แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: เดียวดายในห้วงฝัน
ฉันคิดว่าเขาจะโกรธและด่าฉันว่าเรียกร้องมากเกินไป ใครจะรู้ว่าเขาแค่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ตกลง เจอกันตอนเย็น”

เมื่อสามปีก่อน เราสองคนร่วมกันก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า ‘หว่านเยี่ยนโอต์กูตูร์’ เป็นแบรนด์สั่งทำพิเศษระดับไฮเอนด์ ซึ่งปัจจุบันกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ในตอนนั้นกู้เยี่ยนชิงเป็นคนออกเงิน ส่วนฉันรับหน้าที่ออกแบบ สำหรับฉันแล้วมันเหมือนกับการจับเสือมือเปล่า

ในปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าหลายร้อยล้านและสามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ทุกเมื่อ มีอนาคตสดใสอย่างยิ่ง แต่เพื่อที่จะอยู่กับเจียงอี๋ เขากลับยอมยกบริษัทให้ฉัน

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรักกันมากจริง ๆ

เมื่อตื่นนอน ฉันมองไปที่ของใช้สำหรับงานแต่งงานที่กองอยู่เต็มห้อง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกขัดเคืองตาจนอยากจะจุดไฟเผามันให้หมด

ฉันเรียกคนมาช่วยแล้วจัดการสั่งให้พวกเขาเก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นออกไปให้หมด

โชคดีจริง ๆ! โชคดีที่ฉันยืนกรานว่าคืนเข้าหอเท่านั้นถึงจะมีอะไรกันได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องเสียความบริสุทธิ์ของตัวเองให้เขาไปด้วย ซึ่งมันจะยิ่งน่าขยะแขยงมากขึ้นไปอีก

หลังจากที่บ้านได้รับการทำความสะอาด ฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าอย่างพิถีพิถัน ขณะที่ฉันยุ่งอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงรถจากลานบ้าน

กู้เยี่ยนชิงกลับมาแล้ว

คนที่มากับกู้เยี่ยนชิงคืออดีตว่าที่แม่สามีของฉัน หลีชิงหลาน

ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

นี่เป็นเพราะกลัวว่าลูกชายจะเสียเปรียบหรือเปล่า ตัวแม่จึงต้องมาคุมท่าอยู่ด้วย?

“กลับมาแล้วเหรอ” ฉันนั่งอยู่บนโซฟาโดยไม่ลุกขึ้นไปต้อนรับ หลังจากทักทายกู้เยี่ยนชิง ฉันก็มองไปที่หลีชิงหลาน “คุณป้าก็มาด้วย”

สีหน้าของหลีชิงหลานลำบากใจ เธอหัวเราะและพูด “ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนมาเรียกแม่นานแล้วเหรอ? ทำไมถึงเรียกป้าอีกล่ะ”

ฉันยิ้มและพูดตรง ๆ “แม่ฉันตายไปนานแล้วค่ะ”

ความหมายคือเธอไม่คู่ควร

รอยยิ้มของหลี่ชิงหลานแข็งทื่อไปทันที ราวกับถูกมีดกรีดผ่าน สีหน้าหม่นลงในพริบตา

กู้เยี่ยนชิงก็มีสีหน้าไม่ดีเช่นกัน เขาเดินเข้ามาใกล้และพูด “เจียงหว่าน คนที่คุณควรจะต่อว่าก็คือผม คุณไม่ควรกล่าวโทษแม่ผม”

“พ่อไม่สั่งสอนลูกก็เป็นความผิดของพ่อ คุณหมายความว่า… ฉันควรโทษพ่อคุณเหรอ?”

“เจียงหว่าน!” กู้เยี่ยนชิงขึ้นเสียงอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่ามีโทสะ

ฉันเบะปากเล็กน้อย ทำท่าไม่สนใจ

หลีชิงหลานดึงกู้เยี่ยนชิงเล็กน้อยแล้วกระซิบ “พูดดี ๆ อย่าทะเลาะกัน”

กู้เยี่ยนชิงจึงสงบสติอารมณ์ลง เขาดึงขากางเกงขึ้นและนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้าง ๆ ฉัน

เขายื่นเอกสารให้ฉบับหนึ่งและผลักมาตรงหน้า “ตามที่คุณต้องการ บริษัททั้งหมดเป็นของคุณ ส่วนสัญญาหมั้นหมายระหว่างเราถูกยกเลิก”

ฉันเอื้อมมือไปรับสัญญามาอ่าน

“บริษัทก็ส่วนบริษัท คุณเอาชุดแต่งงานของฉันไปก็ควรจ่ายเงินด้วยไม่ใช่เหรอ?” ฉันเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งและพูดอย่างเฉยชา

กู้เยี่ยนชิงขมวดคิ้ว คงไม่คาดคิดว่าฉันจะจู้จี้จุกจิกขนาดนี้

“ชุดแต่งงานราคาเท่าไร?” เขาถาม

“คิดราคาให้พิเศษ ห้าล้านบาท”

หลีชิงหลานตกใจมาก “เจียงหว่าน นี่เธอคิดจะปล้นกันเหรอไง?”

