จะตายแล้วเหรอ?ฤทธิ์ยานอนหลับทำให้ฉันเบลอไปหมด ฉันเปิดประตูมองกู้เยี่ยนชิงแล้วถามอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นว่า “เจียงอี๋จะตายแล้วเหรอ?”คำพูดนี้ทำให้เขาโกรธมาก“เจียงหว่าน! คุณอย่าร้ายกาจให้มันมากนัก!” กู้เยี่ยนชิงสีหน้าบึ้งตึงซึ่งเป็นท่าทางที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนฉันขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากจะทะเลาะกับเขาเลยผลักเขาออกไปแล้วเตรียมจะปิดประตูแต่กู้เยี่ยนชิงไวกว่าฉัน เขาใช้เท้าถีบประตูเข้ามาอย่างแรงและจับแขนฉันไว้“กู้เยี่ยนชิง นี่คุณทำอะไร! บุกรุกเข้ามาในบ้านคนอื่นแบบนี้ ฉันจะแจ้งตำรวจ!” ฉันโกรธมากพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง และตบหน้าเขาไปอีกหนึ่งฉาดด้วยความโมโหสุดขีดกู้เยี่ยนชิงไม่สนใจ เขาดึงฉันออกจากบ้านแล้วยัดฉันเข้าไปในรถของเขา“กู้เยี่ยนชิง คุณเป็นบ้าอะไร! ปล่อยฉันลงจากรถนะ!”“เจียงอี๋ป่วยหนักใกล้ตายแล้ว คุณต้องไปโรงพยาบาลกับผม!” กู้เยี่ยนชิงเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานไปในความมืดมิดยามราตรีฉันไม่เข้าใจ “เธอใกล้ตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? ฉันไม่ใช่หมอสักหน่อย”กู้เยี่ยนชิงไม่พูดอะไร ใบหน้าด้านข้างเคร่งขรึม สีหน้าตึงเครียด เขาเอาแต่เร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆฉันรู้สึกก
ฉันมองไปที่กู้เยี่ยนชิง รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไปแล้วจึงพูดเย้ยหยันว่า “คุณเพิ่งจะรู้ตอนนี้เหรอ? ทั้งเจียงอี๋และเจียงฮ่าวเป็นน้องพ่อเดียวกันกับฉัน”กู้เยี่ยนชิงตกใจยิ่งกว่าเดิม “พ่อเดียวกัน? แต่พวกเขาอายุน้อยกว่าคุณแค่สองปี…”“ใช่แล้ว พ่อใจร้ายของฉันนอกใจแม่ตอนฉันอายุได้แค่หนึ่งขวบหรืออาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ เขาพยายามทำทุกวิถีทางบีบให้แม่หย่า เพื่อที่จะได้พานางจิ้งจอกนั่นกับลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน”สายตาตกตะลึงของกู้เยี่ยนชิงมองสลับไปมาระหว่างเจียงไห่หยางกับถังซิ่วเอ๋อ“เรื่องนี้...คุณไม่เคยบอกผมเลย” เขาพึมพำเสียงเบา สีหน้าสับสนและยากจะอ่านออก ราวกับว่าเขาตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป“เรื่องน่าอายในครอบครัวไม่ควรป่าวประกาศ แล้วฉันจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม? คุณเองก็อวดฉลาดมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่เคยรู้เลยล่ะ?”กรุ๊ปเลือดหายากขนาดนี้ ฉันกับเจียงอี๋ดันมีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน เป็นใครก็ต้องสงสัยใช่ไหมล่ะ?เมื่อเห็นกู้เยี่ยนชิงเงียบไม่พูดอะไร ฉันจึงถามต่อว่า “ตอนนี้คุณคงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงได้รังเกียจเจียงอี๋ขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ยอมช่วยชีวิตเธอ”ฉันคิดว่ากู้เยี
