อ้นมาในชุดเตรียมพร้อม กางเกงขายาวเสื้อลายดอกแขนยาวพร้อมหมวก รองบูทส่วนมือก็สวมถึงมือ และอุปกรณ์ใส่ข้าวโพดสะพายด้านหลัง อ้นรู้สึกหนักและเหนื่อยที่เดินมาที่ไร่ แต่เอก็ไม่มีท่าทีสงสารอ้นแม้แต่น้อย
“หักข้าวโพดเดี๋ยวนี้จนกว่าจะถึงเที่ยง”เอออกคำสั่งเสียงดัง
“ทำไมใจร้ายกับเราอย่างนี้เราไปทำอะไรให้นายเจ็บซ้ำน้ำใจ”
“ก็กูรักมึงแต่มึงไม่รักกู เป็นอัลไซเมอร์หรือไง แต่ก็ไม่เป็นไรก็จะย้ำกับมึงทุกๆวัน”
“ย้ำไปถึงชาติหน้าเลย เราไม่มีวันรักคนที่ทำร้ายเราหรอก”
“ไม่เชื่อคอยดูก็แล้วกัน แต่ตอนนี้มึงหักข้าวโพดก่อน”
เอจำใจทำตามอ้นอย่างเสียมิได้ ถึงแม้อ้นจะไม่ค่อยได้ทำงานหนักมาก่อน แต่เขาก็สามารถที่จะหักข้าวโพดได้ เพราะพื้นเพของอ้นแค่พอมีพอใช้ไม่ได้ถึงกับรวยมาก แต่ถ้าให้อ้นเลือกเขาก็อยากทำงานที่สบายไม่ต้องออกแรงขนาดนี้
“เก็บให้มันเร็วๆหน่อยซิ ทำเป็นมือไม้อ่อนกูไม่ใช้บอสนะ จะมาอ่อยโน้นนี่ทำไม่ไหว ฝันไปเถอะว่ากูจะสงสารมึง ถ้ายังไม่เที่ยงไม่ต้องกินข้าว”
“แค่นี้ก็เร็วแล้ว จะเอาเร็วแค่ไหน”
“มันต้องทำอย่างนี้”เอทำให้ดูและเขาก็เดินหักข้าวโพดนำหน้าอ้นไป
ด้วยนิสัยของเอเวลาได้ทำงานเขาจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างเท่าไร เขาจึงเดินหักข้าวโพดนำหน้าไปเรื่อยๆ และไม่เหลียวหลังมามองอ้นแม้แต่น้อย อ้นเห็นโอกาสทองที่จะได้หนีจากเงื้อมมือของเอ อ้นจึงถอยหลังหักข้าวโพดทีละก้าวจนเกือบลับสายตาของเอ อ้นจึงวางกระบุงใส่ข้าวโพดไว้กับพื้น และหันหลังค่อยๆวิ่งก้มต่ำจนพ้นไร่ข้าวโพด
อ้นมองไปรอบๆซึ่งมีแต่ทุ่งหญ้ากว้าง เขาไม่รู้จะไปทางไหน พลันเขาเห็นรถไถไกลๆอ้นจึงรีบวิ่งลุยทุ่งหญ้าอย่างไม่คิดชีวิต แต่ด้วยแสงแดดที่แรงกล้ากับความเหนื่อยที่ออกแรงวิ่ง ยิ่งร่างกายไม่เคยได้เจอสิ่งที่หนักขนาดนี้ อ้นเริ่มตาลายเหงื่อไหลท่วมตัว หายใจหอบเหนื่อยหน้าเริ่มมืดไม่เห็นทางเดิน และทางที่สุดอ้นล้มลงกับพื้นหมดสติในทันใด
เพียงเวลาไม่นานเอก็ตามมาจนเจอ แค่เขาเห็นอ้นนอนเป็นลมหมดสติ ใจของเขาแท่บจะสูญสิ้น หัวใจเต้นระรัวมือสั่นระริก
“อ้น อ้น อ้น”เอพยายามเขย่าร่างอยู่หลายครั้ง แต่ไร้เสียงไร้พลังในกายของอ้นที่จะตอบสนองให้ชื่นใจ
เอกังวลและเครียดอย่างหนัก เขาจึงรีบอุ้มอ้นและวิ่งไปที่กระท่อมปลายไร่ทันที ถึงแม้จะหนักและเหนื่อยสักเพียงใด เขาไม่เคยหยุดพักด้วยคววามเป็นห่วงอ้นอันเป็นที่รักของเขา เอหอบเหนื่อยอุ้มร่างของอ้นมาถึงกระท่อม เขารีบว่างอ้นไว้ทันทีและถอดเสื้อแขนยาวออกในทันที เอรีบเปิดพัดลมให้อ้นคลายร้อน และค้นหายาดมจนเจอแล้วนำมาจ่อที่จมูกของอ้น
