ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ

ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ

By:  เดียวดายในห้วงฝันUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
40Chapters
26views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
Scan code to read on App

เมื่อ "แสงจันทร์ขาวในใจ" ของคู่หมั้นฉันกำลังจะตายด้วยโรคร้าย ก่อนจากไป เธอจึงยื่นข้อเสนอที่ทำให้ฉันแทบหัวใจสลาย ขอให้ฉันมอบงานแต่งที่เตรียมไว้ให้เธอ พร้อมทั้งให้ฉันเป็นสักขีพยานในวันวิวาห์ของพวกเขา ฉันได้แต่มองดูเธอสวมชุดแต่งงานที่ฉันเย็บด้วยมือของตัวเอง สวมเครื่องประดับที่ฉันเลือกสรรอย่างดีที่สุด และควงคู่หมั้นของฉันเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ที่ควรจะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว ด้วยความเห็นใจว่าเธอเป็นคนใกล้ตาย ฉันจึงจำต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดเหล่านี้ไว้ แต่เธอกลับได้ใจไปกันใหญ่ ถึงกับต้องการช่วงชิงกำไลหยกขาวที่แม่ผู้ล่วงลับของฉันทิ้งไว้ให้ นี่มันมากเกินไปแล้ว! ในงานประมูล คู่หมั้นของฉันปกป้องเธอ และโก่งราคาขึ้นไปจนถึงสองร้อยล้าน ฉันถูกครอบครัวปลิงดูดเลือดสูบเงินไปจนหมดตัว ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากทำใจยอมรับว่าของตกทอดจากบรรพบุรุษกำลังจะตกไปอยู่ในมือของคนสารเลว แต่ทันใดนั้น เสียงเรียบนุ่มทว่าแฝงด้วยพลังอำนาจดังขึ้น “สามร้อยล้าน” ทั่วทั้งห้องประมูลเงียบกริบ "ซูเซิ่งหลิน" ทายาทตระกูลซูผู้ลึกลับและมีอิทธิพล ได้สร้างความฮือฮาด้วยการประกาศก้องต่อหน้าทุกคน “สินค้าที่ประมูลได้นี้ ขอมอบให้คุณหนูใหญ่เจียง” ฉันได้กำไลหยกคืนมา และกล่าวขอบคุณซูเซิ่งหลิน "คุณชายซูคะ ฉันจะหาเงินสามร้อยล้านมาคืนให้คุณโดยเร็วที่สุด" ซูเซิ่งหลินขมวดคิ้วก่อนเอ่ยถามเบา ๆ “เจียงหว่าน… คุณจำผมไม่ได้เลยเหรอ?” ฉัน: "?"

View More

Latest chapter

Free Preview

บทที่ 1

มีคำกล่าวว่าการแต่งงานคือสุสานแห่งความรัก การได้ฝังอย่างสงบสุขยังดีกว่าการถูกทิ้งไว้กลางป่าหลังจากทุ่มเทเย็บปักถักร้อยมานานกว่าสองเดือน ในที่สุดฉันก็ทำชุดแต่งงานด้วยมือของตัวเองเสร็จภายใต้แสงไฟ ชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ สง่างาม เปล่งประกายเจิดจ้า สวยจนไม่อาจละสายตาฉันจินตนาการถึงภาพตัวเองสวมชุดแต่งงานเดินไปหาชายผู้เป็นที่รักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แม้แต่ในความฝันก็ยังอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาตั้งแต่อายุสิบเก้าจนถึงยี่สิบห้าจนตอนนี้หกปีแล้ว ในที่สุดความรักของฉันก็กำลังจะ "ได้ฝังอย่างสงบสุข"แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อตื่นขึ้นมา ทุกอย่างกลับจบสิ้นลงอย่างกะทันหัน ทุกอย่างพังทลายราวกับเป็นแค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ"พี่หว่าน ประธานกู้มาเอาชุดแต่งงานไปจากสตูดิโอแต่เช้าเลยค่ะ เอากลับไปไว้ที่บ้านหรือเปล่าคะ?เสียงของเสี่ยวอิงเถา ผู้ช่วยของฉันดังมาตามสายโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยฉันเพิ่งตื่นนอน สมองยังมึนงงกับเรื่องที่ได้ยิน จึงย้อนถามกลับไป "กู้เยี่ยนชิงรับชุดแต่งงานของฉันไปแล้วงั้นเหรอ?""ใช่ค่ะ คุณไม่ทราบเหรอคะ?""อืม ฉันจะลองถามเขาดู"หลังจากวางสายโทรศัพท์ สติของฉันก็ปลอดโปร่งขึ้...