“คุณป้าคะ ผลงานของฉันในวงการแฟชั่นราคาเท่าไร อยากให้ลูกชายของคุณบอกให้ฟังอีกครั้งไหมคะ?” ฉันเลิกคิ้วมองอย่างเย็นชา

“……” ทั้งสองแม่ลูกเงียบไปพร้อมกัน โดยไม่กล่าวอะไร

“อีกอย่างพวกคุณจะไม่เอาก็ได้” ฉันยักไหล่เล็กน้อยทำท่าไม่สนใจเช่นเคย แต่เปลี่ยนเรื่องพูด “แต่ยังไงชุดแต่งงานก็ต้องเป็นของเจียงอี๋อยู่ดี ไม่ว่ามันจะแพงแค่ไหน ท่านประธานกู้ก็ต้องซื้ออยู่แล้ว”

กู้เยี่ยนชิงมองฉัน แววตาของเขาดูประหลาดใจ

ฉันรู้ว่าตัวเองพูดถูก

ตั้งแต่วันที่เจียงอี๋ก้าวเข้ามาในบ้านตระกูลเจียง อะไรก็ตามที่ฉันสนใจ แม้จะเป็นแค่ก้อนขี้หมา เธอก็ต้องแย่งไปให้ได้

ชุดแต่งงานแค่ชุดเดียว แค่มีเงินจะซื้อชุดไหนก็ได้ไม่ใช่เหรอ?

แต่กู้เยี่ยนชิงจงใจเอาชุดแต่งงานที่ฉันทำด้วยมืออย่างยากลำบากไป นี่ไม่ใช่เจตนาของเจียงอี๋หรอกหรือไง?

แน่นอนว่า กู้เยี่ยนชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ตกลง ห้าล้านก็ห้าล้าน”

หลีชิงหลานหันไปมองลูกชาย “แกบ้าไปแล้วเหรอ? มีเงินเยอะจนล้นมือขนาดนั้นเลยหรือไง?”

“แม่ครับ เรื่องนี้แม่ไม่ต้องยุ่ง” กู้เยี่ยนชิงไม่สนใจการห้ามปรามของหลีชิงหลาน แล้วมองมาที่ฉัน “เจียงอี๋ป่วยหนัก เธอไปเลือกเครื่องประดับที่ใช้ในงานแต่งเองไม่ได้ เธอเลยบอกว่าในเมื่อคุณเลือกไว้หมดแล้ว ยกให้เธอไปเลยก็ดี”

ถึงแม้ว่าฉันจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอได้ยินแบบนี้ก็ยังจุกจนพูดไม่ออก

“กู้เยี่ยนชิง ถ้าเจียงอี๋ต้องการชีวิตฉัน คุณคงจ้างนักฆ่ามาฆ่าฉันด้วยใช่ไหม?” ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดประชดประชัน

กู้เยี่ยนชิงรีบปฏิเสธ “เสี่ยวหว่าน เจียงอี๋ไม่ใช่คนแบบนั้น คุณเข้าใจเธอผิดไปมาก เธอป่วยหนักจริง ๆ ไม่มีปัญญาเตรียมงานพวกนี้ อีกอย่างคุณก็ไม่ได้ใช้มันแล้ว”

ฉันมองเขาปกป้องผู้หญิงอีกคนต่อหน้าอย่างสงบ ก่อนที่ริมฝีปากจะโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “กู้เยี่ยนชิง คุณยังจำคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับฉันได้ไหม?”

ที่บอกว่าฉันช่วยชีวิตเขาไว้ ชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันทำร้ายฉัน จะรักฉันแค่คนเดียวไปตลอดกาล

กู้เยี่ยนชิงสบตาฉัน สีหน้าของเขาดูอึดอัดเล็กน้อยและพูดอย่างไม่เต็มเสียงว่า “เสี่ยวหว่าน แน่นอนว่าผมรักคุณ ผมแค่สงสารและเห็นใจเธอ… เธออายุยังน้อย อ่อนกว่าคุณตั้งสองปี แต่ป่วยเป็นโรคร้ายเหลือเวลาอีกแค่ไม่เท่าไร เธอเป็นน้องสาวของคุณนะ รู้ว่าเธอใกล้จะตายแล้วคุณไม่เสียใจเลยเหรอ?”

ฉันนึกถึงตอนเด็ก ๆ เจียงอี๋มักจะตัดเสื้อผ้าของฉันจนขาดวิ่น และยังขว้างของสกปรกเข้าไปในผ้าห่มของฉัน ดูฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ ส่วนเธอก็หัวเราะเสียงดัง

แน่นอนว่าฉันก็ไม่ยอมเธอ ฉันคว้าของน่าขยะแขยงพวกนั้น ยัดเข้าไปในปากเธอ ทำให้เธอกลัวจนกลิ้งลงบันได

ผลลัพธ์คือพ่อแท้ ๆ ของฉันกับแม่เลี้ยงรวมตัวกันทำร้ายฉันอย่างสาหัส แต่ฉันไม่ยอมแพ้ รอจนพวกเขาไม่อยู่บ้าน แอบเอากรรไกรตัดเสื้อผ้าทั้งตู้ของพวกเขาเป็นชิ้น ๆ

หลายปีที่ฉันต่อสู้กับตระกูลเจียง แม้ว่าจะลำบากมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ดีไปกว่าฉันสักเท่าไร เพียงแค่ฉันตัวคนเดียวไร้อำนาจ สุดท้ายก็ยังถูกกดขี่อยู่ดี

ความแค้นที่ฉันมีต่อเจียงอี๋และแม่เลี้ยงของฉัน มันลึกซึ้งมากแค่ไหนไม่มีใครเข้าใจหรอก

ตอนนี้ได้ยินว่าเจียงอี๋กำลังจะตาย ฉันจะเสียใจได้อย่างไร?

ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอย่างมีความสุข

“นั่นสินะ… ผู้หญิงที่กำลังอ่อนวัยเป็นดอกไม้ผลิบานอยู่แท้ ๆ กำลังจะกลายเป็นดอกไม้ที่ร่วงโรย แม่เลี้ยงของฉันคงเสียใจมากแน่ ๆ น่าสงสารจริง ๆ เลยนะ…”

พวกเขาไม่ได้ฟังน้ำเสียงประชดประชันของฉัน กลับกลายเป็นเศร้าตามไปด้วย

“ใช่แล้ว…” ขอบตาของหลีชิงหลานแดงก่ำ น้ำตาไหลออกมา “ลูกทุกคนก็เหมือนเลือดเนื้อจากอกแม่ แม่คนไหนจะไม่เสียใจบ้าง คงจะอยากตายแทนลูกด้วยซ้ำ”

“แม่… หัวใจของแม่ไม่ค่อยดี หมอบอกว่าห้ามดีใจและเสียใจมากไป” กู้เยี่ยนชิงรีบปลอบแม่ของเขา แล้วหันมามองฉัน น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลง “เสี่ยวหว่าน ผมแต่งงานกับเจียงอี๋ก่อน เพื่อเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของเธอ รอในอนาคต… ผมจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่และหรูหราให้คุณแน่นอน”

คำพูดหน้าไม่อายของเขาทำให้ฉันตกตะลึง

หมายความว่าอย่างไร?

“คุณหมายความว่า… คุณจะแต่งงานกับเจียงอี๋ก่อน รอให้เธอตายแล้วค่อยแต่งงานกับฉันเป็นเมียคนที่สองเหรอ?” ฉันตกใจจนเกือบจะหัวเราะออกมา

ฉันเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจียง ถึงแม้จะไม่ได้รับความรักจากครอบครัว แต่รูปร่างหน้าตา ความรู้ ความสามารถและหน้าที่การงานของฉันก็เป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่สาว ๆ ของเมืองเจียง

กู้เยี่ยนชิงคิดว่าหลังจากที่ฉันถูกทิ้งแล้ว ฉันจะยังคงรอเขาอย่างหน้าด้าน ๆ เพื่อที่จะแต่งงานเป็นภรรยาคนที่สองของเขาเหรอ?

ถ้าฉันอยากจะแต่งงาน บรรดาหนุ่ม ๆ ที่มีความสามารถในเมืองนี้ ฉันก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือไง?

กู้เยี่ยนชิงเห็นสีหน้าตกใจอย่างมากของฉัน แววตาของเขาก็ยิ่งหวาดกลัว แต่ก็ยังคงพูดจาเลี่ยน ๆ น่าขยะแขยง “คุณคือผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด แน่นอนว่าผมต้องแต่งงานกับคุณ อย่าพูดให้มันฟังดูแย่ขนาดนั้นสิ ในใจผมคุณคือภรรยาเพียงคนเดียว”

แหวะ!

ฉันสุดจะทน จึงรีบคว้าสัญญามาเซ็นชื่อทันที

“อยากได้เครื่องประดับใช่ไหม ได้ เพิ่มอีกห้าล้าน คุณโอนเงินเข้าบัญชีฉันมา พรุ่งนี้ฉันจะเอาเครื่องประดับทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง จะได้ไปเยี่ยมน้องสาวที่แสนดีของฉันด้วย”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 3

    พูดจบ ฉันก็โยนสัญญาใส่หน้าเขาอย่างแรง แล้วลุกขึ้นไล่แขก “ฉันจะพักผ่อนแล้ว พวกคุณรีบไสหัวไปซะ อ้อ เอาขยะของคุณไปให้หมดด้วย”ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายที่ฉันชอบมาตั้งแต่อายุสิบหก รักเขามาแปดปี คบกันมาหกปี… ทำไมฉันถึงเพิ่งเห็นธาตุแท้ของเขาวันนี้?ฉันต้องขอบคุณเจียงอี๋จริง ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องแต่งงานกับผู้ชายที่น่าขยะแขยงและเสแสร้งแบบนี้ ชีวิตคงน่าเศร้าน่าดู!หลีชิงหลานโกรธเมื่อได้ยินที่ฉันพูด เธอลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “เจียงหว่าน นี่แหละคือข้อเสียของเธอ อารมณ์ร้ายเกินไป! ลองดูเจียงอี๋สิทั้งอ่อนโยนเชื่อฟัง รู้จักกาละเทศะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เจอฉันก็จะเรียกคุณป้า ๆ อยู่ตลอด...”ฉันกดความรู้สึกคลื่นไส้ในใจไว้ เมื่อเห็นสุนัขของฉันเดินผ่านห้องนั่งเล่นมาพอดี จึงหันไปเรียก “ปาเกอ กัดพวกเขาเลย!”“โฮ่ง! โฮ่ง ๆ!” ปาเกอเชื่อฟังมาก วิ่งเข้าใส่พวกเขาพลางเห่าขู่“แก... แกนี่มัน...” หลีชิงหลานโกรธจนหน้าซีดเผือด กู้เยี่ยนชิงรีบเข้ามาประคองแม่ของเขาไว้พลางถอยร่นไปข้างหลังกู้เยี่ยนชิงมองฉันด้วยแววตาเหลือเชื่อ “เจียงหว่าน คุณทำเกินไปแล้ว! ผมดูคุณผิดไปจริง ๆ!”ฉันยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ในใจค

