แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: เดียวดายในห้วงฝัน
เจียงอี๋น้ำตาคลอเต็มดวงตา เธอพูดปนสะอื้นจนแทบไม่เป็นคำ

ฉันฟังไปได้ครึ่งทางก็เข้าใจทันที นี่เธอกำลังเล่นบทน่าสงสารต่อหน้าฝูงชน บีบบังคับให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอด้วยตรรกะทางศีลธรรม!

"ขอบคุณพี่ที่ยอมให้ฉันได้สมหวังกับพี่เยี่ยนชิง ขอบคุณที่ทำให้ฉันสามารถจากโลกนี้ไปโดยไม่มีความเสียใจ หวังว่าทุกคนจะไม่หัวเราะเยาะพี่สาวของฉัน เพราะเธอคือพี่สาวที่ดีที่สุดในโลก"

หลังจากที่เจียงอี๋พูดจบด้วยน้ำตา ทั้งงานก็เงียบกริบ ทุกคนตั้งใจมองไปที่เวที ไม่มีใครพูดจาเสียดสีอีก

ฉันมองลงไปที่กลุ่มแขก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ฉันเห็นใบหน้าหนึ่งที่หล่อเหลาสุดขั้ว ดวงตาเป็นประกายคมกริบ ริมฝีปากบางของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้สะเทือนใจกับละครเรียกคะแนนสงสารของเจียงอี๋แม้แต่น้อย

เจียงอี๋หันมามองฉันด้วยดวงตาแดงช้ำ น้ำตาคลอเต็มหน่วย ก่อนจะพูดเสียงสะอื้น "พี่คะ… ขอบคุณนะคะ ฉันอยากฟังความในใจของพี่ พี่… เกลียดฉันหรือเปล่า?"

ฉันสะดุ้งเฮือก ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจียงอี๋จะเล่นใหญ่ขนาดนี้!

เธอบีบให้ทุกคนต้องเห็นใจเธอ แล้วยังจะกดดันให้ฉันต้องแสดงออกต่อหน้าฝูงชน เพื่อร่วมเล่นละครครอบครัวรักใคร่จอมปลอมของเธออีกงั้นเหรอ?

ฉันแทบจะอาเจียนเอาข้าวที่กินไปเมื่อคืนออกมา!

เมื่อพิธีกรเห็นว่าฉันยังไม่ตอบสนอง จึงรีบยื่นไมโครโฟนอีกตัวมาให้

ฉันที่อดกลั้นมาจนแทบขาดใจแล้ว คราวนี้เลือดเดือดพล่านจนทนไม่ไหวอีกต่อไปและตัดสินใจเล่นไปให้สุด!

ฉันรับไมโครโฟนมายิ้มบาง ๆ แล้วหันไปพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ที่จริงพี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณน้องสาว"

"โอ้?" เสียงฮือฮาดังขึ้นจากผู้ชมด้านล่าง ทุกคนเห็นได้ชัดว่ากำลังอยากรู้อยากเห็น

โดนน้องสาวแย่งสามีไป ยังจะขอบคุณเธออีกเหรอ?

ฉันพูดต่อด้วยท่าทีไม่รีบร้อน "เธอไม่ได้แย่งสามีของฉันไป แต่ช่วยเอาปัญหาของฉันไปต่างหาก ถึงโซ่จะหนาแค่ไหนก็ล่ามหมาที่คิดจะหนีไม่ได้ ถึงได้มีคำกล่าวว่าอะไรนะ… หญิงแพศยาคู่กับสุนัข รักกันยืนยาว"

เสียงฮือฮาระเบิดทั้งงาน แขกที่ชอบดูเรื่องสนุกพากันปรบมือ เป่าปาก ส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่

"ดี! คุณหนูใหญ่ตระกูลเจียงสุดยอด!"

"รองประธานเจียงเยี่ยมมาก!"

"รักกันยืนยาว! รักกันยืนยาว!"

ฉันพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก ความสะใจจากการแก้แค้นพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ

เมื่อหันไปมองเจียงอี๋ ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงจนแทบเสียสติ ฉันยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ "น้องสาวที่แสนดี พี่ไม่ได้เกลียดเธอเลย พี่ยังต้องขอบคุณเธออีกด้วย ขอให้พวกเธอรักกันยืนยาว ร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน"

"เพียะ!" ยังไม่ทันพูดจบ ฉันก็โดนตบหนัก ๆ เข้าเต็มแรงจนหน้าหัน

ฉันเซไปนิดหนึ่ง ก่อนชนเข้ากับพิธีกรบนเวที

"เจียงหว่าน! แกนี่มัน!" พ่อฉันโกรธจนหน้าดำคล้ำราวกับตับหมู เขาชี้นิ้วมาทางฉันแล้วกระทืบเท้าด้วยความโมโห "แกมันเหมือนแม่ไม่มีผิด! เกิดมาเพื่อขัดขวางชีวิตฉัน!"

