แชร์

เสี่ยงดวงรักต่อ

จ๊อบออกจากห้องของอ้นไปได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูรัวๆก็ดังขี้นไม่หยุด ด้วยความรำคาญอ้นจึงเปิดออกดูว่าเป็นใคร เพียงแง้มประตูเท่านั้นแหละ เอก็ผลักประตูเข้ามาทันทีและเดินนำหน้าอ้นไปนั่งที่โซฟา อ้นถึงกับยืนงงด้วยพฤติกรรมของเอ

            “มานั่งใกล้ๆนี่ มีเรื่องจะคุยด้วย”

            อ้นเดินอย่างช้าๆและนั่งลงข้างๆเอที่มีสีหน้าดูเคร่งเครียดพอสมควร ก่อนที่เอจะพูดอะไรออกมาเขาได้กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ

            “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”

            “มีอะไร”

            “ตอนนี้กูไม่มีพันธะ ไอ้เจนมันไปทำงานที่ภาคใต้แล้ว”

            “รู้แล้ว”

            “รู้แล้วก็ดีมึงจะได้สบายใจ”

            “เจนจะไปไหนอยู่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่”

            “เกี่ยวซิ ถ้าไอ้เจนมันยังพัวพันกับกู ถึงกูจะไม่ได้รักมัน แต่มึงก็จะคาใจกูอยู่”

            “เราจะคาใจนายทำไม ในเมื่อเราไมได้เป็นอะไรกันนี่”

            “มึงก็รู้ดีแกใจ มึงกับกูมีอะไรกันตั้งสองครั้ง ในป่าครั้งหนึ่ง ที่บ้านกูอีกครั้งหนึ่ง”

            “จะพูดทำไม เรื่องมันผ่านมาแล้ว”อ้นรู้สึกกระดากใจพอสมควรที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของเอ

            “ยังไม่รวมตอนสมัยเรียนอีกสองสามครั้ง”

            “พูดเพื่อ”อ้นเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียว

            “กูจะเตือนความจำมึงไง ว่ากูเป็นคนแรกของมึง และมึงก็เป็นคนแรกของกูเหมือนกัน”

            “เรื่องมันผ่านมาตั้งนาน ไม่ใช่เฉพาะเราสองคนหรอก เรื่องแบบนี้เป็นกันทุกคน”

            “ก็นั่นแหละ มันเป็นความทรงจำแรกของเราสองคน”

            “ความทรงจำที่เลวร้ายมากกว่า นายจำไม่ได้เหรอว่าทำอะไรกับเราไว้”อ้นยังจำได้ไม่ลืม

            “แต่มึงก็ตบหน้ากูต่อหน้าเพื่อนมึงที่หน้าบ้านกู ก็ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่าย”

            “วินวินบ้าซิ นายเจ็บหน้าเดี๋ยวก็หาย หน้านายมันหนา ส่วนเราเจ็บที่ใจกว่าจะหายก็นาน แต่นายยังมาทำให้เราเจ็บกายเจ็บใจซ้ำอีกครั้ง”

            “นั่นแสดงว่ามึงก็ชอบกูอีกครั้งใช่ไหม”

            “ไม่ใช่ ใครจะไปชอบนายลง จับเราไปขังไว้ที่ท้ายไร่ข้าวโพด ทรมานเราต่างๆนาๆ”

            “กูขอโทษ กูง้อคนไม่เป็น สมองกูมีแค่นั้นคิดได้แค่นี้จริงๆแต่ตอนนี้กูพัฒนาแล้ว มึงเห็นไหมไอ้บอสยังสู้กูไมได้เลย”

            “หลงตัวเองอีก”

            “ไม่ได้หลงตัวเอง แต่ที่กูทำทั้งหมดก็เพื่อมึงทั้งนั้น เห็นไหมกูอุตส่าห์ทิ้งข้าวโพดทั้งไร่มาหามึง จะหาคนจริงใจแบบนี้ได้จากที่ไหน”

            “ทิ้งไร่ข้าวโพดเลยเหรอ ทำอย่างกับนายไม่มีเพื่อนอย่างงั้น ตอนเราหลงป่าเพื่อนนายตั้งหลายคนไม่ช่วยเลยเหรอ”

            “เขาก็มีไร่ของเขานี่”

            “พอเถอะเอ อย่าโกหก”