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 4

    กู้เยี่ยนชิงยืนนิ่งอึ้งไม่พูดอะไรออกมาถังซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงดังขึ้น "ในที่สุดค่อยพูดจาเป็นผู้เป็นคนหน่อย เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น พี่สาวเสียสละให้น้องสาวไม่ใช่เรื่องสมควรหรือไง? ถือซะว่าเป็นของขวัญแต่งงานที่เธอมอบให้น้องสาวก็แล้วกัน"ฉันหัวเราะเยาะ มองไปยังแม่เลี้ยงคนนี้ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยนขึ้นทันที "งั้นฉันยังต้องให้อีกอย่างด้วย""ให้อะไร?" ถังซิ่วเอ๋อถามฉันตอบ "โลงศพอีกหนึ่งใบ เอาไว้ไปตั้งที่งานแต่งไง""เจียงหว่าน!" ถังซิ่วเอ๋อโกรธจนหน้าซีดเผือดพลางจ้องฉันเขม็งแต่กลับพูดอะไรไม่ออกฉันยิ้มพลางอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าเดิม "ในสมัยโบราณ เวลาผู้หญิงแต่งงาน ตระกูลฝ่ายหญิงต้องเตรียมโลงศพเป็นส่วนหนึ่งของสินสอด แล้วนำไปยังบ้านสามีในวันแต่งงาน ในฐานะพี่สาวฝ่ายเจ้าสาว ของขวัญแต่งงานที่ฉันให้ก็ตรงตามธรรมเนียมดีนี่นา"สิ่งที่ฉันพูดฟังดูสมเหตุสมผลจนพวกเขาไม่สามารถโต้แย้ง ทำได้แต่กลืนความขมขื่นไว้ในใจเหมือนกับตอนที่ฉันจุดประทัดเมื่อกี้ แม้ว่าฉันจะฉลอง ดีใจที่เห็นความหายนะ และแอบสาปแช่งเจียงอี๋ แต่ถ้าฉันอ้างว่ามันเป็นการไล่สิ่งอัปมงคล พวกเขาจะทำอะไรฉันได้?ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 5

    ฉันแค่นหัวเราะก่อนหันไปมองถนนที่เต็มไปด้วยรถราขวักไขว่ รอจนจิตใจเย็นลงเล็กน้อยจึงหันกลับมาพูดประชดประชัน "กู้เยี่ยนชิง ฉันคนนี้ไม่ใช่สถานีรีไซเคิลขยะนะ ไม่ว่าแต่ก่อนฉันจะรักคุณแค่ไหนหรือทุ่มเทให้มากเท่าไร ตั้งแต่วันที่คุณเลือกที่จะทรยศฉัน วันนั้นคุณก็ไม่คู่ควรกับความรักของฉันอีกต่อไป"ฉันหมุนตัวจะเดินจากไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาชี้เขาแล้วกล่าวเสริม "ต่อให้ผู้ชายทั้งโลกตายหมด ฉันก็ไม่มีวันชายตามองคุณอีก น่าขยะแขยง"บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีที่เด็ดขาดของฉันทำให้กู้เยี่ยนชิงรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง เขาจึงก้าวเข้ามาจับแขนฉันไว้ทันทีและเริ่มขอร้องอ้อนวอน "เสี่ยวหว่าน ผมรักคุณนะ ความรู้สึกตลอดหกปีที่ผ่านมาผมจดจำมันอยู่ในใจเสมอไม่มีวันลืม แต่เจียงอี๋กำลังจะตาย เธอน่าสงสารขนาดนั้น ความปรารถนาก่อนตายของเธอก็แค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้นเอง…""ปล่อย!""เสี่ยวหว่าน ผมสาบานเลยว่าถ้าเจียงอี๋…""เพียะ!" ฉันไม่รอให้เขาพูดจาไร้สาระจบก็เงื้อมือฟาดเข้าไปที่แก้มอีกข้างของเขาอย่างแรงตอนนี้ดีเลย รอยนิ้วมือทั้งสองข้างสมมาตรกัน ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูตลกขึ้นไปอีก"กู้เยี่ยนชิง เห็นแก่ที่ฉันเคยให้เลือดค

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 6

    "เจียงหว่าน ถ้าเจียงอี๋เป็นอะไรขึ้นมา ผมจะคอยดูว่าคุณจะอธิบายยังไง!" กู้เยี่ยนชิงจ้องฉันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและดุดัน ก่อนอุ้มเจียงอี๋แล้วรีบพาเธอออกไปทันทีฉันยืนนิ่งอยู่นาน ในหัวเต็มไปด้วยภาพใบหน้าของกู้เยี่ยนชิงที่โกรธเกรี้ยวและไร้เยื่อใยต่อฉันคำสาบานรักที่เคยมีให้กันกลายเป็นเรื่องน่าขันในวินาทีนี้ เขาเปลี่ยนใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ตัวเลยฉันจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวด จนกระทั่งเสี่ยวอิงเถาเข้ามาในห้องและถามด้วยความเป็นห่วง ฉันถึงได้สติกลับมาไม่คุ้มค่าที่จะเสียใจกับผู้ชายเลว ๆ แบบนี้ ฉันสูดหายใจลึก ๆ แล้วตั้งใจทำงานต่อจนเกือบเที่ยงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากถังซิ่วเอ๋อ ฉันก็กดตัดสายทันทีไม่นานนักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็นพ่อของฉันโทรมาฉันเริ่มสงสัย หรือว่าเจียงอี๋ทนไม่ไหวจนตายไปแล้ว?ลังเลอยู่ไม่กี่วินาที ฉันก็ตัดสินใจรับสายแต่ไม่ทันที่โทรศัพท์จะแนบหู เสียงตะโกนก้องของพ่อก็ดังสนั่นราวกับเสียงคำรามของสิงโต ทำเอาหูฉันสั่นสะเทือน"เจียงหว่าน! แกมันบ้าไปแล้วหรือไง! เจียงอี๋อ่อนแออยู่แล้ว ยังจะทำร้ายเธอ ผลักเธอลงพื้นอีก!

