หลังจากสอบเสร็จอ้นก็รีบกลับมาที่ห้องทันทีเพื่อรอเอ เพราะอ้นได้ไปหาเอที่ในวิทยาลัยแต่ไม่เจอ ซึ่งอ้นคาดว่าเอน่าจะไปเลี้ยงฉลองตอนก่อนจบการศึกษา ซึ่งในความคิดที่อ้นคาดไว้นั้นผิดถนัดเพราะเอได้กลับมาในสภาพที่ปกติที่สุด
“ทำอะไรกินจ๊ะ”เอพูดจาอย่างน่าฟัง
“ก็หลายอย่างนะ”อ้นหันมายิ้มให้เอ
“แต่วันนี้ไม่อยากกินเราอยากไปดูหนังมากกว่า”
“กินก่อนค่อยไปดูก็ได้”เอพูดขึ้น
“เสียดายของน่ะ”
“ไม่ต้องเสียดายหรอก เพราะวันนี้เราสอบเสร็จกันแล้ว หลังจากนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะไปกันทางไหน”
“ใช่”อ้นมีสีหน้าซึมลงนิดหน่อย
“ก็นั่นไงเราควรใช้เวลาที่เหลืออยู่หาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุด”
“เหรอ แล้วนายจะเรียนต่อไหม”
“ยังไม่รู้เลย แล้วนายล่ะ”
“เรียนซิ แต่ก็ต้องไปเรียนกรุงเทพ”
“เราคงไม่ได้เจอกันแล้วซิเนาะ”เอก็ไมได้คิดอะไรมาก เพราะเขาก็ไม่คาดหวังว่าจะอยู่กับอ้นต่อไปหรอก
“ใช่ เราคงคิดถึงนายมาก แต่ก็ดีเหมือนกันที่เราจะไปดูหนังด้วยกัน จะได้เก็บความรู้สึกดีดีไว้เนาะ แต่ก็ยังเหลืออีกหลายวันที่เราจะยังอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ และอีกอย่างโทรศัพท์ก็มีเราก็ค่อยติดต่อกันก็ได้ เราว่าถ้านายไม่เรียนต่อก็น่าจะไปทำงานทีกรุงเทพนะ”
“ก็ไม่แน่นะ”เอพูดเอาใจอ้น
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะดีมากเลย”อ้นอมยิ้ม
“เสียเวลาพูดกันเยอะแล้วเราไปดูหนังกันดีกว่า”
“ฮือ นายไปอาบน้ำซิเราอาบน้ำแล้ว เดี๋ยวเราจะแต่งตัวรอนาย” อ้นเก็บอาหารการกินเอาไว้ในตู้เย็น เพราะเขาคิดว่าไปดูหนังได้บรรยากาศมากกว่ามานั่งกินข้าวในห้อง
เมื่อทั้งสองอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ขับรถมอเตอร์ไซค์กันไปที่ห้างสรรพสินค้าในตัวจังหวัดทันที ซึ่งอ้นตามใจเอเต็มที่ว่าจะดูหนังเรื่องอะไร
“แต่เราไม่มีเงินเลยนะ”เอพูดอ่ำอึ้ง
“ไม่เป็นไรหรอก”อ้นนั้นเตรียมใจกับเตรียมเงินมาอยู่แล้ว
“อ้นจะดูเรื่องอะไรล่ะ”เอถาม
“ได้หมดนั่นแหละ”
เอจึงตัดสินใจดูหนังฝรั่ง ส่วนอ้นไม่ได้ชอบแต่ก็แสร้งว่าชอบเพราะเขาอยากให้เอมีความสุข แต่ก่อนที่จะเข้าไปในโรงหนังอ้นก็พูดขึ้น
“ถ่ายรูปคู่ก่อนที่โปสเตอร์หนังหน่อยไหม”
“ได้สิ”เอไม่ได้คิดอะไรมาก
อ้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาเซฟฟี่ถ่ายรูปคู่สองสามรูป หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปดูหนังในโรงหนัง เมื่อเข้าไปข้างในเอนั้นตั้งใจดูไม่ได้สนใจอ้นแม้แต่น้อย เพราะเป็นหนังที่เขาอยากดูมาก แต่ไม่มีเงินที่จะมาดู เขาต้องทนฟังเพื่อนๆในห้องพูดคุยกันหนังเรื่องนี้ เขาได้แต่นั่งฟังอย่างเดียวไม่สามารถที่จะออกความคิดเห็นอะไรออกมาได้แม้แต่น้อย ส่วนเอก็ไมได้ชอบดูเพราะไม่ใช่แนวที่ตัวเขาชอบเท่าไร เขาจึงนั่งหลับจนหนังจบเรื่อง ตื่นมาอีกทีเพราะเอได้ปลุกให้ตื่นเนื่องด้วยหนังจบแล้ว