“อ้นอย่าเป็นอะไรไปนะเว้ยกูรักมึง กูสัญญาต่อไปนี้กูจะไม่แกล้งมึงแล้วนะอ้น”
เสียงร้องไห้ของเอที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ และความเย็นที่ได้จากพัดลม จึงทำให้อ้นพอได้สติกลับมาทีละน้อยและค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
“อ้น มึงฟื้นแล้ว”เอรีบเช็ดน้ำตาให้เหือดแห้ง
“อย่าทำอะไรเรานะ”อ้นพยายามพยุงร่างลุกขึ้น
“อย่าลุกขึ้นกูไม่ทำอะไรมึงหรอก นอนนื่งๆเดี๋ยวเป็นลมไปอีก”เอดันร่างของอ้นให้นอนลงอย่างเดิม
ถึงแม้อ้นจะพยายามลุกขึ้นแต่โดยแรงที่ลดหายจากแต่เดิม จึงไม่สามารถต้านแรงของเอได้ อ้นจึงได้แต่นอนนิ่งๆมองหน้าเอ ที่มีสีหน้าที่เศร้าสร้อยจนอ้นแปลกใจ
“กูขอโทษมึงด้วย กูจะไม่ทำร้ายมึงอีกแล้ว มึงยกโทษให้กูด้วยนะ”
“ไม่ต้องมาขอโทษ ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลัง ไม่ต้องมาทำอะไรทั้งนั้น”
“มึงจะให้กูทำอย่างไงกูพร้อมที่จะทำตามทุกอย่าง”
“ปล่อยเราไปจากที่นี้ ให้เราได้กลับบ้านทุกอย่างก็จบ”
“มึงจบแต่กูเจ็บ”
“เรื่องของนายก็เพราะนายทำตัวเองตั้งแต่ต้นแล้วนี่ ทุกอย่างมันจบแล้วอย่ารื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกเลย”
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน มึงนอนพักเยอะๆ”เอพูดขึ้นด้วยความสงสารอ้น ที่เสียงพูดนั้นหอบเหนื่อย และอีกอย่างเพื่อยื้อเวลาที่จะให้อ้นอยู่ที่นี้ให้ได้นานๆ
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เอได้คิดอะไรได้หลายอย่าง สิ่งที่แรกคือเขากลัวเสียอ้นไปและอีกอย่างถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่กับอ้น แต่อย่างน้อยอ้นก็ยังอยู่ให้เขาได้เห็นและชื่นใจ ถึงแม้อ้นจะไม่ใช่ของเขาแล้วอีกต่อไป
“นอนซะ กูไม่ทำอะไรมึงหรอก ถ้ากูทำอะไรมึงกูไม่พามามึงมานี่หรอก”เอเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้เก่าๆเพื่อให้ห่างจากอ้น
อ้นนอนมองเอและครุ่นคิดหลายอย่าง แต่อย่างแรกที่เขาคิดได้ อ้นเห็นเออ่อนลงไปเยอะสิ่งแรกที่อ้นคิดว่าเขาควรทำ ควรอยู่นิ่งๆรอจังหวะและหาโอกาสพูดคุยกับเอตรงๆ ถ้าไม่ได้ผลค่อยหนีอีกครั้ง แต่ช่วงเวลานี้อ้นคิดว่าเขาควรที่จะพักผ่านพื่อเพิ่มแรงกายและใจ จะได้มีเวลาและสมองค่อยคิดแก้ไขสถานการณ์ต่อไปอีก