Interesting books of the same period

Comments

No Comments
40 Chapters
บทที่ 1
มีคำกล่าวว่าการแต่งงานคือสุสานแห่งความรัก การได้ฝังอย่างสงบสุขยังดีกว่าการถูกทิ้งไว้กลางป่าหลังจากทุ่มเทเย็บปักถักร้อยมานานกว่าสองเดือน ในที่สุดฉันก็ทำชุดแต่งงานด้วยมือของตัวเองเสร็จภายใต้แสงไฟ ชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ สง่างาม เปล่งประกายเจิดจ้า สวยจนไม่อาจละสายตาฉันจินตนาการถึงภาพตัวเองสวมชุดแต่งงานเดินไปหาชายผู้เป็นที่รักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แม้แต่ในความฝันก็ยังอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาตั้งแต่อายุสิบเก้าจนถึงยี่สิบห้าจนตอนนี้หกปีแล้ว ในที่สุดความรักของฉันก็กำลังจะ "ได้ฝังอย่างสงบสุข"แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อตื่นขึ้นมา ทุกอย่างกลับจบสิ้นลงอย่างกะทันหัน ทุกอย่างพังทลายราวกับเป็นแค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ"พี่หว่าน ประธานกู้มาเอาชุดแต่งงานไปจากสตูดิโอแต่เช้าเลยค่ะ เอากลับไปไว้ที่บ้านหรือเปล่าคะ?เสียงของเสี่ยวอิงเถา ผู้ช่วยของฉันดังมาตามสายโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยฉันเพิ่งตื่นนอน สมองยังมึนงงกับเรื่องที่ได้ยิน จึงย้อนถามกลับไป "กู้เยี่ยนชิงรับชุดแต่งงานของฉันไปแล้วงั้นเหรอ?""ใช่ค่ะ คุณไม่ทราบเหรอคะ?""อืม ฉันจะลองถามเขาดู"หลังจากวางสายโทรศัพท์ สติของฉันก็ปลอดโปร่งขึ้
Read more
บทที่ 2
ฉันคิดว่าเขาจะโกรธและด่าฉันว่าเรียกร้องมากเกินไป ใครจะรู้ว่าเขาแค่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ตกลง เจอกันตอนเย็น”เมื่อสามปีก่อน เราสองคนร่วมกันก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า ‘หว่านเยี่ยนโอต์กูตูร์’ เป็นแบรนด์สั่งทำพิเศษระดับไฮเอนด์ ซึ่งปัจจุบันกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตอนนั้นกู้เยี่ยนชิงเป็นคนออกเงิน ส่วนฉันรับหน้าที่ออกแบบ สำหรับฉันแล้วมันเหมือนกับการจับเสือมือเปล่าในปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าหลายร้อยล้านและสามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ทุกเมื่อ มีอนาคตสดใสอย่างยิ่ง แต่เพื่อที่จะอยู่กับเจียงอี๋ เขากลับยอมยกบริษัทให้ฉันดูเหมือนว่าพวกเขาจะรักกันมากจริง ๆเมื่อตื่นนอน ฉันมองไปที่ของใช้สำหรับงานแต่งงานที่กองอยู่เต็มห้อง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกขัดเคืองตาจนอยากจะจุดไฟเผามันให้หมดฉันเรียกคนมาช่วยแล้วจัดการสั่งให้พวกเขาเก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นออกไปให้หมดโชคดีจริง ๆ! โชคดีที่ฉันยืนกรานว่าคืนเข้าหอเท่านั้นถึงจะมีอะไรกันได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องเสียความบริสุทธิ์ของตัวเองให้เขาไปด้วย ซึ่งมันจะยิ่งน่าขยะแขยงมากขึ้นไปอีกหลังจากที่บ้านได้รับการทำความสะอาด ฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้
