Share

นิทราลงมาแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรเป็นเพื่อนแม่ของตนเอง นิทราเข้าไปเก็บของก่อนจะกลับมายังบ้านหลังใหญ่ เธอทำซุปแก้อาการแฮงไว้ให้พสุที่ตอนนี้ยังไม่ลงมา

“เมื่อคืนตาเล็กกลับบ้านกี่โมง” หันไปถามสร้อยที่อยู่รออีกฝ่ายก็อึกอักไม่กล้าตอบพอดีกับนิทราเดินเข้ามาในห้องอาหารของบ้าน

“พสุยังไม่ลงมาหรือคะ” ไม่เห็นเขาบนโต๊ะอาหารก็เอ่ยถามขึ้น

“ยังเลยลูก ขึ้นไปดูหน่อยก็ดี”

ด้วยความเป็นห่วงนิทราจึงลุกขึ้นไปดูอีกฝ่ายบนห้อง เข้ามาก็ได้ยินเสียงอ้วกทันที ก่อนร่างสูงจะเดินออกมาด้วยความงัวเงีย ใบหน้าหล่อดูซูบเล็กน้อย ตอนนี้เขาสวมชุดพร้อมไปทำงานเรียบร้อยแต่เพราะต้องลงพื้นที่ดูตรวจงานจึงไม่ได้ใส่สูทไปเพียงแค่ชุดทะมัดทะแมงเท่านั้น

 “ดื่มน้ำหน่อยไหม” รินน้ำข้างหัวเตียงให้ เขาก็ไม่ปฏิเสธรับมาดื่มอย่างเสียไม่ได้“ดีขึ้นรึยัง”

พสุไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น เมื่อคืนเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมาไปตอนไหนหรือกลับมายังไง ใครเป็นคนดูแลเขาเพราะตื่นมาก็อยู่ในชุดนอนแล้ว ปกติหากเมากลับมาแบบนี้แม่จะสวดเป็นชุดพอขึ้นมาเขาก็นอนด้วยชุดนั้นตื่นมาค่อยอาบน้ำ หากเมื่อคืนไม่ใช่ เขาจำอะไรไม่ได้คิดว่าคนที่ดูแลเขาคงเป็นหญิงร่างเล็กที่กำลังตรวจความเรียบร้อยของห้องอยู่เป็นแน่

“ลงไปกินข้าวเถอะ เราทำข้ามต้มไว้ให้” เห็นเขาไม่พูดอะไรก็ชวนซึ่งพสุก็ลงไปแต่โดยดี หยิบของทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้วเดินตามนิทราลงมา ตอนนี้สติไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่เพราะยังไม่หายจากอาการเมาค้าง

“ลงมาแล้วเหรอพ่อลูกชาย ต้องให้เมียไปตามถึงจะลงมาได้” แม่มองค้อนอย่างหมั่นไส้

พสุไม่ได้ตอบรับอะไรแค่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างพี่ชาย

“เมื่อคืนกลับมากี่โมง” แม่ใส่ทันทีที่นั่งลง เขายิ้มประจบเมื่อ   คิดได้

“หกทุ่มครับแม่ พอดีติดพันนิดหน่อย”

สร้อยยกข้าวต้มมาเสิร์ฟให้คุณพสุพร้อมสมูทตี้ขิงกับส้มที่นิทราตื่นมาทำให้เขาแก้อาการเมาค้าง

“มีอะไรพันแข้งพันขาหรือไงถึงมาดึกขนาดนั้น” กระแหนะกระแหนลูกชาย คราแรกว่าจะรอเป็นเพื่อนลูกสะใภ้แต่รอไม่ไหวจึงขึ้นไปนอนก่อน

“แล้วนี่น้ำอะไรครับ” รีบตัดบทเพราะกลัวเทศนาชุดใหญ่จากมารดา ร่างสูงมองดูแล้วมีเพียงเขาคนเดียวที่ได้จึงเอ่ยถาม

“สมูทตี้ขิงผสมส้ม แก้อาการเมาค้างได้ ลองกินสิ” ดูเอาเถิดเมียแสนดีขนาดนี้จะหาได้จากไหนอีก