ด้วยความที่อ้นอ่อนเพลียมากเขาจึงหลับตาลง และไม่คิดอะไรเพื่อที่จะได้หลับลงในทันที ซึ่งก็เป็นผลดังหวังอ้นได้หลับอย่างง่ายดายและสนิทในเวลาต่อมา เมื่อเอเห็นอ้นเงียบไปเขาจึงลุกขึ้นมาดูอ้น เมื่อเห็นอ้นหลับเขาจึงเข้ามาลูบที่ศีรษะของอ้น และลูบไล้สัมผัสแก้มใสๆของอ้น หลังจากนั้นก้มลงจูบอ้นเบาๆ แล้วเขาก็อมยิ้มด้วยความชื่นอกชื่นใจที่ได้รับสัมผัสนี้
ก่อนที่เอจะกลับบ้านเพื่อไปเตรียมข้าวของมานอนกับอ้น เขาก้มลงหอมแก้มอ้นอีกครั้งแล้วรีบเดินออกจากบ้านจนลืมล็อคประตู เพียงแค่แง้มไว้เฉยๆซึ่งเอไม่รู้เลยว่า ทุกฝีก้าวตั้งแต่เออุ้มร่างของอ้นมาไว้ในกระท่อมหลังนี้ มีคนแอบดูอยู่ไม่คาดสายตา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นเจนเพื่อนรักและคู่นอนของเอนั่นเอง
เมื่อเอออกไปไกลแล้ว เจนจึงเข้ามาภายในห้องที่อ้นนอนอยู่ เขายืนมองอ้นด้วยความริษยาที่ได้ใจของเอไป ซึ่งแตกต่างจากตัวของเจนเอง ที่ทุ่มทุนทั้งกายและใจเพื่อนเอ แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมามีแต่ความเย็นชา
เจนใช้มือสะกิดร่างของอ้น แต่ไร้การตอบสนอง เจนจึงนั่งรอเพื่อให้อ้นนั้นตื่นเอง เพราะถ้าเขาปลุกอ้นตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะคุยกับอ้นให้รู้เรื่องได้ เจนอยากคุยกับอ้นตอนมีสติและร่างกายที่พร้อม เพราะเขาคิดแผนการอะไรบางอย่างได้สำเร็จ
ซึ่งอ้นนอนหลับอยู่ร่วมชั่วโมงเขาก็ตื่นขึ้นมา และคนที่เขาเห็นคนแรกตอนตื่นนั้นคือเจน อ้นอดแปลกใจและหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงรีบลุกขึ้นในทันใดทันที
“เจนนายมานี่ได้อย่างไง”
“กูต้องถามมึงมากกว่ามั้ง เพราะที่นี่กูมาทุกวัน มึงก็น่าจะรู้ว่าทำไมกูมาได้ทุกวัน”
“ฮือ แล้วนายมีธุระอะไรกับเรา”
“มีสิ พูดตรงๆเลยนะ มึงอยากออกไปจากที่นี่ไหม”
“อยากสิ”
“มึงไม่ได้รักไอ้เอใช่ไหม”
“จะไปรักได้ไง เอทรมานเราขนาดนี้ ถึงรักไปก็บ้าแล้ว”
“ดี ถ้างั้นกูจะช่วยมึงเอง”
“ช่วยพาออกจากที่นี่เหรอ”อ้นมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เพราะเขายังไม่ไว้ใจเจนขนาดนั้น
“ใช่ แต่นายต้องไปตอนนี้ก่อนที่ไอ้อ้นมันจะมา”
“นายไม่ได้หลอกเรานะ”
“กูจะหลอกมึงไปทำไมไอ้อ้น มึงมีอะไรให้กูน่าหลอกเหรอ”
“ก็นายรักเอนี่ เรากลัวนายไม่ช่วยเราจริง”
“ก็เพราะกูรักไอ้เอไง กูอยากอยู่กับมันทั้งตัวและใจ”
“ก็ได้”อ้นคิดเอาเสียว่าเสี่ยงดวง