Read more
บทที่ 3
พูดจบ ฉันก็โยนสัญญาใส่หน้าเขาอย่างแรง แล้วลุกขึ้นไล่แขก “ฉันจะพักผ่อนแล้ว พวกคุณรีบไสหัวไปซะ อ้อ เอาขยะของคุณไปให้หมดด้วย”ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายที่ฉันชอบมาตั้งแต่อายุสิบหก รักเขามาแปดปี คบกันมาหกปี… ทำไมฉันถึงเพิ่งเห็นธาตุแท้ของเขาวันนี้?ฉันต้องขอบคุณเจียงอี๋จริง ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องแต่งงานกับผู้ชายที่น่าขยะแขยงและเสแสร้งแบบนี้ ชีวิตคงน่าเศร้าน่าดู!หลีชิงหลานโกรธเมื่อได้ยินที่ฉันพูด เธอลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “เจียงหว่าน นี่แหละคือข้อเสียของเธอ อารมณ์ร้ายเกินไป! ลองดูเจียงอี๋สิทั้งอ่อนโยนเชื่อฟัง รู้จักกาละเทศะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เจอฉันก็จะเรียกคุณป้า ๆ อยู่ตลอด...”ฉันกดความรู้สึกคลื่นไส้ในใจไว้ เมื่อเห็นสุนัขของฉันเดินผ่านห้องนั่งเล่นมาพอดี จึงหันไปเรียก “ปาเกอ กัดพวกเขาเลย!”“โฮ่ง! โฮ่ง ๆ!” ปาเกอเชื่อฟังมาก วิ่งเข้าใส่พวกเขาพลางเห่าขู่“แก... แกนี่มัน...” หลีชิงหลานโกรธจนหน้าซีดเผือด กู้เยี่ยนชิงรีบเข้ามาประคองแม่ของเขาไว้พลางถอยร่นไปข้างหลังกู้เยี่ยนชิงมองฉันด้วยแววตาเหลือเชื่อ “เจียงหว่าน คุณทำเกินไปแล้ว! ผมดูคุณผิดไปจริง ๆ!”ฉันยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ในใจค
Read more
บทที่ 4
กู้เยี่ยนชิงยืนนิ่งอึ้งไม่พูดอะไรออกมาถังซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงดังขึ้น "ในที่สุดค่อยพูดจาเป็นผู้เป็นคนหน่อย เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น พี่สาวเสียสละให้น้องสาวไม่ใช่เรื่องสมควรหรือไง? ถือซะว่าเป็นของขวัญแต่งงานที่เธอมอบให้น้องสาวก็แล้วกัน"ฉันหัวเราะเยาะ มองไปยังแม่เลี้ยงคนนี้ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยนขึ้นทันที "งั้นฉันยังต้องให้อีกอย่างด้วย""ให้อะไร?" ถังซิ่วเอ๋อถามฉันตอบ "โลงศพอีกหนึ่งใบ เอาไว้ไปตั้งที่งานแต่งไง""เจียงหว่าน!" ถังซิ่วเอ๋อโกรธจนหน้าซีดเผือดพลางจ้องฉันเขม็งแต่กลับพูดอะไรไม่ออกฉันยิ้มพลางอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าเดิม "ในสมัยโบราณ เวลาผู้หญิงแต่งงาน ตระกูลฝ่ายหญิงต้องเตรียมโลงศพเป็นส่วนหนึ่งของสินสอด แล้วนำไปยังบ้านสามีในวันแต่งงาน ในฐานะพี่สาวฝ่ายเจ้าสาว ของขวัญแต่งงานที่ฉันให้ก็ตรงตามธรรมเนียมดีนี่นา"สิ่งที่ฉันพูดฟังดูสมเหตุสมผลจนพวกเขาไม่สามารถโต้แย้ง ทำได้แต่กลืนความขมขื่นไว้ในใจเหมือนกับตอนที่ฉันจุดประทัดเมื่อกี้ แม้ว่าฉันจะฉลอง ดีใจที่เห็นความหายนะ และแอบสาปแช่งเจียงอี๋ แต่ถ้าฉันอ้างว่ามันเป็นการไล่สิ่งอัปมงคล พวกเขาจะทำอะไรฉันได้?ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
