Share

ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ
ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ
Author: เดียวดายในห้วงฝัน

บทที่ 1

Author: เดียวดายในห้วงฝัน
มีคำกล่าวว่าการแต่งงานคือสุสานแห่งความรัก การได้ฝังอย่างสงบสุขยังดีกว่าการถูกทิ้งไว้กลางป่า

หลังจากทุ่มเทเย็บปักถักร้อยมานานกว่าสองเดือน ในที่สุดฉันก็ทำชุดแต่งงานด้วยมือของตัวเองเสร็จ

ภายใต้แสงไฟ ชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ สง่างาม เปล่งประกายเจิดจ้า สวยจนไม่อาจละสายตา

ฉันจินตนาการถึงภาพตัวเองสวมชุดแต่งงานเดินไปหาชายผู้เป็นที่รักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แม้แต่ในความฝันก็ยังอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ตั้งแต่อายุสิบเก้าจนถึงยี่สิบห้าจนตอนนี้หกปีแล้ว ในที่สุดความรักของฉันก็กำลังจะ "ได้ฝังอย่างสงบสุข"

แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อตื่นขึ้นมา ทุกอย่างกลับจบสิ้นลงอย่างกะทันหัน ทุกอย่างพังทลายราวกับเป็นแค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ

"พี่หว่าน ประธานกู้มาเอาชุดแต่งงานไปจากสตูดิโอแต่เช้าเลยค่ะ เอากลับไปไว้ที่บ้านหรือเปล่าคะ?

เสียงของเสี่ยวอิงเถา ผู้ช่วยของฉันดังมาตามสายโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย

ฉันเพิ่งตื่นนอน สมองยังมึนงงกับเรื่องที่ได้ยิน จึงย้อนถามกลับไป "กู้เยี่ยนชิงรับชุดแต่งงานของฉันไปแล้วงั้นเหรอ?"

"ใช่ค่ะ คุณไม่ทราบเหรอคะ?"

"อืม ฉันจะลองถามเขาดู"

หลังจากวางสายโทรศัพท์ สติของฉันก็ปลอดโปร่งขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไมกู้เยี่ยนชิงถึงรับชุดแต่งงานไปตั้งแต่เช้าตรู่

ที่บ้านของเขามีของใช้สำหรับพิธีแต่งงานวางกองเต็มไปหมด ไม่มีที่พอสำหรับเก็บชุดแต่งงานแน่ ๆ ฉันวางแผนไว้ว่าจะไปรับชุดก่อนวันแต่งงานหนึ่งวันแท้ ๆ

เมื่อฉันโทรศัพท์ไปก็ไม่มีใครรับสาย ฉันกำลังจะโทรครั้งที่สอง กู้เยี่ยนชิงก็โทรกลับมาพอดี

"ฮัลโหล เยี่ยนชิง คุณเอาชุดแต่งงานของฉันไปเหรอคะ?" ฉันเอ่ยถามตรง ๆ

"ใช่" กู้เยี่ยนชิงยอมรับด้วยคำสั้น ๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและแหบแห้ง

ฉันขมวดคิ้วแน่นก่อนถามด้วยความเป็นห่วง "เป็นอะไรไปคะ ไม่สบายเหรอ?"

กู้เยี่ยนชิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบและเฉยเมย "เจียงหว่าน งานแต่งงานของเรายกเลิกเถอะ"

หูของฉันอื้อ ในสมองของฉันราวกับมีเสียงระเบิด "ทำไมคะ?"

"เจียงอี๋เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าเธอเหลือเวลาไม่เกินสามเดือน"

ความตกใจของฉันทวีขึ้นเรื่อย ๆ

มีอยู่เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ฉันรู้สึกเหมือนสวรรค์มีตา ในที่สุดก็จะพรากเอาตัวภัยพิบัตินี้จากไปเสียที

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับงานแต่งของเราคะ?"

"ความปรารถนาสุดท้ายของเจียงอี๋คือได้แต่งงานกับผม แบบนี้เธอจะได้จากไปโดยไม่ติดค้างอะไร" หลังจากกู้เยี่ยนชิงพูดประโยคนี้จบ เขาก็พูดต่อทันทีโดยไม่รอให้ฉันได้ปริปาก "ผมรู้ว่าคำขอนี้อาจจะมากเกินไป แต่เธอกำลังจะตาย คุณเห็นใจเธอหน่อยได้ไหม?"

ฉันตกตะลึงจนเผลออ้าปากค้าง รู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องตลกที่ไร้สาระที่สุดในโลก จนผ่านไปครู่หนึ่งฉันจึงเอ่ยถามโดยหัวเราะทั้งน้ำตา "กู้เยี่ยนชิง รู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?"

กู้เยี่ยนชิงพูดหนักแน่น "ผมมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เจียงหว่าน ผมจะแต่งงานกับเจียงอี๋เพื่อเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของเธอ ผมรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับคุณ ผมยินดีที่จะโอนหุ้นของบริษัทห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นชื่อของคุณให้เป็นการชดเชย ลองพิจารณาเรื่องนี้ดูดี ๆ"

ฉันรู้สึกชาไปทั้งตัว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง "แล้วถ้าฉันไม่ตกลงล่ะ?"

กู้เยี่ยนชิงเริ่มไม่สบอารมณ์ "เจียงหว่าน คุณมีจิตใจเมตตาหน่อยไม่ได้เหรอ? เจียงอี๋เป็นน้องสาวของคุณนะ เธอกำลังจะตายแล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังให้ไม่ได้เหรอ?"

นี่มันตรรกะบ้าบออะไร?

