้สึกไม่ชอบและอายพอสมควร
เมื่อทั้งสองมาถึงที่ห้องในส่วนของอ้นก็เก็บกวาดห้องและหุงหาเตรียมอาหาร ส่วนเอไม่ได้ทำอะไรได้แต่นั่งดูทีวี ทั้งๆก่อนหน้าเขากะว่าจะอ่านหนังสือก่อนสอบในวันพรุ่งนี้ อ้นก็จะเสร็จงานที่ทำก็ร่วมหนึ่งทุ่มส่วนเอนั้นเล่นมือถือจนเพลินมารู้สึกตัวอีกทีเขาเริ่มหิวข้าว เขาจึงไม่รอช้ารีบลงจากเตียงไปหาอะไรกิน ซึ่งอ้นก็ได้เตรียมไว้ให้อย่างเรียบร้อย เขาจัดจัดแจงกินข้าวโดยที่ไม่รออ้นซึ่งในขณะนี้อ้นอยู่ในห้องน้ำ
หลังจากที่อ้นอาบน้ำเสร็จเขาก็ออกมาจากห้องน้ำก็ได้เห็นเอกำลังนั่งกินข้าว เขาก็อดยิ้มไมได้ เพราะได้เห็นเอมีความสุขและรับสนองในสิ่งที่เขาทำให้แค่นี้อ้นก็ปลื้มใจอย่างหนัก
“อ้าวนึกว่าไปไหนอาบน้ำนี่เอง พอดีเราหิวเลยกินก่อนไม่ว่าอะไรนะอ้น”เอพูดในขณะข้าวยังอยู่ในปาก
“ไม่เป็นไรหรอกนายหิวก็กินก่อนเลย”อ้นพูดไปพลางแต่งตัวไปด้วย
เมื่อต้นแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง อ้นจึงรีบเดินไปเปิดประตูเพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใครที่มาหา เมื่ออ้นเปิดประตูก็พบกับเพื่อนในห้องสองคนที่เป็นผู้ชาย เพราะสองคนนี้ได้ข่าวว่าอ้นได้พาผู้ชายมานอนด้วย ก็เลยอยากเห็นค่าหน้าค่าตาว่าเป็นอย่างไร
“ว่าไงจ๊อ้นได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอไหนล่ะแฟน”สองหนุ่มเดินเข้ามาในห้องทันทีและมองไปที่เอ
“ไม่ใช่เพื่อนเราต่างหาก”อ้นพูดขึ้น
“อมพระพูดมาก็ไม่เชื่อหรอก”ซันเพื่อนร่วมห้องได้นั่งลงบนเตียงนอน
“ไม่แน่ะนำให้รู้จักหน่อยเหรอเพื่อนรัก”ซีเพื่อนร่วมห้องอีกคนพูดขึ้นและนั่งลงข้างๆซันเพื่อนที่มาด้วยกัน
ในส่วนของเอนั้นกินข้าวไม่ลงเลยเมื่อได้ยินเพื่อนของอ้นทั้งสองคน เขาจึงรีบอิ่มในทันทีและไม่พูดจาตอบโต้อะไรทั้งนั้น
“พูดไปเรื่อย”อ้นใช้สายตาให้ทั้งสองไม่ให้พูดอะไรเยอะไปกว่านี้
“ชื่อไรล่ะ”ซันถาม และไม่ยอมเชื่อฟังอ้นแม้แต่น้อย
“เอ”
“เราชื่อซี ต่อจาก เอ บี เสียดายเป็นบีจะอยู่ใกล้ๆกัน”
เอไม่รู้จะทำอย่าไงและไม่รู้จะไปที่ไหนเขาได้แต่ทำหน้าบึ้ง และอ้อมไปอีกฝั่งเตียงและนั่งบนหัวเตียงเปิดโทรศัพท์ดูอย่างเช่นเดิมเหมือนก่อนหน้านี้
“เขาเรียนที่ไหนเหรอ”ซันถาม
“เทคนิค”
“หนุ่มเทคโน ท่าทางจะแซ่บ”ซันหันมามองเอ ซึ่งเขาทำเป็นไม่สนใจและไม่คุยด้วยไม่ยอมมองหน้าด้วยซ้ำ
ซันและซีรู้สึกไม่สนุกแล้วเพราะเอเล่นนั่งนิ่งเงียบไม่ตอบโต้อะไรด้วย ส่วนอ้นนั้นก็น่าเบื่อด้วยนิสัยเรียบร้อย ไม่มีอะไรหวือหวาเหมือนเขาทั้งสอง ซันแลซีอดแปลกใจไม่ได้ว่าอ้นมีดีอะไรถึงมีหนุ่มเทคนิคมาติดขนาดนี้ แต่อีกใจหนึ่งคิดว่าอ้นน่าจะเปย์เสียมากกว่า
“เรากลับแล้วนะอ้นไม่สนุกแฟนเธอไม่ต้อนรับพวกเรา”ซีพูดขึ้นมา
“อย่าไปพูดอย่างนั้น เพราะมันเริ่มค่ำแล้วเราคงมาขัดเวลาทองของเขามั้ง”ซันหันหน้ามามองอ้น
“พูดอะไรหยาบคายมาก”อ้นมองค้อนเพี่อนร่วมห้องที่ไม่ได้สนิทมาก แต่วันนี้กลับมาหาถึงห้องเขาอดแปลกใจไม่ได้
“ไม่พูดด้วยแล้วกลับแล้วนะอ้น หนุ่มหล่อด้วยนะ”ซันหันหน้าไปมองเอที่หน้าตาหล่อถูกใจเขา และอดอิจฉาอ้นไม่ได้เหมือนกันที่ได้แฟนหล่อขนาดนี้ ถึงอ้นจะบอกว่าเป็นเพื่อนซันก็ไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด
“กลับดีดีนะ”อ้นรู้สึกปลอดโปร่งทันทีเมื่อเพื่อนไม่สนิทสองคนนั้นจะกลับไปซะที และอีกอย่างเขากลัวเอจะอึดอัด
เมื่อเพื่อนทั้งสองของอ้นกลับไปแล้ว อ้นก็นั่งกินข้าวจนอิ่มหลังจากนั้นก็ขึ้นไปนอนบนเตียงกับเอ ซึ่งกำลังดูมือถืออย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย
“ขอโทษด้วยนะ ที่เพื่อนเรามารบกวนนาย”
“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่สนเรื่องแค่นี้”เอหันมายิ้มให้อ้นด้วยสายตาหวานฉ่ำ
“ไม่ได้แต่สนแต่โทรศัพท์เหรอไม่เห็นสนใจเราบ้างเลย”
“ทำไมจะไม่สนใจล่ะ”
เอวางมือถือลงและยื่นใบหน้าไปหอมแก้มของอ้นหนึ่งฟอด ซึ่งแค่นี้ก็ทำให้อ้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รีบเอียงคอซบที่ไหล่ของเอในทันที ส่วนเอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักแค่อยากเอาใจอ้นแค่นั้น
“เรารักไหม”อ้นพูดขึ้นมาลอยจนเอตกใจในคำถาม
“รักซิ น่ารักอย่างนี้ใครไม่รักก็โง่เต็มทน”เอพูดทำเนียน
“เรารักนายมากเลยนะ เรารู้สึกใจคอไม่ดีเลย เพราะต้องจากกันหลังเรียนจบ”
“แหม มือถือก็มีเราก็ติดต่อกันได้ ถ้านายคิดถึงเราก็มาหาเรา ถ้าเราคิดถึงนายเราก็จะไปหานาย ไม่ใช่ปัญหาเลยเรื่องแค่นี้ถ้าเรารักกัน อุปสรรคระยะทางไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมาก”
“มันก็จริงอยู่แต่เวลานะซิ แต่ะละคนก็ต้องมีหน้าที่ต้องทำจะเจอกันอีกก็คงอยากมากนั่นแหละ”
“ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก เรามาทำการบ้านดีกว่า”
“การบ้านอะไรต้องอ่านหนังสือพรุ่งนี้จะสอบกันแล้วนี่”
“ไม่อยากอ่านอยากทำการบ้านมากว่า”
“เราจะอ่านหนังสือ”
“ทำการบ้านก่อนค่อยอ่านก็ได้”
“ไม่เอา”
“จะเอา อย่าดื้อซิ”
“จะดีเหรอ”
“ดีซิ”
“จะให้ทำอะไรล่ะ”
“อม”เมื่อเอพูดจบเขาก็ถอดกางเกงออกทันที
“ก็ได้”อ้นจึงก้มลงจัดการท่อนเนื้อของเอในทันที
อ้นรีบจับท่อนเอ็นของเอซึ่งยังอ่อนนิ่มอยู่ แต่อ้นก็ใช้เวลาไม่นานนักท่อนเอ็นของเอก็ขยาดใหญ่ขึ้นมาเต็มพิกัด หลังจากนั้นอ้นครอบปากเอาท่อนเอ็นของเอเข้าไปภายในปากทันที และใช้ลิ้นตวัดไปตวัดมาตรงรอยหยัก และรูดขึ้นลงอย่างช้าๆซึ่งในเวลาไม่นานัก เอก็พ่นพิษรักออกมาอย่างที่อ้นไม่ทันตั้งตัว จนเอ่อนองเต็มปากของเขา ซึ่งก็ขัดใจในอารมณ์มากที่ไวเกิน แต่เขาก็ไม่มีทางหมดรักเอแต่อย่างใด เพียงแค่เอให้แค่นี้เขาก็พอใจ
หลังจากที่อ้นไปชำระคราบคาวจนสะอาดเขาก็ออกมาจากห้องน้ำ และเห็นเอนอนตะแครงหันหลัง เขาจึงขึ้นไปบนเตียงและนอนลงข้างๆ อ้นคิดอยู่พักหนึ่งว่าจะกอดเอดีไหมในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ จึงโอบกอดเอในทันทีที่ตัดสินใจความคิดได้
“อย่ากอดร้อน”
เมื่อได้ยินคำของเอ อ้นจึงคลายกอดทันทีและหันมานอนหงาย ด้วยความเสียใจที่อยากจะกอดก่อนหลับก็ไม่ได้รับการสนองกลับ แถมยังได้รับความเฉยเย็นชา แต่อ้นก็ไม่ได้โกรธเอแม้แต่น้อย ได้แต่นอนทำใจจนหลับตามเอไปในที่สุด
หลังจากสอบเสร็จอ้นก็รีบกลับมาที่ห้องทันทีเพื่อรอเอ เพราะอ้นได้ไปหาเอที่ในวิทยาลัยแต่ไม่เจอ ซึ่งอ้นคาดว่าเอน่าจะไปเลี้ยงฉลองตอนก่อนจบการศึกษา ซึ่งในความคิดที่อ้นคาดไว้นั้นผิดถนัดเพราะเอได้กลับมาในสภาพที่ปกติที่สุด “ทำอะไรกินจ๊ะ”เอพูดจาอย่างน่าฟัง “ก็หลายอย่างนะ”อ้นหันมายิ้มให้เอ “แต่วันนี้ไม่อยากกินเราอยากไปดูหนังมากกว่า” “กินก่อนค่อยไปดูก็ได้”เอพูดขึ้น “เสียดายของน่ะ” “ไม่ต้องเสียดายหรอก เพราะวันนี้เราสอบเสร็จกันแล้ว หลังจากนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะไปกันทางไหน” “ใช่”อ้นมีสีหน้าซึมลงนิดหน่อย “ก็นั่นไงเราควรใช้เวลาที่เหลืออยู่หาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุด” “เหรอ แล้วนายจะเรียนต่อไหม” “ยังไม่รู้เลย แล้วนายล่ะ” “เรียนซิ แต่ก็ต้องไปเรียนกรุงเทพ” “เราคงไม่ได้เจอกันแล้วซิเนาะ”เอก็ไมได้คิดอะไรมาก เพราะเขาก็ไม่คาดหวังว่าจะอยู่กับอ้นต่อไปหรอก “ใช่ เราคงคิดถึงนายมาก แต่ก็ดีเหมือนกันที่เราจะไปดูหนังด้วยกัน จะได้เก็บความรู้สึกดีดีไว้เนาะ แต่ก็ยังเหลืออีกหลายวันที่เราจะยังอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ และอีกอย่างโ