“ไม่ชอบเหรอ”เอถามทันทีที่อ้นลืมตาขึ้น
“ชอบ แต่ง่วงนอน เพราะก่อนหน้านี้อ่านหนึงสือเยอะไปหน่อย”
“เราออกไปข้างนอกก่อนเถอะ”
ทั้งเอและอ้นออกมาจนถึงหน้าโรงหนัง และได้ตกลงกันว่าจะกลับไปกินอาหารที่อ้นซื้อ มาไว้ที่ห้อง แต่ก็ไม่เป็นดั่งใจเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเอก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“ไอ้เอมาเดี๋ยวนี้เลยนะมึงน่ะ เพื่อนๆเขารอมึงคนเดียว ตั้งวงแล้วเนี่ยจะขาดมึงได้ไง”
“คือว่า เอ่อก็ได้”
เอกกดวางมือถือและหันไปมองอ้นที่กำลังมองเขาอย่างใคร่รู้ จนทำให้เอนั้นยังไม่ค่อยกล้าพูดอะไรออกมา จนอ้นเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง
“เพื่อนโทรมาว่าไง”ฃ
“คือว่า ไอ้ตั้มมันมาชวนไปดื่มเหล้า”เอพูดเสียงอ่อย เพราะเขาอยากไปมาก
“ก็ไปสิ เดี๋ยวอ้นไปส่งที่หอเพื่อนก็ได้”อ้นกลั้นใจพูด
“ขอบใจมากนะ แล้วรอเรากลับไปกินข้าวด้วยนะ แล้วหลังจากนั้นค่อยทำเรื่องอย่างว่ากัน”คำพูดท่อนท้ายเอกระซิบค่อยๆข้างหูอ้น
“บ้าพูดอะไรไปเรื่อย”อ้นอมยิ้ม
“ไม่ต้องยิ้มเลย ยิ่งยิ้มเรายิ้มอยาก รีบไปส่งเราก่อนเถอะ เราจะได้รีบกินแล้วรีบกลับมาหานาย”เอแกล้งอมยิ้ม
“ฮือ”
อ้นได้ไปส่งเอแค่ปากทางเขาห้องเช่าของตั้มเพื่อนของเอเท่านั้น เพราะเอไม่ให้เข้าไปเพราะอายเพื่อน หลังจากหลายวันก่อนเพื่อนของเขาแซวเรื่องนี้ ซึ่งอ้นก็เข้าใจเรื่องนี้ดีเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะขอแค่ได้อยู่กับเอเป็นบางเวลาเขาก็พอใจมากที่สุดแล้ว
เมื่ออ้นกลับมาถึงห้องเขาจึงจัดแจงอุ่นอาหารไว้รอเอทันที ส่วนในจิตใจนั้นอ้นก็กระหยิ่มยิ้มย่อง จากนั้นอ้นก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออ้นเปิดดูรูปของเขากับเอที่ถ่ายหันหน้าโรงหนัง อ้นถึงกับตั้งเป็นภาพหน้าจอ และมีความก่ำกึ้งว่าจะโพสต์ในในโซเซียลดีไหม ซึ่งอ้นก็ลังเลอยู่พักหนึ่งเขาจึงตัดสินใจที่จะโพสต์ เพราะเขาคิดว่าไม่น่าเสียหายอะไรก็แค่รูปถ่ายธรรมดา อ้นจนกดโพสต์ในทันทีเพียงไม่นานก็ไม่เพื่อนๆในโซเซียลต่างคอมเม้นต่างๆมากมาย โดยมีจีจี้เพื่อนรักคนแรกที่คอมเม้นท์ก่อนใคร
“คิดดีแล้วเหรอ”
เมื่ออ้นอ่านก็รู้สึกเคืองในใจจีจี้นิดหน่อย
“คิดดีแล้วจร้า แค่เพื่อนกันแค่นั้น”
“ตามใจ”
“จร้า”อ้นพิมพ์ตอบกลับในทันที
ตอนนี้อ้นไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแพราะเขากำลังมีความสุขกับความรักครั้งที่ได้พบเจอ เขาจึงทุ่มกับรักกนี้อย่างมากและวาดฝันในวิมานใว้หลายอย่าง
ในขณะเดียวกันที่วงเหล้าซึ่งมีอยู่สี่คน ตั้ม ตูน เจน และเอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจนกับเอก็ไม่ถูกกันเท่าไร ส่วนในวงเหล้าที่มียังไม่สมานเท่าที่ควร
“เอ มึงจะทำอะไรต่อวะ”ตั้มถาม
“ทำงานวะ กูไม่มีเงินเรียนต่อหรอก”เอพูดขึ้น
