Share

บทที่ 4

Author: เดียวดายในห้วงฝัน
กู้เยี่ยนชิงยืนนิ่งอึ้งไม่พูดอะไรออกมา

ถังซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงดังขึ้น "ในที่สุดค่อยพูดจาเป็นผู้เป็นคนหน่อย เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น พี่สาวเสียสละให้น้องสาวไม่ใช่เรื่องสมควรหรือไง? ถือซะว่าเป็นของขวัญแต่งงานที่เธอมอบให้น้องสาวก็แล้วกัน"

ฉันหัวเราะเยาะ มองไปยังแม่เลี้ยงคนนี้ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยนขึ้นทันที "งั้นฉันยังต้องให้อีกอย่างด้วย"

"ให้อะไร?" ถังซิ่วเอ๋อถาม

ฉันตอบ "โลงศพอีกหนึ่งใบ เอาไว้ไปตั้งที่งานแต่งไง"

"เจียงหว่าน!" ถังซิ่วเอ๋อโกรธจนหน้าซีดเผือดพลางจ้องฉันเขม็งแต่กลับพูดอะไรไม่ออก

ฉันยิ้มพลางอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าเดิม "ในสมัยโบราณ เวลาผู้หญิงแต่งงาน ตระกูลฝ่ายหญิงต้องเตรียมโลงศพเป็นส่วนหนึ่งของสินสอด แล้วนำไปยังบ้านสามีในวันแต่งงาน ในฐานะพี่สาวฝ่ายเจ้าสาว ของขวัญแต่งงานที่ฉันให้ก็ตรงตามธรรมเนียมดีนี่นา"

สิ่งที่ฉันพูดฟังดูสมเหตุสมผลจนพวกเขาไม่สามารถโต้แย้ง ทำได้แต่กลืนความขมขื่นไว้ในใจ

เหมือนกับตอนที่ฉันจุดประทัดเมื่อกี้ แม้ว่าฉันจะฉลอง ดีใจที่เห็นความหายนะ และแอบสาปแช่งเจียงอี๋ แต่ถ้าฉันอ้างว่ามันเป็นการไล่สิ่งอัปมงคล พวกเขาจะทำอะไรฉันได้?

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาอาศัยว่าฉันยังเด็กรังแกฉันไม่รู้กี่ครั้ง ฉันเคยได้รับความเป็นธรรมสักครั้งไหม?

ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้ลิ้มรสความอับอายและความโกรธที่ต้องกล้ำกลืนแบบฉันบ้างแล้ว!

ถังซิ่วเอ๋อหน้าแดงจัดเพราะความโกรธก่อนยกมือชี้ไปที่ประตู "เจียงหว่าน ไสหัวออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้!"

แค่นั้นยังไม่พอ เธอยังหันไปลงที่พ่อสารเลวของฉันแทน "เจียงไห่หยาง! ดูลูกสาวแสนดีของคุณสิ! จิตใจโหดร้ายอำมหิต ไร้ความปรานีขนาดนี้! เธอสาปแช่งลูกสาวของฉันขนาดนี้ คุณยังจะนิ่งเฉยอยู่อีกเหรอ!"

เจียงไห่หยางเองก็โกรธไม่น้อย ยังไม่ทันที่ถังซิ่วเอ๋อพูดจบ เขาก็พุ่งเข้าหาฉันด้วยท่าทีคุกคาม

กู้เยี่ยนชิงสีหน้าเปลี่ยนไป รีบก้าวเข้ามาห้าม "ลุงเจียง มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันเถอะครับ"

เจียงไห่หยางถูกขวางไว้ แต่ยังคงชี้นิ้วมาที่ฉันแล้วสั่งว่า "ขอโทษน้องสาวแกเดี๋ยวนี้!"

ฉันไม่มีวันขอโทษ จึงเถียงกลับอย่างมีเหตุผล "ฉันพูดอะไรผิดเหรอ? พ่อต่างหากที่ไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจขนบธรรมเนียมงานแต่งงานแล้วมาโทษ…"

ฉันยังพูดไม่จบ เจียงไห่หยางก็ยกมือขึ้นแล้วพุ่งเข้ามาหมายจะตบฉัน

แต่กู้เยี่ยนชิงเข้ามาขวางไว้ก่อน ส่งผลให้ฝ่ามือของเจียงไห่หยางฟาดเข้าเต็ม ๆ ที่ศีรษะของกู้เยี่ยนชิงจนผมของเขาปลิวสะบัด

เจียงอี๋กรีดร้องเสียงแหลม "พ่อ! พ่อทำอะไรคะ!"

กู้เยี่ยนชิงดูมึนงงไปชั่วขณะ ก่อนพยายามลืมตาขึ้น แล้วพูดขัดขวางเจียงไห่หยางต่อ "ลุงเจียง การใช้กำลังแก้ไขปัญหาไม่ได้หรอกนะครับ เรื่องนี้ความผิดอยู่ที่ผมเอง ผมไม่สามารถปลอบใจเจียงหว่านได้ดีพอ ขอให้ผมจัดการเรื่องนี้เองนะครับ"

เจียงไห่หยางมีโรคประจำตัวมากมาย ทั้งความดันสูง ไขมันสูง และเบาหวาน ตอนนี้โกรธจนหน้าแดงเส้นเลือดที่คอปูด ดูเหมือนจะเจ็บปวดไม่น้อย

เขาหายใจหอบพลางพูดด้วยเสียงขาดห้วง "คุณ…จัดการกับเจียงหว่านให้ดี ถ้ามีครั้งหน้าอีก ฉันจะหักขาหล่อนซะ!"

กู้เยี่ยนชิงรีบตอบรับ แล้วหันมามองฉันก่อนพูดเสียงเบา "เจียงหว่าน ออกไปคุยกันหน่อยเถอะ"

"ไม่จำเป็น ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ"

ฉันหมุนตัวจะเดินออกไป แต่เขาคว้าแขนฉันไว้ "เจียงหว่าน ท่าทีแบบนี้ไม่ช่วยแก้ปัญหาหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรทำไมถึงคุยกันดี ๆ ไม่ได้?"

ครอบครัวเดียวกัน?