ฉันอดไม่ได้ที่จะประชดประชัน "ในเมื่อให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดนี้ หลังจากเธอตายไป คุณคิดจะฆ่าตัวตายตามไปด้วยหรือเปล่า?"

"นี่คุณ…" กู้เยี่ยนชิงถูกฉันสวนจนเถียงไม่ออก เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนเรื่อง "ยังไงซะ ผมก็เอาชุดแต่งงานไปโรงพยาบาลแล้ว เจียงอี๋กับคุณรูปร่างพอ ๆ กัน ใส่แทนกันได้พอดี"

เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านหลัง "เยี่ยนชิง อี๋อี๋ตื่นแล้ว!"

"โอเคครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้" น้ำเสียงของกู้เยี่ยนชิงฟังดูรีบร้อนอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดเร่ง "เจียงหว่าน หวังว่าคุณจะให้คำตอบเร็ว ๆ นี้"

จากนั้นเขาก็วางสายไปโดยที่ฉันไม่ทันได้พูดอะไร

เสียงที่เรียกเขาเมื่อครู่ ชัดเจนว่าเป็นเสียงของถังซิ่วเอ๋อภรรยาคนปัจจุบันของพ่อ ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของฉัน และเป็นแม่แท้ ๆ ของเจียงอี๋ด้วย

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่พวกเขากลายเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันโดยที่ฉันไม่รู้เลยสักนิด

ฉันถือโทรศัพท์มือถืออย่างเหม่อลอย นั่งอยู่บนเตียงในใจเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ

ช่างน่าขันสิ้นดี!

ในอดีตถังซิ่วเอ๋อแย่งสามีของแม่ฉันไป และตอนนี้ลูกสาวของเธอ เจียงอี๋ก็กำลังจะมาแย่งสามีของฉันไปอีก

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ

เมื่อสิบกว่าปีก่อนพ่อแม่ฉันหย่ากัน ในเวลาไม่ถึงสามเดือน พ่อก็พาถังซิ่วเอ๋อเข้ามาในบ้านอย่างสง่าผ่าเผย

ถังซิ่วเอ๋อยังพาลูกชายและลูกสาวฝาแฝดมาด้วย เด็กสองคนนั้นอายุน้อยกว่าฉันสองปี

ต่อมาฉันได้รู้ความจริงโดยบังเอิญว่าพวกเขาเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อ เป็นน้องชายและน้องสาวร่วมสายเลือดเดียวกันกับฉัน!

นั่นหมายความว่าพ่อทรยศแม่ไปมีครอบครัวอื่นข้างนอกมานานแล้ว ถึงได้มีลูกนอกสมรสที่อายุห่างจากฉันเพียงสองปี!

เมื่อแม่รู้ความจริงก็โกรธจนแทบกระอัก ต้องการฟ้องร้องพ่ออีกครั้งเพื่อขอแบ่งทรัพย์สินใหม่

แม่ต้องการรักษาสิทธิ์ของฉันให้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินทั้งหมดตกไปอยู่ในมือของนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์คนนั้น

ทว่าพ่อเหี้ยมโหดเกินไป เขาไม่เพียงแต่ปฏิเสธข้อเรียกร้องของแม่ กลับยิ่งเหิมเกริมบุกยึดธุรกิจของคุณตากับคุณยายไปเกือบทั้งหมด

คุณตาโกรธจนล้มป่วย อาการทรุดหนักจนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย

แต่ครอบครัวเรากลับไม่มีเงินพอแม้แต่จะรักษา แม่ต้องขายมรดกตกทอดในตระกูล รวบรวมเงินจากทุกทางเพื่อรักษาคุณตา ทว่าสุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของท่านไว้ได้

แม่รู้สึกผิดและโทษตัวเองอย่างมาก คิดว่าเป็นเพราะท่านทำให้คุณตาต้องตาย จนสุดท้ายสภาพจิตใจของแม่ก็พังทลายจมอยู่กับโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ต่อมายังป่วยเป็นมะเร็งเต้านมและจากไปในเวลาไม่นาน

แม่ถูกพ่อทำให้โกรธจนตายทั้งเป็น

การจากไปอย่างต่อเนื่องของคุณตาและแม่ เป็นบาดแผลอันสาหัสสำหรับฉันและคุณยาย

ฉันในวัยเด็กจึงตั้งปณิธานอย่างลับ ๆ ว่าจะต้องเอาทุกอย่างที่เป็นของฉันและแม่กลับคืนมาให้ได้ และจะต้องเอาคืนมาอย่างสาสม!

หลายปีมานี้ ฉันยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง ทำธุรกิจจนเจริญรุ่งเรืองและกำลังจะแต่งงานกับกู้เยี่ยนชิง ทายาทตระกูลกู้ ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็กของฉัน

ฉันคิดว่าด้วยความช่วยเหลือของคนที่รัก การรวมตัวที่แข็งแกร่งจะทำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ไม่คาดคิดว่าฉันกลับถูกเล่นงานจนล้มไม่เป็นท่า ถูกลูกสาวของนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แย่งสามีไปก่อนวันแต่งงาน!

กู้เยี่ยนชิงกับเจียงอี๋มีความสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อไหร่?

ตั้งแต่วันที่เจียงอี๋ถลกแขนเสื้อบริจาคเลือดให้กู้เยี่ยนชิงเป็นครั้งแรกงั้นเหรอ?

ตั้งแต่วันที่เจียงอี๋ทำอาหารให้เขากินเป็นครั้งแรกหรือเปล่า?

หรือว่าตอนที่เจียงอี๋พูดต่อหน้าทุกคนตอนอายุสิบแปดว่าคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตนี้คือพี่เยี่ยนชิง ถ้าไม่ได้แต่งงานกับพี่เยี่ยนชิง เธอขอยอมตายซะดีกว่า?