เมื่ออ้นได้ยินเสียงเคาะประตูเขารีบเดินออกมาเปิดประตูห้องทันที เพียงได้เห็นหน้าของเอเขายิ้มอย่างอ่อนละมุนให้เอ แต่เขากลับได้รีบความนิ่งเฉยที่ใบหน้าของเอ “เป็นอะไรเหรอ”อ้นถามด้วยความแปลกใจอย่างมาก เพราะสีหน้าและท่าทางนั้นได้แตกต่างจากเมื่อตอนหัวค่ำอย่างมาก “กูมาเก็บเสื้อผ้าจะกลับบ้านแล้ว”เอพูดด้วยเสียงราบเรียบ “ทำไมรีบกลับไหนบอกว่าจะอยู่อีกหลายวันล่ะ” “ก็มึงนั่นแหละที่ทำตัวเอง” “ทำอะไร”อ้นมีสีหน้าที่สงสัย “มึงเอารูปที่กูถ่ายคู่กับมึงลงในโซเซียลทำไม”เอมีสีหน้าที่บึ้งตึ่ง “ก็คือเรา”อ้นอ่ำอึ้ง “มึงต้องพูดอะไร เรื่องราวระหว่างมันจบแล้ว”เอเดินไปเกี่ยวเสื้อผ้าใส่กระเป่าของเขา “เอ เราขอโทษเดี๋ยวเราลบรูปก็ได้” “มันสายเกินไป เราคงไปกันไม่ได้หรอก อีกอย่างถึงเราจะไม่จากกันวันนี้ ต่อไปเราก็ต้องจากกันอยู่ดี สู้เราจากกันตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าอีกเหรอ” “เรารักนายนะ”อ้นพูดขึ้นมาจากใจจริง “แต่เราไม่ได้รักนายนี่” “แล้วที่นายทำดีกับเราล่ะ” “เราขอบใจนายมากนะที่นายดีกับเรา ช่วยเหลือเราทุกอย่าง แต่เราค
ในที่สุดก็ถึงห้วงเวลาที่เอจะต้องกลับบ้าน จิตใจตอนนี้ของเจนรู้สึกเสียดายอยากให้ยืดเวลาออกไปอีกนานเท่านาน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่านี้ เพราะในส่วนตัวของเขาเองก็ต้องกลับบ้านเช่นกัน จึงเป็นความห่วงหาอาลัยยามจาก เพราะก่อนหน้านี้ไมได้ญาติดีคุ้นเคยกันเท่าไรนัก พอเริ่มสนิทมีความสัมพันธ์เกินเพื่อนก็จำใจต้องจากลา “คิดแล้วเศร้าหนอต้องจากกันจริงแล้วเหรอเนี่ย”เจนพูดขึ้น “อะไรของมีงจะคร่ำครวญอะไรนักหนา ทำอย่างกูเป็นผัวมึงอย่างนั้น”เอมีสีหน้าที่ไม่เข้าใจในตัวเจน “ก็ใช่ไม่ใช่เหรอ”เจนยิ้ม “ไอ้เจนมึงพูดดีดีนะเว้ย เรื่องนี้ต้องความลับมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้” “เอ่อน่า กูไม่บอกใครหรอก มึงทำอย่างกับกูกล้าบอกคนอื่นอย่างนั้น กูไม่ใช่น้องอ้นของมึงที่ประกาศให้โลก” “หุบปากไปเลย เลิกเอ่ยชื่อนี้ได้แล้วกูไม่อยากได้ยิน” “ดีหนอได้เขาแล้วก็ทิ้งขวางไม่ใยดี” “ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูกลับรถประจำทางก็ได้”เอเริ่มมีอารมณ์โกรธในความแซะของเจนที่ไม่หยุดหย่อน “เอ่อน่า พูดเล่นแค่นี้ก็ไม่ได้ทำเป็นขี้โมโหน้อยใจไปได้” “ไม่ต้องพูดมากเดี๋ยวกูลงไปรอข้างล่างร
ยามรุ่งอรุณวันใหม่เอได้มายืนอยู่หน้าบ้าน เพื่อส่งเจนที่กำลังจะกลับบ้านแต่เช้าตรู่ ซึ่งเจนก็ลีลาแกล้งอยากจะกลับใจจะขาด แต่ก็ยังไม่กลัวซักทีเพราะเขาอดคิดถึงเอไม่ได้ เพราะความรักของเขากำลังเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนแท่บจะหักห้ามใจไม่ได้ในช่วงเวลานี้ “มึงนี่ลีลาอยู่นั่นแหละ นั่งบนรถจนขาถ่างหมดแล้วมั้ง” “กูคิดถึงมึงไม่อยากไปเลยวะ” “ไอ้เจนมึงเป็นบ้าเป็นบออะไร ทีตอนเรียนมึงไม่เห็นหัวกูเลยนะ ที่ตอนนี้มาพูดนั่นพูดนี่อยู่ได้” “กูก็เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก”เจนอยากจะพูดว่ากูรักมึงแต่ใจก็ไม่กล้า “ไปได้แล้วไอ้เจนมือถือก็มีเดี๋ยวค่อยคุยกัน” “มึงสัญญากับกูแล้วนะโว้ย” “เอ่อน่า” “ถ้างั้นกูไปแล้วนะ” “โชดดีเพื่อนรัก” “เช่นกัน” เจนตัดใจครั้งสุดท้ายโดนไม่หันมามองหน้าเอ เขาสตาร์ทรถและขับไปในทันที ส่วนเอก็ยืนมองด้วยสายตาที่ว่างตา เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจน เอคิดกับเจนแค่เพื่อนเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ ในระหว่างที่เอกำลังจะกลับเข้าบ้าน ก็มีรถมอเตอร์ไซค์สองคันสี่คนมาจอดตรงหน้าเขา พอทั้งสี่เปิดหมวดกันน็อคออก เอแท่บซ็อคเ
วันนี้เป็นแรกที่บอสคนใหม่จะเข้ามาทำงานในบริษัทบีเอ็มรีไซเคิล ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของผู้ก่อตั้งบริษัท ที่ได้วางมือ เพราะสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เลยให้ลูกชายมาสานต่อธุรกิจ ทางพนักงานบริษัทเลยตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะบอสคนใหม่อายุแค่สามสิบกว่าๆแถมโสด หล่อ รวย จึงทำให้พนักงานสาวๆในบริษัทแห่งนี้ดูตื่นเต้นกันยกใหญ่ ซึ่งรวมอ้นพนักงานธุรการมาใหม่ยังไม่ผ่านช่วงโปรด้วย “มาแล้วบอสคนใหม่”นฤมลรุ่นพี่สาวสายดี้ด๊าเป็นพิเศษ และตีที่หลังอ้นอยู่หลายครั้ง” “ก็หล่อดีนะ”อ้นพูดขึ้น “ไม่ใช่แค่หล่อดี แต่หล่อมากๆ แต่ก็คงได้แต่มอง ไปทำงานกันเถอะ”เมื่อนฤมลคิดได้ว่าโลกความจริง คงไม่มีทางเป็นไปได้ เธอจึงปลงกะทันหัน อ้นยืนมองร่วมกับเพื่อนพนักงานสาวๆที่ยืนอยู่ข้างๆและยิ้มให้บอสคนใหม่ ระหว่างเดินผ่าน ซึ่งบอสคนใหม่ก็ไม่ได้มีสีหน้าทิ่ยิ้มแย้มอะไร มีเพียงใบหน้าที่นิ่งเฉยจนเดินผ่านมาตรงที่อ้นยืนอยู่ เขาหันมามองแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไป เพราะเขาสะดุดตา เนื่องด้วยมีอ้นคนเดียวที่เป็นผู้ชายที่ยืนล้อมวงด้วยผู้หญิงนับสิบ อ้นสบตาชั่ววินาทีแค่นั้น ใจของเขาก็เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะบอสคนใหม่หล่อมากในสายตาของอ้น แต
อ้นรีบมาทำงานแต่เช้าเพื่อเตรียมงาน ให้บอสของเขาที่บอกว่าตัวเองไม่เรื่องเยอะ แต่พฤติกรรมนั้นตรงข้ามกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง เมื่ออ้นมาถึงออฟฟิคในโรงงานบีเอ็มรีไซเคิล เขารีบจัดแจงเรียงแฟ้มเอกสารเข้าชั้นอย่างเร่งรีบ และเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้เพื่อให้บอสได้ทำงานได้ในทันที ตามคำบอกกล่าวของจิ๊บเลขาคนเก่า หลังจากที่อ้นทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงออกมานั่งที่หน้าห้องรอการมาของบอส ซึ่งอ้นก็รอได้ไม่นานบอสคนใหม่ของเขาก็มาถึง เมื่อบอสเดินผ่านมาเขาก็หันมามองอ้นไม่กี่วิแล้วหันหน้ากลับเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้อ้นไม่ทันได้ยิ้มแม้แต่นิด อ้นจึงไม่รอช้าเดินตามเข้าไปในห้องทันที “บอสดื่มกาแฟกี่ช้อนครับ”เมื่อวานอ้นลืมถามจิ๊บว่าบอสดื่มกาแฟกี่ช้อน เขาเลยไม่กล้าชงให้บอสได้ดื่ม “สามช้อนไม่ต้องใส่อะไรทั้งนั้น”จ๊อบบอสของอ้นยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉย “ครับ” อ้นจึงรีบไปชงกาแฟตามที่จ๊อบต้องการ เพราะตอนนี้จ๊อบได้เปิดดูเอกสารการผลิตในคอมพิวเตอร์ เมื่ออ้นชงเสร็จจึงรีบนำมาให้บอสทันที ด้วยความประหม่าและเกร็งในความนิ่งของจ๊อบ อ้นถือถ้วยกาแฟที่สั่นจนเสียงดัง “แก็ก แก็ก แก็ก” เมื่อจ๊อบได้ยินเสียงถ้วยกาแฟสั่น