ฉันรู้สึกขยะแขยงกับคำพูดพวกนั้น จึงตอบกลับไป "พวกคุณไม่คู่ควรที่จะเป็นครอบครัวเดียวกับฉัน"

พูดจบฉันยกมือที่เขาจับไว้ขึ้นมาพลางสั่งเสียงแข็ง "ปล่อย"

"เรามาคุยกันหน่อยเถอะนะ"

"ฉันบอกให้ปล่อย!" ฉันพยายามดิ้นให้หลุดแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย ฉันโกรธจนหมดความอดทนจึงเงื้อมืออีกข้างขึ้นฟาดเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง

"เพียะ" เสียงตบดังสนั่น จนคนในห้องผู้ป่วยต่างตกตะลึงตาแทบถลน

จากนั้นเจียงอี๋ก็ร้องไห้พลางตะโกนออกมา "เจียงหว่าน เธอทำอะไร! เธอมีสิทธิ์อะไรมาตบพี่เยี่ยนชิง? ฉันต่างหากที่เป็นคนขอให้เขาแต่งงานกับฉัน เธอไม่พอใจอะไรก็มาลงที่ฉันเถอะ…"

ฉันเหลือบมองไปทางเตียงผู้ป่วย แล้วยิ้มเย็นชา "ตบผู้ชายเฮงซวยแบบนี้ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? ส่วนเธอน่ะ ไว้วิญญาณเธอไปถึงนรกเมื่อไหร่ พญายมจะจัดการให้เอง ฉันไม่จำเป็นต้องทำให้มือเปื้อน"

พูดจบฉันไม่สนใจว่าพวกเขาจะโกรธหรือแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวขนาดไหน ฉันหมุนตัวเดินออกไปพร้อมกระแทกปิดประตูเสียงดัง

เมื่อกลับมาถึงรถ ฉันนั่งนิ่งอยู่นานกว่าความคิดในหัวจะค่อย ๆ สงบลง

เมื่อนึกถึงว่าต้องมีครอบครัวแบบนี้ หัวใจก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้

ฉันเคยคิดว่าการได้เจอกู้เยี่ยนชิง การได้พบกับคนที่ฉันรัก จะช่วยเยียวยาบาดแผลในจิตใจของฉันได้

ใครจะคิดว่าคนที่มอบบาดแผลร้ายแรงที่สุดให้ฉันกลับเป็นเขาเสียเอง

เมื่อนึกถึงความเสียสละตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อรักษาโรคของเขา ฉันรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในทั้งห้าของฉันถูกฝูงหมาป่าฉีกทึ้ง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน ดึงฉันออกจากความคิดอันหม่นหมอง

ฉันหยิบมันขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นสายจากเพื่อนสนิท หลี่อวิ๋นเวย

"ฮัลโหล…"

"คุณนายกู้ เธอลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าวันนี้เที่ยงเรามีนัดกัน หายไปไหนแล้ว? หรือว่าถูกกู้เยี่ยนชิงขังไว้?"

หลี่อวิ๋นเวยยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันในช่วงสองวันนี้ เลยพูดแซวขึ้นมา

ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่กี่วันก่อนฉันได้นัดเพื่อนไว้เที่ยงนี้ เพื่อลงรายละเอียดเกี่ยวกับการซ้อมพิธีแต่งงาน

"ฉันกำลังไป"

การซ้อมงานแต่งไม่จำเป็นอีกแล้ว ฉันควรจะบอกเรื่องนี้ให้เพื่อนได้รู้

เมื่อไปถึงร้านอาหารและพบกับหลี่อวิ๋นเวย เธอสังเกตเห็นความผิดปกติของฉันในทันที

"เป็นอะไร? ทำไมหน้าตาดูแย่ขนาดนี้ ทะเลาะกับที่บ้านอีกแล้วเหรอ?" หลี่อวิ๋นเวยถามด้วยความเป็นห่วง

เรื่องความสัมพันธ์อันเลวร้ายระหว่างฉันกับครอบครัวเดิมของฉัน หลี่อวิ๋นเวยรู้ดีทุกอย่าง

ฉันไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เพียงพูดออกไปอย่างเย็นชาว่า "เวยเวย ไม่มีงานแต่งแล้ว"

หลี่อวิ๋นเวยกำลังรินชาอยู่ พอได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยความตกใจหยุดมือไปชั่วขณะ "เธอพูดอะไรไร้สาระ? งานแต่งก็จะจัดอาทิตย์หน้าอยู่แล้ว มันจะไม่มีได้ยังไง?"

ฉันหัวเราะแผ่วเบา ในใจเต็มไปด้วยความเย็นชา "พูดให้ถูกก็คืองานแต่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่เจ้าสาวไม่ใช่ฉันอีกต่อไปแล้ว"

หลี่อวิ๋นเวยวางกาน้ำชา ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมาหาฉัน ก่อนยกมือแตะหน้าผาก "เธอไม่สบายไข้ขึ้นจนเพ้อไปแล้วเหรอ? พูดอะไรบ้า ๆ"

ฉันดึงมือเธอแล้วกดให้เธอนั่งลงดี ๆ กันไว้ก่อนว่าเธอจะตกใจจนเป็นลม จากนั้นก็เล่าเรื่องราวสองวันที่ผ่านมาให้ฟังอย่างย่อ ๆ

หลี่อวิ๋นเวยเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเหมือนเห็นผี

"เวร! กู้เยี่ยนชิงบ้าไปแล้วเหรอ? ทุกวันนี้ บนหน้าของเจียงอี๋เขียนไว้ตัวโต ๆ ว่า 'นังคนเสแสร้ง' เขาตาบอดมองไม่เห็นเหรอ? อยู่ ๆ เปลี่ยนเจ้าสาวก่อนงานแต่ง เขาไม่กลัวแขกทั้งงานจะหัวเราะเยาะ โดนด่าจนติดเทรนด์เหรอ? อยากพังชีวิตตัวเองก็ไม่เห็นต้องเล่นอะไรเสี่ยง ๆ ขนาดนี้เลย"

หลี่อวิ๋นเวยโกรธจนเดือดจัด เสียงของเธอสูงจนทำให้แขกคนอื่นในร้านสะดุ้ง

"ไม่ได้! ฉันต้องโทรไปด่ามันให้ยับ!"

นิสัยเธอร้อนแรงกว่าฉันเสียอีก พอพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากู้เยี่ยนชิงทันที

ฉันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจจึงนั่งจิบชาเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะห้ามเธอ

"กู้เยี่ยนชิง แกโดนเจียงอี๋เล่นของใส่หรือไง? เธอป่วยเป็นมะเร็งแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก? เจียงหว่านอยู่กับแกมาตั้งหกปี เธอเสียสละอะไรเพื่อรักษาแกไปบ้าง แกจำได้ไหม? ถ้าไม่ได้เลือดของเธอคอยช่วย ป่านนี้หญ้าบนหลุมศพแกสูงสองเมตรไปแล้วมั้ง! ไอ้หมาเนรคุณ!"

