“หนูนิทเป็นไงบ้างลูก”
“ตัวร้อนครับ สงสัยโหมงานหนักไปหน่อย” พูดจบภาพเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขาจนต้องสลัดมันทิ้งไป“ฝากดูแลด้วยนะแม่ ผมต้องไปทำงานแล้ว” ถ้าขืนอยู่ต่อมีหวังแม่ต้องซักไซ้เขาแน่นอนจึงต้องหาทางเอาตัวรอดก่อน
“วันนี้ไม่ต้องไปก็ได้” คนเป็นพ่อบอกด้วยเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกโหมงานหนัก
แต่พสุก็ปฏิเสธ
“พอดีวันนี้งานด่วน ผมขอตัวก่อนนะครับ” หยิบของสำคัญได้ก็รีบออกจากบ้านทันทีโดยไม่ทันจะได้เปลี่ยนชุด
..เขากำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร วันก่อนเกลียดแต่เมื่อกี้กลับดูเป็นห่วงเธอ อาจจะเป็นเพราะเธอเคยเป็นเพื่อนสนิทของเขามานานความเป็นห่วงมันก็มีอยู่แล้ว แต่เรื่องที่เธอทำกับเขานั้นก็ไม่ลืมเช่นกัน
คิดได้สรุปก็เริ่มเบาใจ
..เขาไม่ได้รักเธอ ไม่มีทางตกหลุมรักเธออย่างแน่นอน
มารดาของนิทราเป็นคนเช็ดตัวให้ลูกสาว พอเที่ยงอีกฝ่ายสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็ดีใจ คุณวรรณนภารีบสั่งเด็กเอาข้าวต้มขึ้นมาให้ลูกสะใภ้ทันทีพร้อมยา
“นิทเป็นลมหรือคะ” ตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกปวดหัว
“ใช่จ้ะ” คุณแม่ทั้งสองช่วยกันประคองหญิงสาวให้นั่งพิงหัวเตียงเอาไว้ ใบหน้าหวานดูซีดเซียวจนคนเป็นแม่ต้องลูบศีรษะปลอบประโลมลูกสาวของตนเอง
นิทรามองรอบห้องด้วยความแปลกใจก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้ตนเองแต่งงานมีสามีเสียแล้ว อดใจหายไม่ได้มองมารดาของตนเอง
“เมื่อคืนแม่เหงาไหมคะ”
ปกติคุณยลลดาจะมีลูกสาวเป็นเพื่อนมาตลอดกว่าสิบปีที่ผู้เป็นสามีจากไป เมื่อลูกสาวออกเรือนก็อดเหงาไม่ได้แต่นางยิ้มให้ลูกพลางส่ายหน้า
“ไม่หรอก ถ้าเหงานิทก็ไปหาแม่หรือไม่แม่ก็มาหานิท บ้านอยู่ข้างกันจะห่วงทำไม” พูดให้ลูกสาวสบายใจ
นิทราก็ยิ้มออกมาพอดีกับที่แม่บ้านนำอาหารมาให้เธอทานพร้อมยา คุณแม่ทั้งสองจึงอยู่เป็นเพื่อนจนหญิงสาวหลับไปอีกรอบ
“พี่ฝากลูกด้วยนะ เดี๋ยวต้องไปทำงานก่อน ช่วงนี้ก็ยุ่งเสียด้วย” เห็นลูกสาวหลับแล้วจึงเดินลงมาข้างล่างฝากฝังกับน้องสาวคนสนิท
คุณวรรณนภาก็รับปากไว้อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะด้วยเอ็นดูนิทราเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งได้มาเป็นสะใภ้เธอก็ต้องดูแลให้ดี
“ไม่ต้องห่วงค่ะ จะดูแลอย่างดีเลย”
ได้ยินอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็เบาใจปล่อยให้ลูกพักผ่อนตัวเธอก็กลับมาทำงานที่บ้าน
นิทราหลับจนถึงบ่ายสามถึงรู้สึกตัว มองไปรอบกายไม่เห็นใครก็ยันกายลุกขึ้น เห็นนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามก็ตกใจไม่คิดว่าตนเองจะนอนนานขนาดนี้ คงเป็นเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกแล้ว อีกอย่างเธอก็สระผมไม่ได้เป่าให้แห้งก่อนนอนเสียด้วยเพราะบทรักของพสุทำให้เธอลืมทุกอย่างไปเสียสิ้นคิดแล้วก็หน้าแดงเมื่อคืน
..เขาและเธอไม่ได้เมาเหล้าทำไมถึงทำเรื่องแบบนั้นได้ ทั้งบนเตียง ในห้องน้ำ โซฟาหลายรอบเสียด้วย เธอกลายเป็นผู้หญิงร้อนแรงขนาดนั้นได้อย่างไร
“ตื่นแล้วหรือลูก” นิทราตื่นจากภวังค์เจอกับคุณวรรณนภาก็ ยิ้มให้
“ค่ะ นิทนอนนานไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ นอนเยอะก็ดีเหมือนกันหนูนิทเตรียมงานเหนื่อยเป็นเดือน” หล่อนเดินมาโอบกอดลูกสะใภ้ด้วยความรักใคร่เอ็นดู นิทราตัดเย็บชุดไม่ได้นอนกว่าสัปดาห์ได้นอนทั้งทีก็อยากให้ลูกสะใภ้ได้หลับให้เต็มที่
นิทราลุกขึ้นก่อนจะประคองคุณแม่ออกมาจากห้องพร้อมกัน
“แล้วคุณแม่กำลังทำอะไรอยู่คะ” เดินลงมาข้างล่างพร้อมคุณวรรณนภา เห็นแม่บ้านกำลังเช็ดเครื่องเพชร ราคากว่าสิบล้านก็ไม่กล้าจะจับ