เขากัดฟันพูดเสียงเหี้ยมเกรียม ราวกับอยากฉีกฉันเป็นชิ้น ๆ

ฉันสะบัดหน้ากลับมา มองเขาด้วยรอยยิ้มเยาะ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว "เจียงไห่หยาง คนอย่างพ่อไม่มีสิทธิ์พูดถึงแม่ฉัน! ถ้าไม่ใช่เพราะความใจดำอำมหิตของพ่อ แม่ฉันคงไม่จากไปเร็วขนาดนี้!"

ยังไงก็เปิดฉากทะเลาะกันแล้วและนี่ก็ไม่ใช่งานแต่งของฉัน ถ้าจะวุ่นวายก็ปล่อยให้มันเลยเถิดไปเลย!

"เจียงหว่าน! พอได้แล้ว!" กู้เยี่ยนชิงที่อดกลั้นมาตลอด ในที่สุดก็ทนไม่ไหวและเข้ามาต่อว่าฉัน "คุณทำแบบนี้แล้วได้อะไรขึ้นมา?"

ฉันหันไปมองเขาโดยไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนหัวเราะเยาะ "กู้เยี่ยนชิง คุณควรถอดชุดนี้ออกนะ ฉันออกแบบให้ปาเกอใส่ คุณจะใส่มันทำไม?"

"คุณ!"

"โอ้ ฉันลืมไปเลยว่าคุณกับเจียงอี๋เป็นพวกเดียวกัน เธอแย่งชุดแต่งงานของฉัน ส่วนคุณก็แย่งชุดของหมาฉัน พวกคุณสองคนก็เหมาะสมกันดีนี่…"

"เจียงหว่าน! ดูซิว่าฉันจะฉีกปากแกออกเป็นชิ้น ๆ ได้ไหม!" ฉันยังพูดไม่ทันจบ เจียงไห่หยางก็โกรธจัดจนคลั่ง พุ่งเข้ามาจะทำร้ายฉันต่อหน้าฝูงชน

ฉันหลบไม่ทัน จึงถูกเขาจับแขนไว้ ก่อนจะโดนตบอีกครั้ง แต่ฉันไม่ยอมแพ้ ใครจะสนว่าเขาเป็นพ่อแท้ ๆ ฉันตอบโต้กลับอย่างเต็มที่!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 9

    สถานการณ์วุ่นวายถึงขีดสุด แขกที่อยู่ด้านล่างต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่งฉันตัวคนเดียว ไม่มีแรงต้านทานจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดีที่พ่อแม่ของกู้เยี่ยนชิงยังรู้จักรักษาหน้า รีบเข้ามาห้าม"คุณเจียง! คุณเจียง! นี่เป็นงานแต่งของลูก ๆ นะ แขกตั้งมากมายกำลังดูอยู่! รีบหยุดเถอะ!""อย่ามาห้ามฉัน! ฉันจะตีนังลูกเนรคุณนี่ให้ตาย! นังตัวซวย! เกิดมาเพื่อเป็นตัวหายนะของฉัน!"เจียงไห่หยางถูกฉันยั่วจนโกรธจัด ใบหน้าเหยเกจนดูน่ากลัว เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้แต่พ่อแม่ของ กู้เยี่ยนชิงก็ยังห้ามไม่อยู่ทันใดนั้นถังซิ่วเอ๋อก็ตะโกนเสียงดัง "หยุดตีได้แล้ว! เสี่ยวอี๋เป็นลมแล้ว! ใครก็ได้! เรียกคนมาช่วยเร็ว!"เจียงไห่หยางชะงัก หันกลับไปมองก่อนจะผลักฉันออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปหา "เกิดอะไรขึ้น? รถพยาบาลล่ะ? รีบโทรเรียกรถพยาบาลสิ!"ฝูงชนที่รายล้อมฉันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไปในพริบตา ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปหาตัวเจ้าสาวที่หมดสติกู้เยี่ยนชิงหน้าตื่น พุ่งไปช้อนตัวเจียงอี๋ขึ้น "เสี่ยวอี๋ อดทนไว้นะ! เธอต้องอดทนไว้! พี่จะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!"ฉันอยู่ในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าปวดร้าวไปหมดแต่เมื่อเห็นพวกเข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 10

    ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวในงานแต่งของฉันกับกู้เยี่ยนชิงได้?ฉันคิดไม่ตกสงสัยว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?คนอย่างเขาไม่ค่อยปรากฏตัวง่าย ๆ แต่พอมาปรากฏตัวก็ได้ชมละครฉากใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าไม่เสียเที่ยวแล้วโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน ดึงฉันออกจากความคิดที่ยุ่งเหยิงหลี่อวิ๋นเวยตะโกนลั่นผ่านสายด้วยความโมโห "กู้เยี่ยนชิงกับเจียงอี๋มันน่าขยะแขยงสุด ๆ! ฉันโมโหจนเกือบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง! แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้เลยนี่นา สวนกลับได้โคตรดี โคตรเฉียบ จนไอ้พวกเวรนั่นดิ้นพล่าน!"ฉันถอนหายใจ เอนพิงพนักเบาะพลางเอามือกุมขมับ "อย่าบอกนะว่ามันกระจายไปทั่วเน็ตแล้ว?""เธอคิดว่าไงล่ะ? เรื่องแบบนี้หายากจะตาย แม้แต่ละครน้ำเน่ายังเขียนบทไม่ได้ขนาดนี้เลย! ตอนนี้ชาวเน็ตแบ่งเป็นสองฝั่ง ด่ากันไฟแลบ!""..." ฉันหลับตาลง รู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าเดิมฉันอยากแก้แค้นพวกเขาจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้อยากลากตัวเองลงไปในวังวนโคลนตมนี้ด้วยถ้าปล่อยให้เรื่องนี้บานปลาย ฉันเองก็อาจโดนผลกระทบไปด้วย"เสี่ยวหว่าน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันเห็นเธอโดนตบ" หลังจากโมโหเสร็จ หลี่อวิ๋นเวยก็ถามไถ่ฉันด้วยความเป็นห่วงฉันตอบเรียบ ๆ "ไม่เป็นไร แค่โดนตบไปไม่กี่ทีเ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 11

    จะตายแล้วเหรอ?ฤทธิ์ยานอนหลับทำให้ฉันเบลอไปหมด ฉันเปิดประตูมองกู้เยี่ยนชิงแล้วถามอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นว่า “เจียงอี๋จะตายแล้วเหรอ?”คำพูดนี้ทำให้เขาโกรธมาก“เจียงหว่าน! คุณอย่าร้ายกาจให้มันมากนัก!” กู้เยี่ยนชิงสีหน้าบึ้งตึงซึ่งเป็นท่าทางที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนฉันขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากจะทะเลาะกับเขาเลยผลักเขาออกไปแล้วเตรียมจะปิดประตูแต่กู้เยี่ยนชิงไวกว่าฉัน เขาใช้เท้าถีบประตูเข้ามาอย่างแรงและจับแขนฉันไว้“กู้เยี่ยนชิง นี่คุณทำอะไร! บุกรุกเข้ามาในบ้านคนอื่นแบบนี้ ฉันจะแจ้งตำรวจ!” ฉันโกรธมากพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง และตบหน้าเขาไปอีกหนึ่งฉาดด้วยความโมโหสุดขีดกู้เยี่ยนชิงไม่สนใจ เขาดึงฉันออกจากบ้านแล้วยัดฉันเข้าไปในรถของเขา“กู้เยี่ยนชิง คุณเป็นบ้าอะไร! ปล่อยฉันลงจากรถนะ!”“เจียงอี๋ป่วยหนักใกล้ตายแล้ว คุณต้องไปโรงพยาบาลกับผม!” กู้เยี่ยนชิงเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานไปในความมืดมิดยามราตรีฉันไม่เข้าใจ “เธอใกล้ตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? ฉันไม่ใช่หมอสักหน่อย”กู้เยี่ยนชิงไม่พูดอะไร ใบหน้าด้านข้างเคร่งขรึม สีหน้าตึงเครียด เขาเอาแต่เร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆฉันรู้สึกก

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 12

    ฉันมองไปที่กู้เยี่ยนชิง รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไปแล้วจึงพูดเย้ยหยันว่า “คุณเพิ่งจะรู้ตอนนี้เหรอ? ทั้งเจียงอี๋และเจียงฮ่าวเป็นน้องพ่อเดียวกันกับฉัน”กู้เยี่ยนชิงตกใจยิ่งกว่าเดิม “พ่อเดียวกัน? แต่พวกเขาอายุน้อยกว่าคุณแค่สองปี…”“ใช่แล้ว พ่อใจร้ายของฉันนอกใจแม่ตอนฉันอายุได้แค่หนึ่งขวบหรืออาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ เขาพยายามทำทุกวิถีทางบีบให้แม่หย่า เพื่อที่จะได้พานางจิ้งจอกนั่นกับลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน”สายตาตกตะลึงของกู้เยี่ยนชิงมองสลับไปมาระหว่างเจียงไห่หยางกับถังซิ่วเอ๋อ“เรื่องนี้...คุณไม่เคยบอกผมเลย” เขาพึมพำเสียงเบา สีหน้าสับสนและยากจะอ่านออก ราวกับว่าเขาตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป“เรื่องน่าอายในครอบครัวไม่ควรป่าวประกาศ แล้วฉันจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม? คุณเองก็อวดฉลาดมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่เคยรู้เลยล่ะ?”กรุ๊ปเลือดหายากขนาดนี้ ฉันกับเจียงอี๋ดันมีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน เป็นใครก็ต้องสงสัยใช่ไหมล่ะ?เมื่อเห็นกู้เยี่ยนชิงเงียบไม่พูดอะไร ฉันจึงถามต่อว่า “ตอนนี้คุณคงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงได้รังเกียจเจียงอี๋ขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ยอมช่วยชีวิตเธอ”ฉันคิดว่ากู้เยี