“กูก็เหมือนกันวะ เอ่อก็ดีเดี๋ยวเราไปหางานที่ต่างจังหวัดดีกว่า แถวนิคมอุตสาหกรรมนายดีไหม”ตั้มพูด
“ดี จะได้มีเงินใช้”
“แหม แน่นอนอยู่แล้วมันต้องมีเงินใช้อยู่แล้วนี่ถ้าทำงานนะ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“นายล่ะเจน”ตั้มถาม
“คงไปเรียนต่อนั่นแหละ แม่อยากให้เรียนต่อแต่ก็ไม่อยากเรียนหรอกน่าเบื่อจะตาย”
“ไอ้เจนนี่ก็แปลก เขาอยากเรียนกันแต่มันดันไม่อยากเรียน”ตูนพูดขึ้น
“เอาน่าเพื่ออนาคต”ตั้มพูดขึ้นมา
“ไอ้เอถ้ามึงไปทำงานแล้วเอาน้องอ้นไว้ที่ไหนล่ะ”เจนจ้องมองหน้าเอ
“มันเกี่ยวอะไรกับมึงล่ะ”
“ไอ้นี่กูถามมึงดีๆนะก็เห็นนอนอยู่ห้องเดียวกันนี่ก็นึกว่าจะตามกันซะอีก”
“ไปเรียนต่อเหมือนมึงนั่นแหละ”เอพูดโดยไม่มองหน้าเจน
“ถ้าอยางนั้นมึงไม่คิดถึงเหอรวะ คนเคยนอนด้วยกันน่าจะมีความผูกพันกันบ้าง”
“ทางใครทางมันซิเรียนจบแล้วนี่”
“แต่น้องอ้นอาจจะไม่จบก็ได้นะ เห็นตามไม่ห่างเลยนี่”
“มึงเลิกพูดได้ไหมกูมากินเหล้าไม่ได้มาให้มึงถามโน้นถามนี่”
“ไอ้เจน เรียนจบกันแล้วก็อย่าไปอะไรกับไอ้เอมันมากนักเลย มึงก็เกินไปพูดอะไรไม่คิด”ตั้มทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นมา
“ใช่ ไหนๆก็จบแล้ว”ตูนสนับสนุนความคิดนี้ทันที
“กูก็แค่อยากรู้แค่นั้นไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรหรอกวะ กูขอโทษก็ได้ไหนจะเรียนจบแล้วก็ไม่อยากทะเลาะกับมึง”เจนอมยิ้มด้วยความสะใจ
อ้นทนฟังและทำเป็นไม่ได้ยิน เขาจึงหยิบมือถือมาเปิดดู พอเปิดปุ๊บเขาก็เห็นรูปของเขากับอ้นขึ้นมาในหน้าแรกของ เอจึงมีสีหน้าตกใจไม่คาดคิดว่าอ้นจะโพสต์รูปของเขา ในขณะเดียวกันตั้มหันมามองเห็นพอดี ด้วยความปากไว้เขาจึงพูดขึ้น
“มึงไปไหนมากับไอ้อ้นนะ”
“เอ้ย ไอ้เอไหนมึงบอกไม่มีอะไรกันไง”เจนพูดขึ้น
เอจึงกดปิดมือถือทันทีโดยที่คนที่เหลือไม่ได้เห็น แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคคนอื่นเพราะสามารถดูในเครื่องของตัวเองได้ ทั้งตูนและเจนจึงปิดดูในทันที
“ว้าว ไปดูหนังด้วยกันนี่หว่า”
“หวานแหววเชียวน่าอิจฉา ไหนบอกไม่มีอะไรกัน”เจนขยี้ต่อเนื่อง
เอไม่รู้จะทำอย่างไงในเมื่อหลักฐานมันฟัอง มีทางเดียวที่เขาจะทำได้ในขณะนี้ คือกลับไปห้องเขาเพื่อหนีหน้าเพราะเขารู้สึกอายเพื่อน โดยเฉพาะไอ้เจนที่แซวแซะไม่เลิกลาก
“กูกลับแล้ว ตั้มไปส่งกูหน่อย”เอลุกขึ้นยืน
“เอ้ย จะรีบกลับไปไหนวะเหล้ายังไม่หมดเลย”ตั้มพูดขึ้น
“กูไม่มีอารมณ์กิน ขืนอยู่ได้เตะคนวะ”เอมองไปที่หน้าของเจน
“เพื่อนพูดแค่นี้ทำเป็นโกรธ ก็ได้กูขอโทษ”เจนพูดขึ้น
“เก็บคำว่าขอโทษไว้ในปากมึงนั่นแหละ ขอโทษบ่อยเกินไปหน่อยมั้งมึงนะ”
เอพูดจบก็เดินไปรอตั้มที่รถในทันที โดยมีตั้มเดินตามที่จะไปส่ง ส่วนเจนนั้นเขารู้สึกเจ็บใจ ที่เจ็บใจคือเห็นเอไปเที่ยวกับอ้น ทำไมไม่เป็นเขาต่างหาก ที่เขาเจนแซวแซะเอตลอดเวลาเพราะรักแต่ไม่กล้าบอก จึงแสดงออกมาทางแกล้งเอมากกว่า
