“อยากลองไหมอ้น”เอใช้มือลูบที่ก้นอวบอิ่มของอ้น ซึ่งเอก็อยากลองเช่นกัน เพราะเได้ยินแต่เพื่อนบางคนที่เคยลองบอกเด็ด ส่วนอ้นนั้นไม่อยากปฏิเสธเพราะเขาก็อยากรับรู้รสชาตินี้เหมือนกัน แต่เขาก็กลัวเจ็บเพราะขนาดท่อนเอ็นของเอใหญ่ยาวพอสมควร
“นายยังไม่บอกเราเลยว่าต้องการไหม”เอใช้มือล้วงเขาไปในกางเกงของอ้น โดยที่อ้นยังไม่อนุญาตแต่อย่างใด แต่ท่าทางที่นิ่งเงียบของอ้นก็บอกเป็นนัยๆว่าไม่ปฏิเสธ
“ถ้านายไม่พูดเราถือว่านายโอเคนะ”เอดึงกางเกงของอ้นออก ซึ่งทีแรกอ้นก็นิ่งเฉยแต่เอมีปัญหาถอดกางเกงของอ้นเขาจึงช่วยขยับร่างให้ดึงออกง่ายขึ้น
เมื่อเอถอดกางเกงของอ้นออกจนหมด และเผยเห็นก้นที่ขาวอวบอิ่มไร้ริ้วรอย จนทำให้เอมีอารมณ์ใคร่พิศวาสขึ้นมาทันที จึงทำให้ท่อนเอ็นของเขาขยายใหญ่เต็มที่ เอจึงถอดกางเกงของเขาออกอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้อารมณ์ใครพิศวาสร้อนจนทนไม่ไหว ส่วนอ้นนอนนิ่งแต่ในไม่ได้นิ่งตามไปด้วย เพราะเขารู้สึกตื่นเต้นและกลัวในคราเดียวกัน
เอทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงจับท่อนเอ็นของเขาจ่อไปที่ช่องทางรักของอ้น ซึ่งเอได้แค่จ่อเพราะช่องทางรักของอ้นเล็กและแคบ เอตัดสินใจอยู่พักหนึ่งว่าจะเอาอย่างไงดี จึงถามความสมัครใจของอ้น
“โอเคไหม ถ้าโอเคเราเอาเข้าแล้วนะ ถ้าเจ็บบอกเราก็ได้นะ”
“ฮือ”อ้นพูดคำเดียวเพราะยังอายอยู่ไม่กล้าพูดอะไรมาก
เอค่อยๆดันท่อนเอ็นเข้าทีละน้อยเทีละนิด ซึ่งเอรู้สึกได้ว่าเข้ายากมาก และคิดไปว่านี่อาจเป็นครั้งแรกของอ้นจึงฟิตขนาดนี้ เอพยายามอีกครั้งดันท่อนเอ็นเข้าไปจนถึงกลางลำ ซึ่งในเวลานี้อ้นทั้งเจ็บและแสบเกินจะทนไหว เขาคิดว่าถ้ายังไม่เข้าไปสุดเขาจะพอแล้วเพราะเจ็บเกินทน ส่วนเอก็กลัวอ้นจะเจ็บไปมากกว่านี้ ถ้าเกิดอ้นเลิกการคันเขากลัวว่าอ้นจะไม่สนใจเขาอีกต่อไป วันหลังจะขออะไรอ้นอาจไม่ไห้เขาจึงต้องพยายาททำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เอค่อยๆดันท่อนเอ็นอีกครั้งเพื่อจะได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ และในที่สุดเอก็ดันเข้าไปจนสุดถึงโคน เอนั้นดีใจแต่เก็บความรู้สึกไว้ ส่วนอ้นไม่สามรถบอกได้ว่าดีใจ เพราะยังเจ็บอยู่ไม่หาย เอหยุดแช่ไว้อยู่พักหลังจากนั้นจึงดึงออกและดันเข้าอย่างช้าๆอ้นนั้นแสนและเจ็บเพราะมันคับตึงจนเกินไป แต่เขาก็อดทนกัดฟันเพราะถึงอย่างไรท่อนเอ็นก็เข้าไปในนั้นแล้ว จะให้เอเอาออกก็คงจะยาก
“เจ็บไหม”เอถาม
“นิดหน่อย”อ้นตอบ
“ไหวไหมถ้าไม่ไหวพอก่อนก็ได้นะ”เอพูดขึ้น
“ไหว”อ้นตอบสั้นๆ
เมื่ออ้นไม่ว่าอะไรเอจึงเริ่มขยับความเร็วขึ้นและซอยถี่แต่ไม่รุนแรงเท่าไร อ้นเริ่มรู้สึกความเจ็บจางหายเริ่มมีความสุขที่ช่องทางรักแต่แล้วความสุขนั้นก็หายไปมีแค่ไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ
“อ่า อ่า อ่าส์”เสียงครางของเอดังขึ้นพร้อมปล่อยน้ำในกายเข้าช่องทางรักของอ้น
อ้นคิด อะไรว่ะ แต่อ้นก็ไม่พูดอะไรได้แต่นอนนิ่งๆให้เอถอนท่อนเอ็นออกจากช่องทางรักของเขา เมื่ออ้นรู้สึกว่าเอเงียบเสียงลงเขาจึงหันไปดู และภาพที่เห็นคือเอนอนหลับอย่างสบายอุรา อ้นจึงหันกลับดึงกางเกงขึ้นด้วยอารมรมณ์เสีย เพราะนอกจากจะไม่สุขสมแล้วยังมาเจ็บที่ช่องทางรักอีก
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอ้นเริ่มรู้สึกตัวเขาจึงเอื่อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุก หลังจากนั้นลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่เอกำลังหลับอย่างสบายอารมณ์ อ้นถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรักทำให้อ้นให้อภัยเอทุกอย่าง อ้นนั่งนิ่งอยู่พักหนึ่งเขาก็ไปทำภารกิจทุกอย่างเหมือนดังเช่นวันวาน หลังจากนั้นจึงมาปลุกเอที่ไม่มีท่าทีจะตื่นได้แต่นอนนิ่งสงบ
“เอ เอ ตื่นไปเรียนได้แล้วนี่ก็สายมากแล้วนะ”เอลืมตาขึ้นทันใด เขาจับร่างของอ้นนอนลงทับตัวเขา และพลิกร่างของเขาอยู่เหนือร่างของอ้นแล้วพรหมจูบทั่วใบหน้า
“ที่รักของเอ”เอกอดอ้นไว้แน่น
“ปล่อยได้แล้วต้องรีบไปเรียน”อ้นดิ้นจนหลุดจาดอ้อมกอดของเอ
“ยังกอดไม่หายอิ่มเลย”เอแกล้งหน้างอ
