อ้นรีบมาที่หลายอ้นคาเฟ่แต่เช้า เพราะมีมือดีมาพ่นสีที่หน้าร้าน ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จนผู้คนที่เดินผ่านมาผ่านไปต้องหันมามอง และข้อสำคัญลูกค้าประจำเมื่อมาถึง แล้วเห็นคำพ่นด่าและกองอุจาระคน ที่วางอยู่หน้าประตูร้าน จึงทำให้ลูกค้าเหล่านั้นต่างแยกย้ายหนีหายไปกันหมด
เมื่ออ้นมาถึงร้านของเขา อ้นถึงกับตกใจและเกิดความกลัว เพราะในข้อความนั้นเขียนถ้อยคำที่หยาบคาย
อีอ้นขายตัว ไร้ยางอาย หน้าหนา ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับผัวกู กูจะตามรังควานมึงไม่เลิก
“พี่อ้น หนูมาถึงก็เป็นแบบนี้แล้ว เราจะทำอย่างไรดีล่ะ”พนักงานสาวคนหนึ่งพูดขึ้น
“ปิดร้านสักพัก เรื่องเงินเดือนเดี๋ยวพี่จะจ่ายตามเดิมนะไม่ต้องห่วงหรอก”
“ใครกันทำหนูอยากรู้จริงๆ”
“พี่ก็ไม่รู้หรอก พี่ดูในกล้องมันปิดหน้าขับมอเตอร์ไซค์มา เห็นหน้าไม่ชัด เลยแต่พี่แจ้งความไว้แล้ว”
“เอ้า นั่นใครมา”พนักงานสาวคนเดิมพูดขึ้น
“ว่าไงจ๊ะ อ้น ใครช่างกล้ามาเขียนเรื่องจริง อุ๊ย เรื่องไม่จริงได้นี่”บี้เลขาของจ๊อบแฟนหนุ่มของอ้นเดินเข้ามาใกล้ๆอ้น
“ก็สงสัยใครช่างกล้าทำ”อ้นนั่งนิ่งๆ
“ที่มานี่ไม่ได้มาเพราะเป็นห่วงหรอกนะ แต่บอสสั่งให้มาดู และให้เรามาช่วยจัดการแก้ปัญหาให้ เพราะบอสเขารู้ว่าอ้นฉลาดน้อย”บี้นั่งลงข้างๆอ้นแล้วชำเลืองมองอ้น
“ขอบใจมากนะ ที่มาตามคำสั่งของบอส”
“ไม่ต้องขอบใจหรอกมันเป็นหน้าที่ และอีกอย่างบอสเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญเลยให้เรามาแทน ถ้าเป็นเรื่องสำคัญบอสต้องมาเองอยู่แล้วใช่ไหม”
“บอสเขางานยุ่งอ้นเข้าใจ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว ว่าตัวเองเป็นคนไม่สำคัญ และอีกอย่างถ้ารู้ตัวว่าไม่สามารถที่จะช่วยบอสได้ ก็ควรอยู่ห่างๆบอสอย่าเป็นตัวถ่วง ให้คนที่เขามีศักยภาพมาช่วยบอสทำงานดีกว่า”
“เราก็อยู่ห่างแล้วนี่ เราก็อยู่ของเราเฉยๆไม่ได้ไปยุ่งกับบอสเลย”
“แค่นั้นไม่พอหรอก ควรที่จะเลิกกับบอสด้วยซ้ำ ไม่ใช่มาเกาะบอสกินไปวันๆ”
“เราไม่ได้เกาะบอสกิน เราก็ทำงานของเรานี่”
“อ๋อ เข้าใจแหละใช้ร่างกายเข้าแหลกนี่เอง สบายเนาะงานแบบนี้ถึงว่าใครๆก็อยากทำ”
“รวมทั้งตัวเธอด้วยหรือเปล่า”อ้นหันมามอง
“บ้านฉันรวยกว่าเธอหลายเท่านัก อย่าริอาจมาเทียบกับฉัน”บี้ลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห
“ถ้าจะมาอวดรวยก็เชิญกลับไปเลย”
“บอกเองนะ เดี๋ยวฉันจะไปบอกบอสว่า เธอให้กลับ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากบอส”
“เราให้เธอกลับ ไม่ใช่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากบอส”อ้นมีสีหน้าที่บึ่งตึง
“แต่ฉันจะทำอย่างนี้เธอจะทำไมฉัน”บี้หัวเราะ
“เธออยากพูดอะไรก็พูดไป บอสเขาเข้าใจฉันดี”
“เหรอ ไม่น่าใช่คำว่าเข้าใจแต่น่าจะเข้าอย่างอื่นมากกว่า ”บี้หัวเราะรั่น
“บี้ เราไปทำอะไรให้เธอ ทำไมถึงว่าสารพัดตั้งแต่เจอกันครั้งแรก”
“เธอแย่งคนรักของฉัน”
“ใคร”
“บอสไง”บี้จ้องมองอ้นไม่วางสายตาแม้แต่น้อย
“เราไม่ได้แย่ง ก็บอสรักเราเองนี่ ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก”