หลังจากเลิกงานอ้นนั้นได้เดินตามจ๊อบ ไปพบลูกค้าที่นัดไว้ ในระหว่างที่เดินไปที่รถของจ๊อบที่จอดรอหน้าโรงงาน อ้นได้เดินผ่านหน้าเอและตั้มกับตูน ซึ่งอ้นก็เห็นทั้งสามแต่อ้นแลเป็นไม่เห็น เพราะไม่อยากเห็นหน้าเอที่ทำให้เขาเจ็บซ้ำน้ำใจในอดีต เมื่ออ้นเดินผ่านทั้งสามหนุ่ม ในส่วนของตั้มและตูนก็มองตามหลังจากนั้นก็หันหน้ามามองกันเอง “ไอ้อ้นนี่มันร้ายนะ เดินตามบอสต้อยๆเลย”ตั้มพูดขึ้น “โอ้โห ไอ้อ้นขึ้นรถไปกับบอสเห็นไหมไอ้เอ”ตูนหันมามองหน้าเอแวบหนึ่งแล้วหันไปมองอ้น “มึงเสียดายไหมไอ้เอ ที่ทิ้งเขาไปแต่ตอนนี้เขากับได้ดีกว่ามึงอีก”ตั้มหัวเราะ “ไอ้ตั้มถ้าไม่หยุดพูดเจอกูต่อยแน่”ในความรู้สึกของเอตอนนี้ เหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงหัวใจอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน “พูดแค่นี้ทำเป็นโมโหหรือว่าพูดแทงใจดำมึงวะ” “กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้อ้น กูจะไปเสียดายมันทำไม” “แล้วมึงรู้สึกกับใครบ้างวะ”ตูนหันมาถามเอ “กูไม่รู้สึกกับใครทั้งนั้นแหละ”เอพูดเสียงเข้ม “เลิกพูดเรื่องไอ้อ้นดีกว่า เรามาคิดกันว่าเย็นนี้จะไปกินเบียร์ที่ไหนดีกว่าไหม”ตั้มเอ่ยขึ้น “จริงด้วยพูดแล้วเปรี้ยวปาก”ตูนถึงกับเลียริมฝีปากทีเดียว
ในวันหยุดสุดสัปดาห์อ้นก็ได้ย้ายมาที่ห้องพักในโรงงาน ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่กว่าพนักงานคนอื่น เพราะจ๊อบได้สั่งไว้ให้จัดหาอย่างโดยด่วน เมื่ออ้นจัดห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ออกจากห้องเพื่อที่จะไปหาอาหารรับประทานในตอนเย็น เพราะวันนี้เขาจัดห้องมาทั้งวัน มีเพียงขนมกับนมเท่านั้นที่ถึงท้อง ทางที่จะออกจากโรงงานไปตลาด ต้องผ่านห้องพักคนงาน อ้นจึงเดินไปเรื่อยโดยไม่หันมันข้างทางหรือแม้แต่เหลียวมอง จนมาสะดุดกับคำทักทายที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไร “หยิ่งเนาะ ตั้งแต่เป็นเลขาบอส” อ้นหันไปมองทันที ที่เมื่อเขาได้ยินเสียงที่คุ้นหู และนั่นเองที่ทำให้อ้นต้องรีบหันหน้ากลับ พร้อมที่จะเดินหนี ด้วยไม่อยากจะคุยให้เสียเวลา “จะไปไหน”เอเดินตามจับแขนของอ้นไว้ให้หยุดเดิน “ปล่อยนะ อย่าทำตัวไม่มีมารยาทแถวนี้”อ้นเหล่ตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “จับไม่ได้เลยเหรอ ที่เมื่อก่อนนี้จับทั้งจับทั้งกอดทั้งเอา ไม่เห็นว่าสักคำ” “เมื่อก่อนก็ส่วนเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่” “เอ่อใช่สิ เป็นเลขานี่ใหญ่โตเหลือเกิน” “ไม่ได้ใหญ่โตหรอก แค่ไม่อยากคุยกับนายคนไร้ค่า เราไม่ให้ราคาที่จะคุยด้วยหรอก อ๋อ ใช่สิ นายมีราค
พงศกรมองหน้าเอด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก เพราะเอดูไม่เรียบร้อยห่ามเถื่อนจนเกินไป เขาชอบผู้ชายที่ดูสุภาพอย่างจ๊อบ “ไอ้อ้น มึงพาแฟนกลับไปด้วยเลย กูไม่อยากเห็นหน้ามัน” “พ่อแฟนอ้นนะ” “กูรู้แล้วว่าแฟนมึงกูก็ไม่ได้ห้ามว่ามึงอย่ามีแฟนนี่ แต่ให้หาที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ไม่เหรอ เอาผีบ้าผีบอจากที่ไหนมาเนี่ย” “ผมไม่ใช่ผีบ้าผีบอนะครับ ผมเป็นคนเหมือนพ่อนั่นแหละ วันนี้เดี๋ยวผมจะทำกับข้าว ซักผ้าถูกบ้านให้เอง เอ่อ เดี๋ยวจะไปถางหญ้าหวดทีทำทุกอย่างให้สะอาดเลย พ่อรออยู่นี่แหล่ะ” “อ้นคุยกับพ่อแม่ไปนะ เดี๋ยวเราจะไปทำงานบ้านและนอกบ้าน” เมื่ออ้นพูดเสร็จเขาก็เข้าไปในครัวทำกับข้าว ที่เขาซื้อเตรียมพร้อมไว้ เพราะเขาตั้งใจไว้ว่าจะต้องชนะใจพ่อตาให้ได้ ส่วนแม่ยายเอ้นคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร “ไอ้อ้น แฟนเองมันเพี้ยนแม่ว่า” “แม่ เอก็แบบนี้แหละ แต่เขาดูแลอ้นดีมากเลย ข้อสำคัญเขามีเวลาอยู่กับอ้นตลอด” “มีเวลาไม่มีประโยชน์ดูมึงดำไปมากเลย ไปอยู่กลางไร่กลางนามาแน่เลย” “ครับพ่อ” “นั่นไง กูเลี้ยงของกูไม