“พูดดี เมื่อคืนทั้งคืนทำไมไม่กอดจะมากอดอะไรตอนเช้าแบบนี้ไม่จริงใจนี่”อ้นพูดจริงแกมประชดจนเอสะอึก
“เมื่อคืนเราเพลียมากเลยเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ถ้าอยากให้กอดเดี๋ยวคืนนี้จะให้กอดทั้งคืนจนหายยากเลย”
“ใครเขาอยากให้กอดล่ะอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”
“หรือว่าอยากกอดเรา ใช่สินายยังไม่เคยกอดเราจริงใจซักที เดี๋ยวคืนนี้เราจะให้กอดทั้งคืน จะทำอะไรเราก็ไม่ว่าจะนอนเฉย”
“ในหัวมีแต่เรื่องอย่างว่านี่เนาะ ไปอาบน้ำได้แล้วจะได้รีบไปเรียน”อ้นลุกขี้นพับผ้าห่ม ส่วนเอก็ลุกเข้าห้องน้ำไป ส่วนเหตุการณ์เมื่อวานที่อ้นต้องเดินกลับห้อง ในตอนนี้เข้าลืมไปหมดแล้วตั้งแต่เอมอบบทรักสิบวิให้เขา ถึงจะน้อยแต่อ้นก็ชอบเพราะนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับอ้น
เมื่อทั้งสองแต่งเตรียมตัวเสร็จแล้ว จึงเตรียมตัวที่จะไปโรงเรียน อ้นนั้นพร้อมที่จะไปในทันที ติดที่เอมีท่าทีที่มีเรื่องราวจะพูดกับอ้นอีก แต่ใจก็ไม่กล้าซะเท่าไรเพราะเมื่อวานทำความผิดไว้อยู่
“เป็นอะไรนั่งนิ่งเงียบไปเลยเดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก ไม่ใช่นายสายคนเดียวเราจะสายไปด้วย”
“เราไม่มีเงินกินข้าวเลย”
“เมื่อวานตั้งร้อยเอาไปทำอะไรหมด ทำไมไม่เก็บไว้กินข้าววันนี้บ้าง”
“ปะยางรถ กินข้าวสองมือก็จะหมดเหลือไม่กี่บาทหรอก”
“แม่นายไม่ได้ให้บ้างเหรอ ถ้าอยู่แบบนี้อดตายกันพอดี”บอมบอมส่ายหัว
“ไม่อดหรอกถ้าอ้นช่วยเลี้ยงดูหนูตกยากซักคน”อ้นทำหน้าหง่อย
“ใครจะไปเลี้ยงนายไว้วันละร้อย เราไม่ใช่คนรวยแต่ถ้าแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ก็พอช่วยได้บ้าง”อ้นส่ายหน้า ถึงอ้นจะรักขนาดไหนเขาก็ไม่มีให้หรอก
“ก็ได้ห้าสิบบาทก็ยังดีเพราะจะได้ซื้อข้าวกินตอนกลางวัน”อ้นลุกขึ้นหอมแก้มอ้นทันที
“หอมอยู่นั่นแหละ”อ้นแอบอมยิ้ม
“หอมแลกเงินหอมครั้งละสิบบาท”เอหอมแก้มอ้นทั้งซ้ายขวาหกครั้ง
“ก็ได้”อ้นหยิบเงินในกระเป๋าให้เอห้าสิบบาท
“ขอบใจมาก เมื่อกี้หอมหกครั้งแถมหนึ่งครั้ง แต่อยากได้โบนัสอ้นหอมแก้มเราอีกสักครั้งไหม”เอเสียงอ่อยออดอ้อน
“ทีเดียวพอนะ”อ้นกล้าๆกลัวๆแต่ก็อยากหอมจึงค่อยๆยื่นริมฝีปากไปที่บริเวณแก้มของเอ แต่เอเห็นว่านานจึงห้นหน้ามา ซึ่งเป็นจังหวะปากประกบปากกันทันที อ้นตกใจจึงรีบถอนริมฝีปากออก
“จะหันมาก็ไม่บอก”อ้นหน้าแดง
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เมื่อคืนทำมากกว่านี้ตั้งเยอะ”
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย”
“ไปกันเถอะ วันนี้เราไม่ใช่รถนะ”
“ถึงใช้ก็ไม่ให้ยืมหรอก ต้องลงโทษบ้าง”
“ได้เลย ผลัดกันลงโทษ คืนนี้โดนแน่”
“ทะลึ่ง”อ้นตีไปที่หลังของเอ
เมื่อทั้งสองพูดคุยกันสักพัก หลังจากนั้นทั้งสองก็ไปที่วิทยาลัยโดยในวันนี้อ้นเป็นคนขับ มาส่งเอที่หน้าวิทยาลัยส่วนตัวของเขาก็ขับต่อไปในวิทยาลัยของตัวเองที่เรียน
เมื่อเอลงจากรถและเข้าไปในวิทยาลัยก็ถูกเพื่อนรักอย่างตั๊มแซวทันที เพราะเมื่อวานก็ยืมรถมาใช้วันนี้ก็มาส่งอีก และยังมีเงินใช้ซื้อข้าวกิน แต่ก่อนหน้านี้ต้องหยิบยืมคนอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะตั้มที่ให้ยืมแต่ไม่ได้คืนสักที
“วันนี้แฟนมาส่งอิจฉาจัง”ตั้มพูด
“เอ้ย พูดดีๆนะเว้ย บอกกี่ครั้งว่าเพื่อน แหมแซวอยู่ได้”เอตบไปที่บ่าของตั้ม
“เพื่อนจริงเหรอ “เพื่อนร่วมห้องอีกคนเดินเข้ามาร่วมสนธนาด้วย
“ถ้าเพื่อนจริงติดต่อให้หน่อย น่ารักวะตะมุตะมิดีนะกูว่า”ตูนเพื่อนร่วมห้องพูดต่อ
“ถ้าอยากรู้จักก็ไปหาเองซิ”เอโบ้ยปากไปทางที่อ้นเรียน
“หึงเว้ย”ตูนหัวเราะ
“เลิกพูดดีกว่าพรุ่งนี้จะสอบแล้ว ยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย”เอเปลื่ยนเรื่องทันที
“เปลื่ยนเรื่องเลยเพื่อนเรา สงสัยจะเรื่องจริงซะแล้วมั้ง”ตั้มยังแซวไม่เลิก
“อยากพูดอะไรก็พูดไปเลยเรื่องไม่จริง”เอพูด
“เอาล่ะไม่แซวแล้ว แต่อยากรู้จังมึงเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเทอมวะ”ตั้มถาม
“ก็ขอแม่ให้มาส่งซิ ป่านนี้ยังด่าไม่เลิกเลยนะมึง”เอโกหกอย่างแนบเนียน
