แชร์

“หนูนิทเป็นไงบ้างลูก

“ตัวร้อนครับ สงสัยโหมงานหนักไปหน่อย” พูดจบภาพเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขาจนต้องสลัดมันทิ้งไป“ฝากดูแลด้วยนะแม่ ผมต้องไปทำงานแล้ว” ถ้าขืนอยู่ต่อมีหวังแม่ต้องซักไซ้เขาแน่นอนจึงต้องหาทางเอาตัวรอดก่อน

“วันนี้ไม่ต้องไปก็ได้” คนเป็นพ่อบอกด้วยเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกโหมงานหนัก

แต่พสุก็ปฏิเสธ

“พอดีวันนี้งานด่วน ผมขอตัวก่อนนะครับ” หยิบของสำคัญได้ก็รีบออกจากบ้านทันทีโดยไม่ทันจะได้เปลี่ยนชุด

..เขากำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร วันก่อนเกลียดแต่เมื่อกี้กลับดูเป็นห่วงเธอ อาจจะเป็นเพราะเธอเคยเป็นเพื่อนสนิทของเขามานานความเป็นห่วงมันก็มีอยู่แล้ว แต่เรื่องที่เธอทำกับเขานั้นก็ไม่ลืมเช่นกัน

คิดได้สรุปก็เริ่มเบาใจ

..เขาไม่ได้รักเธอ ไม่มีทางตกหลุมรักเธออย่างแน่นอน

มารดาของนิทราเป็นคนเช็ดตัวให้ลูกสาว พอเที่ยงอีกฝ่ายสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็ดีใจ คุณวรรณนภารีบสั่งเด็กเอาข้าวต้มขึ้นมาให้ลูกสะใภ้ทันทีพร้อมยา

“นิทเป็นลมหรือคะ” ตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกปวดหัว

“ใช่จ้ะ” คุณแม่ทั้งสองช่วยกันประคองหญิงสาวให้นั่งพิงหัวเตียงเอาไว้ ใบหน้าหวานดูซีดเซียวจนคนเป็นแม่ต้องลูบศีรษะปลอบประโลมลูกสาวของตนเอง

นิทรามองรอบห้องด้วยความแปลกใจก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้ตนเองแต่งงานมีสามีเสียแล้ว อดใจหายไม่ได้มองมารดาของตนเอง

“เมื่อคืนแม่เหงาไหมคะ”

ปกติคุณยลลดาจะมีลูกสาวเป็นเพื่อนมาตลอดกว่าสิบปีที่ผู้เป็นสามีจากไป เมื่อลูกสาวออกเรือนก็อดเหงาไม่ได้แต่นางยิ้มให้ลูกพลางส่ายหน้า

“ไม่หรอก ถ้าเหงานิทก็ไปหาแม่หรือไม่แม่ก็มาหานิท บ้านอยู่ข้างกันจะห่วงทำไม” พูดให้ลูกสาวสบายใจ

นิทราก็ยิ้มออกมาพอดีกับที่แม่บ้านนำอาหารมาให้เธอทานพร้อมยา คุณแม่ทั้งสองจึงอยู่เป็นเพื่อนจนหญิงสาวหลับไปอีกรอบ

“พี่ฝากลูกด้วยนะ เดี๋ยวต้องไปทำงานก่อน ช่วงนี้ก็ยุ่งเสียด้วย” เห็นลูกสาวหลับแล้วจึงเดินลงมาข้างล่างฝากฝังกับน้องสาวคนสนิท

คุณวรรณนภาก็รับปากไว้อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะด้วยเอ็นดูนิทราเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งได้มาเป็นสะใภ้เธอก็ต้องดูแลให้ดี

“ไม่ต้องห่วงค่ะ จะดูแลอย่างดีเลย”

ได้ยินอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็เบาใจปล่อยให้ลูกพักผ่อนตัวเธอก็กลับมาทำงานที่บ้าน