อ้นและเอใช้ชีวิตอยู่บ้านไร่มาร่วมเดือน จนพ่อแม่ของเอเกิดความสงสัย เพราะพ่อแม่ของเอแค่นึกว่าอ้นมาเที่ยวหา แต่นี่อยู่ร่วมเดือนยังไม่กลับไป ทั้งสองจึงอยากเห็นหน้าและพูดคุย ด้วย พ่อแม่ของเอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาทั้งสองไปอยู่กับพี่สาวคนโตในจังหวัดอื่น และอีกอย่างที่ทั้งสองมาเพราะคิดถึงลูกชายคนเดียวของพวกเขา เมื่ออำพลกับบังอรมาถึงเขาก็เห็นภาพอันบาดตา เป็นภาพที่เขาทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น เพราะเป็นภาพที่เอนอนบนตักของอ้น และที่หนักไปกว่านั่นเขาจับมือของอ้นมาดมและหอมอตลอดเวลา “ไอ้เอมึงทำอะไรของมึง”กำพลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง “เอ หรือว่าลูกเป็น เอ่อ”บังอรใช้มือทาบอกด้วยความตกใจ เอรีบกระดกตัวลุกขึ้นทันที เขามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีทันที ส่วนอ้นยังไม่เท่าไรแค่แปลกใจ ทำไมพ่อแม่ของเอมาไม่บอกล่วงหน้าแค่นั้น “พ่อแม่”เอลุกขึ้นยืนนิ่ง “สวัสดีครับพ่อแม่”อ้นยกมือไหว้ทันที “พวกเอ็งเป็นอะไรกันถึงมานอนหนุนตักหอมไม้หอมมือกัน อย่างกับเป็นคู่รักกันอย่างนั้นแหละ” “คือว่า พ่อกับแม่ คือผม เอ่อ อา อือ อู คือ
วันนี้อ้นแกล้งตื่นสาย เพราะอยากรู้ว่าเอจะอยู่บ้านหรือว่าแอบไปไหนหรือเปล่า เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จจึงลงมาข้างล่าง แล้วสิ่งที่อ้นเห็นนั้นทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก เพราะภาพตรงหน้าเอกำลังนั่งโซฟาคุยกับนิน มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสอง อ้นถึงกับของขึ้นอารมณ์ฉุนเฉียวมาทันที เขารีบเดินลงบันไดแล้วเดินไปหาเอ “คุยอะไรกัน”อ้นเอ่ยขึ้น “คุยเรื่องสมัยเรียนตอนมัธยม คิดถึงวันนั้นมากเลย เอชอบแกล้งเรานะ ไม่คิดเลยว่าโตมาจะเป็นคนละคน”นินยิ้มให้เอ “ใช่ โตแล้ว มีแฟนแล้วด้วย ยืนอยู่ตรงนี้”อ้นยืนกอดอก “เหรอ แฟนเอใช่ไหม” “เอ่อ ใช่ แฟนเราเอง”เอตอบอย่างหนักแน่น “เอ”นินอ้าปากค้างตาโต เพราะเขาไม่อยากได้ยินคำนี้ ถึงแม้เขาจะรู้ระแคะระคายมาบ้างนิดหน่อย แต่นินยังไม่เชื่อจนได้ยินจากปากของเอ เขาถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก “ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม”อ้นนั่งลงข้างๆเอพร้อมยิ้มให้นิน “ได้ยินแล้ว แต่เราเป็นเพื่อนเอนี่ จะไปหามาหาสู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” “แปลกซิ ถ้านายเป็นแบบนิก เราไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่นายเหมือนเรา อย่าคิดว่าเราไม่รู้น
