วันนี้เป็นแรกที่บอสคนใหม่จะเข้ามาทำงานในบริษัทบีเอ็มรีไซเคิล ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของผู้ก่อตั้งบริษัท ที่ได้วางมือ เพราะสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เลยให้ลูกชายมาสานต่อธุรกิจ ทางพนักงานบริษัทเลยตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะบอสคนใหม่อายุแค่สามสิบกว่าๆแถมโสด หล่อ รวย จึงทำให้พนักงานสาวๆในบริษัทแห่งนี้ดูตื่นเต้นกันยกใหญ่ ซึ่งรวมอ้นพนักงานธุรการมาใหม่ยังไม่ผ่านช่วงโปรด้วย
“มาแล้วบอสคนใหม่”นฤมลรุ่นพี่สาวสายดี้ด๊าเป็นพิเศษ และตีที่หลังอ้นอยู่หลายครั้ง”
“ก็หล่อดีนะ”อ้นพูดขึ้น
“ไม่ใช่แค่หล่อดี แต่หล่อมากๆ แต่ก็คงได้แต่มอง ไปทำงานกันเถอะ”เมื่อนฤมลคิดได้ว่าโลกความจริง คงไม่มีทางเป็นไปได้ เธอจึงปลงกะทันหัน
อ้นยืนมองร่วมกับเพื่อนพนักงานสาวๆที่ยืนอยู่ข้างๆและยิ้มให้บอสคนใหม่ ระหว่างเดินผ่าน ซึ่งบอสคนใหม่ก็ไม่ได้มีสีหน้าทิ่ยิ้มแย้มอะไร มีเพียงใบหน้าที่นิ่งเฉยจนเดินผ่านมาตรงที่อ้นยืนอยู่ เขาหันมามองแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไป เพราะเขาสะดุดตา เนื่องด้วยมีอ้นคนเดียวที่เป็นผู้ชายที่ยืนล้อมวงด้วยผู้หญิงนับสิบ
อ้นสบตาชั่ววินาทีแค่นั้น ใจของเขาก็เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะบอสคนใหม่หล่อมากในสายตาของอ้น แต่ชั่วเวลาไม่นานอ้นก็ได้สติ เขาจึงรีบเดินไปที่โต๊ะทำงานของเขาในทันที และรีบทำงานที่คั่งค้างไว้เมื่อวานอยู่พักหนึ่ง สักพักเสาวนีย์หัวแผนกฝ่ายผลิตที่อ้นทำงานอยู่ก็เดินเข้ามาหา
“อ้นไปหาบอสกับพี่หน่อย”เสาวนีย์พูดขึ้น
“บอสมีอะไรเหรอครับ”
“พี่ก็ไม่รู้ เลขาหน้าห้องโทรมาบอกให้พี่พาอ้นไปหา”
“งานเข้าแต่เช้าเลยนะอ้น”วีณาเพื่อนสาวเดินเข้ามาหา
“คงไม่ใช่หรอกมั้ง รีบไปกันเถอะเพราะบอสคนใหม่ดูไฟแรง ขืนไปช้าอาจโดนเขม่นได้นะ”เสาวนีย์เอ่ยขึ้นมา
“ครับ”
เสาวนีย์กับอ้นได้รีบไปหาบอสคนใหม่ทันที ในตอนนี้ใจของอ้นเต้นระรัวด้วยความกลัวหลายๆอย่างๆ อ้นคิดไปหลายเรื่องมากจนออกมาทางสีหน้าชัดเจน
“พี่เสา บอสชื่ออะไรเหรอครับดุไหมพี่”อ้นรีบถาม
“ดุหรือเปล่าไม่รู้ แต่ชื่อจ๊อบ”
เวลาที่อ้นกลัวก็มาถึง เพราะตอนนี้เขาและเสาวนีย์ได้มาอยู่หน้าห้องของบอสคนใหม่ เสาวนีย์เคาะประตูสามสี่ครั้ง และเธอก็พาอ้นเข้าไปในห้อง
“บอสเรียกอ้นมามีอะไรหรือเปล่าคะ”
จ๊อบวางเอกสารที่ดูอยู่ลงบนโต๊ะ หลังจากนั้นหันมามองหน้าอ้น ส่วนอ้นใจเต้นระรัวไม่กล้าสบตาบอสคนใหม่
“ผมจะเข้าไปดูงานที่โรงงานชั่วคราวนะ ผมอยากได้เลขาที่เป็นผู้ชาย เพราะที่นั่นผู้หญิงคงเหมาะหรอกครับ” จ๊อบพูดด้วยสายตาที่นิ่งเฉย
“หมายความว่าจะให้อ้นไปเป็นเลขาบอสหรือคะ”
“ใช่ มีปัญหาอะไรเหรอ หรือว่าทำไม่ได้ ยังไม่ผ่านโปรนี่”จ๊อบแอบชำเลืองมองอ้น
“คือว่า เอาแบบนี้ไหมคะ เรารับสมัครเลขาคนใหม่ดีไหม”เสาพยายามช่วยอ้นอย่างเต็มที่ เพราะเธอรู้ว่าอ้นนั้น ก็ไม่ได้เหมาะกับงานตรงนั้นเท่าไร ถึงแม้อ้นจะเป็นผู้ชาย
“ผมบอกแล้วไงว่าไปดูงานชั่วคราวไม่ใช่ถาวร ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับเลขาคนใหม่ ในเมื่อคนของเราก็มีทำไมไม่ใช่ให้เป็นประโยชน์”
“ค่ะ อ้นว่าไง”เสาหันมามองอ้น
“ได้ครับ”อ้นรับคำทั้งที่ใจไม่อยากที่จะไป เพราะอย่างแรกเขารู้สึกประหม่าที่จะทำงานกับบอสคนใหม่ และไม่ชินที่ต้องไปทำงานร่วมกับผู้ชายทั้งโรงงาน
“อ้น คิดดีแล้วใช่ไหม”
“ครับ คิดดีแล้วครับ”อ้นก้มหน้าต่ำลง
“ดีมาก เริ่มงานพรุ่งนี้เช้าเลยนะ”
“ครับ”
“แต่อ้นยังไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อนนี่คะ น้องเขาจะทำได้หรือเปล่า ข้อสำคัญน้องเขาพึ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือนเอง ความชำนาญด้านต่างๆอาจยังน้อยอยู่”เสาพูดขึ้น
“จะอยู่แค่พนักงานธุรการธรรมดานี่เหรอ”
“พี่เสา อ้นพร้อมทำครับ”อ้นกระซิบใกล้ๆเสาร์หัวหน้าแผนกธุรการฝ่ายผลิต
“ค่ะ ก็ตามที่บอสต้องการ”
“ออกไปได้แล้ว อ่อ พรุ่งนี้ก็ไปที่โรงงานเลยนะ”
“ครับ บอส”อ้นรับคำและเดินออกจากห้องพร้อมกับเสา
เมื่อทั้งสองมาถึงที่แผนกธุรการฝ่ายผลิต บรรดาเพื่อนร่วมงานได้แต่มอง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเพราะบอสคนใหม่ค่อนข้างที่จะเจ้าระเบียบ ถ้าเกิดมาล้อมวงคุยกันอาจเป็นเรื่องได้ ทั้งแผนกจึงรอพักเที่ยงค่อนมาสืบข่าวที่อยากรู้กัน แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่หาญกล้าท้าบอสเขยิบเก้าอี้มานั่งใกล้ๆอ้น
