แชร์

ดาวใกล้เดือน
ดาวใกล้เดือน
ผู้แต่ง: Kaowsethong

บ้านสไตล์วินเทจหลังขนาดกะทัดรัดที่มีต้นไม้ล้อมรอบดู  ร่มรื่นจนผู้ผ่านไปมาอดที่จะมองเข้าไปข้างในไม่ได้ บ้านสองชั้นที่สร้างขึ้นดูสวยงามด้วยสีชมพูอ่อน ทั้งหลังเป็นไม้ออกแบบมาอย่างดี ด้านข้างเป็นซุ้มไม้เลื้อยที่ตอนนี้เป็นหลังคากันแดดอย่างสวยงามเพราะเจ้าของบ้านดูแลตลอด ต้นไม้สูงให้ร่มเงา ต้นไม้เล็กให้ความสดชื่นสบายตา มีบ่อน้ำเล็กๆ เอาไว้เลี้ยงปลาสวยงามประดับอยู่ด้วย อีกฝั่งเป็นสนามหญ้าขนาดพอดีไว้ทำกิจกรรมของครอบครัว

“หนูนิทแม่อยู่ไหมจ๊ะ” วรรณนภา วิจิตรประภา น้าสาวข้างบ้านที่สนิทสนมกับแม่ของเธอเดินมาถามในขณะที่ นิทรา นิมิตพร กำลังนั่งถักนิตติ้งอยู่ที่ซุ้มไม้เลื้อยข้างบ้าน ร่างบางยิ้มให้คุณน้าและยกมือไหว้อย่างสวยงามก่อนจะตอบ

“แม่ทำกับข้าวอยู่ในครัวค่ะน้าวรรณ” พูดพลางลุกขึ้นเพื่อนำคุณน้าคนสนิทของแม่เข้าไปข้างในแม้ว่าวรรณนภาจะห้ามแล้วก็ตามแต่เจ้าบ้านที่ดีก็ต้องดูแลแขก

“ที่จริงน้าเข้ามาหาแม่เราเองก็ได้ ไม่เห็นต้องรบกวนเลยลูก    หนูไปถักนิตติ้งให้เสร็จดีกว่านะ”

นิทราทำเพียงยิ้มเท่านั้นแต่ไม่พูดอะไร

“แม่คะ น้าวรรณมาหาค่ะ”

ยลลดา นิมิตพรที่กำลังทำอาหารอยู่หันมามองแขกแล้วยิ้มออกมาทันที แม่ครัวทำการปิดแก๊สแล้วสั่งให้ลูกสาวเอาอาหารใส่จานแทนเธอ

“มาพอดีวรรณ พี่กำลังจะไปหาอยู่ที่บ้าน มานี่ๆ มีเรื่องจะเล่า ให้ฟัง”

แล้วสองสาววัยใกล้เคียงกันก็จับมือกันเดินออกไปคุยที่ห้องรับแขกของบ้านปล่อยให้สาวน้อยวัยยี่สิบแปดปี มองตามยิ้มๆ แล้วผละไปทำตามคำสั่งของแม่ทันที

นิทราอยู่กับมารดาเพียงสองคนเพราะบิดาเสียไปตอนที่เธออายุสิบแปดปี ตอนนั้นรู้สึกเสียใจมาก พ่อคือเสาหลักของครอบครัวแล้วมาด่วนจากไปชีวิตของเธอและแม่ก็เขวไปพักหนึ่งจนแม่ของเธอรับงานตัดชุดทำให้มีรายได้ดีตอนนี้มีเงินมากพอสมควร บ้านถูกผ่อนจนหมดไปแล้ว รถยนต์ก็ซื้อขาดไม่มีหนี้สิน เงินเก็บก็มีพอกินพอใช้ บ้านเธอจึงถือเป็นครอบครัวที่อบอุ่นครอบครัวหนึ่งแม้จะขาดพ่อไปก็ตาม

นิทราตื่นขึ้นมาทำอาหารเพื่อใส่บาตรกับแม่ทุกวัน ดวงตากลมโตเหลือบมองไปทางข้างบ้านซึ่งหลังใหญ่พอสมควร เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ใหญ่สุดในซอย อีกทั้งครอบครัวนี้ยังรวยมากต่างหาก เนื่องจากเป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างชื่อดัง ‘วิจิตร จำกัด(มหาชน)’ งานก่อสร้างโรงงานอุตสหกรรม งานก่อสร้างด้านสาธารณูปโภคถือเป็นงานหลักของบริษัทที่ต้องทำ