“เป็นอะไรวะไอ้เจนเงียบไปเลยเมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย”ตูนเอ่ยขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านเถอะวะ”
“ก็ดีหมดสนุกแล้ว เพราะปากมึงนั่นแหละ”
“ไอ้ตูนปากมึงเหรอนะ”
“ก็ปากกูซิวะจะปากใครไอ้นี่อย่างไงวะ”
“ไม่ต้องพูดมากกลับบ้านได้แล้ว”เจนรู้สึกหงุดหงิดมาก ตอนแรกเขากะญาติดีกับเอแต่ก็ผิดคาดเกิดทะเลาะกันขึ้นมาอีกด้วยความปากกับใจไม่ตรงกันนั่นเอง
เมื่อเจนเดินมาถึงที่หน้าหอของตั้มก็เห็นตั้มสตาร์ทรถไม่ติดเขาจึงเดินเข้าไปดู
“รถมันเก่าก็แบบนี้แหละวะ”เจนพูดขึ้น
“ปากมึงจริงๆเลยไอ้เจน ถ้างั้นมึงไปส่งไอ้เอมันหน่อยซิวะ”ตั้มหยุดสตาร์ทรถทันทีเพราะเหนี่อยเกินไป
“โอ๊ย โทรให้น้องอ้นมารับซิวะ”
“ถ้ามึงไม่อยากไปส่งกูเดินกลับก็ได้ไม่ต้องไปส่งกูหรอก”ตั้มเดินไปทันที
“เดี๋ยวก่อน กูไปส่งก็ได้”
ลึกๆแล้วเจนดีใจมากที่จะได้ไปส่งเอ เขาจึงพยายามสลัดให้ตูนนั้นอยู่กับตั้ม เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาอยู่กับเอก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก
“ไอ้ตูนอยู่กับไอ้ตั้มมันไปก่อนเดี่ยวกูจะส่งไอ้เอ”
“กูไม่อยากให้มึงไปกันสองคนเดี๋ยวจะทะเลาะกันอีก”
“เอ่อ น่า รับรองไม่ทะเลาะหรอก”เจนยิ้ม
“ก็ได้ สงสารไอ้ตั้มนอนคนเดียว พรุ่งนี้เราก็ต้องแยกย้ายกันแล้วโชคดีนะเว้ยเพื่อน”ตูนพูดขึ้น
“เช่นกันเพื่อน”
เมื่อเจนพูดจบเขาก็รีบสตาร์ทรถของเขาออกไปในทันที เพื่อที่จะให้ทันเอที่กำลังเดินกลับด้วยความโมโห ชั่วเวลาไม่ถึงนาทีเจนก็ตามมาทันเอ ที่กำลังเดินอยู่ข้างทาง เมื่อเอได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์เขาจึงหันมามองเจนแล้วหันหน้ากลับ
“ไอ้เอขึ้นรถเดี๋ยวกูไปส่ง”
“กูไม่ขึ้นหรอกกูจะเดินไป ไม่อยากเป็นภาระใคร เดี๋ยวมาทวงบุญคุณทีหลัง”
“ถึงอย่างไงเราก็เป็นเพื่อนกัน ที่กูคอยแกล้งมึงก็เพราะกูรักมึงนะเว้ย”
“อะไร”เอหันหน้ามามองด้วยความประหลาดใจ ในคำพูดของเจนที่ดูผิดปกติจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง
“กูหมายถึงกูรักมึงแบบเพื่อนถึงล้อเล่น มึงอ ย่าโกรธกูซิวะไหนๆก็เรียนจบกันแล้ว คุยกันดีๆสักครั้งดีกว่า”
เอหยุดมองเจนชั่วครู่ เจนจึงหยุดรถเพื่อรอให้เอได้ขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ สายตาทั้งสองประสานกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนเจนต้องหลบตาเพราะมีความนัยน์อยู่ในนั้น ส่วนเอนั้นไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเจนแม้แต่น้อยในทางที่ชอบใคร่
“ก็ได้”เอขึ้นรถซ้อนท้ายทันที
“ให้ไปส่งที่ไหน”เจนถาม
เอจึงบอกทางไปที่หอของอ้น หลังจากนั้นเจนก็ขับไปอย่างช้าๆเพื่อจะได้อยู่บนรถกลับเอนานๆ
“หอไอ้อ้นเหรอวะที่จะไปน่ะ”เจนพูดขึ้น
“ใช่ กูจะไปขนเสื้อผ้า”
“แล้วจะไปอยู่ที่ไหนมืดค่ำแล้วนี่”