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 13

    พยาบาลขมวดคิ้วถามฉันว่า “คุณกินยานอนหลับไปเหรอคะ?”“ค่ะ ก่อนนอนกินไปสองเม็ด จนถึงตอนนี้…” ฉันเหลือบมองนาฬิกาตรงประตูห้องฉุกเฉิน “น่าจะราว ๆ สี่ชั่วโมงแล้วค่ะ”พยาบาลส่ายหน้าทันที “ไม่ได้นะคะ แบบนี้ตรวจเลือดไม่ผ่านค่ะ”ฉันแบมือทั้งสองข้างอย่างช่วยไม่ได้พลางมองสายตาตื่นตระหนกของพวกเขาแล้วพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “ขอโทษด้วยนะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วย แต่ฉันช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ”เจียงไห่หยางโกรธจัด ตะคอกใส่ฉันว่า “เจียงหว่าน เธอหลอกพวกเรา! รู้ทั้งรู้ว่าบริจาคเลือดไม่ได้ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?”“มาโทษฉันแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ จู่ ๆ กู้เยี่ยนชิงลากฉันออกมาจากบ้านเอง ฉันไม่รู้อะไรด้วยเลย” ฉันกะพริบตาปริบ ๆ อย่างใสซื่อ มองสบตาพวกเขาไปทีละคน“เจียงหว่าน คุณ…” กู้เยี่ยนชิงจ้องฉันเขม็ง เขากัดฟันกรอดอย่างขุ่นเคืองแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางจนตรอกของพวกเขา อารมณ์ฉันก็ดีขึ้นมาทันทีทันใดนั้นประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก พยาบาลวิ่งหน้าตาตื่นออกมาถามว่า “เลือดสำรองไม่พอแล้ว หาคนบริจาคเลือดได้หรือยัง เร็วเข้า!”ถังซิ่วเอ๋อได้ยินดังนั้นก็ตกใจจนเข่าอ่อน รีบคว้าตัวเจียงไห่หยางแล้วผลักไป “รีบไปบริจาคเลือ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 14

    “ขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันไม่ได้เอาโทรศัพท์มาเลยจ่ายเงินไม่ได้”สาวน้อยตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ยังไม่ได้เปิดระบบเหมือนกัน ส่วนเรื่องค่ารถ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วค่อยว่ากันก็ได้ค่ะ”“...” ฉันอึ้งไปกว่าเดิม พูดอะไรไม่ออกฉันบอกที่อยู่บ้านไป สาวน้อยก็กดจุดหมายปลายทางลงในระบบนำทางของรถแล้วค่อย ๆ หมุนพวงมาลัยออกจากที่จอดขับรถออกไปได้ไม่ไกล โทรศัพท์ของสาวน้อยก็ดังขึ้นเธอใส่หูฟังบลูทูธแล้วกดรับ “ฮัลโหล พี่... ฉันมีธุระด่วนเลยต้องออกมาก่อน พี่ให้คนขับรถไปรับแทนนะ ... แหม มันกะทันหันจริง ๆ ฉันยังไม่มีเวลาบอก เดี๋ยวค่อยอธิบายให้ฟังทีหลังนะ ... รับรองว่าพี่ต้องชมว่าฉันตัดสินใจถูกต้อง! แค่นี้นะคะ ฉันขับรถอยู่”เมื่อได้ยินเสียงเธอคุยโทรศัพท์ ฉันก็เผลอมองไปที่กระจกมองหลังโดยอัตโนมัติฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าตาฝาดไปหรือเปล่า บริเวณริมถนนตรงหน้าโรงพยาบาล ปรากฏร่างสูงโปร่งสง่างามท่ามกลางแสงตะวันยามเช้า ความเย็นชาและอบอุ่นหลอมรวมอยู่รอบกายเขาอย่างลงตัวเขายืนอยู่ตรงนั้น ราวกับจะกลืนกินความวุ่นวายรอบข้างให้เงียบสงบลงในพริบตา ช่างเป็นบุคลิกที่โดดเด่น งดงามราวกับกล้วยไม้หยกชายผู้นั้นยกมือข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 15