            “ก็ได้ เรื่องอื่นกูอาจโกหกมึง แต่เรื่องทิ้งไร่ข้าวโพดกับกูรักมึงเป็นเรื่องจริงนะ”

            “คนรักกันที่ไหน จะทรมานคนที่รักให้มารักตัวเอง ใครที่ไหนจะบ้ามารักคนที่ทำร้ายตัวเอง”

            “ก็มึงไง กูทรมานมึงจนมึงรักกู ถ้าไม่รักมึงจะยอมเป็นของกูตั้งสองครั้งเลยเหรอ”

            “เพลี้ยะ”อ้นตบไปที่หน้าของเอ

            “มึงตบกูทำไมไอ้อ้น”

            “ก็บอกแล้วไงอย่าพูดเรื่องนี้อีก”

            “ทำไมจะพูดไม่ได้ก็มันเรื่องจริงนี่ ในป่ามึงก็ไม่ขัดขืนกูนี่ ถ้าขัดขืนกูก็ทำไมอะไรมึงไม่ได้หรอก”

            “เพลี้ยะ”

            “มึงตบกูทำไมอีก”

            “ก็บอกแล้วไงว่าอย่าพูด ที่เรายอมนอนกับนายเพราะเราหนาวต่างหาก ถ้าไม่หนาวอย่าหวังว่าจะได้เรา”

            “หลอกกูนี่หว่า”

            “ใช่เราหลอกนาย”

            “แต่ครั้งที่สองมึงก็ยอมกูแต่โดยดีนอนนิ่งๆไม่ดิ้นเลย”

            “เพลี้ยะ”

            “ไอ้อ้นมึงเป็นบ้าอะไรตบกูอีกแล้ว”

            “ก็บอกแล้วไงอย่าพูด ครั้งที่สองที่ยอมเราก็เพื่อแลกกับการหนีออกจากบ้านนาย ไม่ใช่เพราะรักหรอก”

            “มึงหลอกกูอีกแล้ว”

            “รู้ตัวก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมาตามตอแยเราอีก”

            “ถึงรู้ว่ามึงหลอกแต่กูเต็มใจให้มึงหลอก ไม่เป็นไรวันนี้มึงยังไม่รักกู แต่สักวันกูจะทำให้มึงรักกูให้ได้ แต่คราวนี้กูจะไม่ทรมานมึง จะทำดีกับมึงทุกอย่างเลย”

            “มันหมดเวลาแล้วไม่ต้องมาทำดีอะไรหรอก”

            “กูจะทำดีกับมึงแล้วจะทำไม”

            “ทำให้ตายคนไม่รักมันก็ไม่รัก”

            “ที่พูดแบบนี้มึงรักไอ้บอสน่ะเหรอ”

            “ไม่ได้รักเหมือนกัน”

            “แล้วมึงรักใคร”

            “เราก็รักตัวเองไง รักคนอื่นมามากแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องรักตัวเองบ้าง”

            “ใช่กูก็รักตัวเองมามากแล้ว ต่อไปก็ต้องรักคนอื่นบ้าง”

            “ก็ดีแล้วนี่รักคนอื่นบ้าง”

            “คนอื่นนั้นก็คือมึงนั่นแหละ”

            “เอนายพูดไม่รู้เรื่องหรือไงว่าเราไม่ได้รักนาย”อ้นถอนหายใจแต่ลึกๆเขาก็ยังไม่ลืมรักเก่าแต่ครั้งก่อน

            “ที่มึงไม่รักกูเพราะอะไรมึงตอบจากใจจริงได้ไหม”

            “ครั้งแรกนายทำเราเจ็บเราก็จำ เราถึงไม่รักนายอีกแล้วไง”

            “ครั้งแรกมึงรักกูนี่ ต่อไปมึงก็ต้องรักกูได้อีก หรือว่ากูทำไมไม่เก่งไม่ถึงใจมึง แต่มึงก็ครางดีอยู่นะ”

            “เพลี้ยะ”

            “ถ้ามึงตบกูอีกครั้งกูจะตบบ้องหูมึง”

            “ทะลึ่งกับเราก่อนนี่”

            “กูไมได้พูดทะลี่งเรื่องนี้มันสำคัญนะ มันไม่ใช่มีความรักอย่างเดียว มึงบอกกูมาต้องทำอย่างไง”

            “เพลี้ยะ”

            “กูให้โอกาสมึงครั้งสุดท้ายถ้ามึงตบกูอีก กูจะถีบมึงแล้วนะ”

