การกลับบ้านของอ้นในครั้งนี้ เขาไมได้ขับรถกลับเพราะยังไม่สามารถทำใจได้ เพราะก่อนหน้านี้ที่เขาโดนรถชน และมีคนมาขู่อาฆาตเขา อ้นจึงตัดสินใจขึ้นรถประจำทางมา เพื่อความปลอดภัยกับตัวเอง เมื่อรถประจำทางมาถึงที่ขนส่ง เพียงอ้นลงจากรถแค่นั้นวินมอเตอร์ไซค์ก็เข้ามาหาอ้นทันที “ไปไหนครับ” อ้นจึงบอกที่อยู่ที่เขาจะไปและตกลงราคากัน อ้นจึงตัดสินใจไปกับวินมอเตอร์ไซค์หนุ่ม ที่รุ่นเดียวกับเขาแต่พูดจาไพเราะ เขาจึงรู้สึกไว้ใจและคาดว่าน่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขา เมื่อวินเตอร์ไซค์ขับมาถึงกลางทางบ้านของเขา วินมอเตอร์ไซค์ก็เปลื่ยนทิศทางทันที อ้นผิดสังเกตจึงบอกให้วินมอเตอร์ไซค์จอดรถ แต่ไม่เป็นผลเพราะวินมอเตอร์ไซค์ขับเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม “จอดรถเดี๋ยวนี้ นายจะพาเราไปที่ไหน” ไร้เสียงตอบกลับจากวินมอเตอร์ไซค์ อ้นเกิดความกลัวและคิดไม่ตกว่าจะทำเช่นไร เพราะหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นทำให้เขาคิดไปต่างๆนาๆ “ถ้านายไม่จอดรถเราจะกระโดดลงแล้วนะ”อ้นขู่ไปอย่างงั้นเพราะอย่างไงเขาก็ไม่กล้าที่จะกระโดดลงรถอย่างแน่นอน อ้นพลันคิดได้เขาจึงหยิบมือถือออกมา พร้อมที่จะโทรขอความช่วยเหลือ วินมอเตอร์ไซค
เอเดินทางกลับมายังบ้านของเขาซึ่งปลูกห่างจากบ้านพ่อแม่ของเขาพอสมควร ส่วนกระท่อมน้อยปลายไร่นั้นไกลจากบ้านเขาไม่มากนัก ที่เขาไม่พักที่เดียวกับอ้น เพราะเขาแค้นเคืองอ้นที่ไม่รับรักเขา จึงอยากที่จะแกล้งสักระยะหลังจากนั้นจะปล่อยอ้นไป เพราะเอนั้นรู้ข่าวจากตั้มและตูนเพื่อนของเขาที่เป็นแฟนซันและซีเพื่อนของอ้น ว่าอ้นจะกลับบ้านเวลาไหนและนั่นเป็นเหตุให้เอได้มาช่วยอ้นได้ทันเวลา แต่เขาก็ยังแปลกใจไม่หายใครที่จ้องทำร้ายอ้น ซึ่งเอเป็นห่วงอ้นมากเขาจึงจะพยายามหาคนร้ายที่อยู่ข้างหลังให้ได้ โดยมีตั้มตูนและซันซีร่วมด้วยช่วยอยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์ที่อ้นได้มาอยู่กับเอทั้งสี่คนก็รู้ ยกเว้นแต่จีจี้ที่ซันและซีไม่ยอมบอก เพราะจีจี้ไม่ค่อยชอบเออย่างมาก เมื่อเอมาถึงบ้านของเขาก็เห็นเจนนั่งรอเขาอยู่ในบ้าน เพราะเจนสามารถเข้านอกออกในบ้านของอ้นได้ตามต้องการ เพราะเอนั้นไม่สามารถที่จะห้ามเจนมาหาเขาได้ เพื่อตัดปัญหาเอจึงให้กุญแจบ้านกับเจนไว้อย่างถาวรเลย “ไปไหนมากลับมาซะมืดค่ำเลย”เจนถามทันทีที่เอเข้ามาภายในบ้าน “ไปทำธุระ”เอนั่งลงบนโซฟาเก่าๆในห้องโถงขนาดเล็ก “ธุระที่ไหน” “กูจะไปไหนมาไหนต้อง