นิทราหลับจนถึงบ่ายสามถึงรู้สึกตัว มองไปรอบกายไม่เห็นใครก็ยันกายลุกขึ้น เห็นนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามก็ตกใจไม่คิดว่าตนเองจะนอนนานขนาดนี้ คงเป็นเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกแล้ว อีกอย่างเธอก็สระผมไม่ได้เป่าให้แห้งก่อนนอนเสียด้วยเพราะบทรักของพสุทำให้เธอลืมทุกอย่างไปเสียสิ้นคิดแล้วก็หน้าแดงเมื่อคืน

..เขาและเธอไม่ได้เมาเหล้าทำไมถึงทำเรื่องแบบนั้นได้ ทั้งบนเตียง ในห้องน้ำ โซฟาหลายรอบเสียด้วย เธอกลายเป็นผู้หญิงร้อนแรงขนาดนั้นได้อย่างไร

“ตื่นแล้วหรือลูก” นิทราตื่นจากภวังค์เจอกับคุณวรรณนภาก็   ยิ้มให้

“ค่ะ นิทนอนนานไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ นอนเยอะก็ดีเหมือนกันหนูนิทเตรียมงานเหนื่อยเป็นเดือน” หล่อนเดินมาโอบกอดลูกสะใภ้ด้วยความรักใคร่เอ็นดู นิทราตัดเย็บชุดไม่ได้นอนกว่าสัปดาห์ได้นอนทั้งทีก็อยากให้ลูกสะใภ้ได้หลับให้เต็มที่

นิทราลุกขึ้นก่อนจะประคองคุณแม่ออกมาจากห้องพร้อมกัน

“แล้วคุณแม่กำลังทำอะไรอยู่คะ” เดินลงมาข้างล่างพร้อมคุณวรรณนภา เห็นแม่บ้านกำลังเช็ดเครื่องเพชร ราคากว่าสิบล้านก็ไม่กล้าจะจับ

“แม่กำลังทำความสะอาดเครื่องเพชรจ้ะ”

“ถ้าอย่างนั้นนิทขอทำของหวานในครัวได้ไหมคะ” เมื่อคิดว่าการทำความสะอาดเครื่องเพชรไม่เหมาะกับเธอจึงขอทำในสิ่งที่ถนัดจะดีกว่า

“ได้สิจ๊ะ สร้อยไปช่วยคุณเขาหน่อย”

สาวใช้วัยละอ่อนที่นั่งเช็ดเครื่องเพชรลุกขึ้นเดินตามนิทราเข้าไปในห้องครัว เธอเองก็ไม่ถนัดกับการจับเครื่องประดับกลัวทำพังดีใจที่ได้ออกมาจากตรงนั้น คุณนิทราเป็นผู้หญิงน่ารัก เวลามาบ้านก็ชอบทำขนมมาให้เธอกินอยู่เสมอจนสนิทกันในระดับหนึ่ง

“พี่นิทจะทำอะไรหรือคะ” เป็นครั้งแรกที่ได้ช่วยนิทราทำขนม ปกติได้แต่ชิมฝีมือของนิทราอย่างเดียว ร่างบางเดินดูส่วนผสมและอุปกรณ์ต่างๆ ว่าพอที่จะทำอะไรได้บ้างเมื่อเห็นว่าไม่มีแป้งจึงคิดว่าจะทำวุ้นเพราะทำง่ายแถมกินตอนเย็นก็ชื่นใจ

“พี่จะทำวุ้นกะทิ” สร้อยยิ้มอย่างดีใจเพราะหนึ่งในเมนูขนมไทยที่นิทราทำมาฝากเธอยกให้วุ้นกะทิเป็นหนึ่งในสามของอร่อย นิทราเห็นอีกฝ่ายทำท่าทางดีใจก็เอ็นดู ด้วยไม่มีน้องสาวจึงสนิทกับสร้อยพูดคุยกันบ้างเมื่อมาบ้านพสุ

“เดี๋ยวเตรียมอุปกรณ์ช่วยพี่นะ พี่จะสอนเราจะได้ทำเป็น”  ลูกศิษย์พยักหน้ารับอย่างดีใจ

“มีพิมพ์เยอะเลย สร้อยเลือกเอาเลยนะว่าจะทำรูปไหนบ้าง” สองสาวช่วยกันทำมีเสียงหัวเราะเป็นระยะคุณวรรณนภาเดินมาดูก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ดีใจที่ได้ลูกสะใภ้สมดั่งปรารถนา คุณดิลกที่กลับมาจากไปตีกอล์ฟกับเพื่อนก็เดินมาหาภรรยา

“คุณ”

“ว้าย!” สะดุ้งตกใจหันมาส่งค้อนให้สามีเสียยกใหญ่จนคุณดิลกหัวเราะ แต่คนเป็นภรรยาไม่ได้ตลกด้วยเธอกอดอกเดินมานั่งที่โซฟา

“เล่นอะไรเป็นเด็ก” อีกฝ่ายก็ยังอารมณ์ดีนั่งมองภรรยาสั่งแม่บ้านเช็ดเครื่องเพชรที่นานๆ ทีจะเอาออกมาก็อดทึ่งไม่ได้ที่เธอสะสมไว้เยอะขนาดนี้

“ตาเล็กบอกจะไม่กลับบ้าน เห็นติดธุระ” พอดีก่อนกลับเข้าบริษัทไปเจอพสุ ลูกชายบอกจะออกไปพบลูกค้าคงอยู่ดึกจึงไม่กลับบ้านนอนที่โรงแรมเพื่อนสนิท

“อะไรกัน เพิ่งแต่งงานจะออกไปนอนข้างนอก”

..ไม่ได้ดั่งใจเลยลูกชายคนนี้

“ฉันต้องโทรบอกให้ลูกกลับบ้าน” ไม่ฟังสามีเอ่ยทัดทานก็โทรศัพท์กดไปหาบุตรชายคนเล็กทันที

คุณดิลกถอนหายใจก่อนขึ้นไปบนห้องเปลี่ยนชุดปล่อยภรรยาจัดการเจ้าลูกชายตัวดีคนเดียว

หลังรอสายสักพักพสุก็รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจจะพูดนัก

‘ครับแม่’

“วันนี้ลูกจะกลับบ้านกี่โมงจ๊ะ”

..นั่นปะไรเขาว่าแล้วเชียวว่าแม่จะต้องโทรมาพูดเรื่องนี้หากเข้าประเด็นคงไม่ใช่แม่เขา ต้องมาแนวบังคับแบบนุ่มนวลแต่ตายตรงนั้น  ไปเลย

‘ผมงานเยอะ กลับไม่ได้หรอก’เจ้าลูกชายตัวดีหาทางปฏิเสธ

“ว่ายังไงนะจ๊ะ ลูกรัก”

..เสียงมาเน้นหนักขนาดนี้อดเสียวสันหลังไม่ได้

พสุถอนหายใจน้อยๆ พยายามไม่ให้ปลายสายได้ยินกลัวเป็นเรื่องใหญ่

‘กลับครับ แต่ดึกหน่อย’

ยิ้มสมใจเมื่อลูกชายเอ่ยแม้จะต่อรองนิดหน่อยเธอก็รับได้

“ตามใจลูกเลย ทำงานให้สนุกนะจ๊ะ”  วางสายไปก็เดินฮัมเพลงไปดูลูกสะใภ้ที่ทำขนมอยู่ห้องครัวกับสร้อยด้วยความสุข แววตาของนิทราดูอ่อนโยนตั้งใจสอนอีกคนให้ทำขนมอย่างใจเย็นแม้ลูกศิษย์จะหัวทึบไปหน่อยก็ตาม