“แม่กำลังทำความสะอาดเครื่องเพชรจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นนิทขอทำของหวานในครัวได้ไหมคะ” เมื่อคิดว่าการทำความสะอาดเครื่องเพชรไม่เหมาะกับเธอจึงขอทำในสิ่งที่ถนัดจะดีกว่า
“ได้สิจ๊ะ สร้อยไปช่วยคุณเขาหน่อย”
สาวใช้วัยละอ่อนที่นั่งเช็ดเครื่องเพชรลุกขึ้นเดินตามนิทราเข้าไปในห้องครัว เธอเองก็ไม่ถนัดกับการจับเครื่องประดับกลัวทำพังดีใจที่ได้ออกมาจากตรงนั้น คุณนิทราเป็นผู้หญิงน่ารัก เวลามาบ้านก็ชอบทำขนมมาให้เธอกินอยู่เสมอจนสนิทกันในระดับหนึ่ง
“พี่นิทจะทำอะไรหรือคะ” เป็นครั้งแรกที่ได้ช่วยนิทราทำขนม ปกติได้แต่ชิมฝีมือของนิทราอย่างเดียว ร่างบางเดินดูส่วนผสมและอุปกรณ์ต่างๆ ว่าพอที่จะทำอะไรได้บ้างเมื่อเห็นว่าไม่มีแป้งจึงคิดว่าจะทำวุ้นเพราะทำง่ายแถมกินตอนเย็นก็ชื่นใจ
“พี่จะทำวุ้นกะทิ” สร้อยยิ้มอย่างดีใจเพราะหนึ่งในเมนูขนมไทยที่นิทราทำมาฝากเธอยกให้วุ้นกะทิเป็นหนึ่งในสามของอร่อย นิทราเห็นอีกฝ่ายทำท่าทางดีใจก็เอ็นดู ด้วยไม่มีน้องสาวจึงสนิทกับสร้อยพูดคุยกันบ้างเมื่อมาบ้านพสุ
“เดี๋ยวเตรียมอุปกรณ์ช่วยพี่นะ พี่จะสอนเราจะได้ทำเป็น” ลูกศิษย์พยักหน้ารับอย่างดีใจ
“มีพิมพ์เยอะเลย สร้อยเลือกเอาเลยนะว่าจะทำรูปไหนบ้าง” สองสาวช่วยกันทำมีเสียงหัวเราะเป็นระยะคุณวรรณนภาเดินมาดูก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ดีใจที่ได้ลูกสะใภ้สมดั่งปรารถนา คุณดิลกที่กลับมาจากไปตีกอล์ฟกับเพื่อนก็เดินมาหาภรรยา
“คุณ”
“ว้าย!” สะดุ้งตกใจหันมาส่งค้อนให้สามีเสียยกใหญ่จนคุณดิลกหัวเราะ แต่คนเป็นภรรยาไม่ได้ตลกด้วยเธอกอดอกเดินมานั่งที่โซฟา
“เล่นอะไรเป็นเด็ก” อีกฝ่ายก็ยังอารมณ์ดีนั่งมองภรรยาสั่งแม่บ้านเช็ดเครื่องเพชรที่นานๆ ทีจะเอาออกมาก็อดทึ่งไม่ได้ที่เธอสะสมไว้เยอะขนาดนี้
“ตาเล็กบอกจะไม่กลับบ้าน เห็นติดธุระ” พอดีก่อนกลับเข้าบริษัทไปเจอพสุ ลูกชายบอกจะออกไปพบลูกค้าคงอยู่ดึกจึงไม่กลับบ้านนอนที่โรงแรมเพื่อนสนิท
“อะไรกัน เพิ่งแต่งงานจะออกไปนอนข้างนอก”
..ไม่ได้ดั่งใจเลยลูกชายคนนี้
“ฉันต้องโทรบอกให้ลูกกลับบ้าน” ไม่ฟังสามีเอ่ยทัดทานก็โทรศัพท์กดไปหาบุตรชายคนเล็กทันที
คุณดิลกถอนหายใจก่อนขึ้นไปบนห้องเปลี่ยนชุดปล่อยภรรยาจัดการเจ้าลูกชายตัวดีคนเดียว
หลังรอสายสักพักพสุก็รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจจะพูดนัก
‘ครับแม่’
“วันนี้ลูกจะกลับบ้านกี่โมงจ๊ะ”
..นั่นปะไรเขาว่าแล้วเชียวว่าแม่จะต้องโทรมาพูดเรื่องนี้หากเข้าประเด็นคงไม่ใช่แม่เขา ต้องมาแนวบังคับแบบนุ่มนวลแต่ตายตรงนั้น ไปเลย
‘ผมงานเยอะ กลับไม่ได้หรอก’เจ้าลูกชายตัวดีหาทางปฏิเสธ
“ว่ายังไงนะจ๊ะ ลูกรัก”
..เสียงมาเน้นหนักขนาดนี้อดเสียวสันหลังไม่ได้
พสุถอนหายใจน้อยๆ พยายามไม่ให้ปลายสายได้ยินกลัวเป็นเรื่องใหญ่
‘กลับครับ แต่ดึกหน่อย’
ยิ้มสมใจเมื่อลูกชายเอ่ยแม้จะต่อรองนิดหน่อยเธอก็รับได้
“ตามใจลูกเลย ทำงานให้สนุกนะจ๊ะ” วางสายไปก็เดินฮัมเพลงไปดูลูกสะใภ้ที่ทำขนมอยู่ห้องครัวกับสร้อยด้วยความสุข แววตาของนิทราดูอ่อนโยนตั้งใจสอนอีกคนให้ทำขนมอย่างใจเย็นแม้ลูกศิษย์จะหัวทึบไปหน่อยก็ตาม
“แม่อุตส่าห์เอาเพชรมาให้แท้ๆ” ลูกชายเธอยังจะทิ้งเพชรเม็ดงามนี้ไปอีก ยังไงก็ตามเธอจะไม่ยอมให้ลูกชายทำแบบนั้นอย่างแน่นอน ต้องคอยควบคุมไม่ให้ลูกชายออกนอกลู่นอกทางเพื่อลูกชายของเธอเองและลูกสาวคนใหม่ด้วย นิทราจะไม่มีทางเสียใจอย่างเด็ดขาด
พสุถอนหายใจออกมาเมื่อกลับเข้ามาที่บริษัทอีกครั้งหลังลงพื้นที่ดูการก่อสร้างบ้านจัดสรรของคุณประสิทธิ์ เขายิ้มทักทายพนักงานเล็กน้อยค่อยเดินไปยังลิฟต์ของผู้บริหารก่อนสะดุดไปเมื่อพบกับลินดาที่ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้วเขาตั้งใจจะหันกลับไปขึ้นลิฟต์ปกติแต่ช้ากว่าเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเอง
“เดี๋ยวสิพสุ”