“กูยังไม่ได้จ่ายเลยว่ะ ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมึงพอมีลู่ทางบ้างไหม “ตูนมีสีหน้าที่นิ่งลง
“คุยอะไรกัน”เจนเดินมาสมทบอีกคน
“ก็ไอ้ตูนมันยังไม่ได้จ่ายค่าเทอมเลย”ตั้มพูดขึ้น
“จะไปเครียดทำไมเรื่องเล็กน้อย”เจนพูดขึ้น
“เล็กน้อยบ้าอะไร ถ้าไม่จ่ายค่าเทอมกูก็เรียนไม่จบนะเว้ย”ตูนพูดขึ้นแล้วมองหน้าเจน
“ก็หาแฟนรวยๆสักคนซิ “เจนยิ้มให้ทุกคน
“กูไม่หล่อเหมือนมึงนี่จะได้หาง่ายๆ”ตูนหน้าบึ้ง
“ก็ดูไอ้เอซิ มันก็ไม่ได้หล่ออะไรเลย มันยังหาได้เลยมีเงินจ่ายค่าเทอมด้วย”เจนมองหน้าเอแล้วยิ้ม
“มึงพูดๆดีๆนะใครแฟนกู”เอเริ่มไม่พอใจคำพูดของเจน
“อ้าว ก็หนุ่มพาณิชย์นั่นไง ยอมนิดๆหน่อยๆเดี๋ยวก็ได้เงินใช้แล้ว”เจนยักคิ้วใส่เอ
“มึงเคยทำเหรอวะ”
“กูไม่เคยหรอกเว้ย กูมีเงินไม่ใช่คนแบบมึง”
“มึงวอนซะแล้วหาเรื่องกูเหรอวะไอ้เจน”
“เปล่า ถ้าไม่ได้ทำอย่าร้อนตัว”
“กูไม่ได้ร้อนตัว แต่มึงปากหมา”
“เอ้ย กูพูดกับมึงดีๆนะเว้ย “
“ถ้าแบบนี้พูดดี ก็สมควรต่อยปาก”เอเดินเข้าไปกำลังจะง้างหมัดใส่เจน แต่ตั้มห้ามไว้ทันโดยกอดลำตัวเอไว้
“ใจเย็นๆเพื่อนพรุ่งนี้สอบท่องไว้ในใจ”ตั้มพูด
“ไอ้เจนมึงก็พูดกับไอเอเกินไป จริงหรือไม่จริงก็เรื่องของมัน มึงไปยุ่งอะไรกับมัน”ตูนพยายามยืนกั้นร่างของเจนไว้
“โธ่ ไอ้แมงดา”เจนยังไม่ยอมหยุด
“ไอ้ตั้มมึงปล่อยกู เดี๋ยวนี้ กูยอมโดนไล่ออก ขอสั่งสอนไอ้เจนมันหน่อยปากมันไม่ควรมีไว้พูด”ตั้มพยายามดิ้น
“โธ่ ไอ้ลูกหมา มึงจะมีปัญญาอะไรทำกูว่ะ”
“เอ้ย ไอ้เจนมึงจะมากไปแล้วนะเว้ย เพื่อนกันพูดดีไม่ได้เหรอวะ แซวกันพอหอมปากหอมคอก็พอ และอีกอย่างถ้าเป็นกูก็ยอมวะ ได้เงินใช้ไม่เห็นเสียหายตรงไหน”ตูนกอดเอวของเจนไว้และลากไปทางอื่น
“พอเถอะเอ อย่าไปสนคนย่างไอ้เจนเลย ใครๆก็รู้ว่ามันปากไม่ดี ไม่นานหรอกเดี๋ยวมันก็เจอดี ไม่ต้องถึงมีอเองหรอก”ตั้มกอดร่างของเอไว้และลากไปอีกทาง เพื่อที่จะไม่ให้ทั้งสองได้เจอกัน
เมื่อตั้มกับเอย้ายที่มานั่งกันสองคนอีกฝั่ง ปล่อยให้ตูนลากเจนไปอีกที่หนึ่ง เอนั่งนิ่งด้วยความโกรธกับคำพูดของเจนที่ดูถูกเขา และข้อสำคัญมันเป็นเรื่องจริงก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่สนุกและได้เงินใช้แต่นี่ต้องโดนเพื่อนดุถูกและแซว จึงทำให้เอเสียหน้าและเสียความรู้สึกไปพอสมควร
“มึงก็ไม่ต้องไปสนใจกับคำพูดของไอ้เจนมันหรอก เอาเวลามาอ่านหนังสือดีกว่า และเตรียมตัวหางานหลังจากเรียนจบไม่ดีกว่าเหรอว่ะเพื่อน”ตั้มพูด
“จริงของมึง กูก็ใจร้อนไปแต่มันก็น่าโกรธใช่ไหมวะ”
“ช่างมันเถอะ จริงไม่จริงมันอยู่ที่ตัวเรา ถึงมันจะจริงก็เรื่องของเรา ถ้าเราไม่มีเงินใช้ไม่มีที่อยู่ไม่มีค่าโน้นค่านี้ คนที่ว่าเรามันก็ไม่ได้ให้เงินใช้ จะไปสนใจทำไมจริงไหมเพื่อน”
“จริง แต่เราเท่านั้นที่รู้”เอนิ่งชั่วครูเพราะมันเรื่องจริงทุกอย่าง
“เอาน่าทนอีกหน่อยอีกไม่กี่วันเราก็จบกันแล้ว ต่อไปก็คงไม่ได้เจอน้องอ้นของนาย ทุกอย่างลงตัวเพราะนายก็ต้องไปหางานทำ ส่วนน้องอ้นก็อาจเรียนต่อหรือไปทำงานที่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าไม่อยากเจอก็แยกทางกันหลังเรียนจบ ถ้ายังรักเขาอยู่ก็ตามไปอยู่ด้วยกัน”ตั้มยิ้มทันทีได้แขวะนิดหน่อยก็ยังดี
“ไอ้ตั้มมึงอยากโดนต่อยเหรอวะ แหม มีช่องแซวไม่ได้เลยตอดนิดตอดหน่อยตลอดเวลา”
“อย่าไปซีเรียสให้มันมากนักเลย อ่านหนังสือดีกว่า”ตั้มหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
ส่วนเอก็ครุ่นคิดว่าหลังจากเรียนจบจะทำอย่างไรดีกับอ้น
เมื่อถึงเวลาตอนเย็นอ้นก็มารับเอกลับบ้าน ซึ่งเอก็มายืนรอหน้าวิทยาลัยหลังเลิกเรียน เพราะ ช่วงนี้ใกล้สอบเอจึงไม่คิดที่จะไปไหนถึงอย่างไรเขาก็ยังอยากเรียนจบ เอจึงคิดที่จะกลับไปอ่านหนังสือที่ห้อง “นายขี่นะ”อ้นจอดรถตรงหน้าเอที่ยืนรออยู่ ในระหว่างที่เอกำลังจะขึ้นจะเปลื่ยนมานั่งขับรถนั้น เจนก็ขับรถมาจอดข้างๆรถของอ้น “ว่าไงจะไปไหนเหรอ”เจนถามโดยหันมามองหน้าเอ “จะไปไหนมันก็เรื่องของกู มึงมายุ่งอะไรด้วยเจน” “ไม่ได้อยากยุ่งหรอก แต่อยากรู้ว่าจะไปไหนกันก็แค่นั้น” “ก็นั่นแหละมันกี่ยวอะไรกับมึงไอ้เจน”เอเริ่มมีอารมณ์โกรธพอสมควร “กลับห้อง”อ้นพูดขึ้น “กูไม่ได้ถามมึงไอ้หน้าอ่อน อยากเสือกเรื่องของคนอื่น”เจนหันหน้ามามองอ้นด้วยสายตาที่ไม่สมอารมณ์ “เฮ้ย ไอ้เจนมึงนี่มันจริงๆเลือกของแท้ชอบยุ่งเรื่องของกูจัง” “กูไม่ได้ยุ่งกับมึงซะหน่อย” “ไม่ได้ยุ่งก็ถอยไปกูจะกลับห้องแล้ว”เอพูดขึ้น “อุ๊ย ห้องใครเอย” “จะห้องใครก็ไม่เกี่ยวกับมึงไปกันเถอะอ้น” เอขึ้นรถทันทีที่พูดจบ ส่วนอ้นก็รีบขึ้นซ้อนท้าย “หวานแหวนเหลือเกินคู่รัก”