“ดีนายหายเหนื่อยหรือยัง เดินทางไปไหวไหม”
“ไหว เราฟื้นตัวแล้วนะ”
“ถ้างั้นเราไปก่อนเลย ก่อนที่ไอ้เอมันจะมาถึง”
อ้นรีบลุกขึ้นยืน ซึ่งเขาก็พอยืนไหว และรู้สึกได้ว่ากำลังได้กลับมาแล้ว อ้นจึงรีบเดินตามเจนที่เดินน้ำหน้าพาเขาไปตามเส้นทางเดิน ที่ถูกถางไว้อย่างดี เมื่ออ้นเห็นเช่นนี้เขาก็รู้สึกโล่งใจที่เจนไม่พาเข้าในเขตที่อันตราย
“กูส่งมึงแค่นี้แหละ ไปส่งมึงถึงถนนใหญ่ไม่ได้หรอก เดี๋ยวไอ้เอมันสงสัยได้ เพราะต่อจากนี้ไปจะมีคนแล้ว ถ้าเกิดมีใครเห็นกูเดินไปกับมึง แล้วบอกไอ้อ้นกูจะเดือนร้อน
“แค่นี้ก็ดีแล้วเราเข้าใจ”อ้นยิ้มให้เจนอย่างจริงใจ
“มึงต้องสัญญากับกูนะว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก มึงห้ามยุ่งกับไอ้เอ ถ้ามึงยุ่งคราวนี้มึงเดือดร้อนแน่”
“เราไม่ยุ่งหรอก ขอบใจนายมาก”
“มึงไปได้แล้ว เดี๋ยวมืด มึงเดินไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึงถนนใหญ่ มีรถประจำทางอยู่เข้าไปในตัวเมือง”เอยื่นเงินให้อ้นสองพันกว่าบาท
“ขอบใจนายอีกครั้ง”
“ไม่ต้องขอบใจหรอก นี่เป็นค่ารถโดยสารเข้าเมือง ที่เหลือเอาไว้กินข้าวและขึ้นรถกลับกรุงเทพไปซะ”
“ฮือ”
“กูไปแล้ว”เจนเดินหันหลังกลับและไม่เหลียวหลังมามอง ถึงเจนจะรักอ้นสักปานใด แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำร้ายอ้นได้ ด้วยกลัวว่าถ้าเอรู้จะโกรธเขาจนไม่อยากเจอหน้า แต่ถ้าช่วยให้หนีกลับบ้านอาจแค่โกรธเฉยๆ
ในส่วนของอ้นก็รีบเดินอย่างไวและท้ายที่สุด เขาก็เจอถนนใหญ่ซึ่งพอเห็น อ้นรีบวิ่งขึ้นไปบนไหล่ทางในทันที แต่แล้วเขาต้องหยุดชะงัก เพราะเขาได้เจอชายหนุ่มสามคนยืนอยู่ตรงมอเตอร์ไซค์ และหนึ่งในนั้นเขาจำได้นั่นคือวินมอเตอร์ไซค์ที่ไล่จับอ้น แต่ครั้งที่ผ่านอ้นจึงค่อยๆเดินถอยหลัง แต่เป็นจังหวะเดียวกันที่หนึ่งในชายหนุ่มหันมาหน้ามาพอดี
“นั่นไง”ชายหนุ่มชี้มือมาที่อ้น สาเหตุที่สามหนุ่มรู้ว่าอ้นจะมาทางนี้ เพราะพวกเขาสะกดรอยตามเพื่อนของเอทุกคน
เมื่ออ้นเห็นชายหนุ่มสามคนวิ่งมาที่ เขา อ้นจึงหันหลังกลับวิ่งไม่คิดชึวิต ซึ่งอ้นไม่ได้วิ่งไปตามทางเดิน แต่เขาวิ่งเข้าในป่าที่ไม่คุ้นเคย โดยมีชายหนุ่มทั้งสามนั้นวิ่งตามมาติดๆ
