แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: เดียวดายในห้วงฝัน
พูดจบ ฉันก็โยนสัญญาใส่หน้าเขาอย่างแรง แล้วลุกขึ้นไล่แขก “ฉันจะพักผ่อนแล้ว พวกคุณรีบไสหัวไปซะ อ้อ เอาขยะของคุณไปให้หมดด้วย”

ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายที่ฉันชอบมาตั้งแต่อายุสิบหก รักเขามาแปดปี คบกันมาหกปี… ทำไมฉันถึงเพิ่งเห็นธาตุแท้ของเขาวันนี้?

ฉันต้องขอบคุณเจียงอี๋จริง ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องแต่งงานกับผู้ชายที่น่าขยะแขยงและเสแสร้งแบบนี้ ชีวิตคงน่าเศร้าน่าดู!

หลีชิงหลานโกรธเมื่อได้ยินที่ฉันพูด เธอลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “เจียงหว่าน นี่แหละคือข้อเสียของเธอ อารมณ์ร้ายเกินไป! ลองดูเจียงอี๋สิทั้งอ่อนโยนเชื่อฟัง รู้จักกาละเทศะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เจอฉันก็จะเรียกคุณป้า ๆ อยู่ตลอด...”

ฉันกดความรู้สึกคลื่นไส้ในใจไว้ เมื่อเห็นสุนัขของฉันเดินผ่านห้องนั่งเล่นมาพอดี จึงหันไปเรียก “ปาเกอ กัดพวกเขาเลย!”

“โฮ่ง! โฮ่ง ๆ!” ปาเกอเชื่อฟังมาก วิ่งเข้าใส่พวกเขาพลางเห่าขู่

“แก... แกนี่มัน...” หลีชิงหลานโกรธจนหน้าซีดเผือด กู้เยี่ยนชิงรีบเข้ามาประคองแม่ของเขาไว้พลางถอยร่นไปข้างหลัง

กู้เยี่ยนชิงมองฉันด้วยแววตาเหลือเชื่อ “เจียงหว่าน คุณทำเกินไปแล้ว! ผมดูคุณผิดไปจริง ๆ!”

ฉันยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ในใจคิดว่าฉันเองก็ดูคนผิดไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

สองแม่ลูกหนีไปอย่างทุลักทุเล แม้แต่ "ขยะ" ที่กองอยู่บนพื้นก็ลืมเอาไปด้วย

ฉันขมวดคิ้ว คิดว่าคงต้องให้คนเอาไปทิ้งถังขยะพรุ่งนี้เสียแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น บัญชีธนาคารของฉันก็ได้รับเงินโอนเข้ามาสิบล้าน

ถึงแม้จะโกรธมากแต่ฉันจะปล่อยให้เงินหลุดมือไปไม่ได้ อีกอย่างฉันยังอยากเห็นเจียงอี๋ที่ใกล้จะตายด้วยตาของตัวเอง

ดังนั้นฉันจึงเก็บรวบรวมเครื่องประดับที่เตรียมไว้สำหรับงานแต่งงานแล้วหอบมันไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง

ระหว่างทาง พ่อของฉันและเจียงไห่หยาง ก็โทรเข้ามา

“เจียงอี๋ป่วยอยู่ แกเป็นพี่สาวแท้ ๆ กลับไม่มาเยี่ยมเลย ทำไมถึงได้ใจดำเหมือนแม่แกไม่มีผิด?”

แค่เปิดปากเขาก็เริ่มต้นด้วยการด่าทอ ทว่าฉันชินเสียแล้วจึงถามกลับอย่างใจเย็น “จะให้ฉันซื้อประทัดไปจุดด้วยไหม?”

“เจียงหว่าน! แกพูดไร้สาระอะไร!” เขาตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว

ฉันยังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “จุดประทัดเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ไล่ภูตผีปีศาจไง พ่อคิดว่าอะไรล่ะ?”

“…” ปลายสายเงียบกริบ

ฉันยิ้มและกล่าวเสริม “แล้วก็ฉลองด้วย”

“แก… เจียงหว่าน แกมันเหมือนแม่แก…”

ฉันไม่ให้โอกาสเขาพูดดูถูกแม่ฉันอีก จึงวางสายทันที

พอนึกถึงสีหน้าของเขาที่กำลังโกรธจนแทบคลั่งแต่ทำอะไรไม่ได้ ฉันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

เมื่อคืนตอนที่ฉันนอนไม่หลับ ก็คิดได้ว่าเจียงอี๋อายุยังน้อยแต่กลับป่วยเป็นโรคร้ายแรง อาจเป็นเพราะพ่อแม่ของเธอทำชั่วมากเกินไป สวรรค์จึงลงโทษลูกสาวของพวกเขากระมัง?

นับว่าสวรรค์มีตาจริง ๆ

เมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วย ฉันกำลังจะเคาะประตู แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงด่าว่าฉันดังออกมาจากข้างใน

"เจียงหว่านต้องดีใจจนแทบบ้าตายแน่ ๆ เธอรังเกียจเจียงอี๋ตั้งแต่เด็กแล้ว อาศัยว่าเป็นพี่สาวก็คอยรังแกน้อง ๆ ตอนนี้เจียงอี๋เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ฉันว่าเธอคงฝันดีจนหัวเราะออกมาเลยล่ะสิ"

ถังซิ่วเอ๋อพูดเสียงสั่นสะอื้น พอพูดจบก็เริ่มคร่ำครวญออกมา "ฉันช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้... สวรรค์ช่างตาบอดนัก ทำไมไม่ให้เจียงหว่านนังสารเลวนั่นตายไปเสีย ทำไมต้องมาทำกับลูกสาวของฉันแบบนี้... ฮือ ๆ…"

ฉันผลักประตูเข้าไปอย่างแรง เห็นพ่อกำลังกอดถังซิ่วเอ๋อเพื่อปลอบโยนเธออยู่ ช่างเป็นคู่รักที่แสนจะหวานชื่นจริง ๆ

เสียงกระแทกของประตูกับผนังดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้อง พวกเขาหันขวับมามองฉันด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป

บรรยากาศนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนที่กู้เยี่ยนชิงจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน "เสี่ยวหว่าน คุณมาแล้ว"

เขายิ้มอ่อนโยนเดินเข้ามาหาแต่ฉันไม่สนใจ เพียงหยิบไฟแช็กแล้วควักประทัดขนาดเล็กออกจากกระเป๋า

ใบหน้าของกู้เยี่ยนชิงเปลี่ยนสี "เจียงหว่าน คุณจะทำอะไร!"

