บ้านสไตล์วินเทจหลังขนาดกะทัดรัดที่มีต้นไม้ล้อมรอบดู ร่มรื่นจนผู้ผ่านไปมาอดที่จะมองเข้าไปข้างในไม่ได้ บ้านสองชั้นที่สร้างขึ้นดูสวยงามด้วยสีชมพูอ่อน ทั้งหลังเป็นไม้ออกแบบมาอย่างดี ด้านข้างเป็นซุ้มไม้เลื้อยที่ตอนนี้เป็นหลังคากันแดดอย่างสวยงามเพราะเจ้าของบ้านดูแลตลอด ต้นไม้สูงให้ร่มเงา ต้นไม้เล็กให้ความสดชื่นสบายตา มีบ่อน้ำเล็กๆ เอาไว้เลี้ยงปลาสวยงามประดับอยู่ด้วย อีกฝั่งเป็นสนามหญ้าขนาดพอดีไว้ทำกิจกรรมของครอบครัว“หนูนิทแม่อยู่ไหมจ๊ะ” วรรณนภา วิจิตรประภา น้าสาวข้างบ้านที่สนิทสนมกับแม่ของเธอเดินมาถามในขณะที่ นิทรา นิมิตพร กำลังนั่งถักนิตติ้งอยู่ที่ซุ้มไม้เลื้อยข้างบ้าน ร่างบางยิ้มให้คุณน้าและยกมือไหว้อย่างสวยงามก่อนจะตอบ“แม่ทำกับข้าวอยู่ในครัวค่ะน้าวรรณ” พูดพลางลุกขึ้นเพื่อนำคุณน้าคนสนิทของแม่เข้าไปข้างในแม้ว่าวรรณนภาจะห้ามแล้วก็ตามแต่เจ้าบ้านที่ดีก็ต้องดูแลแขก“ที่จริงน้าเข้ามาหาแม่เราเองก็ได้ ไม่เห็นต้องรบกวนเลยลูก หนูไปถักนิตติ้งให้เสร็จดีกว่านะ”นิทราทำเพียงยิ้มเท่านั้นแต่ไม่พูดอะไร“แม่คะ น้าวรรณมาหาค่ะ”ยลลดา นิมิตพรที่กำลังทำอาหารอยู่หันมามองแขกแล้วยิ้มออกมาทันที แม่ครัวทำการป
เช้าวันเสาร์ พสุตื่นมาด้วยความสดชื่นหลังจากที่เพื่อนสาวคนสนิทของเขานัดเจอที่ร้านอาหารเวลาเย็น ช่วงเช้าเขามีนัดตีกอล์ฟกับลูกค้าคนสำคัญเดินลงมาจากบันไดก็เจอบิดามารดากำลังนั่งดูโทรทัศน์พูดคุยกัน“มาพอดีเลยลูก วันนี้พ่อกับแม่จะไปทำบุญที่นครสวรรค์นะ กลับพรุ่งนี้ตอนเช้า” วรรณภาเอ่ยบอกกับลูกชายคนเล็กหลังจากที่บอกภมรไปแล้วเมื่อชายหนุ่มจะออกไปข้างนอกร่างสูงเดินมานั่งข้างบิดา“ไปกันสองคนหรือครับ” เขาถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“แม่หอมก็ไป ป้าลดาก็ไป ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่หรอก” เขาพยักหน้ารับรู้คุยกับท่านทั้งสองสักพักก่อนจะขอตัวออกไปข้างนอกวรรณนภามองตามลูกชายแล้วหันไปคุยกับคุณดิลก วิจิตรประภาผู้เป็นสามีทันที“คุณคะ คุณว่าลูกสะใภ้คนเล็กของเราจะเป็นหนูลินดาหรือเปล่า” สามีกำลังดูข่าวอยู่หันมามองภรรยา“ไม่รู้สิคุณ เห็นเจ้าเล็กก็ไปๆมาๆกับหนูลินดาตั้งนานไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย” เขาพูดตามที่คิด“ฉันก็ว่าอย่างนั้น เสียดายหนูนิทฉันน่ะช๊อบชอบหนูนิทแต่ลูกชายคนเล็กไม่เอาด้วย หนูนิทน่ะเก่งงานบ้านงานเรือนหน้าตารึก็สะสวยนิสัยก็อ่อนหวานเรียบร้อย น่ารักมากๆเลยเสียดาย” คุณวรรณนภาเอ่ยชมหลานสาวที่เห็นมาแต่เด
เวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านไปนิทรายุ่งกับการเตรียมชุดแต่งงานของตนเองและเจ้าบ่าวโดยเธอเป็นคนออกแบบและตัดชุดเองคุณวรรณนภาเป็นธุระเรื่องการวัดตัวพสุก่อนจะเอามาให้เธอตัดชุด ร่างบางอมยิ้มน้อยๆ เมื่อมองชุดเจ้าบ่าวซึ่งกำลังจะเสร็จด้วยความปลื้มใจ เขากำลังจะได้ใส่ชุดที่เธอตัดให้ถือเป็นชุดผู้ชายชุดแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอตัด“พักก่อนไหมนิท” คุณยลลดาถือแก้วโอวัลตินมาวางไว้ข้างกายลูกสาวหลังจากเห็นหล่อนทำงานหนักมาหลายวันแล้วนิทราตัดชุดเจ้าสาวเสร็จเรียบร้อยทั้งชุดงานหมั้นและงานฉลองตอนเย็น ตอนนี้จึงเหลือชุดเจ้าบ่าวที่ต้องตัดทั้งสองชุด พอนางอาสาจะช่วยลูกสาวก็ปฏิเสธเพราะอยากทำให้เจ้าบ่าวด้วยตัวเอง“ไม่ค่ะแม่ ชุดหมั้นใกล้เสร็จแล้ว เสร็จค่อยพักก็ได้” แม้เป็นเวลากว่าเที่ยงคืนเธอก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิม “แม่ไปนอนเถอะค่ะ นิทยังไหว”เห็นหน้าซีดเซียวของลูกสาวแล้วก็อดบ่นว่าที่ลูกเขยในใจไม่ได้ อีกฝ่ายไม่เคยแม้แต่จะย่างกรายเข้ามาที่บ้านของเธอเลย ใจจริงถ้าฝ่ายชายไม่เต็มใจเธอก็ไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานด้วยแต่เพราะน้องคนสนิทคะยั้นคะยอจะรับผิดชอบเธอก็เลยไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธทั้งยังกลัวลูกสาวอับอายอีกด้วย“จ้ะ แม่รักลูกนะ” คุ
“หนูนิทเป็นไงบ้างลูก” “ตัวร้อนครับ สงสัยโหมงานหนักไปหน่อย” พูดจบภาพเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขาจนต้องสลัดมันทิ้งไป“ฝากดูแลด้วยนะแม่ ผมต้องไปทำงานแล้ว” ถ้าขืนอยู่ต่อมีหวังแม่ต้องซักไซ้เขาแน่นอนจึงต้องหาทางเอาตัวรอดก่อน“วันนี้ไม่ต้องไปก็ได้” คนเป็นพ่อบอกด้วยเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกโหมงานหนักแต่พสุก็ปฏิเสธ“พอดีวันนี้งานด่วน ผมขอตัวก่อนนะครับ” หยิบของสำคัญได้ก็รีบออกจากบ้านทันทีโดยไม่ทันจะได้เปลี่ยนชุด..เขากำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร วันก่อนเกลียดแต่เมื่อกี้กลับดูเป็นห่วงเธอ อาจจะเป็นเพราะเธอเคยเป็นเพื่อนสนิทของเขามานานความเป็นห่วงมันก็มีอยู่แล้ว แต่เรื่องที่เธอทำกับเขานั้นก็ไม่ลืมเช่นกันคิดได้สรุปก็เริ่มเบาใจ..เขาไม่ได้รักเธอ ไม่มีทางตกหลุมรักเธออย่างแน่นอนมารดาของนิทราเป็นคนเช็ดตัวให้ลูกสาว พอเที่ยงอีกฝ่ายสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็ดีใจ คุณวรรณนภารีบสั่งเด็กเอาข้าวต้มขึ้นมาให้ลูกสะใภ้ทันทีพร้อมยา“นิทเป็นลมหรือคะ” ตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกปวดหัว“ใช่จ้ะ” คุณแม่ทั้งสองช่วยกันประคองหญิงสาวให้นั่งพิงหัวเตียงเอาไว้ ใบหน้าหวานดูซีดเซียวจนคนเป็นแม่ต้องลูบศีรษะปลอบประโลมลูกสาวของตนเองนิทร
นิทราลงมาแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรเป็นเพื่อนแม่ของตนเอง นิทราเข้าไปเก็บของก่อนจะกลับมายังบ้านหลังใหญ่ เธอทำซุปแก้อาการแฮงไว้ให้พสุที่ตอนนี้ยังไม่ลงมา“เมื่อคืนตาเล็กกลับบ้านกี่โมง” หันไปถามสร้อยที่อยู่รออีกฝ่ายก็อึกอักไม่กล้าตอบพอดีกับนิทราเดินเข้ามาในห้องอาหารของบ้าน“พสุยังไม่ลงมาหรือคะ” ไม่เห็นเขาบนโต๊ะอาหารก็เอ่ยถามขึ้น“ยังเลยลูก ขึ้นไปดูหน่อยก็ดี”ด้วยความเป็นห่วงนิทราจึงลุกขึ้นไปดูอีกฝ่ายบนห้อง เข้ามาก็ได้ยินเสียงอ้วกทันที ก่อนร่างสูงจะเดินออกมาด้วยความงัวเงีย ใบหน้าหล่อดูซูบเล็กน้อย ตอนนี้เขาสวมชุดพร้อมไปทำงานเรียบร้อยแต่เพราะต้องลงพื้นที่ดูตรวจงานจึงไม่ได้ใส่สูทไปเพียงแค่ชุดทะมัดทะแมงเท่านั้น “ดื่มน้ำหน่อยไหม” รินน้ำข้างหัวเตียงให้ เขาก็ไม่ปฏิเสธรับมาดื่มอย่างเสียไม่ได้“ดีขึ้นรึยัง”พสุไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น เมื่อคืนเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมาไปตอนไหนหรือกลับมายังไง ใครเป็นคนดูแลเขาเพราะตื่นมาก็อยู่ในชุดนอนแล้ว ปกติหากเมากลับมาแบบนี้แม่จะสวดเป็นชุดพอขึ้นมาเขาก็นอนด้วยชุดนั้นตื่นมาค่อยอาบน้ำ หากเมื่อคืนไม่ใช่ เขาจำอะไรไม่ได้คิดว่าคนที่ดูแลเขาคงเป็นหญิงร่างเล็กที่กำลังตรวจควา
พสุนั่งทำงานได้สักพักก็ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ เป็นอย่างนี้ประมาณสี่รอบ หน้าเขาเริ่มซีดจนน่าเป็นห่วงดีที่เอกสารมีไม่มากเขาจึงคิดว่าจะกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงานเพราะหากทนอยู่ต่อก็คงไม่ไหว มันปวดจนไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งปวดหนักแล้วเหมือนจะอ้วกด้วยจนกระทั่งเลขาสาวนำอาหารเที่ยงมาให้ก็สังเกตอาการของเจ้านายได้ เธอรีบพาเขาไปโรงพยาบาลทันที ระหว่างทางพสุก็พยายามอดกลั้นไว้เหมือนจะปวดหนักตลอดเวลา เขาอ้วกออกมาระหว่างทางดีที่มีถุงพลาสติกไม่อย่างนั้นต้องได้อ้วกใส่รถแน่ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล ทำเรื่องรอสักพักก็ได้เข้าตรวจ หมอต้องนำผลเลือดของเขาไปตรวจเพราะอาจติดเชื้อระหว่างนี้ให้พสุนอนรอที่ห้องตรวจก่อน“ว่ายังไงตาใหญ่” คุณวรรณนภาที่กำลังนั่งดูละครอยู่กับแม่บ้านรับโทรศัพท์เห็นว่าเป็นลูกชายคนโต“เล็กอยู่โรงพยาบาลนะครับแม่ หมอบอกว่าอาหารเป็นพิษต้องนอนให้น้ำเกลือ” ได้ยินอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็ตกใจเสียยกใหญ่“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่ไปหาน้อง โรงพยาบาลไหนลูก” ลูกชายบอกรายละเอียดก่อนจะวางสายไป คนเป็นแม่ก็แสนจะเป็นห่วงรีบเดินไปบ้านข้างๆ ที่ลูกสะใภ้อยู่เพราะต้องช่วยงานตัดเย็บของคุณยลลดาถึงแม้จะไม่รีบแต่ก็ต้องทำไ