อ้นวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ในช่วงเวลานี้เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ตัวของเขาจะรอดจากความเลวร้ายนี้ได้อย่างไร มีแต่เพียงวิ่งหนีไปให้ไกล ซึ่งเส้นทางที่อ้นวิ่งเข้าไปนั้นเริ่มลึกเข้าไปในป่าทืบ ถึงกระนั้นอ้นก็ยอมหันหลังไปมอง ถึงแม้คนร้ายที่วิ่งติดตามอ้นจะหยุดอยู่บริเวณรอบนอกของป่าแล้ว เพราะทั้งสามไม่กล้าเข้าไป และมีความคิดที่จะดักรออ้นอยู่ตรงนี้ เนื่องหนึ่งในสามเป็นคนในพื้นที่ เขาจึงรู้ดีว่าป่าแห่งนี้ถ้าไม่ชำนาญพื้นที่ เมื่อเข้าไปแล้วจึงหาทางออกยากมาก ด้วยความเมื่อยล้าอ้นจึงหยุดวิ่งและหันไปมองด้านหลัง ซึ่งอ้นก็ไม่เห็นใครเขาจึงนั่งลงพักเหนื่อย ด้วยความที่ในป่ามีความเงียบเกินเขาจึงเกิดความกลัวขึ้นกะทันหัน ในจิตใจของอ้นเวลานี้หวั่นเกรงกลัวทุกอย่าง เขาพยายามมองไปรอบๆซึ่งมีแต่ป่า และเสียงไหวๆของต้นไม้ที่โอนเอนตามแรงลม พร้อมเสียงสัตว์นานาชนิดที่อ้นได้ฟังถึงกับขนลุก เขาจึงรู้สึกกลัว พออ้นได้มีเวลาพัก เขาจึงเกิดความคิดที่จะไปจากป่าแห่งนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเดินไปทางไหน อ้นจึงได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ที่เดิม เพื่อรอใครสักคนผ่านเข้ามาทางนี้ แต่ยังไร้วี่แววด้วยแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนแรงล
ช่วงเวลาไม่นานเอก็เดินออกมาจากในป่าทึบ ที่มือถือกล้วยป่าเดินเข้ามาใกล้ๆอ้นที่นั่งอยู่ในกระท่อมอย่างเหงาๆ และหวาดกลัวสิ่งต่างๆที่เขาคิดว่าอาจจะเข้ามาทำร้าย“กินซะเดี๋ยวจะหิวตายไปซะก่อน”“ขอบใจ”อ้นรีบบิดกล้วยสุกออกมากินอย่างเร่งรีบ“ไม่มีน้ำเหรอ”อ้นถาม“ได้คืบจะเอาศอก แต่ก็มีนะ”“เอ้านี้ กินนิดเดียวพอนะ มืดแล้วไปเอาน้ำลำบาก เอยื่นกระบอกไม่ไผ่ที่มีน้ำเต็มกระบอก“ไปเอากระบอกไม้ไผ่มาจากไหน”อ้นถาม “ก็ในกระท่อมนี่แหละ คนหาของป่าคงลืมไว้” “โชคดีจัง ถ้าไม่มีท่าจะแย่เลย” “ไม่แย่หรอก ถ้าหิวมากน้ำของกูก็มีคืนนี้เดี๋ยวให้กิน”เออมยิ้ม “ไอ้โรคจิตในป่ายังคิดเรื่องอกุศลอีก” “กูพูดเรื่องจริง แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ ทีกินของบอสนี่รับได้” “ความสะอาดต่างกัน” “ปากดี ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกิน”เอคว้ากระบอกไม่ไผ่จากมือของอ้น แล้วเขาก็ดื่มเองจนครึ่งกระบอก อ้นทำอะไรไม่ได้เขาได้แต่มองเอด้วยความแค้นเคือง เมื่อเอดื่มน้ำเสร็จสิ้นเขาก็ไปนำฟืนเพื่อที่จะมาก่อไฟ และบรรเทาความหนาวกับยุง ไหนจากพวกบรรดาสัตว์ต่างๆกันอีก เอใช้เวลาไม่นานในการรีบก่อไฟจนติด หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นมาที่กระท่อม และนั่งข้างๆอ้น ที่ยังมีสีหน้าที