หลังจากสอบเสร็จอ้นก็รีบกลับมาที่ห้องทันทีเพื่อรอเอ เพราะอ้นได้ไปหาเอที่ในวิทยาลัยแต่ไม่เจอ ซึ่งอ้นคาดว่าเอน่าจะไปเลี้ยงฉลองตอนก่อนจบการศึกษา ซึ่งในความคิดที่อ้นคาดไว้นั้นผิดถนัดเพราะเอได้กลับมาในสภาพที่ปกติที่สุด “ทำอะไรกินจ๊ะ”เอพูดจาอย่างน่าฟัง “ก็หลายอย่างนะ”อ้นหันมายิ้มให้เอ “แต่วันนี้ไม่อยากกินเราอยากไปดูหนังมากกว่า” “กินก่อนค่อยไปดูก็ได้”เอพูดขึ้น “เสียดายของน่ะ” “ไม่ต้องเสียดายหรอก เพราะวันนี้เราสอบเสร็จกันแล้ว หลังจากนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะไปกันทางไหน” “ใช่”อ้นมีสีหน้าซึมลงนิดหน่อย “ก็นั่นไงเราควรใช้เวลาที่เหลืออยู่หาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุด” “เหรอ แล้วนายจะเรียนต่อไหม” “ยังไม่รู้เลย แล้วนายล่ะ” “เรียนซิ แต่ก็ต้องไปเรียนกรุงเทพ” “เราคงไม่ได้เจอกันแล้วซิเนาะ”เอก็ไมได้คิดอะไรมาก เพราะเขาก็ไม่คาดหวังว่าจะอยู่กับอ้นต่อไปหรอก “ใช่ เราคงคิดถึงนายมาก แต่ก็ดีเหมือนกันที่เราจะไปดูหนังด้วยกัน จะได้เก็บความรู้สึกดีดีไว้เนาะ แต่ก็ยังเหลืออีกหลายวันที่เราจะยังอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ และอีกอย่างโ
เมื่ออ้นได้ยินเสียงเคาะประตูเขารีบเดินออกมาเปิดประตูห้องทันที เพียงได้เห็นหน้าของเอเขายิ้มอย่างอ่อนละมุนให้เอ แต่เขากลับได้รีบความนิ่งเฉยที่ใบหน้าของเอ “เป็นอะไรเหรอ”อ้นถามด้วยความแปลกใจอย่างมาก เพราะสีหน้าและท่าทางนั้นได้แตกต่างจากเมื่อตอนหัวค่ำอย่างมาก “กูมาเก็บเสื้อผ้าจะกลับบ้านแล้ว”เอพูดด้วยเสียงราบเรียบ “ทำไมรีบกลับไหนบอกว่าจะอยู่อีกหลายวันล่ะ” “ก็มึงนั่นแหละที่ทำตัวเอง” “ทำอะไร”อ้นมีสีหน้าที่สงสัย “มึงเอารูปที่กูถ่ายคู่กับมึงลงในโซเซียลทำไม”เอมีสีหน้าที่บึ้งตึ่ง “ก็คือเรา”อ้นอ่ำอึ้ง “มึงต้องพูดอะไร เรื่องราวระหว่างมันจบแล้ว”เอเดินไปเกี่ยวเสื้อผ้าใส่กระเป่าของเขา “เอ เราขอโทษเดี๋ยวเราลบรูปก็ได้” “มันสายเกินไป เราคงไปกันไม่ได้หรอก อีกอย่างถึงเราจะไม่จากกันวันนี้ ต่อไปเราก็ต้องจากกันอยู่ดี สู้เราจากกันตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าอีกเหรอ” “เรารักนายนะ”อ้นพูดขึ้นมาจากใจจริง “แต่เราไม่ได้รักนายนี่” “แล้วที่นายทำดีกับเราล่ะ” “เราขอบใจนายมากนะที่นายดีกับเรา ช่วยเหลือเราทุกอย่าง แต่เราค
ในที่สุดก็ถึงห้วงเวลาที่เอจะต้องกลับบ้าน จิตใจตอนนี้ของเจนรู้สึกเสียดายอยากให้ยืดเวลาออกไปอีกนานเท่านาน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่านี้ เพราะในส่วนตัวของเขาเองก็ต้องกลับบ้านเช่นกัน จึงเป็นความห่วงหาอาลัยยามจาก เพราะก่อนหน้านี้ไมได้ญาติดีคุ้นเคยกันเท่าไรนัก พอเริ่มสนิทมีความสัมพันธ์เกินเพื่อนก็จำใจต้องจากลา “คิดแล้วเศร้าหนอต้องจากกันจริงแล้วเหรอเนี่ย”เจนพูดขึ้น “อะไรของมีงจะคร่ำครวญอะไรนักหนา ทำอย่างกูเป็นผัวมึงอย่างนั้น”เอมีสีหน้าที่ไม่เข้าใจในตัวเจน “ก็ใช่ไม่ใช่เหรอ”เจนยิ้ม “ไอ้เจนมึงพูดดีดีนะเว้ย เรื่องนี้ต้องความลับมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้” “เอ่อน่า กูไม่บอกใครหรอก มึงทำอย่างกับกูกล้าบอกคนอื่นอย่างนั้น กูไม่ใช่น้องอ้นของมึงที่ประกาศให้โลก” “หุบปากไปเลย เลิกเอ่ยชื่อนี้ได้แล้วกูไม่อยากได้ยิน” “ดีหนอได้เขาแล้วก็ทิ้งขวางไม่ใยดี” “ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูกลับรถประจำทางก็ได้”เอเริ่มมีอารมณ์โกรธในความแซะของเจนที่ไม่หยุดหย่อน “เอ่อน่า พูดเล่นแค่นี้ก็ไม่ได้ทำเป็นขี้โมโหน้อยใจไปได้” “ไม่ต้องพูดมากเดี๋ยวกูลงไปรอข้างล่างร