เสียงโทรศัพท์ของนิทราดังขึ้นเจ้าของโทรศัพท์ผวาลุกขึ้นไปก่อนถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าไม่ใช่คนที่ตนเองเฝ้ารอแต่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย“สวัสดีหวาน โทรมาเสียดึกเชียว” เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มที่เพื่อนโทรมา สร้างความแปลกใจเพราะปกติเพื่อนจะไม่ค่อยโทรหาเธอในเวลานี้เป็นที่รู้กันว่านิทราจะไม่ค่อยรับโทรศัพท์ช่วงเวลาดึก‘ค่อยโล่งอกนึกว่าจะไม่รับเสียแล้ว’ปลายสายว่าอย่างโล่งใจ“ปกติไม่ค่อยโทรมาเวลานี้ มีอะไรหรือเปล่า”“คือว่า ก็ไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจนะนิท แต่มันอดไม่ได้ต้องโทรมาบอก พอดีฉันเห็นสามีเธอมานั่งกินเหล้าในผับกับผู้หญิงน่ะ” สิ้นคำบอกเล่าตัวเธอก็ชาทันที มือบางสั่น ขาอ่อนแรงจนต้องนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขก“จะ จริงหรือ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ“จริงแน่นอน ฉันจำพสุได้แม่น” ตอนนี้ไม่รู้มีสีหน้าอย่างไรเพราะสร้อยรีบเข้ามาหาเธอมองอย่างเป็นห่วง นิทราแทบจะไม่รับรู้ประโยคต่อจากนั้นของเพื่อนก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไป มือบางทิ้งลงข้างลำตัว ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ เมื่อวันก่อนก็ไปวันนี้ก็ไปทั้งที่เพิ่งหาย เธอหรือก็เฝ้ารอเขาที่บ้านแต่อีกฝ่ายกลับไปอยู่กับหญิงอื่น“พี่นิทเป็นอะไรคะ”
“สวัสดีครับคุณพสุ” เมื่อเข้ามาภายในโรงแรมก็มีผู้จัดการมาต้อนรับอย่างดี โรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือดิวัลยาที่เขาเคยดูแลเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวก็เข้ามาพักกันเยอะด้วยชื่อเสียงของโรงแรมและการบริการที่ดีเยี่ยม“สวัสดีครับ” เขากล่าวทักทายอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วเดินไปหยิบคีย์การ์ดขึ้นห้องนิทราเดินตามไปแต่ระหว่างทางก็มองการตกแต่งของโรงแรมที่เน้นบรรยากาศ โดยรอบเป็นผนังกระจกใสที่เห็นวิวข้างนอกประดับด้วยไม้มงคล ไม่เน้นหรูแต่เน้นถึงเอกลักษณ์ในพื้นที่ โคมไฟด้านบนก็เป็นรูปปลาชนิดต่างๆ หรือโซฟาตรงล็อบบี้ก็เป็นรูปทรงปะการังที่ดูธรรมชาติ“เดินช้าจริง” หันมาเห็นภรรยามัวโอ้เอ้เดินดูการตกแต่งไม่ตามมาจึงเดินกลับมาจูงมือเธอให้เดินตามนิทราแอบมองมือหนาที่กอบกุมมือเธอเอาไว้ ความรู้สึกอบอุ่นโอบล้อมรอบตัวจนเผลอยิ้มออกมาด้วยความสุขพอดีกับที่ร่างสูงหันมามอง“ยิ้มอะไร เมายาหรือ”..ดูคำพูดเขา ไม่เคยมีความรู้สึกโรแมนติกเลยหรืออย่างไร ลืมไปว่าเธอคือนิทราไม่ใช่ลินดาคนตัวเล็กดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมหากแต่ฝ่ายชายไม่ยอม พสุยังคงจับมือเธอไว้แน่นในขณะที่รอลิฟต์“ปล่อยสิ” ทนไม่ไหวจึงเอ่ยเสียงเข้ม“ปล่