"แล้วอีกอย่าง แกไปคบกับเจียงอี๋ตั้งแต่เมื่อไหร่? พวกแกคงไม่ได้นอนด้วยกันแล้วใช่ไหม? ฉันเคยเจอคนเลว ๆ มาก็เยอะ แต่ไม่เคยเจอใครเลวร้ายเท่าแก! ยังไงแกก็เป็นคนมีหน้ามีตา แกไม่กลัวคนในงานแต่งงานจะ..."

หลี่อวิ๋นเวยระบายความเดือดดาลไม่หยุด ด่าไปห้าหกนาทีติด จนกระทั่งพนักงานร้านอาหารเดินเข้ามาเตือนให้เธอเบาเสียงลง

ฉันไม่อยากให้เธอขายหน้าเลยลุกขึ้นไปคว้าโทรศัพท์ของเธอมากดวางสาย

"เธอกดวางทำไม! ฉันยังด่าไม่จบเลย! ไม่ใช่แค่กู้เยี่ยนชิงหรอกที่ต้องโดนด่า นังคนมารยาสาไถยนั่นยิ่งต้องโดน! เป็นมะเร็งแล้วไง? มีสิทธิ์แย่งสามีพี่สาวตัวเองได้หรือไง?"

หลี่อวิ๋นเวยโมโหจนแทบคุมตัวเองไม่ได้

ฉันรีบรินชาให้เธอพลางปลอบ "พอเถอะ อย่ารบกวนคนอื่นกินข้าวเลย"

หลี่อวิ๋นเวยมองสายตาผู้คนรอบ ๆ แล้วถึงค่อย ๆ ระงับอารมณ์โกรธของตัวเองลง

"กู้เยี่ยนชิงคิดอะไรอยู่? เขารักเจียงอี๋จริง ๆ เหรอ?" หลี่อวิ๋นเวยยังคงไม่เข้าใจ เธอถามด้วยความสงสัยระคนหงุดหงิด

ฉันส่ายหน้า "ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ได้รักฉัน"

ไม่อย่างนั้นเขาจะกล้าทำเรื่องที่ไร้สาระ น่าอับอาย และหน้าด้านขนาดนี้ได้อย่างไร

"เจียงอี๋มันโรคจิต หลายปีมานี้นังนั่นคอยจะแย่งทุกอย่างจากเธอตลอด กู้เยี่ยนชิงมองไม่ออกเลยเหรอ?"

ฉันยิ้มเยาะ "เขาเข้าใจมาตลอดว่าฉันคิดมาก มีอคติกับเจียงอี๋มากเกินไป"

หลี่อวิ๋นเวยโกรธจนต้องดื่มชาไปหลายอึก ก่อนจะถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน "แล้วเขารู้ไหมว่าเจียงอี๋กับเจียงฮ่าวเป็นน้องที่เกิดจากพ่อของเธอ?"

"ไม่แน่ใจ ฉันไม่เคยบอกเขา เขาอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้"

เรื่องอัปยศในครอบครัว ใครที่ไหนจะเอามาพูดถึงกัน

ต่อให้เป็นคนที่รักมากแค่ไหน ก็ไม่ควรเปิดเผยด้านที่น่าอับอายของครอบครัวตัวเองให้เขาเห็น

ไม่อย่างนั้นเมื่อวันที่ความรักหมดลง เรื่องอัปยศเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ไปทั่ว และอาจถูกใช้เป็นอาวุธย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

"เขาไม่รู้เหรอ?" หลี่อวิ๋นเวยยิ้มอย่างมีเลศนัย "ฮึ ฉันล่ะอยากเห็นจริง ๆ วันไหนกู้เยี่ยนชิงได้รู้ธาตุแท้ของเจียงอี๋เข้า คงจะเสียใจจนคุกเข่าร้องไห้แน่ ๆ"

ฉันยิ้มแต่ไม่พูดอะไร

เขาจะเสียใจหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอีกแล้ว

หลังจากกินข้าวเสร็จ หลี่อวิ๋นเวยก็ปลอบฉัน "อย่างน้อยเธอก็ได้บริษัทเป็นค่าชดเชย ผู้ชายขยะ ๆ แบบนี้ ทิ้งไปเถอะ ต่อไปตั้งใจทำงานให้ดีก็พอ"

คำพูดของเพื่อนสนิททำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องเปลี่ยนแปลงนิติบุคคลของบริษัทที่ต้องจัดการ

"ใช่ เธอพูดถูก ฉันไม่ควรมัวเสียใจเพราะผู้ชายห่วย ๆ ไม่ต้องห่วงฉันไม่เป็นไร รู้ธาตุแท้ของคนเลวได้เร็ว ก็ถือว่าโชคดีเหมือนกัน"

หลังจากบอกลาหลี่อวิ๋นเวย ตอนบ่ายฉันก็นัดกู้เยี่ยนชิงไปทำเรื่องเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์บริษัท

เขาตอบตกลงอย่างง่ายดาย

ตอนที่ฉันเจอเขา รอยฝ่ามือห้านิ้วยังประทับอยู่บนใบหน้า ทำให้ใบหน้าที่เคยดูหล่อเหลาของเขากลายเป็นภาพที่น่าขันขึ้นมา

"รีบ ๆ หน่อย ทำธุระตรงนี้เสร็จแล้วก็ไปหย่ากันเลย" พอเห็นเขายังเดินเอ้อระเหย ฉันก็กระซิบเร่ง

เราเพิ่งจดทะเบียนสมรสกันมาได้แค่เดือนเดียว ถ้ารู้ว่ามันจะลงเอยแบบนี้ ฉันไม่น่าต่อคิวจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ยี่สิบเดือนห้าเลย

กู้เยี่ยนชิงมองฉันด้วยสายตาหม่นหมอง ริมฝีปากขยับเล็กน้อยเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็กลืนคำพูดลงไป

หลังจากออกจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เราก็มุ่งหน้าไปยังสำนักงานเขต

ทว่าเมื่อไปถึงกลับได้รับแจ้งว่าการหย่าต้องจองคิวล่วงหน้าก่อน แล้วค่อยนำเอกสารมายื่นภายหลัง

จากนั้นต้องรอช่วงเวลาทบทวน 30 วัน หากครบกำหนดแล้วยังยืนยันที่จะหย่า ถึงจะสามารถออกใบหย่าได้

ฉันทั้งหงุดหงิดทั้งผิดหวัง จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจองคิวทันที แต่กลับได้คิวอีกครึ่งเดือนถัดไปในช่วงบ่าย

นั่นหมายความว่าตอนที่กู้เยี่ยนชิงแต่งงานกับเจียงอี๋ ฉันก็ยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา

เรื่องบัดซบอะไรเนี่ย!