ยามรุ่งอรุณวันใหม่เอได้มายืนอยู่หน้าบ้าน เพื่อส่งเจนที่กำลังจะกลับบ้านแต่เช้าตรู่ ซึ่งเจนก็ลีลาแกล้งอยากจะกลับใจจะขาด แต่ก็ยังไม่กลัวซักทีเพราะเขาอดคิดถึงเอไม่ได้ เพราะความรักของเขากำลังเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนแท่บจะหักห้ามใจไม่ได้ในช่วงเวลานี้ “มึงนี่ลีลาอยู่นั่นแหละ นั่งบนรถจนขาถ่างหมดแล้วมั้ง” “กูคิดถึงมึงไม่อยากไปเลยวะ” “ไอ้เจนมึงเป็นบ้าเป็นบออะไร ทีตอนเรียนมึงไม่เห็นหัวกูเลยนะ ที่ตอนนี้มาพูดนั่นพูดนี่อยู่ได้” “กูก็เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก”เจนอยากจะพูดว่ากูรักมึงแต่ใจก็ไม่กล้า “ไปได้แล้วไอ้เจนมือถือก็มีเดี๋ยวค่อยคุยกัน” “มึงสัญญากับกูแล้วนะโว้ย” “เอ่อน่า” “ถ้างั้นกูไปแล้วนะ” “โชดดีเพื่อนรัก” “เช่นกัน” เจนตัดใจครั้งสุดท้ายโดนไม่หันมามองหน้าเอ เขาสตาร์ทรถและขับไปในทันที ส่วนเอก็ยืนมองด้วยสายตาที่ว่างตา เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจน เอคิดกับเจนแค่เพื่อนเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ ในระหว่างที่เอกำลังจะกลับเข้าบ้าน ก็มีรถมอเตอร์ไซค์สองคันสี่คนมาจอดตรงหน้าเขา พอทั้งสี่เปิดหมวดกันน็อคออก เอแท่บซ็อคเ
วันนี้เป็นแรกที่บอสคนใหม่จะเข้ามาทำงานในบริษัทบีเอ็มรีไซเคิล ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของผู้ก่อตั้งบริษัท ที่ได้วางมือ เพราะสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เลยให้ลูกชายมาสานต่อธุรกิจ ทางพนักงานบริษัทเลยตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะบอสคนใหม่อายุแค่สามสิบกว่าๆแถมโสด หล่อ รวย จึงทำให้พนักงานสาวๆในบริษัทแห่งนี้ดูตื่นเต้นกันยกใหญ่ ซึ่งรวมอ้นพนักงานธุรการมาใหม่ยังไม่ผ่านช่วงโปรด้วย “มาแล้วบอสคนใหม่”นฤมลรุ่นพี่สาวสายดี้ด๊าเป็นพิเศษ และตีที่หลังอ้นอยู่หลายครั้ง” “ก็หล่อดีนะ”อ้นพูดขึ้น “ไม่ใช่แค่หล่อดี แต่หล่อมากๆ แต่ก็คงได้แต่มอง ไปทำงานกันเถอะ”เมื่อนฤมลคิดได้ว่าโลกความจริง คงไม่มีทางเป็นไปได้ เธอจึงปลงกะทันหัน อ้นยืนมองร่วมกับเพื่อนพนักงานสาวๆที่ยืนอยู่ข้างๆและยิ้มให้บอสคนใหม่ ระหว่างเดินผ่าน ซึ่งบอสคนใหม่ก็ไม่ได้มีสีหน้าทิ่ยิ้มแย้มอะไร มีเพียงใบหน้าที่นิ่งเฉยจนเดินผ่านมาตรงที่อ้นยืนอยู่ เขาหันมามองแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไป เพราะเขาสะดุดตา เนื่องด้วยมีอ้นคนเดียวที่เป็นผู้ชายที่ยืนล้อมวงด้วยผู้หญิงนับสิบ อ้นสบตาชั่ววินาทีแค่นั้น ใจของเขาก็เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะบอสคนใหม่หล่อมากในสายตาของอ้น แต
อ้นรีบมาทำงานแต่เช้าเพื่อเตรียมงาน ให้บอสของเขาที่บอกว่าตัวเองไม่เรื่องเยอะ แต่พฤติกรรมนั้นตรงข้ามกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง เมื่ออ้นมาถึงออฟฟิคในโรงงานบีเอ็มรีไซเคิล เขารีบจัดแจงเรียงแฟ้มเอกสารเข้าชั้นอย่างเร่งรีบ และเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้เพื่อให้บอสได้ทำงานได้ในทันที ตามคำบอกกล่าวของจิ๊บเลขาคนเก่า หลังจากที่อ้นทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงออกมานั่งที่หน้าห้องรอการมาของบอส ซึ่งอ้นก็รอได้ไม่นานบอสคนใหม่ของเขาก็มาถึง เมื่อบอสเดินผ่านมาเขาก็หันมามองอ้นไม่กี่วิแล้วหันหน้ากลับเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้อ้นไม่ทันได้ยิ้มแม้แต่นิด อ้นจึงไม่รอช้าเดินตามเข้าไปในห้องทันที “บอสดื่มกาแฟกี่ช้อนครับ”เมื่อวานอ้นลืมถามจิ๊บว่าบอสดื่มกาแฟกี่ช้อน เขาเลยไม่กล้าชงให้บอสได้ดื่ม “สามช้อนไม่ต้องใส่อะไรทั้งนั้น”จ๊อบบอสของอ้นยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉย “ครับ” อ้นจึงรีบไปชงกาแฟตามที่จ๊อบต้องการ เพราะตอนนี้จ๊อบได้เปิดดูเอกสารการผลิตในคอมพิวเตอร์ เมื่ออ้นชงเสร็จจึงรีบนำมาให้บอสทันที ด้วยความประหม่าและเกร็งในความนิ่งของจ๊อบ อ้นถือถ้วยกาแฟที่สั่นจนเสียงดัง “แก็ก แก็ก แก็ก” เมื่อจ๊อบได้ยินเสียงถ้วยกาแฟสั่น