“บอสว่าไงบ้าง”วีณา เพื่อนร่วมรุ่นในที่ทำงาน เพราะเข้ามาทำงานพร้อมกัน จึงมีความสนิทกันพอสมควร
“บอสให้ไปเป็นเลขาที่โรงงานน่ะ”อ้นถอนหายใจ
“แล้วอ้นตกลงไหมล่ะ”วีณามีเสียงตื่นเต้น
“ทำไงได้ล่ะ ก็ต้องตกลงน่ะซิ เพราะบอสบอกว่าอ้นยังไมผ่านโปร เหมือนขู่เลยใช่ไหม”
“บอสคนนี้ไฟแรงมากเลย มาวันแรกก็บุกที่โรงงานเลย เลขาบอสก็มี ทำไมไม่เอาไปด้วยล่ะ”
“บอสบอกว่าที่นั่นมีแต่ผู้ชาย ให้ผู้หญิงไปก็คงไม่เหมาะ ก็น่าจะจริงก็เลขาบอส สวยขนาดนั้นใครจะให้ไปอยู่ในดงผู้ชายล่ะ”
“แล้วอ้นจะอยู่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ก็ต้องได้แหละ จะให้ทำไงล่ะ เราเป็นลูกจ้างเขานี่ และอีกอย่างงานหาอยากจะตาย ถ้าเกิดบอสไล่ออกทำไงล่ะ จะไปสมัครงานอีกน่ะเหรอ สู้ลองทำงานตำแหน่งใหม่อีกสักตั้งดีกว่ามั้ง”
“ก็จริงของเธอ เผลอๆเงินเดือนเพิ่มขึ้นด้วย”
“เรายังไม่คิดตรงนั้นหรอก ไอ้งานเราไม่กลัวหรอกวีณา แต่ที่เรากลัวคือบอสมากกว่า ดูแล้วค่อนข้างจะเนี้ยบน่าดู”
“จริงของเธอ แต่เราเอาใจช่วยนะ”
“ขอบใจมาก”
ช่วงเวลาเที่ยงซึ่งเป็นเวลาที่พนักงานธุรการฝ่ายผลิตรอคอย เพราะอยากรู้ว่าบอสเรียกตัวอ้นไปทำอะไร เมื่ออ้นบอกไปเท่านั้นแหละ เสียงบรรดาพนักงานธุรการในแผนก ก็ดังยังกับนกแตกฝูงจนหัวหน้าแผนกเข้ามาปราม
“นี่พวกเธอ อยากโดนไล่ออกทั้งแผนกหรือไง เสียงดังยังกับตลาดสดนี่มันออฟฟิคพันล้านนะ”เสาหัวหน้าแผนกเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ
“โธ่ หัวหน้า ช่วงเบรกก็จะไม่ให้คุยกันเลยเหรอ ที่เมื่อก่อนยังไม่มีปัญหาอะไรเลยน่ะ”นฤมลพูดขึ้น
“นั่นมันเมื่อก่อนแต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แล้วนี่ พวกเธอยังไม่รู้กิตติศัพท์บอสคนใหม่ดี”
“รู้สิ แต่ก็แอบดีใจนะมาได้แค่วันเดียว พรุ่งนี้ก็จะไปประจำที่โรงงานแล้วนี่”
“คิดไปเอง เออไปเอง มันไม่ใช่อย่างนั้นนะซิ พวกเธอไม่รู้อะไร เห็นเลขาบอสบอกว่าจะไปๆมาๆ และให้อ้นไปประจำอยู่ที่โน้น คอยติดต่อประสานงานทั้งที่นี่ และที่โน้นกับเลขาของบอส”
“ทำไมไม่เอาจิ๊บ”
“แหม จิ๊บสวยขนาดนี้ ก็ต้องเอาไว้หน้าห้องที่บริษัทซิ จะเอาไปไว้ในโรงงานเหรอ เอาอ้นไปนะถูกแล้ว บอสนี่เคี่ยวน่าดู ไม่ต้องจ้างคนใหม่เลย”เสาพูดขึ้น
“ว่าไงอ้นคิดว่าทำได้ไหม”นฤมลถาม
“ได้ครับ”
“นี่อ้นปฏิเสธบ้างสิ อะไรก็ได้ ได้อ่ะ ได้หมด ไม่มีปัญหา รับทราบ ทำได้ มีอะไรบอกมา จะตายก็เพราะไม่ปฏิเสธนี่แหละ ไปอยู่โน้นก็ต้องหัดปฏิเสธบ้างนะ อย่าให้ใครเอาเปรียบแรงมาแรงไปต้องสู้และอดทนเข้าไว้ คิดในแง่ดีได้ตำแหน่งสูงขึ้น”
“ใครจะกล้าปฏิเสธบอสล่ะ”อ้นพูดขึ้น
“ไม่ได้หมายถึงบอสนะ แต่หมายถึงคนอื่นที่ทำงานใหม่นะ”
“ครับ”
“ครับอีกแล้ว อ้นนี่มันจริงๆเลย แบบนี้จะรอดไหมเนี้ย”
“รอดสิ”อ้นพูดขึ้น
“อุ๊ย บอสมาแล้ว”พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้น
“กินข้าวไวหนอ ได้เคี้ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้บอสเรา”
“ยังจะพูดอีก”เสาใช้สายตาปรามนฤมล
ในส่วนของอ้นก็ชำเลืองมองบอสที่เดินกลับเข้าห้อง หลังจากกินข้าวเสร็จซึ่งใช้เวลาไม่ได้นานซักเท่าไร อ้นได้แต่ครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง กว่าที่เขาจะสนิทกับพี่ที่แผนกธุรการฝ่ายผลิต ก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่ครั้งนี้เขาต้องไปปรับตัวอีกครั้งในงานใหม่ตำแหน่งใหม่ และบอสคนใหม่ที่ไฟแรงจนอ้นไม่รู้ว่า จะทำงานได้ตามที่บอสต้องการหรือเปล่า
“เอ่อพี่ลืมไป ตอนบ่าย ไปจิ๊บนะเพราะว่าบอสให้ไปเรียนรู้งานจากจิ๊บนะ”เสาพูด
“ครับ”
“เรียนไม่กี่ชั่วโมงจะรู้เรื่องเหรอเนี่ย”วีณาเอ่ยขึ้น
“เอาน่า ไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร พอดีพี่รู้จักหัวแผนกฝ่ายผลิตอยู่ เดี๋ยวพี่จะฝากให้เขาดูอ้นให้น่ะ ไม่ต้องกลัว งานไม่ได้ฆ่าเราหรอกนะอ้น มีแต่จะทำให้เราเก่งขึ้นอย่าท้อนะ”เสามองอ้นด้วยสายตาที่เอ็นดู
“ครับ พี่เสา”
“ไปเตรียมตัวหาจี๊บเถอะ”
“ครับ”
ช่วงบ่ายแก่ๆอ้นก็ไปหาจิ๊บเลขาคนสวยของบอสคนใหม่ เมื่ออ้นไปถึงก็เห็นจิ๊บวุ่นทำงานอยู่หน้าห้องของบอสอย่างขมักเขม่น ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนที่จิ๊บยังพอมีเวลาแต่หน้าแต่งตาเติมแป้ง
“หวัดดีครับพี่จิ๊บ”
“มาก็ดีแล้ว ช่วยพี่เตรียมเอกสารให้บอสหน่อย เห็นบอกว่าจะเอาไปทำที่โรงงานด้วยนะ”
“ครับ”
“เอาเอกสารที่พี่กองไว้น่ะ เอาใส่ไว้ในกล่อง แล้วเขียนหน้ากล่องด้วยว่าเอกสารอะไร”