            “ไม่ต้องพูดแล้วเรื่องนี้จบ”

            “คงจะติดใจไอ้บอสซิท่า มันแก่กว่ากูนี่ประสบการณ์ มันมามากไง มันเลยเก่งมึงชอบคนอย่างนี้เหรอ”

            “เพลี้ยะ”

            “ไอ้อ้นจะตบกูอะไรหนักหนากูก็เจ็บเป็นนะ เห็นกูไม่ทำอะไรได้ใจใหญ่ ถ้ามีอีกครั้งมึงเจ็บตัวแน่”

            “ที่เราตบนายก็เพื่อให้นายรู้สึกเจ็บ เหมือนอย่างที่เราเจ็บไง นายจะได้จำไว้ทีหลังอย่าไปทำกับใครอย่างนี้อีก และอีกอย่างเราบอกนายว่าอย่าพูดเรื่องที่เรามีอะไรกัน นายก็ยังจะพูดอยู่อีก”

            “กูไม่พูดก็ได้ แต่สิ่งที่กูจะพูดจากนี้มันจากใจกูนะ กูขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่กูทำไม่ดีกับมึง ต่อไปนี้กูจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก กูรับรองด้วยความเป็นลูกผู้ชายของกู”

            “ไม่ต้องมาสัญญาอะไรกับเรา เพราะเราจะไม่รับ”

            “มึงไม่รับแต่กูก็สัญญากับมึงจะรักและดูแลมึงตลอดไป”

            “เอ นายนี่เข้าใจอะไรยากจริงๆ”

            “กูเข้าใจ แต่กูทำใจไมได้ถ้าไม่มีมึง”

            “เราง่วงนอนไม่อยากฟังอะไรที่เลี่ยน”

            “ไอ้บอสมันก็เลี่ยนเหมือนกูนั่นแหละ”

            “ใช่ เลื่ยนทั้งสองคนนั่นแหละ เราง่วงนอนแล้ว”

            “ง่วงมึงก็นอนไปซิ”

            “ก็มันห้องเรานี่ นายนั่นแหละออกไปได้แล้ว”

            “แค่นี้ก็ไล่ ที่เมื่อก่อนนี่ชวนให้อยู่ห้องไม่กลับก็โทรตาม”

            “ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะโทรตามยามให้มาลากตัวนายออกไป”

            “ออกไปก็ได้ พรุ่งนี้ไปดอยอินทนนท์ไหม”

            “ไม่ไป อยากไปก็ไปคนเดียวซิ ไม่ชอบไป หนาว”

            “เดี๋ยวกูกอดมึงก็หายหนาวแล้ว”

            “ไม่ต้องพูดมากกลับไปเลย”อ้นดันร่างของเอจนออกพ้นประตู

            อ้นเครียดจนหนักศีรษะ ทั้งจ๊อบและเอ ต่างมาสร้างความปั่นป่วนในจิตใจของเขาไม่ใช่น้อย แล้วบรรดาเพื่อนที่มาเป็นกองเชียร์อีก จึงทำให้อ้นคิดอะไรไม่ออกในตอนนี้ เขาจึงทำได้แต่เพียงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อที่จะหนีจากสองหนุ่มให้ไกลแสนไกล แต่แล้วเมื่ออ้นเก็บเสื้อผ้าเสร็จ ใจของเขาก็หายวับ เพราะต้องจากสองหนุ่มที่เขายังรักอยู่ แต่ตอนนี้อ้นไม่แน่ใจว่าตัวเองรักใครมากกว่ากัน ยิ่งสองหนุ่มวนเวียนมาหายิ่งทำให้ใจของอ้นหวั่นไหวพอสมควร แต่เขาก็แกล้งไม่แยแส แต่ลึกๆแล้วอ้นต้องการใครสักคนไว้ดูแลอเขาและอยู่เคียงข้าง อ้นนอนคิดเหตุการณ์วันนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง แต่แล้วเขาก็ทนความง่วงนอนไม่ไหวจึงหลับไปในที่สุด