Read more
บทที่ 5
ฉันแค่นหัวเราะก่อนหันไปมองถนนที่เต็มไปด้วยรถราขวักไขว่ รอจนจิตใจเย็นลงเล็กน้อยจึงหันกลับมาพูดประชดประชัน "กู้เยี่ยนชิง ฉันคนนี้ไม่ใช่สถานีรีไซเคิลขยะนะ ไม่ว่าแต่ก่อนฉันจะรักคุณแค่ไหนหรือทุ่มเทให้มากเท่าไร ตั้งแต่วันที่คุณเลือกที่จะทรยศฉัน วันนั้นคุณก็ไม่คู่ควรกับความรักของฉันอีกต่อไป"ฉันหมุนตัวจะเดินจากไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาชี้เขาแล้วกล่าวเสริม "ต่อให้ผู้ชายทั้งโลกตายหมด ฉันก็ไม่มีวันชายตามองคุณอีก น่าขยะแขยง"บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีที่เด็ดขาดของฉันทำให้กู้เยี่ยนชิงรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง เขาจึงก้าวเข้ามาจับแขนฉันไว้ทันทีและเริ่มขอร้องอ้อนวอน "เสี่ยวหว่าน ผมรักคุณนะ ความรู้สึกตลอดหกปีที่ผ่านมาผมจดจำมันอยู่ในใจเสมอไม่มีวันลืม แต่เจียงอี๋กำลังจะตาย เธอน่าสงสารขนาดนั้น ความปรารถนาก่อนตายของเธอก็แค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้นเอง…""ปล่อย!""เสี่ยวหว่าน ผมสาบานเลยว่าถ้าเจียงอี๋…""เพียะ!" ฉันไม่รอให้เขาพูดจาไร้สาระจบก็เงื้อมือฟาดเข้าไปที่แก้มอีกข้างของเขาอย่างแรงตอนนี้ดีเลย รอยนิ้วมือทั้งสองข้างสมมาตรกัน ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูตลกขึ้นไปอีก"กู้เยี่ยนชิง เห็นแก่ที่ฉันเคยให้เลือดค
Read more
บทที่ 6
"เจียงหว่าน ถ้าเจียงอี๋เป็นอะไรขึ้นมา ผมจะคอยดูว่าคุณจะอธิบายยังไง!" กู้เยี่ยนชิงจ้องฉันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและดุดัน ก่อนอุ้มเจียงอี๋แล้วรีบพาเธอออกไปทันทีฉันยืนนิ่งอยู่นาน ในหัวเต็มไปด้วยภาพใบหน้าของกู้เยี่ยนชิงที่โกรธเกรี้ยวและไร้เยื่อใยต่อฉันคำสาบานรักที่เคยมีให้กันกลายเป็นเรื่องน่าขันในวินาทีนี้ เขาเปลี่ยนใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ตัวเลยฉันจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวด จนกระทั่งเสี่ยวอิงเถาเข้ามาในห้องและถามด้วยความเป็นห่วง ฉันถึงได้สติกลับมาไม่คุ้มค่าที่จะเสียใจกับผู้ชายเลว ๆ แบบนี้ ฉันสูดหายใจลึก ๆ แล้วตั้งใจทำงานต่อจนเกือบเที่ยงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากถังซิ่วเอ๋อ ฉันก็กดตัดสายทันทีไม่นานนักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็นพ่อของฉันโทรมาฉันเริ่มสงสัย หรือว่าเจียงอี๋ทนไม่ไหวจนตายไปแล้ว?ลังเลอยู่ไม่กี่วินาที ฉันก็ตัดสินใจรับสายแต่ไม่ทันที่โทรศัพท์จะแนบหู เสียงตะโกนก้องของพ่อก็ดังสนั่นราวกับเสียงคำรามของสิงโต ทำเอาหูฉันสั่นสะเทือน"เจียงหว่าน! แกมันบ้าไปแล้วหรือไง! เจียงอี๋อ่อนแออยู่แล้ว ยังจะทำร้ายเธอ ผลักเธอลงพื้นอีก!
Read more
บทที่ 7
ฉันใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดดวงตาที่แสบร้อน แล้วหายใจเข้าลึก ๆ โดยไม่มีแก่ใจจะมองว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นใครแต่แล้วพ่อของฉันก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและอ่อนน้อมยิ่ง "คุณชายรองซู ต้องขออภัยที่ให้เห็นเรื่องน่าอับอาย ตรงนั้นเป็นที่นั่งของแขกพิเศษ ขอเชิญท่านย้ายไปนั่งที่นั่นเถอะครับ""ไม่จำเป็น ผมจะนั่งตรงนี้" ชายที่ถูกเรียกว่าคุณชายรองซูกล่าวตอบ น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบสงบนิ่งทว่าแฝงไปด้วยอำนาจที่สูงส่งพ่อฉันทำท่าจะพูดอะไรอีก แต่บนเวทีพิธีกรได้เชิญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นไป ถังซิ่วเอ๋อจึงรีบเข้ามาดึงตัวเขาออกไปฉันเงยหน้าขึ้นพยายามสงบจิตใจ ยังไม่ทันได้คืนผ้าเช็ดหน้า ก็ได้ยินเสียงจากลำโพงดังขึ้น "ขอเชิญผู้ประกาศคำปฏิญาณในพิธีวันนี้ คุณเจียงหว่าน ขึ้นเวทีค่ะ"ไฟสปอร์ตไลต์ฉายมาที่ฉันอย่างกะทันหัน จนฉันตั้งตัวไม่ทันบรรยากาศที่เคยจอแจเงียบลงในทันที ฉันรู้ว่าทุกคนต่างตกตะลึง บางคนรู้สึกสงสารเห็นใจฉัน ขณะที่บางคนรอดูเรื่องตลกฉันรีบยืดหลังตรง สวมเกราะแห่งความเข้มแข็งเพื่อปกปิดความอ่อนแอทุกอย่างและลุกเดินขึ้นไปบนเวทีเสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นอีกครั้งและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยิ
Read more
บทที่ 8
เจียงอี๋น้ำตาคลอเต็มดวงตา เธอพูดปนสะอื้นจนแทบไม่เป็นคำฉันฟังไปได้ครึ่งทางก็เข้าใจทันที นี่เธอกำลังเล่นบทน่าสงสารต่อหน้าฝูงชน บีบบังคับให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอด้วยตรรกะทางศีลธรรม!"ขอบคุณพี่ที่ยอมให้ฉันได้สมหวังกับพี่เยี่ยนชิง ขอบคุณที่ทำให้ฉันสามารถจากโลกนี้ไปโดยไม่มีความเสียใจ หวังว่าทุกคนจะไม่หัวเราะเยาะพี่สาวของฉัน เพราะเธอคือพี่สาวที่ดีที่สุดในโลก"หลังจากที่เจียงอี๋พูดจบด้วยน้ำตา ทั้งงานก็เงียบกริบ ทุกคนตั้งใจมองไปที่เวที ไม่มีใครพูดจาเสียดสีอีกฉันมองลงไปที่กลุ่มแขก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ฉันเห็นใบหน้าหนึ่งที่หล่อเหลาสุดขั้ว ดวงตาเป็นประกายคมกริบ ริมฝีปากบางของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้สะเทือนใจกับละครเรียกคะแนนสงสารของเจียงอี๋แม้แต่น้อยเจียงอี๋หันมามองฉันด้วยดวงตาแดงช้ำ น้ำตาคลอเต็มหน่วย ก่อนจะพูดเสียงสะอื้น "พี่คะ… ขอบคุณนะคะ ฉันอยากฟังความในใจของพี่ พี่… เกลียดฉันหรือเปล่า?"ฉันสะดุ้งเฮือก ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจียงอี๋จะเล่นใหญ่ขนาดนี้!เธอบีบให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอ แล้วยังจะกดดันให้ฉันต้องแสดงออกต่อหน้าฝูงชน เพื่อร่วมเล่นละครครอบครัวรั
Read more
บทที่ 9