“ครับ แล้วในคอมไม่มีเหรอครับ”อ้นถาม
“มีสิ”จิ๊บมองซ้ายมองขวา
“ทำไมบอสไม่ดูในคอมล่ะครับ”
“พูดค่อยๆหน่อยเดี๋ยวบอสได้ยิน ไม่ทันได้เป็นเลขาคนใหม่หรอก”
“ครับ”
“พี่ก็ไม่รู้หรอกไม่กล้าถาม แต่พี่คิดว่าบอสคงอยากให้อ้นเรียนรู้งานมากกว่า ว่าตำแหน่งเลขาต้องทำงานอะไรบ้าง คือ มันต้องเริ่มจากพื้นฐานก่อน จัดเรียงเอกสารหาเอกสารต่างๆ เพราะว่าถ้ากดคอมก็สบายไป ต้องเปิดดูทีละแฟ้มนี่แหละบอสคนใหม่ อาจกำลังฝึกอ้นอยู่มั้งเพราะถ้าไปโน้น อ้นต้องทำคนเดียวทุกอย่างเลยนะ”
“แค่ไม่กี่ชั่วโมงนี่นะครับ”
“ไม่กี่ชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับบอส เพราะเวลาบอสมีค่ามากๆๆๆทุกวินาทีเป็นเงินเป็นทอง อันนี้มีคนบอกมานะพี่ก็ไม่รู้หรอกว่าจริงไหม แต่ได้ข่าวมาว่าอย่างนั้น”จิ๊บกระซิบเบาๆที่ข้างหูของอ้น
“ถ้าบอสไปทำงานที่โน้น แล้วที่นี่ล่ะครับใครดูแล”
“ก็บอสนั่นแหละ แล้วจะมีรองบอสมาอีกคน เห็นว่าจะมาพรุ่งนี้ พี่ก็ต้องไปเป็นเลขารองบอสแทน แต่คิดว่าน่าจะไม่เนี้ยบเท่าบอสคนนี้หรอกนะ ถือว่าพี่ยังโชคดีกว่าอ้นนะ”
“ถ้าเสร็จแล้วมาค้นเอกสารตรงนี้นะ จัดเรียงใส่แฟ้มไว้ให้เป็นหมวดหมู่และแยกใส่กล่องไว้ เดี๋ยวตอนเย็นจะมีคนมาเอาไป ไว้ที่ห้องของบอสที่โรงงาน ถ้าพรุ่งนี้อ้นไปถึงก็จัดเรียงใส่ตู้ให้เรียบร้อยนะ ทำก่อนบอสมารู้ไหม บอสคนนี้มาเช้าด้วยอ้นต้องมาช้ากว่า เอ่อ บอสดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ดื่มน้ำแร่แต่ไม่เย็นนะ แอร์ก็ต้องเปิดยี่สิบห้าองศานะรู้ไหม คอมต้องเปิดทิ้งไว้ให้ด้วย อย่าให้บอสมาเปิดเอง มันเสียเวลาในการทำงาน พี่โดนมาแล้ว”
“อะไรจะขนาดนั้น”อ้นมีสีหน้าที่หวาดกลัว
“เอาน่าอย่าคิดมาก พี่ว่าอ้นทำได้ เพราะพี่เห็นอ้นอยู่ในแผนกธุรการฝ่ายผลิตที่อ้นทำงาน ทำทุกอย่างเลยไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ”
“พี่จิ๊บก็พูดก็เกินไปครับ”
“ไม่เกินไปหรอกพี่เห็นอยู่ แล้วบอสถามพี่ว่าอยากได้เลขาไปช่วยทำงานที่โรงงาน พี่เลยแนะนำอ้นไง”
“พี่จิ๊บก็ทำไมไม่แนะนำคนอื่นล่ะ”
“จะให้พี่แนะนำคนอื่นได้ไง ก็บอสบอกว่าอยากได้เลขาที่เป็นผู้ชาย ก็ไม่มีใครนี่ก็มีแต่อ้นที่เหมาะสมทุกประการ”
“พี่จิ๊บก็รู้ว่าอ้นไม่ใช่”อ้นพูดยังไมทันจบบอสก็ออกมาจากห้อง
“คุยอะไรกัน แล้วไม่ใช่อะไร”บอสคนใหม่พูดขึ้น ที่เขาออกมาก็เพราะได้ยินเสียงคุยกันที่ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะคุยกันเบามากเกินไป
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”จิ๊บรีบตัดบท
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ถ้าทำเสร็จแล้วเข้ามาข้างในด้วย”
“ค่ะ ตอนนี้ก็ได้ เดี๋ยวให้อ้นทำไปก่อน อ้นเขาเก่งนะหัวไวใช่เล่น”จิ๊บพูด
“ผมไมได้บอกให้คุณจิ๊บเข้าไปหา แต่ให้อ้นเข้าไปหาผมที่ห้อง ผมจะบอกเรื่องการทำงานคร่าวๆ”
“เหรอคะ”
เมื่อบอสพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องทันที ส่วนจิ๊บก็หันมามองหน้าอ้นด้วยความเอ็นดู แล้วถอนหายใจเบาๆ
“อ้นเข้าไปหาบอสเถอะ เดี๋ยวที่เหลือพี่ทำเอง”
“ครับ”
อ้นวางเอกสารลงและเปิดประตูเข้าไปหาบอส ที่กำลังนั่งเปิดดูเอกสาร เมื่อเขาเห็นอ้นมาถึงจึงวางเอกสารลง
“นั่งซิ”
“ขอบคุณครับ”
“ที่ผมเรียกคุณมาก็จะพูดคร่าวๆเรื่องทำงานกับผม”
“ครับ”
“ผมก็เป็นคนง่ายๆไม่ได้เรื่องมากอะไรหรอก”
“ครับ”
“ผมจะมาทำงานแปดโมงทุกวัน คุณต้องมาก่อนผมครึ่งชั่วโมง เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะให้ผมทำงาน คุณจิ๊บคงบอกคร่าวๆแล้วใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“ถ้างั้นผมจะไม่พูดซ้ำ มันเสียเวลาเกินไป”
“ครับ”
“การทำงานที่โรงงานจะไม่เหมือนในบริษัทนะ ผมจะออกดูงานตรวจงานตลอด ไม่ว่าจะในสถานที่หรือนอกสถานที่ คุณต้องตามผมไปทุกทีและจดทุกเรื่องราวที่ผมทำในวันนั้น”
“ครับ”
“บางครั้งต้องไปต่างจังหวัดไกลๆคุณมีปัญหาอะไรไหม”
“ไม่มีครับ”
“ดีมาก”
“ถ้ามีงานนอกเวลาคุณพร้อมที่จะทำไหม”
“พร้อมครับ”
“ผมพึ่งเข้ามาบริหารงานที่นี่เป็นวันแรก ซึ่งผมยังต้องศึกษาการทำงานอีกเยอะคุณพร้อมที่จะเรียนรู้งานไปพร้อมกับผมไหม เพราะคุณก็เป็นพนักงานใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านงานมาเหมือนกัน”
“พร้อมครับ”
“ผมเป็นคนไม่ค่อยพูด คุณต้องศึกษาตัวผมว่าต้องสิ่งใด ต้องการทำอะไร ชอบอะไรไม่ชอบอะไร อย่าให้ผมบอกพร่ำเพรื่อ”
“ครับ”
“พักไกลจากที่นี้ไหม”
“ไม่ไกลครับ”