พยาบาลขมวดคิ้วถามฉันว่า “คุณกินยานอนหลับไปเหรอคะ?”“ค่ะ ก่อนนอนกินไปสองเม็ด จนถึงตอนนี้…” ฉันเหลือบมองนาฬิกาตรงประตูห้องฉุกเฉิน “น่าจะราว ๆ สี่ชั่วโมงแล้วค่ะ”พยาบาลส่ายหน้าทันที “ไม่ได้นะคะ แบบนี้ตรวจเลือดไม่ผ่านค่ะ”ฉันแบมือทั้งสองข้างอย่างช่วยไม่ได้พลางมองสายตาตื่นตระหนกของพวกเขาแล้วพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “ขอโทษด้วยนะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วย แต่ฉันช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ”เจียงไห่หยางโกรธจัด ตะคอกใส่ฉันว่า “เจียงหว่าน เธอหลอกพวกเรา! รู้ทั้งรู้ว่าบริจาคเลือดไม่ได้ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?”“มาโทษฉันแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ จู่ ๆ กู้เยี่ยนชิงลากฉันออกมาจากบ้านเอง ฉันไม่รู้อะไรด้วยเลย” ฉันกะพริบตาปริบ ๆ อย่างใสซื่อ มองสบตาพวกเขาไปทีละคน“เจียงหว่าน คุณ…” กู้เยี่ยนชิงจ้องฉันเขม็ง เขากัดฟันกรอดอย่างขุ่นเคืองแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางจนตรอกของพวกเขา อารมณ์ฉันก็ดีขึ้นมาทันทีทันใดนั้นประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก พยาบาลวิ่งหน้าตาตื่นออกมาถามว่า “เลือดสำรองไม่พอแล้ว หาคนบริจาคเลือดได้หรือยัง เร็วเข้า!”ถังซิ่วเอ๋อได้ยินดังนั้นก็ตกใจจนเข่าอ่อน รีบคว้าตัวเจียงไห่หยางแล้วผลักไป “รีบไปบริจาคเลือ
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันไม่ได้เอาโทรศัพท์มาเลยจ่ายเงินไม่ได้”สาวน้อยตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ยังไม่ได้เปิดระบบเหมือนกัน ส่วนเรื่องค่ารถ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วค่อยว่ากันก็ได้ค่ะ”“...” ฉันอึ้งไปกว่าเดิม พูดอะไรไม่ออกฉันบอกที่อยู่บ้านไป สาวน้อยก็กดจุดหมายปลายทางลงในระบบนำทางของรถแล้วค่อย ๆ หมุนพวงมาลัยออกจากที่จอดขับรถออกไปได้ไม่ไกล โทรศัพท์ของสาวน้อยก็ดังขึ้นเธอใส่หูฟังบลูทูธแล้วกดรับ “ฮัลโหล พี่... ฉันมีธุระด่วนเลยต้องออกมาก่อน พี่ให้คนขับรถไปรับแทนนะ ... แหม มันกะทันหันจริง ๆ ฉันยังไม่มีเวลาบอก เดี๋ยวค่อยอธิบายให้ฟังทีหลังนะ ... รับรองว่าพี่ต้องชมว่าฉันตัดสินใจถูกต้อง! แค่นี้นะคะ ฉันขับรถอยู่”เมื่อได้ยินเสียงเธอคุยโทรศัพท์ ฉันก็เผลอมองไปที่กระจกมองหลังโดยอัตโนมัติฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าตาฝาดไปหรือเปล่า บริเวณริมถนนตรงหน้าโรงพยาบาล ปรากฏร่างสูงโปร่งสง่างามท่ามกลางแสงตะวันยามเช้า ความเย็นชาและอบอุ่นหลอมรวมอยู่รอบกายเขาอย่างลงตัวเขายืนอยู่ตรงนั้น ราวกับจะกลืนกินความวุ่นวายรอบข้างให้เงียบสงบลงในพริบตา ช่างเป็นบุคลิกที่โดดเด่น งดงามราวกับกล้วยไม้หยกชายผู้นั้นยกมือข