“นิทไปกันลูก” หลังจากใส่บาตรเสร็จเห็นลูกสาวมองไปทางบ้านของน้องคนสนิทนานจึงเรียก

นิทราได้สติจึงรีบลุกขึ้นเก็บของเดินเข้าบ้านพอดีกับที่รถยนต์ยี่ห้อดังจากฝั่งยุโรปถูกขับออกมาจากบ้านโดยลูกชายคนเล็กที่หล่อเหลาเอาการ

พสุ วิจิตรประภา หนุ่มร่างสูงที่ตอนนี้กำลังฮอตในหมู่สาวๆ เพราะเขาคือลูกชายคนเล็กที่ดูท่าว่าจะไปได้สวยกับสายงานธุรกิจของบิดา ถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่แม้อายุเพียงยี่สิบแปดปี แต่ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นถึงรองประธานบริษัทเพราะความสามารถของเขาเองล้วนๆ ไม่ใช้เส้นพ่อของตนแต่อย่างใด

รถหรูจอดข้างบ้านของตนฝั่งขวาซึ่งเป็นบ้านสไตล์ลอฟท์หลังงาม ไม่ใช่เพียงบ้านเท่านั้นที่สวยแต่ลูกสาวเจ้าของบ้านก็สวยมากเช่นกัน

ลินดา นรินทราทิตย์ ลูกสาวเจ้าของบริษัทรับออกแบบบ้าน ออกแบบผลิตภัณฑ์ ออกแบบโลโก้ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ‘ทราทิตย์ จำกัด’ ลินดาเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านที่เป็นที่รักถือเป็นจุดศูนย์รวมด้วยความขี้อ้อนทำให้พี่ชายทั้งสองต่างตามใจน้อง จนพ่อและแม่ต้องคอยเบรกไว้ตลอด

“สวัสดีครับป้ามิน ผมมารับลินไปทำงานครับ”

มินตรา นรินทราทิตย์ปิดหนังสือพิมพ์แล้วมองลูกชายของเพื่อนบ้านด้วยรอยยิ้ม เธอหันไปมองผู้เป็นสามียิ้มให้กันสองคนอย่างรู้เป็นนัยว่าชายหนุ่มคนนี้มาติดพันลูกสาวตัวเองและพสุก็มีโปรไฟล์ดีจนทั้งเธอและสามีให้ผ่านเป็นที่เรียบร้อย

“กำลังจะลงมาจ้ะ ลูกสาวน้าคนนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ แต่งตัวช้า”

พูดไม่ขาดคำสาวสวยร่างบางก็เดินลงมาจากบันไดด้วยชุดสูทเรียบหรูเสริมด้วยกระโปรงยาวคลุมเข่า ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้พ่อกับแม่แล้วเข้ามาหอมแก้มท่านทั้งสองทันที

“ลูกไม่ได้แต่งตัวช้านะคะ แค่มีเรื่องให้ทำนิดหน่อยไปแล้วนะคะคุณพ่อคุณแม่”  มือสวยยกไหว้บุพการีก่อนเดินตามพสุออกไปข้างนอก

เป็นกิจวัตรประจำวันที่ทั้งสองจะไปทำงานด้วยกันเพราะบริษัททราทิตย์จำกัดอยู่ห่างจากวิจิตร จำกัด(มหาชน) เพียงห้ากิโลเมตรเท่านั้น

“กินข้าวเช้าหรือยัง” ถามพร้อมกับยื่นกล่องแซนด์วิชให้ ลินดารับมายิ้มอย่างมีความสุขเป็นแบบนี้เสมอเมื่อออกไปเรียนหรือทำงาน พสุรู้ว่าเธอไม่ทันได้ทานอาหารเช้าก็จะทำแซนด์วิชมาให้ทุกวันจนบางครั้งเธอต้องบอกให้เขาพอเพราะเบื่อแซนด์วิชเหลือเกิน

“ขอบใจนะ นายรู้ใจฉันตลอดเลย”

ยิ้มของเธอราวกับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ เพียงแค่ลินดายิ้มเขาก็มีความสุข เธอคนเดียวผู้กุมดวงใจทั้งดวงของเขาไว้