“พักบ้านหรือห้องเช่า”
“ห้องเช่าครับ”
“แสดงว่าอยู่คนเดียว”
“ครับ”
“ก็ดี บางทีผมอาจเรียกใช้งานตอนกลางคืน แต่คงไม่ใช่ตีหนึ่งตีสองหรอกนะผมก็รู้ว่าคุณต้องมีเวลาส่วนตัว อาจเป็นช่วงเวลาค่ำๆ เพราะการทำงานของผมไม่มีเวลาหยุด จะหยุดก็ต่อเมื่อผมหลับเท่านั้น”
“ครับ”
“มีอะไรจะถามผมไหม”
“ไม่มีครับ”
“ออกไปได้แล้ว ผมจะทำงานต่อ”
“ครับ”
อ้นออกมาจากห้องของบอสและมาช่วยจิ๊บทำงานต่อจนเสร็จ ซึ่งก็ได้เวลากลับบ้านพอดี อ้นหันไปมองที่ห้องของบอสซึ่งก็ยังทำงานอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้านแต่บอสคนใหม่
อ้นรีบมาทำงานแต่เช้าเพื่อเตรียมงาน ให้บอสของเขาที่บอกว่าตัวเองไม่เรื่องเยอะ แต่พฤติกรรมนั้นตรงข้ามกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง เมื่ออ้นมาถึงออฟฟิคในโรงงานบีเอ็มรีไซเคิล เขารีบจัดแจงเรียงแฟ้มเอกสารเข้าชั้นอย่างเร่งรีบ และเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้เพื่อให้บอสได้ทำงานได้ในทันที ตามคำบอกกล่าวของจิ๊บเลขาคนเก่า หลังจากที่อ้นทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงออกมานั่งที่หน้าห้องรอการมาของบอส ซึ่งอ้นก็รอได้ไม่นานบอสคนใหม่ของเขาก็มาถึง เมื่อบอสเดินผ่านมาเขาก็หันมามองอ้นไม่กี่วิแล้วหันหน้ากลับเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้อ้นไม่ทันได้ยิ้มแม้แต่นิด อ้นจึงไม่รอช้าเดินตามเข้าไปในห้องทันที “บอสดื่มกาแฟกี่ช้อนครับ”เมื่อวานอ้นลืมถามจิ๊บว่าบอสดื่มกาแฟกี่ช้อน เขาเลยไม่กล้าชงให้บอสได้ดื่ม “สามช้อนไม่ต้องใส่อะไรทั้งนั้น”จ๊อบบอสของอ้นยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉย “ครับ” อ้นจึงรีบไปชงกาแฟตามที่จ๊อบต้องการ เพราะตอนนี้จ๊อบได้เปิดดูเอกสารการผลิตในคอมพิวเตอร์ เมื่ออ้นชงเสร็จจึงรีบนำมาให้บอสทันที ด้วยความประหม่าและเกร็งในความนิ่งของจ๊อบ อ้นถือถ้วยกาแฟที่สั่นจนเสียงดัง “แก็ก แก็ก แก็ก” เมื่อจ๊อบได้ยินเสียงถ้วยกาแฟสั่น
หลังจากเลิกงานอ้นนั้นได้เดินตามจ๊อบ ไปพบลูกค้าที่นัดไว้ ในระหว่างที่เดินไปที่รถของจ๊อบที่จอดรอหน้าโรงงาน อ้นได้เดินผ่านหน้าเอและตั้มกับตูน ซึ่งอ้นก็เห็นทั้งสามแต่อ้นแลเป็นไม่เห็น เพราะไม่อยากเห็นหน้าเอที่ทำให้เขาเจ็บซ้ำน้ำใจในอดีต เมื่ออ้นเดินผ่านทั้งสามหนุ่ม ในส่วนของตั้มและตูนก็มองตามหลังจากนั้นก็หันหน้ามามองกันเอง “ไอ้อ้นนี่มันร้ายนะ เดินตามบอสต้อยๆเลย”ตั้มพูดขึ้น “โอ้โห ไอ้อ้นขึ้นรถไปกับบอสเห็นไหมไอ้เอ”ตูนหันมามองหน้าเอแวบหนึ่งแล้วหันไปมองอ้น “มึงเสียดายไหมไอ้เอ ที่ทิ้งเขาไปแต่ตอนนี้เขากับได้ดีกว่ามึงอีก”ตั้มหัวเราะ “ไอ้ตั้มถ้าไม่หยุดพูดเจอกูต่อยแน่”ในความรู้สึกของเอตอนนี้ เหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงหัวใจอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน “พูดแค่นี้ทำเป็นโมโหหรือว่าพูดแทงใจดำมึงวะ” “กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้อ้น กูจะไปเสียดายมันทำไม” “แล้วมึงรู้สึกกับใครบ้างวะ”ตูนหันมาถามเอ “กูไม่รู้สึกกับใครทั้งนั้นแหละ”เอพูดเสียงเข้ม “เลิกพูดเรื่องไอ้อ้นดีกว่า เรามาคิดกันว่าเย็นนี้จะไปกินเบียร์ที่ไหนดีกว่าไหม”ตั้มเอ่ยขึ้น “จริงด้วยพูดแล้วเปรี้ยวปาก”ตูนถึงกับเลียริมฝีปากทีเดียว
ในวันหยุดสุดสัปดาห์อ้นก็ได้ย้ายมาที่ห้องพักในโรงงาน ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่กว่าพนักงานคนอื่น เพราะจ๊อบได้สั่งไว้ให้จัดหาอย่างโดยด่วน เมื่ออ้นจัดห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ออกจากห้องเพื่อที่จะไปหาอาหารรับประทานในตอนเย็น เพราะวันนี้เขาจัดห้องมาทั้งวัน มีเพียงขนมกับนมเท่านั้นที่ถึงท้อง ทางที่จะออกจากโรงงานไปตลาด ต้องผ่านห้องพักคนงาน อ้นจึงเดินไปเรื่อยโดยไม่หันมันข้างทางหรือแม้แต่เหลียวมอง จนมาสะดุดกับคำทักทายที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไร “หยิ่งเนาะ ตั้งแต่เป็นเลขาบอส” อ้นหันไปมองทันที ที่เมื่อเขาได้ยินเสียงที่คุ้นหู และนั่นเองที่ทำให้อ้นต้องรีบหันหน้ากลับ พร้อมที่จะเดินหนี ด้วยไม่อยากจะคุยให้เสียเวลา “จะไปไหน”เอเดินตามจับแขนของอ้นไว้ให้หยุดเดิน “ปล่อยนะ อย่าทำตัวไม่มีมารยาทแถวนี้”อ้นเหล่ตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “จับไม่ได้เลยเหรอ ที่เมื่อก่อนนี้จับทั้งจับทั้งกอดทั้งเอา ไม่เห็นว่าสักคำ” “เมื่อก่อนก็ส่วนเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่” “เอ่อใช่สิ เป็นเลขานี่ใหญ่โตเหลือเกิน” “ไม่ได้ใหญ่โตหรอก แค่ไม่อยากคุยกับนายคนไร้ค่า เราไม่ให้ราคาที่จะคุยด้วยหรอก อ๋อ ใช่สิ นายมีราค