“แม่อุตส่าห์เอาเพชรมาให้แท้ๆ” ลูกชายเธอยังจะทิ้งเพชรเม็ดงามนี้ไปอีก ยังไงก็ตามเธอจะไม่ยอมให้ลูกชายทำแบบนั้นอย่างแน่นอน ต้องคอยควบคุมไม่ให้ลูกชายออกนอกลู่นอกทางเพื่อลูกชายของเธอเองและลูกสาวคนใหม่ด้วย นิทราจะไม่มีทางเสียใจอย่างเด็ดขาด

พสุถอนหายใจออกมาเมื่อกลับเข้ามาที่บริษัทอีกครั้งหลังลงพื้นที่ดูการก่อสร้างบ้านจัดสรรของคุณประสิทธิ์ เขายิ้มทักทายพนักงานเล็กน้อยค่อยเดินไปยังลิฟต์ของผู้บริหารก่อนสะดุดไปเมื่อพบกับลินดาที่ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้วเขาตั้งใจจะหันกลับไปขึ้นลิฟต์ปกติแต่ช้ากว่าเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเอง

“เดี๋ยวสิพสุ”

น้ำเสียงนั้นเขาไม่เคยปฏิเสธได้เลยสักครั้ง อยากทำใจแข็งไปเลยก็ไม่อาจจะทำได้ เขานิ่งไปก่อนหันกลับมามองใบหน้าหวานที่ส่งยิ้มให้เขา เธออยากให้เขาขาดใจตายตรงนี้เลยใช่ไหมถึงมาทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

“ไปด้วยกันสิ” ลิฟต์มาถึงพอดีเธอจึงชวนเขา

พสุไม่เอ่ยอะไรอีกนอกจากเดินตามร่างบางเข้ามาภายในลิฟต์ เขาเงียบจนลินดารู้สึกอึดอัดไปด้วย

“คือเราซื้อขนมมาฝากพสุด้วยนะ”

คนตัวสูงหันไปมองร่างเล็กที่ยื่นถุงขนมจากร้านชื่อดังมาให้เขา หากเป็นเมื่อก่อนคงพูดคำหวานใส่หล่อนไปแล้วแต่ตอนนี้ต่างกัน เขาทำเพียงแค่รับมา “ขอบคุณ” แล้วตอบกลับเสียงเบา

“อร่อยนะ ลองกินดู” ไม่มีคำตอบรับนอกจากรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา ลินดารู้สึกผิดที่ทำลายความรู้สึกของคนข้างกาย แต่ถ้าให้เธออยู่แบบนั้นต่อไปก็ทำไม่ได้เหมือนกันเพราะเธอรักภมรไม่ใช่พสุ เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงที่หมายเขาก็รีบออกทันที

“เดี๋ยวสิ” เสียงหวานยังคงเอ่ยรั้งเขาเอาไว้ก่อนจะเดินตามออกมา

พสุมองไปโดยรอบเห็นภมรกำลังยืนคุยกับเลขาที่หน้าห้องก็แสยะยิ้มออกมา

“เราขอโทษที่ทำร้ายความรู้สึกของพสุ” ลินดามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิด ร่างสูงพยายามทำใจแข็งเอาไว้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมารอดูว่าร่างบางจะพูดอะไรต่อ ดูเหมือนเธอจะอึดอัดกับเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกันเพราะพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ “เราไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้นะ แต่เรารักพี่ภมรจริงๆ เราไม่อยากให้พสุถลำลึกไปมากกว่านี้ อีกอย่างนิทเขารักพสุมากๆ เลยนะ”

..รักอย่างนั้นหรือ

เขาหลับตานิ่งไปสักพักข่มใจเอาไว้ก่อนจะลืมตาส่งยิ้มให้ลินดา หางตาเห็นว่าภมรผละออกจากเลขาและกำลังเดินมาทางนี้เขาจึงยกมือขึ้นวางไว้บนศีรษะคนตัวเล็กกว่าก่อนจะลดมือลงวางข้างลำตัว

“อย่าคิดมากเลย ลินไม่ผิดหรอก”