หลังจากเลิกงานอ้นนั้นได้เดินตามจ๊อบ ไปพบลูกค้าที่นัดไว้ ในระหว่างที่เดินไปที่รถของจ๊อบที่จอดรอหน้าโรงงาน อ้นได้เดินผ่านหน้าเอและตั้มกับตูน ซึ่งอ้นก็เห็นทั้งสามแต่อ้นแลเป็นไม่เห็น เพราะไม่อยากเห็นหน้าเอที่ทำให้เขาเจ็บซ้ำน้ำใจในอดีต เมื่ออ้นเดินผ่านทั้งสามหนุ่ม ในส่วนของตั้มและตูนก็มองตามหลังจากนั้นก็หันหน้ามามองกันเอง “ไอ้อ้นนี่มันร้ายนะ เดินตามบอสต้อยๆเลย”ตั้มพูดขึ้น “โอ้โห ไอ้อ้นขึ้นรถไปกับบอสเห็นไหมไอ้เอ”ตูนหันมามองหน้าเอแวบหนึ่งแล้วหันไปมองอ้น “มึงเสียดายไหมไอ้เอ ที่ทิ้งเขาไปแต่ตอนนี้เขากับได้ดีกว่ามึงอีก”ตั้มหัวเราะ “ไอ้ตั้มถ้าไม่หยุดพูดเจอกูต่อยแน่”ในความรู้สึกของเอตอนนี้ เหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงหัวใจอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน “พูดแค่นี้ทำเป็นโมโหหรือว่าพูดแทงใจดำมึงวะ” “กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้อ้น กูจะไปเสียดายมันทำไม” “แล้วมึงรู้สึกกับใครบ้างวะ”ตูนหันมาถามเอ “กูไม่รู้สึกกับใครทั้งนั้นแหละ”เอพูดเสียงเข้ม “เลิกพูดเรื่องไอ้อ้นดีกว่า เรามาคิดกันว่าเย็นนี้จะไปกินเบียร์ที่ไหนดีกว่าไหม”ตั้มเอ่ยขึ้น “จริงด้วยพูดแล้วเปรี้ยวปาก”ตูนถึงกับเลียริมฝีปากทีเดียว
พงศกรมองหน้าเอด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก เพราะเอดูไม่เรียบร้อยห่ามเถื่อนจนเกินไป เขาชอบผู้ชายที่ดูสุภาพอย่างจ๊อบ “ไอ้อ้น มึงพาแฟนกลับไปด้วยเลย กูไม่อยากเห็นหน้ามัน” “พ่อแฟนอ้นนะ” “กูรู้แล้วว่าแฟนมึงกูก็ไม่ได้ห้ามว่ามึงอย่ามีแฟนนี่ แต่ให้หาที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ไม่เหรอ เอาผีบ้าผีบอจากที่ไหนมาเนี่ย” “ผมไม่ใช่ผีบ้าผีบอนะครับ ผมเป็นคนเหมือนพ่อนั่นแหละ วันนี้เดี๋ยวผมจะทำกับข้าว ซักผ้าถูกบ้านให้เอง เอ่อ เดี๋ยวจะไปถางหญ้าหวดทีทำทุกอย่างให้สะอาดเลย พ่อรออยู่นี่แหล่ะ” “อ้นคุยกับพ่อแม่ไปนะ เดี๋ยวเราจะไปทำงานบ้านและนอกบ้าน” เมื่ออ้นพูดเสร็จเขาก็เข้าไปในครัวทำกับข้าว ที่เขาซื้อเตรียมพร้อมไว้ เพราะเขาตั้งใจไว้ว่าจะต้องชนะใจพ่อตาให้ได้ ส่วนแม่ยายเอ้นคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร “ไอ้อ้น แฟนเองมันเพี้ยนแม่ว่า” “แม่ เอก็แบบนี้แหละ แต่เขาดูแลอ้นดีมากเลย ข้อสำคัญเขามีเวลาอยู่กับอ้นตลอด” “มีเวลาไม่มีประโยชน์ดูมึงดำไปมากเลย ไปอยู่กลางไร่กลางนามาแน่เลย” “ครับพ่อ” “นั่นไง กูเลี้ยงของกูไม
อ้นและเอใช้ชีวิตอยู่บ้านไร่มาร่วมเดือน จนพ่อแม่ของเอเกิดความสงสัย เพราะพ่อแม่ของเอแค่นึกว่าอ้นมาเที่ยวหา แต่นี่อยู่ร่วมเดือนยังไม่กลับไป ทั้งสองจึงอยากเห็นหน้าและพูดคุย ด้วย พ่อแม่ของเอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาทั้งสองไปอยู่กับพี่สาวคนโตในจังหวัดอื่น และอีกอย่างที่ทั้งสองมาเพราะคิดถึงลูกชายคนเดียวของพวกเขา เมื่ออำพลกับบังอรมาถึงเขาก็เห็นภาพอันบาดตา เป็นภาพที่เขาทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น เพราะเป็นภาพที่เอนอนบนตักของอ้น และที่หนักไปกว่านั่นเขาจับมือของอ้นมาดมและหอมอตลอดเวลา “ไอ้เอมึงทำอะไรของมึง”กำพลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง “เอ หรือว่าลูกเป็น เอ่อ”บังอรใช้มือทาบอกด้วยความตกใจ เอรีบกระดกตัวลุกขึ้นทันที เขามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีทันที ส่วนอ้นยังไม่เท่าไรแค่แปลกใจ ทำไมพ่อแม่ของเอมาไม่บอกล่วงหน้าแค่นั้น “พ่อแม่”เอลุกขึ้นยืนนิ่ง “สวัสดีครับพ่อแม่”อ้นยกมือไหว้ทันที “พวกเอ็งเป็นอะไรกันถึงมานอนหนุนตักหอมไม้หอมมือกัน อย่างกับเป็นคู่รักกันอย่างนั้นแหละ” “คือว่า พ่อกับแม่ คือผม เอ่อ อา อือ อู คือ