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 7

    ฉันใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดดวงตาที่แสบร้อน แล้วหายใจเข้าลึก ๆ โดยไม่มีแก่ใจจะมองว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นใครแต่แล้วพ่อของฉันก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและอ่อนน้อมยิ่ง "คุณชายรองซู ต้องขออภัยที่ให้เห็นเรื่องน่าอับอาย ตรงนั้นเป็นที่นั่งของแขกพิเศษ ขอเชิญท่านย้ายไปนั่งที่นั่นเถอะครับ""ไม่จำเป็น ผมจะนั่งตรงนี้" ชายที่ถูกเรียกว่าคุณชายรองซูกล่าวตอบ น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบสงบนิ่งทว่าแฝงไปด้วยอำนาจที่สูงส่งพ่อฉันทำท่าจะพูดอะไรอีก แต่บนเวทีพิธีกรได้เชิญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นไป ถังซิ่วเอ๋อจึงรีบเข้ามาดึงตัวเขาออกไปฉันเงยหน้าขึ้นพยายามสงบจิตใจ ยังไม่ทันได้คืนผ้าเช็ดหน้า ก็ได้ยินเสียงจากลำโพงดังขึ้น "ขอเชิญผู้ประกาศคำปฏิญาณในพิธีวันนี้ คุณเจียงหว่าน ขึ้นเวทีค่ะ"ไฟสปอร์ตไลต์ฉายมาที่ฉันอย่างกะทันหัน จนฉันตั้งตัวไม่ทันบรรยากาศที่เคยจอแจเงียบลงในทันที ฉันรู้ว่าทุกคนต่างตกตะลึง บางคนรู้สึกสงสารเห็นใจฉัน ขณะที่บางคนรอดูเรื่องตลกฉันรีบยืดหลังตรง สวมเกราะแห่งความเข้มแข็งเพื่อปกปิดความอ่อนแอทุกอย่างและลุกเดินขึ้นไปบนเวทีเสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นอีกครั้งและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยิ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 8

    เจียงอี๋น้ำตาคลอเต็มดวงตา เธอพูดปนสะอื้นจนแทบไม่เป็นคำฉันฟังไปได้ครึ่งทางก็เข้าใจทันที นี่เธอกำลังเล่นบทน่าสงสารต่อหน้าฝูงชน บีบบังคับให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอด้วยตรรกะทางศีลธรรม!"ขอบคุณพี่ที่ยอมให้ฉันได้สมหวังกับพี่เยี่ยนชิง ขอบคุณที่ทำให้ฉันสามารถจากโลกนี้ไปโดยไม่มีความเสียใจ หวังว่าทุกคนจะไม่หัวเราะเยาะพี่สาวของฉัน เพราะเธอคือพี่สาวที่ดีที่สุดในโลก"หลังจากที่เจียงอี๋พูดจบด้วยน้ำตา ทั้งงานก็เงียบกริบ ทุกคนตั้งใจมองไปที่เวที ไม่มีใครพูดจาเสียดสีอีกฉันมองลงไปที่กลุ่มแขก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ฉันเห็นใบหน้าหนึ่งที่หล่อเหลาสุดขั้ว ดวงตาเป็นประกายคมกริบ ริมฝีปากบางของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้สะเทือนใจกับละครเรียกคะแนนสงสารของเจียงอี๋แม้แต่น้อยเจียงอี๋หันมามองฉันด้วยดวงตาแดงช้ำ น้ำตาคลอเต็มหน่วย ก่อนจะพูดเสียงสะอื้น "พี่คะ… ขอบคุณนะคะ ฉันอยากฟังความในใจของพี่ พี่… เกลียดฉันหรือเปล่า?"ฉันสะดุ้งเฮือก ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจียงอี๋จะเล่นใหญ่ขนาดนี้!เธอบีบให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอ แล้วยังจะกดดันให้ฉันต้องแสดงออกต่อหน้าฝูงชน เพื่อร่วมเล่นละครครอบครัวรั

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 9

    สถานการณ์วุ่นวายถึงขีดสุด แขกที่อยู่ด้านล่างต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่งฉันตัวคนเดียว ไม่มีแรงต้านทานจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดีที่พ่อแม่ของกู้เยี่ยนชิงยังรู้จักรักษาหน้า รีบเข้ามาห้าม"คุณเจียง! คุณเจียง! นี่เป็นงานแต่งของลูก ๆ นะ แขกตั้งมากมายกำลังดูอยู่! รีบหยุดเถอะ!""อย่ามาห้ามฉัน! ฉันจะตีนังลูกเนรคุณนี่ให้ตาย! นังตัวซวย! เกิดมาเพื่อเป็นตัวหายนะของฉัน!"เจียงไห่หยางถูกฉันยั่วจนโกรธจัด ใบหน้าเหยเกจนดูน่ากลัว เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้แต่พ่อแม่ของ กู้เยี่ยนชิงก็ยังห้ามไม่อยู่ทันใดนั้นถังซิ่วเอ๋อก็ตะโกนเสียงดัง "หยุดตีได้แล้ว! เสี่ยวอี๋เป็นลมแล้ว! ใครก็ได้! เรียกคนมาช่วยเร็ว!"เจียงไห่หยางชะงัก หันกลับไปมองก่อนจะผลักฉันออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปหา "เกิดอะไรขึ้น? รถพยาบาลล่ะ? รีบโทรเรียกรถพยาบาลสิ!"ฝูงชนที่รายล้อมฉันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไปในพริบตา ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปหาตัวเจ้าสาวที่หมดสติกู้เยี่ยนชิงหน้าตื่น พุ่งไปช้อนตัวเจียงอี๋ขึ้น "เสี่ยวอี๋ อดทนไว้นะ! เธอต้องอดทนไว้! พี่จะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!"ฉันอยู่ในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าปวดร้าวไปหมดแต่เมื่อเห็นพวกเข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 10

    ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวในงานแต่งของฉันกับกู้เยี่ยนชิงได้?ฉันคิดไม่ตกสงสัยว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?คนอย่างเขาไม่ค่อยปรากฏตัวง่าย ๆ แต่พอมาปรากฏตัวก็ได้ชมละครฉากใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าไม่เสียเที่ยวแล้วโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน ดึงฉันออกจากความคิดที่ยุ่งเหยิงหลี่อวิ๋นเวยตะโกนลั่นผ่านสายด้วยความโมโห "กู้เยี่ยนชิงกับเจียงอี๋มันน่าขยะแขยงสุด ๆ! ฉันโมโหจนเกือบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง! แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้เลยนี่นา สวนกลับได้โคตรดี โคตรเฉียบ จนไอ้พวกเวรนั่นดิ้นพล่าน!"ฉันถอนหายใจ เอนพิงพนักเบาะพลางเอามือกุมขมับ "อย่าบอกนะว่ามันกระจายไปทั่วเน็ตแล้ว?""เธอคิดว่าไงล่ะ? เรื่องแบบนี้หายากจะตาย แม้แต่ละครน้ำเน่ายังเขียนบทไม่ได้ขนาดนี้เลย! ตอนนี้ชาวเน็ตแบ่งเป็นสองฝั่ง ด่ากันไฟแลบ!""..." ฉันหลับตาลง รู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าเดิมฉันอยากแก้แค้นพวกเขาจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้อยากลากตัวเองลงไปในวังวนโคลนตมนี้ด้วยถ้าปล่อยให้เรื่องนี้บานปลาย ฉันเองก็อาจโดนผลกระทบไปด้วย"เสี่ยวหว่าน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันเห็นเธอโดนตบ" หลังจากโมโหเสร็จ หลี่อวิ๋นเวยก็ถามไถ่ฉันด้วยความเป็นห่วงฉันตอบเรียบ ๆ "ไม่เป็นไร แค่โดนตบไปไม่กี่ทีเ

บทล่าสุด

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 40

    หากไม่ใช่เพิ่งได้ประจักษ์ถึงความน่าเกรงขามอันทรงอานุภาพของเขาเมื่อครู่ ก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้คือคนเดียวกับเทพแห่งการพิพากษาอันเฉียบขาดเมื่อสักครู่“คุณซูพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นฉันต่างหากที่รบกวนเวลาทำงานของคุณ” ฉันใช้คำยกย่องอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเพราะตระหนักได้อย่างชัดเจนอีกครั้งถึงความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างเราเลขาจี้เดินตามฉันเข้ามาในห้อง ก้มลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว เขารวบรวมและจัดเรียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปฉันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ“คุณเจียงออกแบบเสื้อผ้าของผมเสร็จแล้วหรือครับ?” ซูเซิ่งหลินเอ่ยถามขึ้นก่อน ทำลายภวังค์ความคิดของฉันให้กลับคืนมาฉันชะงักงัน คำพูดติดค้างอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้ซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน แต่ยังคงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือครับ หรือว่าคุณแม่ของผมทำให้คุณกดดัน?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ!” ฉันรีบปฏิเสธ ลนลานจนลิ้นแทบพันกันฉันไม่ได้เอาแบบร่างมาด้วยเลยสักนิด และไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องตัดเสื้อกับเขาด้วยตอนนี้นอกจากพูดความจริงแล้ว ก็ไม่เหลือทางอื่นใด“คุณซ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 39

    บนตึกนั้นมีตัวอักษรสีแดงแปดตัวที่เขียนไว้อย่างสง่าและเป็นระเบียบว่า กองทัพแข็งแกร่งเพื่อปกป้องชาติ องค์กรแข็งแกร่งเพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน ทำให้ความรู้สึกเคารพยำเกรงที่เอ่อล้นอยู่ในใจของฉันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นครั้นเมื่อมาถึง ก็มีคนรออยู่แล้วที่ชั้นล่างของอาคารฉันเคยเห็นคนผู้นั้นเขาคือคนที่เข้ามาเตือนซูเซิ่งหลินให้รีบออกเดินทางตอนที่เราคุยกันอยู่ที่หน้าประตูสวนซูเมื่อคราวก่อนฉันจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงหยิบกระเป๋าเอกสารลงมา“สวัสดีครับคุณเจียง ผมชื่อจี้หมิง เป็นเลขาของประธานซูครับ” เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพนอบน้อมฉันตอบกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน “สวัสดีค่ะเลขาจี้ รบกวนคุณแล้ว”เขาพาฉันเข้าไปในอาคาร สแกนใบหน้าผ่านประตูกั้นแล้วจึงเดินไปยังโถงลิฟต์เมื่อเข้ามาในลิฟต์ จี้หมิงก็เอ่ยกับฉันว่า “คุณเจียงครับ คุณซูท่านกำลังติดธุระอยู่ คุณอาจจะต้องรอสักครู่นะครับ”ฉันยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณซูโดยไม่ได้นัดหมายก่อน”เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดและออกจากลิฟต์ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือพื้นที่สำนักงานที่กว้างขวางและสะอาดตาเป็นระเบียบพนักงานทุกคนต่างทักทายจี้หมิงด้วยคว