รถคันหรูขับออกไปจากหน้าบ้านของลินดาโดยไม่รู้ว่ามีหนึ่งสายตามองตาม ร่างบางลดของที่ถือในมือลง เป็นอีกครั้งที่เธอมาไม่ทันเอาข้าวกล่องให้กับเขา เพราะน้าวรรณบอกกับเธอว่าลูกชายคนเล็กของตนนั้นไม่ชอบทานข้าวเช้ามัวแต่นอนตื่นสายจนต้องรีบไปหมดเสียทุกอย่าง เธอเลยตั้งใจทำอาหารให้เขาทุกเช้า บางวันก็ทัน บางวันก็ไม่ทันแต่เธอก็ทำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ

“ขับรถดีๆ นะ” คงต้องฝากสายลมไปบอกกับเขาเสียแล้ววันนี้

คนตัวเล็กเดินกลับเข้าไปภายในบ้านเพราะต้องช่วยแม่ทำงานให้เสร็จตามจำนวนลูกค้าที่สั่งมา เธอออกแบบเสื้อผ้าแล้วลงมือตัดเอง ตอนนี้เสื้อผ้าของเธอกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดด้วยดีซายน์ที่แปลกใหม่และสวยทำให้แบรนด์เล็กๆ ของเธอกับแม่อย่างแบรนด์ ‘นิทลดา’ กำลังดัง โดยมีโรงงานคือบ้านนั่นเอง

สองแม่ลูกจะทำจำนวนจำกัดเพราะไม่อยากให้งานส่วนนี้มาแบ่งเวลาของครอบครัวไป

ย้อนไปเมื่อสมัยทั้งสามเป็นเด็ก พสุและนิทราอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงเล่นด้วยกันมาตลอดเพราะพ่อของสองหนุ่มสาวเป็นเพื่อนสนิทกัน นิทราตามใจพสุตลอดไม่ว่าชายหนุ่มอยากเล่นอะไรเธอก็เล่นกับเขาแม้กระทั่งฟุตบอลที่ตนเองเล่นไม่เป็นก็ไปหัดมาจนสามารถเล่นได้แต่ว่าพสุไม่ได้รอเธอเพราะเขาไปเล่นกับเพื่อนผู้ชายอีกซอยเสียแล้วทำให้นิทราต้องนั่งมองลูกบอลอยู่คนเดียว

“อะไอติม”  พสุเดินกลับมาจากการเล่นฟุตบอลก็ยื่นไอติมที่ตนเองซื้อมาให้กับนิทราซึ่งนั่งหน้าจ๋อยอยู่หน้าบ้าน

“เอาให้เราทำไม”

“ก็เห็นทำหน้าเศร้า เหงาเหรอ”  เด็กชายวัยสิบเอ็ดปีเอ่ยถามเพื่อนพร้อมกับนั่งลงข้างๆ

นิทรารับไอศกรีมมาเปิดกิน

“ไม่หรอก แบ่งกันเรากินไม่หมด” กัดไปได้สองสามคำก็ยื่นให้เพื่อน

พสุส่ายหน้าแล้วผลักไอศกรีมกลับไปให้หญิงสาวอีกครั้ง

“ไม่ละ กินไปเถอะ” เขานั่งมองนิทรากินจนหมดก่อนจะยิ้มให้ “อย่าทำหน้าเศร้าอีกละ มันไม่เหมาะกับนิทหรอก” เขาว่าพลางลุกขึ้นเดินเข้าบ้านตนเอง

นิทรามองตามหลังแล้วยิ้มกว้างเดินร้องเพลงเข้าบ้านอย่างมีความสุข เขาไม่ได้ทิ้งเธอเสียหน่อยจะเศร้าไปทำไมกันล่ะ

จนกระทั่งสองปีต่อมา บ้านนรินทราทิตย์ก็ย้ายมาอยู่ข้างบ้านวิจิตรประภา ความสนใจของพสุถูกย้ายไปที่ลินดาลูกสาวคนเล็กของบ้านหลังใหม่ที่เข้ามาอยู่จนหมด เธออยู่ในวัยเดียวกับเขาแถมยังสวยน่ารัก หัวใจหนุ่มที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นเต้นแรงเมื่อเห็นเธอส่งยิ้มให้ เขาตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว!