..ใช่ เธอไม่ผิด คนที่ผิดคือผู้หญิงคนนั้นต่างหากกับพี่ชายทรยศ

ลินดายิ้มให้เขาด้วยความสบายใจขึ้น ภมรที่กะจะเดินลงไปรอรับแฟนก็ชะงักเมื่อเห็นคนทั้งสองยิ้มให้กัน ดูเหมือนน้องชายของเขาจะหายโกรธเธอแล้วแม้จะยินดีแต่ในใจก็อดระแวงไม่ได้เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง

“พี่ว่าจะลงไปรับพอดี” เอ่ยกับแฟนสาวก่อนมองน้องชาย

“กลับมาแล้วหรือ พี่ว่าจะเอางานไปให้นายดูพอดี”

พสุมองพี่ชายสักพักแล้วหันมายิ้มให้ลินดา

“ขอตัวก่อนนะ” เขาแยกจากทั้งสองมาทันที ใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นเมื่อออกจากสองคนนั้นมาได้ เขาไม่ได้โกรธลินดาอย่างว่า เพราะหัวใจเขามันไม่รักดีไม่ว่าเธอจะทำเขาเจ็บแค่ไหนก็ให้อภัยได้เสมอ ต่างจากอีกคน

พอนึกถึงนิทราทำไมถึงคิดเรื่องเมื่อคืน เธอเป็นนักเรียนหัวไวที่จดจำได้รวดเร็วจนเขามีความสุข  สุขกว่าทุกครั้งที่มีเซ็กส์ก็ว่าได้

“เลิกคิดถึงแม่นั่นสักที” พยายามไล่นิทราออกจากหัวแต่ก็ดูเหมือนจะยากเหลือเกิน

“เจ้าเล็กยังไม่หายโกรธพี่เลยเห็นน้องชายยังคงปั้นปึงใส่ภมรเลยบอกกับแฟนสาวในขณะที่เดินโอบไหล่บางเข้ามายังห้องของตัวเอง

“เดี๋ยวก็หายค่ะ พสุโกรธง่ายหายเร็ว” ลินดายิ้มให้เขาอย่างให้กำลังใจ

ภมรมองแฟนสาวยิ้มตอบภายในใจก็อดที่จะกังวลไม่ได้ว่าเธอจะตีจากเขาไปหาพสุ แต่ก็รีบไล่ความคิดนั้นออกไป

..ไม่มีทางหรอกลินดากับเขารักกันอีกฝ่ายจะไปหาพสุได้อย่างไร

“ดอกไม้ใครคะ” เข้ามาในห้องทำงานก็เห็นดอกลิลลี่ที่ตั้งไว้บนโต๊ะเล็กโซนโซฟาสำหรับแขก ร่างบางตรงเข้ามาดูก่อนจะเห็นการ์ดสีชมพู ‘I hope everything goes well.’ มีลงชื่อเสียด้วย “ปุณิกา” อ่านชื่อจบร่างบางก็หน้านิ่งทันที ทำไมเธอจะจำคู่ปรับคนสำคัญไม่ได้ ปุณิกาหรือหยาหย่า คุณหนูขาวีนที่ชอบทำตัวเด่น

“เขาให้พี่ทำไมคะ” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ตอบอะไรคำถามต่อมาก็มาโดยไว

ภมรรู้ว่าทั้งสองสาวไม่ถูกกันก็พยายามเรียบเรียงคำพูดให้ถูกใจแฟนสาวมากที่สุด

“พอดีพี่ต้องทำธุรกิจกับพ่อของเขา คุณหยามาช่วยงานพ่อเลยติดต่อกัน”

นั่นยิ่งเพิ่มความโมโหให้คุณหนูของบ้านนรินทราทิตย์ ลินดากำการ์ดแน่น พยายามระงับความโกรธเอาไว้ คราแรกปุณิกาพยายามจะแย่งพสุดึงความสนใจเขาไปแต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีเล่นด้วยเธอเลยล้มเลิกหันมาแข่งเรื่องการเรียนก็แพ้เธอ ความสวยไปอัพมาใหม่หมดทั้งใบหน้าทั้งหน้าอกจนดังเป็นข่าว คบแต่ดาราหรือไฮโซชื่อดัง ไปงานการกุศลทีไรก็เกทับเธอตลอด เธอไม่เคยสนใจหรือเก็บมาใส่ใจจนกระทั่งวันนี้ที่อีกฝ่ายมายุ่งกับภมรซึ่งเธอยอมไม่ได้!