พสุถอนหายใจไม่อยากหยิบขึ้นดื่มแต่มองสายตามารดาก็จำยอมยกขึ้นดื่ม ก่อนจะพบว่ามันอร่อยดี ดื่มจนหมดแก้วค่อยรับประทานข้าวต้มกุ้งของชอบจนหมดชามคงเพราะหิวมากเขาขออีกชามทันที

“วันนี้นายไปดูงานหรือ” ภมรถามขึ้น

“ครับ”

สองพี่น้องที่ไม่ค่อยคุยกันทำให้คุณดิลกเกิดความสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรจนกระทั่งพสุอิ่มลุกขึ้นเดินออกไปนิทราก็ขอตัวตามไปส่งเขาถึงหน้าบ้าน

“ฉันกลับมายังไงอดใจไม่ไหวเพราะสงสัย นิทราเดินมาที่จอดรถเป็นเพื่อนเขา

“ก็พสุเมาหนักมาก คุณปวิชเลยมาส่ง ส่วนรถคนที่ร้านเอามาส่งให้” เขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะขึ้นรถแต่แขนหน้ากลับถูกรั้งไว้เสียก่อน

“อะไร” หันมาถามเสียงเข้ม

“ข้าวกลางวัน” ยื่นกล่องข้าวขนาดกลางให้เขา เธอแอบทำให้แต่เช้าแล้วก็หยิบมันมาให้เขาก่อนออกมา

พสุมองกล่องข้าวด้วยความรู้สึกแปลก ทำไมเขารู้สึกอบอุ่นแบบนี้เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปตอนประถมที่ทั้งสองแลกข้าวกล่องกินด้วยกัน

“ขอบใจ” มือหนารับไว้ก่อนขึ้นบนรถ

“วันนี้กลับค่ำไหม” ก่อนเขาจะขึ้นไปนิทราก็รีบถามออกไป

พสุหันมามองหน้าเธอเกือบจะตอกกลับว่ายุ่งแต่พอเห็นแววตาฉายแววห่วงก็กลืนคำนั้นลงไปตอบเสียงแผ่ว

“ไม่แน่ใจ” นิทราพยักหน้ารับ พสุขึ้นรถสตาร์ทแต่แล้วกลับกระจก “ไม่ค่ำมากหรอก”

นิทราทำหน้างงจนกระทั่งรถออกไปไกลจึงยิ้มออกมา อย่างนี้ถือว่าเขาเริ่มใจอ่อนให้เธอได้หรือไม่นะ นิทราเดินกลับเข้าบ้านพอดีกับที่ภมรเดินออกมา

“หวานกันจังเลยนะ” เขาเอ่ยแซ็วน้องสาวอีกคน

“ไม่หรอกค่ะ” ตอบปฏิเสธแบบเอียงอาย

ภมรดีใจที่ทั้งสองเริ่มเข้ากันได้ คุยกันสักพักก็ขับรถไปรับลินดาไปทำงานด้วย

นิทราที่อยู่บ้านกับคุณวรรณนภานั่งถักนิตติ้งคิดไว้ว่าจะให้พสุใส่ช่วงหน้าหนาว ดีที่มีไซซ์เขาจากการตัดชุดเจ้าบ่าวแล้วเธอจำได้แม่นจึงนั่งถักเสื้อให้เขา ช่วงนี้มารดาไม่ค่อยได้รับงานหนักจึงไม่ได้ช่วย เธอขอตัวมาทำเสื้อให้สามีคุ

ณวรรณนภาก็เอ่ยแซ็วลูกสะใภ้

“ตาเล็กนี่โชคดีจริงๆ เมียทำเสื้อให้ใส่” เห็นลูกสะใภ้ตั้งใจทำก็เอ็นดูเหลือเกิน

นิทราเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แม่สามี

“เดี๋ยวนิททำให้คุณแม่ด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกลูก เหนื่อยเสียเปล่า แม่ใส่อะไรก็ได้ทั้งนั้น” เพราะไม่อยากให้นิทรานั่งหลังขดหลังแข็งทำหลายวันจึงเอ่ยปฏิเสธแต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอม

“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ เดี๋ยวนิทจะทำให้ คุณแม่ชอบสีไหนบอกนิทเลยนะคะ”

ลูกสะใภ้เอ่ยแบบนี้ก็ยิ้มให้ด้วยความรักใคร่

“จ้ะ เดี๋ยวแม่จะบอกนะ รอให้หนูทำของตาเล็กเสร็จก่อน”

คุณดิลกมองดูภรรยากับลูกสะใภ้ที่เข้ากันได้ดีก็ยิ้มออกมาด้วยความสุข หวังว่าอีกไม่นานจะมีหลานมาให้เลี้ยง อายุเขาก็ปูนนี้แล้วคนอื่นมีหลานเป็นโขยงแต่เขากลับไม่มี ดีที่พสุแต่งงานพอให้เบาใจได้บ้างเหลือก็แต่ลูกชายคนโตที่ยังไม่พาใครมาแนะนำให้รู้จักเสียที

พสุลงพื้นที่ตรวจดูงานก่อสร้างว่าได้ไปถึงไหนแล้วและตรงตามมาตรฐานหรือไม่ เขาจบคณะวิศวกรรมศาสตร์มาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เรียนต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจอีกสองปีก่อนไปทำงานที่ต่างประเทศสองปีเพิ่งกลับมารับตำแหน่งได้ไม่นานเพราะกว่าจะทำให้คณะกรรมการคนอื่นยอมรับก็ยากเหมือนกัน ต้องสร้างผลงานให้เขา เชื่อใจ

“เดี๋ยวยังไงสัปดาห์หน้าผมจะมาดูอีกที”

หลังตรวจงานเป็นเวลาสองชั่วโมงและเรียกวิศวกรมาประชุมอีกสามชั่วโมงเขาก็ออกมามุ่งตรงไปร้านอาหารข้างทางที่คุ้นเคยเพราะมาทานบ่อย บ่ายยังต้องไปตรวจอีกที่

วันนี้เขาแทบไม่ได้เข้าบริษัทแต่เลขาก็โทรมาบอกเสียก่อนว่ามีเอกสารที่เขาต้องเซ็น พสุรีบทานข้าวไปยังสถานที่ก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารกระป๋องที่อยู่ชานเมือง กว่าจะดูงานเสร็จก็กินไปเวลาไปกว่าสามชั่วโมง เขามาถึงบริษัทในเวลาสี่โมงครึ่ง เรียกว่าเป็นวันยุ่งของเขาเลยก็ว่าได้

“มีเอกสารเท่านี้ใช่ไหม” ขึ้นมาเขาก็ให้เมขลาจัดเอกสารไว้ให้ เธอก็รีบเร่งเพราะงานวันนี้เยอะเสียเหลือเกินแทบไม่มีเวลาพักหรือคิดเรื่องอื่น

“ค่ะ” เขาอ่านโดยละเอียดก่อนเซ็นแต่ละใบ ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ จนกระทั่งเสร็จทุกใบเขาจึงลุกขึ้นเตรียมกลับบ้าน

“พอดีทางโรงแรมดิวัลยาโทรมาต้องการต่อเติมเลยอยากขอพบคุณเย็นนี้ค่ะ”

เพราะกะทันหันเขาเกือบปฏิเสธไปแต่เนื่องจากโรงแรมนี้เป็นลูกค้าเขามานานไม่ว่าจะขยายสาขาไปต่างจังหวัดก็ให้เขาดูแลตลอดจึงปฏิเสธไม่ได้ ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนโทรหาอีกฝ่ายว่ากำลังจะเข้าไปหาที่ทำงาน

รถคันหรูขับมายังโรงแรมดิวัลยาถือเป็นโรงแรมชื่อดังของเมืองไทยมีต่างชาติมาพักเยอะเพราะถูกใจในห้องพักที่สวยและการบริการดีเยี่ยม เขาจอดรถไว้แล้วเดินผ่านห้องอาหารของโรงแรมก็ชะงักเพราะเจอภมรและลินดามานั่งรับประทานข้าวด้วยกัน คิดว่าจะเดินผ่านทำเป็นไม่สนใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปทักเพื่อสร้างความร้าวฉานให้กับทั้งคู่