จ๊อบเริ่มไม่สบายใจเพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่สามารถติดต่ออ้นได้เลย ยิ่งรู้ข่าวว่าอ้นไม่ได้กลับบ้าน เขาพยายามถามบรรดาเพื่อนของอ้น แต่ก็ไม่มีใครรู้แม้แต่สักคน จ๊อบจึบเร่งทำงานอย่างเริ่งรีบ และตัดนัดที่ไม่สำคัญออกไปให้หมด จ็อบนั่งบนเตียงนอนด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหลังจากอาบน้ำเสร็จ และเขาก็นั่งครุ่นคิดถึงอ้นคู่รักของเขา ถึงที่ผ่านมาเขาอาจละเลยอ้นไปบ้าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาหมดรักอ้นแต่อย่างใด ตอนนี้เขากลับเครียดหนักมาก จนจ๊อบได้ยินเสียงเคาะประตูซึ่งเขาก็แน่ใจว่าเป็นบี้เลขาของเขาหรือเปล่า จ๊อบไปเปิดประตูเพื่อให้บี้เข้ามาภายในห้อง “มีอะไรเหรอ”จ๊อบนั่งลงตามเดิม “พรุ่งนี้บอสจะกลับไทยจริงๆเหรอ”สายตาของบี้ไม่ได้มองหน้าของจ๊อบ แต่มองต่ำลงตรงหว่างขาของจ๊อบที่นั่งไม่ได้ระวัง จนเผยเห็นของสงวนแต่จ๊อบไม่ได้สนใจและสังเกตสายตาของบี้ “ใช่ เป็นห่วงอ้น ติดต่อไมได้เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” “ใช่น่าเป็นห่วงมาก บี้ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าอ้นไปอยู่ที่ไหน” “ถามเพื่อนๆแล้วไม่มีใครรู้เลย” “ไม่มีใครรู้หรือไม่มีใครบอก”บี้เดินไปท
ถึงแม้แสงอรุณสาดส่องมาถึงร่างทั้งสอง เอกับอ้นก็ยังไม่รู้สึกตัวที่จะต้องตื่น เอนั้นได้กอดร่างของอ้นไว้แน่ ส่วนอ้นก็นอนตัวขดงอให้เอได้กอด ทั้งสองนั้นหลับสนิทจนไม่รู้เลยว่าเพื่อนชายหนุ่มในหมู่บ้านได้มาถึงที่กระท่อมที่ทั้งสองนอนอยู่ “ไอ้เอ ไอ้เอ ไอ้เอ ตื่นได้แล้ว”เพื่อนร่วมหมู่บ้านปลุกสะกิดที่ร่างของเอและอมยิ้มในท่าที ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็หัวเราะร่วน เมื่อได้รับสัมผัสจากเพื่อนและได้ยินเสียงหัวเราะ เอจึงเริ่มตื่นจากภวังค์ เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและมองไปตามเสียงที่ได้ยิน เอจึงเห็นชายหนุ่มรุ่นเดียวกับเขายืนหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน “เฮ้ยเพื่อนหรือเมียว่ะกอดซะแน่นเชียว หน้าตาดูน่ารักอีกต่างหาก” “เพื่อนซิวะ”เอคลายกอดจากอ้นทัน “เหรอ”เพื่อนๆของเอหัวเราะกันใหญ่ เอแก้เขินโดยใช้เท้าสะกิดที่ขาของอ้น เพื่อปลุกให้อ้นได้ตื่น เพราะตอนนี้เขารู้สึกอายและเขินเพื่อนในหมู่บ้านอย่างมาก อ้นรู้สึกตัวทันทีเมื่อโดนเท้าของเอสะกิด เขาจึงลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ และยิ่งตื่นตระหนกกันไปกันใหญ่ เมื่อเห็นชายหนุ่มสามสี่คนยืนอยู่ตรงหน้า อ้นพลางคิด