เรื่องวุ่นวายในงานแต่งงาน ทำให้ฉันกลายเป็นข่าวโด่งดังตื่นเช้ามาฉันก็ต้องตกใจกับสายเรียกเข้าที่ไม่คุ้นเคยจำนวนมาก จนโทรศัพท์แทบจะระเบิดฉันรู้สึกถึงลางร้ายและรู้ว่าปัญหาใหญ่กำลังจะตามมาไม่กี่วันต่อมาข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลบริษัทของฉันก็ถูกแฉว่อนเน็ต ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเช้าวันหนึ่งขณะกำลังจะลงจากรถที่บริษัท ฉันก็ถูกฝูงนักข่าวสายบันเทิงรุมล้อมจนแทบไม่มีทางเดินโชคดีที่เสี่ยวอิงเถาเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาช่วยฉันออกมาได้ทั้ง ๆ ที่เจียงอี๋เป็นคนผิด แต่เพียงเพราะเธอป่วยหนัก ชาวเน็ตเกือบทั้งหมดกลับหันมารุมประณามฉัน ไม่เพียงแต่โจมตีฉันเป็นการส่วนตัว ร้านค้าหลักอย่างเป็นทางการของบริษัทก็ถูกถล่มจนแทบจะดำเนินกิจการตามปกติไม่ได้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็เร่งใช้แผนฉุกเฉินแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนักฉันหัวหมุนวุ่นวายไปหมด เลยขอให้ทนายมาช่วยปรึกษาเรื่องร่างแถลงการณ์ เตรียมใช้กฎหมายปกป้องสิทธิ์ของตัวเองฉันเร่งทำงานจนดึกดื่น พอเห็นว่านักข่าวที่ดักรออยู่หน้าออฟฟิศเริ่มทยอยกลับกันไปแล้ว ก็เตรียมตัวเก็บของกลับบ้านแต่ฉันยังไม่ทันได้ลุกจากโต๊ะก
“...” ฉันพูดไม่ออกจึงหันหลังเดินอ้อมไปอีกฝั่งของโต๊ะทำงานแล้วเดินออกไปกู้เยี่ยนชิงวิ่งตามออกมา “เสี่ยวหว่าน ผมรู้ว่าคุณคงไม่อาจให้อภัยผมได้ในเร็ววัน แต่ความสัมพันธ์หกปีของเราไม่ใช่ว่าใครจะตัดใจได้ง่าย ๆ คนที่ผมรักคือคุณ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่มีวันเปลี่ยน แต่ผมเห็นเจียงอี๋ มาตั้งแต่เด็ก เธอเป็นคนอ่อนแออยู่แล้ว ตอนนี้ป่วยหนักก็ยิ่งอ่อนไหวและรู้สึกด้อยค่า ผมมองเธอเป็นน้องสาวมาตลอด ผมทิ้งเธอไปไม่ได้จริง ๆ”ฉันถูกเขาขวางทางไว้ อารมณ์เลยระเบิดออกมา“กู้เยี่ยนชิง คุณเป็นบ้าหรือเปล่า? ฉันก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณไปดูแลเธอ คุณวิ่งมาพูดเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ พวกนี้กับฉันทำไม? ยังเห็นว่าฉันเจอเรื่องแย่ ๆ เพราะพวกคุณไม่พออีกหรือไง?”กู้เยี่ยนชิงจับแขนฉันอีกครั้งแล้วพูดปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เสี่ยวหว่าน ผมรู้ว่าคุณกำลังหงุดหงิด ผมมาก็เพื่อจะช่วยคุณ”“คุณจะช่วยฉันงั้นเหรอ?” ฉันยิ้มเยาะพลางถอยหลังหนีเขา “ช่วยยังไง? ไปช่วยฉันด่ากับพวกนักเลงคีย์บอร์ดรึไง?”“ไม่ใช่” กู้เยี่ยนชิงส่ายหน้าก่อนจะให้คำแนะนำอย่างจริงจัง “จริง ๆ แล้ว แค่คุณออกแถลงการณ์ว่าที่พูดไปในงานแต่งงานเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จากนั้นก็ไปเยี่
หลี่อวิ๋นเวยปรับสีหน้าให้ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย “เจียงอี๋อาจจะรักคุณอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้รักมากมายอย่างที่คุณคิด ที่เธออยากแต่งงานกับคุณก็แค่ต้องการจะแย่งคุณไปจากเจียงหว่าน ทำให้เจียงหว่านเสียใจเท่านั้นเอง”กู้เยี่ยนชิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจนัก “เจียงหว่านบอกคุณอย่างนั้นสินะ? เจียงอี๋ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอใสซื่อบริสุทธิ์ ถึงบางครั้งจะเอาแต่ใจไปบ้างแต่เธอไม่มีทางเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างที่คุณพูดแน่”หลี่อวิ๋นเวยมีสีหน้าเหมือนลำบากใจที่จะพูด “คุณนี่มันจริง ๆ เลย...