“ดังสิ ก็เธอยั่วยวนบอสไง ทำเป็นไร้เดียงสา แอ๊บแบ๊วน่ารักไม่ประสีประสา ที่ไหนช่ำชอง หลอกล่อบอสจนติดกับดักของเธอ”
“จะมากไปแล้วนะ”อ้นเสียงเข้ม
“ไม่มากหรอก คนอย่างเธอมันก็แค่ของเล่นชั่วคราว พอบอสเบื่อเธอก็จะถูกทิ้งเหมือนคนอื่น”
“ไม่จริงหรอก”
“ทำไมจะไม่จริง บอสเบื่อง่ายจะตาย แต่เธอก็เก่งนี่สามารถอยู่กับบอสได้หลายเดือน แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก ก็จะเป็นหมาหัวเน่า”
“เธอมากกว่ามั้งที่เป็นหมาหัวเน่า ทำงานเป็นเลขาดีๆไม่ชอบ อยากเป็นชู้กินน้ำใต้ศอกคนอื่น”จีจี้เพื่อนสาวของอ้นรีบเดินมาประจันหน้าบี้
“เธอเป็นใครพูดจาตลาดล่างมาก”
“ก็ยังดีกว่าคนที่ทำตัวอยู่ตลาดบนแต่นิสัยตลาดล่าง”
“ด่าอีกเลย ด่าอีก ด่าอีกฉันชอบฟัง พอฉันฟังเสร็จแล้วจะไปฟ้องบอส ว่าเพื่อนเธอน่ะอ้น มาด่าฉันฉอดๆ ทั้งๆที่ฉันจะมาช่วยเธอตามคำสั่งบอส”
“เราไม่มีอะไรให้เธอช่วยหรอก พวกเราทำกันเองได้ โน้นมากันแล้ว” ซันซีเพื่อนสนิทกำลังเดินมา และ ตั้มกับตูนแฟนเพื่อนก็ตามมาด้วยเหมือนกัน
“เพื่อนเยอะดีนี่ มีแต่พวกใช้กำลัง เราไปแล้วนะ ไม่อยากหายใจร่วมกับคนอื่น”เมื่อบี้พูดเสร็จก็เชิดใส่แก็งค์เพื่อนอ้นทั้งกลุ่ม และเดินจากไป
“นี่เธอมีอะไรกัน”ซันเพื่อนของอ้นรีบพูดขึ้นทันทีเมื่อมาถึง
“เสียดายมาช้า ไม่งั้นจะตะบันหน้าให้หงายเลย”ซีเพื่อนอีกคนพูดขึ้นมา
“เอาน่า อย่าไปยุ่งกับแกเลย เรามาช่วยกันทำความสะอาดร้านกันดีกว่า”อ้นยิ้มให้เพื่อนทุกคน
“เธอก็เป็นซะอย่างนี้แหละ ปล่อยให้คนอื่นรังแกอยู่ได้ หัดลุกขึ้นมาสู้บ้าง สักวันจะโดยแย่งแฟนหรอก”จีจี้มองหน้าอ้นแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เขาเป็นเลขาบอสเราไม่อยากจะยุ่งด้วยหรอก อะไรที่ปล่อยผ่านไปได้ เราก็อยากที่จะปล่อยผ่านไป”
“จร้า แม่พระ”จีจี้ทำเสียงประชด
“แล้วจะให้พวกเราสองคนช่วยทำอะไรได้บ้างเนี่ย”ตั้มพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของตั้ม อ้นคิดได้ทันทีว่าต้องรีบจัดแจงเคลียร์ร้าน ที่เต็มไปด้วยสีสเปรย์พ่นเต็มหน้าร้าน
“มีสิสีเต็มหน้าร้าน”จีจี้พูดขึ้น
“ดีจังเลยที่มาช่วยขอบใจมาก”อ้นยิ้มหน้าบานให้กับเพื่อนทุกคน
เพื่อนๆของอ้นรวมทั้งพนักงานที่ร้านด้วย ต่างช่วยกันลบรอยสีที่พ่นหน้าร้าน จนเสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ด้วยหลายแรงช่วยกันด้วยความเต็มใจ
“เสร็จซะที อยู่กินอะไรกันก่อนนะ เราให้น้องที่ร้านไปซื้อของกินมา”
“ลาบปาก”ตั้มพูดขึ้น
“ตะกละ”ซันหันหน้าไปมองแฟนตัวเอง
“คู่สร้างคู่สมคู่นี้แหละ”ซีอดหัวเราะไม่ได้
“เธอด้วยนั่นแหละ เพื่อนกัน นิสัยก็ต้องเหมือนกัน”ซันมีสีหน้าที่ไม่ค่อยใจนัก
“เกี่ยวอะไรกับผมเนี่ย อุตส่าห์นั่งเฉย”ตูนแฟนซีพูดเสียงแผ่วเลย
“ทั้งคู่นั่นแหละไม่ต้องเถียงกัน”จีจี้อดรำคาญสองคู่ชู้ชื่นไม่ได้
“เอาน่าอย่าว่ากันเลย ทุกคนเป็นเพื่อนที่ดีของเรา เลี้ยงเพื่อนแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”อ้นยิ้มให้ทุกคน
“ใช่ เมื่อก่อนยังเลี้ยงไอ้เอเลย ไม่เห็นอ้นบ่นสักคำ”ตั้มเผลอตัวพูดถึงคนที่อ้นเคยรักและเลี้ยงดูสมัยเรียน
“ปากไม่ดีนะ”ซันแฟนของตั้มเสียงเข้มเข้าใส่
“ขอโทษลืมตัวไปหน่อย”ตั้มมีสีนหน้าที่สำนึกผิด
“ใช่ปากไม่ดี คนเขาเลิกกันแล้วจะพูดถึงอีกทำไม”จีจี้มองค้อนทั้งตั้มและตูน