“ห้ามติดต่อนะคะ ลินไม่ชอบเลย”

“แต่ว่าเรื่องงานพี่ขอไว้ได้ไหม” ไม่อยากทำให้ลินดาโกรธเขาเลยถามเสียงอ่อย เพราะยังต้องติดต่อเรื่องการสร้างคอนโดมิเนียมกับคุณชยุตพ่อของปุณิกา เขาอาจเลี่ยงเธอไม่ได้แต่จะพยายามไม่คุยกันนอกเหนือจากเรื่องงาน

“หึ ลินไม่ชอบเลยจริงๆ นะ” เพราะไม่อยากงอแงเอาแต่ใจเธอจึงได้แต่โกรธผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ตนเอง กอดอกแน่นแล้วนั่งลงที่โซฟาด้วยความขัดใจ ภมรทั้งหล่อและอ่อนโยนไม่แปลกใจที่ปุณิกาจะปลื้มแต่ก็ไม่ควรส่งดอกไม้มาให้เธอเห็นเจ็บใจเล่นแบบนี้

ภมรนั่งลงข้างคนรักโอบรอบไหล่บางพลางบีบเพื่อปลอบโยน

“พี่จะรักษาระยะห่างนะคะ ใจเย็นก่อนคนดีของพี่”

แค่เขาเอาน้ำเย็นเข้าลูบลินดาก็อ่อนลงทันที เธอเชื่อใจเขาแต่ไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้นเลย ใครก็รู้กิตติศัพท์ของหล่อนเป็นอย่างดี ชอบแย่งเป็นที่หนึ่งแล้วอย่างนี้ภมรจะทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงคนนั้นหรือ

“สัญญาแล้วนะคะ ห้ามเข้าใกล้ ห้ามคุยนอกเหนือจากเรื่องงาน”

“ค่ะ พี่สัญญา”

คำตอบรับของเขาทำให้เธอเบาใจ ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะชวนเขาทานขนมที่เธอซื้อมาฝาก ทั้งสองชวนกันไปรับประทานข้าวและดูหนังอย่างมีความสุข

ต่างจากพสุที่เอาแต่นั่งมองขนมที่ลินดาให้มา ถอนหายใจออกเสียหลายครั้งค่อยหยิบขนมออกมากินไปด้วยทำงานไปด้วย จนเพื่อนโทรมาชวนไปดื่มเหล้าเขาก็ไม่ปฏิเสธขับรถบึ่งออกจากบริษัททันที แม้จะเป็นเวลาห้าโมงเย็นเขาก็ไปนั่งรอที่ร้านเพราะเป็นร้านของเพื่อนสนิทจึงดื่มได้แต่หัววัน

“มันเป็นไรวะ นั่งดื่มเอาๆ”  จิณณ์นั่งมองเพื่อนมาสักพักเลยถามปวิชซึ่งมาก่อนเขานานแล้ว

“ไม่รู้เหมือนกัน มึงถามไอ้ติสิ” เขาโยนให้เนติธรผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้านทันที

หนุ่มหล่อก็ส่ายหน้าด้วยไม่รู้ว่าพสุเป็นอะไร ปกติถ้ามาเพื่อนเขาก็แค่มาเฮฮาพูดคุยสังสรรค์เท่านั้นไม่ได้ดื่มเหมือนคนอดอยากขนาดนี้