ฉันตอบเขา "ไล่สิ่งอัปมงคลออกไปไง"

เจียงไห่หยางเข้าใจทันที เขายกมือชี้หน้าฉันแล้วตวาด "เจียงหว่าน ถ้าแกกล้า—"

"ปัง ปัง ปัง ปัง…"

ยังพูดไม่ทันจบ ฉันก็จุดประทัดอย่างคล่องแคล่ว แล้วโยนมันไปที่เท้าของกู้เยี่ยนชิง

กู้เยี่ยนชิงตกใจจนยกมือกุมหัวแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนคนอื่น ๆ ก็แตกตื่นกระเจิดกระเจิงกันไปหมด

ภาพนั้นช่างน่าขำและสะใจอย่างที่สุด

เป็นที่รู้กันดีว่าธรรมเนียมงานศพของเมืองเจียงคือ ต้องโปรยกระดาษเงินกระดาษทองไปตามทางเดินแห่ศพและต้องจุดประทัดทุก ๆ ยี่สิบถึงสามสิบเมตรเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย ปลุกวิญญาณ และแสดงความกตัญญู

ทว่าในตัวเมืองห้ามจุดประทัด ธรรมเนียมนี้จึงยังคงมีแค่ตามชนบทและเขตชานเมืองเท่านั้น

แต่ฉันมั่นใจว่าคนในห้องนี้เข้าใจความหมายของมันดี

ประทัดชุดเล็กใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีก็หมด ฉันโยนไปทั้งหมดสามชุด ทำให้ห้องผู้ป่วยครึกครื้นขึ้นมาทันที

ถ้าไม่ติดว่ามีผู้ป่วยคนอื่นอยู่ชั้นนี้ ฉันคงอยากจุดประทัดชุดใหญ่แบบที่ใช้ช่วงตรุษจีน เพื่อส่งเจียงอี๋ไปให้พ้น ๆ

ในชั่วพริบตาควันประทัดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง

ไม่แปลกที่เซ็นเซอร์ตรวจจับควันในห้องผู้ป่วยจะเริ่มทำงาน

เสียงสัญญาณเตือนไฟดังลั่นพร้อมกับหัวฉีดน้ำดับเพลิงที่เพดานเริ่มฉีดน้ำลงมา

ห้องพักผู้ป่วยแบบครอบครัวสุดหรูหราและทันสมัย กลายเป็นถ้ำน้ำตกในทันที

ฉันได้ยินเสียงถังซิ่วเอ๋อกรีดร้องอย่างแตกตื่นและได้ยินเสียงเจียงอี๋ที่อยู่บนเตียงคนไข้ตะโกนเรียก "แม่ แม่" ไม่หยุด

ส่วนฉันซึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูแค่ก้าวถอยหลังไปเพียงสองก้าวก็พ้นจากละอองน้ำที่โปรยลงมาแล้ว

แต่พวกเขาโชคไม่ดีขนาดนั้น ทุกคนจึงเปียกโชกกันหมดเหมือนลูกหมาตกน้ำ

ไม่นาน หมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็มาถึง

ผู้คนมุงกันเต็มทางเดิน ส่วนพวก "ลูกหมาตกน้ำ" ในห้องก็ทยอยกันเดินออกมา

เมื่อรู้ความจริงหมอโกรธจนตะโกนด่า "บ้าบอ! นี่มันไร้สาระสิ้นดี! ถ้าจุดประทัดแล้วโรคหายได้ แล้วเรายังต้องมีหมอไปทำไม! จะมีโรงพยาบาลไว้ทำไม! ผมเข้าใจหัวอกของพ่อแม่ดีแต่พวกคุณอย่าหลงงมงายไปหน่อยเลย ไม่งั้นจะกลายเป็นผลร้ายแทน!"

ถังซิ่วเอ๋อซึ่งเปียกโชกไปทั้งตัว รีบพุ่งออกมาชี้หน้าฉันแล้วด่ากราด "พวกเราไม่ได้เป็นคนทำ นังผู้หญิงคนนี้ต่างหาก! เธอตั้งใจทำ! หมอคะ พวกคุณแจ้งตำรวจจับเธอไปได้เลย! เธอสร้างความวุ่นวายในที่สาธารณะ!"

แต่หมอไม่มีอารมณ์จะมาฟังเธอโวยวาย

สำหรับหมอแล้ว ใครเป็นคนทำไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาทางดูแลผู้ป่วยให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด

ดังนั้นหมอจึงไม่แม้แต่จะสนใจถังซิ่วเอ๋อและหันไปสั่งพยาบาลแทน "รีบจัดเตรียมห้องพักใหม่ให้คนไข้โดยเร็ว!"

เจียงอี๋ที่ใส่ชุดผู้ป่วยเปียกโชกไปทั้งตัว กำลังยืนอยู่ด้านข้างถูกกู้เยี่ยนชิงกอดเอาไว้

พยาบาลจัดเตรียมห้องใหม่ให้เสร็จอย่างรวดเร็ว กู้เยี่ยนชิงก็รีบอุ้มเจียงอี๋เข้าไปข้างในทันที

ถังซิ่วเอ๋อกล้ำกลืนความโกรธไว้พร้อมมองฉันด้วยสายตาแค้นเคืองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่สุดท้ายด้วยกลัวว่าเจียงอี๋จะเป็นอะไรไป จึงต้องรีบตามเข้าไปในห้องผู้ป่วยก่อน

เจียงไห่หยางปาดหยดน้ำที่ไหลอาบหน้า ก่อนกัดฟันชี้มาที่ฉันแล้วพูดเสียงเข้ม "เจียงหว่าน แกคอยดูเถอะ!"

ฉันทำหน้าตายไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

เดิมทีเป้าหมายของการมาครั้งนี้สำเร็จฉันควรจะไปได้แล้ว แต่พอหมุนตัวจะเดินออกไป ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้มอบเครื่องประดับให้กับคู่รักชั่วนั่น

ฉันจึงต้องเดินกลับเข้าไปในห้องผู้ป่วยอีกครั้ง

เจียงอี๋เปลี่ยนเป็นชุดผู้ป่วยตัวใหม่ที่แห้งแล้วกำลังนั่งอยู่บนเตียง เมื่อเห็นฉันเดินเข้ามาอีกครั้ง ดวงตาของเธอเผยให้เห็นแววชิงชังอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะกู้เยี่ยนชิงอยู่ด้วยหรือเปล่า วันนี้เธอจึงดูสงบเสงี่ยมเป็นพิเศษ

"เจียงหว่าน เธอยังจะมาทำอะไรอีก!" ถังซิ่วเอ๋อออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเห็นฉันก็ตะคอกใส่อย่างเกรี้ยวกราด