กู้เยี่ยนชิงเห็นว่าฉันอารมณ์เสียสุดขีด เขาจึงพูดเสียงอ่อนโยน "เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ เจียงอี๋เองก็ไม่ได้เร่งผม"

ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างกระทันหัน จนทำให้เขาสะดุ้งตกใจ

ฉันจ้องเขาด้วยความโกรธอยู่นาน ก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วถาม "ไม่ได้เร่งงั้นเหรอ? เธอไม่กลัวเหรอว่าวันนั้นอาจจะมาไม่ถึง?"

"..." สีหน้าของกู้เยี่ยนชิงแข็งค้าง

การหย่าร้างยุ่งยากขนาดนี้ ถ้าฉันไม่ร่วมมือด้วยก็คงไม่ได้หย่าภายในครึ่งปีหรอก

ต่อให้เจียงอี๋ได้เป็นเจ้าสาวแล้วไง ในทางกฎหมายเธอไม่นับว่าเป็นภรรยาอย่างมากก็แค่เมียน้อย

กู้เยี่ยนชิงไม่ตอบคำถาม เขาก้าวเข้ามาหาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย "งั้นเราอย่าหย่ากันเลย จะได้ไม่ต้องมาจดทะเบียนใหม่ทีหลัง"

ฉันตกตะลึงสุดขีด จ้องเขาด้วยความไม่เข้าใจ

ถึงตอนนี้เขายังมั่นใจว่าหลังจากเจียงอี๋ตายฉันจะกลับไปคืนดีกับเขางั้นเหรอ?

Related chapters

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 5

    ฉันแค่นหัวเราะก่อนหันไปมองถนนที่เต็มไปด้วยรถราขวักไขว่ รอจนจิตใจเย็นลงเล็กน้อยจึงหันกลับมาพูดประชดประชัน "กู้เยี่ยนชิง ฉันคนนี้ไม่ใช่สถานีรีไซเคิลขยะนะ ไม่ว่าแต่ก่อนฉันจะรักคุณแค่ไหนหรือทุ่มเทให้มากเท่าไร ตั้งแต่วันที่คุณเลือกที่จะทรยศฉัน วันนั้นคุณก็ไม่คู่ควรกับความรักของฉันอีกต่อไป"ฉันหมุนตัวจะเดินจากไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาชี้เขาแล้วกล่าวเสริม "ต่อให้ผู้ชายทั้งโลกตายหมด ฉันก็ไม่มีวันชายตามองคุณอีก น่าขยะแขยง"บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีที่เด็ดขาดของฉันทำให้กู้เยี่ยนชิงรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง เขาจึงก้าวเข้ามาจับแขนฉันไว้ทันทีและเริ่มขอร้องอ้อนวอน "เสี่ยวหว่าน ผมรักคุณนะ ความรู้สึกตลอดหกปีที่ผ่านมาผมจดจำมันอยู่ในใจเสมอไม่มีวันลืม แต่เจียงอี๋กำลังจะตาย เธอน่าสงสารขนาดนั้น ความปรารถนาก่อนตายของเธอก็แค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้นเอง…""ปล่อย!""เสี่ยวหว่าน ผมสาบานเลยว่าถ้าเจียงอี๋…""เพียะ!" ฉันไม่รอให้เขาพูดจาไร้สาระจบก็เงื้อมือฟาดเข้าไปที่แก้มอีกข้างของเขาอย่างแรงตอนนี้ดีเลย รอยนิ้วมือทั้งสองข้างสมมาตรกัน ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูตลกขึ้นไปอีก"กู้เยี่ยนชิง เห็นแก่ที่ฉันเคยให้เลือดค

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 6

    "เจียงหว่าน ถ้าเจียงอี๋เป็นอะไรขึ้นมา ผมจะคอยดูว่าคุณจะอธิบายยังไง!" กู้เยี่ยนชิงจ้องฉันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและดุดัน ก่อนอุ้มเจียงอี๋แล้วรีบพาเธอออกไปทันทีฉันยืนนิ่งอยู่นาน ในหัวเต็มไปด้วยภาพใบหน้าของกู้เยี่ยนชิงที่โกรธเกรี้ยวและไร้เยื่อใยต่อฉันคำสาบานรักที่เคยมีให้กันกลายเป็นเรื่องน่าขันในวินาทีนี้ เขาเปลี่ยนใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ตัวเลยฉันจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวด จนกระทั่งเสี่ยวอิงเถาเข้ามาในห้องและถามด้วยความเป็นห่วง ฉันถึงได้สติกลับมาไม่คุ้มค่าที่จะเสียใจกับผู้ชายเลว ๆ แบบนี้ ฉันสูดหายใจลึก ๆ แล้วตั้งใจทำงานต่อจนเกือบเที่ยงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากถังซิ่วเอ๋อ ฉันก็กดตัดสายทันทีไม่นานนักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็นพ่อของฉันโทรมาฉันเริ่มสงสัย หรือว่าเจียงอี๋ทนไม่ไหวจนตายไปแล้ว?ลังเลอยู่ไม่กี่วินาที ฉันก็ตัดสินใจรับสายแต่ไม่ทันที่โทรศัพท์จะแนบหู เสียงตะโกนก้องของพ่อก็ดังสนั่นราวกับเสียงคำรามของสิงโต ทำเอาหูฉันสั่นสะเทือน"เจียงหว่าน! แกมันบ้าไปแล้วหรือไง! เจียงอี๋อ่อนแออยู่แล้ว ยังจะทำร้ายเธอ ผลักเธอลงพื้นอีก!