สถานการณ์วุ่นวายถึงขีดสุด แขกที่อยู่ด้านล่างต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่งฉันตัวคนเดียว ไม่มีแรงต้านทานจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดีที่พ่อแม่ของกู้เยี่ยนชิงยังรู้จักรักษาหน้า รีบเข้ามาห้าม"คุณเจียง! คุณเจียง! นี่เป็นงานแต่งของลูก ๆ นะ แขกตั้งมากมายกำลังดูอยู่! รีบหยุดเถอะ!""อย่ามาห้ามฉัน! ฉันจะตีนังลูกเนรคุณนี่ให้ตาย! นังตัวซวย! เกิดมาเพื่อเป็นตัวหายนะของฉัน!"เจียงไห่หยางถูกฉันยั่วจนโกรธจัด ใบหน้าเหยเกจนดูน่ากลัว เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้แต่พ่อแม่ของ กู้เยี่ยนชิงก็ยังห้ามไม่อยู่ทันใดนั้นถังซิ่วเอ๋อก็ตะโกนเสียงดัง "หยุดตีได้แล้ว! เสี่ยวอี๋เป็นลมแล้ว! ใครก็ได้! เรียกคนมาช่วยเร็ว!"เจียงไห่หยางชะงัก หันกลับไปมองก่อนจะผลักฉันออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปหา "เกิดอะไรขึ้น? รถพยาบาลล่ะ? รีบโทรเรียกรถพยาบาลสิ!"ฝูงชนที่รายล้อมฉันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไปในพริบตา ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปหาตัวเจ้าสาวที่หมดสติกู้เยี่ยนชิงหน้าตื่น พุ่งไปช้อนตัวเจียงอี๋ขึ้น "เสี่ยวอี๋ อดทนไว้นะ! เธอต้องอดทนไว้! พี่จะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!"ฉันอยู่ในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าปวดร้าวไปหมดแต่เมื่อเห็นพวกเข
Read more
บทที่ 10
ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวในงานแต่งของฉันกับกู้เยี่ยนชิงได้?ฉันคิดไม่ตกสงสัยว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?คนอย่างเขาไม่ค่อยปรากฏตัวง่าย ๆ แต่พอมาปรากฏตัวก็ได้ชมละครฉากใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าไม่เสียเที่ยวแล้วโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน ดึงฉันออกจากความคิดที่ยุ่งเหยิงหลี่อวิ๋นเวยตะโกนลั่นผ่านสายด้วยความโมโห "กู้เยี่ยนชิงกับเจียงอี๋มันน่าขยะแขยงสุด ๆ! ฉันโมโหจนเกือบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง! แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้เลยนี่นา สวนกลับได้โคตรดี โคตรเฉียบ จนไอ้พวกเวรนั่นดิ้นพล่าน!"ฉันถอนหายใจ เอนพิงพนักเบาะพลางเอามือกุมขมับ "อย่าบอกนะว่ามันกระจายไปทั่วเน็ตแล้ว?""เธอคิดว่าไงล่ะ? เรื่องแบบนี้หายากจะตาย แม้แต่ละครน้ำเน่ายังเขียนบทไม่ได้ขนาดนี้เลย! ตอนนี้ชาวเน็ตแบ่งเป็นสองฝั่ง ด่ากันไฟแลบ!""..." ฉันหลับตาลง รู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าเดิมฉันอยากแก้แค้นพวกเขาจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้อยากลากตัวเองลงไปในวังวนโคลนตมนี้ด้วยถ้าปล่อยให้เรื่องนี้บานปลาย ฉันเองก็อาจโดนผลกระทบไปด้วย"เสี่ยวหว่าน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันเห็นเธอโดนตบ" หลังจากโมโหเสร็จ หลี่อวิ๋นเวยก็ถามไถ่ฉันด้วยความเป็นห่วงฉันตอบเรียบ ๆ "ไม่เป็นไร แค่โดนตบไปไม่กี่ทีเ
Read more
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status