ฉันไม่สนใจความโกรธของถังซิ่วเอ๋อ ฉันเดินตรงไปยังคู่รักทรยศแล้วหยิบเครื่องประดับออกมา "เจียงอี๋ ยินดีด้วยนะที่เธอกำลังจะแต่งงาน…ได้แต่งกับผู้ชายที่ใฝ่ฝันถึงมานานสมใจหวัง จะตายก็ไม่เสียดายแล้วล่ะสิ"

"เจียงหว่าน!" ถังซิ่วเอ๋อคำรามลั่นอีกครั้ง

แต่สิ่งที่ฉันพูดมันคือความจริง

เมื่อตอนเจียงอี๋อายุสิบแปด คำอธิษฐานวันเกิดของเธอก็คือขอให้ได้แต่งงานกับกู้เยี่ยนชิง ไม่อย่างนั้นเธอยอมตายซะดีกว่า

นี่ก็นับว่าเป็นคำสาปที่เป็นจริงแล้วสินะ

แต่แม้ว่าฉันจะพูดจารุนแรงขนาดนี้ เจียงอี๋กลับไม่โกรธ

เธอมองฉันด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำ "ขอบคุณนะคะพี่ ขอบคุณที่ยกพี่เยี่ยนชิงให้ฉัน ฉันรู้ว่าพี่โกรธมากถึงได้ทำเรื่องแบบนั้น ฉันเป็นฝ่ายผิดเอง ฉันไม่โกรธพี่หรอก…"

ยังพูดไม่ทันจบ น้ำตาของเธอก็ร่วงเผาะลง ราวกับมีวิญญาณนางเอกเข้าสิง

ฉันยิ้มบาง ๆ แล้วพูด "เจียงอี๋ ตอนเด็ก ๆ เธอทำเรื่องชั่วร้ายแบบเปิดเผย ทำไมตอนนี้ถึงเสแสร้งเป็นคนดีกันล่ะ? หรือกลัวว่าพี่เยี่ยนชิงของเธอจะไม่ชอบด้านร้าย ๆ ของเธอ?"

เธอยังคงทำหน้าตาน่าสงสาร "ตอนเด็กฉันยังไม่รู้ความ แถมพี่ก็เก่งไปซะทุกอย่าง ฉันก็เลยต้องใช้วิธีที่ไม่เหมาะสมเพื่อเรียกร้องความสนใจ… ความรู้สึกที่ต้องไปอาศัยบ้านคนอื่น พี่คงไม่เข้าใจหรอก"

แหม ๆ

ฉันส่ายหัวไปมา ในใจกลับรู้สึกทึ่งกับเธอจริง ๆ!

ฝีมือการแสดงระดับนี้ถ้าไม่ได้รางวัลออสการ์ก็น่าเสียดายแย่

ตั้งแต่วันที่เธอก้าวเข้ามาในบ้านตระกูลเจียง เธอใช้ชีวิตดุจดังเจ้าหญิงน้อย ในขณะที่ฉันเจ้าหญิงตัวจริงของตระกูลเจียงกลับกลายเป็นคนรับใช้และที่รองรับอารมณ์ของเธอ

แต่ตอนนี้เธอทำท่าทางน่าสงสาร แล้วบอกว่าเธอต้องไปอาศัยบ้านคนอื่น??

ฉันขี้เกียจจะเถียงอะไรเลยพูดไปตามน้ำ "พูดแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าตลอดหลายปีที่ฉันถูกพวกเธอทำร้ายมันสูญเปล่าเลยนะ การอยู่อย่างไร้ที่พึ่งเธออาจไม่เข้าใจ แต่ความรู้สึกใกล้ตายเธอคงเข้าใจดีที่สุด"

"เจียงหว่าน อย่าให้มันมากเกินไปนัก!" กู้เยี่ยนชิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตำหนิ

เจียงไห่หยางก็ตะโกนด่าตามมา "เจียงหว่าน น้องสาวแกกำลังจะตาย แกยังกล้าเยาะเย้ยเธออีก! ระวังคนต่อไปที่ซวยจะเป็นแก!"

ฉันหันไปมองพ่อเฮงซวยของฉันแล้วเตือนเขาอย่างใจเย็น "อย่ามาแช่งฉันแบบนี้ดีกว่า ถ้าดันเป็นจริงขึ้นมา ลูกสาวสุดที่รักของพ่ออาจต้องเดินทางไปยมโลกแบบไม่สงบสุขก็ได้นะ ถ้าไม่มีพวกพ่อคุ้มครอง เธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันหรอก"

"แก!"

พอเห็นพวกเขาโกรธจนพูดไม่ออกจนหน้าแดงก่ำ ฉันก็แค่นหัวเราะในใจ ก่อนก้มตัววางกล่องเครื่องประดับไว้ข้างมือของเจียงอี๋ "รับไปสิ คนรักของเธอจ่ายเงินให้แล้ว"

เจียงอี๋มองกู้เยี่ยนชิงแวบหนึ่ง สีหน้าของเขาแข็งทื่อ

"งานแต่งกำหนดไว้วันไหน?" ฉันแกล้งถามอย่างใส่ใจ คิดว่าพวกเขาคงรอให้อาการของเจียงอี๋คงที่ก่อนค่อยจัดงาน

ใครจะคิดว่าเจียงอี๋กลับพูดเสียงอ่อนหวาน "ก็วันงานแต่งของพี่กับพี่เยี่ยนชิงไงคะ เพียงแค่เปลี่ยนเจ้าสาวเป็นฉันเท่านั้นเอง…"

อะไรนะ?

ฉันขมวดคิ้ว เข้าใจเรื่องทั้งหมดในทันที

ที่แท้พวกเขาไม่ได้แค่แย่งเจ้าบ่าวของฉัน แย่งชุดแต่งงานของฉัน แย่งเครื่องประดับของฉัน แต่พวกเขายังต้องการแย่งงานแต่งทั้งหมดไปด้วย?!

ถังซิ่วเอ้อเห็นปฏิกิริยาของฉัน สีหน้าของเธอก็สดใสขึ้นทันที แถมยังดูมีความสุขขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

"งานแต่งของเธอกับเยี่ยนชิงเตรียมไว้หมดแล้ว แขกก็เชิญไปแล้ว ถ้ายกเลิกมันจะเสียของเปล่าไม่ใช่เหรอ? ใช้ของที่มีอยู่แล้วแบบนี้สิ ประหยัดทั้งแรงและเวลา"

ฉันไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หันไปมองกู้เยี่ยนชิง อยากรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

งานแต่งงานนี้ ฉันเตรียมงานอย่างพิถีพิถันมาครึ่งปี

ตั้งแต่แผนงานแต่งทั้งหมดไปจนถึงของชำร่วยที่ต้องคัดเลือกเองกับมือ รวมถึงการตัดชุดแต่งงานด้วยตัวเองแถมยังบินไปต่างประเทศเพื่อเลือกเครื่องประดับสำหรับงานแต่ง…

ฉันทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากมายขนาดนี้ แต่สุดท้ายกลับต้องเสียให้นังคนเสแสร้งนี่อย่างนั้นเหรอ?