ดูท่าทางฉลาดหลักแหลมแต่พอเจอผู้หญิงมารยาเข้าหน่อย กลับทำตัวเหมือนคนไม่มีสมองไปได้”ฉันกลั้นหัวเราะไม่อยู่จนหลุดหัวเราะออกมากู้เยี่ยนชิงมองพวกเราด้วยสีหน้าบึ้งตึง ไม่พอใจและดูเหมือนจะเสียหน้าไม่น้อยเขาหันหลังทำท่าจะเดินจากไป แต่หลี่อวิ๋นเวยไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ เธอพูดต่อว่า “เจียงอี๋อิจฉาเจียงหว่านมาตั้งแต่เด็ก เธอทนไม่ได้ที่เห็นเจียงหว่านได้ดีเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเจียงหว่านชอบอะไร เจียงอี๋ก็จะต้องแย่งไปให้ได้ ถ้าแย่งไม่ได้จริง ๆ ก็จะหาทางทำลายมันเสีย ในสายตาของเจียงอี๋ คุณก็เป็นแค่ของที่เจียงหว่านชอบเท่านั้น อ้อ ไม่สิ คุณไม่ใช่สิ
หลี่อวิ๋นเวยแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ฉันว่าตอนแรกยัยนั่นก็แค่อยากแย่งผู้ชายของเธอไปเท่านั้น แต่คงแสดงละครมากไปหน่อย เลยอินจัดเสียเอง”ฉันอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก“กู้เยี่ยนชิงปากก็บอกว่าไม่เชื่อ แต่ฉันว่าลึก ๆ ในใจเขาก็คงเริ่มสงสัยบ้างแล้ว รอดูเถอะอีกไม่นานทั้งคู่ต้องมีเรื่องทะเลาะกันแน่ ป้าเล็กฉันบอกว่าการรักษาโรคมะเร็งมันทรมานมาก เจียงอี๋อาละวาดในห้องพักทุกวัน ทั้งหมอแล้วก็พยาบาลเปลี่ยนไปกี่ชุดก็เอาไม่อยู่ ความรักที่ผู้ชายมีให้ผู้หญิงคนหนึ่งมันจะทนทานได้สักแค่ไหนกันเชียว? แถมที่เขามีก็อาจจะไม่ใช่รักแท้ด้วยซ้ำ”ฉันพยักหน้า “พอเธอพูดแบบนี้ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวันนี้กู้เยี่ยนชิงถึงมาทำดีกับฉัน”คงเป็นเพราะทนความ “ยุ่งยาก” ของเจียงอี๋ไม่ไหว เลยคิดถึงความดีของฉันขึ้นมา ฝันไปว่าจะได้ความอบอุ่นจากฉันหลี่อวิ๋นเวยพูดเสียงเครียด “เธออย่าใจอ่อน หรือหน้ามืดตามัวกลับไปคืนดีกับเขาเชียวนะ ไม่งั้นฉันตัดเพื่อนกับเธอแน่”“วางใจเถอะ ฉันไม่ลดตัวขนาดนั้นหรอก”ฉันเองก็ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องบริษัทจนแทบไม่มีเวลาหายใจอยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่องรักใคร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายห่วย ๆ ที่เคยนอกใจ
หากไม่ใช่เพิ่งได้ประจักษ์ถึงความน่าเกรงขามอันทรงอานุภาพของเขาเมื่อครู่ ก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้คือคนเดียวกับเทพแห่งการพิพากษาอันเฉียบขาดเมื่อสักครู่“คุณซูพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นฉันต่างหากที่รบกวนเวลาทำงานของคุณ” ฉันใช้คำยกย่องอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเพราะตระหนักได้อย่างชัดเจนอีกครั้งถึงความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างเราเลขาจี้เดินตามฉันเข้ามาในห้อง ก้มลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว เขารวบรวมและจัดเรียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปฉันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ“คุณเจียงออกแบบเสื้อผ้าของผมเสร็จแล้วหรือครับ?” ซูเซิ่งหลินเอ่ยถามขึ้นก่อน ทำลายภวังค์ความคิดของฉันให้กลับคืนมาฉันชะงักงัน คำพูดติดค้างอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้ซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน แต่ยังคงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือครับ หรือว่าคุณแม่ของผมทำให้คุณกดดัน?