“อยู่กับมึงซักคืนได้ไหม พรุ่งนี้กูก็กลับบ้านก่อน หลังจากนั้นกูก็จะไปหางานทำตามนิคมอุตสหกรรม”
“ได้สิ”เจนอมยิ้มอย่างยินดี
“บ้านมึงอยู่ไกลไหม”
“ไม่ไกลหรอกแค่แปดสิบกว่าโล”
“กูไปส่งไหมวะ”
“ไม่ต้องหรอกเสียเวลามึง เดี๋ยวกูขึ้นรถกลับก็ได้”
“ไม่เสียเวลาหรอก เราจะได้คุยกันไง ปรับความเข้าใจกัน เพราะอย่างไงเราก็เป็นเพื่อนกันไง”
“ก็ได้ ถ้ามึงคิดว่ากูเป็นเพื่อนมึง”
“เพื่อนซะวะ มาเป็นเพื่อนกันตอนเรียนจบนี่ก็แปลกดีเหมือนกัน”
“ใช่ มึงชอบกวนกูตลอดเลย ชอบทำให้กูโมโห มึงทำแบบนั้นทำไมวะ”
“ก็ไม่มีอะไรแกล้งมึงสนุกดี”
“มึงนี่เลวจริงๆมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น”
“เอาน่ากูขอโทษมึงด้วยก็แล้วกัน ต่อไปนี้เราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว อย่าไปพูดความหลังที่ผ่านมาเลยว่าไหม”
“ฮือ กูก็ว่างั้นแหละ”
“ถึงแล้วหอไอ้อ้น มึงจะทำอย่าไงต่อ”เจนจอดรถหน้าห้องเข้าของอ้น
“มึงรอกูอยู่นี่นะเดี๋ยวกูไปเก็บเสื้อผ้าก่อน”
“ฮือ”
เอลงจากรถและรีบเดินขึ้นไปที่ห้องเช่าของอ้นทันที เพราะเขารู้สึกโกรธมากที่อ้นเอารูปของเขาไปในใน
เมื่ออ้นได้ยินเสียงเคาะประตูเขารีบเดินออกมาเปิดประตูห้องทันที เพียงได้เห็นหน้าของเอเขายิ้มอย่างอ่อนละมุนให้เอ แต่เขากลับได้รีบความนิ่งเฉยที่ใบหน้าของเอ “เป็นอะไรเหรอ”อ้นถามด้วยความแปลกใจอย่างมาก เพราะสีหน้าและท่าทางนั้นได้แตกต่างจากเมื่อตอนหัวค่ำอย่างมาก “กูมาเก็บเสื้อผ้าจะกลับบ้านแล้ว”เอพูดด้วยเสียงราบเรียบ “ทำไมรีบกลับไหนบอกว่าจะอยู่อีกหลายวันล่ะ” “ก็มึงนั่นแหละที่ทำตัวเอง” “ทำอะไร”อ้นมีสีหน้าที่สงสัย “มึงเอารูปที่กูถ่ายคู่กับมึงลงในโซเซียลทำไม”เอมีสีหน้าที่บึ้งตึ่ง “ก็คือเรา”อ้นอ่ำอึ้ง “มึงต้องพูดอะไร เรื่องราวระหว่างมันจบแล้ว”เอเดินไปเกี่ยวเสื้อผ้าใส่กระเป่าของเขา “เอ เราขอโทษเดี๋ยวเราลบรูปก็ได้” “มันสายเกินไป เราคงไปกันไม่ได้หรอก อีกอย่างถึงเราจะไม่จากกันวันนี้ ต่อไปเราก็ต้องจากกันอยู่ดี สู้เราจากกันตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าอีกเหรอ” “เรารักนายนะ”อ้นพูดขึ้นมาจากใจจริง “แต่เราไม่ได้รักนายนี่” “แล้วที่นายทำดีกับเราล่ะ” “เราขอบใจนายมากนะที่นายดีกับเรา ช่วยเหลือเราทุกอย่าง แต่เราค
ในที่สุดก็ถึงห้วงเวลาที่เอจะต้องกลับบ้าน จิตใจตอนนี้ของเจนรู้สึกเสียดายอยากให้ยืดเวลาออกไปอีกนานเท่านาน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่านี้ เพราะในส่วนตัวของเขาเองก็ต้องกลับบ้านเช่นกัน จึงเป็นความห่วงหาอาลัยยามจาก เพราะก่อนหน้านี้ไมได้ญาติดีคุ้นเคยกันเท่าไรนัก พอเริ่มสนิทมีความสัมพันธ์เกินเพื่อนก็จำใจต้องจากลา “คิดแล้วเศร้าหนอต้องจากกันจริงแล้วเหรอเนี่ย”เจนพูดขึ้น “อะไรของมีงจะคร่ำครวญอะไรนักหนา ทำอย่างกูเป็นผัวมึงอย่างนั้น”เอมีสีหน้าที่ไม่เข้าใจในตัวเจน “ก็ใช่ไม่ใช่เหรอ”เจนยิ้ม “ไอ้เจนมึงพูดดีดีนะเว้ย เรื่องนี้ต้องความลับมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้” “เอ่อน่า กูไม่บอกใครหรอก มึงทำอย่างกับกูกล้าบอกคนอื่นอย่างนั้น กูไม่ใช่น้องอ้นของมึงที่ประกาศให้โลก” “หุบปากไปเลย เลิกเอ่ยชื่อนี้ได้แล้วกูไม่อยากได้ยิน” “ดีหนอได้เขาแล้วก็ทิ้งขวางไม่ใยดี” “ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูกลับรถประจำทางก็ได้”เอเริ่มมีอารมณ์โกรธในความแซะของเจนที่ไม่หยุดหย่อน “เอ่อน่า พูดเล่นแค่นี้ก็ไม่ได้ทำเป็นขี้โมโหน้อยใจไปได้” “ไม่ต้องพูดมากเดี๋ยวกูลงไปรอข้างล่างร
ยามรุ่งอรุณวันใหม่เอได้มายืนอยู่หน้าบ้าน เพื่อส่งเจนที่กำลังจะกลับบ้านแต่เช้าตรู่ ซึ่งเจนก็ลีลาแกล้งอยากจะกลับใจจะขาด แต่ก็ยังไม่กลัวซักทีเพราะเขาอดคิดถึงเอไม่ได้ เพราะความรักของเขากำลังเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนแท่บจะหักห้ามใจไม่ได้ในช่วงเวลานี้ “มึงนี่ลีลาอยู่นั่นแหละ นั่งบนรถจนขาถ่างหมดแล้วมั้ง” “กูคิดถึงมึงไม่อยากไปเลยวะ” “ไอ้เจนมึงเป็นบ้าเป็นบออะไร ทีตอนเรียนมึงไม่เห็นหัวกูเลยนะ ที่ตอนนี้มาพูดนั่นพูดนี่อยู่ได้” “กูก็เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก”เจนอยากจะพูดว่ากูรักมึงแต่ใจก็ไม่กล้า “ไปได้แล้วไอ้เจนมือถือก็มีเดี๋ยวค่อยคุยกัน” “มึงสัญญากับกูแล้วนะโว้ย” “เอ่อน่า” “ถ้างั้นกูไปแล้วนะ” “โชดดีเพื่อนรัก” “เช่นกัน” เจนตัดใจครั้งสุดท้ายโดนไม่หันมามองหน้าเอ เขาสตาร์ทรถและขับไปในทันที ส่วนเอก็ยืนมองด้วยสายตาที่ว่างตา เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจน เอคิดกับเจนแค่เพื่อนเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ ในระหว่างที่เอกำลังจะกลับเข้าบ้าน ก็มีรถมอเตอร์ไซค์สองคันสี่คนมาจอดตรงหน้าเขา พอทั้งสี่เปิดหมวดกันน็อคออก เอแท่บซ็อคเ
วันนี้เป็นแรกที่บอสคนใหม่จะเข้ามาทำงานในบริษัทบีเอ็มรีไซเคิล ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของผู้ก่อตั้งบริษัท ที่ได้วางมือ เพราะสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เลยให้ลูกชายมาสานต่อธุรกิจ ทางพนักงานบริษัทเลยตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะบอสคนใหม่อายุแค่สามสิบกว่าๆแถมโสด หล่อ รวย จึงทำให้พนักงานสาวๆในบริษัทแห่งนี้ดูตื่นเต้นกันยกใหญ่ ซึ่งรวมอ้นพนักงานธุรการมาใหม่ยังไม่ผ่านช่วงโปรด้วย “มาแล้วบอสคนใหม่”นฤมลรุ่นพี่สาวสายดี้ด๊าเป็นพิเศษ และตีที่หลังอ้นอยู่หลายครั้ง” “ก็หล่อดีนะ”อ้นพูดขึ้น “ไม่ใช่แค่หล่อดี แต่หล่อมากๆ แต่ก็คงได้แต่มอง ไปทำงานกันเถอะ”เมื่อนฤมลคิดได้ว่าโลกความจริง คงไม่มีทางเป็นไปได้ เธอจึงปลงกะทันหัน อ้นยืนมองร่วมกับเพื่อนพนักงานสาวๆที่ยืนอยู่ข้างๆและยิ้มให้บอสคนใหม่ ระหว่างเดินผ่าน ซึ่งบอสคนใหม่ก็ไม่ได้มีสีหน้าทิ่ยิ้มแย้มอะไร มีเพียงใบหน้าที่นิ่งเฉยจนเดินผ่านมาตรงที่อ้นยืนอยู่ เขาหันมามองแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไป เพราะเขาสะดุดตา เนื่องด้วยมีอ้นคนเดียวที่เป็นผู้ชายที่ยืนล้อมวงด้วยผู้หญิงนับสิบ อ้นสบตาชั่ววินาทีแค่นั้น ใจของเขาก็เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะบอสคนใหม่หล่อมากในสายตาของอ้น แต