“สวัสดีลิน” เขานั่งลงตรงที่ว่างข้างลินดา

“อ้าว มาทานข้าวหรือ”  ตกใจไม่น้อยเมื่อเจอพสุ แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือเขาเดินมาทักเธอ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหายโกรธเร็วขนาดนี้

“เปล่าพอดีมาคุยงาน” เขาเหลือบมองพี่ชายเล็กน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดหรือทักอะไร

“ของโปรดลินทั้งนั้นเลย” เห็นอาหารเขาก็จำได้แล้วเพราะไปกินข้าวด้วยกันบ่อย

ลินดาพยักหน้ายิ้มให้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ว่าตอนนี้ภมรหน้านิ่งไปด้วยความไม่ชอบใจเสียแล้ว

“ไปกินด้วยกันบ่อย เราจำได้หมดแหละว่าลินชอบอะไรบ้าง” เขาย้ำจนลินดาเริ่มหันไปมองภมรก็หน้าเจื่อนเมื่อคนตัวโตมองดุกลับมา

“กินด้วยกันไหม”

“ไม่ดีกว่า แค่แวะมาทักทาย” เขาว่าแล้วก็เอามือยีศีรษะคนตรงหน้าเหมือนเป็นเรื่องปกติ

แต่สำหรับภมรในใจเริ่มเดือดแล้ว เหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นเลย

“พอได้แล้ว ผมลินยุ่ง”

พสุหัวเราะออกมาน้อยๆ

“ไปแล้ว ไว้เจอกัน”

ร่างบางพยักหน้ารับก่อนมองตามอีกฝ่ายที่เดินออกไปจากห้องอาหาร ภมรพยายามผ่อนลมหายใจบังคับอารมณ์ให้เป็นปกติ ลินดามองแฟนของตนเองแล้วยิ้มให้อย่างเอาใจ

“ปลาอร่อยมากเลยค่ะ พี่ภมรต้องชอบแน่ๆ”

เขาเจ็บใจตัวเองที่เพียงแค่ได้ยินเสียงหวาน เอ่ยอ้อนนิดหน่อยก็ใจอ่อนแล้ว ภมรยิ้มให้หญิงสาวเพราะไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นประเด็น เขาไม่อยากทะเลาะกับเธอ ไม่อยากสูญเสียเวลาดีๆ ไป

“พี่ชอบ ชอบคนตักให้” หยอดจนอีกฝ่ายเป็นฝ่ายเขินเสียเอง

ทั้งสองนั่งรับประทานกันอย่างมีความสุข

พสุหัวเสียที่ผลงานเขาไม่เป็นอย่างที่หวังทั้งที่พี่ชายดูเหมือนจะโมโหแล้วแท้ๆ จึงตัดสินใจผละออกจากทั้งสองเดินไปยังห้องทำงานของคุณภูวนาถเจ้าของโรงแรม

“สวัสดีครับ ขอโทษที่ผมมาช้า” อีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรเพราะนัดกะทันหัน ทั้งสองจึงคุยกันถึงการขยายโรงแรมในเขตเมืองเพราะต้องการรองรับแขกให้ได้มากกว่านี้ มันเป็นเรื่องยากด้วยพื้นที่ที่จำกัดจึงใช้เวลาคุยกันนานพอสมควรกว่าจะหาข้อสรุปได้

พสุไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้วทำงานเพลินจนลืมเวลา มองนาฬิกาบนข้อมือก็ตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว

..เขาคุยนานถึงสี่ชั่วโมงเลยหรือ

รีบบึ่งกลับบ้านก็พบว่าบ้านเงียบเปิดไว้เพียงไฟหน้าบ้านเท่านั้น เขานำรถมาจอดไว้โรงรถเดินเข้าบ้านได้ยินเสียงทีวีในห้องนั่งเล่นก็เดินไปดูพบนิทรานั่งถักนิตติ้งโดยที่สร้อยนั่งพับเพียบดูทีวีอยู่ เขารู้สึกอบอุ่นแปลกๆ ที่มีคนรออยู่ ปกติถ้าเขามาดึกแม่กับพ่อก็นอนแล้ว จึงไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน

“มาแล้วหรือ หิวข้าวไหม” เธอวางมือจากงานที่ทำลุกขึ้นมาหาพสุ

อีกฝ่ายก็พยักหน้าเพราะกินข้าวครั้งล่าสุดคือตอนเที่ยง

“พอดีเลย เราทำาผัดผักกับต้มจืด แล้วก็ไข่ทอดไว้ให้ด้วย” ร่างบางเดินนำไปที่ห้องครัว นิทราอยู่ในชุดนอนกระโปรงสีขาวแขนตุ๊กตายาวคลุมเข่า ดูน่ารักบอบบาง เขาเดินตามเธอไปยังห้องครัว “ไปรอที่โต๊ะสิ เดี๋ยวเราเอาไปให้”

พสุไม่เถียงเดินไปนั่งรอเธอจนกระทั่งสร้อยเอาข้าวมาเสิร์ฟให้ แค่ได้กลิ่นเขาก็หิวแล้วพออาหารครบก็ลงมือกินข้าวทันทีจนนิทราอดหัวเราะไม่ได้

“ไปอดข้าวมาจากไหนเนี่ย”

พสุไม่ตอบเอาแต่กินข้าวไม่หยุด นิทรามองหากล่องข้าวก็ไม่เห็นจึงถามขึ้น

“กล่องข้าวไปไหนหรือ เราจะเอาไปล้างให้”

พสุชะงักเขาลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายทำอาหารกลางวันให้เขา ตอนนี้มันคงอยู่บนรถเขาไม่ได้สนใจมากนักลืมไปด้วยซ้ำ

“บนรถ” นิทราพยักหน้ายิ้มรับจะเดินออกไปเอาแต่อีกฝ่ายก็คว้าแขนไว้ก่อน “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปเอาเอง”

..อะไรของเขา

พสุลุกเดินไปโรงรถหยิบกล่องข้าวขึ้นมาเปิดดูเห็นอาหารน่าตาน่าทานอยู่สองอย่างเลยจัดการแอบกินเพราะกลัวนิทราเห็น กินจากเมื่อกี้ก็อิ่มแล้วแต่เขายังต้องมากินข้าวกล่องอีก พสุพยายามยัดข้าวเข้าปากให้หมดแล้วกลืนลงไปทันที

“ทำไมไปนานจัง” เกือบจะออกไปหาแล้วถ้าพสุไม่เดินเข้ามาเสียก่อน เขายื่นกล่องข้าวให้เธอนิทรายิ้มรับเอาไปล้าง พสุเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารเพราะยังทานไม่หมดแม้ว่าจะอิ่มแล้วจึงรีบดื่มน้ำทันที นิทราเดินออกมาเห็นพสุไม่ทานต่อก็ถาม

“อิ่มแล้วหรือ”

“อิ่มแล้ว” พูดจบก็เดินไปนั่งดูทีวีปล่อยให้ภรรยาจัดการเก็บโดยมีสร้อยเป็นคนช่วย

นิทราไปหยิบผลไม้ในตู้เย็นให้เขา

“กินผลไม้หน่อยไหม”

ตอนนี้แม้จะแน่นแต่เพราะผลไม้ดูน่ากิน จึงไม่ปฏิเสธ เขานั่งกินผลไม้ไปดูละครไปด้วย แม้จะเป็นเวลากว่าห้าทุ่มละครก็ยังไม่จบทำเอาสร้อยต้องดูต่อเรื่องกำลังเข้มข้น นิทราเองก็นั่งถักนิตติ้งเพราะเห็นสามีสนใจละครเหลือเกิน

“ชอบเรื่องนี้หรือ” เห็นดูไม่กะพริบตาเชียว

พสุหันมามอง

“เปล่า ก็ดูไปงั้น” ที่จริงอาหารยังไม่ย่อยเขาเลยไม่อยากขึ้นไปบนห้อง ละครก็สนุกดีดูเพลินก่อนหันมาเห็นนิทรากำลังถักเสื้อ

“นั่นถักอะไร”