เอพร้อมกับตั้มและตูนเมื่อทำกับข้าวเสร็จ เอให้ตูนและตั้มกินกันสองห้องในครัว ถ้ากินเสร็จก็ให้กลับบ้านไปเลย ที่สำคัญฝากล็อกบ้านไว้ด้วย เพราะเวลานี้ก็ช่วงเย็นแล้ว เอจึงอยากจะอยู่กับอ้นเพียงสองคน เขาจึงนำอาหารไปให้อ้นกินในห้องนอน “กินซะ”เอวางอาหารไว้บนโต๊ะหลังจากที่อุ้มเอมานั่งบนเก้าอี้แล้ว “ทำเองเหรอ ดูหน้าตาแปลกๆ”อ้นมองกระเพาะไก่ไข่ดาวเกรียมๆนิดหน่อย “ทำมาให้กินก็กินซะ กินไม่ได้ก็ต้องกิน” “ยังไม่ได้บอกว่ากินไม่ได้เลย แค่ถามเฉยๆจะพูดดีๆบ้างไม่ได้เหรอ” “คนอย่างมึงพูดดีไม่ได้หรอก ต้องเจอคนแบบกูที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆถึงจะอยู่กันได้” “คิดไปคนเดียว” “มัวแต่พูดกินเข้าไป นี่ก็จะมืดแล้ว คืนนี้เราต้องทำอะไรกันอีกเยอะ” “ทำอะไรก็มีแต่นอน”อ้นมีสีหน้าทีสงสัย “ก็นอนไงนอนแบบเมื่อคืนนี้ แต่คราวนี้มิดชิดหน่อย”เอหัวเราะ “ไม่ตลกด้วยนะ”อ้นตักผัดกระเพาะมาที่จานข้าวและตักใส่ปาก ซึ่งเขาสัมผัสรสได้ว่าอร่อยมาก “อร่อยใช่ไหม” “ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้อร่อยขนาดนี้” “กูทำ
อ้นได้ขึ้นรถมาพร้อมกับเจน ที่หน้าตายังนิ่งและปูดบวม อ้นอยากจะถามแต่ก็ไม่กล้า เพราะอ้นไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือของเอหรือเปล่า “หนีไอ้เอออกมาจะไปไหนเหรอ”เจนพูดขึ้น “กลับกรุงเทพ” “ไม่ห่วงไอ้เอมันเหรอ”เจนหันมามองอ้น “ทำไมต้องห่วงเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” “แต่มันรักมึงนี่ มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอ” “รู้ แต่เราไม่ได้รัก”กว่าที่อ้นจะพูดคำว่านี้ออกไป เขาสะเทือนใจพอสมควร เพราะในเวลานี้เขาได้กลับมารักเออีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไป เพราะอีกใจหนึ่งเขาก็ยังมีความรู้สึกดีๆกับบอส “แน่ใจ” “แน่ใจซิ ถ้ารักเราจะหนีออกมาทำไม แล้วอีกอย่างเรามีบอสอยู่แล้ว จะไปรักคนอื่นได้อย่างไง” “ก็ดี แล้วมึงจะให้กูไปส่งที่ไหน” “ขนส่งก็ได้” “กูหมายถึงในกรุงเทพ” “นายจะไปส่งเราถึงโน้นเลยเหรอ” “ใช่ ขืนให้มึงไปรถทัวร์ เดี๋ยวไอ้เอตามมึงจนเจออีก” “ได้”อ้นจึงบอกที่