“กูจะไปรู้กับมันไหม มาถึงก็ซดเอา ๆ มันจะจ่ายเงินกูไหมวะ” หันไปกระซิบกับจิณณ์เพราะกลัวเพื่อนได้ยินแต่ดูท่าแล้วคงไม่ได้ยินเพราะสนใจแต่เหล้า

“ไอ้งก นั้นเพื่อนไหม”  ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย

นิติธรยกไหล่แล้วลุกไปตรวจตราดูร้านปล่อยเพื่อนให้นั่งดื่มกันสามคนที่ชั้นสำหรับลูกค้าVIPเท่านั้น

“ไอ้แวนมึงอย่าดื่มมากต้องไปส่งไอ้พสุอีก” ถ้าปล่อยให้กลับเองคงไม่รอดแน่นอน เขาเลยลงความเห็นว่าคงต้องให้คนใดคนหนึ่งไปส่งมันซึ่งกรรมก็ตกไปที่ปวิชเพราะบ้านทางเดียวกันไม่ต้องขับอ้อมเหมือนจิณณ์

“มันไปเครียดอะไรมาวะ เมียก็น่ารัก เป็นกูจะกกไม่ออกไปไหน” จริงอย่างที่ว่า นิทราเป็นคนน่ารักชวนมอง อาจไม่ได้สวยจัดเหมือนลินดาแต่เธอก็มีเสน่ห์อีกแบบที่มองไม่เบื่อ เขาอิจฉาเพื่อนเสียจริง

“ไปหาผู้หญิงมาดิ นั่งกินกับพวกมึงไม่เจริญตาเท่าไหร่” คนที่จมกับเหล้ามาพักใหญ่หันมาบอกเพื่อน

ปวิชเรียกเนติธรมาแล้วบอกความจำนงทันทีซึ่งเจ้าของร้านยิ้มก่อนเรียกสาวนั่งดริ๊งก์ประจำร้านสามคนมาให้เพื่อน มีแต่คนเด็ดๆ ทั้งนั้น

“มันต้องอย่างนี้” พสุยิ้มให้สาวสวยที่มานั่งข้างกาย แขนรั้งไหล่บางมาซบอก มือก็ยกเหล้าเข้าปาก ร่างบางก็ไล่จูบต้นคอเขาด้วยความหลง ผู้ชายอะไรทั้งหล่อทั้งหอมอยากจะดมเนื้อแท้ข้างในเหลือเกิน พสุกอดเอวบางไว้ก่อนก้มลงกระซิบถาม “ไปต่อไหม” เธอได้ยินก็ยิ้มดีใจเงยหน้าจูบเบาๆ ที่แก้มสาก

“ได้ค่ะ ไปต่อกัน” ทั้งสองหัวเราะโยกตามเพลงจนสองหนุ่มต้องมองเพื่อนด้วยเป็นห่วง เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืนตอนนี้พสุเมาหลับไปเรียบร้อยแล้ว

สาวข้างกายก็หนีห่างไปตั้งแต่เขาเริ่มคุยไม่รู้เรื่อง ลืมเรื่องที่จะไปต่อได้เลย เพื่อนทั้งสองถอนหายใจออกมาด้วยกลัดกลุ้มช่วยกันพยุงพสุมายังรถโดยมีเนติธรเดินตามหลังมาด้วย

“กลับดีๆ” เมื่อเอาพสุเข้าไปในรถได้แล้วทั้งสามก็แยกย้าย   กลับบ้าน

ปวิชมาส่งพสุที่บ้านกดออดไม่นานก็มีแม่บ้านพร้อมกับภรรยาของเพื่อนออกมารับ ประตูอัลลอยด์เปิดออกพอดีกับที่เขาพยายามพาพสุออกมาจากรถของตนเอง