อ้นรีบมาทำงานแต่เช้าเพื่อเตรียมงาน ให้บอสของเขาที่บอกว่าตัวเองไม่เรื่องเยอะ แต่พฤติกรรมนั้นตรงข้ามกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง เมื่ออ้นมาถึงออฟฟิคในโรงงานบีเอ็มรีไซเคิล เขารีบจัดแจงเรียงแฟ้มเอกสารเข้าชั้นอย่างเร่งรีบ และเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้เพื่อให้บอสได้ทำงานได้ในทันที ตามคำบอกกล่าวของจิ๊บเลขาคนเก่า หลังจากที่อ้นทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงออกมานั่งที่หน้าห้องรอการมาของบอส ซึ่งอ้นก็รอได้ไม่นานบอสคนใหม่ของเขาก็มาถึง เมื่อบอสเดินผ่านมาเขาก็หันมามองอ้นไม่กี่วิแล้วหันหน้ากลับเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้อ้นไม่ทันได้ยิ้มแม้แต่นิด อ้นจึงไม่รอช้าเดินตามเข้าไปในห้องทันที “บอสดื่มกาแฟกี่ช้อนครับ”เมื่อวานอ้นลืมถามจิ๊บว่าบอสดื่มกาแฟกี่ช้อน เขาเลยไม่กล้าชงให้บอสได้ดื่ม “สามช้อนไม่ต้องใส่อะไรทั้งนั้น”จ๊อบบอสของอ้นยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉย “ครับ” อ้นจึงรีบไปชงกาแฟตามที่จ๊อบต้องการ เพราะตอนนี้จ๊อบได้เปิดดูเอกสารการผลิตในคอมพิวเตอร์ เมื่ออ้นชงเสร็จจึงรีบนำมาให้บอสทันที ด้วยความประหม่าและเกร็งในความนิ่งของจ๊อบ อ้นถือถ้วยกาแฟที่สั่นจนเสียงดัง “แก็ก แก็ก แก็ก” เมื่อจ๊อบได้ยินเสียงถ้วยกาแฟสั่น
หลังจากเลิกงานอ้นนั้นได้เดินตามจ๊อบ ไปพบลูกค้าที่นัดไว้ ในระหว่างที่เดินไปที่รถของจ๊อบที่จอดรอหน้าโรงงาน อ้นได้เดินผ่านหน้าเอและตั้มกับตูน ซึ่งอ้นก็เห็นทั้งสามแต่อ้นแลเป็นไม่เห็น เพราะไม่อยากเห็นหน้าเอที่ทำให้เขาเจ็บซ้ำน้ำใจในอดีต เมื่ออ้นเดินผ่านทั้งสามหนุ่ม ในส่วนของตั้มและตูนก็มองตามหลังจากนั้นก็หันหน้ามามองกันเอง “ไอ้อ้นนี่มันร้ายนะ เดินตามบอสต้อยๆเลย”ตั้มพูดขึ้น “โอ้โห ไอ้อ้นขึ้นรถไปกับบอสเห็นไหมไอ้เอ”ตูนหันมามองหน้าเอแวบหนึ่งแล้วหันไปมองอ้น “มึงเสียดายไหมไอ้เอ ที่ทิ้งเขาไปแต่ตอนนี้เขากับได้ดีกว่ามึงอีก”ตั้มหัวเราะ “ไอ้ตั้มถ้าไม่หยุดพูดเจอกูต่อยแน่”ในความรู้สึกของเอตอนนี้ เหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงหัวใจอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน “พูดแค่นี้ทำเป็นโมโหหรือว่าพูดแทงใจดำมึงวะ” “กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้อ้น กูจะไปเสียดายมันทำไม” “แล้วมึงรู้สึกกับใครบ้างวะ”ตูนหันมาถามเอ “กูไม่รู้สึกกับใครทั้งนั้นแหละ”เอพูดเสียงเข้ม “เลิกพูดเรื่องไอ้อ้นดีกว่า เรามาคิดกันว่าเย็นนี้จะไปกินเบียร์ที่ไหนดีกว่าไหม”ตั้มเอ่ยขึ้น “จริงด้วยพูดแล้วเปรี้ยวปาก”ตูนถึงกับเลียริมฝีปากทีเดียว