“ถักเสื้อ พสุชอบไหม”

เขาเกือบพยักหน้าแล้วแต่ต้องชะงัก

“ไม่ชอบ” ปฏิเสธเสียงแข็ง

นิทราก็หน้าหงอยลงไปทันที สร้อยที่ดูหนังหันมามองด้วยความไม่ชอบใจที่คุณเล็กว่าแบบนั้น

..พี่นิทอุตส่าห์นั่งถักทั้งวันมาพูดแบบนี้คนเขาเสียน้ำใจแย่

พสุนั่งกินไปได้สักพักก็ขึ้นห้องนิทรารอจนกว่าละครจบค่อยตามเขาขึ้นไป เห็นอีกฝ่ายกำลังอาบน้ำจึงหาผ้าห่มกับหมอนมานอนที่โซฟาจนกระทั่งเขาออกมาเห็นเธอล้มตัวลงนอน

“ทำไมไปนอนตรงนั้น” ถามด้วยความสงสัยเขาไม่ได้ไล่เธอไปอย่างแน่นอน ถึงไม่ชอบก็ไม่ได้ใจจืดใจดำให้ผู้หญิงไปนอนโซฟา

“มันสบายดี” เธอไม่อยากนอนกับผู้ชายที่ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นมา เรื่องนี้ยังโกรธไม่หายไม่อยากจะนอนใกล้เขาด้วยซ้ำ

“ตามใจ ดีเหมือนกันฉันจะได้นอนสบาย”

นิทราไม่ตอบพสุเลยเดินไปปิดไฟล้มตัวลงนอน ไม่นานทั้งสองก็จมอยู่ในห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน

จนกระทั่งเช้าวันถัดมา นิทราตื่นเช้าเช่นเคยเพราะต้องทำอาหารและไปใส่บาตรพร้อมมารดา พสุได้ยินเสียงนิทราอาบน้ำก็ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียมองนาฬิกาก็พบว่าเพิ่งตีห้าครึ่ง ไม่ใช่เวลาตื่นของเขาเลยนอนต่อ

“ไปไหนน่ะ” ได้ยินเสียงเปิดประตูออกมาเขาก็ผงกศีรษะขึ้นถามทั้งที่ตาแทบจะลืมไม่ขึ้น

นิทรายิ้มเอ็นดูเหมือนเขาเป็นเด็กน้อย

“ทำกับข้าวใส่บาตร ไปด้วยไหม”

พสุส่ายหน้าพลางล้มลงนอนอีกครั้ง ร่างบางยิ้มขำก่อนเดินลงมาข้างล่าง ช่วยแม่บ้านทำอาหารเช้าก่อนจะเดินไปหามารดาที่บ้าน ช่วยกันถือของมาใส่บาตรแต่เช้าเหมือนทุกวัน

..ดีที่เธอแต่งงานกับพสุบ้านอยู่ใกล้กันมาหาแม่ตอนไหนก็ได้

“วันนี้แม่งานเยอะไหม” ตักบาตรเสร็จเดินเข้ามาเก็บของภาย ในบ้าน

“ไม่หรอก ช่วงนี้ไม่ค่อยมีงานเท่าไหร่” เห็นจะจริงอย่างที่ว่าเพราะห้องดูเรียบร้อยเหมือนไม่ได้ใช้งานหนัก

 นิทราช่วยแม่เก็บกวาดห้องครัวสักพักแล้วค่อยเดินกลับบ้านใหญ่มาทันพอดีกับที่ทุกคนกำลังรับประทานข้าวอยู่หญิงสาวชะงักเมื่อเจอใครอีกคนนั่งตรงกลางระหว่างพสุและภมร

“มากินข้าวหนูนิท” คุณดิลกชวนลูกสะใภ้นิทรายิ้มตอบรับแล้วเดินมานั่งข้างคุณวรรณนภา

..วันนี้พสุแต่งตัวเรียบร้อยคงจะเข้าบริษัท

“ลินขอมาฝากท้องด้วยนะวันนี้” ลินดาเอ่ยทักเพราะรู้ว่าอาหารเช้านิทราเป็นคนทำ เธอยิ้มน้อยๆ “อาหารที่นิททำอร่อยจริงๆ” ลินดาเอ่ยชมไม่ขาดปาก