จ๊อบกับบี้เดินเข้ามาในโรงแรมสุดหรูที่ห่างไกลผู้คน มิคกี้เข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วออกมานอนบนเตียง ส่วนบี้อาบทีหลังและตามออกมานอนข้างๆจ๊อบ “สิ่งที่เราจะทำวันนี้มันผิดมากไหม”จ๊อบยังลังเล เพราะลึกๆเขายังรักอ้นอยู่ แต่ด้วยความคลางแคลงใจในตัวอ้น และโดนวางยาจากครั้งเก่าก่อน ทำให้จ๊อบมีนิสัยด้านความรักที่เปลื่ยนไปพอสมควร “อย่าพูดถูกผิดเลย ในเมื่อใจเราต้องการก็ควรปล่อยมันไปเป็นตามธรรมชาติ” “ผมไม่สบายใจเลยที่ต้องทำแบบนี้” “เอาน่า ความสุขเล็กๆน้อยๆของเรา หยุดพูดเถอะเดี๋ยวบี้จะจัดการให้ทุกอย่าง” บี้โอบกอดร่างของจ๊อบไว้หลวมๆและคลายออกมาลูบไล้ที่แผ่นอก ลูบคลำสัมผัสหัวนมของจ๊อบเล่นอย่างมันมือ จึงทำให้จ๊อบเสียวซ่านไปทั้งตัว เพราะเขาไม่เคยได้สัมผัสนี้จากอ้นมาก่อนเลย บี้เริ่มใช้ริมฝีปากประกบปากของจ๊อบ หลังจากนั้นใช้ลิ้นตวัดสัมผัสซึ่งกันและกัน จ๊อบตอบสนองบี้อย่างไม่อิดออด ส่วนมือของบี้จับหัวนมของจ๊อบขยำขยี้อย่างอ่อนโยน บี้ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาเลื่อนไปสัมผัสที่ซอกหูและติ่งหูอย่างออกรสชาติ บี้ไล่ลงมาส่วนรักแร้ที่มีขนดกดำ บี้ดอมดมอย่างใ
อ้นนอนอยู่คอนโดอย่างเดียวดาย ซึ่งเขาก็แอบดีใจที่จ๊อบไม่มา เพราะอ้นก็ทำตัวไม่ถูก ถ้าเกิดจ๊อบอยากมีความสัมพันธ์ทางกายกับเขา เพราะตอนนี้ใจของอ้นเอียงเอนไปทางเอมากกว่าจ๊อบ อ้นนั่งๆนอนอยู่ที่คอนโด ดูซีรี่เล่นมือถือคุยกับเพื่อน และทำอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่อ้นทำเช่นนั้นเพื่อที่จะได้ลืมความทุกข์ที่เริ่มเกาะกินใจเขาขึ้นมาเรื่อยๆ ในระหว่างที่อ้นกำลังคิดอะไรเพลินๆก็ได้ยินเสียงกดกริ่ง เขาจึงรีบไปเปิดประตู เพระคิดว่าน่าจะเป็นจ๊อบที่มาหาเขา แต่แล้วคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่คนที่เขาคิดไว้เมื่อครู่ “คุณบี้มีอะไรเหรอ”อ้นพูดขั้นเมื่อเห็นหน้าของบี้ แต่บี้ไม่พูดอะไรเดินเข้ามาในห้องทันที “ห้องโทรมไปเยอะเนอะเหมือนเจ้าของห้องเลย” “ถ้าคุณมาพูดแค่นี้ก็กลับไปซะ อ้นไม่มีเวลาที่จะมาคุยเรื่องไร้สาระ” “ฉันไม่ได้มาคุยเรื่องไร้สาระ แต่ฉันมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นให้เธอดูมากกว่า”บี้ยิ้มอย่างมีเลศนัย “อ้นไม่อยากรู้อยากเห็นอะไรทั้งนั้น เชิญคุณกลับไปได้แล้ว” “ฉันจะยังไม่กลับ ถ้าเธอยังไม่ดูอะไรที่ฉันอยากให้ดู” “ถ้างั้นก็เอา