แม้ว่าตอนนั้น ฉันกับกู้เยี่ยนชิงจะคบกันอย่างเปิดเผยแล้วก็ตาม แต่คำประกาศอย่างตรงไปตรงมาของเธอก็ยังคงทำให้ทุกคนส่งเสียงเชียร์และชื่นชมเธอว่าเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญเหลือเกิน

ส่วนกู้เยี่ยนชิง ถ้าเพียงเพราะเรื่องพวกนี้ คุณถึงกับเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ แล้วสิ่งที่ฉันทุ่มเทให้มาตลอดหลายปีนี้นับเป็นอะไรล่ะ?

คุณมีเลือดกรุ๊ปพิเศษ ฉันจึงถ่ายเลือดให้นานถึงห้าปี จนกระทั่งโรคหายขาด

ร่างกายของคุณอ่อนแอ ฉันเป็นคนทำอาหารบำรุงให้ทุกวัน ซุปยาบำรุงฝีมือของฉันถือเป็นระดับสุดยอด

หลายปีที่คุณเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ฉันใช้เวลาอยู่หน้าเตียงคุณมากี่วันกี่คืนแล้ว ฉันกังวลใจมากแค่ไหน…

แต่สุดท้ายเพียงเพราะเจียงอี๋ป่วยเป็นโรคร้ายจึงทรยศฉัน ยกเลิกงานแต่งที่เตรียมการไว้แล้วอย่างเลือดเย็น เพื่อไปครองรักกับเธออย่างงั้นเหรอ?

แม้น้ำตาจะเอ่อล้น แต่ฉันก็รีบกลั้นมันไว้

ไม่คุ้มค่าที่จะร้องไห้ให้ผู้ชายห่วย ๆ แบบนี้ และยิ่งไม่จำเป็นที่จะต้องร้องไห้ให้ตัวเอง

ความอัปยศและการถูกทารุณที่ฉันได้รับจากตระกูลเจียงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ฉันได้เรียนรู้มานานแล้วว่าน้ำตาไม่มีค่าอะไร นอกจากทำให้ศัตรูสะใจมากขึ้น

ไม่พอใจก็ต้องสู้กลับ นี่คือความจริง!

ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรหาผู้ชายสารเลวคนนั้น "กู้เยี่ยนชิง ถ้าคุณยกบริษัทให้ฉันทั้งหมด ฉันจะสละตำแหน่งเจ้าสาว ถ้าตกลงเย็นนี้ก็กลับมาเซ็นสัญญากัน”

Related chapters

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 2

    ฉันคิดว่าเขาจะโกรธและด่าฉันว่าเรียกร้องมากเกินไป ใครจะรู้ว่าเขาแค่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ตกลง เจอกันตอนเย็น”เมื่อสามปีก่อน เราสองคนร่วมกันก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า ‘หว่านเยี่ยนโอต์กูตูร์’ เป็นแบรนด์สั่งทำพิเศษระดับไฮเอนด์ ซึ่งปัจจุบันกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตอนนั้นกู้เยี่ยนชิงเป็นคนออกเงิน ส่วนฉันรับหน้าที่ออกแบบ สำหรับฉันแล้วมันเหมือนกับการจับเสือมือเปล่าในปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าหลายร้อยล้านและสามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ทุกเมื่อ มีอนาคตสดใสอย่างยิ่ง แต่เพื่อที่จะอยู่กับเจียงอี๋ เขากลับยอมยกบริษัทให้ฉันดูเหมือนว่าพวกเขาจะรักกันมากจริง ๆเมื่อตื่นนอน ฉันมองไปที่ของใช้สำหรับงานแต่งงานที่กองอยู่เต็มห้อง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกขัดเคืองตาจนอยากจะจุดไฟเผามันให้หมดฉันเรียกคนมาช่วยแล้วจัดการสั่งให้พวกเขาเก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นออกไปให้หมดโชคดีจริง ๆ! โชคดีที่ฉันยืนกรานว่าคืนเข้าหอเท่านั้นถึงจะมีอะไรกันได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องเสียความบริสุทธิ์ของตัวเองให้เขาไปด้วย ซึ่งมันจะยิ่งน่าขยะแขยงมากขึ้นไปอีกหลังจากที่บ้านได้รับการทำความสะอาด ฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 3

    พูดจบ ฉันก็โยนสัญญาใส่หน้าเขาอย่างแรง แล้วลุกขึ้นไล่แขก “ฉันจะพักผ่อนแล้ว พวกคุณรีบไสหัวไปซะ อ้อ เอาขยะของคุณไปให้หมดด้วย”ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายที่ฉันชอบมาตั้งแต่อายุสิบหก รักเขามาแปดปี คบกันมาหกปี… ทำไมฉันถึงเพิ่งเห็นธาตุแท้ของเขาวันนี้?ฉันต้องขอบคุณเจียงอี๋จริง ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องแต่งงานกับผู้ชายที่น่าขยะแขยงและเสแสร้งแบบนี้ ชีวิตคงน่าเศร้าน่าดู!หลีชิงหลานโกรธเมื่อได้ยินที่ฉันพูด เธอลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “เจียงหว่าน นี่แหละคือข้อเสียของเธอ อารมณ์ร้ายเกินไป! ลองดูเจียงอี๋สิทั้งอ่อนโยนเชื่อฟัง รู้จักกาละเทศะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เจอฉันก็จะเรียกคุณป้า ๆ อยู่ตลอด...”ฉันกดความรู้สึกคลื่นไส้ในใจไว้ เมื่อเห็นสุนัขของฉันเดินผ่านห้องนั่งเล่นมาพอดี จึงหันไปเรียก “ปาเกอ กัดพวกเขาเลย!”“โฮ่ง! โฮ่ง ๆ!” ปาเกอเชื่อฟังมาก วิ่งเข้าใส่พวกเขาพลางเห่าขู่“แก... แกนี่มัน...” หลีชิงหลานโกรธจนหน้าซีดเผือด กู้เยี่ยนชิงรีบเข้ามาประคองแม่ของเขาไว้พลางถอยร่นไปข้างหลังกู้เยี่ยนชิงมองฉันด้วยแววตาเหลือเชื่อ “เจียงหว่าน คุณทำเกินไปแล้ว! ผมดูคุณผิดไปจริง ๆ!”ฉันยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ในใจค