กู้เยี่ยนชิงมองดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะของฉัน สีหน้าของเขาดูไม่มั่นใจอย่างเห็นได้ชัด

เขาก้าวเข้ามาหมายจะจับมือ แต่ฉันสะบัดออกทันที

"เสี่ยวหว่าน... ขอโทษนะ ผมรู้ว่าคุณทุ่มเทให้กับงานแต่งนี้มาก แต่เพราะเหตุนี้แหละมันถึงไม่ควรเสียเปล่า… อีกอย่างนะ เจียงอี๋คือน้องสาวของคุณ พวกคุณเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าสละงานแต่งนี้ให้เธอก็ถือว่า…"

อาจเพราะสีหน้าของฉันดูแย่เกินไป กู้เยี่ยนชิงพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง น้ำเสียงของเขาก็ค่อย ๆ เบาลงจนเงียบไป

ฉันกำหมัดแน่น พยายามข่มใจไม่ให้ฟาดเขาไปสักฉาด ก่อนจะเย้ยหยันว่า "ถือว่าอะไร? ถือว่าไม่ให้เงินทองรั่วไหลไปถึงคนนอกงั้นเหรอ?"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 4

    กู้เยี่ยนชิงยืนนิ่งอึ้งไม่พูดอะไรออกมาถังซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงดังขึ้น "ในที่สุดค่อยพูดจาเป็นผู้เป็นคนหน่อย เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น พี่สาวเสียสละให้น้องสาวไม่ใช่เรื่องสมควรหรือไง? ถือซะว่าเป็นของขวัญแต่งงานที่เธอมอบให้น้องสาวก็แล้วกัน"ฉันหัวเราะเยาะ มองไปยังแม่เลี้ยงคนนี้ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยนขึ้นทันที "งั้นฉันยังต้องให้อีกอย่างด้วย""ให้อะไร?" ถังซิ่วเอ๋อถามฉันตอบ "โลงศพอีกหนึ่งใบ เอาไว้ไปตั้งที่งานแต่งไง""เจียงหว่าน!" ถังซิ่วเอ๋อโกรธจนหน้าซีดเผือดพลางจ้องฉันเขม็งแต่กลับพูดอะไรไม่ออกฉันยิ้มพลางอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าเดิม "ในสมัยโบราณ เวลาผู้หญิงแต่งงาน ตระกูลฝ่ายหญิงต้องเตรียมโลงศพเป็นส่วนหนึ่งของสินสอด แล้วนำไปยังบ้านสามีในวันแต่งงาน ในฐานะพี่สาวฝ่ายเจ้าสาว ของขวัญแต่งงานที่ฉันให้ก็ตรงตามธรรมเนียมดีนี่นา"สิ่งที่ฉันพูดฟังดูสมเหตุสมผลจนพวกเขาไม่สามารถโต้แย้ง ทำได้แต่กลืนความขมขื่นไว้ในใจเหมือนกับตอนที่ฉันจุดประทัดเมื่อกี้ แม้ว่าฉันจะฉลอง ดีใจที่เห็นความหายนะ และแอบสาปแช่งเจียงอี๋ แต่ถ้าฉันอ้างว่ามันเป็นการไล่สิ่งอัปมงคล พวกเขาจะทำอะไรฉันได้?ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 5

    ฉันแค่นหัวเราะก่อนหันไปมองถนนที่เต็มไปด้วยรถราขวักไขว่ รอจนจิตใจเย็นลงเล็กน้อยจึงหันกลับมาพูดประชดประชัน "กู้เยี่ยนชิง ฉันคนนี้ไม่ใช่สถานีรีไซเคิลขยะนะ ไม่ว่าแต่ก่อนฉันจะรักคุณแค่ไหนหรือทุ่มเทให้มากเท่าไร ตั้งแต่วันที่คุณเลือกที่จะทรยศฉัน วันนั้นคุณก็ไม่คู่ควรกับความรักของฉันอีกต่อไป"ฉันหมุนตัวจะเดินจากไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาชี้เขาแล้วกล่าวเสริม "ต่อให้ผู้ชายทั้งโลกตายหมด ฉันก็ไม่มีวันชายตามองคุณอีก น่าขยะแขยง"บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีที่เด็ดขาดของฉันทำให้กู้เยี่ยนชิงรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง เขาจึงก้าวเข้ามาจับแขนฉันไว้ทันทีและเริ่มขอร้องอ้อนวอน "เสี่ยวหว่าน ผมรักคุณนะ ความรู้สึกตลอดหกปีที่ผ่านมาผมจดจำมันอยู่ในใจเสมอไม่มีวันลืม แต่เจียงอี๋กำลังจะตาย เธอน่าสงสารขนาดนั้น ความปรารถนาก่อนตายของเธอก็แค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้นเอง…""ปล่อย!""เสี่ยวหว่าน ผมสาบานเลยว่าถ้าเจียงอี๋…""เพียะ!" ฉันไม่รอให้เขาพูดจาไร้สาระจบก็เงื้อมือฟาดเข้าไปที่แก้มอีกข้างของเขาอย่างแรงตอนนี้ดีเลย รอยนิ้วมือทั้งสองข้างสมมาตรกัน ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูตลกขึ้นไปอีก"กู้เยี่ยนชิง เห็นแก่ที่ฉันเคยให้เลือดค