            ช่วงเวลาตีสี่กว่าๆอ้นได้ถือกระเป๋าเดินทางลงมาเช็ดเอ้าท์ เพื่อต่อไปที่สนามบินที่เชียงใหม่ อ้นได้ลากกระเป๋าเดินออกจากโรงแรม เพื่อไปขึ้นรถที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ เพื่อพาอ้นไปที่สนามบิน อ้นเดินไปเกือบจะถึงรถของโรงแรม แต่แล้วเขาก็ได้เห็นสองหนุ่มจอดรถขนาบรถทางโรงแรมที่จะพาเขาไปสนามบิน ฝั่งซ้ายเป็นบิ๊กไบค์ของเอที่เขานั่งคร่อมรถพร้อมขับไปทันที และในมือถือหมวกกันน็อดอีกหนึ่งใบ ส่วนฝั่งขวาเป็นจ๊อบที่เปิดประรถเก๋งคันหรูไว้ ส่วนตัวของเขาจับประตูรถยืนรอ

            “คุณอ้นครับได้เวลาที่จะไปสนามบินแล้วครับ”หนุ่มหล่อโซเฟอร์ยืนรอหน้ารถพร้อมบริการในทันที

            “ไอ้อ้นไปดอยอินทนนท์กับกูไหม”เอถอดหมวกกันน็อตออกตะโกนเรียกอ้น

            “อ้นเราไปต่างประเทศกัน ทำงานด้วยเที่ยวด้วยอย่างที่เราเคยทำกันไง”จ๊อบยืนเก็กอยู่ที่ประตูรถอย่างใจระทึก

            อ้นมองซ้ายทีมองขวาที และมองตรงกลางอยู่นาน ใจหนึ่งอยากหนีทั้งสองไปให้ไกล แต่อีกใจหนึ่งอยากไปกับใครสักคน เพราะในใจอ้นก็อยากมีใครสักคนที่คอยปกป้องเขา และรักเขาอย่างจริงใจ ถึงแม้ทั้งเอและจ๊อบจะทำผิดพลาดกับเขามาก่อน แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งสองก็พยายามพิสูจน์ให้เห็น ถึงแม้อ้นจะไม่รู้ว่าในอนาคตทั้งสองจะทำร้ายเขาอีกไหม แต่ใจของอ้นตอนนี้ก็พร้อมรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่ปัญหากลับไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่กลายเป็นอ้นไม่รู้จะเลือกใคร ระหว่างรักแรกที่เริ่มต้นจากรักเขาข้างเดียว  กับรักครั้งที่สองต่างมีใจซึ่งกันและกัน

            อ้นหลับตาครุ่นคิดถึงความหลังว่าอยู่กับใครแล้วมีความสุข อ้นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้งถึงเขาจะไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าจะมีความสุขไหม แต่อ้นก็เริ่มแน่ใจตัวเองแล้วว่าต้องเลือกใคร

            อ้นหันไปมองทางเอที่ใส่หมวกกันน็อคเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากถอดออกเมื่อครู่เพื่อคุยกับอ้น ในขณะเดียวกันเขาก็ถือหมวกกันน็อตอีกใบเพื่อรอให้อ้นมาสวมใส่

            อ้นมองข้ามผ่านตรงกลางไป เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปที่สนามบิน ส่วนโซเฟอร์หนุ่มหล่อที่ไม่รู้เรื่องราวได้แต่ยืนรอ

            อ้นหันไปมองทางจ๊อบที่ยืนจับประตูรถ ที่เปิดออกรออ้นเข้าไปนั่งข้างใน อ้นมองแววตาของจ๊อบที่เปล่งประกายอย่างมีความหวัง อ้นยิ้มให้จ๊อบแล้วก้มหน้าลง ซึ่งจ๊อบยิ้มรับด้วยความปลื้มปริ่ม

            ในฝั่งของเอเขาได้เห็นปฏิกิริยาของทั้งสอง เอจึงยอมรับความผิดหวัง อย่างลูกผู้ชายที่แท้จริง เพราะได้สัญญากันไว้ถ้าอ้นเลือกใคร อีกคนต้องยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีข้อแม้ ในเมื่อเอรู้ตัวว่าแพ้เขาจึงสตาร์ทรถทันที โดยไม่หันมามองหน้าอ้นเป็นครั้งสุดท้ายเลย

            เพียงอ้นได้ยินเสียงสตาร์ทรถ อ้นหันหน้าไปทางเอทันที พร้อมกับก้าวเท้าอย่างเร่งรีบไปหาเอ เพราะกลัวเอจะขับรถออกไปก่อนที่เขาจะไปถึง