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 4

    กู้เยี่ยนชิงยืนนิ่งอึ้งไม่พูดอะไรออกมาถังซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงดังขึ้น "ในที่สุดค่อยพูดจาเป็นผู้เป็นคนหน่อย เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น พี่สาวเสียสละให้น้องสาวไม่ใช่เรื่องสมควรหรือไง? ถือซะว่าเป็นของขวัญแต่งงานที่เธอมอบให้น้องสาวก็แล้วกัน"ฉันหัวเราะเยาะ มองไปยังแม่เลี้ยงคนนี้ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยนขึ้นทันที "งั้นฉันยังต้องให้อีกอย่างด้วย""ให้อะไร?" ถังซิ่วเอ๋อถามฉันตอบ "โลงศพอีกหนึ่งใบ เอาไว้ไปตั้งที่งานแต่งไง""เจียงหว่าน!" ถังซิ่วเอ๋อโกรธจนหน้าซีดเผือดพลางจ้องฉันเขม็งแต่กลับพูดอะไรไม่ออกฉันยิ้มพลางอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าเดิม "ในสมัยโบราณ เวลาผู้หญิงแต่งงาน ตระกูลฝ่ายหญิงต้องเตรียมโลงศพเป็นส่วนหนึ่งของสินสอด แล้วนำไปยังบ้านสามีในวันแต่งงาน ในฐานะพี่สาวฝ่ายเจ้าสาว ของขวัญแต่งงานที่ฉันให้ก็ตรงตามธรรมเนียมดีนี่นา"สิ่งที่ฉันพูดฟังดูสมเหตุสมผลจนพวกเขาไม่สามารถโต้แย้ง ทำได้แต่กลืนความขมขื่นไว้ในใจเหมือนกับตอนที่ฉันจุดประทัดเมื่อกี้ แม้ว่าฉันจะฉลอง ดีใจที่เห็นความหายนะ และแอบสาปแช่งเจียงอี๋ แต่ถ้าฉันอ้างว่ามันเป็นการไล่สิ่งอัปมงคล พวกเขาจะทำอะไรฉันได้?ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 5

    ฉันแค่นหัวเราะก่อนหันไปมองถนนที่เต็มไปด้วยรถราขวักไขว่ รอจนจิตใจเย็นลงเล็กน้อยจึงหันกลับมาพูดประชดประชัน "กู้เยี่ยนชิง ฉันคนนี้ไม่ใช่สถานีรีไซเคิลขยะนะ ไม่ว่าแต่ก่อนฉันจะรักคุณแค่ไหนหรือทุ่มเทให้มากเท่าไร ตั้งแต่วันที่คุณเลือกที่จะทรยศฉัน วันนั้นคุณก็ไม่คู่ควรกับความรักของฉันอีกต่อไป"ฉันหมุนตัวจะเดินจากไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาชี้เขาแล้วกล่าวเสริม "ต่อให้ผู้ชายทั้งโลกตายหมด ฉันก็ไม่มีวันชายตามองคุณอีก น่าขยะแขยง"บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีที่เด็ดขาดของฉันทำให้กู้เยี่ยนชิงรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง เขาจึงก้าวเข้ามาจับแขนฉันไว้ทันทีและเริ่มขอร้องอ้อนวอน "เสี่ยวหว่าน ผมรักคุณนะ ความรู้สึกตลอดหกปีที่ผ่านมาผมจดจำมันอยู่ในใจเสมอไม่มีวันลืม แต่เจียงอี๋กำลังจะตาย เธอน่าสงสารขนาดนั้น ความปรารถนาก่อนตายของเธอก็แค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้นเอง…""ปล่อย!""เสี่ยวหว่าน ผมสาบานเลยว่าถ้าเจียงอี๋…""เพียะ!" ฉันไม่รอให้เขาพูดจาไร้สาระจบก็เงื้อมือฟาดเข้าไปที่แก้มอีกข้างของเขาอย่างแรงตอนนี้ดีเลย รอยนิ้วมือทั้งสองข้างสมมาตรกัน ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูตลกขึ้นไปอีก"กู้เยี่ยนชิง เห็นแก่ที่ฉันเคยให้เลือดค