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 7

    ฉันใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดดวงตาที่แสบร้อน แล้วหายใจเข้าลึก ๆ โดยไม่มีแก่ใจจะมองว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นใครแต่แล้วพ่อของฉันก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและอ่อนน้อมยิ่ง "คุณชายรองซู ต้องขออภัยที่ให้เห็นเรื่องน่าอับอาย ตรงนั้นเป็นที่นั่งของแขกพิเศษ ขอเชิญท่านย้ายไปนั่งที่นั่นเถอะครับ""ไม่จำเป็น ผมจะนั่งตรงนี้" ชายที่ถูกเรียกว่าคุณชายรองซูกล่าวตอบ น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบสงบนิ่งทว่าแฝงไปด้วยอำนาจที่สูงส่งพ่อฉันทำท่าจะพูดอะไรอีก แต่บนเวทีพิธีกรได้เชิญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นไป ถังซิ่วเอ๋อจึงรีบเข้ามาดึงตัวเขาออกไปฉันเงยหน้าขึ้นพยายามสงบจิตใจ ยังไม่ทันได้คืนผ้าเช็ดหน้า ก็ได้ยินเสียงจากลำโพงดังขึ้น "ขอเชิญผู้ประกาศคำปฏิญาณในพิธีวันนี้ คุณเจียงหว่าน ขึ้นเวทีค่ะ"ไฟสปอร์ตไลต์ฉายมาที่ฉันอย่างกะทันหัน จนฉันตั้งตัวไม่ทันบรรยากาศที่เคยจอแจเงียบลงในทันที ฉันรู้ว่าทุกคนต่างตกตะลึง บางคนรู้สึกสงสารเห็นใจฉัน ขณะที่บางคนรอดูเรื่องตลกฉันรีบยืดหลังตรง สวมเกราะแห่งความเข้มแข็งเพื่อปกปิดความอ่อนแอทุกอย่างและลุกเดินขึ้นไปบนเวทีเสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นอีกครั้งและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยิ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 8

    เจียงอี๋น้ำตาคลอเต็มดวงตา เธอพูดปนสะอื้นจนแทบไม่เป็นคำฉันฟังไปได้ครึ่งทางก็เข้าใจทันที นี่เธอกำลังเล่นบทน่าสงสารต่อหน้าฝูงชน บีบบังคับให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอด้วยตรรกะทางศีลธรรม!"ขอบคุณพี่ที่ยอมให้ฉันได้สมหวังกับพี่เยี่ยนชิง ขอบคุณที่ทำให้ฉันสามารถจากโลกนี้ไปโดยไม่มีความเสียใจ หวังว่าทุกคนจะไม่หัวเราะเยาะพี่สาวของฉัน เพราะเธอคือพี่สาวที่ดีที่สุดในโลก"หลังจากที่เจียงอี๋พูดจบด้วยน้ำตา ทั้งงานก็เงียบกริบ ทุกคนตั้งใจมองไปที่เวที ไม่มีใครพูดจาเสียดสีอีกฉันมองลงไปที่กลุ่มแขก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ฉันเห็นใบหน้าหนึ่งที่หล่อเหลาสุดขั้ว ดวงตาเป็นประกายคมกริบ ริมฝีปากบางของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้สะเทือนใจกับละครเรียกคะแนนสงสารของเจียงอี๋แม้แต่น้อยเจียงอี๋หันมามองฉันด้วยดวงตาแดงช้ำ น้ำตาคลอเต็มหน่วย ก่อนจะพูดเสียงสะอื้น "พี่คะ… ขอบคุณนะคะ ฉันอยากฟังความในใจของพี่ พี่… เกลียดฉันหรือเปล่า?"ฉันสะดุ้งเฮือก ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจียงอี๋จะเล่นใหญ่ขนาดนี้!เธอบีบให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอ แล้วยังจะกดดันให้ฉันต้องแสดงออกต่อหน้าฝูงชน เพื่อร่วมเล่นละครครอบครัวรั

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 9

    สถานการณ์วุ่นวายถึงขีดสุด แขกที่อยู่ด้านล่างต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่งฉันตัวคนเดียว ไม่มีแรงต้านทานจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดีที่พ่อแม่ของกู้เยี่ยนชิงยังรู้จักรักษาหน้า รีบเข้ามาห้าม"คุณเจียง! คุณเจียง! นี่เป็นงานแต่งของลูก ๆ นะ แขกตั้งมากมายกำลังดูอยู่! รีบหยุดเถอะ!""อย่ามาห้ามฉัน! ฉันจะตีนังลูกเนรคุณนี่ให้ตาย! นังตัวซวย! เกิดมาเพื่อเป็นตัวหายนะของฉัน!"เจียงไห่หยางถูกฉันยั่วจนโกรธจัด ใบหน้าเหยเกจนดูน่ากลัว เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้แต่พ่อแม่ของ กู้เยี่ยนชิงก็ยังห้ามไม่อยู่ทันใดนั้นถังซิ่วเอ๋อก็ตะโกนเสียงดัง "หยุดตีได้แล้ว! เสี่ยวอี๋เป็นลมแล้ว! ใครก็ได้! เรียกคนมาช่วยเร็ว!"เจียงไห่หยางชะงัก หันกลับไปมองก่อนจะผลักฉันออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปหา "เกิดอะไรขึ้น? รถพยาบาลล่ะ? รีบโทรเรียกรถพยาบาลสิ!"ฝูงชนที่รายล้อมฉันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไปในพริบตา ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปหาตัวเจ้าสาวที่หมดสติกู้เยี่ยนชิงหน้าตื่น พุ่งไปช้อนตัวเจียงอี๋ขึ้น "เสี่ยวอี๋ อดทนไว้นะ! เธอต้องอดทนไว้! พี่จะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!"ฉันอยู่ในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าปวดร้าวไปหมดแต่เมื่อเห็นพวกเข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 10

    ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวในงานแต่งของฉันกับกู้เยี่ยนชิงได้?ฉันคิดไม่ตกสงสัยว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?คนอย่างเขาไม่ค่อยปรากฏตัวง่าย ๆ แต่พอมาปรากฏตัวก็ได้ชมละครฉากใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าไม่เสียเที่ยวแล้วโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน ดึงฉันออกจากความคิดที่ยุ่งเหยิงหลี่อวิ๋นเวยตะโกนลั่นผ่านสายด้วยความโมโห "กู้เยี่ยนชิงกับเจียงอี๋มันน่าขยะแขยงสุด ๆ! ฉันโมโหจนเกือบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง! แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้เลยนี่นา สวนกลับได้โคตรดี โคตรเฉียบ จนไอ้พวกเวรนั่นดิ้นพล่าน!"ฉันถอนหายใจ เอนพิงพนักเบาะพลางเอามือกุมขมับ "อย่าบอกนะว่ามันกระจายไปทั่วเน็ตแล้ว?""เธอคิดว่าไงล่ะ? เรื่องแบบนี้หายากจะตาย แม้แต่ละครน้ำเน่ายังเขียนบทไม่ได้ขนาดนี้เลย! ตอนนี้ชาวเน็ตแบ่งเป็นสองฝั่ง ด่ากันไฟแลบ!""..." ฉันหลับตาลง รู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าเดิมฉันอยากแก้แค้นพวกเขาจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้อยากลากตัวเองลงไปในวังวนโคลนตมนี้ด้วยถ้าปล่อยให้เรื่องนี้บานปลาย ฉันเองก็อาจโดนผลกระทบไปด้วย"เสี่ยวหว่าน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันเห็นเธอโดนตบ" หลังจากโมโหเสร็จ หลี่อวิ๋นเวยก็ถามไถ่ฉันด้วยความเป็นห่วงฉันตอบเรียบ ๆ "ไม่เป็นไร แค่โดนตบไปไม่กี่ทีเ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 11