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ!” ฉันรีบปฏิเสธ ลนลานจนลิ้นแทบพันกันฉันไม่ได้เอาแบบร่างมาด้วยเลยสักนิด และไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องตัดเสื้อกับเขาด้วยตอนนี้นอกจากพูดความจริงแล้ว ก็ไม่เหลือทางอื่นใด“คุณซ
บนตึกนั้นมีตัวอักษรสีแดงแปดตัวที่เขียนไว้อย่างสง่าและเป็นระเบียบว่า กองทัพแข็งแกร่งเพื่อปกป้องชาติ องค์กรแข็งแกร่งเพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน ทำให้ความรู้สึกเคารพยำเกรงที่เอ่อล้นอยู่ในใจของฉันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นครั้นเมื่อมาถึง ก็มีคนรออยู่แล้วที่ชั้นล่างของอาคารฉันเคยเห็นคนผู้นั้นเขาคือคนที่เข้ามาเตือนซูเซิ่งหลินให้รีบออกเดินทางตอนที่เราคุยกันอยู่ที่หน้าประตูสวนซูเมื่อคราวก่อนฉันจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงหยิบกระเป๋าเอกสารลงมา“สวัสดีครับคุณเจียง ผมชื่อจี้หมิง เป็นเลขาของประธานซูครับ” เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพนอบน้อมฉันตอบกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน “สวัสดีค่ะเลขาจี้ รบกวนคุณแล้ว”เขาพาฉันเข้าไปในอาคาร สแกนใบหน้าผ่านประตูกั้นแล้วจึงเดินไปยังโถงลิฟต์เมื่อเข้ามาในลิฟต์ จี้หมิงก็เอ่ยกับฉันว่า “คุณเจียงครับ คุณซูท่านกำลังติดธุระอยู่ คุณอาจจะต้องรอสักครู่นะครับ”ฉันยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณซูโดยไม่ได้นัดหมายก่อน”เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดและออกจากลิฟต์ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือพื้นที่สำนักงานที่กว้างขวางและสะอาดตาเป็นระเบียบพนักงานทุกคนต่างทักทายจี้หมิงด้วยคว
“ใครขอให้คุณมาช่วยกัน?” ฉันหัวเราะเยาะเย้ยพลางเหน็บแนม “อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ถึงคุณจะยัดเยียดให้ ฉันก็ไม่เอาสักแดงเดียว เอาเงินคุณไปไถ่กำไลหยกของแม่ฉัน ฉันกลัวจะทำให้ทางไปเกิดใหม่ของแม่ฉันต้องมัวหมอง”“เจียงหว่าน ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพูดจาได้ร้ายกาจขนาดนี้?” กู้เยี่ยนชิงทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น“หึ ฉันพูดจาร้ายกาจ ก็ยังสู้ความร้ายกาจในการกระทำของคุณไม่ได้หรอก”ฉันตัดบทด้วยความโมโห ไม่อยากฟังเขาพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว จึงตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเลฉันรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง!แต่พอตั้งสติได้ ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ยิ่งทวีคูณกู้เยี่ยนชิงรู้เรื่องนี้แล้ว มีหวังเจียงอี๋ก็คงจะรู้ด้วยดูจากนิสัยที่ชอบแย่งของรักของฉันไปทุกอย่างแล้ว ยัยนั่นจะต้องมาแย่งกำไลหยกวงนี้กับฉันแน่ ๆไม่ได้!