อ้นได้ตามจ๊อบพบปะลูกค้าตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่ได้พักทั้งกายและใจเหนื่อยจนอยากจะพัก แต่ก็ฝืนทนสู้อุตส่าห์ทำงานจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจ๊อบก็พาอ้นไปรับประทานข้าวที่ริมน้ำบรรยากาศสุดหรู จึงส่งผลให้อ้นนั้นคลายเหนื่อยกายและใจอย่างหมดสิ้น “เป็นไงบ้างชอบไหมบรรยากาศแบบนี้ โรแมนติกดีนะผมว่า” “ครับ เป็นครั้งแรกที่อ้นได้มาในบรรยากาศแบบนี้” “บรรยากาศใต้แสงเทียนริมน้ำ ถ้ามากับแฟนนี่คงจะโรแมนติกน่าดูเลย แต่น่าเสียดายเราสองคนต่างไม่มีแฟน ถ้ามีแฟนจะได้พามาทั้งคู่ ถึงเวลาที่เราสองคนต้องหาแฟนแล้วมั้ง” “อ้นยังเด็กอยู่ยังไม่อยากมีแฟนหรอกครับ” “แสดงว่าผมแก่ใช่ไหม แค่จะสามสิบเอง ห่างจากอ้นเจ็ดแปดปีแค่นั้น” “ยังไม่แก่เลยครับ หน้าตาบอสเหมือนยี่สิบต้นๆเอง” “พูดแบบนี้ต้องเพิ่มเงินเดือนให้แล้วมั้ง” “ได้ก็ดีครับ อ้นจะได้เก็บไว้ซื้อบ้าน” “ผมว่าอ้นซื้อคอนโดดีกว่า เพราะอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดผมเหงาๆจะได้ไปหาสะดวก” “อ่า”อ้นอ้าปากค้าง เพราะบอสของเขาเปลื่ยนไปอีกแล้ว ยังกับคนละคนเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา “พูดไม่ออกเลยเหรอ แสดงว่ายังอยากมีแฟนอยู่ใช่ไหม กลัวผมไปขัดจังหวะแน่เลย”
ช่วงเย็นที่เงียบเหงาสำหรับเอ เพราะตั้มและตูนได้หายไปจากชีวิตของเอมาหลายวัน เพราะช่วงเวลานี้ตั้มและตูนกำลังติดพันซันและซีเพื่อนของอ้น ส่วนเจนงานยุ่งจนต้องทำโอที จึงไม่มีเวลามาเอช่วงค่ำ เขาจึงนั่นดื่มเบียร์อยู่หน้าห้องอย่างเดียวดาย ช่วงแรกยังมีคนงานเดินผ่านมาผ่านไป พอเริ่มค่ำคนงานเริ่มเข้าห้องใครห้องมัน จึงเหลือเพียงแต่เอที่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าที่มีแต่ดวงดาวลอยระยิบระยับ แต่ก็ไม่สามารถทำลายความเหงาในใจของเอได้ เอนั้นดื่มเบียร์ขวดต่อขวดจนเมา เขาแค่พยุงตัวได้ไปได้แค่ที่ประตู พอควักกุญแจออกมาไขประตูแค่นั้น เขาก็ทำล่วงล่นและอาเจียนเต็มหน้าห้อง หลังจากนั้นเขาก็นอนฟุบอยู่หน้าห้องอ้นกำลังจะเดินกลับเข้าห้อง หลังจากไปดูงานกับจ๊อบจนได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน จ๊อบนั้นจะมาส่งอ้นแค่ที่หน้าโรงงานเท่านั้น ความจริงเขาอยากจะมาส่งอ้นในโรงงานด้วยซ้ำ แต่ด้วยความเป็นนายจ้างกับลูกจ้าง จึงต้องเว้นระยะห่างไว้กันคำครหา เพราะในปัจจุบันหลายคนต่างมองอ้นกับจ๊อบในแง่ไม่ดีอยู่พอสมควรเมื่ออ้นเดินมาถึงหน้าห้องของเอ เขาก็เห็นเอนอนนิ่งอยู่หน้าห้อง อ้นตกใจมากและเป็นห่วงจึงรีบเข้าไปดู ซึ่งสิ่งที่อ้นเห็นคือเศษอาหารเต็มตัว
หลายวันมานี้เอนั้นกลุ้มใจกลัดกลุ้มไฟรักสุมทรวง เขาไม่สามารถตัดใจห้ามให้คิดถึงคะนึงหาอ้นได้ ถึงแม้จะมีเจนอยู่เคียงข้างทุกค่ำคืน รสรักและความสัมพันธ์ฉันเพื่อนก็ไม่สามารถมัดใจเอได้ แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจเจนจนเกินไป ยังให้เจนกอดหอมทำอะไรก็ได้ตามที่เจนต้องการ แต่ถ้าจะให้รับรักเจนนั้นเอไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้เลย คืนนี้ก็ตามเดิมที่เอได้มานั่งดื่มคนเดียวอย่างเหงาใจ เพราะเจนกว่าจะมาก็ดึกพอสมควร ส่วนตั้มกับตูนนั้นแท่บหายไปจากชีวิตของเอทีเดียว เพราะกำลังคลั่งรักกับซันและซี เป็นสองคู่ชู้ชื่นที่สุขสมไร้อุปสรรคใดมาขวางกั้น ในระหว่างที่อ้นกำลังจะเดินเข้าไปยังห้องพัก หลังจากจ๊อบมาส่ง เมื่อไปพบลูกค้าที่มาจากต่างประเทศ “ไม่ทักกันเลยนะ”เอตะโกนเสียงดังจนอ้นตัองหันมามอง แต่อ้นไม่สนเดินหน้าต่อไป “เดี๋ยวก่อน”เอลุกขึ้นวิ่งไปจับแขนอ้นไว้ “ปล่อยนะ”อ้นแกะมือของเอให้หลุดออก แต่ไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น “เดี๋ยวนี้ถูกเนื้อถูกตัวไม่ได้เลยนะ” “ใช่ เรามีแฟนแล้ว นายจะมาทำตัวแบบนี้ไม่ได้” “บอสเหรอ ยินดีด้วยนะ หนูตกถึงข้าวสาร” “เอ หยุดสักทีเถอะ” “ทำไมต้องหยุด” “ถ้าไม่หยุดนายอาจจะไ