อ้นมาในชุดเตรียมพร้อม กางเกงขายาวเสื้อลายดอกแขนยาวพร้อมหมวก รองบูทส่วนมือก็สวมถึงมือ และอุปกรณ์ใส่ข้าวโพดสะพายด้านหลัง อ้นรู้สึกหนักและเหนื่อยที่เดินมาที่ไร่ แต่เอก็ไม่มีท่าทีสงสารอ้นแม้แต่น้อย “หักข้าวโพดเดี๋ยวนี้จนกว่าจะถึงเที่ยง”เอออกคำสั่งเสียงดัง “ทำไมใจร้ายกับเราอย่างนี้เราไปทำอะไรให้นายเจ็บซ้ำน้ำใจ” “ก็กูรักมึงแต่มึงไม่รักกู เป็นอัลไซเมอร์หรือไง แต่ก็ไม่เป็นไรก็จะย้ำกับมึงทุกๆวัน” “ย้ำไปถึงชาติหน้าเลย เราไม่มีวันรักคนที่ทำร้ายเราหรอก” “ไม่เชื่อคอยดูก็แล้วกัน แต่ตอนนี้มึงหักข้าวโพดก่อน” เอจำใจทำตามอ้นอย่างเสียมิได้ ถึงแม้อ้นจะไม่ค่อยได้ทำงานหนักมาก่อน แต่เขาก็สามารถที่จะหักข้าวโพดได้ เพราะพื้นเพของอ้นแค่พอมีพอใช้ไม่ได้ถึงกับรวยมาก แต่ถ้าให้อ้นเลือกเขาก็อยากทำงานที่สบายไม่ต้องออกแรงขนาดนี้ “เก็บให้มันเร็วๆหน่อยซิ ทำเป็นมือไม้อ่อนกูไม่ใช้บอสนะ จะมาอ่อยโน้นนี่ทำไม่ไหว ฝันไปเถอะว่ากูจะสงสารมึง ถ้ายังไม่เที่ยงไม่ต้องกินข้าว” “แค่นี้ก็เร็วแล้ว จะเอาเร็วแค่ไหน” “มันต้องทำอย่างนี้”เอทำให้ดูและเขาก็เดินหักข้าวโพดนำหน้าอ้นไป
อ้นวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ในช่วงเวลานี้เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ตัวของเขาจะรอดจากความเลวร้ายนี้ได้อย่างไร มีแต่เพียงวิ่งหนีไปให้ไกล ซึ่งเส้นทางที่อ้นวิ่งเข้าไปนั้นเริ่มลึกเข้าไปในป่าทืบ ถึงกระนั้นอ้นก็ยอมหันหลังไปมอง ถึงแม้คนร้ายที่วิ่งติดตามอ้นจะหยุดอยู่บริเวณรอบนอกของป่าแล้ว เพราะทั้งสามไม่กล้าเข้าไป และมีความคิดที่จะดักรออ้นอยู่ตรงนี้ เนื่องหนึ่งในสามเป็นคนในพื้นที่ เขาจึงรู้ดีว่าป่าแห่งนี้ถ้าไม่ชำนาญพื้นที่ เมื่อเข้าไปแล้วจึงหาทางออกยากมาก ด้วยความเมื่อยล้าอ้นจึงหยุดวิ่งและหันไปมองด้านหลัง ซึ่งอ้นก็ไม่เห็นใครเขาจึงนั่งลงพักเหนื่อย ด้วยความที่ในป่ามีความเงียบเกินเขาจึงเกิดความกลัวขึ้นกะทันหัน ในจิตใจของอ้นเวลานี้หวั่นเกรงกลัวทุกอย่าง เขาพยายามมองไปรอบๆซึ่งมีแต่ป่า และเสียงไหวๆของต้นไม้ที่โอนเอนตามแรงลม พร้อมเสียงสัตว์นานาชนิดที่อ้นได้ฟังถึงกับขนลุก เขาจึงรู้สึกกลัว พออ้นได้มีเวลาพัก เขาจึงเกิดความคิดที่จะไปจากป่าแห่งนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเดินไปทางไหน อ้นจึงได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ที่เดิม เพื่อรอใครสักคนผ่านเข้ามาทางนี้ แต่ยังไร้วี่แววด้วยแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนแรงล
ช่วงเวลาไม่นานเอก็เดินออกมาจากในป่าทึบ ที่มือถือกล้วยป่าเดินเข้ามาใกล้ๆอ้นที่นั่งอยู่ในกระท่อมอย่างเหงาๆ และหวาดกลัวสิ่งต่างๆที่เขาคิดว่าอาจจะเข้ามาทำร้าย“กินซะเดี๋ยวจะหิวตายไปซะก่อน”“ขอบใจ”อ้นรีบบิดกล้วยสุกออกมากินอย่างเร่งรีบ“ไม่มีน้ำเหรอ”อ้นถาม“ได้คืบจะเอาศอก แต่ก็มีนะ”“เอ้านี้ กินนิดเดียวพอนะ มืดแล้วไปเอาน้ำลำบาก เอยื่นกระบอกไม่ไผ่ที่มีน้ำเต็มกระบอก“ไปเอากระบอกไม้ไผ่มาจากไหน”อ้นถาม “ก็ในกระท่อมนี่แหละ คนหาของป่าคงลืมไว้” “โชคดีจัง ถ้าไม่มีท่าจะแย่เลย” “ไม่แย่หรอก ถ้าหิวมากน้ำของกูก็มีคืนนี้เดี๋ยวให้กิน”เออมยิ้ม “ไอ้โรคจิตในป่ายังคิดเรื่องอกุศลอีก” “กูพูดเรื่องจริง แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ ทีกินของบอสนี่รับได้” “ความสะอาดต่างกัน” “ปากดี ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกิน”เอคว้ากระบอกไม่ไผ่จากมือของอ้น แล้วเขาก็ดื่มเองจนครึ่งกระบอก อ้นทำอะไรไม่ได้เขาได้แต่มองเอด้วยความแค้นเคือง เมื่อเอดื่มน้ำเสร็จสิ้นเขาก็ไปนำฟืนเพื่อที่จะมาก่อไฟ และบรรเทาความหนาวกับยุง ไหนจากพวกบรรดาสัตว์ต่างๆกันอีก เอใช้เวลาไม่นานในการรีบก่อไฟจนติด หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นมาที่กระท่อม และนั่งข้างๆอ้น ที่ยังมีสีหน้าที
จ๊อบเริ่มไม่สบายใจเพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่สามารถติดต่ออ้นได้เลย ยิ่งรู้ข่าวว่าอ้นไม่ได้กลับบ้าน เขาพยายามถามบรรดาเพื่อนของอ้น แต่ก็ไม่มีใครรู้แม้แต่สักคน จ๊อบจึบเร่งทำงานอย่างเริ่งรีบ และตัดนัดที่ไม่สำคัญออกไปให้หมด จ็อบนั่งบนเตียงนอนด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหลังจากอาบน้ำเสร็จ และเขาก็นั่งครุ่นคิดถึงอ้นคู่รักของเขา ถึงที่ผ่านมาเขาอาจละเลยอ้นไปบ้าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาหมดรักอ้นแต่อย่างใด ตอนนี้เขากลับเครียดหนักมาก จนจ๊อบได้ยินเสียงเคาะประตูซึ่งเขาก็แน่ใจว่าเป็นบี้เลขาของเขาหรือเปล่า จ๊อบไปเปิดประตูเพื่อให้บี้เข้ามาภายในห้อง “มีอะไรเหรอ”จ๊อบนั่งลงตามเดิม “พรุ่งนี้บอสจะกลับไทยจริงๆเหรอ”สายตาของบี้ไม่ได้มองหน้าของจ๊อบ แต่มองต่ำลงตรงหว่างขาของจ๊อบที่นั่งไม่ได้ระวัง จนเผยเห็นของสงวนแต่จ๊อบไม่ได้สนใจและสังเกตสายตาของบี้ “ใช่ เป็นห่วงอ้น ติดต่อไมได้เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” “ใช่น่าเป็นห่วงมาก บี้ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าอ้นไปอยู่ที่ไหน” “ถามเพื่อนๆแล้วไม่มีใครรู้เลย” “ไม่มีใครรู้หรือไม่มีใครบอก”บี้เดินไปท