วันนี้อ้นแกล้งตื่นสาย เพราะอยากรู้ว่าเอจะอยู่บ้านหรือว่าแอบไปไหนหรือเปล่า เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จจึงลงมาข้างล่าง แล้วสิ่งที่อ้นเห็นนั้นทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก เพราะภาพตรงหน้าเอกำลังนั่งโซฟาคุยกับนิน มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสอง อ้นถึงกับของขึ้นอารมณ์ฉุนเฉียวมาทันที เขารีบเดินลงบันไดแล้วเดินไปหาเอ “คุยอะไรกัน”อ้นเอ่ยขึ้น “คุยเรื่องสมัยเรียนตอนมัธยม คิดถึงวันนั้นมากเลย เอชอบแกล้งเรานะ ไม่คิดเลยว่าโตมาจะเป็นคนละคน”นินยิ้มให้เอ “ใช่ โตแล้ว มีแฟนแล้วด้วย ยืนอยู่ตรงนี้”อ้นยืนกอดอก “เหรอ แฟนเอใช่ไหม” “เอ่อ ใช่ แฟนเราเอง”เอตอบอย่างหนักแน่น “เอ”นินอ้าปากค้างตาโต เพราะเขาไม่อยากได้ยินคำนี้ ถึงแม้เขาจะรู้ระแคะระคายมาบ้างนิดหน่อย แต่นินยังไม่เชื่อจนได้ยินจากปากของเอ เขาถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก “ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม”อ้นนั่งลงข้างๆเอพร้อมยิ้มให้นิน “ได้ยินแล้ว แต่เราเป็นเพื่อนเอนี่ จะไปหามาหาสู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” “แปลกซิ ถ้านายเป็นแบบนิก เราไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่นายเหมือนเรา อย่าคิดว่าเราไม่รู้น
เอรีบเข้าไปอุ้มร่างของอ้นทันที ส่วนอ้นยังทุบหน้าอกของเอไม่ยั้ง แต่แบบออมแรงไม่ทุบแรงอย่างครั้งแรก และก็ดิ้นให้น้อยลงนิดหน่อย เออดทนรีบพาอ้นเข้าไปในรถยนต์ของเขา เมื่ออ้นเข้าไปในรถแล้ว เขาก็นั่งนิ่งๆไม่มีท่าทีจะไปไหน พอเอขึ้นรถมาเท่านั้นแหละ อ้นหันหน้าไปทางอื่นแล้วอมยิ้ม แต่อ้นอารมร์ดีได้ไม่นานเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเอดังขึ้น เอจึงรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมารับทันที “ว่าไง” “ตามอ้นเจอไหม” “เจอแล้วอยู่บ้านนิก” “เราขอโทษนายด้วยนะที่ทำให้ผิดใจกับอ้น”น้ำเสียงของนินบ่งบอกถึงความผิดหวัง “ไม่เป็นไรแค่นี้นะ” “ฮือ” เอกดวางมือถือแล้วหันมามองหน้าอ้น ที่กำลังบึ้งตึงอีกครั้ง เพราะอ้นคาดเดาได้ว่าเป็นเสียงของนินโทรมา “เป็นอะไรอีกล่ะ” “ไปส่งเราที่ขนส่งด้วยเราจะกลับกรุงเทพ” “กลับไปหาไอ้บอสของมึงเหรอ”เอเริ่มรู้สึกโมโหที่อ้นเอาแต่ใจมากขึ้น “ใช่” “ไอ้อ้น มึงอยากโดนอีกใช่ไหม” “โดนอะไร” “กระท่อมปลายไร่ ไปอยู่ในนั้นอีกครั้งไหม”
อ้นนั่งๆนอนอยู่บ้านเฉยๆจึงเกิดความเบื่อหน่าย และเป็นช่วงเวลาใกล้เที่ยงเขาจึงตักข้าวใส่ปิ่นโต พร้อมกับข้าวสามขนมหนึ่ง หลังจากนั้นอ้นจึงเดินออกไปไร่ข้าวโพดเพื่อไปหาเอแฟนหนุ่ม อ้นพอจำทางได้บ้างเมื่อครั้งโดนเอจับมาไว้ที่บ้านปลายไร่ เขาเดินไปเรื่อยๆจนเห็นไร่ข้าวโพด อ้นมองเห็นร่างผู้ชายสองคนอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ท้ายไร่ อ้นจึงเดินต่อไปเพราะเขาจำร่างของเอได้ ยิ่งอ้นเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นเอ แต่ผู้ชายอีกคนอ้นคิดว่าไม่รู้จักแน่ๆ แต่อ้นคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเอ อ้นจึงไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงรีบเดินไปให้ถึงต้นไม้ใหญ่ไวๆ เพราะแดดค่อนข้างร้อนพอสมควร ถึงเขาจะใส่หมวกมาก็ตามที ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก เมื่ออ้นเดินไปถึง สิ่งที่เขาเห็น เอกำลังนั่งกินข้าวหัวเราะต่อกระซิบกับชายหนุ่ม ซึ่งเขาไม่ได้สนใจอะไรนึกแค่ว่าเพื่อน “คุยอะไรกันสนุกเชียว”อ้นยืนอยู่ข้างหลังเอ “อ้าวมาได้ไง”เอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย “ใครเหรอ”ชายหนุ่มเสียงนุ่มนิ่มเอ่ยขึ้น “อ้นเพื่อนกูเอง”เอหันมามองชายหนุ่ม “นี่นินเพื่อนกูสมัยเรียนอนุบาล”เ
อ้นตื่นนอนมาเขาก็ไม่เห็นเอนอนอยู่บนเตียง เขาจึงเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวลงมาด้านล่าง เพียงแค่ลงมาเขาก็เห็นอาหารวางไว้เต็มโต๊ะ อ้นเดินเข้าไปดูซึ่งเป็นอาหารดีๆทั้งนั้น เขายืนยิ้มในความเอาใจใส่ของเอ “น่ากินทั้งนั้นเลย”อ้นตักข้าวใส่จานและนั่งลง อ้นค่อยๆกินข้าวอย่างช้าๆพร้อมกับคิดถึงเอตอนทำกับข้าว เขาถึงกับหัวเราะเบาๆจากหนุ่มห่ามกลายมาเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน อ้นกินข้าวจนอิ่มถึงสองจานเพราะรสมือของเอนั้นเลิศรสยิ่งนัก เมื่ออ้นกินข้าวอิ่มเขาจึงเดินออกไปนอกบ้าน มองไปรอบๆซึ่งมีแต่ไร้ข้าวโพด เขายังจำวันที่เอลากไปช่วยหักข้าวโพดได้ อ้นถึงกับยิ้มออกมา “ยิ้มอะไรครับ”เพื่อนของเอที่เคยไปช่วยอ้นในป่า