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 6

    "เจียงหว่าน ถ้าเจียงอี๋เป็นอะไรขึ้นมา ผมจะคอยดูว่าคุณจะอธิบายยังไง!" กู้เยี่ยนชิงจ้องฉันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและดุดัน ก่อนอุ้มเจียงอี๋แล้วรีบพาเธอออกไปทันทีฉันยืนนิ่งอยู่นาน ในหัวเต็มไปด้วยภาพใบหน้าของกู้เยี่ยนชิงที่โกรธเกรี้ยวและไร้เยื่อใยต่อฉันคำสาบานรักที่เคยมีให้กันกลายเป็นเรื่องน่าขันในวินาทีนี้ เขาเปลี่ยนใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ตัวเลยฉันจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวด จนกระทั่งเสี่ยวอิงเถาเข้ามาในห้องและถามด้วยความเป็นห่วง ฉันถึงได้สติกลับมาไม่คุ้มค่าที่จะเสียใจกับผู้ชายเลว ๆ แบบนี้ ฉันสูดหายใจลึก ๆ แล้วตั้งใจทำงานต่อจนเกือบเที่ยงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากถังซิ่วเอ๋อ ฉันก็กดตัดสายทันทีไม่นานนักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็นพ่อของฉันโทรมาฉันเริ่มสงสัย หรือว่าเจียงอี๋ทนไม่ไหวจนตายไปแล้ว?ลังเลอยู่ไม่กี่วินาที ฉันก็ตัดสินใจรับสายแต่ไม่ทันที่โทรศัพท์จะแนบหู เสียงตะโกนก้องของพ่อก็ดังสนั่นราวกับเสียงคำรามของสิงโต ทำเอาหูฉันสั่นสะเทือน"เจียงหว่าน! แกมันบ้าไปแล้วหรือไง! เจียงอี๋อ่อนแออยู่แล้ว ยังจะทำร้ายเธอ ผลักเธอลงพื้นอีก!

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 7

    ฉันใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดดวงตาที่แสบร้อน แล้วหายใจเข้าลึก ๆ โดยไม่มีแก่ใจจะมองว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นใครแต่แล้วพ่อของฉันก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและอ่อนน้อมยิ่ง "คุณชายรองซู ต้องขออภัยที่ให้เห็นเรื่องน่าอับอาย ตรงนั้นเป็นที่นั่งของแขกพิเศษ ขอเชิญท่านย้ายไปนั่งที่นั่นเถอะครับ""ไม่จำเป็น ผมจะนั่งตรงนี้" ชายที่ถูกเรียกว่าคุณชายรองซูกล่าวตอบ น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบสงบนิ่งทว่าแฝงไปด้วยอำนาจที่สูงส่งพ่อฉันทำท่าจะพูดอะไรอีก แต่บนเวทีพิธีกรได้เชิญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นไป ถังซิ่วเอ๋อจึงรีบเข้ามาดึงตัวเขาออกไปฉันเงยหน้าขึ้นพยายามสงบจิตใจ ยังไม่ทันได้คืนผ้าเช็ดหน้า ก็ได้ยินเสียงจากลำโพงดังขึ้น "ขอเชิญผู้ประกาศคำปฏิญาณในพิธีวันนี้ คุณเจียงหว่าน ขึ้นเวทีค่ะ"ไฟสปอร์ตไลต์ฉายมาที่ฉันอย่างกะทันหัน จนฉันตั้งตัวไม่ทันบรรยากาศที่เคยจอแจเงียบลงในทันที ฉันรู้ว่าทุกคนต่างตกตะลึง บางคนรู้สึกสงสารเห็นใจฉัน ขณะที่บางคนรอดูเรื่องตลกฉันรีบยืดหลังตรง สวมเกราะแห่งความเข้มแข็งเพื่อปกปิดความอ่อนแอทุกอย่างและลุกเดินขึ้นไปบนเวทีเสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นอีกครั้งและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยิ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 8

    เจียงอี๋น้ำตาคลอเต็มดวงตา เธอพูดปนสะอื้นจนแทบไม่เป็นคำฉันฟังไปได้ครึ่งทางก็เข้าใจทันที นี่เธอกำลังเล่นบทน่าสงสารต่อหน้าฝูงชน บีบบังคับให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอด้วยตรรกะทางศีลธรรม!"ขอบคุณพี่ที่ยอมให้ฉันได้สมหวังกับพี่เยี่ยนชิง ขอบคุณที่ทำให้ฉันสามารถจากโลกนี้ไปโดยไม่มีความเสียใจ หวังว่าทุกคนจะไม่หัวเราะเยาะพี่สาวของฉัน เพราะเธอคือพี่สาวที่ดีที่สุดในโลก"หลังจากที่เจียงอี๋พูดจบด้วยน้ำตา ทั้งงานก็เงียบกริบ ทุกคนตั้งใจมองไปที่เวที ไม่มีใครพูดจาเสียดสีอีกฉันมองลงไปที่กลุ่มแขก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ฉันเห็นใบหน้าหนึ่งที่หล่อเหลาสุดขั้ว ดวงตาเป็นประกายคมกริบ ริมฝีปากบางของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้สะเทือนใจกับละครเรียกคะแนนสงสารของเจียงอี๋แม้แต่น้อยเจียงอี๋หันมามองฉันด้วยดวงตาแดงช้ำ น้ำตาคลอเต็มหน่วย ก่อนจะพูดเสียงสะอื้น "พี่คะ… ขอบคุณนะคะ ฉันอยากฟังความในใจของพี่ พี่… เกลียดฉันหรือเปล่า?"ฉันสะดุ้งเฮือก ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจียงอี๋จะเล่นใหญ่ขนาดนี้!เธอบีบให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอ แล้วยังจะกดดันให้ฉันต้องแสดงออกต่อหน้าฝูงชน เพื่อร่วมเล่นละครครอบครัวรั

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 9

    สถานการณ์วุ่นวายถึงขีดสุด แขกที่อยู่ด้านล่างต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่งฉันตัวคนเดียว ไม่มีแรงต้านทานจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดีที่พ่อแม่ของกู้เยี่ยนชิงยังรู้จักรักษาหน้า รีบเข้ามาห้าม"คุณเจียง! คุณเจียง! นี่เป็นงานแต่งของลูก ๆ นะ แขกตั้งมากมายกำลังดูอยู่! รีบหยุดเถอะ!""อย่ามาห้ามฉัน! ฉันจะตีนังลูกเนรคุณนี่ให้ตาย! นังตัวซวย! เกิดมาเพื่อเป็นตัวหายนะของฉัน!"เจียงไห่หยางถูกฉันยั่วจนโกรธจัด ใบหน้าเหยเกจนดูน่ากลัว เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้แต่พ่อแม่ของ กู้เยี่ยนชิงก็ยังห้ามไม่อยู่ทันใดนั้นถังซิ่วเอ๋อก็ตะโกนเสียงดัง "หยุดตีได้แล้ว! เสี่ยวอี๋เป็นลมแล้ว! ใครก็ได้! เรียกคนมาช่วยเร็ว!"เจียงไห่หยางชะงัก หันกลับไปมองก่อนจะผลักฉันออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปหา "เกิดอะไรขึ้น? รถพยาบาลล่ะ? รีบโทรเรียกรถพยาบาลสิ!"ฝูงชนที่รายล้อมฉันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไปในพริบตา ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปหาตัวเจ้าสาวที่หมดสติกู้เยี่ยนชิงหน้าตื่น พุ่งไปช้อนตัวเจียงอี๋ขึ้น "เสี่ยวอี๋ อดทนไว้นะ! เธอต้องอดทนไว้! พี่จะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!"ฉันอยู่ในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าปวดร้าวไปหมดแต่เมื่อเห็นพวกเข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 10

    ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวในงานแต่งของฉันกับกู้เยี่ยนชิงได้?ฉันคิดไม่ตกสงสัยว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?คนอย่างเขาไม่ค่อยปรากฏตัวง่าย ๆ แต่พอมาปรากฏตัวก็ได้ชมละครฉากใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าไม่เสียเที่ยวแล้วโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน ดึงฉันออกจากความคิดที่ยุ่งเหยิงหลี่อวิ๋นเวยตะโกนลั่นผ่านสายด้วยความโมโห "กู้เยี่ยนชิงกับเจียงอี๋มันน่าขยะแขยงสุด ๆ! ฉันโมโหจนเกือบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง! แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้เลยนี่นา สวนกลับได้โคตรดี โคตรเฉียบ จนไอ้พวกเวรนั่นดิ้นพล่าน!"ฉันถอนหายใจ เอนพิงพนักเบาะพลางเอามือกุมขมับ "อย่าบอกนะว่ามันกระจายไปทั่วเน็ตแล้ว?""เธอคิดว่าไงล่ะ? เรื่องแบบนี้หายากจะตาย แม้แต่ละครน้ำเน่ายังเขียนบทไม่ได้ขนาดนี้เลย! ตอนนี้ชาวเน็ตแบ่งเป็นสองฝั่ง ด่ากันไฟแลบ!""..." ฉันหลับตาลง รู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าเดิมฉันอยากแก้แค้นพวกเขาจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้อยากลากตัวเองลงไปในวังวนโคลนตมนี้ด้วยถ้าปล่อยให้เรื่องนี้บานปลาย ฉันเองก็อาจโดนผลกระทบไปด้วย"เสี่ยวหว่าน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันเห็นเธอโดนตบ" หลังจากโมโหเสร็จ หลี่อวิ๋นเวยก็ถามไถ่ฉันด้วยความเป็นห่วงฉันตอบเรียบ ๆ "ไม่เป็นไร แค่โดนตบไปไม่กี่ทีเ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 11

    จะตายแล้วเหรอ?ฤทธิ์ยานอนหลับทำให้ฉันเบลอไปหมด ฉันเปิดประตูมองกู้เยี่ยนชิงแล้วถามอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นว่า “เจียงอี๋จะตายแล้วเหรอ?”คำพูดนี้ทำให้เขาโกรธมาก“เจียงหว่าน! คุณอย่าร้ายกาจให้มันมากนัก!” กู้เยี่ยนชิงสีหน้าบึ้งตึงซึ่งเป็นท่าทางที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนฉันขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากจะทะเลาะกับเขาเลยผลักเขาออกไปแล้วเตรียมจะปิดประตูแต่กู้เยี่ยนชิงไวกว่าฉัน เขาใช้เท้าถีบประตูเข้ามาอย่างแรงและจับแขนฉันไว้“กู้เยี่ยนชิง นี่คุณทำอะไร! บุกรุกเข้ามาในบ้านคนอื่นแบบนี้ ฉันจะแจ้งตำรวจ!” ฉันโกรธมากพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง และตบหน้าเขาไปอีกหนึ่งฉาดด้วยความโมโหสุดขีดกู้เยี่ยนชิงไม่สนใจ เขาดึงฉันออกจากบ้านแล้วยัดฉันเข้าไปในรถของเขา“กู้เยี่ยนชิง คุณเป็นบ้าอะไร! ปล่อยฉันลงจากรถนะ!”“เจียงอี๋ป่วยหนักใกล้ตายแล้ว คุณต้องไปโรงพยาบาลกับผม!” กู้เยี่ยนชิงเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานไปในความมืดมิดยามราตรีฉันไม่เข้าใจ “เธอใกล้ตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? ฉันไม่ใช่หมอสักหน่อย”กู้เยี่ยนชิงไม่พูดอะไร ใบหน้าด้านข้างเคร่งขรึม สีหน้าตึงเครียด เขาเอาแต่เร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆฉันรู้สึกก

บทล่าสุด

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 40

    หากไม่ใช่เพิ่งได้ประจักษ์ถึงความน่าเกรงขามอันทรงอานุภาพของเขาเมื่อครู่ ก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้คือคนเดียวกับเทพแห่งการพิพากษาอันเฉียบขาดเมื่อสักครู่“คุณซูพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นฉันต่างหากที่รบกวนเวลาทำงานของคุณ” ฉันใช้คำยกย่องอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเพราะตระหนักได้อย่างชัดเจนอีกครั้งถึงความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างเราเลขาจี้เดินตามฉันเข้ามาในห้อง ก้มลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว เขารวบรวมและจัดเรียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปฉันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ“คุณเจียงออกแบบเสื้อผ้าของผมเสร็จแล้วหรือครับ?” ซูเซิ่งหลินเอ่ยถามขึ้นก่อน ทำลายภวังค์ความคิดของฉันให้กลับคืนมาฉันชะงักงัน คำพูดติดค้างอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้ซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน แต่ยังคงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือครับ หรือว่าคุณแม่ของผมทำให้คุณกดดัน?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ!” ฉันรีบปฏิเสธ ลนลานจนลิ้นแทบพันกันฉันไม่ได้เอาแบบร่างมาด้วยเลยสักนิด และไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องตัดเสื้อกับเขาด้วยตอนนี้นอกจากพูดความจริงแล้ว ก็ไม่เหลือทางอื่นใด“คุณซ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 39