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 6

    "เจียงหว่าน ถ้าเจียงอี๋เป็นอะไรขึ้นมา ผมจะคอยดูว่าคุณจะอธิบายยังไง!" กู้เยี่ยนชิงจ้องฉันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและดุดัน ก่อนอุ้มเจียงอี๋แล้วรีบพาเธอออกไปทันทีฉันยืนนิ่งอยู่นาน ในหัวเต็มไปด้วยภาพใบหน้าของกู้เยี่ยนชิงที่โกรธเกรี้ยวและไร้เยื่อใยต่อฉันคำสาบานรักที่เคยมีให้กันกลายเป็นเรื่องน่าขันในวินาทีนี้ เขาเปลี่ยนใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ตัวเลยฉันจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวด จนกระทั่งเสี่ยวอิงเถาเข้ามาในห้องและถามด้วยความเป็นห่วง ฉันถึงได้สติกลับมาไม่คุ้มค่าที่จะเสียใจกับผู้ชายเลว ๆ แบบนี้ ฉันสูดหายใจลึก ๆ แล้วตั้งใจทำงานต่อจนเกือบเที่ยงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากถังซิ่วเอ๋อ ฉันก็กดตัดสายทันทีไม่นานนักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็นพ่อของฉันโทรมาฉันเริ่มสงสัย หรือว่าเจียงอี๋ทนไม่ไหวจนตายไปแล้ว?ลังเลอยู่ไม่กี่วินาที ฉันก็ตัดสินใจรับสายแต่ไม่ทันที่โทรศัพท์จะแนบหู เสียงตะโกนก้องของพ่อก็ดังสนั่นราวกับเสียงคำรามของสิงโต ทำเอาหูฉันสั่นสะเทือน"เจียงหว่าน! แกมันบ้าไปแล้วหรือไง! เจียงอี๋อ่อนแออยู่แล้ว ยังจะทำร้ายเธอ ผลักเธอลงพื้นอีก!

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 7

    ฉันใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดดวงตาที่แสบร้อน แล้วหายใจเข้าลึก ๆ โดยไม่มีแก่ใจจะมองว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นใครแต่แล้วพ่อของฉันก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและอ่อนน้อมยิ่ง "คุณชายรองซู ต้องขออภัยที่ให้เห็นเรื่องน่าอับอาย ตรงนั้นเป็นที่นั่งของแขกพิเศษ ขอเชิญท่านย้ายไปนั่งที่นั่นเถอะครับ""ไม่จำเป็น ผมจะนั่งตรงนี้" ชายที่ถูกเรียกว่าคุณชายรองซูกล่าวตอบ น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบสงบนิ่งทว่าแฝงไปด้วยอำนาจที่สูงส่งพ่อฉันทำท่าจะพูดอะไรอีก แต่บนเวทีพิธีกรได้เชิญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นไป ถังซิ่วเอ๋อจึงรีบเข้ามาดึงตัวเขาออกไปฉันเงยหน้าขึ้นพยายามสงบจิตใจ ยังไม่ทันได้คืนผ้าเช็ดหน้า ก็ได้ยินเสียงจากลำโพงดังขึ้น "ขอเชิญผู้ประกาศคำปฏิญาณในพิธีวันนี้ คุณเจียงหว่าน ขึ้นเวทีค่ะ"ไฟสปอร์ตไลต์ฉายมาที่ฉันอย่างกะทันหัน จนฉันตั้งตัวไม่ทันบรรยากาศที่เคยจอแจเงียบลงในทันที ฉันรู้ว่าทุกคนต่างตกตะลึง บางคนรู้สึกสงสารเห็นใจฉัน ขณะที่บางคนรอดูเรื่องตลกฉันรีบยืดหลังตรง สวมเกราะแห่งความเข้มแข็งเพื่อปกปิดความอ่อนแอทุกอย่างและลุกเดินขึ้นไปบนเวทีเสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นอีกครั้งและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยิ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 8

    เจียงอี๋น้ำตาคลอเต็มดวงตา เธอพูดปนสะอื้นจนแทบไม่เป็นคำฉันฟังไปได้ครึ่งทางก็เข้าใจทันที นี่เธอกำลังเล่นบทน่าสงสารต่อหน้าฝูงชน บีบบังคับให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอด้วยตรรกะทางศีลธรรม!"ขอบคุณพี่ที่ยอมให้ฉันได้สมหวังกับพี่เยี่ยนชิง ขอบคุณที่ทำให้ฉันสามารถจากโลกนี้ไปโดยไม่มีความเสียใจ หวังว่าทุกคนจะไม่หัวเราะเยาะพี่สาวของฉัน เพราะเธอคือพี่สาวที่ดีที่สุดในโลก"หลังจากที่เจียงอี๋พูดจบด้วยน้ำตา ทั้งงานก็เงียบกริบ ทุกคนตั้งใจมองไปที่เวที ไม่มีใครพูดจาเสียดสีอีกฉันมองลงไปที่กลุ่มแขก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ฉันเห็นใบหน้าหนึ่งที่หล่อเหลาสุดขั้ว ดวงตาเป็นประกายคมกริบ ริมฝีปากบางของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้สะเทือนใจกับละครเรียกคะแนนสงสารของเจียงอี๋แม้แต่น้อยเจียงอี๋หันมามองฉันด้วยดวงตาแดงช้ำ น้ำตาคลอเต็มหน่วย ก่อนจะพูดเสียงสะอื้น "พี่คะ… ขอบคุณนะคะ ฉันอยากฟังความในใจของพี่ พี่… เกลียดฉันหรือเปล่า?"ฉันสะดุ้งเฮือก ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจียงอี๋จะเล่นใหญ่ขนาดนี้!เธอบีบให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอ แล้วยังจะกดดันให้ฉันต้องแสดงออกต่อหน้าฝูงชน เพื่อร่วมเล่นละครครอบครัวรั