เอรีบเข้าไปอุ้มร่างของอ้นทันที ส่วนอ้นยังทุบหน้าอกของเอไม่ยั้ง แต่แบบออมแรงไม่ทุบแรงอย่างครั้งแรก และก็ดิ้นให้น้อยลงนิดหน่อย เออดทนรีบพาอ้นเข้าไปในรถยนต์ของเขา เมื่ออ้นเข้าไปในรถแล้ว เขาก็นั่งนิ่งๆไม่มีท่าทีจะไปไหน พอเอขึ้นรถมาเท่านั้นแหละ อ้นหันหน้าไปทางอื่นแล้วอมยิ้ม แต่อ้นอารมร์ดีได้ไม่นานเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเอดังขึ้น เอจึงรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมารับทันที “ว่าไง” “ตามอ้นเจอไหม” “เจอแล้วอยู่บ้านนิก” “เราขอโทษนายด้วยนะที่ทำให้ผิดใจกับอ้น”น้ำเสียงของนินบ่งบอกถึงความผิดหวัง “ไม่เป็นไรแค่นี้นะ” “ฮือ” เอกดวางมือถือแล้วหันมามองหน้าอ้น ที่กำลังบึ้งตึงอีกครั้ง เพราะอ้นคาดเดาได้ว่าเป็นเสียงของนินโทรมา “เป็นอะไรอีกล่ะ” “ไปส่งเราที่ขนส่งด้วยเราจะกลับกรุงเทพ” “กลับไปหาไอ้บอสของมึงเหรอ”เอเริ่มรู้สึกโมโหที่อ้นเอาแต่ใจมากขึ้น “ใช่” “ไอ้อ้น มึงอยากโดนอีกใช่ไหม” “โดนอะไร” “กระท่อมปลายไร่ ไปอยู่ในนั้นอีกครั้งไหม”
อ้นนั่งๆนอนอยู่บ้านเฉยๆจึงเกิดความเบื่อหน่าย และเป็นช่วงเวลาใกล้เที่ยงเขาจึงตักข้าวใส่ปิ่นโต พร้อมกับข้าวสามขนมหนึ่ง หลังจากนั้นอ้นจึงเดินออกไปไร่ข้าวโพดเพื่อไปหาเอแฟนหนุ่ม อ้นพอจำทางได้บ้างเมื่อครั้งโดนเอจับมาไว้ที่บ้านปลายไร่ เขาเดินไปเรื่อยๆจนเห็นไร่ข้าวโพด อ้นมองเห็นร่างผู้ชายสองคนอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ท้ายไร่ อ้นจึงเดินต่อไปเพราะเขาจำร่างของเอได้ ยิ่งอ้นเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นเอ แต่ผู้ชายอีกคนอ้นคิดว่าไม่รู้จักแน่ๆ แต่อ้นคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเอ อ้นจึงไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงรีบเดินไปให้ถึงต้นไม้ใหญ่ไวๆ เพราะแดดค่อนข้างร้อนพอสมควร ถึงเขาจะใส่หมวกมาก็ตามที ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก เมื่ออ้นเดินไปถึง สิ่งที่เขาเห็น เอกำลังนั่งกินข้าวหัวเราะต่อกระซิบกับชายหนุ่ม ซึ่งเขาไม่ได้สนใจอะไรนึกแค่ว่าเพื่อน “คุยอะไรกันสนุกเชียว”อ้นยืนอยู่ข้างหลังเอ “อ้าวมาได้ไง”เอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย “ใครเหรอ”ชายหนุ่มเสียงนุ่มนิ่มเอ่ยขึ้น “อ้นเพื่อนกูเอง”เอหันมามองชายหนุ่ม “นี่นินเพื่อนกูสมัยเรียนอนุบาล”เ
อ้นตื่นนอนมาเขาก็ไม่เห็นเอนอนอยู่บนเตียง เขาจึงเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวลงมาด้านล่าง เพียงแค่ลงมาเขาก็เห็นอาหารวางไว้เต็มโต๊ะ อ้นเดินเข้าไปดูซึ่งเป็นอาหารดีๆทั้งนั้น เขายืนยิ้มในความเอาใจใส่ของเอ “น่ากินทั้งนั้นเลย”อ้นตักข้าวใส่จานและนั่งลง อ้นค่อยๆกินข้าวอย่างช้าๆพร้อมกับคิดถึงเอตอนทำกับข้าว เขาถึงกับหัวเราะเบาๆจากหนุ่มห่ามกลายมาเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน อ้นกินข้าวจนอิ่มถึงสองจานเพราะรสมือของเอนั้นเลิศรสยิ่งนัก เมื่ออ้นกินข้าวอิ่มเขาจึงเดินออกไปนอกบ้าน มองไปรอบๆซึ่งมีแต่ไร้ข้าวโพด เขายังจำวันที่เอลากไปช่วยหักข้าวโพดได้ อ้นถึงกับยิ้มออกมา “ยิ้มอะไรครับ”เพื่อนของเอที่เคยไปช่วยอ้นในป่า เดินเข้ามาใกล้ๆอ้น “คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยยิ้ม มาหาเอเหรอ สงสัยไปที่ไร่น่ะ” “ใช่ครับมาหาเอ ผมนิกจำผมได้ไหม”นิกยิ้มจนเห็นไรฟัน “ทำไมจะจำไม่ได้คนที่เคยใช้อ้นไว้ไงที่กลางป่า” “ดีจังที่จำผมได้ ผมก็นึกว่าอ้นลืมผมซะแล้ว” “จะลืมผู้มีพระคุณได้ไง”อ้นยิ้มหวานให้นิกเพื่อนของเอ “แล้วมาหาเอมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ช่วงเวลาแห่งความสุขบนดอยอินทนนท์ผ่านเป็นอย่างรวดเร็ว เอได้พาอ้นมาที่บ้านไร่ที่เขาอาศัยอยู่ ในนาทีนี้ที่เขาอยู่กันเพียงสองคนในห้องไม่ใหญ่มาก