    จะตายแล้วเหรอ?ฤทธิ์ยานอนหลับทำให้ฉันเบลอไปหมด ฉันเปิดประตูมองกู้เยี่ยนชิงแล้วถามอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นว่า “เจียงอี๋จะตายแล้วเหรอ?”คำพูดนี้ทำให้เขาโกรธมาก“เจียงหว่าน! คุณอย่าร้ายกาจให้มันมากนัก!” กู้เยี่ยนชิงสีหน้าบึ้งตึงซึ่งเป็นท่าทางที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนฉันขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากจะทะเลาะกับเขาเลยผลักเขาออกไปแล้วเตรียมจะปิดประตูแต่กู้เยี่ยนชิงไวกว่าฉัน เขาใช้เท้าถีบประตูเข้ามาอย่างแรงและจับแขนฉันไว้“กู้เยี่ยนชิง นี่คุณทำอะไร! บุกรุกเข้ามาในบ้านคนอื่นแบบนี้ ฉันจะแจ้งตำรวจ!” ฉันโกรธมากพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง และตบหน้าเขาไปอีกหนึ่งฉาดด้วยความโมโหสุดขีดกู้เยี่ยนชิงไม่สนใจ เขาดึงฉันออกจากบ้านแล้วยัดฉันเข้าไปในรถของเขา“กู้เยี่ยนชิง คุณเป็นบ้าอะไร! ปล่อยฉันลงจากรถนะ!”“เจียงอี๋ป่วยหนักใกล้ตายแล้ว คุณต้องไปโรงพยาบาลกับผม!” กู้เยี่ยนชิงเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานไปในความมืดมิดยามราตรีฉันไม่เข้าใจ “เธอใกล้ตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? ฉันไม่ใช่หมอสักหน่อย”กู้เยี่ยนชิงไม่พูดอะไร ใบหน้าด้านข้างเคร่งขรึม สีหน้าตึงเครียด เขาเอาแต่เร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆฉันรู้สึกก

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 12

    ฉันมองไปที่กู้เยี่ยนชิง รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไปแล้วจึงพูดเย้ยหยันว่า “คุณเพิ่งจะรู้ตอนนี้เหรอ? ทั้งเจียงอี๋และเจียงฮ่าวเป็นน้องพ่อเดียวกันกับฉัน”กู้เยี่ยนชิงตกใจยิ่งกว่าเดิม “พ่อเดียวกัน? แต่พวกเขาอายุน้อยกว่าคุณแค่สองปี…”“ใช่แล้ว พ่อใจร้ายของฉันนอกใจแม่ตอนฉันอายุได้แค่หนึ่งขวบหรืออาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ เขาพยายามทำทุกวิถีทางบีบให้แม่หย่า เพื่อที่จะได้พานางจิ้งจอกนั่นกับลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน”สายตาตกตะลึงของกู้เยี่ยนชิงมองสลับไปมาระหว่างเจียงไห่หยางกับถังซิ่วเอ๋อ“เรื่องนี้...คุณไม่เคยบอกผมเลย” เขาพึมพำเสียงเบา สีหน้าสับสนและยากจะอ่านออก ราวกับว่าเขาตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป“เรื่องน่าอายในครอบครัวไม่ควรป่าวประกาศ แล้วฉันจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม? คุณเองก็อวดฉลาดมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่เคยรู้เลยล่ะ?”กรุ๊ปเลือดหายากขนาดนี้ ฉันกับเจียงอี๋ดันมีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน เป็นใครก็ต้องสงสัยใช่ไหมล่ะ?เมื่อเห็นกู้เยี่ยนชิงเงียบไม่พูดอะไร ฉันจึงถามต่อว่า “ตอนนี้คุณคงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงได้รังเกียจเจียงอี๋ขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ยอมช่วยชีวิตเธอ”ฉันคิดว่ากู้เยี

Latest chapter

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 40

    หากไม่ใช่เพิ่งได้ประจักษ์ถึงความน่าเกรงขามอันทรงอานุภาพของเขาเมื่อครู่ ก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้คือคนเดียวกับเทพแห่งการพิพากษาอันเฉียบขาดเมื่อสักครู่“คุณซูพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นฉันต่างหากที่รบกวนเวลาทำงานของคุณ” ฉันใช้คำยกย่องอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเพราะตระหนักได้อย่างชัดเจนอีกครั้งถึงความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างเราเลขาจี้เดินตามฉันเข้ามาในห้อง ก้มลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว เขารวบรวมและจัดเรียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปฉันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ“คุณเจียงออกแบบเสื้อผ้าของผมเสร็จแล้วหรือครับ?” ซูเซิ่งหลินเอ่ยถามขึ้นก่อน ทำลายภวังค์ความคิดของฉันให้กลับคืนมาฉันชะงักงัน คำพูดติดค้างอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้ซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน แต่ยังคงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือครับ หรือว่าคุณแม่ของผมทำให้คุณกดดัน?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ!” ฉันรีบปฏิเสธ ลนลานจนลิ้นแทบพันกันฉันไม่ได้เอาแบบร่างมาด้วยเลยสักนิด และไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องตัดเสื้อกับเขาด้วยตอนนี้นอกจากพูดความจริงแล้ว ก็ไม่เหลือทางอื่นใด“คุณซ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 39

    บนตึกนั้นมีตัวอักษรสีแดงแปดตัวที่เขียนไว้อย่างสง่าและเป็นระเบียบว่า กองทัพแข็งแกร่งเพื่อปกป้องชาติ องค์กรแข็งแกร่งเพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน ทำให้ความรู้สึกเคารพยำเกรงที่เอ่อล้นอยู่ในใจของฉันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นครั้นเมื่อมาถึง ก็มีคนรออยู่แล้วที่ชั้นล่างของอาคารฉันเคยเห็นคนผู้นั้นเขาคือคนที่เข้ามาเตือนซูเซิ่งหลินให้รีบออกเดินทางตอนที่เราคุยกันอยู่ที่หน้าประตูสวนซูเมื่อคราวก่อนฉันจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงหยิบกระเป๋าเอกสารลงมา“สวัสดีครับคุณเจียง ผมชื่อจี้หมิง เป็นเลขาของประธานซูครับ” เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพนอบน้อมฉันตอบกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน “สวัสดีค่ะเลขาจี้ รบกวนคุณแล้ว”เขาพาฉันเข้าไปในอาคาร สแกนใบหน้าผ่านประตูกั้นแล้วจึงเดินไปยังโถงลิฟต์เมื่อเข้ามาในลิฟต์ จี้หมิงก็เอ่ยกับฉันว่า “คุณเจียงครับ คุณซูท่านกำลังติดธุระอยู่ คุณอาจจะต้องรอสักครู่นะครับ”ฉันยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณซูโดยไม่ได้นัดหมายก่อน”เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดและออกจากลิฟต์ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือพื้นที่สำนักงานที่กว้างขวางและสะอาดตาเป็นระเบียบพนักงานทุกคนต่างทักทายจี้หมิงด้วยคว