ถึงแม้แสงอรุณสาดส่องมาถึงร่างทั้งสอง เอกับอ้นก็ยังไม่รู้สึกตัวที่จะต้องตื่น เอนั้นได้กอดร่างของอ้นไว้แน่ ส่วนอ้นก็นอนตัวขดงอให้เอได้กอด ทั้งสองนั้นหลับสนิทจนไม่รู้เลยว่าเพื่อนชายหนุ่มในหมู่บ้านได้มาถึงที่กระท่อมที่ทั้งสองนอนอยู่ “ไอ้เอ ไอ้เอ ไอ้เอ ตื่นได้แล้ว”เพื่อนร่วมหมู่บ้านปลุกสะกิดที่ร่างของเอและอมยิ้มในท่าที ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็หัวเราะร่วน เมื่อได้รับสัมผัสจากเพื่อนและได้ยินเสียงหัวเราะ เอจึงเริ่มตื่นจากภวังค์ เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและมองไปตามเสียงที่ได้ยิน เอจึงเห็นชายหนุ่มรุ่นเดียวกับเขายืนหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน “เฮ้ยเพื่อนหรือเมียว่ะกอดซะแน่นเชียว หน้าตาดูน่ารักอีกต่างหาก” “เพื่อนซิวะ”เอคลายกอดจากอ้นทัน “เหรอ”เพื่อนๆของเอหัวเราะกันใหญ่ เอแก้เขินโดยใช้เท้าสะกิดที่ขาของอ้น เพื่อปลุกให้อ้นได้ตื่น เพราะตอนนี้เขารู้สึกอายและเขินเพื่อนในหมู่บ้านอย่างมาก อ้นรู้สึกตัวทันทีเมื่อโดนเท้าของเอสะกิด เขาจึงลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ และยิ่งตื่นตระหนกกันไปกันใหญ่ เมื่อเห็นชายหนุ่มสามสี่คนยืนอยู่ตรงหน้า อ้นพลางคิด
เอพร้อมกับตั้มและตูนเมื่อทำกับข้าวเสร็จ เอให้ตูนและตั้มกินกันสองห้องในครัว ถ้ากินเสร็จก็ให้กลับบ้านไปเลย ที่สำคัญฝากล็อกบ้านไว้ด้วย เพราะเวลานี้ก็ช่วงเย็นแล้ว เอจึงอยากจะอยู่กับอ้นเพียงสองคน เขาจึงนำอาหารไปให้อ้นกินในห้องนอน “กินซะ”เอวางอาหารไว้บนโต๊ะหลังจากที่อุ้มเอมานั่งบนเก้าอี้แล้ว “ทำเองเหรอ ดูหน้าตาแปลกๆ”อ้นมองกระเพาะไก่ไข่ดาวเกรียมๆนิดหน่อย “ทำมาให้กินก็กินซะ กินไม่ได้ก็ต้องกิน” “ยังไม่ได้บอกว่ากินไม่ได้เลย แค่ถามเฉยๆจะพูดดีๆบ้างไม่ได้เหรอ” “คนอย่างมึงพูดดีไม่ได้หรอก ต้องเจอคนแบบกูที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆถึงจะอยู่กันได้” “คิดไปคนเดียว” “มัวแต่พูดกินเข้าไป นี่ก็จะมืดแล้ว คืนนี้เราต้องทำอะไรกันอีกเยอะ” “ทำอะไรก็มีแต่นอน”อ้นมีสีหน้าทีสงสัย “ก็นอนไงนอนแบบเมื่อคืนนี้ แต่คราวนี้มิดชิดหน่อย”เอหัวเราะ “ไม่ตลกด้วยนะ”อ้นตักผัดกระเพาะมาที่จานข้าวและตักใส่ปาก ซึ่งเขาสัมผัสรสได้ว่าอร่อยมาก “อร่อยใช่ไหม” “ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้อร่อยขนาดนี้” “กูทำ
พงศกรมองหน้าเอด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก เพราะเอดูไม่เรียบร้อยห่ามเถื่อนจนเกินไป เขาชอบผู้ชายที่ดูสุภาพอย่างจ๊อบ “ไอ้อ้น มึงพาแฟนกลับไปด้วยเลย กูไม่อยากเห็นหน้ามัน” “พ่อแฟนอ้นนะ” “กูรู้แล้วว่าแฟนมึงกูก็ไม่ได้ห้ามว่ามึงอย่ามีแฟนนี่ แต่ให้หาที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ไม่เหรอ เอาผีบ้าผีบอจากที่ไหนมาเนี่ย” “ผมไม่ใช่ผีบ้าผีบอนะครับ ผมเป็นคนเหมือนพ่อนั่นแหละ วันนี้เดี๋ยวผมจะทำกับข้าว ซักผ้าถูกบ้านให้เอง เอ่อ เดี๋ยวจะไปถางหญ้าหวดทีทำทุกอย่างให้สะอาดเลย พ่อรออยู่นี่แหล่ะ” “อ้นคุยกับพ่อแม่ไปนะ เดี๋ยวเราจะไปทำงานบ้านและนอกบ้าน” เมื่ออ้นพูดเสร็จเขาก็เข้าไปในครัวทำกับข้าว ที่เขาซื้อเตรียมพร้อมไว้ เพราะเขาตั้งใจไว้ว่าจะต้องชนะใจพ่อตาให้ได้ ส่วนแม่ยายเอ้นคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร “ไอ้อ้น แฟนเองมันเพี้ยนแม่ว่า” “แม่ เอก็แบบนี้แหละ แต่เขาดูแลอ้นดีมากเลย ข้อสำคัญเขามีเวลาอยู่กับอ้นตลอด” “มีเวลาไม่มีประโยชน์ดูมึงดำไปมากเลย ไปอยู่กลางไร่กลางนามาแน่เลย” “ครับพ่อ” “นั่นไง กูเลี้ยงของกูไม
อ้นและเอใช้ชีวิตอยู่บ้านไร่มาร่วมเดือน จนพ่อแม่ของเอเกิดความสงสัย เพราะพ่อแม่ของเอแค่นึกว่าอ้นมาเที่ยวหา แต่นี่อยู่ร่วมเดือนยังไม่กลับไป ทั้งสองจึงอยากเห็นหน้าและพูดคุย ด้วย พ่อแม่ของเอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาทั้งสองไปอยู่กับพี่สาวคนโตในจังหวัดอื่น และอีกอย่างที่ทั้งสองมาเพราะคิดถึงลูกชายคนเดียวของพวกเขา เมื่ออำพลกับบังอรมาถึงเขาก็เห็นภาพอันบาดตา เป็นภาพที่เขาทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น เพราะเป็นภาพที่เอนอนบนตักของอ้น และที่หนักไปกว่านั่นเขาจับมือของอ้นมาดมและหอมอตลอดเวลา “ไอ้เอมึงทำอะไรของมึง”กำพลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง “เอ หรือว่าลูกเป็น เอ่อ”บังอรใช้มือทาบอกด้วยความตกใจ เอรีบกระดกตัวลุกขึ้นทันที เขามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีทันที ส่วนอ้นยังไม่เท่าไรแค่แปลกใจ ทำไมพ่อแม่ของเอมาไม่บอกล่วงหน้าแค่นั้น “พ่อแม่”เอลุกขึ้นยืนนิ่ง “สวัสดีครับพ่อแม่”อ้นยกมือไหว้ทันที “พวกเอ็งเป็นอะไรกันถึงมานอนหนุนตักหอมไม้หอมมือกัน อย่างกับเป็นคู่รักกันอย่างนั้นแหละ” “คือว่า พ่อกับแม่ คือผม เอ่อ อา อือ อู คือ
วันนี้อ้นแกล้งตื่นสาย เพราะอยากรู้ว่าเอจะอยู่บ้านหรือว่าแอบไปไหนหรือเปล่า เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จจึงลงมาข้างล่าง แล้วสิ่งที่อ้นเห็นนั้นทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก เพราะภาพตรงหน้าเอกำลังนั่งโซฟาคุยกับนิน มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสอง อ้นถึงกับของขึ้นอารมณ์ฉุนเฉียวมาทันที เขารีบเดินลงบันไดแล้วเดินไปหาเอ “คุยอะไรกัน”อ้นเอ่ยขึ้น “คุยเรื่องสมัยเรียนตอนมัธยม คิดถึงวันนั้นมากเลย เอชอบแกล้งเรานะ ไม่คิดเลยว่าโตมาจะเป็นคนละคน”นินยิ้มให้เอ “ใช่ โตแล้ว มีแฟนแล้วด้วย ยืนอยู่ตรงนี้”อ้นยืนกอดอก “เหรอ แฟนเอใช่ไหม” “เอ่อ ใช่ แฟนเราเอง”เอตอบอย่างหนักแน่น “เอ”นินอ้าปากค้างตาโต เพราะเขาไม่อยากได้ยินคำนี้ ถึงแม้เขาจะรู้ระแคะระคายมาบ้างนิดหน่อย แต่นินยังไม่เชื่อจนได้ยินจากปากของเอ เขาถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก “ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม”อ้นนั่งลงข้างๆเอพร้อมยิ้มให้นิน “ได้ยินแล้ว แต่เราเป็นเพื่อนเอนี่ จะไปหามาหาสู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” “แปลกซิ ถ้านายเป็นแบบนิก เราไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่นายเหมือนเรา อย่าคิดว่าเราไม่รู้น
เอรีบเข้าไปอุ้มร่างของอ้นทันที ส่วนอ้นยังทุบหน้าอกของเอไม่ยั้ง แต่แบบออมแรงไม่ทุบแรงอย่างครั้งแรก และก็ดิ้นให้น้อยลงนิดหน่อย เออดทนรีบพาอ้นเข้าไปในรถยนต์ของเขา เมื่ออ้นเข้าไปในรถแล้ว เขาก็นั่งนิ่งๆไม่มีท่าทีจะไปไหน พอเอขึ้นรถมาเท่านั้นแหละ อ้นหันหน้าไปทางอื่นแล้วอมยิ้ม แต่อ้นอารมร์ดีได้ไม่นานเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเอดังขึ้น เอจึงรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมารับทันที “ว่าไง” “ตามอ้นเจอไหม” “เจอแล้วอยู่บ้านนิก” “เราขอโทษนายด้วยนะที่ทำให้ผิดใจกับอ้น”น้ำเสียงของนินบ่งบอกถึงความผิดหวัง “ไม่เป็นไรแค่นี้นะ” “ฮือ” เอกดวางมือถือแล้วหันมามองหน้าอ้น ที่กำลังบึ้งตึงอีกครั้ง เพราะอ้นคาดเดาได้ว่าเป็นเสียงของนินโทรมา “เป็นอะไรอีกล่ะ” “ไปส่งเราที่ขนส่งด้วยเราจะกลับกรุงเทพ” “กลับไปหาไอ้บอสของมึงเหรอ”เอเริ่มรู้สึกโมโหที่อ้นเอาแต่ใจมากขึ้น “ใช่” “ไอ้อ้น มึงอยากโดนอีกใช่ไหม” “โดนอะไร” “กระท่อมปลายไร่ ไปอยู่ในนั้นอีกครั้งไหม”
อ้นนั่งๆนอนอยู่บ้านเฉยๆจึงเกิดความเบื่อหน่าย และเป็นช่วงเวลาใกล้เที่ยงเขาจึงตักข้าวใส่ปิ่นโต พร้อมกับข้าวสามขนมหนึ่ง หลังจากนั้นอ้นจึงเดินออกไปไร่ข้าวโพดเพื่อไปหาเอแฟนหนุ่ม อ้นพอจำทางได้บ้างเมื่อครั้งโดนเอจับมาไว้ที่บ้านปลายไร่ เขาเดินไปเรื่อยๆจนเห็นไร่ข้าวโพด อ้นมองเห็นร่างผู้ชายสองคนอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ท้ายไร่ อ้นจึงเดินต่อไปเพราะเขาจำร่างของเอได้ ยิ่งอ้นเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นเอ แต่ผู้ชายอีกคนอ้นคิดว่าไม่รู้จักแน่ๆ แต่อ้นคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเอ อ้นจึงไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงรีบเดินไปให้ถึงต้นไม้ใหญ่ไวๆ เพราะแดดค่อนข้างร้อนพอสมควร ถึงเขาจะใส่หมวกมาก็ตามที ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก เมื่ออ้นเดินไปถึง สิ่งที่เขาเห็น เอกำลังนั่งกินข้าวหัวเราะต่อกระซิบกับชายหนุ่ม ซึ่งเขาไม่ได้สนใจอะไรนึกแค่ว่าเพื่อน “คุยอะไรกันสนุกเชียว”อ้นยืนอยู่ข้างหลังเอ “อ้าวมาได้ไง”เอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย “ใครเหรอ”ชายหนุ่มเสียงนุ่มนิ่มเอ่ยขึ้น “อ้นเพื่อนกูเอง”เอหันมามองชายหนุ่ม “นี่นินเพื่อนกูสมัยเรียนอนุบาล”เ
อ้นตื่นนอนมาเขาก็ไม่เห็นเอนอนอยู่บนเตียง เขาจึงเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวลงมาด้านล่าง เพียงแค่ลงมาเขาก็เห็นอาหารวางไว้เต็มโต๊ะ อ้นเดินเข้าไปดูซึ่งเป็นอาหารดีๆทั้งนั้น เขายืนยิ้มในความเอาใจใส่ของเอ “น่ากินทั้งนั้นเลย”อ้นตักข้าวใส่จานและนั่งลง อ้นค่อยๆกินข้าวอย่างช้าๆพร้อมกับคิดถึงเอตอนทำกับข้าว เขาถึงกับหัวเราะเบาๆจากหนุ่มห่ามกลายมาเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน อ้นกินข้าวจนอิ่มถึงสองจานเพราะรสมือของเอนั้นเลิศรสยิ่งนัก เมื่ออ้นกินข้าวอิ่มเขาจึงเดินออกไปนอกบ้าน มองไปรอบๆซึ่งมีแต่ไร้ข้าวโพด เขายังจำวันที่เอลากไปช่วยหักข้าวโพดได้ อ้นถึงกับยิ้มออกมา “ยิ้มอะไรครับ”เพื่อนของเอที่เคยไปช่วยอ้นในป่า เดินเข้ามาใกล้ๆอ้น “คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยยิ้ม มาหาเอเหรอ สงสัยไปที่ไร่น่ะ” “ใช่ครับมาหาเอ ผมนิกจำผมได้ไหม”นิกยิ้มจนเห็นไรฟัน “ทำไมจะจำไม่ได้คนที่เคยใช้อ้นไว้ไงที่กลางป่า” “ดีจังที่จำผมได้ ผมก็นึกว่าอ้นลืมผมซะแล้ว” “จะลืมผู้มีพระคุณได้ไง”อ้นยิ้มหวานให้นิกเพื่อนของเอ “แล้วมาหาเอมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ช่วงเวลาแห่งความสุขบนดอยอินทนนท์ผ่านเป็นอย่างรวดเร็ว เอได้พาอ้นมาที่บ้านไร่ที่เขาอาศัยอยู่ ในนาทีนี้ที่เขาอยู่กันเพียงสองคนในห้องไม่ใหญ่มาก แต่เต็มไปด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ อ้นนั้นแสนดีใจหาใดเปรียบ การตัดสินใจในครั้งนี้ของอ้นก็เหมือนกับเสี่ยงดวงเหมือนกัน เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเอจะดีอย่างปากพูดไว้หรือเปล่า ในห้องนอนวันแรกที่มาอยู่บ้านไร่ของเอ อ้นนอนเล่นโทรศัพท์มือถือคุยกับเพื่อนรักอย่างจีจี้ เมื่อเอเดินออกมาจากห้องน้ำ เขารู้สึกไม่พอใจอ้นเล็กน้อย เพราะไม่ยอมสนใจเขาอย่างที่ควร เอจึงขึ้นไปบนเตียงและนอนข้างๆอ้น มีท่าทีที่กระฟัดกระเฟียด “ผัวนอนอยู่ทั้งคนยังคุยกับคนอื่นอีก” “ไม่ใช่คนอื่นเพื่อนเราเองจีจี้ไง นายจำไม่ได้เหรอ”อ้นเลิกกดส่งไลน์จีจี้ทันที “จำได้ แต่มันใช่เวลาไหมที่จะคุยกัน ตอนนี้เราต้องทำอะไรบางอย่าง” “ทำอะไรล่ะ” “ก็อย่างนี้ไง” เอพลิกร่างตะแครงก้มลงจูบที่ริมฝีปากของอ้น เขาใช้ปลายลิ้นซอนไซร้เข้าไปภายใน ส่วนอ้นก็สมยอมแต่โดยดีโอบกอดผิวเรือนกาย ไร้อาภรณ์ของเออย่างเร่าร้อน เอถอนริมฝีปากออกมาไซร้ซอกคอทุกมุม ตอห
