แม้ว่าตัวอยู่ใกล้ แต่เหมือนยิ่งห่างเขาไปทุกที เธอจะต้องทำยังไง เขาถึงจะเลิกเกลียดเธอ ให้กลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิมก็ยอม
View Moreตอนพิเศษ เพื่อนรัก..รักเพื่อนเสียงฟ้าร้องดังก่อนที่ฝนจะตกลงมาจนเด็กหนุ่มวัยรุ่นต้องเอากระเป๋าตัวเองมากอดไว้ ด้วยกลัวจะเปียกจึงวิ่งหลบเข้ามาภายในอาคารเรียน เพราะเป็นเวลากว่าหกโมงแล้วคนจึงบางตาจนแทบไม่มีนักเรียนอยู่ เขาหันมองซ้ายขวาก็ต้องชะงัก เมื่อพบเด็กหญิงคนหนึ่งที่ใส่ยูนิฟอร์มของมัธยมต้น เดินกอดลูกแมวมา“ไม่หนาวแล้วนะ” เสียงหวานทำให้เขาเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด จนกระทั่งน้องเดินมาหยุดข้างกายเขา ร่างสูงเกินวัยเด็กอายุสิบเจ็ดปีรีบหันหน้าหนีทันที“ไปอยู่ด้วยกันนะคะ” เป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานเหลือเกิน พสุธา วิจิตรประภา คิดพลางเหลือบมองน้องจนกระทั่งมีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดเทียบ พร้อมกับคนรถที่ถือร่มมารับคุณหนูตัวน้อย เขาแอบมองอยู่เงียบๆ จนกระทั่งเธอขึ้นรถไป จดจำป้ายทะเบียนเอาไว้จนขึ้นใจ เขาจะต้องตามหาตัวเธอให้เจอ!เช้าวันต่อมาเด็กหนุ่มยกมือไหว้บิดามารดาก่อนออกจากบ้าน ไม่ลืมที่จะหอมแก้มคนเป็นแม่อย่างเอาใจ เดินขึ้นรถมาพร้อมกับน้องสาวที่มีใบหน้าน่ารักคล้ายแม่ และคนเป็นพ่อก็หวงลูกสาวมากเหลือเกินชนิดที่ถ้าผู้ชายคนไหน อยู่ใกล้เกินร้อยเมตรต้องมองจนล่า ถอยไป“เด็กขี้เหร่” พอขึ้นรถมาได้พี่ชายก็เรียกน้องส
ตอนพิเศษ3สัปดาห์นี้พสุเลิกงานเร็วทุกวันเพราะเขาเคลียร์งาน เพื่อมาดูแฟชั่นโชว์ที่ภรรยาร่วมดูแลโดยเฉพาะ วันนี้เป็นการซ้อมครั้งยิ่งใหญ่ โดยรวมนายแบบนางแบบจากทั่วฟ้าเมืองไทย พร้อมทั้งมีดาราแถวหน้ามาเดินแบบด้วย คนสวยหล่อจึงมีละลานตาเต็มไปหมด ร่างสูงอุ้มลูกชายตัวน้อยเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“สวยไปหมดเลยพ่อ” เด็กน้อยเอ่ยกับบิดาเมื่อหันไปเห็นสาวหน้าตาดี“นั้นสิลูก พ่อจองคนนั้นนะ” กระซิบกับลูกชายหลังจากเห็นนางแบบบนเวทีกำลังเดินด้วยใบหน้านิ่ง“พี่เขาดุจังเลย” ทำหน้าย่นก่อนจะกวาดสายตามองโดยรอบ แล้วใช้มือตีไหล่พ่อหลายทีแล้วชี้ให้ดูทางข้างเวที“พี่ปลายสวยจังเลยครับ” พสุหันไปตามมือลูกน้อยก็พบดาราขวัญใจคนไทย ที่กำลังนั่งพักที่ข้างเวที พสุธาพูดชื่อในละครของเธอที่เล่นจนดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ลูกชายเขาติดงอมแงมต้องดูละครก่อนถึงจะเข้านอนได้คงเพราะอยู่กับยายและย่าบ่อยจึงติดการดูละครมากกว่าดูการ์ตูนเสียอีก“แต่แม่นิทสวยที่สุดใช่ไหม” คนพ่อกระซิบถาม“ใช่แล้ว แม่นิทของดินสวยที่สุด” มือต่างขนาดแท็กกันอย่างเห็นด้วย ก่อนที่พสุจะสะดุดกับเหตุการณ์ข้างเวที ผู้หญิงที่นายแบบหุ่นดีคนนั้นยืนใกล้คือภรรยาของเขาเป็นแน่