ฉันจะปล่อยให้เจียงอี๋แย่งกำไลวงนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดฉันต้องเตรียมเงินให้มากพอแต่เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันจะไปหาหยิบยืมเงินจากที่ไหนได้อีก?ใจฉันร้อนรุ่มราวกับไฟสุมทรวง ชั่วขณะนั้นสติกระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้น แต่แล้วก็รีบข่มใจให้กลับมาสงบนิ่งแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กว่า หากเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าตื่นตระหนก อย่าลน
หึ ข่มขืนสมควรแล้ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองฉันเผลอหัวเราะออกมา ทำให้กู้เยี่ยนชิงโกรธจัด “เจียงหว่าน คุณเปลี่ยนไปเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ฉันเรียนรู้มาจากคุณไงล่ะ”“...” เขาโกรธจนพูดไม่ออกฉันกล่าวเตือนว่า “เอาเถอะ อย่างไรซะเขาก็ทำผิดกฎหมาย ฉันก็แค่ผดุงความยุติธรรม พวกคุณจะสมรู้ร่วมคิดกันก็เชิญ แต่อย่าได้คิดลองดีกับกฎหมาย ไม่อย่างนั้นคุณเองก็จะหมดอนาคตไปด้วย”กู้เยี่ยนชิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คงเริ่มรู้สึกตัวและละอายใจอยู่บ้าง จึงเปลี่ยนประเด็น “ได้ยินมาว่าคุณกำลังต้องการเงินมาก คุณจะเอาไปทำอะไร?”“ไม่เกี่ยวกับคุณ”“คุณต้องการเงินเท่าไร ผมจะให้คุณเอง”ฉันถามกลับทันที “ห้าร้อยล้าน คุณให้ได้ไหม?”“ห้าร้อยล้านเหรอ?” กู้เยี่ยนชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณจะเอาไปทำอะไร? บริษัทมีปัญหาทางการเงินหรือ?”“เปล่า”จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายไปเสียหมด ต่อให้เขายอมให้หยิบยืมหรือให้เปล่า ฉันก็ไม่คิดจะรับเงินของเขาหากเอาเงินของเขาไปไถ่กำไลหยกของแม่คืนมา เกรงว่าแม่คงโกรธฉันจนตัดขาด แม้จะถูกฝังอยู่ในหลุมก็เถอะ“ช่างเถอะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันยังยุ่งอยู่ ข
ผู้หญิงคนนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย รูปร่างอวบอัดเซ็กซี่ของเธอเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกเนื่องจากห้องอยู่ติดกับลิฟต์และเป็นช่วงเวลาที่มีแขกขึ้นลงลิฟต์จำนวนมาก ทำให้คนได้ยินเสียงและพากันมามุงดูอย่างรวดเร็ว ทางเดินเต็มไปด้วยไทยมุง แต่ละคนถือโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและอัดวิดีโอไว้“หยุดนะ! ตำรวจมาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดออก ตำรวจตะโกนเสียงดัง ทำให้ฝูงชนที่มุงดูอยู่เปิดทางให้แต่การมาถึงของตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถังซิ่วเอ๋อกลายร่างเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เธอต่อยตีเจียงไห่หยางจนเขาไม่มีทางสู้จนเกือบจะเปลือยกายอยู่รอมร่อสุดท้ายตำรวจต้องเข้ามาควบคุมตัวเธออย่างอุกอาจ ความวุ่นวายจึงยุติลงเนื่องจากเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ตำรวจจึงจำเป็นต้องนำตัวพวกเขาทั้งหมดไปสอบสวนถังซิ่วเอ๋อโกรธจัดและโวยวายใส่ตำรวจว่า “จับฉันทำไม? ถ้าจะจับก็ต้องจับชายชู้กับหญิงแพศยาคู่นั้นสิ ฉันตบนังจิ้งจอกนี่แล้วผิดตรงไหนกัน!”“อยู่ในความสงบ! ทุกคนต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน!” ตำรวจตวาดเสียงเข้ม ควบคุมตัวถังซิ่วเอ๋อไว้อีกครั้งเจียงไห