จ๊อบออกจากห้องของอ้นไปได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูรัวๆก็ดังขี้นไม่หยุด ด้วยความรำคาญอ้นจึงเปิดออกดูว่าเป็นใคร เพียงแง้มประตูเท่านั้นแหละ เอก็ผลักประตูเข้ามาทันทีและเดินนำหน้าอ้นไปนั่งที่โซฟา อ้นถึงกับยืนงงด้วยพฤติกรรมของเอ “มานั่งใกล้ๆนี่ มีเรื่องจะคุยด้วย” อ้นเดินอย่างช้าๆและนั่งลงข้างๆเอที่มีสีหน้าดูเคร่งเครียดพอสมควร ก่อนที่เอจะพูดอะไรออกมาเขาได้กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” “มีอะไร” “ตอนนี้กูไม่มีพันธะ ไอ้เจนมันไปทำงานที่ภาคใต้แล้ว” “รู้แล้ว” “รู้แล้วก็ดีมึงจะได้สบายใจ” “เจนจะไปไหนอยู่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่” “เกี่ยวซิ ถ้าไอ้เจนมันยังพัวพันกับกู ถึงกูจะไม่ได้รักมัน แต่มึงก็จะคาใจกูอยู่” “เราจะคาใจนายทำไม ในเมื่อเราไมได้เป็นอะไรกันนี่” “มึงก็รู้ดีแกใจ มึงกับกูมีอะไรกันตั้งสองครั้ง ในป่าครั้งหนึ่ง ที่บ้านกูอีกครั้งหนึ่ง” “จะพูดทำไม เรื่องมันผ่านมาแล้ว”อ้นรู้สึกกระดากใจพอสมควรที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของเอ “ยังไม่รวมต
อ้นนั่งครุ่นคิดเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตยันปัจจุบันบนเตียงนอน โดยเฉพาะช่วงเวลาในปัจจุบันที่เขาแสนจะกลัดกลุ้มขุ่นใจกับสองหนุ่มที่ตามตื้อไม่ห่าง จนอ้นตัดสินใจที่จะหนีจากสองคนนี้อีกครั้ง แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกดีตอนที่สองหนุ่มมารุมล้อม ความรู้สึกนี้พึ่งได้รับตอนนี้ที่อ้นได้นั่งทบทวนสิ่งต่างๆ แต่ปัญหาคือมีมาทีเดียวสองคน ซึ่งอ้นยังไม่รู้ใจตนเองว่าชอบใคร คนหนึ่งรักแรกคนสองรักใหม่ ต่างมีข้อดีข้อเสียและทำให้อ้นเจ็บซ้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่ากัน “ในระหว่างที่อ้นกำลังนั่งคิดถึงสองหนุ่มที่ตามติดไม่ห่างอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น อ้นจึงรีบรับทันที เพราะเป็นเพื่อนสาวที่สนิทตั้งแต่สมัยเรียน “ฮัลโหล” “ยังไม่นอนอีกเหรอ”จีจี้ถาม “ยังกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่” “คิดเรื่องอะไร” “ก็เรื่องบอสกับเอที่ตามมาถึงเชียงใหม่” “อ่ะ เราไม่ได้บอกนะ”ความจริงจีจี้รู้อยู่แล้ว เพราะเอและจ๊อบโทรมาหาเธอ ต่างฝ่ายต่างให้จีจี้เชียร์ “แล้วเธอได้บอกซันกับซีไหม” “โอ๊ยสองคนนั่นเดี๋ยวนี้ไม่เห็นหัวติดผู้ชาย ตามตั้มและตู