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 38

    “ใครขอให้คุณมาช่วยกัน?” ฉันหัวเราะเยาะเย้ยพลางเหน็บแนม “อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ถึงคุณจะยัดเยียดให้ ฉันก็ไม่เอาสักแดงเดียว เอาเงินคุณไปไถ่กำไลหยกของแม่ฉัน ฉันกลัวจะทำให้ทางไปเกิดใหม่ของแม่ฉันต้องมัวหมอง”“เจียงหว่าน ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพูดจาได้ร้ายกาจขนาดนี้?” กู้เยี่ยนชิงทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น“หึ ฉันพูดจาร้ายกาจ ก็ยังสู้ความร้ายกาจในการกระทำของคุณไม่ได้หรอก”ฉันตัดบทด้วยความโมโห ไม่อยากฟังเขาพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว จึงตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเลฉันรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง!แต่พอตั้งสติได้ ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ยิ่งทวีคูณกู้เยี่ยนชิงรู้เรื่องนี้แล้ว มีหวังเจียงอี๋ก็คงจะรู้ด้วยดูจากนิสัยที่ชอบแย่งของรักของฉันไปทุกอย่างแล้ว ยัยนั่นจะต้องมาแย่งกำไลหยกวงนี้กับฉันแน่ ๆไม่ได้!ฉันจะปล่อยให้เจียงอี๋แย่งกำไลวงนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดฉันต้องเตรียมเงินให้มากพอแต่เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันจะไปหาหยิบยืมเงินจากที่ไหนได้อีก?ใจฉันร้อนรุ่มราวกับไฟสุมทรวง ชั่วขณะนั้นสติกระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้น แต่แล้วก็รีบข่มใจให้กลับมาสงบนิ่งแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กว่า หากเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าตื่นตระหนก อย่าลน

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 37

    หึ ข่มขืนสมควรแล้ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองฉันเผลอหัวเราะออกมา ทำให้กู้เยี่ยนชิงโกรธจัด “เจียงหว่าน คุณเปลี่ยนไปเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ฉันเรียนรู้มาจากคุณไงล่ะ”“...” เขาโกรธจนพูดไม่ออกฉันกล่าวเตือนว่า “เอาเถอะ อย่างไรซะเขาก็ทำผิดกฎหมาย ฉันก็แค่ผดุงความยุติธรรม พวกคุณจะสมรู้ร่วมคิดกันก็เชิญ แต่อย่าได้คิดลองดีกับกฎหมาย ไม่อย่างนั้นคุณเองก็จะหมดอนาคตไปด้วย”กู้เยี่ยนชิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คงเริ่มรู้สึกตัวและละอายใจอยู่บ้าง จึงเปลี่ยนประเด็น “ได้ยินมาว่าคุณกำลังต้องการเงินมาก คุณจะเอาไปทำอะไร?”“ไม่เกี่ยวกับคุณ”“คุณต้องการเงินเท่าไร ผมจะให้คุณเอง”ฉันถามกลับทันที “ห้าร้อยล้าน คุณให้ได้ไหม?”“ห้าร้อยล้านเหรอ?” กู้เยี่ยนชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณจะเอาไปทำอะไร? บริษัทมีปัญหาทางการเงินหรือ?”“เปล่า”จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายไปเสียหมด ต่อให้เขายอมให้หยิบยืมหรือให้เปล่า ฉันก็ไม่คิดจะรับเงินของเขาหากเอาเงินของเขาไปไถ่กำไลหยกของแม่คืนมา เกรงว่าแม่คงโกรธฉันจนตัดขาด แม้จะถูกฝังอยู่ในหลุมก็เถอะ“ช่างเถอะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันยังยุ่งอยู่ ข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 36

    ผู้หญิงคนนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย รูปร่างอวบอัดเซ็กซี่ของเธอเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกเนื่องจากห้องอยู่ติดกับลิฟต์และเป็นช่วงเวลาที่มีแขกขึ้นลงลิฟต์จำนวนมาก ทำให้คนได้ยินเสียงและพากันมามุงดูอย่างรวดเร็ว ทางเดินเต็มไปด้วยไทยมุง แต่ละคนถือโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและอัดวิดีโอไว้“หยุดนะ! ตำรวจมาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดออก ตำรวจตะโกนเสียงดัง ทำให้ฝูงชนที่มุงดูอยู่เปิดทางให้แต่การมาถึงของตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถังซิ่วเอ๋อกลายร่างเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เธอต่อยตีเจียงไห่หยางจนเขาไม่มีทางสู้จนเกือบจะเปลือยกายอยู่รอมร่อสุดท้ายตำรวจต้องเข้ามาควบคุมตัวเธออย่างอุกอาจ ความวุ่นวายจึงยุติลงเนื่องจากเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ตำรวจจึงจำเป็นต้องนำตัวพวกเขาทั้งหมดไปสอบสวนถังซิ่วเอ๋อโกรธจัดและโวยวายใส่ตำรวจว่า “จับฉันทำไม? ถ้าจะจับก็ต้องจับชายชู้กับหญิงแพศยาคู่นั้นสิ ฉันตบนังจิ้งจอกนี่แล้วผิดตรงไหนกัน!”“อยู่ในความสงบ! ทุกคนต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน!” ตำรวจตวาดเสียงเข้ม ควบคุมตัวถังซิ่วเอ๋อไว้อีกครั้งเจียงไห

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 35

    ฉันหันกลับไปมองแผ่นหลังของหญิงคนนั้นอย่างเงียบ ๆ เห็นเธอเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจียงไห่หยางอย่างไม่ลังเลสัญชาตญาณบอกฉันว่าผู้หญิงคนนี้กับเจียงไห่หยางต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อขึ้นมาบนรถ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาหลี่อวิ๋นเวย“เวยเวย รบกวนเธอช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ช่วยหาคนสะกดรอยตาม...”ถ้าฉันไม่ติดงานเร่งทำตามกำหนดส่งของตระกูลซูจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ฉันคงตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปแล้วตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักสองสามวัน กว่าจะจับพิรุธของเจียงไห่หยางได้ใครจะรู้ว่าเย็นวันนั้น ขณะที่ฉันยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ที่สตูดิโอ หลี่อวิ๋นเวยก็ส่งข่าวมา“หว่านหว่าน พ่อตัวแสบของเธอ ควงผู้หญิงหน้าสวยไปที่โรงแรมฮิลตัน ห้อง 8868 จะไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเลยไหม?”ฉันวางเข็มกับด้ายลงข้าง ๆ แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “ฉันไปจับเองจะมีความหมายอะไร ให้คนอื่นไปจับสิถึงจะดี”ฉันโทรศัพท์หาถังซิ่วเอ๋อ“เจียงหว่าน? โทรมาหาฉันอีกทำไม?” ถังซิ่วเอ๋อพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทุกครั้งแต่ฉันก็ยังพูดด้วยความสุภาพ “แม่เลี้ยงคะ พ่ออยู่บ้านไหม?”“ไม่อยู่! ฉันได