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 9

    สถานการณ์วุ่นวายถึงขีดสุด แขกที่อยู่ด้านล่างต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่งฉันตัวคนเดียว ไม่มีแรงต้านทานจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดีที่พ่อแม่ของกู้เยี่ยนชิงยังรู้จักรักษาหน้า รีบเข้ามาห้าม"คุณเจียง! คุณเจียง! นี่เป็นงานแต่งของลูก ๆ นะ แขกตั้งมากมายกำลังดูอยู่! รีบหยุดเถอะ!""อย่ามาห้ามฉัน! ฉันจะตีนังลูกเนรคุณนี่ให้ตาย! นังตัวซวย! เกิดมาเพื่อเป็นตัวหายนะของฉัน!"เจียงไห่หยางถูกฉันยั่วจนโกรธจัด ใบหน้าเหยเกจนดูน่ากลัว เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้แต่พ่อแม่ของ กู้เยี่ยนชิงก็ยังห้ามไม่อยู่ทันใดนั้นถังซิ่วเอ๋อก็ตะโกนเสียงดัง "หยุดตีได้แล้ว! เสี่ยวอี๋เป็นลมแล้ว! ใครก็ได้! เรียกคนมาช่วยเร็ว!"เจียงไห่หยางชะงัก หันกลับไปมองก่อนจะผลักฉันออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปหา "เกิดอะไรขึ้น? รถพยาบาลล่ะ? รีบโทรเรียกรถพยาบาลสิ!"ฝูงชนที่รายล้อมฉันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไปในพริบตา ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปหาตัวเจ้าสาวที่หมดสติกู้เยี่ยนชิงหน้าตื่น พุ่งไปช้อนตัวเจียงอี๋ขึ้น "เสี่ยวอี๋ อดทนไว้นะ! เธอต้องอดทนไว้! พี่จะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!"ฉันอยู่ในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าปวดร้าวไปหมดแต่เมื่อเห็นพวกเข

Latest chapter

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 40

    หากไม่ใช่เพิ่งได้ประจักษ์ถึงความน่าเกรงขามอันทรงอานุภาพของเขาเมื่อครู่ ก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้คือคนเดียวกับเทพแห่งการพิพากษาอันเฉียบขาดเมื่อสักครู่“คุณซูพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นฉันต่างหากที่รบกวนเวลาทำงานของคุณ” ฉันใช้คำยกย่องอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเพราะตระหนักได้อย่างชัดเจนอีกครั้งถึงความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างเราเลขาจี้เดินตามฉันเข้ามาในห้อง ก้มลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว เขารวบรวมและจัดเรียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปฉันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ“คุณเจียงออกแบบเสื้อผ้าของผมเสร็จแล้วหรือครับ?” ซูเซิ่งหลินเอ่ยถามขึ้นก่อน ทำลายภวังค์ความคิดของฉันให้กลับคืนมาฉันชะงักงัน คำพูดติดค้างอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้ซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน แต่ยังคงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือครับ หรือว่าคุณแม่ของผมทำให้คุณกดดัน?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ!” ฉันรีบปฏิเสธ ลนลานจนลิ้นแทบพันกันฉันไม่ได้เอาแบบร่างมาด้วยเลยสักนิด และไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องตัดเสื้อกับเขาด้วยตอนนี้นอกจากพูดความจริงแล้ว ก็ไม่เหลือทางอื่นใด“คุณซ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 39

    บนตึกนั้นมีตัวอักษรสีแดงแปดตัวที่เขียนไว้อย่างสง่าและเป็นระเบียบว่า กองทัพแข็งแกร่งเพื่อปกป้องชาติ องค์กรแข็งแกร่งเพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน ทำให้ความรู้สึกเคารพยำเกรงที่เอ่อล้นอยู่ในใจของฉันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นครั้นเมื่อมาถึง ก็มีคนรออยู่แล้วที่ชั้นล่างของอาคารฉันเคยเห็นคนผู้นั้นเขาคือคนที่เข้ามาเตือนซูเซิ่งหลินให้รีบออกเดินทางตอนที่เราคุยกันอยู่ที่หน้าประตูสวนซูเมื่อคราวก่อนฉันจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงหยิบกระเป๋าเอกสารลงมา“สวัสดีครับคุณเจียง ผมชื่อจี้หมิง เป็นเลขาของประธานซูครับ” เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพนอบน้อมฉันตอบกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน “สวัสดีค่ะเลขาจี้ รบกวนคุณแล้ว”เขาพาฉันเข้าไปในอาคาร สแกนใบหน้าผ่านประตูกั้นแล้วจึงเดินไปยังโถงลิฟต์เมื่อเข้ามาในลิฟต์ จี้หมิงก็เอ่ยกับฉันว่า “คุณเจียงครับ คุณซูท่านกำลังติดธุระอยู่ คุณอาจจะต้องรอสักครู่นะครับ”ฉันยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณซูโดยไม่ได้นัดหมายก่อน”เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดและออกจากลิฟต์ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือพื้นที่สำนักงานที่กว้างขวางและสะอาดตาเป็นระเบียบพนักงานทุกคนต่างทักทายจี้หมิงด้วยคว

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 38

    “ใครขอให้คุณมาช่วยกัน?” ฉันหัวเราะเยาะเย้ยพลางเหน็บแนม “อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ถึงคุณจะยัดเยียดให้ ฉันก็ไม่เอาสักแดงเดียว เอาเงินคุณไปไถ่กำไลหยกของแม่ฉัน ฉันกลัวจะทำให้ทางไปเกิดใหม่ของแม่ฉันต้องมัวหมอง”“เจียงหว่าน ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพูดจาได้ร้ายกาจขนาดนี้?” กู้เยี่ยนชิงทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น“หึ ฉันพูดจาร้ายกาจ ก็ยังสู้ความร้ายกาจในการกระทำของคุณไม่ได้หรอก”ฉันตัดบทด้วยความโมโห ไม่อยากฟังเขาพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว จึงตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเลฉันรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง!แต่พอตั้งสติได้ ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ยิ่งทวีคูณกู้เยี่ยนชิงรู้เรื่องนี้แล้ว มีหวังเจียงอี๋ก็คงจะรู้ด้วยดูจากนิสัยที่ชอบแย่งของรักของฉันไปทุกอย่างแล้ว ยัยนั่นจะต้องมาแย่งกำไลหยกวงนี้กับฉันแน่ ๆไม่ได้!ฉันจะปล่อยให้เจียงอี๋แย่งกำไลวงนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดฉันต้องเตรียมเงินให้มากพอแต่เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันจะไปหาหยิบยืมเงินจากที่ไหนได้อีก?ใจฉันร้อนรุ่มราวกับไฟสุมทรวง ชั่วขณะนั้นสติกระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้น แต่แล้วก็รีบข่มใจให้กลับมาสงบนิ่งแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กว่า หากเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าตื่นตระหนก อย่าลน