            “เอ เดี๋ยวก่อน”เอได้ยินเสียงของอ้นเขาจึงค่อยๆหันหน้ามามอง

            “อ้น”จ๊อบตะโกนเรียกอ้นอีกครั้ง

            อ้นหันมามองจ๊อบด้วยสายตาที่บ่งบอกความรู้สึก โดยที่ไม่ต้องพูดคำใดออกมา อ้นเม้มปากพยักหน้าให้จ๊อบสองสามครั้ง หลังจากนั้นอ้นเดินไปหาเอที่หัวใจของเขาเต้นระรัว

 เมื่ออ้นเดินไปถึงที่รถบิ๊กไบค์ของเอ แต่อ้นก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆออกมา  ส่วนเอยังไม่แน่ใจว่าอ้นมาหาเขาเพราะเหตุใด

            “ขอหมวกกันน็อคหน่อย”อ้นยื่นมือออกไป

            “เอาไปทำไม”เอถาม

            “หมวกกันน็อคเขามีทำอะไรบ้าง”

            “ใส่ที่หัว”

            “ก็ใส่ให้หน่อยซิ”

            “อ้น”เอยิ้มไม่หุบภายใต้หมวกกันน็อค

            เอไม่รอช้าสวมหมวกใส่ที่ศีรษะของอ้นทันที และล้อคอย่างรวดเร็ว เพราะเขากลัวอ้นเปลื่ยใจกะทันหัน

            “ขึ้นเร็วๆเข้ารถมันแรง”

            อ้นขึ้นคร่อมรถและใช้สองมือจับไหล่ของเอไว้ เพราะตอนออกตัวเขากลัวที่จะล่วงหล่นลงพื้นถนน แต่เอยังไม่เร่งเครื่องขับรถออกไป เพราะนั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เอจึงหันหน้ามาหาอ้น

            “กอดเอวไว้ซิรถมันแรงเหมือนคนขับ”

            อ้นไม่ปฏิเสธที่จะทำตามคำพูดของเอ เขาจึงกอดเอวของเอไว้แน่น เอรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างเหลือล้น ก่อนที่เขาจะเร่งเครื่องรถออกไป เอหันไปมองจ๊อบและก้มหน้าให้ด้วยความจริงใจ ส่วนจ๊อบก็ชูนิ้วโป้งให้เออย่างยอมแพ้

            จ๊อบยืนมองรถบี๊กไบค์ที่มีเอกับอ้นนั่งซ้อนท้ายจนหลับตา หลังจากนั้นเขาปิดประตูรถทันทีและเดินอ้อมหน้ารถไปยังฝั่งคนขับและเปิดประตูรถออก จ๊อบได้เข้าไปนั่งในรถแต่เขายังไม่พร้อมทั้งกายและใจที่จะขับรถออกไป เขาจึงก้มหน้ากับพวงมาลัยและหลับตาลง เพื่อทำใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

            ค่ำคืนบนดอยอินทนนท์อ้นกับเอนั่งคู่กันมองดาวบนท้องฟ้า ท่ามกลางความหนาวเหน็บแต่ทั้งคู่ก็สามารถอยู่กับความเย็นองศาต่ำได้ เอหันมามองอ้นที่กำลังเงยหน้ามองดาวบนท้องฟ้าที่สุกสกาว

            “ทำไมมึงเลือกกู”เอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงมาก

            “ยังต้องถามอีกเหรอ”อ้นก้มหน้าลงมองไปยังพื้นหญ้า

            “ก็นั่นแหละที่ต้องถาม”

            “ก็แค่อยากมาเที่ยวดอยอินทนนท์ พอเที่ยวเสร็จก็จบกันแค่นี้”อ้นอมยิ้ม

            “แต่กูไม่จบกูจะตามมึงไปทุกที ถ้ามึงหนีกูไปอีก แต่กูก็อยากรู้อยู่ดีทำไมมึงเลือกกู ทั้งๆที่กูก็ทำไม่ดีกับมึงตั้งหลายครั้ง”

            “เคยได้ยินไหมรักแรกลืมยาก ถ่านไฟเก่าแค่สะกิดมันก็ติดแล้ว”

            “จริงด้วย แต่กับบอสล่ะ มึงอย่าโกรธนะที่กูถามมึง”

            “ถ้าเราจะตอบว่ารักล่ะนายจะโกรธไหม”