ตอนพิเศษ แอบรัก หญิงสาวโค้งศีรษะให้กับยามหน้าบริษัท ที่เปิดประตูให้พร้อมกับส่งยิ้มหวาน ที่ใครมองเป็นต้องหลง วารีกานต์ สนธยานนท์ เป็นผู้ช่วยเลขาคนใหม่ของรองประธานบริษัท เพราะคุณสุชาติด้วยวัยที่มากขึ้น แต่ภาระงานกลับยิ่งหนักคงทำคนเดียวไม่ไหว เขาจึงต้องประกาศรับสมัครผู้ช่วยที่มีความสามารถและประสบการณ์ “รอด้วยค่ะ” รีบวิ่งไปด้วยความเร็ว แม้จะมีอุปสรรคเป็นรองเท้าส้นสูงก็ตาม ประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ และคนที่ยืนอยู่ข้างในทำให้เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบก้าวเข้ามาทันที “มาแต่เช้าเลยนะครับ” น้ำเสียงเป็นมิตรของเขาทำให้หัวใจเธอทำงานหนักอีกครั้ง ไม่คิดว่าหัวหน้าของตนเองจะมาเช้าขนาดนี้ “ค่ะ พอดีกานต์อยากรีบเคลียร์งานส่วนของตัวเองให้เสร็จ” ร่างสูงพยักหน้ายิ้มให้ “ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำคุณเสียใจแล้วละ เพราะวันนี้คุณต้องออกไปข้างนอกกับผมตอนบ่าย พอดีคุณสุชาติเขาลาคงต้องรบกวนด้วยนะครับคุณผู้ช่วยเลขา” เธอรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เลขาอย่างคุณสุชาติลา เพราะต้องไปทำธุระ งานหนักจึงตกมาอยู่ที่เธอ เพราะต้องควบคุมการเต้นของหัวใจไม่ให้มันดังจนเขาได้ยินน่ะสิ “ย
ตอนพิเศษซ้อนแผน สี่ปีต่อมา “ฉลองงงง” แก้วสีเข้มถูกยกขึ้นชนกันเสียงดัง ฉลองให้กับความสำเร็จของโครงการใหญ่ที่อุตส่าห์ตรากตรำทำมาเสียนาน ร่างสูงของรองประธานที่แม้จะเข้าสู่วัยเลขสามแล้ว ก็ยังคงความหล่อและน่าหลงใหลจนสาวในคลับหันมามองกันอย่างสนอกสนใจ “วันนี้ไม่เมาไม่กลับเว้ย!” หนุ่มไม่โสดทั้งสี่กล่าวพร้อมกัน พลางยกแก้วขึ้นดื่มอย่างมีความสุข หลังแต่งงานไปพวกเขาเหมือนตกอยู่ในอำนาจมืด จะออกไปไหนต้องคอยรายงานตลอด สังสรรค์ทีบอกละเอียดราวกับพรีเซ้นต์งานเมื่อสมัยมหา’ลัย วันนี้สบโอกาสดีเหล่าเมียทั้งหลายไม่อยู่ พวกเขาเลยต้องออกมา ลั้ลลาตามประสาหนุ่มๆ สักหน่อย “ไอ้พสุเมียมึงไม่ว่าหรือ” ปวิชถามขึ้นขณะชงเหล้าให้จิณณ์ เขาเป็นบุคคลที่เรียกเข้าขั้นกลัวเมียที่สุดไม่กล้าหืออือใดๆ ทั้งสิ้น คำสั่งเมียคือประกาศิตที่ต้องทำตาม พสุไหวไหล่ยกแก้วสีเข้มขึ้นดื่มพลางเอนหลังพิงโซฟาสีเข้มอย่างสบายอารมณ์ “เมียกูไม่เคยว่าอะไรอยู่แล้ว เขาอยู่ในโอวาสกูจะตาย” รองประธานหนุ่มหล่อยกยิ้มด้วยความภูมิใจ เพื่อนต่างส่งเสียแซ็วใหญ่กับคำพูดราวกับไม่กลัวเมีย พสุรู้สึกว่าตนเ