“คือพอดีมันเมาน่ะครับ” หันมาบอกนิทราที่มองดูสามีด้วยความเป็นห่วง

“ให้ช่วยนะคะ”  นิทรามาช่วยพยุงเขาอีกแรงแต่พสุหนักเหลือเกินเธอจึงเซ

ปวิชจึงรับน้ำหนักของเพื่อน ทั้งสองช่วยกันพยุงมาถึงตัวบ้านจนกระทั่งขึ้นไปบนห้อง ดีที่พ่อกับแม่ของเขานอนแล้ว พี่ภมรก็เข้าห้องไปนานเหลือแค่เธอที่รอเขาไม่อย่างนั้นพสุคงโดนแม่ดุยกใหญ่ที่ทำตัวเหลวไหล

“ขอบคุณมากนะคะ คุณ”

“ผมปวิชครับ เรียกว่าแวนก็ได้ บ้านอยู่ใกล้ไอ้พสุเลยมาส่ง”

“รถไอ้พสุเดี๋ยวจะมีคนขับมาให้นะครับ” นิทรายิ้มรับขอบคุณอีกครั้งเดินมาส่งเขาที่หน้าบ้าน

ปวิชลาหญิงสาวพลางคิดในใจว่าถ้าเขาเป็นพสุคงรีบกลับบ้านมาหาเมียมากกว่าจะไปเที่ยวดื่มเหล้าเมากลับมาดึกดื่นขนาดนี้

“สร้อยบอกลุงแซมด้วยนะว่าให้รอรถคุณพสุ เดี๋ยวพี่ไปดูแลเขาก่อน” สาวใช้รับคำ นิทราเดินเข้าไปในบ้านกำชับสร้อยให้ปิดบ้านเพราะพสุกลับมาแล้วเธอก็เดินขึ้นไปบนห้องเพื่อดูแลเขา

..ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องไปกินเหล้าเมาหลับขนาดนี้ เขาเกลียดเธอขนาดนั้นเลยหรือ ขึ้นมาบนห้องก็ถอดรองเท้าถุงเท้าให้อีกฝ่ายอย่างไม่นึกรังเกียจ หยิบกะละมังใบเล็กกับผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมาเช็ดหน้าให้เขา ถอดเสื้อเขาออกก่อนจะถอดกางเกงพยายามข่มใจไม่คิดอะไรมากจนร่างหนาเหลือเพียงบ๊อกเซอร์

“เฮ้อ ทำไมมันเหนื่อยจัง” ห้ามใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงมันเหนื่อยเหลือเกิน เธอเช็ดตัวให้เขาก่อนหาชุดนอนมาสวมให้อีกฝ่ายเสร็จแล้วก็ห่มผ้าให้ ดีที่วันนี้ไม่อ้วกตื่นมาคงจะแฮงน่าดู

นิทราหยิบเสื้อผ้าเขาไปไว้ในตะกร้าแล้วสะดุดกับปกเสื้อขาวที่มีรอยสีแดงอยู่ มือบางสั่นคลี่ดูก็พบว่ามันเป็นรอยลิปสติก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อคิดว่าเขาไปทำอะไรมาถึงมีรอยแบบนี้

“ฮึก” คนตัวเล็กทรุดลงกับพื้นร้องไห้ออกมาจนสะอื้นตัวโยน ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาเพิ่งมีอะไรกับเธอ เขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาแค่ระบายความใคร่ออกมา แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่ มันคือความรักที่เธอทำทั้งหมด “ทำไมทำแบบนี้” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตากลมโตมองไปยังร่างที่นอนนิ่งบนเตียงแม้มันจะพร่ามัวเพราะมีน้ำตาเต็มหน่วยตา พยายามไม่ให้เสียงสะอื้นดังจนรบกวนเขาก่อนจะหยัดยืนขึ้นเดินไปยังถังขยะแล้วทิ้งเสื้อตัวนั้น

..ไม่มีทางที่เธอจะซักมันให้เขาแน่นอน

ร่างบางเดินไปหยิบผ้าห่มกับหมอนสำรองในตู้มานอนที่โซฟายาว ไม่อยากร่วมเตียงกับเขาก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้ากับการรอคอยเขา

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status