วันนี้อ้นก็มาทำงานแต่เช้าตามเดิม แต่สิ่งที่แปลกไปเพราะจ๊อบได้กลับมาทำงานที่ออฟฟิค โดยมีเลขนุการคนใหม่เฝ้าอยู่หน้าห้อง ส่วนจิ๊บนั้นก็เป็นเทรนเนอร์อยู่ไม่ห่างกายบี้เลขนุการคนใหม่ ในระหว่างที่อ้นทำงานอยู่นั้นบี้เลขาคนใหม่ของจ๊อบก็เดินมาหา พร้อมด้วยสายตาที่เหยียดสุด มองอ้นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “นี่เธอ บอสให้เอางานมาให้เธอทำ หวังว่าคงจะเสร็จทันก่อนห้าโมงเย็นนะ บอสสั่งมา”บี้เอาวางไว้บนโต๊ะ “ครับ” “นี่เหรอ เลขาคนเก่า” “ครับ” “ไม่แปลกใจที่โดนปลด ลดตำแหน่ง”บี้ใช้สายตาชำเลืองมองอ้นแล้วเชิดหน้าขึ้น ต่อจากนั้นบี้ก็เดินจากไป นั่งเฝ้าหน้าห้องของจ๊อบตามเดิม “ร้ายเนาะเลขาคนใหม่”วีณาเพื่อนสาวหันมามองอ้น “อย่าพูดไป”นฤมลใช้มือจุ๊ที่ปาก “ปล่อยเขาไปเถอะ เราก็ทำงานของเราไป”อ้นพูดขึ้น “จร้า”วีณาทำเสียงประชด อ้นตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องทำให้เสร็จภายในห้าโมงเย็น อ้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ต้องบังคับกันขนาดนี้ ขนาดเมื่อวานยังให้เวลาจนกว่าจะทำเสร็จ อ้นจึงไม่สนใจสิ่งรอบข้าง รีบเร่งทำงานอย่างต่อเนื่องและให้รวดเร็ว ทันความต้องการของจ๊อบ ที่วันนี้นิสัยเปลื่ยน
ค่ำคืนเดียวดายสุดหรูในคอนโดที่เงียบเหงา อ้นนั่งเหม่อลอยรอคอยจ๊อบกลับมา เขาหวนคิดถึงคะนึงหาเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา อ้นครุ่นคิดทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต่อจากนี้เขาจะยอมรับผลของการเลือกทางเดินของตัวเอง อ้นพร้อมรับรักและเป็นของจ๊อบทั้งกายและใจ ทว่าเขาก็ไม่สามารถคาดเดาในอนาคตได้ ต่อจากนี้อะไรจะเกิดขึ้น ถึงกระนั้นอ้นก็ไม่สนใจอีกต่อไป เขาขอแค่อยู่กับปัจจุบันให้มีความสุขแค่นั้นเป็นพอ ในขณะที่อ้นกำลังคิดอะไรเพลินๆจ๊อบก็เดินเข้ามายังห้องนอนของอ้น “ชอบไหม”จ๊อบมีสีหน้าที่นิ่งเฉย “ชอบครับ แต่มันคงแพงมาก อ้นว่ามันมากไปสำหรับอ้นน่ะ” “ไม่หรอก สำหรับคนที่ผมรัก และทำให้ผมเจ็บ”จ๊อบนั่งลงข้างๆอ้น “นี่เอกสาร ถ้าอ้นเซ็นคอนโดนี่ก็เป็นคนอ้นทันที”จ๊อบยื่นเอกสารให้อ้น “ไม่เอาหรอกครับ ขอแค่อ้นได้อยู่ก็พอใจแล้ว และอีกอย่างอ้นทำให้บอสเจ็บ คงไม่เหมาะที่จะรับของบอสหรอกครับ”อ้นหันหน้าไปทางอื่นด้วยความน้อยใจ “ไม่ได้ ห้ามปฏิเสธ อ้นจำเป็นต้องมีสมบัติติดตัวด้วย และนี่คือกุญแจรถ”จ๊อบยื่นให้อ้น แต่ของทั้งสองชิ้นอ้นปฏิเสธหมด “ถ้าอ้นไม่เอาเราเลิกกัน”จ๊อบวางเอกสารไว้บนหัวเตียง “ทุกวันนี้ก็เหมือนเลิกก
พงศกรมองหน้าเอด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก เพราะเอดูไม่เรียบร้อยห่ามเถื่อนจนเกินไป เขาชอบผู้ชายที่ดูสุภาพอย่างจ๊อบ “ไอ้อ้น มึงพาแฟนกลับไปด้วยเลย กูไม่อยากเห็นหน้ามัน” “พ่อแฟนอ้นนะ” “กูรู้แล้วว่าแฟนมึงกูก็ไม่ได้ห้ามว่ามึงอย่ามีแฟนนี่ แต่ให้หาที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ไม่เหรอ เอาผีบ้าผีบอจากที่ไหนมาเนี่ย” “ผมไม่ใช่ผีบ้าผีบอนะครับ ผมเป็นคนเหมือนพ่อนั่นแหละ วันนี้เดี๋ยวผมจะทำกับข้าว ซักผ้าถูกบ้านให้เอง เอ่อ เดี๋ยวจะไปถางหญ้าหวดทีทำทุกอย่างให้สะอาดเลย พ่อรออยู่นี่แหล่ะ” “อ้นคุยกับพ่อแม่ไปนะ เดี๋ยวเราจะไปทำงานบ้านและนอกบ้าน” เมื่ออ้นพูดเสร็จเขาก็เข้าไปในครัวทำกับข้าว ที่เขาซื้อเตรียมพร้อมไว้ เพราะเขาตั้งใจไว้ว่าจะต้องชนะใจพ่อตาให้ได้ ส่วนแม่ยายเอ้นคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร “ไอ้อ้น แฟนเองมันเพี้ยนแม่ว่า” “แม่ เอก็แบบนี้แหละ แต่เขาดูแลอ้นดีมากเลย ข้อสำคัญเขามีเวลาอยู่กับอ้นตลอด” “มีเวลาไม่มีประโยชน์ดูมึงดำไปมากเลย ไปอยู่กลางไร่กลางนามาแน่เลย” “ครับพ่อ” “นั่นไง กูเลี้ยงของกูไม
อ้นและเอใช้ชีวิตอยู่บ้านไร่มาร่วมเดือน จนพ่อแม่ของเอเกิดความสงสัย เพราะพ่อแม่ของเอแค่นึกว่าอ้นมาเที่ยวหา แต่นี่อยู่ร่วมเดือนยังไม่กลับไป ทั้งสองจึงอยากเห็นหน้าและพูดคุย ด้วย พ่อแม่ของเอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาทั้งสองไปอยู่กับพี่สาวคนโตในจังหวัดอื่น และอีกอย่างที่ทั้งสองมาเพราะคิดถึงลูกชายคนเดียวของพวกเขา เมื่ออำพลกับบังอรมาถึงเขาก็เห็นภาพอันบาดตา เป็นภาพที่เขาทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น เพราะเป็นภาพที่เอนอนบนตักของอ้น และที่หนักไปกว่านั่นเขาจับมือของอ้นมาดมและหอมอตลอดเวลา “ไอ้เอมึงทำอะไรของมึง”กำพลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง “เอ หรือว่าลูกเป็น เอ่อ”บังอรใช้มือทาบอกด้วยความตกใจ เอรีบกระดกตัวลุกขึ้นทันที เขามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีทันที ส่วนอ้นยังไม่เท่าไรแค่แปลกใจ ทำไมพ่อแม่ของเอมาไม่บอกล่วงหน้าแค่นั้น “พ่อแม่”เอลุกขึ้นยืนนิ่ง “สวัสดีครับพ่อแม่”อ้นยกมือไหว้ทันที “พวกเอ็งเป็นอะไรกันถึงมานอนหนุนตักหอมไม้หอมมือกัน อย่างกับเป็นคู่รักกันอย่างนั้นแหละ” “คือว่า พ่อกับแม่ คือผม เอ่อ อา อือ อู คือ