หลังจากนั้นถ้าหญิงสาวไม่ไปมาหาสู่ที่บ้าน พสุก็แทบจะลืมไปเลยว่ามีนิทราอยู่ข้างบ้านตน เมื่อมีความสุขพสุมักจะไปหาลินดาทุกครั้งแต่เมื่อทุกข์เขากลับไปปรึกษานิทรา เธอยินดีรับฟังเขาทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องที่เขาแอบรักลินดามาตลอด เขาปรึกษาวิธีการทุกอย่างกับนิทราโดยไม่ล่วงรู้เลยว่าเพื่อนสาวคนนี้คิดไม่ซื่อกับตนเอง

จนในที่สุดจบมัธยมปลายเขาก็สารภาพรักกับลินดาแต่เธอกลับปฏิเสธเขาไปเหลือไว้เพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาพสุก็ยังคงเหมือนเดิมกับลินดาเขาดูแลเธออย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องจนบิดามารดาของหญิงสาวนั้นอยากได้เขามาเป็นลูกเขยดีที่ลูกสาวแบรกไว้ทันแต่ท่านก็ยังคงหวังอยู่เสมอ

“นิทพี่เอาแกงเขียวหวานมาฝาก”

ภมร วิจิตรประภา พี่ชายแท้ๆ ของพสุหนุ่มหล่อประธานบริษัทเดินถือกล่องใส่อาหารมาให้น้องข้างบ้านที่ตนเอ็นดู

นิทราวางมือจากการรดน้ำต้นไม้แล้วเชิญภมรเข้ามาภายในบ้านทันที เขานั่งรอเธออยู่ที่ซุ้มไม้เลื้อยก่อนที่หญิงสาวจะเอาแกงเขียวหวานไปเทใส่ถ้วยแล้วล้างกล่องมาให้เขาอย่างเรียบร้อย

“เสร็จแล้วค่ะพี่ภมร”

ชายหนุ่มรับของในมือของน้องสาวแล้วถามไถ่ถึงงานก่อนจะขอตัวกลับบ้าน

ร่างบางมองตามร่างสูงใหญ่ของภมรแล้วอดนึกถึงชายหนุ่มอีกคนไม่ได้ ทำไมเดี๋ยวนี้พสุไม่มาหาเธอเลยก็ไม่รู้ ปกติอาหารพวกนี้เขามักจะเอามาให้เธอไม่ใช่หรือแต่ทำไมคราวนี้ถึง...

ใครเลยจะรู้ว่าค่ำขนาดนี้แล้วลูกชายคนเล็กของบ้านวิจิตรประภายังคงหลงระเริงในบทเพลงแห่งรักกับสาวเลขาหน้าสวยที่เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทของตนเอง หลังเสร็จภารกิจรักแล้วพสุก็สวมเสื้อผ้าทันทีพลางมองดูนาฬิกาเรือนหรูที่ติดอยู่ข้างฝาผนัง

“จะไปไหนคะคุณพสุ”  เมขลา เลขาสาวหน้าสวยเอ่ยถามเมื่อเห็นเขารีบ เธอสวมชุดเสร็จแล้วก็เดินมากอดแขนเขาเอาไว้ทันที

ชายหนุ่มมีท่าทางรำคาญเล็กน้อยก่อนปลดมือเธอออก

“ผมต้องไปรับเพื่อน ไว้เจอกันพรุ่งนี้”  ว่าจบก็หยิบสูทเดินออกไปทันทีด้วยเพราะไม่เห็นความสำคัญอะไรที่ต้องมานั่งล่ำลาเลขาสาวที่เพิ่งเสร็จกิจกรรมกันไป เขากับเธอตกลงกันแล้วว่าจะไม่ผูกมัดใดๆ ต่อกันทั้งสิ้น โดยไม่รู้เลยว่าเลขาคนนี้หวังสูงแค่ไหน

“คอยดูเถอะคุณต้องเป็นของฉัน!”  ดวงตากลมโตหมายมาดเอาไว้

รถยนต์คันหรูขับมารับลินดาที่ยืนรออยู่หน้าบริษัทแล้ว วันนี้เธอกลับค่ำเพราะต้องประชุมอยู่จนดึกดีที่ได้เพื่อนชายคนสนิทมารับ ร่างบางส่งยิ้มให้เขาแล้วขึ้นไปนั่งบนรถทันทีเมื่ออีกฝ่ายจอดรถเทียบใบหน้าหวานตอนนี้อ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด

“ดื่มน้ำหน่อยไหมลิน ท่าทางจะเหนื่อยน่าดู”  เขายื่นน้ำเปล่าที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อข้างทางให้เธอ

ลินดารับน้ำมาดื่มก่อนจะเอ่ยขอบคุณ ระหว่างทางเธอก็เล่าเรื่องบริษัทให้ฟังเพราะอัดอั้นกับการประชุมโครงการออกแบบคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งที่เรื่องมากจนการประชุมยืดเยื้อ

“ขอบคุณมากนะพสุ แล้วเจอกัน พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับนะ เราจะไปเอง”  ถึงบ้านแล้วคนตัวเล็กก็หันมาบอกเขา

พสุแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเขาเพียงพยักหน้าเท่านั้น เมื่อเห็นร่างบางลงจากรถไปแล้วก็ขับมาที่บ้านตัวเองแต่ก่อนจะเข้าบ้านเขาก็ชะงักเมื่อเจอสาวเพื่อนบ้านอีกคนที่นั่งเศร้าอยู่หน้าบ้าน ร่างสูงจอดรถไว้แล้วเปิดประตูลงมาทันที

“นิททำไมมานั่งตากยุงอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเรียกเธอให้เงยหน้ามามองเขา ใบหน้าคมส่งยิ้มให้นิดหน่อยตามฉบับของตนเอง

“พอดีมานั่งดูดาว” ไม่ใช่เลยที่เธอมานั่งตรงนี้เพราะรอเขาต่างหากเล่า แล้วเธอก็เห็นเขาไปส่งลินดาเมื่อสักครู่ความน้อยใจทำให้ก้มหน้านิ่งพยายามกลั้นน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมา

“ดาวอะไรไม่เห็นมีเลย มีเรื่องเศร้าหรือเปล่า เล่าให้เราฟังได้นะ” เงยหน้ามองท้องฟ้าก็ไม่เห็นมีดาวสักดวง เขาย่อตัวลงนั่งข้างเธอทำเอาหัวใจดวงน้อยอุ่นวาบขึ้นมาทันที

“พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ”

สองร่างนั่งข้างกันต่างคนต่างเงียบไม่พูดอะไรแต่บรรยากาศกลับดูอบอุ่นจนตัวพสุเองยังรู้สึกได้ เขารู้สึกได้ทุกครั้งที่อยู่กับนิทราว่าเขาจะสบายใจ มีเรื่องทุกข์เธอก็จะทำให้เขาหายได้ราวกับเธอเป็นนางฟ้าประจำตัวเขาอย่างไรอย่างนั้น

“งานเป็นไงบ้าง”  นิทราถามขึ้น

ร่างสูงมองบนท้องฟ้าที่มีเพียงพระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนนภาเท่านั้น

“ก็ดี” คำตอบสั้นๆ ราวกับต้องการปิดบทสนทนา

ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นมีเพียงความเงียบแต่แปลกที่ภายในความเงียบนั้นไม่มีความอึดอัดอยู่เลย บรรยากาศโดยรอบดูอบอุ่น

“กับลินโอเคไหม” ตัดสินใจถามขึ้นขณะหันมามองใบหน้าคมที่เธอแอบมองเขามาตลอด เขาคงไม่เคยรู้เลยสินะว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่แอบรักเขามาตลอด

“ก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม อย่างว่านะ เรามันคงอับโชคเรื่องความรักมั้ง”  ว่าแล้วหันมายิ้มให้เธอ ดวงตามองสบกันก่อนแล้วยิ้มให้กันอย่างมีความสุข เขาชวนเธอคุยไปเรื่อยจนรู้สึกว่าดึกมากแล้วจึงเดินไปส่งนิทราเข้าบ้าน

“ถ้ามีอะไรก็บอกเราได้นะ อย่าลืมว่ามีเราเป็นเพื่อนนะ” มือหนายกมือขึ้นยีผมร่างเล็กตรงหน้าที่จ้องเขาตาแป๋ว

นิทราพยักหน้ารับทราบแล้วโบกมือลาอีกฝ่ายมองดูเขาจนลับสายตา รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าสวย เพียงแค่นี้เธอก็ดีใจมากแล้วถึงแม้จะเป็นได้เพียงแค่เพื่อนของเขาก็ตาม