    บนตึกนั้นมีตัวอักษรสีแดงแปดตัวที่เขียนไว้อย่างสง่าและเป็นระเบียบว่า กองทัพแข็งแกร่งเพื่อปกป้องชาติ องค์กรแข็งแกร่งเพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน ทำให้ความรู้สึกเคารพยำเกรงที่เอ่อล้นอยู่ในใจของฉันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นครั้นเมื่อมาถึง ก็มีคนรออยู่แล้วที่ชั้นล่างของอาคารฉันเคยเห็นคนผู้นั้นเขาคือคนที่เข้ามาเตือนซูเซิ่งหลินให้รีบออกเดินทางตอนที่เราคุยกันอยู่ที่หน้าประตูสวนซูเมื่อคราวก่อนฉันจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงหยิบกระเป๋าเอกสารลงมา“สวัสดีครับคุณเจียง ผมชื่อจี้หมิง เป็นเลขาของประธานซูครับ” เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพนอบน้อมฉันตอบกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน “สวัสดีค่ะเลขาจี้ รบกวนคุณแล้ว”เขาพาฉันเข้าไปในอาคาร สแกนใบหน้าผ่านประตูกั้นแล้วจึงเดินไปยังโถงลิฟต์เมื่อเข้ามาในลิฟต์ จี้หมิงก็เอ่ยกับฉันว่า “คุณเจียงครับ คุณซูท่านกำลังติดธุระอยู่ คุณอาจจะต้องรอสักครู่นะครับ”ฉันยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณซูโดยไม่ได้นัดหมายก่อน”เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดและออกจากลิฟต์ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือพื้นที่สำนักงานที่กว้างขวางและสะอาดตาเป็นระเบียบพนักงานทุกคนต่างทักทายจี้หมิงด้วยคว

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 38

    “ใครขอให้คุณมาช่วยกัน?” ฉันหัวเราะเยาะเย้ยพลางเหน็บแนม “อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ถึงคุณจะยัดเยียดให้ ฉันก็ไม่เอาสักแดงเดียว เอาเงินคุณไปไถ่กำไลหยกของแม่ฉัน ฉันกลัวจะทำให้ทางไปเกิดใหม่ของแม่ฉันต้องมัวหมอง”“เจียงหว่าน ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพูดจาได้ร้ายกาจขนาดนี้?” กู้เยี่ยนชิงทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น“หึ ฉันพูดจาร้ายกาจ ก็ยังสู้ความร้ายกาจในการกระทำของคุณไม่ได้หรอก”ฉันตัดบทด้วยความโมโห ไม่อยากฟังเขาพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว จึงตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเลฉันรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง!แต่พอตั้งสติได้ ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ยิ่งทวีคูณกู้เยี่ยนชิงรู้เรื่องนี้แล้ว มีหวังเจียงอี๋ก็คงจะรู้ด้วยดูจากนิสัยที่ชอบแย่งของรักของฉันไปทุกอย่างแล้ว ยัยนั่นจะต้องมาแย่งกำไลหยกวงนี้กับฉันแน่ ๆไม่ได้!ฉันจะปล่อยให้เจียงอี๋แย่งกำไลวงนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดฉันต้องเตรียมเงินให้มากพอแต่เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันจะไปหาหยิบยืมเงินจากที่ไหนได้อีก?ใจฉันร้อนรุ่มราวกับไฟสุมทรวง ชั่วขณะนั้นสติกระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้น แต่แล้วก็รีบข่มใจให้กลับมาสงบนิ่งแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กว่า หากเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าตื่นตระหนก อย่าลน

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 37

    หึ ข่มขืนสมควรแล้ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองฉันเผลอหัวเราะออกมา ทำให้กู้เยี่ยนชิงโกรธจัด “เจียงหว่าน คุณเปลี่ยนไปเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ฉันเรียนรู้มาจากคุณไงล่ะ”“...” เขาโกรธจนพูดไม่ออกฉันกล่าวเตือนว่า “เอาเถอะ อย่างไรซะเขาก็ทำผิดกฎหมาย ฉันก็แค่ผดุงความยุติธรรม พวกคุณจะสมรู้ร่วมคิดกันก็เชิญ แต่อย่าได้คิดลองดีกับกฎหมาย ไม่อย่างนั้นคุณเองก็จะหมดอนาคตไปด้วย”กู้เยี่ยนชิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คงเริ่มรู้สึกตัวและละอายใจอยู่บ้าง จึงเปลี่ยนประเด็น “ได้ยินมาว่าคุณกำลังต้องการเงินมาก คุณจะเอาไปทำอะไร?”“ไม่เกี่ยวกับคุณ”“คุณต้องการเงินเท่าไร ผมจะให้คุณเอง”ฉันถามกลับทันที “ห้าร้อยล้าน คุณให้ได้ไหม?”“ห้าร้อยล้านเหรอ?” กู้เยี่ยนชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณจะเอาไปทำอะไร? บริษัทมีปัญหาทางการเงินหรือ?”“เปล่า”จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายไปเสียหมด ต่อให้เขายอมให้หยิบยืมหรือให้เปล่า ฉันก็ไม่คิดจะรับเงินของเขาหากเอาเงินของเขาไปไถ่กำไลหยกของแม่คืนมา เกรงว่าแม่คงโกรธฉันจนตัดขาด แม้จะถูกฝังอยู่ในหลุมก็เถอะ“ช่างเถอะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันยังยุ่งอยู่ ข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 36

    ผู้หญิงคนนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย รูปร่างอวบอัดเซ็กซี่ของเธอเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกเนื่องจากห้องอยู่ติดกับลิฟต์และเป็นช่วงเวลาที่มีแขกขึ้นลงลิฟต์จำนวนมาก ทำให้คนได้ยินเสียงและพากันมามุงดูอย่างรวดเร็ว ทางเดินเต็มไปด้วยไทยมุง แต่ละคนถือโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและอัดวิดีโอไว้“หยุดนะ! ตำรวจมาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดออก ตำรวจตะโกนเสียงดัง ทำให้ฝูงชนที่มุงดูอยู่เปิดทางให้แต่การมาถึงของตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถังซิ่วเอ๋อกลายร่างเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เธอต่อยตีเจียงไห่หยางจนเขาไม่มีทางสู้จนเกือบจะเปลือยกายอยู่รอมร่อสุดท้ายตำรวจต้องเข้ามาควบคุมตัวเธออย่างอุกอาจ ความวุ่นวายจึงยุติลงเนื่องจากเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ตำรวจจึงจำเป็นต้องนำตัวพวกเขาทั้งหมดไปสอบสวนถังซิ่วเอ๋อโกรธจัดและโวยวายใส่ตำรวจว่า “จับฉันทำไม? ถ้าจะจับก็ต้องจับชายชู้กับหญิงแพศยาคู่นั้นสิ ฉันตบนังจิ้งจอกนี่แล้วผิดตรงไหนกัน!”“อยู่ในความสงบ! ทุกคนต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน!” ตำรวจตวาดเสียงเข้ม ควบคุมตัวถังซิ่วเอ๋อไว้อีกครั้งเจียงไห