น้ำเสียงนั้นเขาไม่เคยปฏิเสธได้เลยสักครั้ง อยากทำใจแข็งไปเลยก็ไม่อาจจะทำได้ เขานิ่งไปก่อนหันกลับมามองใบหน้าหวานที่ส่งยิ้มให้เขา เธออยากให้เขาขาดใจตายตรงนี้เลยใช่ไหมถึงมาทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ไปด้วยกันสิ” ลิฟต์มาถึงพอดีเธอจึงชวนเขา
พสุไม่เอ่ยอะไรอีกนอกจากเดินตามร่างบางเข้ามาภายในลิฟต์ เขาเงียบจนลินดารู้สึกอึดอัดไปด้วย
“คือเราซื้อขนมมาฝากพสุด้วยนะ”
คนตัวสูงหันไปมองร่างเล็กที่ยื่นถุงขนมจากร้านชื่อดังมาให้เขา หากเป็นเมื่อก่อนคงพูดคำหวานใส่หล่อนไปแล้วแต่ตอนนี้ต่างกัน เขาทำเพียงแค่รับมา “ขอบคุณ” แล้วตอบกลับเสียงเบา
“อร่อยนะ ลองกินดู” ไม่มีคำตอบรับนอกจากรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา ลินดารู้สึกผิดที่ทำลายความรู้สึกของคนข้างกาย แต่ถ้าให้เธออยู่แบบนั้นต่อไปก็ทำไม่ได้เหมือนกันเพราะเธอรักภมรไม่ใช่พสุ เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงที่หมายเขาก็รีบออกทันที
“เดี๋ยวสิ” เสียงหวานยังคงเอ่ยรั้งเขาเอาไว้ก่อนจะเดินตามออกมา
พสุมองไปโดยรอบเห็นภมรกำลังยืนคุยกับเลขาที่หน้าห้องก็แสยะยิ้มออกมา
“เราขอโทษที่ทำร้ายความรู้สึกของพสุ” ลินดามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิด ร่างสูงพยายามทำใจแข็งเอาไว้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมารอดูว่าร่างบางจะพูดอะไรต่อ ดูเหมือนเธอจะอึดอัดกับเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกันเพราะพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ “เราไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้นะ แต่เรารักพี่ภมรจริงๆ เราไม่อยากให้พสุถลำลึกไปมากกว่านี้ อีกอย่างนิทเขารักพสุมากๆ เลยนะ”
..รักอย่างนั้นหรือ
เขาหลับตานิ่งไปสักพักข่มใจเอาไว้ก่อนจะลืมตาส่งยิ้มให้ลินดา หางตาเห็นว่าภมรผละออกจากเลขาและกำลังเดินมาทางนี้เขาจึงยกมือขึ้นวางไว้บนศีรษะคนตัวเล็กกว่าก่อนจะลดมือลงวางข้างลำตัว
“อย่าคิดมากเลย ลินไม่ผิดหรอก”
..ใช่ เธอไม่ผิด คนที่ผิดคือผู้หญิงคนนั้นต่างหากกับพี่ชายทรยศ
ลินดายิ้มให้เขาด้วยความสบายใจขึ้น ภมรที่กะจะเดินลงไปรอรับแฟนก็ชะงักเมื่อเห็นคนทั้งสองยิ้มให้กัน ดูเหมือนน้องชายของเขาจะหายโกรธเธอแล้วแม้จะยินดีแต่ในใจก็อดระแวงไม่ได้เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง
“พี่ว่าจะลงไปรับพอดี” เอ่ยกับแฟนสาวก่อนมองน้องชาย
“กลับมาแล้วหรือ พี่ว่าจะเอางานไปให้นายดูพอดี”
พสุมองพี่ชายสักพักแล้วหันมายิ้มให้ลินดา
“ขอตัวก่อนนะ” เขาแยกจากทั้งสองมาทันที ใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นเมื่อออกจากสองคนนั้นมาได้ เขาไม่ได้โกรธลินดาอย่างว่า เพราะหัวใจเขามันไม่รักดีไม่ว่าเธอจะทำเขาเจ็บแค่ไหนก็ให้อภัยได้เสมอ ต่างจากอีกคน
พอนึกถึงนิทราทำไมถึงคิดเรื่องเมื่อคืน เธอเป็นนักเรียนหัวไวที่จดจำได้รวดเร็วจนเขามีความสุข สุขกว่าทุกครั้งที่มีเซ็กส์ก็ว่าได้
“เลิกคิดถึงแม่นั่นสักที” พยายามไล่นิทราออกจากหัวแต่ก็ดูเหมือนจะยากเหลือเกิน
“เจ้าเล็กยังไม่หายโกรธพี่เลย” เห็นน้องชายยังคงปั้นปึงใส่ภมรเลยบอกกับแฟนสาวในขณะที่เดินโอบไหล่บางเข้ามายังห้องของตัวเอง
“เดี๋ยวก็หายค่ะ พสุโกรธง่ายหายเร็ว” ลินดายิ้มให้เขาอย่างให้กำลังใจ
ภมรมองแฟนสาวยิ้มตอบภายในใจก็อดที่จะกังวลไม่ได้ว่าเธอจะตีจากเขาไปหาพสุ แต่ก็รีบไล่ความคิดนั้นออกไป
..ไม่มีทางหรอกลินดากับเขารักกันอีกฝ่ายจะไปหาพสุได้อย่างไร
“ดอกไม้ใครคะ” เข้ามาในห้องทำงานก็เห็นดอกลิลลี่ที่ตั้งไว้บนโต๊ะเล็กโซนโซฟาสำหรับแขก ร่างบางตรงเข้ามาดูก่อนจะเห็นการ์ดสีชมพู ‘I hope everything goes well.’ มีลงชื่อเสียด้วย “ปุณิกา” อ่านชื่อจบร่างบางก็หน้านิ่งทันที ทำไมเธอจะจำคู่ปรับคนสำคัญไม่ได้ ปุณิกาหรือหยาหย่า คุณหนูขาวีนที่ชอบทำตัวเด่น