ข่าวการคืนดีกันของสองหนุ่มสาวสร้างความยินดีให้กับทุกคนจน ต้องจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ภายในบ้านวิจิตรประภา โดยจัดที่ริมสระน้ำสองสาวอย่างลินดาและนิทราก็ช่วยกันยกอาหารที่ทำเสร็จจากในครัวออกมาให้ประมุขของบ้านได้กินคุณวรรณนภาก็พูดคุยถึงเรื่องละครกับพี่สาวคนสนิทอย่างคุณยลลดาโดยมีคุณมินตรามาเป็นแขกคนใหม่เพราะสามีไม่อยู่บ้านเธอเหงาจึงขอมางานเลี้ยงด้วย“พอได้แล้วค่ะ มานั่งกินกับพี่ดีกว่า” เห็นภรรยาเดินเข้าออกในครัวก็เหนื่อยแทนภมรจึงดึงร่างบางให้มานั่งข้างเขา กว่าจะได้แต่งก็นานเหมือนกัน เขาเฝ้าขออยู่เป็นปีแต่เธอก็เอาแต่ผลัดไปเพราะยังไม่เชื่อใจเขาทั้งที่เคลียร์เรื่องของปุณิกาได้นานแล้ว“ได้ค่ะคุณสามี” ลินดาไม่ปฏิเสธแถมเรียกเขาเสียงหวานจนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะต้องถอนหายใจเพราะเลี่ยนกับคำหวานของสองสามีภรรยา“เป็นอะไรตาเล็กดูทำหน้าเข้า”“เหม็นความรักน่ะพี่” เขาทำเป็นปัดไล่กลิ่นเหม็นจนลินดาต้องเอ่ยปราม“ก็คนเขามีความสุข” ร่างบางเอนตัวไปซบแขนแกร่งของสามีพสุเลยมองหานิทราที่เอาแต่ช่วยงานในครัวยังไม่ออกมาทั้งที่งานตัวเองก็หนักอยู่แล้ว หลังจากที่เรียนจบกลับมานิทราได้เข้าทำงานให้กับแบรนด์พรรณนาราออกแบบเสื้อผ้า
ผ่านไปหนึ่งเดือนก็ถึงกำหนดที่นิทราต้องบินไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ร่างบางเอาเสื้อผ้าไปเยอะพอสมควรเพราะไม่อยากเสียเงินซื้อใหม่ที่ต่างประเทศ สองแม่ลูกช่วยกันยกกระเป๋าออกมาจากบ้านโดยมีกระเป๋าทั้งหมดสองใบ แม้จะกังวลที่ลูกไปอยู่ไกลแต่เพราะอนาคตของลูกสาวคุณยลลดาจึงอยากให้นิทราได้ไป“หนูช่วยค่ะ” สองแม่ลูกหันไปมองก็พบลินดาที่เดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมกับภมรและพสุ หญิงสาววิ่งมาช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถพร้อมกับภมรที่ยกอีกใบใส่หลังรถเหลือเพียงพสุที่ยืนมองเธอนิ่ง แววตาเขาฉายความเศร้าอย่างชัดเจนจนนิทราต้องยิ้มให้“ใจหายเหมือนกันนะที่นิทต้องไปนานขนาดนี้” ลินดาเดินมายืนตรงหน้าเพื่อนข้างบ้านที่แม้จะไม่ได้สนิทมากแต่เธอก็ชอบนิสัยของนิทรา อีกทั้งอาหารที่บางครั้งคนตัวเล็กกว่าเธอชอบเอาไปให้กินก็แสนจะอร่อย“เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว” หญิงสาวพยักหน้าแล้วโอบกอดนิทราเอาไว้ก่อนผละออก ในขณะที่ภมรก็เดินมายืนข้างแฟนสาวของตนเอง“เดินทางดีๆ นะ” ชายหนุ่มเปรียบเสมือนพี่ใหญ่ของน้องทั้งสามมองเธอมาด้วยสายตาที่อบอุ่นเหมือนเดิมนิทรายิ้มให้ภมร“ขอบคุณค่ะพี่ภมร” สองหนุ่มสาวล่ำลาเสร็จก็ผละออกมาให้พสุเดินมายืนตรงหน้านิทรา เขายิ้มให้เธอแม้