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 35

    ฉันหันกลับไปมองแผ่นหลังของหญิงคนนั้นอย่างเงียบ ๆ เห็นเธอเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจียงไห่หยางอย่างไม่ลังเลสัญชาตญาณบอกฉันว่าผู้หญิงคนนี้กับเจียงไห่หยางต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อขึ้นมาบนรถ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาหลี่อวิ๋นเวย“เวยเวย รบกวนเธอช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ช่วยหาคนสะกดรอยตาม...”ถ้าฉันไม่ติดงานเร่งทำตามกำหนดส่งของตระกูลซูจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ฉันคงตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปแล้วตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักสองสามวัน กว่าจะจับพิรุธของเจียงไห่หยางได้ใครจะรู้ว่าเย็นวันนั้น ขณะที่ฉันยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ที่สตูดิโอ หลี่อวิ๋นเวยก็ส่งข่าวมา“หว่านหว่าน พ่อตัวแสบของเธอ ควงผู้หญิงหน้าสวยไปที่โรงแรมฮิลตัน ห้อง 8868 จะไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเลยไหม?”ฉันวางเข็มกับด้ายลงข้าง ๆ แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “ฉันไปจับเองจะมีความหมายอะไร ให้คนอื่นไปจับสิถึงจะดี”ฉันโทรศัพท์หาถังซิ่วเอ๋อ“เจียงหว่าน? โทรมาหาฉันอีกทำไม?” ถังซิ่วเอ๋อพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทุกครั้งแต่ฉันก็ยังพูดด้วยความสุภาพ “แม่เลี้ยงคะ พ่ออยู่บ้านไหม?”“ไม่อยู่! ฉันได

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 34

    วันรุ่งขึ้นฉันตรงดิ่งไปยังบริษัทของเจียงไห่หยางเพื่อพบเขาเมื่อเห็นฉัน สีหน้าของเจียงไห่หยางก็เย็นชา เขาปรายตามองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากเสียดสี “แกมาทำไมอีก? ยังคิดว่าทำให้บ้านนี้วุ่นวายไม่พออีกหรือ?”ฉันเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าคุณไม่คืนหุ้นของแม่ให้ฉัน ก็เอาเงินมาให้ฉันซะ”เจียงไห่หยางชะงักไปเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม “เจียงหว่าน สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง? หุ้นของแม่แก ฉันก็ให้ไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พออีกเหรอ?”“ในเมื่อมันเป็นของแม่ฉัน มันก็ควรจะเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าคุณไม่แย่งธุรกิจของตาและยายฉันไป คุณจะมีวันนี้ที่รุ่งโรจน์เฟื่องฟูได้หรือ?”“...” เจียงไห่หยางจ้องฉันเขม็งบรรยากาศตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาฉันแล้วกระชากฉันให้ลุกขึ้น “แกออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องเรียก รปภ.”“ถ้าคุณให้เงินฉัน ฉันก็จะไปเอง ไม่มากหรอกแค่ห้าสิบล้านก็พอ”“ห้าสิบล้านเหรอ?” เจียงไห่หยางอุทานเสียงหลง “ฝันไปเถอะ! ต่อให้ฉันต้องเอาเงินไปโยนทิ้งน้ำ ก็ไม่มีวันให้แก!”“เจียงไห่หยาง คุณคิดให้

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 33

    เมื่อสิ้นคำพูดนั้น ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะตำหนิที่ฝีมือฉันยังไม่ดีพอจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้นว่า “ฉันจะเร่งมือให้เต็มที่ ไม่ให้งานวันเกิดของคุณหญิงเสียหายแน่นอนค่ะ”“อืม ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ หากเวลาไม่พอจะตัดเพียงสองชุดก่อนก็ได้ สุขภาพสำคัญกว่า อย่าฝืนทำจนป่วยไปเสียล่ะครับ”คำกำชับของเขาทำให้ฉันนึกถึงเรื่องน่าอายที่เผลอหลับบนรถม้าเมื่อเช้า ความรู้สึกละอายใจก็ท่วมท้นขึ้นมาทันทีซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนของฉัน จึงก้าวเข้ามาใกล้อีกสองก้าว “ในเมื่อคุณเจียงมีนัดตอนกลางวัน อย่างนั้นผมก็จะไม่รั้งไว้ วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะครับ”ฉันได้สติกลับคืนมาแล้วพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ ไว้พบกันค่ะคุณชายซู”“ไว้พบกัน”ฉันก้าวขึ้นรถอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเดินตามมาปิดประตูให้ด้วยตนเอง แถมยังโบกมือลาผ่านกระจกหน้าต่างฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉันมองคนรวยผ่านแว่นกรองที่สวยงามเกินไปหรือไม่แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะแย้มยิ้มหรือขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะยามเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง แม้เพียงเส้นผมปลิวไสวตามสายลม เมื่ออยู่บนร่างของเขา ช่างดูพิเศษและแตกต่างจากผู้อื่นเหลือเกินการอบรมบ่มเพาะท

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 32

    ฉันตกใจมาก รีบเปิดประตูลงจากรถ “ขอโทษค่ะพ่อบ้านโจว ในรถสบายมากจนฉันเผลอหลับไป คุณน่าจะปลุกฉันนะคะ”“คุณเจียงไม่ต้องกังวลครับ คุณชายรองสั่งไม่ให้ปลุกบอกว่าคุณคงเหนื่อยจากงานมาก” พ่อบ้านโจวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปฉันหิ้วถุงเสื้อผ้าตามไป ในใจยังครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อบ้านโจว“ฉันเผลอหลับในรถ คุณชายรองซูก็รู้งั้นหรือคะ?”ให้ตายสิ! อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“ครับ ตอนรถของพวกคุณมาถึง คุณชายรองกำลังจะออกไปข้างนอกพอดีแล้วบังเอิญเจอกัน คนขับรถบอกว่าคุณหลับอยู่ในรถ คุณชายรองมองแล้วก็สั่งไม่ให้ปลุกคุณครับ”อะไรนะ?ซูเซิ่งหลินมองฉันด้วยเหรอ?ฉันสับสนไปหมด รีบยกมือขึ้นแตะมุมปากอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่ได้น้ำลายไหลใช่ไหม!อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด…เมื่อได้พบหน้าคุณหญิงซู ฉันรีบชี้แจงถึงเหตุที่มาล่าช้า แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคุณหญิงซูก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน“ไม่เป็นไร พวกหนุ่มสาวสมัยนี้สร้างเนื้อสร้างตัวก็ลำบากแบบนี้ทั้งนั้น ต้องลำบากกันทุกคน จะว่าไปก็เป็นความผิดของฉันเอง ที่ไม่ได้รู้จักเธอเร็วกว่านี้ ทำให้เธอต้องเหนื่อยเพราะเวลากระชั้นชิดแบบนี้”คุณหญิงซูเอ่ยอย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status