“เขาให้พี่ทำไมคะ” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ตอบอะไรคำถามต่อมาก็มาโดยไว
ภมรรู้ว่าทั้งสองสาวไม่ถูกกันก็พยายามเรียบเรียงคำพูดให้ถูกใจแฟนสาวมากที่สุด
“พอดีพี่ต้องทำธุรกิจกับพ่อของเขา คุณหยามาช่วยงานพ่อเลยติดต่อกัน”
นั่นยิ่งเพิ่มความโมโหให้คุณหนูของบ้านนรินทราทิตย์ ลินดากำการ์ดแน่น พยายามระงับความโกรธเอาไว้ คราแรกปุณิกาพยายามจะแย่งพสุดึงความสนใจเขาไปแต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีเล่นด้วยเธอเลยล้มเลิกหันมาแข่งเรื่องการเรียนก็แพ้เธอ ความสวยไปอัพมาใหม่หมดทั้งใบหน้าทั้งหน้าอกจนดังเป็นข่าว คบแต่ดาราหรือไฮโซชื่อดัง ไปงานการกุศลทีไรก็เกทับเธอตลอด เธอไม่เคยสนใจหรือเก็บมาใส่ใจจนกระทั่งวันนี้ที่อีกฝ่ายมายุ่งกับภมรซึ่งเธอยอมไม่ได้!
“ห้ามติดต่อนะคะ ลินไม่ชอบเลย”
“แต่ว่าเรื่องงานพี่ขอไว้ได้ไหม” ไม่อยากทำให้ลินดาโกรธเขาเลยถามเสียงอ่อย เพราะยังต้องติดต่อเรื่องการสร้างคอนโดมิเนียมกับคุณชยุตพ่อของปุณิกา เขาอาจเลี่ยงเธอไม่ได้แต่จะพยายามไม่คุยกันนอกเหนือจากเรื่องงาน
“หึ ลินไม่ชอบเลยจริงๆ นะ” เพราะไม่อยากงอแงเอาแต่ใจเธอจึงได้แต่โกรธผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ตนเอง กอดอกแน่นแล้วนั่งลงที่โซฟาด้วยความขัดใจ ภมรทั้งหล่อและอ่อนโยนไม่แปลกใจที่ปุณิกาจะปลื้มแต่ก็ไม่ควรส่งดอกไม้มาให้เธอเห็นเจ็บใจเล่นแบบนี้
ภมรนั่งลงข้างคนรักโอบรอบไหล่บางพลางบีบเพื่อปลอบโยน
“พี่จะรักษาระยะห่างนะคะ ใจเย็นก่อนคนดีของพี่”
แค่เขาเอาน้ำเย็นเข้าลูบลินดาก็อ่อนลงทันที เธอเชื่อใจเขาแต่ไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้นเลย ใครก็รู้กิตติศัพท์ของหล่อนเป็นอย่างดี ชอบแย่งเป็นที่หนึ่งแล้วอย่างนี้ภมรจะทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงคนนั้นหรือ
“สัญญาแล้วนะคะ ห้ามเข้าใกล้ ห้ามคุยนอกเหนือจากเรื่องงาน”
“ค่ะ พี่สัญญา”
คำตอบรับของเขาทำให้เธอเบาใจ ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะชวนเขาทานขนมที่เธอซื้อมาฝาก ทั้งสองชวนกันไปรับประทานข้าวและดูหนังอย่างมีความสุข
ต่างจากพสุที่เอาแต่นั่งมองขนมที่ลินดาให้มา ถอนหายใจออกเสียหลายครั้งค่อยหยิบขนมออกมากินไปด้วยทำงานไปด้วย จนเพื่อนโทรมาชวนไปดื่มเหล้าเขาก็ไม่ปฏิเสธขับรถบึ่งออกจากบริษัททันที แม้จะเป็นเวลาห้าโมงเย็นเขาก็ไปนั่งรอที่ร้านเพราะเป็นร้านของเพื่อนสนิทจึงดื่มได้แต่หัววัน
“มันเป็นไรวะ นั่งดื่มเอาๆ” จิณณ์นั่งมองเพื่อนมาสักพักเลยถามปวิชซึ่งมาก่อนเขานานแล้ว
“ไม่รู้เหมือนกัน มึงถามไอ้ติสิ” เขาโยนให้เนติธรผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้านทันที
หนุ่มหล่อก็ส่ายหน้าด้วยไม่รู้ว่าพสุเป็นอะไร ปกติถ้ามาเพื่อนเขาก็แค่มาเฮฮาพูดคุยสังสรรค์เท่านั้นไม่ได้ดื่มเหมือนคนอดอยากขนาดนี้
“กูจะไปรู้กับมันไหม มาถึงก็ซดเอา ๆ มันจะจ่ายเงินกูไหมวะ” หันไปกระซิบกับจิณณ์เพราะกลัวเพื่อนได้ยินแต่ดูท่าแล้วคงไม่ได้ยินเพราะสนใจแต่เหล้า
“ไอ้งก นั้นเพื่อนไหม” ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย
นิติธรยกไหล่แล้วลุกไปตรวจตราดูร้านปล่อยเพื่อนให้นั่งดื่มกันสามคนที่ชั้นสำหรับลูกค้าVIPเท่านั้น
“ไอ้แวนมึงอย่าดื่มมากต้องไปส่งไอ้พสุอีก” ถ้าปล่อยให้กลับเองคงไม่รอดแน่นอน เขาเลยลงความเห็นว่าคงต้องให้คนใดคนหนึ่งไปส่งมันซึ่งกรรมก็ตกไปที่ปวิชเพราะบ้านทางเดียวกันไม่ต้องขับอ้อมเหมือนจิณณ์
“มันไปเครียดอะไรมาวะ เมียก็น่ารัก เป็นกูจะกกไม่ออกไปไหน” จริงอย่างที่ว่า นิทราเป็นคนน่ารักชวนมอง อาจไม่ได้สวยจัดเหมือนลินดาแต่เธอก็มีเสน่ห์อีกแบบที่มองไม่เบื่อ เขาอิจฉาเพื่อนเสียจริง
“ไปหาผู้หญิงมาดิ นั่งกินกับพวกมึงไม่เจริญตาเท่าไหร่” คนที่จมกับเหล้ามาพักใหญ่หันมาบอกเพื่อน