“เราลืมไปแล้ว เราไม่โกรธหรอก”อ้นยิ้มถึงกับต้องฝืนยิ้ม
“ก็ดีแล้วลืมมันไปซะ เดี๋ยวนี้มันเป็นชาวไร่ชาวสวนแล้ว”ตูนเผลอพูดขึ้นมาอีก
“อ้าว”อ้นหันมามองตูน
“ตั้งแต่อ้นเลือกที่จะอยู่กับบอส ไอ้เอมันเศร้าใจมันเลยลาออกไปทำไร่ทำสวนที่บ้านมัน”
“เอ่อ”อ้นพยักหน้า
“หน้าเสียดายหนอ เราเป็นแฟนซี ส่วนตั้มเป็นแฟนซัน ถ้าอ้นเป็นแฟนเอจะดีมากเลย ครบคู่พอดี”
“เพลี้ย”ซีตบไปที่หลังของตูนแฟนหนุ่ม
“ตีเราทำไม”
“ปากไม่ดีปากเสีย”ซีมองค้อน
“แล้วเจนล่ะ”อ้นอดถามไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าเอกับเจนมีอะไรกัน
“เจนมันก็ลาออก ไปทำงานใกล้ๆบ้านไอ้เอนั่นแหละ ตัวติดกันแจเลย เห็นไอ้เอที่ไหนก็ต้องเห็นไอ้เจนที่นั่น”ตั้มพูดจบพลางดื่มน้ำด้วยความกระหาย
“ไอ้เอมันเฉยๆ แต่ไอ้เจนทำตัวเป็นเมียไอ้เอ ผู้หญิงเข้าใกล้ไอ้เอไม่ได้ได้เลย อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลยแม้แต่ผู้ชายก็เหมือนกัน มันทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตัวไอ้เอ หวงจนบางครั้งนีกว่าหึง ถ้าเมื่อก่อนไม่ถูกกัน เราก็คิดว่ามันเป็นแฟนกัน”ตูนพูด
“ไอ้สองคนมันเข้ามาที่กรุงเทพด้วยนะ โทรมาหาอยู่แต่บอกไม่ว่าง เพราะเรื่องของอ้นสำคัญสุด”ตั้มพูดขึ้นมาพร้อมหันไปยิ้มให้อ้น
“พอๆก็รู้อยู่ ว่าอ้นกับเอเลิกไปแล้ว ยังจะพูดให้ได้อะไรขึ้นมาอีก”จีจี้พูดเสียงดัง
“ไม่เป็นไรหรอก จะได้รู้ข่าวคราวเพื่อนฝูงบ้าง”อ้นฝืนยิ้ม
“มาแล้วอาหารของทุกคน”พนักงานที่ร้านอ้นคาเฟ่ ได้ไปซื้อของกินตามคำสั่งของอ้นมาเลี้ยงเพื่อนๆ
“กินกันเลยนะ เต็มที่อยากกินอะไรบอกได้นะ จะได้สั่งไลน์แมนมาให้อีก”
“ได้เลย”ตั้มยิ้มแก้มปริเพราะได้กินอร่อย
ในระหว่างที่อ้นกำลังตักอาหารกินนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดึงขึ้นเขาจึงวางช้อนลง และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับ
“ฮัลโหลว่าไงบอส”
“ที่ร้านเป็นไงบ้าง”
“เรียบร้อยดีแล้วครับ เพื่อนๆอ้นมาช่วยตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วครับ”
“ร้านยังไม่ต้องเปิดนะ ปิดถาวรได้เลยก็ดี ผมไม่อยากให้อ้นทำงานอีกแล้ว”
“ถ้าปิดอ้นจะทำอะไร พนักงงานที่ร้านก็ตกงานอีกนะซิ”
“เราจ่ายชดเชยก็จบ การทำธุรกิจมันก็แบบนี้แหละ ข้อสำคัญขายได้วันหนึ่งก็ไม่เท่าไรนี่ เดี๋ยวผมจะเพิ่มเงินเดือนให้คุณเอง”
“แต่อ้นไม่มีอะไรทำ มันจะเหงานะซิ”
“ไม่เหงาหรอก มีเวลาว่างก็หาความรู้ใส่ตัว หรือไม่ก็ดูหนังซีรี่ไปช้อปปิ้งก็ได้ ผมไม่ชอบให้ใครขัดใจ อ้นจำได้ใช่ไหม”
“จำได้ ตอนนี้อ้นเขียนป้ายปิดปรับปรุงชั่วคราวไว้ก่อนแล้ว ”
“ดีมาก ให้มันปิดชั่วคราวอยู่อย่างนั้นแหละ เอ่อ แล้วเพื่อนที่คบอยู่นะ ถ้าเลิกคบได้ก็ดีนะ”
“ทำไมล่ะ”อ้นมีน้ำเสียงที่ตกใจ
“คบไป มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร แถมมาพูดจาว่าร้ายบี้เลขาของผมอีก”
“เพื่อนอ้นไม่ได้พูดน่ะครับ คุณบี้ต่างหากที่มาหาเรื่องอ้นก่อน”
“อย่าใส่ร้ายเลขาของผมเพื่อปกป้องเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องของคุณ”
“บอสไม่มีเหตุผล”
“เหตุผลของผมมีเสมอ”
“บอสเปลื่ยนไป”