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 37

    หึ ข่มขืนสมควรแล้ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองฉันเผลอหัวเราะออกมา ทำให้กู้เยี่ยนชิงโกรธจัด “เจียงหว่าน คุณเปลี่ยนไปเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ฉันเรียนรู้มาจากคุณไงล่ะ”“...” เขาโกรธจนพูดไม่ออกฉันกล่าวเตือนว่า “เอาเถอะ อย่างไรซะเขาก็ทำผิดกฎหมาย ฉันก็แค่ผดุงความยุติธรรม พวกคุณจะสมรู้ร่วมคิดกันก็เชิญ แต่อย่าได้คิดลองดีกับกฎหมาย ไม่อย่างนั้นคุณเองก็จะหมดอนาคตไปด้วย”กู้เยี่ยนชิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คงเริ่มรู้สึกตัวและละอายใจอยู่บ้าง จึงเปลี่ยนประเด็น “ได้ยินมาว่าคุณกำลังต้องการเงินมาก คุณจะเอาไปทำอะไร?”“ไม่เกี่ยวกับคุณ”“คุณต้องการเงินเท่าไร ผมจะให้คุณเอง”ฉันถามกลับทันที “ห้าร้อยล้าน คุณให้ได้ไหม?”“ห้าร้อยล้านเหรอ?” กู้เยี่ยนชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณจะเอาไปทำอะไร? บริษัทมีปัญหาทางการเงินหรือ?”“เปล่า”จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายไปเสียหมด ต่อให้เขายอมให้หยิบยืมหรือให้เปล่า ฉันก็ไม่คิดจะรับเงินของเขาหากเอาเงินของเขาไปไถ่กำไลหยกของแม่คืนมา เกรงว่าแม่คงโกรธฉันจนตัดขาด แม้จะถูกฝังอยู่ในหลุมก็เถอะ“ช่างเถอะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันยังยุ่งอยู่ ข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 36

    ผู้หญิงคนนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย รูปร่างอวบอัดเซ็กซี่ของเธอเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกเนื่องจากห้องอยู่ติดกับลิฟต์และเป็นช่วงเวลาที่มีแขกขึ้นลงลิฟต์จำนวนมาก ทำให้คนได้ยินเสียงและพากันมามุงดูอย่างรวดเร็ว ทางเดินเต็มไปด้วยไทยมุง แต่ละคนถือโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและอัดวิดีโอไว้“หยุดนะ! ตำรวจมาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดออก ตำรวจตะโกนเสียงดัง ทำให้ฝูงชนที่มุงดูอยู่เปิดทางให้แต่การมาถึงของตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถังซิ่วเอ๋อกลายร่างเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เธอต่อยตีเจียงไห่หยางจนเขาไม่มีทางสู้จนเกือบจะเปลือยกายอยู่รอมร่อสุดท้ายตำรวจต้องเข้ามาควบคุมตัวเธออย่างอุกอาจ ความวุ่นวายจึงยุติลงเนื่องจากเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ตำรวจจึงจำเป็นต้องนำตัวพวกเขาทั้งหมดไปสอบสวนถังซิ่วเอ๋อโกรธจัดและโวยวายใส่ตำรวจว่า “จับฉันทำไม? ถ้าจะจับก็ต้องจับชายชู้กับหญิงแพศยาคู่นั้นสิ ฉันตบนังจิ้งจอกนี่แล้วผิดตรงไหนกัน!”“อยู่ในความสงบ! ทุกคนต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน!” ตำรวจตวาดเสียงเข้ม ควบคุมตัวถังซิ่วเอ๋อไว้อีกครั้งเจียงไห

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 35

    ฉันหันกลับไปมองแผ่นหลังของหญิงคนนั้นอย่างเงียบ ๆ เห็นเธอเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจียงไห่หยางอย่างไม่ลังเลสัญชาตญาณบอกฉันว่าผู้หญิงคนนี้กับเจียงไห่หยางต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อขึ้นมาบนรถ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาหลี่อวิ๋นเวย“เวยเวย รบกวนเธอช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ช่วยหาคนสะกดรอยตาม...”ถ้าฉันไม่ติดงานเร่งทำตามกำหนดส่งของตระกูลซูจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ฉันคงตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปแล้วตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักสองสามวัน กว่าจะจับพิรุธของเจียงไห่หยางได้ใครจะรู้ว่าเย็นวันนั้น ขณะที่ฉันยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ที่สตูดิโอ หลี่อวิ๋นเวยก็ส่งข่าวมา“หว่านหว่าน พ่อตัวแสบของเธอ ควงผู้หญิงหน้าสวยไปที่โรงแรมฮิลตัน ห้อง 8868 จะไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเลยไหม?”ฉันวางเข็มกับด้ายลงข้าง ๆ แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “ฉันไปจับเองจะมีความหมายอะไร ให้คนอื่นไปจับสิถึงจะดี”ฉันโทรศัพท์หาถังซิ่วเอ๋อ“เจียงหว่าน? โทรมาหาฉันอีกทำไม?” ถังซิ่วเอ๋อพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทุกครั้งแต่ฉันก็ยังพูดด้วยความสุภาพ “แม่เลี้ยงคะ พ่ออยู่บ้านไหม?”“ไม่อยู่! ฉันได