แต่เต็มไปด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ อ้นนั้นแสนดีใจหาใดเปรียบ การตัดสินใจในครั้งนี้ของอ้นก็เหมือนกับเสี่ยงดวงเหมือนกัน เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเอจะดีอย่างปากพูดไว้หรือเปล่า ในห้องนอนวันแรกที่มาอยู่บ้านไร่ของเอ อ้นนอนเล่นโทรศัพท์มือถือคุยกับเพื่อนรักอย่างจีจี้ เมื่อเอเดินออกมาจากห้องน้ำ เขารู้สึกไม่พอใจอ้นเล็กน้อย เพราะไม่ยอมสนใจเขาอย่างที่ควร เอจึงขึ้นไปบนเตียงและนอนข้างๆอ้น มีท่าทีที่กระฟัดกระเฟียด “ผัวนอนอยู่ทั้งคนยังคุยกับคนอื่นอีก” “ไม่ใช่คนอื่นเพื่อนเราเองจีจี้ไง นายจำไม่ได้เหรอ”อ้นเลิกกดส่งไลน์จีจี้ทันที “จำได้ แต่มันใช่เวลาไหมที่จะคุยกัน ตอนนี้เราต้องทำอะไรบางอย่าง” “ทำอะไรล่ะ” “ก็อย่างนี้ไง” เอพลิกร่างตะแครงก้มลงจูบที่ริมฝีปากของอ้น เขาใช้ปลายลิ้นซอนไซร้เข้าไปภายใน ส่วนอ้นก็สมยอมแต่โดยดีโอบกอดผิวเรือนกาย ไร้อาภรณ์ของเออย่างเร่าร้อน เอถอนริมฝีปากออกมาไซร้ซอกคอทุกมุม ตอห
จ๊อบออกจากห้องของอ้นไปได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูรัวๆก็ดังขี้นไม่หยุด ด้วยความรำคาญอ้นจึงเปิดออกดูว่าเป็นใคร เพียงแง้มประตูเท่านั้นแหละ เอก็ผลักประตูเข้ามาทันทีและเดินนำหน้าอ้นไปนั่งที่โซฟา อ้นถึงกับยืนงงด้วยพฤติกรรมของเอ “มานั่งใกล้ๆนี่ มีเรื่องจะคุยด้วย” อ้นเดินอย่างช้าๆและนั่งลงข้างๆเอที่มีสีหน้าดูเคร่งเครียดพอสมควร ก่อนที่เอจะพูดอะไรออกมาเขาได้กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” “มีอะไร” “ตอนนี้กูไม่มีพันธะ ไอ้เจนมันไปทำงานที่ภาคใต้แล้ว” “รู้แล้ว” “รู้แล้วก็ดีมึงจะได้สบายใจ” “เจนจะไปไหนอยู่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่” “เกี่ยวซิ ถ้าไอ้เจนมันยังพัวพันกับกู ถึงกูจะไม่ได้รักมัน แต่มึงก็จะคาใจกูอยู่” “เราจะคาใจนายทำไม ในเมื่อเราไมได้เป็นอะไรกันนี่” “มึงก็รู้ดีแกใจ มึงกับกูมีอะไรกันตั้งสองครั้ง ในป่าครั้งหนึ่ง ที่บ้านกูอีกครั้งหนึ่ง” “จะพูดทำไม เรื่องมันผ่านมาแล้ว”อ้นรู้สึกกระดากใจพอสมควรที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของเอ “ยังไม่รวมต
อ้นนั่งครุ่นคิดเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตยันปัจจุบันบนเตียงนอน โดยเฉพาะช่วงเวลาในปัจจุบันที่เขาแสนจะกลัดกลุ้มขุ่นใจกับสองหนุ่มที่ตามตื้อไม่ห่าง จนอ้นตัดสินใจที่จะหนีจากสองคนนี้อีกครั้ง แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกดีตอนที่สองหนุ่มมารุมล้อม ความรู้สึกนี้พึ่งได้รับตอนนี้ที่อ้นได้นั่งทบทวนสิ่งต่างๆ แต่ปัญหาคือมีมาทีเดียวสองคน ซึ่งอ้นยังไม่รู้ใจตนเองว่าชอบใคร คนหนึ่งรักแรกคนสองรักใหม่ ต่างมีข้อดีข้อเสียและทำให้อ้นเจ็บซ้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่ากัน “ในระหว่างที่อ้นกำลังนั่งคิดถึงสองหนุ่มที่ตามติดไม่ห่างอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น อ้นจึงรีบรับทันที เพราะเป็นเพื่อนสาวที่สนิทตั้งแต่สมัยเรียน “ฮัลโหล” “ยังไม่นอนอีกเหรอ”จีจี้ถาม “ยังกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่” “คิดเรื่องอะไร” “ก็เรื่องบอสกับเอที่ตามมาถึงเชียงใหม่” “อ่ะ เราไม่ได้บอกนะ”ความจริงจีจี้รู้อยู่แล้ว เพราะเอและจ๊อบโทรมาหาเธอ ต่างฝ่ายต่างให้จีจี้เชียร์ “แล้วเธอได้บอกซันกับซีไหม” “โอ๊ยสองคนนั่นเดี๋ยวนี้ไม่เห็นหัวติดผู้ชาย ตามตั้มและตู