ฉันหันกลับไปมองแผ่นหลังของหญิงคนนั้นอย่างเงียบ ๆ เห็นเธอเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจียงไห่หยางอย่างไม่ลังเลสัญชาตญาณบอกฉันว่าผู้หญิงคนนี้กับเจียงไห่หยางต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อขึ้นมาบนรถ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาหลี่อวิ๋นเวย“เวยเวย รบกวนเธอช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ช่วยหาคนสะกดรอยตาม...”ถ้าฉันไม่ติดงานเร่งทำตามกำหนดส่งของตระกูลซูจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ฉันคงตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปแล้วตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักสองสามวัน กว่าจะจับพิรุธของเจียงไห่หยางได้ใครจะรู้ว่าเย็นวันนั้น ขณะที่ฉันยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ที่สตูดิโอ หลี่อวิ๋นเวยก็ส่งข่าวมา“หว่านหว่าน พ่อตัวแสบของเธอ ควงผู้หญิงหน้าสวยไปที่โรงแรมฮิลตัน ห้อง 8868 จะไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเลยไหม?”ฉันวางเข็มกับด้ายลงข้าง ๆ แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “ฉันไปจับเองจะมีความหมายอะไร ให้คนอื่นไปจับสิถึงจะดี”ฉันโทรศัพท์หาถังซิ่วเอ๋อ“เจียงหว่าน? โทรมาหาฉันอีกทำไม?” ถังซิ่วเอ๋อพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทุกครั้งแต่ฉันก็ยังพูดด้วยความสุภาพ “แม่เลี้ยงคะ พ่ออยู่บ้านไหม?”“ไม่อยู่! ฉันได
วันรุ่งขึ้นฉันตรงดิ่งไปยังบริษัทของเจียงไห่หยางเพื่อพบเขาเมื่อเห็นฉัน สีหน้าของเจียงไห่หยางก็เย็นชา เขาปรายตามองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากเสียดสี “แกมาทำไมอีก? ยังคิดว่าทำให้บ้านนี้วุ่นวายไม่พออีกหรือ?”ฉันเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าคุณไม่คืนหุ้นของแม่ให้ฉัน ก็เอาเงินมาให้ฉันซะ”เจียงไห่หยางชะงักไปเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม “เจียงหว่าน สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง? หุ้นของแม่แก ฉันก็ให้ไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พออีกเหรอ?”“ในเมื่อมันเป็นของแม่ฉัน มันก็ควรจะเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าคุณไม่แย่งธุรกิจของตาและยายฉันไป คุณจะมีวันนี้ที่รุ่งโรจน์เฟื่องฟูได้หรือ?”“...” เจียงไห่หยางจ้องฉันเขม็งบรรยากาศตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาฉันแล้วกระชากฉันให้ลุกขึ้น “แกออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องเรียก รปภ.”“ถ้าคุณให้เงินฉัน ฉันก็จะไปเอง ไม่มากหรอกแค่ห้าสิบล้านก็พอ”“ห้าสิบล้านเหรอ?” เจียงไห่หยางอุทานเสียงหลง “ฝันไปเถอะ! ต่อให้ฉันต้องเอาเงินไปโยนทิ้งน้ำ ก็ไม่มีวันให้แก!”“เจียงไห่หยาง คุณคิดให้