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 38

    “ใครขอให้คุณมาช่วยกัน?” ฉันหัวเราะเยาะเย้ยพลางเหน็บแนม “อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ถึงคุณจะยัดเยียดให้ ฉันก็ไม่เอาสักแดงเดียว เอาเงินคุณไปไถ่กำไลหยกของแม่ฉัน ฉันกลัวจะทำให้ทางไปเกิดใหม่ของแม่ฉันต้องมัวหมอง”“เจียงหว่าน ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพูดจาได้ร้ายกาจขนาดนี้?” กู้เยี่ยนชิงทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น“หึ ฉันพูดจาร้ายกาจ ก็ยังสู้ความร้ายกาจในการกระทำของคุณไม่ได้หรอก”ฉันตัดบทด้วยความโมโห ไม่อยากฟังเขาพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว จึงตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเลฉันรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง!แต่พอตั้งสติได้ ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ยิ่งทวีคูณกู้เยี่ยนชิงรู้เรื่องนี้แล้ว มีหวังเจียงอี๋ก็คงจะรู้ด้วยดูจากนิสัยที่ชอบแย่งของรักของฉันไปทุกอย่างแล้ว ยัยนั่นจะต้องมาแย่งกำไลหยกวงนี้กับฉันแน่ ๆไม่ได้!ฉันจะปล่อยให้เจียงอี๋แย่งกำไลวงนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดฉันต้องเตรียมเงินให้มากพอแต่เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันจะไปหาหยิบยืมเงินจากที่ไหนได้อีก?ใจฉันร้อนรุ่มราวกับไฟสุมทรวง ชั่วขณะนั้นสติกระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้น แต่แล้วก็รีบข่มใจให้กลับมาสงบนิ่งแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กว่า หากเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าตื่นตระหนก อย่าลน

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 37

    หึ ข่มขืนสมควรแล้ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองฉันเผลอหัวเราะออกมา ทำให้กู้เยี่ยนชิงโกรธจัด “เจียงหว่าน คุณเปลี่ยนไปเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ฉันเรียนรู้มาจากคุณไงล่ะ”“...” เขาโกรธจนพูดไม่ออกฉันกล่าวเตือนว่า “เอาเถอะ อย่างไรซะเขาก็ทำผิดกฎหมาย ฉันก็แค่ผดุงความยุติธรรม พวกคุณจะสมรู้ร่วมคิดกันก็เชิญ แต่อย่าได้คิดลองดีกับกฎหมาย ไม่อย่างนั้นคุณเองก็จะหมดอนาคตไปด้วย”กู้เยี่ยนชิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คงเริ่มรู้สึกตัวและละอายใจอยู่บ้าง จึงเปลี่ยนประเด็น “ได้ยินมาว่าคุณกำลังต้องการเงินมาก คุณจะเอาไปทำอะไร?”“ไม่เกี่ยวกับคุณ”“คุณต้องการเงินเท่าไร ผมจะให้คุณเอง”ฉันถามกลับทันที “ห้าร้อยล้าน คุณให้ได้ไหม?”“ห้าร้อยล้านเหรอ?” กู้เยี่ยนชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณจะเอาไปทำอะไร? บริษัทมีปัญหาทางการเงินหรือ?”“เปล่า”จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายไปเสียหมด ต่อให้เขายอมให้หยิบยืมหรือให้เปล่า ฉันก็ไม่คิดจะรับเงินของเขาหากเอาเงินของเขาไปไถ่กำไลหยกของแม่คืนมา เกรงว่าแม่คงโกรธฉันจนตัดขาด แม้จะถูกฝังอยู่ในหลุมก็เถอะ“ช่างเถอะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันยังยุ่งอยู่ ข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 36

    ผู้หญิงคนนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย รูปร่างอวบอัดเซ็กซี่ของเธอเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกเนื่องจากห้องอยู่ติดกับลิฟต์และเป็นช่วงเวลาที่มีแขกขึ้นลงลิฟต์จำนวนมาก ทำให้คนได้ยินเสียงและพากันมามุงดูอย่างรวดเร็ว ทางเดินเต็มไปด้วยไทยมุง แต่ละคนถือโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและอัดวิดีโอไว้“หยุดนะ! ตำรวจมาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดออก ตำรวจตะโกนเสียงดัง ทำให้ฝูงชนที่มุงดูอยู่เปิดทางให้แต่การมาถึงของตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถังซิ่วเอ๋อกลายร่างเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เธอต่อยตีเจียงไห่หยางจนเขาไม่มีทางสู้จนเกือบจะเปลือยกายอยู่รอมร่อสุดท้ายตำรวจต้องเข้ามาควบคุมตัวเธออย่างอุกอาจ ความวุ่นวายจึงยุติลงเนื่องจากเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ตำรวจจึงจำเป็นต้องนำตัวพวกเขาทั้งหมดไปสอบสวนถังซิ่วเอ๋อโกรธจัดและโวยวายใส่ตำรวจว่า “จับฉันทำไม? ถ้าจะจับก็ต้องจับชายชู้กับหญิงแพศยาคู่นั้นสิ ฉันตบนังจิ้งจอกนี่แล้วผิดตรงไหนกัน!”“อยู่ในความสงบ! ทุกคนต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน!” ตำรวจตวาดเสียงเข้ม ควบคุมตัวถังซิ่วเอ๋อไว้อีกครั้งเจียงไห