ในวันหยุดสุดสัปดาห์อ้นก็ได้ย้ายมาที่ห้องพักในโรงงาน ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่กว่าพนักงานคนอื่น เพราะจ๊อบได้สั่งไว้ให้จัดหาอย่างโดยด่วน เมื่ออ้นจัดห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ออกจากห้องเพื่อที่จะไปหาอาหารรับประทานในตอนเย็น เพราะวันนี้เขาจัดห้องมาทั้งวัน มีเพียงขนมกับนมเท่านั้นที่ถึงท้อง ทางที่จะออกจากโรงงานไปตลาด ต้องผ่านห้องพักคนงาน อ้นจึงเดินไปเรื่อยโดยไม่หันมันข้างทางหรือแม้แต่เหลียวมอง จนมาสะดุดกับคำทักทายที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไร “หยิ่งเนาะ ตั้งแต่เป็นเลขาบอส” อ้นหันไปมองทันที ที่เมื่อเขาได้ยินเสียงที่คุ้นหู และนั่นเองที่ทำให้อ้นต้องรีบหันหน้ากลับ พร้อมที่จะเดินหนี ด้วยไม่อยากจะคุยให้เสียเวลา “จะไปไหน”เอเดินตามจับแขนของอ้นไว้ให้หยุดเดิน “ปล่อยนะ อย่าทำตัวไม่มีมารยาทแถวนี้”อ้นเหล่ตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “จับไม่ได้เลยเหรอ ที่เมื่อก่อนนี้จับทั้งจับทั้งกอดทั้งเอา ไม่เห็นว่าสักคำ” “เมื่อก่อนก็ส่วนเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่” “เอ่อใช่สิ เป็นเลขานี่ใหญ่โตเหลือเกิน” “ไม่ได้ใหญ่โตหรอก แค่ไม่อยากคุยกับนายคนไร้ค่า เราไม่ให้ราคาที่จะคุยด้วยหรอก อ๋อ ใช่สิ นายมีราค
อ้นได้ตามจ๊อบพบปะลูกค้าตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่ได้พักทั้งกายและใจเหนื่อยจนอยากจะพัก แต่ก็ฝืนทนสู้อุตส่าห์ทำงานจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจ๊อบก็พาอ้นไปรับประทานข้าวที่ริมน้ำบรรยากาศสุดหรู จึงส่งผลให้อ้นนั้นคลายเหนื่อยกายและใจอย่างหมดสิ้น “เป็นไงบ้างชอบไหมบรรยากาศแบบนี้ โรแมนติกดีนะผมว่า” “ครับ เป็นครั้งแรกที่อ้นได้มาในบรรยากาศแบบนี้” “บรรยากาศใต้แสงเทียนริมน้ำ ถ้ามากับแฟนนี่คงจะโรแมนติกน่าดูเลย แต่น่าเสียดายเราสองคนต่างไม่มีแฟน ถ้ามีแฟนจะได้พามาทั้งคู่ ถึงเวลาที่เราสองคนต้องหาแฟนแล้วมั้ง” “อ้นยังเด็กอยู่ยังไม่อยากมีแฟนหรอกครับ” “แสดงว่าผมแก่ใช่ไหม แค่จะสามสิบเอง ห่างจากอ้นเจ็ดแปดปีแค่นั้น” “ยังไม่แก่เลยครับ หน้าตาบอสเหมือนยี่สิบต้นๆเอง” “พูดแบบนี้ต้องเพิ่มเงินเดือนให้แล้วมั้ง” “ได้ก็ดีครับ อ้นจะได้เก็บไว้ซื้อบ้าน” “ผมว่าอ้นซื้อคอนโดดีกว่า เพราะอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดผมเหงาๆจะได้ไปหาสะดวก” “อ่า”อ้นอ้าปากค้าง เพราะบอสของเขาเปลื่ยนไปอีกแล้ว ยังกับคนละคนเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา “พูดไม่ออกเลยเหรอ แสดงว่ายังอยากมีแฟนอยู่ใช่ไหม กลัวผมไปขัดจังหวะแน่เลย”