    เรื่องวุ่นวายในงานแต่งงาน ทำให้ฉันกลายเป็นข่าวโด่งดังตื่นเช้ามาฉันก็ต้องตกใจกับสายเรียกเข้าที่ไม่คุ้นเคยจำนวนมาก จนโทรศัพท์แทบจะระเบิดฉันรู้สึกถึงลางร้ายและรู้ว่าปัญหาใหญ่กำลังจะตามมาไม่กี่วันต่อมาข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลบริษัทของฉันก็ถูกแฉว่อนเน็ต ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเช้าวันหนึ่งขณะกำลังจะลงจากรถที่บริษัท ฉันก็ถูกฝูงนักข่าวสายบันเทิงรุมล้อมจนแทบไม่มีทางเดินโชคดีที่เสี่ยวอิงเถาเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาช่วยฉันออกมาได้ทั้ง ๆ ที่เจียงอี๋เป็นคนผิด แต่เพียงเพราะเธอป่วยหนัก ชาวเน็ตเกือบทั้งหมดกลับหันมารุมประณามฉัน ไม่เพียงแต่โจมตีฉันเป็นการส่วนตัว ร้านค้าหลักอย่างเป็นทางการของบริษัทก็ถูกถล่มจนแทบจะดำเนินกิจการตามปกติไม่ได้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็เร่งใช้แผนฉุกเฉินแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนักฉันหัวหมุนวุ่นวายไปหมด เลยขอให้ทนายมาช่วยปรึกษาเรื่องร่างแถลงการณ์ เตรียมใช้กฎหมายปกป้องสิทธิ์ของตัวเองฉันเร่งทำงานจนดึกดื่น พอเห็นว่านักข่าวที่ดักรออยู่หน้าออฟฟิศเริ่มทยอยกลับกันไปแล้ว ก็เตรียมตัวเก็บของกลับบ้านแต่ฉันยังไม่ทันได้ลุกจากโต๊ะก

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 16

    “...” ฉันพูดไม่ออกจึงหันหลังเดินอ้อมไปอีกฝั่งของโต๊ะทำงานแล้วเดินออกไปกู้เยี่ยนชิงวิ่งตามออกมา “เสี่ยวหว่าน ผมรู้ว่าคุณคงไม่อาจให้อภัยผมได้ในเร็ววัน แต่ความสัมพันธ์หกปีของเราไม่ใช่ว่าใครจะตัดใจได้ง่าย ๆ คนที่ผมรักคือคุณ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่มีวันเปลี่ยน แต่ผมเห็นเจียงอี๋ มาตั้งแต่เด็ก เธอเป็นคนอ่อนแออยู่แล้ว ตอนนี้ป่วยหนักก็ยิ่งอ่อนไหวและรู้สึกด้อยค่า ผมมองเธอเป็นน้องสาวมาตลอด ผมทิ้งเธอไปไม่ได้จริง ๆ”ฉันถูกเขาขวางทางไว้ อารมณ์เลยระเบิดออกมา“กู้เยี่ยนชิง คุณเป็นบ้าหรือเปล่า? ฉันก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณไปดูแลเธอ คุณวิ่งมาพูดเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ พวกนี้กับฉันทำไม? ยังเห็นว่าฉันเจอเรื่องแย่ ๆ เพราะพวกคุณไม่พออีกหรือไง?”กู้เยี่ยนชิงจับแขนฉันอีกครั้งแล้วพูดปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เสี่ยวหว่าน ผมรู้ว่าคุณกำลังหงุดหงิด ผมมาก็เพื่อจะช่วยคุณ”“คุณจะช่วยฉันงั้นเหรอ?” ฉันยิ้มเยาะพลางถอยหลังหนีเขา “ช่วยยังไง? ไปช่วยฉันด่ากับพวกนักเลงคีย์บอร์ดรึไง?”“ไม่ใช่” กู้เยี่ยนชิงส่ายหน้าก่อนจะให้คำแนะนำอย่างจริงจัง “จริง ๆ แล้ว แค่คุณออกแถลงการณ์ว่าที่พูดไปในงานแต่งงานเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จากนั้นก็ไปเยี่

บทล่าสุด

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 40

    หากไม่ใช่เพิ่งได้ประจักษ์ถึงความน่าเกรงขามอันทรงอานุภาพของเขาเมื่อครู่ ก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้คือคนเดียวกับเทพแห่งการพิพากษาอันเฉียบขาดเมื่อสักครู่“คุณซูพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นฉันต่างหากที่รบกวนเวลาทำงานของคุณ” ฉันใช้คำยกย่องอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเพราะตระหนักได้อย่างชัดเจนอีกครั้งถึงความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างเราเลขาจี้เดินตามฉันเข้ามาในห้อง ก้มลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว เขารวบรวมและจัดเรียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปฉันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ“คุณเจียงออกแบบเสื้อผ้าของผมเสร็จแล้วหรือครับ?” ซูเซิ่งหลินเอ่ยถามขึ้นก่อน ทำลายภวังค์ความคิดของฉันให้กลับคืนมาฉันชะงักงัน คำพูดติดค้างอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้ซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน แต่ยังคงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือครับ หรือว่าคุณแม่ของผมทำให้คุณกดดัน?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ!” ฉันรีบปฏิเสธ ลนลานจนลิ้นแทบพันกันฉันไม่ได้เอาแบบร่างมาด้วยเลยสักนิด และไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องตัดเสื้อกับเขาด้วยตอนนี้นอกจากพูดความจริงแล้ว ก็ไม่เหลือทางอื่นใด“คุณซ