“ผมยังเหมือนเดิม อ้นต่างหากที่เปลื่ยนไป ผมไม่ชอบที่อ้นมาพูดจาไม่ดีกับเลขาของผม ถึงผมจะรักอ้นมากสักปานใด แต่ความถูกต้อง ต้องมาก่อนเสมอ ไม่งั้นผมจะปกครองลูกน้องเป็นหมื่นได้ไง ที่อ้นเปลื่ยนไปก็มาจากคบเพื่อนนิสัยไมดีของอ้นนั่นแหละ”
“ไม่ใช่นะ เพื่อนอ้นนิสัยดีทุกคน อ้นก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลื่ยนแปลงเลย”
“อ้นเปลื่ยนไปเยอะ อ้นไม่กล้าถียงผม แต่วันนี้เพื่อเพื่อนอ้นเถียงผม ผมผิดหวังในตัวอ้นมากรู้ไหม แล้วอีกเรื่อง ผมพึ่งรู้มื่อกี้จากปากพี่สาวผม ทำไมอ้นไม่มีความเคารพญาติผู้ใหญ่ของผมบ้างเลย”
“อ้นก็ให้ความเคารพพี่ของบอสนะ”
“เคารพอะไร ทำไมมาว่าพี่ของผมปากร้าย”
“พี่ของบอสมาว่าอ้นก่อนนี่ครับ”
“ผมไม่เชื่อ พี่ผมไม่ใช่คนนิสัยอย่างงั้น และอีกอย่างถึงพี่ผมจะพูดจริง อ้นก็ต้องอดทนให้ได้ ผมบอกแล้วนี่ว่าถ้าเป็นแฟนผมต้องอนทน”
“อ้นก็อดทนอยู่นี่”
“อดทนอะไร พี่สาวผมว่าอ้นเถียงฉอดๆไม่มีสัมมาคาราวะ ต่อแต่นี้ไปผมจะลงโทษอ้น ห้ามคบเพื่อนกลุ่มนี้อีก ผมอุตส่าห์พาอ้นมาในที่สูงแล้ว ทำไมยังอยากกลับไปที่อย่างเดิมอีก”
“อ้นก็”อ้นพยายามเก็บกลั้นอารมณ์ไว้
“อ้นไม่ต้องพูดอะไรอีก กลับมาคอนโดได้แล้ว แต่คืนนี้ผมไมได้กลับคอนโดนนะ เพราะต้องไปทานข้าวกับพ่อแม่และพี่สาวของผม ตอนแรกผมกะว่าจะพาอ้นไปด้วย แต่พฤติกรรมของอ้น ไม่มีสัมมาคาราวะต่อผู้ใหญ่ ผมเลยไม่กล้าที่จะพาอ้นไปพบพ่อแม่ของผม”
“แล้วแต่บอส”
“ก็แค่นี้แหละ ผมพูดอะไรก็ฟังผมด้วย กลับมาคอนโดได้แล้ว แค่นี้แหละพรุ่งนี้เจอกัน”
“ครับ”
เมื่ออ้นกดวางมือถือ อ้นก็เห็นบรรดาเพื่อนๆจ้องมองเขา ซี่งสิ่งที่อ้นพูดนั้นทุกคนเข้าใจดี เลยทำให้ทุกคนไม่กล้าพูดอะไร เพื่อที่จะรักษาน้ำใจของอ้นไว้
“ขอโทษด้วยนะเราต้องกลับก่อน”อ้นมีสีหน้าเศร้านิดนึง
“เธอมีความสุขดีไหม”จีจี้พูดขึ้นมา
“มีความสุขสิ สบายไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“ฉันไม่เชื่อเธอหรอก แค่ไอ้เลขาคนเดียว เธอยังรับมือมันไม่ได้เลย ไหนจะญาติพี่น้องของบอสอีก”
“ไม่มีอะไรหรอก เราก็ผิดจริง เรากลับก่อนนะ พวกเธอกินกันเลย เดี๋ยวให้เด็กที่ร้าน คอยดูแลพวกเธอ”
“ให้พวกเราไปส่งไหม”
“ไม่ต้องหรอก เรากลับเองได้”
“ถ้างั้นตามใจ โชคดีนะ ถ้ามีอะไรก็โทรมาหาเราได้นะ”จีจี้จับมือของอ้นและตบเบาๆ
“ไม่เป็นไรหรอก”อ้นยิ้มให้ทุกคนแล้วก็เดินออกจากร้านไป
ในระหว่างทางที่อ้นขับรถกลับคอนโดนั้น อ้นสังเกตรถคันหลังขับตามมาตลอดทาง แต่อ้นก็ไม่คิดอะไรมาก แต่นั่นกลับเป็นผลร้ายให้อ้น เพราะรถคันหลังได้ขับแซงอย่างรวดเร็ว และปาดหน้าทันที อ้นตกใจเหยียบเบรกกะทันหัน ศีรษะของเขาเลยกระแทกพวงมาลัยรถ ในขณะเดียวกันก็มีรถอีกคันพุ่งชนอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้ศีรษะของอ้นกระแทกพวงมาลัยรถอีกครั้ง จนระบมและรู้สึกปวดบริเวณที่ถูกกระแทก แต่อ้นก็ต้องรีบลงจากรถทันที เพราะคนขับรถที่แซงแล้วปาดหน้ามาเคาะประตู
“ว่าไง”อ้นยังมึนๆอยู่ เมื่อเปิดประตูออกไป
“ขับรถภาษาอะไรมือใหม่หรือเปล่า ขับเป็นเต่าคลานยังไม่พอ แถมนิสัยแย่เร่งเครื่องเพื่อที่จะเอาชนะ”ชายหนุ่มหน้าตาโหดพูดเสียงห้วน
“พี่นั่นแหละขับรถปาดหน้าผม ยังมาว่าคนอื่นผิดอีก”