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 34

    วันรุ่งขึ้นฉันตรงดิ่งไปยังบริษัทของเจียงไห่หยางเพื่อพบเขาเมื่อเห็นฉัน สีหน้าของเจียงไห่หยางก็เย็นชา เขาปรายตามองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากเสียดสี “แกมาทำไมอีก? ยังคิดว่าทำให้บ้านนี้วุ่นวายไม่พออีกหรือ?”ฉันเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าคุณไม่คืนหุ้นของแม่ให้ฉัน ก็เอาเงินมาให้ฉันซะ”เจียงไห่หยางชะงักไปเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม “เจียงหว่าน สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง? หุ้นของแม่แก ฉันก็ให้ไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พออีกเหรอ?”“ในเมื่อมันเป็นของแม่ฉัน มันก็ควรจะเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าคุณไม่แย่งธุรกิจของตาและยายฉันไป คุณจะมีวันนี้ที่รุ่งโรจน์เฟื่องฟูได้หรือ?”“...” เจียงไห่หยางจ้องฉันเขม็งบรรยากาศตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาฉันแล้วกระชากฉันให้ลุกขึ้น “แกออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องเรียก รปภ.”“ถ้าคุณให้เงินฉัน ฉันก็จะไปเอง ไม่มากหรอกแค่ห้าสิบล้านก็พอ”“ห้าสิบล้านเหรอ?” เจียงไห่หยางอุทานเสียงหลง “ฝันไปเถอะ! ต่อให้ฉันต้องเอาเงินไปโยนทิ้งน้ำ ก็ไม่มีวันให้แก!”“เจียงไห่หยาง คุณคิดให้

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 33

    เมื่อสิ้นคำพูดนั้น ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะตำหนิที่ฝีมือฉันยังไม่ดีพอจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้นว่า “ฉันจะเร่งมือให้เต็มที่ ไม่ให้งานวันเกิดของคุณหญิงเสียหายแน่นอนค่ะ”“อืม ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ หากเวลาไม่พอจะตัดเพียงสองชุดก่อนก็ได้ สุขภาพสำคัญกว่า อย่าฝืนทำจนป่วยไปเสียล่ะครับ”คำกำชับของเขาทำให้ฉันนึกถึงเรื่องน่าอายที่เผลอหลับบนรถม้าเมื่อเช้า ความรู้สึกละอายใจก็ท่วมท้นขึ้นมาทันทีซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนของฉัน จึงก้าวเข้ามาใกล้อีกสองก้าว “ในเมื่อคุณเจียงมีนัดตอนกลางวัน อย่างนั้นผมก็จะไม่รั้งไว้ วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะครับ”ฉันได้สติกลับคืนมาแล้วพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ ไว้พบกันค่ะคุณชายซู”“ไว้พบกัน”ฉันก้าวขึ้นรถอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเดินตามมาปิดประตูให้ด้วยตนเอง แถมยังโบกมือลาผ่านกระจกหน้าต่างฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉันมองคนรวยผ่านแว่นกรองที่สวยงามเกินไปหรือไม่แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะแย้มยิ้มหรือขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะยามเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง แม้เพียงเส้นผมปลิวไสวตามสายลม เมื่ออยู่บนร่างของเขา ช่างดูพิเศษและแตกต่างจากผู้อื่นเหลือเกินการอบรมบ่มเพาะท

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 32

    ฉันตกใจมาก รีบเปิดประตูลงจากรถ “ขอโทษค่ะพ่อบ้านโจว ในรถสบายมากจนฉันเผลอหลับไป คุณน่าจะปลุกฉันนะคะ”“คุณเจียงไม่ต้องกังวลครับ คุณชายรองสั่งไม่ให้ปลุกบอกว่าคุณคงเหนื่อยจากงานมาก” พ่อบ้านโจวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปฉันหิ้วถุงเสื้อผ้าตามไป ในใจยังครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อบ้านโจว“ฉันเผลอหลับในรถ คุณชายรองซูก็รู้งั้นหรือคะ?”ให้ตายสิ! อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“ครับ ตอนรถของพวกคุณมาถึง คุณชายรองกำลังจะออกไปข้างนอกพอดีแล้วบังเอิญเจอกัน คนขับรถบอกว่าคุณหลับอยู่ในรถ คุณชายรองมองแล้วก็สั่งไม่ให้ปลุกคุณครับ”อะไรนะ?ซูเซิ่งหลินมองฉันด้วยเหรอ?ฉันสับสนไปหมด รีบยกมือขึ้นแตะมุมปากอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่ได้น้ำลายไหลใช่ไหม!อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด…เมื่อได้พบหน้าคุณหญิงซู ฉันรีบชี้แจงถึงเหตุที่มาล่าช้า แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคุณหญิงซูก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน“ไม่เป็นไร พวกหนุ่มสาวสมัยนี้สร้างเนื้อสร้างตัวก็ลำบากแบบนี้ทั้งนั้น ต้องลำบากกันทุกคน จะว่าไปก็เป็นความผิดของฉันเอง ที่ไม่ได้รู้จักเธอเร็วกว่านี้ ทำให้เธอต้องเหนื่อยเพราะเวลากระชั้นชิดแบบนี้”คุณหญิงซูเอ่ยอย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status