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 39

    บนตึกนั้นมีตัวอักษรสีแดงแปดตัวที่เขียนไว้อย่างสง่าและเป็นระเบียบว่า กองทัพแข็งแกร่งเพื่อปกป้องชาติ องค์กรแข็งแกร่งเพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน ทำให้ความรู้สึกเคารพยำเกรงที่เอ่อล้นอยู่ในใจของฉันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นครั้นเมื่อมาถึง ก็มีคนรออยู่แล้วที่ชั้นล่างของอาคารฉันเคยเห็นคนผู้นั้นเขาคือคนที่เข้ามาเตือนซูเซิ่งหลินให้รีบออกเดินทางตอนที่เราคุยกันอยู่ที่หน้าประตูสวนซูเมื่อคราวก่อนฉันจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงหยิบกระเป๋าเอกสารลงมา“สวัสดีครับคุณเจียง ผมชื่อจี้หมิง เป็นเลขาของประธานซูครับ” เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพนอบน้อมฉันตอบกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน “สวัสดีค่ะเลขาจี้ รบกวนคุณแล้ว”เขาพาฉันเข้าไปในอาคาร สแกนใบหน้าผ่านประตูกั้นแล้วจึงเดินไปยังโถงลิฟต์เมื่อเข้ามาในลิฟต์ จี้หมิงก็เอ่ยกับฉันว่า “คุณเจียงครับ คุณซูท่านกำลังติดธุระอยู่ คุณอาจจะต้องรอสักครู่นะครับ”ฉันยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณซูโดยไม่ได้นัดหมายก่อน”เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดและออกจากลิฟต์ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือพื้นที่สำนักงานที่กว้างขวางและสะอาดตาเป็นระเบียบพนักงานทุกคนต่างทักทายจี้หมิงด้วยคว

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 38

    “ใครขอให้คุณมาช่วยกัน?” ฉันหัวเราะเยาะเย้ยพลางเหน็บแนม “อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ถึงคุณจะยัดเยียดให้ ฉันก็ไม่เอาสักแดงเดียว เอาเงินคุณไปไถ่กำไลหยกของแม่ฉัน ฉันกลัวจะทำให้ทางไปเกิดใหม่ของแม่ฉันต้องมัวหมอง”“เจียงหว่าน ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพูดจาได้ร้ายกาจขนาดนี้?” กู้เยี่ยนชิงทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น“หึ ฉันพูดจาร้ายกาจ ก็ยังสู้ความร้ายกาจในการกระทำของคุณไม่ได้หรอก”ฉันตัดบทด้วยความโมโห ไม่อยากฟังเขาพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว จึงตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเลฉันรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง!แต่พอตั้งสติได้ ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ยิ่งทวีคูณกู้เยี่ยนชิงรู้เรื่องนี้แล้ว มีหวังเจียงอี๋ก็คงจะรู้ด้วยดูจากนิสัยที่ชอบแย่งของรักของฉันไปทุกอย่างแล้ว ยัยนั่นจะต้องมาแย่งกำไลหยกวงนี้กับฉันแน่ ๆไม่ได้!ฉันจะปล่อยให้เจียงอี๋แย่งกำไลวงนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดฉันต้องเตรียมเงินให้มากพอแต่เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันจะไปหาหยิบยืมเงินจากที่ไหนได้อีก?ใจฉันร้อนรุ่มราวกับไฟสุมทรวง ชั่วขณะนั้นสติกระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้น แต่แล้วก็รีบข่มใจให้กลับมาสงบนิ่งแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กว่า หากเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าตื่นตระหนก อย่าลน