“มึงนั่นแหละผิด”ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกระชากคอเสื้อ
“ปล่อยนะ ถ้าไม่ปล่อยจะเรียกให้คนช่วย”
“ไม่มีใครช่วยมึงหรอก ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัว เลิกกับบอสซะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
“เกี่ยวอะไรกับบอส นายเป็นใคร”อ้นมีสีหน้าที่ตกใจ
“เป็นใครไม่สำคัญหรอก แต่เป็นคนที่จะกระทืบมึงตรงนี้ได้”ชายหนุ่มดึงเสื้อเข้ามาใกล้ตัวอีก
“ปล่อยนะ”อ้นพูดเสียงดัง
“อะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง เคลียร์กันดีๆก็ได้”ชายหนุ่มสองคนที่ขับรถชนท้ายรถอ้น รีบเดินเข้ามาเพราะเห็นท่าไม่ดี
“เกี่ยวอะไรกับพวกมึงถอยไป อย่ามายุ่งถ้าไม่อยากเดือดเร้อน”
“ใครกันแน่ที่เดือดร้อน”ชายหนุ่มสองคนเดินมาใกล้อ้น เมื่ออ้นหันไปมองเขาตกใจสุดขีด เพราะสองคนนั้นคือเอกับเจน
“เอ”อ้นพูดเสียงแผ่วเบา เขาจำได้ทันที เออดีตคนเคยรัก
“อ้น”เอพูดเสียงดังพอสมควร
“ไม่ต้องไปยุ่งหรอก เรียกประกันมาก็จบ ใครจะต่อยใครก็ช่างมัน”เจนมองไปที่อ้นด้วยสายตา ที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
“มึงปล่อยเพื่อนกูนะเว้ย ถ้ามึงทำเพื่อนกูเจ็บ มึงเจ็บกว่ากูหลายเท่าแน่”เอไม่สนใจคำพูดของเจนแม้แต่น้อย
“ก็ได้ ฝากไว้ก่อนเถอะ”ชายหนุ่มผู้นั้นหันมามองอ้น แล้วปล่อยคอเสื้อของอ้น
“แล้วเรื่องเคลมประกันล่ะ”อ้นตะโกนถาม
ชายหนุ่มผู้นั้นไม่สน เขารีบขึ้นรถแล้วขับออกไปในที โดยทิ้งให้ทั้งสามคน ยืนนิ่งมองด้วยความมึนงง
“อ่อนแอเหมือนเดิม อ่อนแอก็แพ้ไป”เอแสยะยิ้ม
“ขอบใจมาที่ช่วย แต่ไม่ต้องมาซ้ำเติมก็ได้”
“ใครซ้ำเติมมึง กูพูดเรื่องจริง และที่กูช่วยเพราะไม่รู้ว่าเป็นมึง ถ้ารู้ปล่อยให้โดนกระทืบไปแล้ว”
“เมื่อกี้เพื่อนนายก็ห้ามไว้นี่ แล้วมาช่วยทำไม”
“กูอยากจะเก็บมึงไว้ก่อน กลัวมึงจะตายก่อนที่กูจะมาแก้แค้น ที่ทำให้กูเจ็บ กูจำไม่ลืม”เอกระซิบข้างหูอ้น
“เราไปทำอะไรนาย มีแต่นายนั่นแหละทำเราเจ็บ ”
“ก็มึงมาอยู่กับไอ้บอสไหง กูบอกกับมึงแล้วว่ากูรักมึง แต่มึงกลับไปอยู่กับไอ้บอสของมึง”
“เรามีสิทธิ์ที่จะรักใครชอบใครก็ได้”
“ไม่มีสิทธิ์ ถ้ากูรักมึงแล้ว คนอื่นห้ามรัก และมึงก็ห้ามไปรักคนอื่น กูรอวันนี้มานานแล้ว ในที่สุดกูก็เจอมึง”เอเดินเข้ามาใกล้ๆอ้น
“ไอ้เอมึงจะทำอะไร”เจนเห็นพฤติกรรมของเอแล้ว เขาไม่พอใจอย่างมาก เพราะเขาเริ่มหึงหวงเอขึ้นมาทันที
“เหรอ แฟนนายเรียก”
“กูบอกมึงกี่ครั้งแล้ว ว่าเจนไม่ใช่แฟนกู แต่ช่างมัน มันจะคิดอะไรก็เรื่องของมัน แต่มึงเตรียมตัวไว้เลย ความโชคร้ายของมึงจะมาอีกหลายระลอก”
อ้นมองหน้าเอด้วยความโกรธที่เขามาพูดจาไม่ดี และข่มขู่เขาซึ่งอ้นก็ไม่เข้าใจว่าเอจะแค้นเคืองเขาอะไรหนักหนา ในเมื่อจุดเริ่มต้นเอไปฝ่ายทิ้งเขาไปก่อน และเมื่อเจอกันอีกครั้งก่อนหน้านี้ ก็เป็นเรื่องปกติที่อ้นเลือกคนอื่น เพราะในเมื่อเอทำให้เขาเจ็บตั้งแต่แรก “นายนี่มันหมาบ้ากัดไปเรื่อย เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว” “กูไม่จบ” “ไม่จบอะไร”เจนรีบเดินมาถามเมื่อเห็นสองคนคุยกันนานพอสมควร “เรื่องรถ ไม่มีอะไรหรอก”เอพูดขึ้น “ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ ก็แค่เรียกประกันมาแค่นั้นก็จบ จะมายืนคุยอะไรกันให้มากความ เดี๋ยวพวกเราต้องไปซื้อของกันอีกไม่ใช่เหรอ ตอนเย็นก็ต้องไปหาไอ้ตั้มกับไอ้ตูน” “ฮือ ตามนั้น”เอจำในพยักหน้าให้เจน “ใช่ นายจะมาพูดเรื่องไร้สาระอะไรให้มากความ”อ้นมองปราดเดียวทั้งสองคน เมื่อทุกอย่างจบอ้นก็รีบไปโรงพยาบาล เพราะศีรษะของเขาเริ่มคล้ำเขียวจากการโดนกระแทก หลังจากหาหมอเสร็จเขาก็รีบกลับมาที่ห้องในทันที หลายวันต่อมาอ้นไม่ได้ออกไปไหน เพราะเขายังเจ็บรอยซ้ำที่ศีรษะ และเหตุการณ์ในครั้งนี้เขาก็ไม่ได้บอกใครแม้แต่คนเดียว รวมทั้งจ๊อบแฟนหนุ่มของเขา เพราะอ้
การกลับบ้านของอ้นในครั้งนี้ เขาไมได้ขับรถกลับเพราะยังไม่สามารถทำใจได้ เพราะก่อนหน้านี้ที่เขาโดนรถชน และมีคนมาขู่อาฆาตเขา อ้นจึงตัดสินใจขึ้นรถประจำทางมา เพื่อความปลอดภัยกับตัวเอง เมื่อรถประจำทางมาถึงที่ขนส่ง เพียงอ้นลงจากรถแค่นั้นวินมอเตอร์ไซค์ก็เข้ามาหาอ้นทันที “ไปไหนครับ” อ้นจึงบอกที่อยู่ที่เขาจะไปและตกลงราคากัน อ้นจึงตัดสินใจไปกับวินมอเตอร์ไซค์หนุ่ม ที่รุ่นเดียวกับเขาแต่พูดจาไพเราะ เขาจึงรู้สึกไว้ใจและคาดว่าน่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขา เมื่อวินเตอร์ไซค์ขับมาถึงกลางทางบ้านของเขา วินมอเตอร์ไซค์ก็เปลื่ยนทิศทางทันที อ้นผิดสังเกตจึงบอกให้วินมอเตอร์ไซค์จอดรถ แต่ไม่เป็นผลเพราะวินมอเตอร์ไซค์ขับเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม “จอดรถเดี๋ยวนี้ นายจะพาเราไปที่ไหน” ไร้เสียงตอบกลับจากวินมอเตอร์ไซค์ อ้นเกิดความกลัวและคิดไม่ตกว่าจะทำเช่นไร เพราะหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นทำให้เขาคิดไปต่างๆนาๆ “ถ้านายไม่จอดรถเราจะกระโดดลงแล้วนะ”อ้นขู่ไปอย่างงั้นเพราะอย่างไงเขาก็ไม่กล้าที่จะกระโดดลงรถอย่างแน่นอน อ้นพลันคิดได้เขาจึงหยิบมือถือออกมา พร้อมที่จะโทรขอความช่วยเหลือ วินมอเตอร์ไซค
เอเดินทางกลับมายังบ้านของเขาซึ่งปลูกห่างจากบ้านพ่อแม่ของเขาพอสมควร ส่วนกระท่อมน้อยปลายไร่นั้นไกลจากบ้านเขาไม่มากนัก ที่เขาไม่พักที่เดียวกับอ้น เพราะเขาแค้นเคืองอ้นที่ไม่รับรักเขา จึงอยากที่จะแกล้งสักระยะหลังจากนั้นจะปล่อยอ้นไป เพราะเอนั้นรู้ข่าวจากตั้มและตูนเพื่อนของเขาที่เป็นแฟนซันและซีเพื่อนของอ้น ว่าอ้นจะกลับบ้านเวลาไหนและนั่นเป็นเหตุให้เอได้มาช่วยอ้นได้ทันเวลา แต่เขาก็ยังแปลกใจไม่หายใครที่จ้องทำร้ายอ้น ซึ่งเอเป็นห่วงอ้นมากเขาจึงจะพยายามหาคนร้ายที่อยู่ข้างหลังให้ได้ โดยมีตั้มตูนและซันซีร่วมด้วยช่วยอยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์ที่อ้นได้มาอยู่กับเอทั้งสี่คนก็รู้ ยกเว้นแต่จีจี้ที่ซันและซีไม่ยอมบอก เพราะจีจี้ไม่ค่อยชอบเออย่างมาก เมื่อเอมาถึงบ้านของเขาก็เห็นเจนนั่งรอเขาอยู่ในบ้าน เพราะเจนสามารถเข้านอกออกในบ้านของอ้นได้ตามต้องการ เพราะเอนั้นไม่สามารถที่จะห้ามเจนมาหาเขาได้ เพื่อตัดปัญหาเอจึงให้กุญแจบ้านกับเจนไว้อย่างถาวรเลย “ไปไหนมากลับมาซะมืดค่ำเลย”เจนถามทันทีที่เอเข้ามาภายในบ้าน “ไปทำธุระ”เอนั่งลงบนโซฟาเก่าๆในห้องโถงขนาดเล็ก “ธุระที่ไหน” “กูจะไปไหนมาไหนต้อง