ตกเย็นร่างบางที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใส่ชุดเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสามส่วนเดินมานั่งที่ระเบียงมองบรรยากาศยามเย็นที่ตะวันลาลับฟ้าถูกแต้มให้กลายเป็นสีเข้มก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูเธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ประตูเปิดออกเจอพนักงานหญิงถือกล่องขนาดกลางยื่นมาให้ตนเอง“คุณผู้ชายห้องข้างๆ ฝากมาให้ค่ะ บอกให้คุณใส่แล้วเขาจะมารับไปดินเนอร์ตอนเย็น” รอยยิ้มของพนักงานหญิงที่ดูเหมือนจะมีความสุขกับภารกิจนี้เธอจึงไม่กล้าปฏิเสธยื่นมือไปรับของมาแล้วเอ่ยขอบคุณปิดประตูทันทีกล่องถูกวางบนเตียงเมื่อเปิดออกก็พบชุดเดรสผ้าฝ้ายแขนตุ๊กตายาวกรอมเท้าสีชมพู ลวดลายถูกปักเป็นรูปดอกไม้ มีเครื่องประดับเป็นสร้อยเล็กๆ รูปดาวพร้อมโน้ตที่แนบมาด้วย“เจอกันนะ”..อะไรของเขากันนะหล่อนคิดอย่างสงสัยหากก็ไปเปลี่ยนชุดแล้วออกมาแต่งหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผมยาวถูกมัดเป็นหางม้าอย่างเรียบร้อยมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาทุ่มว่าแล้ว..เขาจะให้เธอไปหาหรืออย่างไรทำไมไม่มาสักทีก๊อก ก๊อก ก๊อก..นึกถึงก็มาพอดีนิทราเดินไปเปิดประตูก็พบพสุอยู่ในเสื้อผ้าฝ้ายพื้นเมืองอีสานสีเทาเข้มกับกางเกงขาก๊วยสีน้ำเงินอดหัวเราะไม่ได้เพราะไม่ค่อยเห็นเขาในลักษ
เช้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันจัดกระเป๋าออกเดินทางไปยังสนามบินโดยให้เลขาจองตั๋วไว้ให้ ตอนนี้เขาได้สั่งให้นักสืบที่จ้างไปตามหานิทราจากข้อมูลที่ได้มาก็ทราบว่าเธอเช่ารีสอร์ตเล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่กับเพื่อน แต่เขาก็ยังสงสัยว่าเหตุใดหญิงสาวจึงบอกมารดาว่าอยู่บ้านเพื่อนพสุถึงสนามบินจัดการธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงเข้าไปนั่งรอภายในเกท และไม่นานเขาก็ได้ขึ้นเครื่องที่พร้อมจะทะยานไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อปรับความเข้าใจกับภรรยาของตนเอง ครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้พลาดอีกแล้วเขาพักผ่อนสายตาจนกระทั่งเครื่องบินลงจอด ดีที่เคยติดต่องานกับเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดนี้จึงแจ้งความประสงค์ใช้รถอีกฝ่ายก็หามาให้อย่างดีโดยมีคนขับรถมารอรับถึงหน้าสนามบิน“เธออยู่คนเดียวหรือ” หลังจากนั่งรถมาไม่นานเขาก็โทรศัพท์หานักสืบที่ตนได้ว่าจ้างทันทีด้วยความร้อนใจ“ครับ เพื่อนของเธอเก็บกระเป๋าออกไปกับผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ หากก็ยินดีที่เธออยู่คนเดียวอาจจะทำให้การง้อของเขาครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี“เฝ้าเธอไว้ถ้าเธอไปไหนให้รายงานผมด้วย” เขากดวางสายทันทีพลาง