คุณวรรณนภาก็ชวนสาวตรงหน้าคุยเพราะสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง

“เอาน้ำส้มคั้นมาสองแก้วนะ” พสุหันไปบอกสาวใช้ที่ยืนรออยู่

บรรยากาศบนโต๊ะดูกระอักกระอ่วนถ้าไม่ได้คุณผู้หญิงของบ้านชวนคุยคงเงียบ น้ำส้มสองแก้วมาเสิร์ฟตามที่คุณพสุสั่ง เขายื่นให้ลินดาที่นั่งข้างๆ อีกแก้วก็ดื่มเอง

“เราจำได้ว่าลินชอบ น้ำส้มอร่อยนะลองชิมดู” คำพูดนั้นทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไป

นิทราก้มหน้ากินข้าวต้มพยายามไม่สนใจ

“ขอบใจจ้ะ” พสุยิ้มให้คนข้างกายแล้วดื่มน้ำส้ม

ภมรพยายามข่มอารมณ์เอาไว้รู้ว่าน้องพยายามยั่วโมโหเขา ลินดาเองก็ทำอะไรไม่ถูกจึงยกน้ำส้มดื่มด้วยความอึดอัด ทั้งมองนิทราอย่างสงสารที่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่สนใจแต่แววตาฉายความเจ็บปวด เมื่อทานข้าวหมดสามคนก็ต้องไปทำงาน

“ลินไปกับเราไหม” พสุยังไม่ปิดสงครามครั้งนี้ เขาถามขึ้นเมื่อดื่มน้ำเสร็จ

“ลินจะไปกับพี่ ไปกันเถอะ” ภมรเอ่ยเสียงนิ่ง เขาหายใจเข้าออกเป็นจังหวะระงับความโกรธที่แล่นขึ้นมาเมื่อมองหน้าพสุแล้วอีกฝ่ายยิ้มมุมปากให้เขา แววตาเย้ยหยันเต็มที่

“ลินไปกับผมทุกครั้ง คราวนี้ทำไมต้องไปกับพี่” ถามอย่างยียวนเพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ยังไม่รู้เรื่องพี่ชายคบกับลินดา

ฝ่ายหญิงสาวก็นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก แอบจับมือภมรไว้ให้เขา    ใจเย็น

“จะไปกับใครก็ให้หนูลินตัดสินใจเองเถอะ” คุณวรรณนภาเอ่ยขัดขึ้น มองบุตรชายทั้งสองด้วยความสงสัยไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้ทำให้เกิดบรรยากาศอึดอัดขึ้นได้

นิทราวางช้อนลงมองพสุด้วยแววตาตัดพ้อทำเอาคนถูกมองต้องเบือนหน้าหนี

“ลินว่าไง” เขาหันมาถามลินดาที่ยังคงนั่งนิ่ง เธอมองภมรก่อนจะหันไปบอกพสุ “ลินไปกับพี่ภมร”

..ในที่สุดเขาก็ไม่ใช่คนที่ถูกเลือกอีกเช่นเคย

ร่างสูงลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าและสูทเดินออกไปจากห้องอาหารทันที

นิทราลุกตามเขาไม่ลืมเข้าไปหยิบกล่องอาหารกลางวันให้เขาด้วย พสุหัวเสียเดินขึ้นรถท้องไส้ก็ดูจะปั่นป่วนเหมือนต้องการจะเข้าห้องน้ำตลอดเวลา

“เดี๋ยวพสุ ข้าวกลางวัน”

“ไม่เอา วันหลังไม่ต้องทำไม่ได้ ต้องการเลยสักนิด”  เพราะหงุดหงิดจากเรื่องเมื่อครู่เขาใส่อารมณ์กับนิทราโดยไม่ได้ตั้งใจจนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายหน้าซีดสำนึกด้านดีก็เริ่มทำงานบ้าง เขาอึกอักอยากยื่นไปรับแต่ก็ต้องกำมือไว้แน่น