เดินเข้ามาใกล้ๆอ้น “คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยยิ้ม มาหาเอเหรอ สงสัยไปที่ไร่น่ะ” “ใช่ครับมาหาเอ ผมนิกจำผมได้ไหม”นิกยิ้มจนเห็นไรฟัน “ทำไมจะจำไม่ได้คนที่เคยใช้อ้นไว้ไงที่กลางป่า” “ดีจังที่จำผมได้ ผมก็นึกว่าอ้นลืมผมซะแล้ว” “จะลืมผู้มีพระคุณได้ไง”อ้นยิ้มหวานให้นิกเพื่อนของเอ “แล้วมาหาเอมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ช่วงเวลาแห่งความสุขบนดอยอินทนนท์ผ่านเป็นอย่างรวดเร็ว เอได้พาอ้นมาที่บ้านไร่ที่เขาอาศัยอยู่ ในนาทีนี้ที่เขาอยู่กันเพียงสองคนในห้องไม่ใหญ่มาก แต่เต็มไปด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ อ้นนั้นแสนดีใจหาใดเปรียบ การตัดสินใจในครั้งนี้ของอ้นก็เหมือนกับเสี่ยงดวงเหมือนกัน เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเอจะดีอย่างปากพูดไว้หรือเปล่า ในห้องนอนวันแรกที่มาอยู่บ้านไร่ของเอ อ้นนอนเล่นโทรศัพท์มือถือคุยกับเพื่อนรักอย่างจีจี้ เมื่อเอเดินออกมาจากห้องน้ำ เขารู้สึกไม่พอใจอ้นเล็กน้อย เพราะไม่ยอมสนใจเขาอย่างที่ควร เอจึงขึ้นไปบนเตียงและนอนข้างๆอ้น มีท่าทีที่กระฟัดกระเฟียด “ผัวนอนอยู่ทั้งคนยังคุยกับคนอื่นอีก” “ไม่ใช่คนอื่นเพื่อนเราเองจีจี้ไง นายจำไม่ได้เหรอ”อ้นเลิกกดส่งไลน์จีจี้ทันที “จำได้ แต่มันใช่เวลาไหมที่จะคุยกัน ตอนนี้เราต้องทำอะไรบางอย่าง” “ทำอะไรล่ะ” “ก็อย่างนี้ไง” เอพลิกร่างตะแครงก้มลงจูบที่ริมฝีปากของอ้น เขาใช้ปลายลิ้นซอนไซร้เข้าไปภายใน ส่วนอ้นก็สมยอมแต่โดยดีโอบกอดผิวเรือนกาย ไร้อาภรณ์ของเออย่างเร่าร้อน เอถอนริมฝีปากออกมาไซร้ซอกคอทุกมุม ตอห
จ๊อบออกจากห้องของอ้นไปได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูรัวๆก็ดังขี้นไม่หยุด ด้วยความรำคาญอ้นจึงเปิดออกดูว่าเป็นใคร เพียงแง้มประตูเท่านั้นแหละ เอก็ผลักประตูเข้ามาทันทีและเดินนำหน้าอ้นไปนั่งที่โซฟา อ้นถึงกับยืนงงด้วยพฤติกรรมของเอ “มานั่งใกล้ๆนี่ มีเรื่องจะคุยด้วย” อ้นเดินอย่างช้าๆและนั่งลงข้างๆเอที่มีสีหน้าดูเคร่งเครียดพอสมควร ก่อนที่เอจะพูดอะไรออกมาเขาได้กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” “มีอะไร” “ตอนนี้กูไม่มีพันธะ ไอ้เจนมันไปทำงานที่ภาคใต้แล้ว” “รู้แล้ว” “รู้แล้วก็ดีมึงจะได้สบายใจ” “เจนจะไปไหนอยู่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่” “เกี่ยวซิ ถ้าไอ้เจนมันยังพัวพันกับกู ถึงกูจะไม่ได้รักมัน แต่มึงก็จะคาใจกูอยู่” “เราจะคาใจนายทำไม ในเมื่อเราไมได้เป็นอะไรกันนี่” “มึงก็รู้ดีแกใจ มึงกับกูมีอะไรกันตั้งสองครั้ง ในป่าครั้งหนึ่ง ที่บ้านกูอีกครั้งหนึ่ง” “จะพูดทำไม เรื่องมันผ่านมาแล้ว”อ้นรู้สึกกระดากใจพอสมควรที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของเอ “ยังไม่รวมต
อ้นนั่งครุ่นคิดเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตยันปัจจุบันบนเตียงนอน โดยเฉพาะช่วงเวลาในปัจจุบันที่เขาแสนจะกลัดกลุ้มขุ่นใจกับสองหนุ่มที่ตามตื้อไม่ห่าง จนอ้นตัดสินใจที่จะหนีจากสองคนนี้อีกครั้ง แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกดีตอนที่สองหนุ่มมารุมล้อม ความรู้สึกนี้พึ่งได้รับตอนนี้ที่อ้นได้นั่งทบทวนสิ่งต่างๆ แต่ปัญหาคือมีมาทีเดียวสองคน ซึ่งอ้นยังไม่รู้ใจตนเองว่าชอบใคร คนหนึ่งรักแรกคนสองรักใหม่ ต่างมีข้อดีข้อเสียและทำให้อ้นเจ็บซ้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่ากัน “ในระหว่างที่อ้นกำลังนั่งคิดถึงสองหนุ่มที่ตามติดไม่ห่างอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น อ้นจึงรีบรับทันที เพราะเป็นเพื่อนสาวที่สนิทตั้งแต่สมัยเรียน “ฮัลโหล” “ยังไม่นอนอีกเหรอ”จีจี้ถาม “ยังกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่” “คิดเรื่องอะไร” “ก็เรื่องบอสกับเอที่ตามมาถึงเชียงใหม่” “อ่ะ เราไม่ได้บอกนะ”ความจริงจีจี้รู้อยู่แล้ว เพราะเอและจ๊อบโทรมาหาเธอ ต่างฝ่ายต่างให้จีจี้เชียร์ “แล้วเธอได้บอกซันกับซีไหม” “โอ๊ยสองคนนั่นเดี๋ยวนี้ไม่เห็นหัวติดผู้ชาย ตามตั้มและตู