            “โกรธซิ”เอเริ่มเสียงดัง

            “ฟังเราก่อนซิ รักของเรากับบอสมันเริ่มจางก่อนที่นายจะพาเรามาขังที่ปลายไร่ข้าวโพด อีก หลังจากนั้นก็ห่างกันเรื่อยมา แต่กับนายมันเริ่มมารักอีกครั้งตอนอยู่ดัวยกันในป่า”อ้นอมยิ้มเพราะเขาก็รู้สึกอายเหมือนกันที่พูดเช่นนั้นออกไป

            “นั่นก็แสดงว่าการทรมานของกูได้ผล”

            “ไม่ใช่ คนดีๆที่ไหนจะรักการทรมาน”

            “อ้าวแล้วมึงรักกูได้ไง”

            “ก็นายทนไม้ทนมือดีนี่ ตั้งแต่ในป่าแล้วเราทั้งตบทั้งตีนายก็ไม่ทำอะไรเราเลย ได้แต่ขู่จะทำโน่นทำนี่ เมื่อคืนก็เหมือนกันปล่อยให้เราตบหน้าจนแดงก่ำไปหมดแล้ว นี่ไงรอยซ้ำยังอยู่เลย”อ้นใช้มือลูบรอยซ้ำที่ใบหน้าของเอ

            “ถ้ารู้แบบนี้ให้มึงตบตั้งนานแล้ว ไม่ต้องถ่อสังขารมาถึงเชียงใหม่หรอก”

            “โง่เองนี่”

            “ว่ากูเหรอ เดี๋ยวตบคว่ำเลย”

            “กล้าเหรอ”

            “ไม่กล้าหรอกไอ้ตบน่ะส่วนอย่างอื่น เอาไว้กลับบ้านค่อยว่ากัน”

            “นึกว่าแน่”

            “ใครกล้าตบเมียตัวเองได้ลงล่ะ”

            “พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยหนอ”

            “ก็มึงเป็นเมียกูนี่ ผิดด้วยเหรอที่กูรักเมียของกูมาก”เอทำเสียงสูง

            อ้นเงยหน้ามองดาวบนท้องฟ้าต่อ และคิดถึงสองเหตุการณ์ที่เขาอยู่กับจ๊อบและเอ ในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับจ๊อบนั้นสุขกายก็จริง แต่สุขใจมีน้อยแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นที่มีความสุข หลังจากนั้นเขาก็ต้องทำตามคำสั่งจ๊อบทุกอย่าง ทั้งที่บางอย่างเขาก็ไม่อยากทำ แต่ก็ต้องทำเพื่อเอาใจจ๊อบ รวมทั้งถูกตามรังควานจากญาติพี่น้องของจ็อบและบี้เลขาตัวแสบ ซึ่งถ้าอ้นกลับไปอีกก็คงวนลูปเดิมๆอีกไม่เปลื่ยน และข้อสำคัญที่สุดอ้นหมดรักจ๊อบมานานแล้ว แต่ที่ยังลังเลเพราะเขายังแยกไม่ออกระหว่างความดีกับความรัก แต่เมื่อมีเอมาเปรียบเทียบอ้นจึงเห็นภาพได้ชัดขึ้น

            ส่วนเอนั้นอ้นเหมือนไม่ได้รัก เพราะเอกวนอารมณ์ของอ้นเป็นประจำ แต่อ้นก็มีความสุขถึงเอจะพูดหยาบทำอะไรแผลงๆใส่เขา อ้นเริ่มรู้ตัวว่ารักเอก็ตอนที่เอเข้าไปหาอ้นที่ห้องเมื่อคืน และได้พูดคุยความหลังตอนอยู่ในป่า ซึ่งอ้นซึ้งน้ำใจของเออย่างมากที่เอให้ขี่หลังออกจากป่า  เอไม่เคยบ่นและอิดออดแม้แต่น้อย และนี่แหละที่อ้นคิดว่าคนนี่ที่จริงใจและทำทุกอย่างเพื่อเขาได้

            “คิดอะไร”

            “คิดถึงเอ”อ้นเผลอพูดออกไป

            “นั่นแน่”เอเม้มปาก

            อ้นเอียงคอซบไหล่ของเอแล้วอมยิ้มอย่างมีความสุข ส่วนเอก็จับมือของอ้นกำไว้อย่างหลวมๆและมองไปบนท้องฟ้า ที่มีดวงดาวระยับระยับนับล้านดวง ทั้งสองต่างเงยหน้ามองบนท้องฟ้าด้วยความสุขสมหวังอย่างเหลือล้น

           

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status