..เขาต้องใจแข็งผู้หญิงคนนี้ทำให้ชีวิตเขาพังไม่ใช่หรือ

“เข้าใจแล้ว” มือบางลดกล่องลง มองหน้าเขาพยายามฝืนยิ้มให้ “ขับรถดีๆนะ” คำพูดเพียงประโยคเดียวกลับทำให้เขารู้สึกผิดเหลือเกิน

พสุมองอีกคนพยักหน้าช้าๆ ค่อยเดินไปยังรถของตัวเอง ขับออกไปมองกระจกหลังที่นิทรายืนโบกมือให้เขา แปลกที่แวบหนึ่งของความรู้สึกเขากลับยินดีที่มีคนมาส่งไปทำงานทุกเช้าแบบนี้ก่อนจะไล่ความคิดนั้นออกไป

..ผู้หญิงคนนั้นร้ายจะตายเขาจะใจอ่อนให้กับเธอไม่ได้เด็ดขาด

“ว่ายังไงนะ”

นิทราที่เดินเข้ามาภายในห้องอาหารชะงักเมื่อพบว่าบรรยากาศดูจะเคร่งเครียดไป

“ผมกับลินคบกันครับ” คุณวรรณนภาเอามือทาบอก่อนถามเสียงสั่น “นานเท่าไหร่แล้ว” ตอนนี้เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ เข้า  หากัน

“ก่อนพสุจะแต่งงานกับนิทครับ” ลินดาจับมือแฟนหนุ่มแน่นเพื่อให้กำลังใจ

บุพการีทั้งสองยังคงเงียบราวกับจับต้นชนปลายไม่ถูก พสุไปมาหาสู่กับลินดาจนคิดว่าจะตกล่องปล่องชิ้นกันหากเรื่องกลับตาลปัตรเป็นลินดาคบกับภมรเสียอย่างนั้น

“เดี๋ยวแม่ขอเวลาทบทวนก่อนนะ”

..เพราะว่าสองคนนี้คบกันลูกชายเธอรู้เลยช้ำกินเหล้าเมาไม่ได้สติจนขืนใจนิทราต้องแต่งงานกันอย่างนั้นใช่ไหม

คุณแม่ที่ดูละครมาเยอะปะติดปะต่อเรื่องได้เป็นฉากก่อนถอนหายใจมองคู่ชีวิตของเธอ

“คุณว่าอย่างไรคะ”

อดีตประธานบริษัทนิ่งคิดมองหน้าชายหญิงรุ่นลูก

“จะว่าอย่างไรได้ล่ะ คบกันก็อยู่ในขอบเขตแล้วกันนะ”

เมื่อประมุขใหญ่ของบ้านเอ่ยภมรก็ยิ้มออกมาทันที เขาหันไปมองแฟนสาวของตนเองด้วยความปลาบปลื้ม

“ขอบคุณค่ะ คุณลุงคุณป้า” หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยไม่คิดว่าท่านจะเมตตาอีกครั้งหลังทำให้บุตรชายคนเล็กผิดหวังทั้งยังมาควงบุตรชายคนโตอีก

คุณวรรณนภายิ้มให้สาวอีกคนที่ตนเอ็นดู เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ ท่านดูออกว่าลินดาไม่ได้ชอบพอกับพสุเกินไปกว่าเพื่อนมีแต่ลูกชายเธอเท่านั้นที่คิดไปฝ่ายเดียว

..โง่เหลือเกินลูกคนนี้ ไม่ได้ดั่งใจแม่ไปเสียทุกเรื่อง

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำงานได้แล้ว จะสายเอา”

ทั้งสองจึงพากันลุกขึ้นเดินออกไปทำงาน นิทรายิ้มให้คู่รักด้วยความยินดี ไม่คิดว่าภมรกับลินดาจะคบกันอดสงสารพสุไม่ได้ที่ผิดหวัง

..เป็นอย่างนี้เองหรือวันนั้นเขาถึงได้เมามายเหลือเกิน

คิดก็อดสงสารไม่ได้ สงสารทั้งชายหนุ่มและตัวเธอเองที่ติดอยู่ในห้วงแห่งรัก ออกมายากเหลือเกิน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status