ปวิชเรียกเนติธรมาแล้วบอกความจำนงทันทีซึ่งเจ้าของร้านยิ้มก่อนเรียกสาวนั่งดริ๊งก์ประจำร้านสามคนมาให้เพื่อน มีแต่คนเด็ดๆ ทั้งนั้น
“มันต้องอย่างนี้” พสุยิ้มให้สาวสวยที่มานั่งข้างกาย แขนรั้งไหล่บางมาซบอก มือก็ยกเหล้าเข้าปาก ร่างบางก็ไล่จูบต้นคอเขาด้วยความหลง ผู้ชายอะไรทั้งหล่อทั้งหอมอยากจะดมเนื้อแท้ข้างในเหลือเกิน พสุกอดเอวบางไว้ก่อนก้มลงกระซิบถาม “ไปต่อไหม” เธอได้ยินก็ยิ้มดีใจเงยหน้าจูบเบาๆ ที่แก้มสาก
“ได้ค่ะ ไปต่อกัน” ทั้งสองหัวเราะโยกตามเพลงจนสองหนุ่มต้องมองเพื่อนด้วยเป็นห่วง เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืนตอนนี้พสุเมาหลับไปเรียบร้อยแล้ว
สาวข้างกายก็หนีห่างไปตั้งแต่เขาเริ่มคุยไม่รู้เรื่อง ลืมเรื่องที่จะไปต่อได้เลย เพื่อนทั้งสองถอนหายใจออกมาด้วยกลัดกลุ้มช่วยกันพยุงพสุมายังรถโดยมีเนติธรเดินตามหลังมาด้วย
“กลับดีๆ” เมื่อเอาพสุเข้าไปในรถได้แล้วทั้งสามก็แยกย้าย กลับบ้าน
ปวิชมาส่งพสุที่บ้านกดออดไม่นานก็มีแม่บ้านพร้อมกับภรรยาของเพื่อนออกมารับ ประตูอัลลอยด์เปิดออกพอดีกับที่เขาพยายามพาพสุออกมาจากรถของตนเอง
“คือพอดีมันเมาน่ะครับ” หันมาบอกนิทราที่มองดูสามีด้วยความเป็นห่วง
“ให้ช่วยนะคะ” นิทรามาช่วยพยุงเขาอีกแรงแต่พสุหนักเหลือเกินเธอจึงเซ
ปวิชจึงรับน้ำหนักของเพื่อน ทั้งสองช่วยกันพยุงมาถึงตัวบ้านจนกระทั่งขึ้นไปบนห้อง ดีที่พ่อกับแม่ของเขานอนแล้ว พี่ภมรก็เข้าห้องไปนานเหลือแค่เธอที่รอเขาไม่อย่างนั้นพสุคงโดนแม่ดุยกใหญ่ที่ทำตัวเหลวไหล
“ขอบคุณมากนะคะ คุณ”
“ผมปวิชครับ เรียกว่าแวนก็ได้ บ้านอยู่ใกล้ไอ้พสุเลยมาส่ง”
“รถไอ้พสุเดี๋ยวจะมีคนขับมาให้นะครับ” นิทรายิ้มรับขอบคุณอีกครั้งเดินมาส่งเขาที่หน้าบ้าน
ปวิชลาหญิงสาวพลางคิดในใจว่าถ้าเขาเป็นพสุคงรีบกลับบ้านมาหาเมียมากกว่าจะไปเที่ยวดื่มเหล้าเมากลับมาดึกดื่นขนาดนี้
“สร้อยบอกลุงแซมด้วยนะว่าให้รอรถคุณพสุ เดี๋ยวพี่ไปดูแลเขาก่อน” สาวใช้รับคำ นิทราเดินเข้าไปในบ้านกำชับสร้อยให้ปิดบ้านเพราะพสุกลับมาแล้วเธอก็เดินขึ้นไปบนห้องเพื่อดูแลเขา
..ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องไปกินเหล้าเมาหลับขนาดนี้ เขาเกลียดเธอขนาดนั้นเลยหรือ ขึ้นมาบนห้องก็ถอดรองเท้าถุงเท้าให้อีกฝ่ายอย่างไม่นึกรังเกียจ หยิบกะละมังใบเล็กกับผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมาเช็ดหน้าให้เขา ถอดเสื้อเขาออกก่อนจะถอดกางเกงพยายามข่มใจไม่คิดอะไรมากจนร่างหนาเหลือเพียงบ๊อกเซอร์
“เฮ้อ ทำไมมันเหนื่อยจัง” ห้ามใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงมันเหนื่อยเหลือเกิน เธอเช็ดตัวให้เขาก่อนหาชุดนอนมาสวมให้อีกฝ่ายเสร็จแล้วก็ห่มผ้าให้ ดีที่วันนี้ไม่อ้วกตื่นมาคงจะแฮงน่าดู
นิทราหยิบเสื้อผ้าเขาไปไว้ในตะกร้าแล้วสะดุดกับปกเสื้อขาวที่มีรอยสีแดงอยู่ มือบางสั่นคลี่ดูก็พบว่ามันเป็นรอยลิปสติก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อคิดว่าเขาไปทำอะไรมาถึงมีรอยแบบนี้
“ฮึก” คนตัวเล็กทรุดลงกับพื้นร้องไห้ออกมาจนสะอื้นตัวโยน ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาเพิ่งมีอะไรกับเธอ เขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาแค่ระบายความใคร่ออกมา แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่ มันคือความรักที่เธอทำทั้งหมด “ทำไมทำแบบนี้” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตากลมโตมองไปยังร่างที่นอนนิ่งบนเตียงแม้มันจะพร่ามัวเพราะมีน้ำตาเต็มหน่วยตา พยายามไม่ให้เสียงสะอื้นดังจนรบกวนเขาก่อนจะหยัดยืนขึ้นเดินไปยังถังขยะแล้วทิ้งเสื้อตัวนั้น
..ไม่มีทางที่เธอจะซักมันให้เขาแน่นอน
ร่างบางเดินไปหยิบผ้าห่มกับหมอนสำรองในตู้มานอนที่โซฟายาว ไม่อยากร่วมเตียงกับเขาก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้ากับการรอคอยเขา
นิทราลงมาแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรเป็นเพื่อนแม่ของตนเอง นิทราเข้าไปเก็บของก่อนจะกลับมายังบ้านหลังใหญ่ เธอทำซุปแก้อาการแฮงไว้ให้พสุที่ตอนนี้ยังไม่ลงมา“เมื่อคืนตาเล็กกลับบ้านกี่โมง” หันไปถามสร้อยที่อยู่รออีกฝ่ายก็อึกอักไม่กล้าตอบพอดีกับนิทราเดินเข้ามาในห้องอาหารของบ้าน“พสุยังไม่ลงมาหรือคะ” ไม่เห็นเขาบนโต๊ะอาหารก็เอ่ยถามขึ้น“ยังเลยลูก ขึ้นไปดูหน่อยก็ดี”ด้วยความเป็นห่วงนิทราจึงลุกขึ้นไปดูอีกฝ่ายบนห้อง เข้ามาก็ได้ยินเสียงอ้วกทันที ก่อนร่างสูงจะเดินออกมาด้วยความงัวเงีย ใบหน้าหล่อดูซูบเล็กน้อย ตอนนี้เขาสวมชุดพร้อมไปทำงานเรียบร้อยแต่เพราะต้องลงพื้นที่ดูตรวจงานจึงไม่ได้ใส่สูทไปเพียงแค่ชุดทะมัดทะแมงเท่านั้น “ดื่มน้ำหน่อยไหม” รินน้ำข้างหัวเตียงให้ เขาก็ไม่ปฏิเสธรับมาดื่มอย่างเสียไม่ได้“ดีขึ้นรึยัง”พสุไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น เมื่อคืนเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมาไปตอนไหนหรือกลับมายังไง ใครเป็นคนดูแลเขาเพราะตื่นมาก็อยู่ในชุดนอนแล้ว ปกติหากเมากลับมาแบบนี้แม่จะสวดเป็นชุดพอขึ้นมาเขาก็นอนด้วยชุดนั้นตื่นมาค่อยอาบน้ำ หากเมื่อคืนไม่ใช่ เขาจำอะไรไม่ได้คิดว่าคนที่ดูแลเขาคงเป็นหญิงร่างเล็กที่กำลังตรวจควา
พสุนั่งทำงานได้สักพักก็ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ เป็นอย่างนี้ประมาณสี่รอบ หน้าเขาเริ่มซีดจนน่าเป็นห่วงดีที่เอกสารมีไม่มากเขาจึงคิดว่าจะกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงานเพราะหากทนอยู่ต่อก็คงไม่ไหว มันปวดจนไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งปวดหนักแล้วเหมือนจะอ้วกด้วยจนกระทั่งเลขาสาวนำอาหารเที่ยงมาให้ก็สังเกตอาการของเจ้านายได้ เธอรีบพาเขาไปโรงพยาบาลทันที ระหว่างทางพสุก็พยายามอดกลั้นไว้เหมือนจะปวดหนักตลอดเวลา เขาอ้วกออกมาระหว่างทางดีที่มีถุงพลาสติกไม่อย่างนั้นต้องได้อ้วกใส่รถแน่ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล ทำเรื่องรอสักพักก็ได้เข้าตรวจ หมอต้องนำผลเลือดของเขาไปตรวจเพราะอาจติดเชื้อระหว่างนี้ให้พสุนอนรอที่ห้องตรวจก่อน“ว่ายังไงตาใหญ่” คุณวรรณนภาที่กำลังนั่งดูละครอยู่กับแม่บ้านรับโทรศัพท์เห็นว่าเป็นลูกชายคนโต“เล็กอยู่โรงพยาบาลนะครับแม่ หมอบอกว่าอาหารเป็นพิษต้องนอนให้น้ำเกลือ” ได้ยินอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็ตกใจเสียยกใหญ่“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่ไปหาน้อง โรงพยาบาลไหนลูก” ลูกชายบอกรายละเอียดก่อนจะวางสายไป คนเป็นแม่ก็แสนจะเป็นห่วงรีบเดินไปบ้านข้างๆ ที่ลูกสะใภ้อยู่เพราะต้องช่วยงานตัดเย็บของคุณยลลดาถึงแม้จะไม่รีบแต่ก็ต้องทำไ
เสียงโทรศัพท์ของนิทราดังขึ้นเจ้าของโทรศัพท์ผวาลุกขึ้นไปก่อนถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าไม่ใช่คนที่ตนเองเฝ้ารอแต่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย“สวัสดีหวาน โทรมาเสียดึกเชียว” เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มที่เพื่อนโทรมา สร้างความแปลกใจเพราะปกติเพื่อนจะไม่ค่อยโทรหาเธอในเวลานี้เป็นที่รู้กันว่านิทราจะไม่ค่อยรับโทรศัพท์ช่วงเวลาดึก‘ค่อยโล่งอกนึกว่าจะไม่รับเสียแล้ว’ปลายสายว่าอย่างโล่งใจ“ปกติไม่ค่อยโทรมาเวลานี้ มีอะไรหรือเปล่า”“คือว่า ก็ไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจนะนิท แต่มันอดไม่ได้ต้องโทรมาบอก พอดีฉันเห็นสามีเธอมานั่งกินเหล้าในผับกับผู้หญิงน่ะ” สิ้นคำบอกเล่าตัวเธอก็ชาทันที มือบางสั่น ขาอ่อนแรงจนต้องนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขก“จะ จริงหรือ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ“จริงแน่นอน ฉันจำพสุได้แม่น” ตอนนี้ไม่รู้มีสีหน้าอย่างไรเพราะสร้อยรีบเข้ามาหาเธอมองอย่างเป็นห่วง นิทราแทบจะไม่รับรู้ประโยคต่อจากนั้นของเพื่อนก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไป มือบางทิ้งลงข้างลำตัว ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ เมื่อวันก่อนก็ไปวันนี้ก็ไปทั้งที่เพิ่งหาย เธอหรือก็เฝ้ารอเขาที่บ้านแต่อีกฝ่ายกลับไปอยู่กับหญิงอื่น“พี่นิทเป็นอะไรคะ”