เมื่อสิ้นคำพูดนั้น ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะตำหนิที่ฝีมือฉันยังไม่ดีพอจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้นว่า “ฉันจะเร่งมือให้เต็มที่ ไม่ให้งานวันเกิดของคุณหญิงเสียหายแน่นอนค่ะ”“อืม ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ หากเวลาไม่พอจะตัดเพียงสองชุดก่อนก็ได้ สุขภาพสำคัญกว่า อย่าฝืนทำจนป่วยไปเสียล่ะครับ”คำกำชับของเขาทำให้ฉันนึกถึงเรื่องน่าอายที่เผลอหลับบนรถม้าเมื่อเช้า ความรู้สึกละอายใจก็ท่วมท้นขึ้นมาทันทีซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนของฉัน จึงก้าวเข้ามาใกล้อีกสองก้าว “ในเมื่อคุณเจียงมีนัดตอนกลางวัน อย่างนั้นผมก็จะไม่รั้งไว้ วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะครับ”ฉันได้สติกลับคืนมาแล้วพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ ไว้พบกันค่ะคุณชายซู”“ไว้พบกัน”ฉันก้าวขึ้นรถอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเดินตามมาปิดประตูให้ด้วยตนเอง แถมยังโบกมือลาผ่านกระจกหน้าต่างฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉันมองคนรวยผ่านแว่นกรองที่สวยงามเกินไปหรือไม่แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะแย้มยิ้มหรือขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะยามเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง แม้เพียงเส้นผมปลิวไสวตามสายลม เมื่ออยู่บนร่างของเขา ช่างดูพิเศษและแตกต่างจากผู้อื่นเหลือเกินการอบรมบ่มเพาะท
ฉันตกใจมาก รีบเปิดประตูลงจากรถ “ขอโทษค่ะพ่อบ้านโจว ในรถสบายมากจนฉันเผลอหลับไป คุณน่าจะปลุกฉันนะคะ”“คุณเจียงไม่ต้องกังวลครับ คุณชายรองสั่งไม่ให้ปลุกบอกว่าคุณคงเหนื่อยจากงานมาก” พ่อบ้านโจวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปฉันหิ้วถุงเสื้อผ้าตามไป ในใจยังครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อบ้านโจว“ฉันเผลอหลับในรถ คุณชายรองซูก็รู้งั้นหรือคะ?”ให้ตายสิ! อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“ครับ ตอนรถของพวกคุณมาถึง คุณชายรองกำลังจะออกไปข้างนอกพอดีแล้วบังเอิญเจอกัน คนขับรถบอกว่าคุณหลับอยู่ในรถ คุณชายรองมองแล้วก็สั่งไม่ให้ปลุกคุณครับ”อะไรนะ?ซูเซิ่งหลินมองฉันด้วยเหรอ?ฉันสับสนไปหมด รีบยกมือขึ้นแตะมุมปากอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่ได้น้ำลายไหลใช่ไหม!อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด…เมื่อได้พบหน้าคุณหญิงซู ฉันรีบชี้แจงถึงเหตุที่มาล่าช้า แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคุณหญิงซูก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน“ไม่เป็นไร พวกหนุ่มสาวสมัยนี้สร้างเนื้อสร้างตัวก็ลำบากแบบนี้ทั้งนั้น ต้องลำบากกันทุกคน จะว่าไปก็เป็นความผิดของฉันเอง ที่ไม่ได้รู้จักเธอเร็วกว่านี้ ทำให้เธอต้องเหนื่อยเพราะเวลากระชั้นชิดแบบนี้”คุณหญิงซูเอ่ยอย