วันนี้อ้นแกล้งตื่นสาย เพราะอยากรู้ว่าเอจะอยู่บ้านหรือว่าแอบไปไหนหรือเปล่า เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จจึงลงมาข้างล่าง แล้วสิ่งที่อ้นเห็นนั้นทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก เพราะภาพตรงหน้าเอกำลังนั่งโซฟาคุยกับนิน มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสอง อ้นถึงกับของขึ้นอารมณ์ฉุนเฉียวมาทันที เขารีบเดินลงบันไดแล้วเดินไปหาเอ “คุยอะไรกัน”อ้นเอ่ยขึ้น “คุยเรื่องสมัยเรียนตอนมัธยม คิดถึงวันนั้นมากเลย เอชอบแกล้งเรานะ ไม่คิดเลยว่าโตมาจะเป็นคนละคน”นินยิ้มให้เอ “ใช่ โตแล้ว มีแฟนแล้วด้วย ยืนอยู่ตรงนี้”อ้นยืนกอดอก “เหรอ แฟนเอใช่ไหม” “เอ่อ ใช่ แฟนเราเอง”เอตอบอย่างหนักแน่น “เอ”นินอ้าปากค้างตาโต เพราะเขาไม่อยากได้ยินคำนี้ ถึงแม้เขาจะรู้ระแคะระคายมาบ้างนิดหน่อย แต่นินยังไม่เชื่อจนได้ยินจากปากของเอ เขาถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก “ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม”อ้นนั่งลงข้างๆเอพร้อมยิ้มให้นิน “ได้ยินแล้ว แต่เราเป็นเพื่อนเอนี่ จะไปหามาหาสู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” “แปลกซิ ถ้านายเป็นแบบนิก เราไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่นายเหมือนเรา อย่าคิดว่าเราไม่รู้น
เอรีบเข้าไปอุ้มร่างของอ้นทันที ส่วนอ้นยังทุบหน้าอกของเอไม่ยั้ง แต่แบบออมแรงไม่ทุบแรงอย่างครั้งแรก และก็ดิ้นให้น้อยลงนิดหน่อย เออดทนรีบพาอ้นเข้าไปในรถยนต์ของเขา เมื่ออ้นเข้าไปในรถแล้ว เขาก็นั่งนิ่งๆไม่มีท่าทีจะไปไหน พอเอขึ้นรถมาเท่านั้นแหละ อ้นหันหน้าไปทางอื่นแล้วอมยิ้ม แต่อ้นอารมร์ดีได้ไม่นานเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเอดังขึ้น เอจึงรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมารับทันที “ว่าไง” “ตามอ้นเจอไหม” “เจอแล้วอยู่บ้านนิก” “เราขอโทษนายด้วยนะที่ทำให้ผิดใจกับอ้น”น้ำเสียงของนินบ่งบอกถึงความผิดหวัง “ไม่เป็นไรแค่นี้นะ” “ฮือ” เอกดวางมือถือแล้วหันมามองหน้าอ้น ที่กำลังบึ้งตึงอีกครั้ง เพราะอ้นคาดเดาได้ว่าเป็นเสียงของนินโทรมา “เป็นอะไรอีกล่ะ” “ไปส่งเราที่ขนส่งด้วยเราจะกลับกรุงเทพ” “กลับไปหาไอ้บอสของมึงเหรอ”เอเริ่มรู้สึกโมโหที่อ้นเอาแต่ใจมากขึ้น “ใช่” “ไอ้อ้น มึงอยากโดนอีกใช่ไหม” “โดนอะไร” “กระท่อมปลายไร่ ไปอยู่ในนั้นอีกครั้งไหม”
อ้นนั่งๆนอนอยู่บ้านเฉยๆจึงเกิดความเบื่อหน่าย และเป็นช่วงเวลาใกล้เที่ยงเขาจึงตักข้าวใส่ปิ่นโต พร้อมกับข้าวสามขนมหนึ่ง หลังจากนั้นอ้นจึงเดินออกไปไร่ข้าวโพดเพื่อไปหาเอแฟนหนุ่ม อ้นพอจำทางได้บ้างเมื่อครั้งโดนเอจับมาไว้ที่บ้านปลายไร่ เขาเดินไปเรื่อยๆจนเห็นไร่ข้าวโพด อ้นมองเห็นร่างผู้ชายสองคนอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ท้ายไร่ อ้นจึงเดินต่อไปเพราะเขาจำร่างของเอได้ ยิ่งอ้นเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นเอ แต่ผู้ชายอีกคนอ้นคิดว่าไม่รู้จักแน่ๆ แต่อ้นคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเอ อ้นจึงไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงรีบเดินไปให้ถึงต้นไม้ใหญ่ไวๆ เพราะแดดค่อนข้างร้อนพอสมควร ถึงเขาจะใส่หมวกมาก็ตามที ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก เมื่ออ้นเดินไปถึง สิ่งที่เขาเห็น เอกำลังนั่งกินข้าวหัวเราะต่อกระซิบกับชายหนุ่ม ซึ่งเขาไม่ได้สนใจอะไรนึกแค่ว่าเพื่อน “คุยอะไรกันสนุกเชียว”อ้นยืนอยู่ข้างหลังเอ “อ้าวมาได้ไง”เอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย “ใครเหรอ”ชายหนุ่มเสียงนุ่มนิ่มเอ่ยขึ้น “อ้นเพื่อนกูเอง”เอหันมามองชายหนุ่ม “นี่นินเพื่อนกูสมัยเรียนอนุบาล”เ