“สวัสดีครับคุณพสุ” เมื่อเข้ามาภายในโรงแรมก็มีผู้จัดการมาต้อนรับอย่างดี โรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือดิวัลยาที่เขาเคยดูแลเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวก็เข้ามาพักกันเยอะด้วยชื่อเสียงของโรงแรมและการบริการที่ดีเยี่ยม“สวัสดีครับ” เขากล่าวทักทายอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วเดินไปหยิบคีย์การ์ดขึ้นห้องนิทราเดินตามไปแต่ระหว่างทางก็มองการตกแต่งของโรงแรมที่เน้นบรรยากาศ โดยรอบเป็นผนังกระจกใสที่เห็นวิวข้างนอกประดับด้วยไม้มงคล ไม่เน้นหรูแต่เน้นถึงเอกลักษณ์ในพื้นที่ โคมไฟด้านบนก็เป็นรูปปลาชนิดต่างๆ หรือโซฟาตรงล็อบบี้ก็เป็นรูปทรงปะการังที่ดูธรรมชาติ“เดินช้าจริง” หันมาเห็นภรรยามัวโอ้เอ้เดินดูการตกแต่งไม่ตามมาจึงเดินกลับมาจูงมือเธอให้เดินตามนิทราแอบมองมือหนาที่กอบกุมมือเธอเอาไว้ ความรู้สึกอบอุ่นโอบล้อมรอบตัวจนเผลอยิ้มออกมาด้วยความสุขพอดีกับที่ร่างสูงหันมามอง“ยิ้มอะไร เมายาหรือ”..ดูคำพูดเขา ไม่เคยมีความรู้สึกโรแมนติกเลยหรืออย่างไร ลืมไปว่าเธอคือนิทราไม่ใช่ลินดาคนตัวเล็กดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมหากแต่ฝ่ายชายไม่ยอม พสุยังคงจับมือเธอไว้แน่นในขณะที่รอลิฟต์“ปล่อยสิ” ทนไม่ไหวจึงเอ่ยเสียงเข้ม“ปล่
เช้าวันจันทร์ไม่ได้สดใสสำหรับพสุเลยแม้แต่น้อย เขาไม่อยากนอนตื่นเช้ามานั่งหลังขดหลังแข็งอ่านเอกสารเป็นวันๆ หากให้ลงพื้นที่ดูไซต์งานก่อนสร้างยังจะมีความสุขมากกว่าแต่ก็เลี่ยงไม่ได้เพราะเขาโยนงานให้พี่ชายไปแล้วหลายงานวันนี้จึงต้องจัดการงานที่เหลือของตนเองเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกางเกงสแล็กสีเข้ม เน็กไทและเสื้อสูทแขวนไว้อย่างเรียบร้อยที่ห้องแต่งตัว เป็นอย่างนี้มาสักพักแล้วที่นิทราจะเตรียมชุดให้เขาทั้งเช้าและเย็นหากช่วงแรกเขาก็ไม่ใส่บ้างแต่เพราะช่วงหลังตื่นสายแล้วต้องรีบเขาเลยจำใจใส่ชุดที่เธอเลือกไว้ให้จนชิน“อ้าว กำลังขึ้นมาตามพอดี สายแล้วนะ” ใบหน้าหวานโผล่มาส่งยิ้มให้จนเขาอดเอ็นดูไม่ได้ ไม่ค่อยได้เห็นมุมนี้ของเธอเท่าไหร่“ก็กำลังจะลงไปแล้ว ทำไมวันนี้ไม่ปลุกฉัน”นิทราเดินมาหาสามีก่อนช่วยใส่เน็กไทให้“ปลุกแล้วพสุก็เอาแต่ตอบในลำคอ จะขี้เซาอะไรขนาดนั้น” แอบยู่หน้าใส่จนเขาอดใจไม่ไหวเอามือมาบีบจมูกเธอโยกเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว“ขี้บ่นจริง”นิทราแก้มแดงด้วยความเขินกับการกระทำและแววตาที่เขาส่งมา เธอผละออกแล้วหยิบเสื้อสูทมาถือไว้ให้เขา“ลงไปกินข้าวกันเถอะ” มือหนายกมาโอบไหล่บางของภรรยาไว้แล้วหยิบของลงไปข้า
ร่างบางเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยชุดเดรสลายดอกไม้แขนตุ๊กตาสั้นเหนือเข่าเพียงเล็กน้อย ผมถูกรวบครึ่งหัวแล้วปล่อยยาวลงมาปลายดัดลอนเพียงเล็กน้อย ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มสีสันส่งให้เธอดูน่ามองมากยิ่งขึ้น กว่าจะลงมาได้ก็หมุนดูตัวเองในกระจกหลายรอบจนอดหัวเราะในความตื่นเต้นครั้งนี้ไม่ได้ เขาชวนเธอไปกินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกมันเหมือนกับเดตแรกของเราสองคน“สวยจริงลูกแม่ ทานอาหารให้อร่อยนะจ๊ะคุณวรรณภาลูบศีรษะลูกสะใภ้ด้วยความเอ็นดู เหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดีในทางที่ควร จะเป็น“ค่ะ หนูไปก่อนนะคะ” ไม่อยากไปสายเธอจึงเลือกที่จะไปรอเขาก่อนเวลานัดลุงแซมเปิดประตูให้ส่งยิ้มพร้อมชมคุณผู้หญิงคนเล็กของบ้าน“วันนี้คุณนิทสวยมากเลยครับ” “ขอบคุณค่ะ” ได้รับคำชมก็เก้อเขินเล็กน้อยขึ้นไปนั่งบนรถรอจนกระทั่งลุงแซมออกรถไปยังที่หมายคือโรงแรมระดับห้าดาวรถติดมากเป็นพิเศษกว่าจะถึงก็ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งทั้งที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก หล่อนยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้วจึงรีบลงจากรถด้วยความรีบ เธอนำบัตรวีไอพีที่เขาให้ไว้กับเธอยื่นให้พนักงานดูเขาจึงได้นำไปยังชั้นดาดฟ้าเมื่อถึงสถานที่ดินเนอร์เธอก็ตกตะ
รถคันหรูขับเข้ามาจอดภายในโรงรถในเวลาห้าทุ่มครึ่ง เขาหยิบของลงมาพอดีกับที่รถอีกคันมาจอดเทียบ พสุหันไปมองพี่ชายที่ลงมาจากรถด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า“พึ่งกลับมาหรือพี่” คำทักทายทำให้ภมรแปลกใจไม่คิดว่าน้องจะกลับมาพูดราวกับไม่เคยมีเรื่องเคืองขุ่นต่อกัน“ใช่ แล้วนายไปไหนมาทำไมกลับเอาป่านนี้”“พอดีไปเคลียร์อะไรนิดหน่อยน่ะ” สองพี่น้องเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมกันก่อนจะแยกไปห้องของตนเองก่อนเข้าห้องพสุเรียกกำลังใจให้กับตนเองราวกับกลัวนักหนาทั้งที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด เข้าห้องได้ก็มืดไปหมดเขาจึงเปิดไฟหลอดเล็กเห็นนิทรานอนหลับอยู่บนเตียง ร่างหนานำชุดที่เปียกแยกไว้เดินกลับมานั่งบนเตียง“ขอโทษนะ” มือหนาค่อยๆ แตะที่หน้าผากมนแผ่วเบา เขารู้สึกผิดต่อเธอยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายรอนานขนาดไหนก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุด เขาจัดผมให้เธอนอนสบายมากขึ้นแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดมานอนข้างกายภรรยาของตนเอง“อือ” มือหนากอดเอวบางเอาไว้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวนิทราลืมตามาก็เห็นพสุที่มองตนอยู่ก่อนแล้วยังมือหนาที่โอบกอดเอาไว้อีก เธอขืนตัวออกหากเขากลับรัดแน่นขึ้น“ปล่อยนะ”“อากาศมันหนาว กอดกันจะได้อุ่น” เขายิ้มให้ราวกลับไปเป็
เพียะ“เธอกล้าทำแบบนี้ได้ยังไงพสุ เธอทำกับผู้หญิงที่รักเธอได้ยังไง” คำพูดห่างเหินที่กล่าวกับลูกชายพร้อมกับแรงที่กระทบใบหน้ายิ่งสร้างความรู้สึกผิดให้กับพสุมากขึ้นร่างสูงไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไปเพียงแค่กล่าวคำสั้นๆ“ผมขอโทษ” คุณวรรณนภากำมือแน่นอดสงสารลูกชายไม่ได้เมื่อเห็นแววตาแดงก่ำที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไหล่หนาลู่ลงอย่างน่าสงสาร“ขอโทษไปมันก็เอาลูกของเธอกลับมาไม่ได้แล้ว” พสุมองหน้ามารดาแม้ใจจะเต้นระรัวไปด้วยความกลัวแต่มันกลับแฝงความหวังเอาไว้ เขาจับไหล่มารดาแน่นพยายามยึดเป็นหลักในการยืน“แม่หมายความว่ายังไง” คุณวรรณนภาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ตอนแรกที่เธอรู้ก็แทบเป็นลมไปเหมือนกัน แม้ภายนอกพสุจะดูแข็งแกร่งแต่แท้จริงแล้วเขายังแฝงความเป็นเด็กชายที่ยังรับเรื่องหนักไม่ไหว“หนูนิทแท้ง” มือหนาทิ้งลงข้างลำตัวทันทีเมื่อรู้ข่าว เขาแทบยืนไม่ได้จนต้องเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างคุณยลลดาที่ไม่พูดจาเลยสักคำทั้งที่เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกหากแต่ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ต้องมารับรู้ว่าลูกได้จากเขาไปแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเขาซบหน้าลงบนฝ่ามือตัวเองไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาแต่หากให้กลั้นไว้คงทำไม่ได้ มัน