อ้นมาในชุดเตรียมพร้อม กางเกงขายาวเสื้อลายดอกแขนยาวพร้อมหมวก รองบูทส่วนมือก็สวมถึงมือ และอุปกรณ์ใส่ข้าวโพดสะพายด้านหลัง อ้นรู้สึกหนักและเหนื่อยที่เดินมาที่ไร่ แต่เอก็ไม่มีท่าทีสงสารอ้นแม้แต่น้อย “หักข้าวโพดเดี๋ยวนี้จนกว่าจะถึงเที่ยง”เอออกคำสั่งเสียงดัง “ทำไมใจร้ายกับเราอย่างนี้เราไปทำอะไรให้นายเจ็บซ้ำน้ำใจ” “ก็กูรักมึงแต่มึงไม่รักกู เป็นอัลไซเมอร์หรือไง แต่ก็ไม่เป็นไรก็จะย้ำกับมึงทุกๆวัน” “ย้ำไปถึงชาติหน้าเลย เราไม่มีวันรักคนที่ทำร้ายเราหรอก” “ไม่เชื่อคอยดูก็แล้วกัน แต่ตอนนี้มึงหักข้าวโพดก่อน” เอจำใจทำตามอ้นอย่างเสียมิได้ ถึงแม้อ้นจะไม่ค่อยได้ทำงานหนักมาก่อน แต่เขาก็สามารถที่จะหักข้าวโพดได้ เพราะพื้นเพของอ้นแค่พอมีพอใช้ไม่ได้ถึงกับรวยมาก แต่ถ้าให้อ้นเลือกเขาก็อยากทำงานที่สบายไม่ต้องออกแรงขนาดนี้ “เก็บให้มันเร็วๆหน่อยซิ ทำเป็นมือไม้อ่อนกูไม่ใช้บอสนะ จะมาอ่อยโน้นนี่ทำไม่ไหว ฝันไปเถอะว่ากูจะสงสารมึง ถ้ายังไม่เที่ยงไม่ต้องกินข้าว” “แค่นี้ก็เร็วแล้ว จะเอาเร็วแค่ไหน” “มันต้องทำอย่างนี้”เอทำให้ดูและเขาก็เดินหักข้าวโพดนำหน้าอ้นไป
อ้นวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ในช่วงเวลานี้เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ตัวของเขาจะรอดจากความเลวร้ายนี้ได้อย่างไร มีแต่เพียงวิ่งหนีไปให้ไกล ซึ่งเส้นทางที่อ้นวิ่งเข้าไปนั้นเริ่มลึกเข้าไปในป่าทืบ ถึงกระนั้นอ้นก็ยอมหันหลังไปมอง ถึงแม้คนร้ายที่วิ่งติดตามอ้นจะหยุดอยู่บริเวณรอบนอกของป่าแล้ว เพราะทั้งสามไม่กล้าเข้าไป และมีความคิดที่จะดักรออ้นอยู่ตรงนี้ เนื่องหนึ่งในสามเป็นคนในพื้นที่ เขาจึงรู้ดีว่าป่าแห่งนี้ถ้าไม่ชำนาญพื้นที่ เมื่อเข้าไปแล้วจึงหาทางออกยากมาก ด้วยความเมื่อยล้าอ้นจึงหยุดวิ่งและหันไปมองด้านหลัง ซึ่งอ้นก็ไม่เห็นใครเขาจึงนั่งลงพักเหนื่อย ด้วยความที่ในป่ามีความเงียบเกินเขาจึงเกิดความกลัวขึ้นกะทันหัน ในจิตใจของอ้นเวลานี้หวั่นเกรงกลัวทุกอย่าง เขาพยายามมองไปรอบๆซึ่งมีแต่ป่า และเสียงไหวๆของต้นไม้ที่โอนเอนตามแรงลม พร้อมเสียงสัตว์นานาชนิดที่อ้นได้ฟังถึงกับขนลุก เขาจึงรู้สึกกลัว พออ้นได้มีเวลาพัก เขาจึงเกิดความคิดที่จะไปจากป่าแห่งนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเดินไปทางไหน อ้นจึงได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ที่เดิม เพื่อรอใครสักคนผ่านเข้ามาทางนี้ แต่ยังไร้วี่แววด้วยแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนแรงล
ช่วงเวลาไม่นานเอก็เดินออกมาจากในป่าทึบ ที่มือถือกล้วยป่าเดินเข้ามาใกล้ๆอ้นที่นั่งอยู่ในกระท่อมอย่างเหงาๆ และหวาดกลัวสิ่งต่างๆที่เขาคิดว่าอาจจะเข้ามาทำร้าย“กินซะเดี๋ยวจะหิวตายไปซะก่อน”“ขอบใจ”อ้นรีบบิดกล้วยสุกออกมากินอย่างเร่งรีบ“ไม่มีน้ำเหรอ”อ้นถาม“ได้คืบจะเอาศอก แต่ก็มีนะ”“เอ้านี้ กินนิดเดียวพอนะ มืดแล้วไปเอาน้ำลำบาก เอยื่นกระบอกไม่ไผ่ที่มีน้ำเต็มกระบอก“ไปเอากระบอกไม้ไผ่มาจากไหน”อ้นถาม “ก็ในกระท่อมนี่แหละ คนหาของป่าคงลืมไว้” “โชคดีจัง ถ้าไม่มีท่าจะแย่เลย” “ไม่แย่หรอก ถ้าหิวมากน้ำของกูก็มีคืนนี้เดี๋ยวให้กิน”เออมยิ้ม “ไอ้โรคจิตในป่ายังคิดเรื่องอกุศลอีก” “กูพูดเรื่องจริง แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ ทีกินของบอสนี่รับได้” “ความสะอาดต่างกัน” “ปากดี ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกิน”เอคว้ากระบอกไม่ไผ่จากมือของอ้น แล้วเขาก็ดื่มเองจนครึ่งกระบอก อ้นทำอะไรไม่ได้เขาได้แต่มองเอด้วยความแค้นเคือง เมื่อเอดื่มน้ำเสร็จสิ้นเขาก็ไปนำฟืนเพื่อที่จะมาก่อไฟ และบรรเทาความหนาวกับยุง ไหนจากพวกบรรดาสัตว์ต่างๆกันอีก เอใช้เวลาไม่นานในการรีบก่อไฟจนติด หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นมาที่กระท่อม และนั่งข้างๆอ้น ที่ยังมีสีหน้าที
จ๊อบเริ่มไม่สบายใจเพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่สามารถติดต่ออ้นได้เลย ยิ่งรู้ข่าวว่าอ้นไม่ได้กลับบ้าน เขาพยายามถามบรรดาเพื่อนของอ้น แต่ก็ไม่มีใครรู้แม้แต่สักคน จ๊อบจึบเร่งทำงานอย่างเริ่งรีบ และตัดนัดที่ไม่สำคัญออกไปให้หมด จ็อบนั่งบนเตียงนอนด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหลังจากอาบน้ำเสร็จ และเขาก็นั่งครุ่นคิดถึงอ้นคู่รักของเขา ถึงที่ผ่านมาเขาอาจละเลยอ้นไปบ้าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาหมดรักอ้นแต่อย่างใด ตอนนี้เขากลับเครียดหนักมาก จนจ๊อบได้ยินเสียงเคาะประตูซึ่งเขาก็แน่ใจว่าเป็นบี้เลขาของเขาหรือเปล่า จ๊อบไปเปิดประตูเพื่อให้บี้เข้ามาภายในห้อง “มีอะไรเหรอ”จ๊อบนั่งลงตามเดิม “พรุ่งนี้บอสจะกลับไทยจริงๆเหรอ”สายตาของบี้ไม่ได้มองหน้าของจ๊อบ แต่มองต่ำลงตรงหว่างขาของจ๊อบที่นั่งไม่ได้ระวัง จนเผยเห็นของสงวนแต่จ๊อบไม่ได้สนใจและสังเกตสายตาของบี้ “ใช่ เป็นห่วงอ้น ติดต่อไมได้เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” “ใช่น่าเป็นห่วงมาก บี้ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าอ้นไปอยู่ที่ไหน” “ถามเพื่อนๆแล้วไม่มีใครรู้เลย” “ไม่มีใครรู้หรือไม่มีใครบอก”บี้เดินไปท
ถึงแม้แสงอรุณสาดส่องมาถึงร่างทั้งสอง เอกับอ้นก็ยังไม่รู้สึกตัวที่จะต้องตื่น เอนั้นได้กอดร่างของอ้นไว้แน่ ส่วนอ้นก็นอนตัวขดงอให้เอได้กอด ทั้งสองนั้นหลับสนิทจนไม่รู้เลยว่าเพื่อนชายหนุ่มในหมู่บ้านได้มาถึงที่กระท่อมที่ทั้งสองนอนอยู่ “ไอ้เอ ไอ้เอ ไอ้เอ ตื่นได้แล้ว”เพื่อนร่วมหมู่บ้านปลุกสะกิดที่ร่างของเอและอมยิ้มในท่าที ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็หัวเราะร่วน เมื่อได้รับสัมผัสจากเพื่อนและได้ยินเสียงหัวเราะ เอจึงเริ่มตื่นจากภวังค์ เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและมองไปตามเสียงที่ได้ยิน เอจึงเห็นชายหนุ่มรุ่นเดียวกับเขายืนหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน “เฮ้ยเพื่อนหรือเมียว่ะกอดซะแน่นเชียว หน้าตาดูน่ารักอีกต่างหาก” “เพื่อนซิวะ”เอคลายกอดจากอ้นทัน “เหรอ”เพื่อนๆของเอหัวเราะกันใหญ่ เอแก้เขินโดยใช้เท้าสะกิดที่ขาของอ้น เพื่อปลุกให้อ้นได้ตื่น เพราะตอนนี้เขารู้สึกอายและเขินเพื่อนในหมู่บ้านอย่างมาก อ้นรู้สึกตัวทันทีเมื่อโดนเท้าของเอสะกิด เขาจึงลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ และยิ่งตื่นตระหนกกันไปกันใหญ่ เมื่อเห็นชายหนุ่มสามสี่คนยืนอยู่ตรงหน้า อ้นพลางคิด