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 37

    หึ ข่มขืนสมควรแล้ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองฉันเผลอหัวเราะออกมา ทำให้กู้เยี่ยนชิงโกรธจัด “เจียงหว่าน คุณเปลี่ยนไปเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ฉันเรียนรู้มาจากคุณไงล่ะ”“...” เขาโกรธจนพูดไม่ออกฉันกล่าวเตือนว่า “เอาเถอะ อย่างไรซะเขาก็ทำผิดกฎหมาย ฉันก็แค่ผดุงความยุติธรรม พวกคุณจะสมรู้ร่วมคิดกันก็เชิญ แต่อย่าได้คิดลองดีกับกฎหมาย ไม่อย่างนั้นคุณเองก็จะหมดอนาคตไปด้วย”กู้เยี่ยนชิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คงเริ่มรู้สึกตัวและละอายใจอยู่บ้าง จึงเปลี่ยนประเด็น “ได้ยินมาว่าคุณกำลังต้องการเงินมาก คุณจะเอาไปทำอะไร?”“ไม่เกี่ยวกับคุณ”“คุณต้องการเงินเท่าไร ผมจะให้คุณเอง”ฉันถามกลับทันที “ห้าร้อยล้าน คุณให้ได้ไหม?”“ห้าร้อยล้านเหรอ?” กู้เยี่ยนชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณจะเอาไปทำอะไร? บริษัทมีปัญหาทางการเงินหรือ?”“เปล่า”จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายไปเสียหมด ต่อให้เขายอมให้หยิบยืมหรือให้เปล่า ฉันก็ไม่คิดจะรับเงินของเขาหากเอาเงินของเขาไปไถ่กำไลหยกของแม่คืนมา เกรงว่าแม่คงโกรธฉันจนตัดขาด แม้จะถูกฝังอยู่ในหลุมก็เถอะ“ช่างเถอะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันยังยุ่งอยู่ ข

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 36

    ผู้หญิงคนนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย รูปร่างอวบอัดเซ็กซี่ของเธอเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกเนื่องจากห้องอยู่ติดกับลิฟต์และเป็นช่วงเวลาที่มีแขกขึ้นลงลิฟต์จำนวนมาก ทำให้คนได้ยินเสียงและพากันมามุงดูอย่างรวดเร็ว ทางเดินเต็มไปด้วยไทยมุง แต่ละคนถือโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและอัดวิดีโอไว้“หยุดนะ! ตำรวจมาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดออก ตำรวจตะโกนเสียงดัง ทำให้ฝูงชนที่มุงดูอยู่เปิดทางให้แต่การมาถึงของตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถังซิ่วเอ๋อกลายร่างเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เธอต่อยตีเจียงไห่หยางจนเขาไม่มีทางสู้จนเกือบจะเปลือยกายอยู่รอมร่อสุดท้ายตำรวจต้องเข้ามาควบคุมตัวเธออย่างอุกอาจ ความวุ่นวายจึงยุติลงเนื่องจากเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ตำรวจจึงจำเป็นต้องนำตัวพวกเขาทั้งหมดไปสอบสวนถังซิ่วเอ๋อโกรธจัดและโวยวายใส่ตำรวจว่า “จับฉันทำไม? ถ้าจะจับก็ต้องจับชายชู้กับหญิงแพศยาคู่นั้นสิ ฉันตบนังจิ้งจอกนี่แล้วผิดตรงไหนกัน!”“อยู่ในความสงบ! ทุกคนต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน!” ตำรวจตวาดเสียงเข้ม ควบคุมตัวถังซิ่วเอ๋อไว้อีกครั้งเจียงไห

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 35

    ฉันหันกลับไปมองแผ่นหลังของหญิงคนนั้นอย่างเงียบ ๆ เห็นเธอเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจียงไห่หยางอย่างไม่ลังเลสัญชาตญาณบอกฉันว่าผู้หญิงคนนี้กับเจียงไห่หยางต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อขึ้นมาบนรถ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาหลี่อวิ๋นเวย“เวยเวย รบกวนเธอช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ช่วยหาคนสะกดรอยตาม...”ถ้าฉันไม่ติดงานเร่งทำตามกำหนดส่งของตระกูลซูจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ฉันคงตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปแล้วตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักสองสามวัน กว่าจะจับพิรุธของเจียงไห่หยางได้ใครจะรู้ว่าเย็นวันนั้น ขณะที่ฉันยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ที่สตูดิโอ หลี่อวิ๋นเวยก็ส่งข่าวมา“หว่านหว่าน พ่อตัวแสบของเธอ ควงผู้หญิงหน้าสวยไปที่โรงแรมฮิลตัน ห้อง 8868 จะไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเลยไหม?”ฉันวางเข็มกับด้ายลงข้าง ๆ แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “ฉันไปจับเองจะมีความหมายอะไร ให้คนอื่นไปจับสิถึงจะดี”ฉันโทรศัพท์หาถังซิ่วเอ๋อ“เจียงหว่าน? โทรมาหาฉันอีกทำไม?” ถังซิ่วเอ๋อพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทุกครั้งแต่ฉันก็ยังพูดด้วยความสุภาพ “แม่เลี้ยงคะ พ่ออยู่บ้านไหม?”“ไม่อยู่! ฉันได