วันต่อมานิทราตื่นเช้ามาใส่บาตรกับมารดาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบพสุกับคุณวรรณนภายืนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว แม้ใจจะอยากเดินเข้าบ้านแต่ก็คิดว่าเธอไม่ควรจะหนีเขาจึงทำหน้านิ่งเดินไปกางโต๊ะและนำของใส่บาตรวางไว้ ร่างสูงเดินมายืนข้างนิทราโดยที่มารดาไม่ต้องบอกเหมือนครั้งก่อนแล้ว“ใส่บาตรด้วยนะคะพี่ลดา”“มาสิวรรณ” หญิงสูงวัยทั้งสองเดินไปข้างกันปล่อยให้สามีภรรยาใส่บาตรด้วยกัน“ตื่นเช้ามารับอากาศบริสุทธิ์แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ คงต้องตื่นเช้าบ่อยๆ เสียแล้ว” ร่างสูงชวนคุยแต่นิทราก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบอะไร เขาถอดรองเท้าตามหญิงสาวเพราะเห็นพระเดินมาก่อนนั่งลงใส่บาตร เมื่อเสร็จแล้วพสุก็เริ่มคิดหนักเพราะนิทราไม่ได้กล่าวอะไรกับตนแถมทำท่าจะเดินเข้าบ้านอีกด้วย“หิว หิวข้าวจังเลยครับแม่ ผมขอเข้าไปกินข้าวด้วยได้ไหมครับ” เขาเดินไปหาคุณยลลดาแล้วเอ่ยถามจนนิทราหันมามองด้วยความไม่ชอบใจ“นายก็ไปกินบ้านตัวเองสิ” ยังไม่ทันที่มารดาจะตอบนิทราก็เอ่ยขึ้นมาขัด“แต่ว่าบ้านเรายังทำอาหารไม่เสร็จใช่ไหมครับแม่” พูดคนเดียวไม่พอยังหาตัวร่วมคุณวรรณนภาเพียงแค่ยิ้มเท่านั้นไม่ได้พูดอะไร“ผมขออนุญาตไปกินข้าวเช้าด้วยนะครับแม่ลดา” ใบหน้าคมยิ้ม
บ้านสไตล์วินเทจหลังขนาดกะทัดรัดที่มีต้นไม้ล้อมรอบดู ร่มรื่นจนผู้ผ่านไปมาอดที่จะมองเข้าไปข้างในไม่ได้ บ้านสองชั้นที่สร้างขึ้นดูสวยงามด้วยสีชมพูอ่อน ทั้งหลังเป็นไม้ออกแบบมาอย่างดี ด้านข้างเป็นซุ้มไม้เลื้อยที่ตอนนี้เป็นหลังคากันแดดอย่างสวยงามเพราะเจ้าของบ้านดูแลตลอด ต้นไม้สูงให้ร่มเงา ต้นไม้เล็กให้ความสดชื่นสบายตา มีบ่อน้ำเล็กๆ เอาไว้เลี้ยงปลาสวยงามประดับอยู่ด้วย อีกฝั่งเป็นสนามหญ้าขนาดพอดีไว้ทำกิจกรรมของครอบครัว“หนูนิทแม่อยู่ไหมจ๊ะ” วรรณนภา วิจิตรประภา น้าสาวข้างบ้านที่สนิทสนมกับแม่ของเธอเดินมาถามในขณะที่ นิทรา นิมิตพร กำลังนั่งถักนิตติ้งอยู่ที่ซุ้มไม้เลื้อยข้างบ้าน ร่างบางยิ้มให้คุณน้าและยกมือไหว้อย่างสวยงามก่อนจะตอบ“แม่ทำกับข้าวอยู่ในครัวค่ะน้าวรรณ” พูดพลางลุกขึ้นเพื่อนำคุณน้าคนสนิทของแม่เข้าไปข้างในแม้ว่าวรรณนภาจะห้ามแล้วก็ตามแต่เจ้าบ้านที่ดีก็ต้องดูแลแขก“ที่จริงน้าเข้ามาหาแม่เราเองก็ได้ ไม่เห็นต้องรบกวนเลยลูก หนูไปถักนิตติ้งให้เสร็จดีกว่านะ”นิทราทำเพียงยิ้มเท่านั้นแต่ไม่พูดอะไร“แม่คะ น้าวรรณมาหาค่ะ”ยลลดา นิมิตพรที่กำลังทำอาหารอยู่หันมามองแขกแล้วยิ้มออกมาทันที แม่ครัวทำการป
Comments