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 34

    วันรุ่งขึ้นฉันตรงดิ่งไปยังบริษัทของเจียงไห่หยางเพื่อพบเขาเมื่อเห็นฉัน สีหน้าของเจียงไห่หยางก็เย็นชา เขาปรายตามองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากเสียดสี “แกมาทำไมอีก? ยังคิดว่าทำให้บ้านนี้วุ่นวายไม่พออีกหรือ?”ฉันเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าคุณไม่คืนหุ้นของแม่ให้ฉัน ก็เอาเงินมาให้ฉันซะ”เจียงไห่หยางชะงักไปเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม “เจียงหว่าน สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง? หุ้นของแม่แก ฉันก็ให้ไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พออีกเหรอ?”“ในเมื่อมันเป็นของแม่ฉัน มันก็ควรจะเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าคุณไม่แย่งธุรกิจของตาและยายฉันไป คุณจะมีวันนี้ที่รุ่งโรจน์เฟื่องฟูได้หรือ?”“...” เจียงไห่หยางจ้องฉันเขม็งบรรยากาศตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาฉันแล้วกระชากฉันให้ลุกขึ้น “แกออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องเรียก รปภ.”“ถ้าคุณให้เงินฉัน ฉันก็จะไปเอง ไม่มากหรอกแค่ห้าสิบล้านก็พอ”“ห้าสิบล้านเหรอ?” เจียงไห่หยางอุทานเสียงหลง “ฝันไปเถอะ! ต่อให้ฉันต้องเอาเงินไปโยนทิ้งน้ำ ก็ไม่มีวันให้แก!”“เจียงไห่หยาง คุณคิดให้

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 33

    เมื่อสิ้นคำพูดนั้น ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะตำหนิที่ฝีมือฉันยังไม่ดีพอจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้นว่า “ฉันจะเร่งมือให้เต็มที่ ไม่ให้งานวันเกิดของคุณหญิงเสียหายแน่นอนค่ะ”“อืม ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ หากเวลาไม่พอจะตัดเพียงสองชุดก่อนก็ได้ สุขภาพสำคัญกว่า อย่าฝืนทำจนป่วยไปเสียล่ะครับ”คำกำชับของเขาทำให้ฉันนึกถึงเรื่องน่าอายที่เผลอหลับบนรถม้าเมื่อเช้า ความรู้สึกละอายใจก็ท่วมท้นขึ้นมาทันทีซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนของฉัน จึงก้าวเข้ามาใกล้อีกสองก้าว “ในเมื่อคุณเจียงมีนัดตอนกลางวัน อย่างนั้นผมก็จะไม่รั้งไว้ วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะครับ”ฉันได้สติกลับคืนมาแล้วพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ ไว้พบกันค่ะคุณชายซู”“ไว้พบกัน”ฉันก้าวขึ้นรถอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเดินตามมาปิดประตูให้ด้วยตนเอง แถมยังโบกมือลาผ่านกระจกหน้าต่างฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉันมองคนรวยผ่านแว่นกรองที่สวยงามเกินไปหรือไม่แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะแย้มยิ้มหรือขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะยามเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง แม้เพียงเส้นผมปลิวไสวตามสายลม เมื่ออยู่บนร่างของเขา ช่างดูพิเศษและแตกต่างจากผู้อื่นเหลือเกินการอบรมบ่มเพาะท

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 32

    ฉันตกใจมาก รีบเปิดประตูลงจากรถ “ขอโทษค่ะพ่อบ้านโจว ในรถสบายมากจนฉันเผลอหลับไป คุณน่าจะปลุกฉันนะคะ”“คุณเจียงไม่ต้องกังวลครับ คุณชายรองสั่งไม่ให้ปลุกบอกว่าคุณคงเหนื่อยจากงานมาก” พ่อบ้านโจวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปฉันหิ้วถุงเสื้อผ้าตามไป ในใจยังครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อบ้านโจว“ฉันเผลอหลับในรถ คุณชายรองซูก็รู้งั้นหรือคะ?”ให้ตายสิ! อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“ครับ ตอนรถของพวกคุณมาถึง คุณชายรองกำลังจะออกไปข้างนอกพอดีแล้วบังเอิญเจอกัน คนขับรถบอกว่าคุณหลับอยู่ในรถ คุณชายรองมองแล้วก็สั่งไม่ให้ปลุกคุณครับ”อะไรนะ?ซูเซิ่งหลินมองฉันด้วยเหรอ?ฉันสับสนไปหมด รีบยกมือขึ้นแตะมุมปากอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่ได้น้ำลายไหลใช่ไหม!อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด…เมื่อได้พบหน้าคุณหญิงซู ฉันรีบชี้แจงถึงเหตุที่มาล่าช้า แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคุณหญิงซูก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน“ไม่เป็นไร พวกหนุ่มสาวสมัยนี้สร้างเนื้อสร้างตัวก็ลำบากแบบนี้ทั้งนั้น ต้องลำบากกันทุกคน จะว่าไปก็เป็นความผิดของฉันเอง ที่ไม่ได้รู้จักเธอเร็วกว่านี้ ทำให้เธอต้องเหนื่อยเพราะเวลากระชั้นชิดแบบนี้”คุณหญิงซูเอ่ยอย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status