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 34

    วันรุ่งขึ้นฉันตรงดิ่งไปยังบริษัทของเจียงไห่หยางเพื่อพบเขาเมื่อเห็นฉัน สีหน้าของเจียงไห่หยางก็เย็นชา เขาปรายตามองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากเสียดสี “แกมาทำไมอีก? ยังคิดว่าทำให้บ้านนี้วุ่นวายไม่พออีกหรือ?”ฉันเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าคุณไม่คืนหุ้นของแม่ให้ฉัน ก็เอาเงินมาให้ฉันซะ”เจียงไห่หยางชะงักไปเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม “เจียงหว่าน สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง? หุ้นของแม่แก ฉันก็ให้ไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พออีกเหรอ?”“ในเมื่อมันเป็นของแม่ฉัน มันก็ควรจะเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าคุณไม่แย่งธุรกิจของตาและยายฉันไป คุณจะมีวันนี้ที่รุ่งโรจน์เฟื่องฟูได้หรือ?”“...” เจียงไห่หยางจ้องฉันเขม็งบรรยากาศตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาฉันแล้วกระชากฉันให้ลุกขึ้น “แกออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องเรียก รปภ.”“ถ้าคุณให้เงินฉัน ฉันก็จะไปเอง ไม่มากหรอกแค่ห้าสิบล้านก็พอ”“ห้าสิบล้านเหรอ?” เจียงไห่หยางอุทานเสียงหลง “ฝันไปเถอะ! ต่อให้ฉันต้องเอาเงินไปโยนทิ้งน้ำ ก็ไม่มีวันให้แก!”“เจียงไห่หยาง คุณคิดให้

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 33

    เมื่อสิ้นคำพูดนั้น ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะตำหนิที่ฝีมือฉันยังไม่ดีพอจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้นว่า “ฉันจะเร่งมือให้เต็มที่ ไม่ให้งานวันเกิดของคุณหญิงเสียหายแน่นอนค่ะ”“อืม ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ หากเวลาไม่พอจะตัดเพียงสองชุดก่อนก็ได้ สุขภาพสำคัญกว่า อย่าฝืนทำจนป่วยไปเสียล่ะครับ”คำกำชับของเขาทำให้ฉันนึกถึงเรื่องน่าอายที่เผลอหลับบนรถม้าเมื่อเช้า ความรู้สึกละอายใจก็ท่วมท้นขึ้นมาทันทีซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนของฉัน จึงก้าวเข้ามาใกล้อีกสองก้าว “ในเมื่อคุณเจียงมีนัดตอนกลางวัน อย่างนั้นผมก็จะไม่รั้งไว้ วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะครับ”ฉันได้สติกลับคืนมาแล้วพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ ไว้พบกันค่ะคุณชายซู”“ไว้พบกัน”ฉันก้าวขึ้นรถอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเดินตามมาปิดประตูให้ด้วยตนเอง แถมยังโบกมือลาผ่านกระจกหน้าต่างฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉันมองคนรวยผ่านแว่นกรองที่สวยงามเกินไปหรือไม่แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะแย้มยิ้มหรือขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะยามเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง แม้เพียงเส้นผมปลิวไสวตามสายลม เมื่ออยู่บนร่างของเขา ช่างดูพิเศษและแตกต่างจากผู้อื่นเหลือเกินการอบรมบ่มเพาะท

  • ทุ่มเท​รัก​ เยียวยาใจ​เธอ   บทที่ 32

    ฉันตกใจมาก รีบเปิดประตูลงจากรถ “ขอโทษค่ะพ่อบ้านโจว ในรถสบายมากจนฉันเผลอหลับไป คุณน่าจะปลุกฉันนะคะ”“คุณเจียงไม่ต้องกังวลครับ คุณชายรองสั่งไม่ให้ปลุกบอกว่าคุณคงเหนื่อยจากงานมาก” พ่อบ้านโจวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปฉันหิ้วถุงเสื้อผ้าตามไป ในใจยังครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อบ้านโจว“ฉันเผลอหลับในรถ คุณชายรองซูก็รู้งั้นหรือคะ?”ให้ตายสิ! อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“ครับ ตอนรถของพวกคุณมาถึง คุณชายรองกำลังจะออกไปข้างนอกพอดีแล้วบังเอิญเจอกัน คนขับรถบอกว่าคุณหลับอยู่ในรถ คุณชายรองมองแล้วก็สั่งไม่ให้ปลุกคุณครับ”อะไรนะ?ซูเซิ่งหลินมองฉันด้วยเหรอ?ฉันสับสนไปหมด รีบยกมือขึ้นแตะมุมปากอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่ได้น้ำลายไหลใช่ไหม!อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด…เมื่อได้พบหน้าคุณหญิงซู ฉันรีบชี้แจงถึงเหตุที่มาล่าช้า แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคุณหญิงซูก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน“ไม่เป็นไร พวกหนุ่มสาวสมัยนี้สร้างเนื้อสร้างตัวก็ลำบากแบบนี้ทั้งนั้น ต้องลำบากกันทุกคน จะว่าไปก็เป็นความผิดของฉันเอง ที่ไม่ได้รู้จักเธอเร็วกว่านี้ ทำให้เธอต้องเหนื่อยเพราะเวลากระชั้นชิดแบบนี้”คุณหญิงซูเอ่ยอย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status