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 35

    ฉันหันกลับไปมองแผ่นหลังของหญิงคนนั้นอย่างเงียบ ๆ เห็นเธอเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจียงไห่หยางอย่างไม่ลังเลสัญชาตญาณบอกฉันว่าผู้หญิงคนนี้กับเจียงไห่หยางต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อขึ้นมาบนรถ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาหลี่อวิ๋นเวย“เวยเวย รบกวนเธอช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ช่วยหาคนสะกดรอยตาม...”ถ้าฉันไม่ติดงานเร่งทำตามกำหนดส่งของตระกูลซูจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ฉันคงตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปแล้วตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักสองสามวัน กว่าจะจับพิรุธของเจียงไห่หยางได้ใครจะรู้ว่าเย็นวันนั้น ขณะที่ฉันยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ที่สตูดิโอ หลี่อวิ๋นเวยก็ส่งข่าวมา“หว่านหว่าน พ่อตัวแสบของเธอ ควงผู้หญิงหน้าสวยไปที่โรงแรมฮิลตัน ห้อง 8868 จะไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเลยไหม?”ฉันวางเข็มกับด้ายลงข้าง ๆ แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “ฉันไปจับเองจะมีความหมายอะไร ให้คนอื่นไปจับสิถึงจะดี”ฉันโทรศัพท์หาถังซิ่วเอ๋อ“เจียงหว่าน? โทรมาหาฉันอีกทำไม?” ถังซิ่วเอ๋อพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทุกครั้งแต่ฉันก็ยังพูดด้วยความสุภาพ “แม่เลี้ยงคะ พ่ออยู่บ้านไหม?”“ไม่อยู่! ฉันได

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 34

    วันรุ่งขึ้นฉันตรงดิ่งไปยังบริษัทของเจียงไห่หยางเพื่อพบเขาเมื่อเห็นฉัน สีหน้าของเจียงไห่หยางก็เย็นชา เขาปรายตามองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากเสียดสี “แกมาทำไมอีก? ยังคิดว่าทำให้บ้านนี้วุ่นวายไม่พออีกหรือ?”ฉันเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าคุณไม่คืนหุ้นของแม่ให้ฉัน ก็เอาเงินมาให้ฉันซะ”เจียงไห่หยางชะงักไปเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม “เจียงหว่าน สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง? หุ้นของแม่แก ฉันก็ให้ไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พออีกเหรอ?”“ในเมื่อมันเป็นของแม่ฉัน มันก็ควรจะเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าคุณไม่แย่งธุรกิจของตาและยายฉันไป คุณจะมีวันนี้ที่รุ่งโรจน์เฟื่องฟูได้หรือ?”“...” เจียงไห่หยางจ้องฉันเขม็งบรรยากาศตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาฉันแล้วกระชากฉันให้ลุกขึ้น “แกออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องเรียก รปภ.”“ถ้าคุณให้เงินฉัน ฉันก็จะไปเอง ไม่มากหรอกแค่ห้าสิบล้านก็พอ”“ห้าสิบล้านเหรอ?” เจียงไห่หยางอุทานเสียงหลง “ฝันไปเถอะ! ต่อให้ฉันต้องเอาเงินไปโยนทิ้งน้ำ ก็ไม่มีวันให้แก!”“เจียงไห่หยาง คุณคิดให้

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 33

    เมื่อสิ้นคำพูดนั้น ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะตำหนิที่ฝีมือฉันยังไม่ดีพอจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้นว่า “ฉันจะเร่งมือให้เต็มที่ ไม่ให้งานวันเกิดของคุณหญิงเสียหายแน่นอนค่ะ”“อืม ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ หากเวลาไม่พอจะตัดเพียงสองชุดก่อนก็ได้ สุขภาพสำคัญกว่า อย่าฝืนทำจนป่วยไปเสียล่ะครับ”คำกำชับของเขาทำให้ฉันนึกถึงเรื่องน่าอายที่เผลอหลับบนรถม้าเมื่อเช้า ความรู้สึกละอายใจก็ท่วมท้นขึ้นมาทันทีซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนของฉัน จึงก้าวเข้ามาใกล้อีกสองก้าว “ในเมื่อคุณเจียงมีนัดตอนกลางวัน อย่างนั้นผมก็จะไม่รั้งไว้ วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะครับ”ฉันได้สติกลับคืนมาแล้วพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ ไว้พบกันค่ะคุณชายซู”“ไว้พบกัน”ฉันก้าวขึ้นรถอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเดินตามมาปิดประตูให้ด้วยตนเอง แถมยังโบกมือลาผ่านกระจกหน้าต่างฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉันมองคนรวยผ่านแว่นกรองที่สวยงามเกินไปหรือไม่แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะแย้มยิ้มหรือขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะยามเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง แม้เพียงเส้นผมปลิวไสวตามสายลม เมื่ออยู่บนร่างของเขา ช่างดูพิเศษและแตกต่างจากผู้อื่นเหลือเกินการอบรมบ่มเพาะท

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 32

    ฉันตกใจมาก รีบเปิดประตูลงจากรถ “ขอโทษค่ะพ่อบ้านโจว ในรถสบายมากจนฉันเผลอหลับไป คุณน่าจะปลุกฉันนะคะ”“คุณเจียงไม่ต้องกังวลครับ คุณชายรองสั่งไม่ให้ปลุกบอกว่าคุณคงเหนื่อยจากงานมาก” พ่อบ้านโจวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปฉันหิ้วถุงเสื้อผ้าตามไป ในใจยังครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อบ้านโจว“ฉันเผลอหลับในรถ คุณชายรองซูก็รู้งั้นหรือคะ?”ให้ตายสิ! อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“ครับ ตอนรถของพวกคุณมาถึง คุณชายรองกำลังจะออกไปข้างนอกพอดีแล้วบังเอิญเจอกัน คนขับรถบอกว่าคุณหลับอยู่ในรถ คุณชายรองมองแล้วก็สั่งไม่ให้ปลุกคุณครับ”อะไรนะ?ซูเซิ่งหลินมองฉันด้วยเหรอ?ฉันสับสนไปหมด รีบยกมือขึ้นแตะมุมปากอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่ได้น้ำลายไหลใช่ไหม!อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด…เมื่อได้พบหน้าคุณหญิงซู ฉันรีบชี้แจงถึงเหตุที่มาล่าช้า แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคุณหญิงซูก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน“ไม่เป็นไร พวกหนุ่มสาวสมัยนี้สร้างเนื้อสร้างตัวก็ลำบากแบบนี้ทั้งนั้น ต้องลำบากกันทุกคน จะว่าไปก็เป็นความผิดของฉันเอง ที่ไม่ได้รู้จักเธอเร็วกว่านี้ ทำให้เธอต้องเหนื่อยเพราะเวลากระชั้นชิดแบบนี้”คุณหญิงซูเอ่ยอย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status