อ้นตื่นนอนมาเขาก็ไม่เห็นเอนอนอยู่บนเตียง เขาจึงเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวลงมาด้านล่าง เพียงแค่ลงมาเขาก็เห็นอาหารวางไว้เต็มโต๊ะ อ้นเดินเข้าไปดูซึ่งเป็นอาหารดีๆทั้งนั้น เขายืนยิ้มในความเอาใจใส่ของเอ “น่ากินทั้งนั้นเลย”อ้นตักข้าวใส่จานและนั่งลง อ้นค่อยๆกินข้าวอย่างช้าๆพร้อมกับคิดถึงเอตอนทำกับข้าว เขาถึงกับหัวเราะเบาๆจากหนุ่มห่ามกลายมาเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน อ้นกินข้าวจนอิ่มถึงสองจานเพราะรสมือของเอนั้นเลิศรสยิ่งนัก เมื่ออ้นกินข้าวอิ่มเขาจึงเดินออกไปนอกบ้าน มองไปรอบๆซึ่งมีแต่ไร้ข้าวโพด เขายังจำวันที่เอลากไปช่วยหักข้าวโพดได้ อ้นถึงกับยิ้มออกมา “ยิ้มอะไรครับ”เพื่อนของเอที่เคยไปช่วยอ้นในป่า เดินเข้ามาใกล้ๆอ้น “คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยยิ้ม มาหาเอเหรอ สงสัยไปที่ไร่น่ะ” “ใช่ครับมาหาเอ ผมนิกจำผมได้ไหม”นิกยิ้มจนเห็นไรฟัน “ทำไมจะจำไม่ได้คนที่เคยใช้อ้นไว้ไงที่กลางป่า” “ดีจังที่จำผมได้ ผมก็นึกว่าอ้นลืมผมซะแล้ว” “จะลืมผู้มีพระคุณได้ไง”อ้นยิ้มหวานให้นิกเพื่อนของเอ “แล้วมาหาเอมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ช่วงเวลาแห่งความสุขบนดอยอินทนนท์ผ่านเป็นอย่างรวดเร็ว เอได้พาอ้นมาที่บ้านไร่ที่เขาอาศัยอยู่ ในนาทีนี้ที่เขาอยู่กันเพียงสองคนในห้องไม่ใหญ่มาก แต่เต็มไปด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ อ้นนั้นแสนดีใจหาใดเปรียบ การตัดสินใจในครั้งนี้ของอ้นก็เหมือนกับเสี่ยงดวงเหมือนกัน เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเอจะดีอย่างปากพูดไว้หรือเปล่า ในห้องนอนวันแรกที่มาอยู่บ้านไร่ของเอ อ้นนอนเล่นโทรศัพท์มือถือคุยกับเพื่อนรักอย่างจีจี้ เมื่อเอเดินออกมาจากห้องน้ำ เขารู้สึกไม่พอใจอ้นเล็กน้อย เพราะไม่ยอมสนใจเขาอย่างที่ควร เอจึงขึ้นไปบนเตียงและนอนข้างๆอ้น มีท่าทีที่กระฟัดกระเฟียด “ผัวนอนอยู่ทั้งคนยังคุยกับคนอื่นอีก” “ไม่ใช่คนอื่นเพื่อนเราเองจีจี้ไง นายจำไม่ได้เหรอ”อ้นเลิกกดส่งไลน์จีจี้ทันที “จำได้ แต่มันใช่เวลาไหมที่จะคุยกัน ตอนนี้เราต้องทำอะไรบางอย่าง” “ทำอะไรล่ะ” “ก็อย่างนี้ไง” เอพลิกร่างตะแครงก้มลงจูบที่ริมฝีปากของอ้น เขาใช้ปลายลิ้นซอนไซร้เข้าไปภายใน ส่วนอ้นก็สมยอมแต่โดยดีโอบกอดผิวเรือนกาย ไร้อาภรณ์ของเออย่างเร่าร้อน เอถอนริมฝีปากออกมาไซร้ซอกคอทุกมุม ตอห
จ๊อบออกจากห้องของอ้นไปได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูรัวๆก็ดังขี้นไม่หยุด ด้วยความรำคาญอ้นจึงเปิดออกดูว่าเป็นใคร เพียงแง้มประตูเท่านั้นแหละ เอก็ผลักประตูเข้ามาทันทีและเดินนำหน้าอ้นไปนั่งที่โซฟา อ้นถึงกับยืนงงด้วยพฤติกรรมของเอ “มานั่งใกล้ๆนี่ มีเรื่องจะคุยด้วย” อ้นเดินอย่างช้าๆและนั่งลงข้างๆเอที่มีสีหน้าดูเคร่งเครียดพอสมควร ก่อนที่เอจะพูดอะไรออกมาเขาได้กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” “มีอะไร” “ตอนนี้กูไม่มีพันธะ ไอ้เจนมันไปทำงานที่ภาคใต้แล้ว” “รู้แล้ว” “รู้แล้วก็ดีมึงจะได้สบายใจ” “เจนจะไปไหนอยู่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่” “เกี่ยวซิ ถ้าไอ้เจนมันยังพัวพันกับกู ถึงกูจะไม่ได้รักมัน แต่มึงก็จะคาใจกูอยู่” “เราจะคาใจนายทำไม ในเมื่อเราไมได้เป็นอะไรกันนี่” “มึงก็รู้ดีแกใจ มึงกับกูมีอะไรกันตั้งสองครั้ง ในป่าครั้งหนึ่ง ที่บ้านกูอีกครั้งหนึ่ง” “จะพูดทำไม เรื่องมันผ่านมาแล้ว”อ้นรู้สึกกระดากใจพอสมควรที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของเอ “ยังไม่รวมต
อ้นนั่งครุ่นคิดเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตยันปัจจุบันบนเตียงนอน โดยเฉพาะช่วงเวลาในปัจจุบันที่เขาแสนจะกลัดกลุ้มขุ่นใจกับสองหนุ่มที่ตามตื้อไม่ห่าง จนอ้นตัดสินใจที่จะหนีจากสองคนนี้อีกครั้ง แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกดีตอนที่สองหนุ่มมารุมล้อม ความรู้สึกนี้พึ่งได้รับตอนนี้ที่อ้นได้นั่งทบทวนสิ่งต่างๆ แต่ปัญหาคือมีมาทีเดียวสองคน ซึ่งอ้นยังไม่รู้ใจตนเองว่าชอบใคร คนหนึ่งรักแรกคนสองรักใหม่ ต่างมีข้อดีข้อเสียและทำให้อ้นเจ็บซ้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่ากัน “ในระหว่างที่อ้นกำลังนั่งคิดถึงสองหนุ่มที่ตามติดไม่ห่างอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น อ้นจึงรีบรับทันที เพราะเป็นเพื่อนสาวที่สนิทตั้งแต่สมัยเรียน “ฮัลโหล” “ยังไม่นอนอีกเหรอ”จีจี้ถาม “ยังกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่” “คิดเรื่องอะไร” “ก็เรื่องบอสกับเอที่ตามมาถึงเชียงใหม่” “อ่ะ เราไม่ได้บอกนะ”ความจริงจีจี้รู้อยู่แล้ว เพราะเอและจ๊อบโทรมาหาเธอ ต่างฝ่ายต่างให้จีจี้เชียร์ “แล้วเธอได้บอกซันกับซีไหม” “โอ๊ยสองคนนั่นเดี๋ยวนี้ไม่เห็นหัวติดผู้ชาย ตามตั้มและตู