“เธอรักเขาขนาดนั้นแล้วจะให้ฉันทำร้ายเธอลงได้อย่างไรนิท” คุณหนูคนเล็กของบ้านนรินทราทิตย์พึมพำกับตนเองหลังจากที่แอบมองสองหนุ่มสาวมานานแล้ว เธอรู้มาตลอดว่าเพื่อนสาวบ้านใกล้เธอแอบชอบพสุมากและนานแค่ไหน เพียงแต่พ่อคนรูปหล่อดันไม่รู้ นิทราแสนดีจนเธอแอบเชียร์อยู่ห่างๆ ให้สมหวังกับพสุเสียทีแต่รอนานแล้วก็ดูจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่

“รอนานหรือเปล่า” หนุ่มหล่อดีกรีประธานบริษัท เดินออกมาจากบ้านด้วยชุดลำลองสบายๆ แต่มันช่างดูหล่อเหลาเหลือเกินในความคิดของเธอ

ลินดายิ้มรับชายหนุ่มคนรักของเธอก่อนจะรีบเดินไปกอด     แขนเขา

“ไม่นานค่ะ รอแค่แป๊บเดียวคุณแฟนก็เดินออกมาพอดี” เธอโกหกเขาอย่างแนบเนียน ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองมองอีกคู่นานแค่ไหน

“ปากหวานจังเลยนะเรา เรียกพี่มามีอะไรหรือเปล่า”  ร่างบางส่ายศีรษะก่อนจะกอดแขนเขาแน่น

“เป็นอะไรบอกพี่”  เห็นคนรักเงียบไปเขาก็เอ่ยถาม ทั้งเขาและลินดาเพิ่งคบกันได้สามวันโดยที่สาวเจ้าทนไม่ไหวบุกมาหาเขาถึงบริษัทและบอกรักเขายาวนานพร้อมขอเป็นแฟนด้วยแล้วมีหรือที่คนอย่างภมรจะปฏิเสธเพราะก็แอบมองเธอมานานแม้จะรู้ว่าน้องชายชอบลินดามากแค่ไหน แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้จริงๆ และนี่เป็นสาเหตุให้เขายังไม่ค่อยกล้าสู้หน้าน้องของตนเองเท่าไหร่

“วันเสาร์นี้ลินจะบอกความจริงกับพสุ” ตัดสินใจเอ่ยบอกแฟนตนเอง

ภมรมองสาวน้อยที่หน้าหม่นลงอย่างเห็นใจ เพราะน้องชายของเขาก็แสนดีขนาดนั้นการทำลายจิตใจผู้ชายที่ดีอย่างพสุไม่ใช่สิ่งที่อยากจะทำเลย

“คิดดีแล้วหรือ”

“ค่ะ คิดดีแล้ว ลินไม่อยากทำร้ายใคร” แม้ว่าการบอกครั้งนี้จะเป็นเหมือนการฆ่าเขาทั้งเป็นก็ตาม การบอกครั้งนี้อาจจะทำลายเขาจริงๆ เพราะคนที่เธอรักคือพี่ชายของเขาเอง

ลินดานิ่งคิดจนภมรรู้สึกสงสารจึงดึงแฟนสาวเข้ามากอดแล้วลูบหลังอย่างแผ่วเบา

“ถ้าลินคิดแล้วว่ามันดีก็ทำเถอะ พี่เชื่อใจลินเสมอ”  ลินดายิ้มซบอกหนาแล้วโอบกอดเขาทันที เพราะเขาอ่อนโยนแบบนี้อย่างไรเล่าเธอถึงรักเขา รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ผู้ชายอ่อนโยนยิ้มหวานหน้าคมเข้ม เธอมอบหัวใจให้เขาไปตั้งนานแล้วจนกระทั่งรู้ว่าเขากำลังจะคบใครจึงรวบรวมความกล้าบุกไปบอกรัก และในที่สุดเธอก็ได้เขามาครอง

“พรุ่งนี้พี่ไปรับแต่เช้านะ”  ผละออกร่างสูงก็เอ่ยบอกกับแฟนสาว

ลินดาพยักหน้ายิ้มให้เขาแล้วเดินเข้าบ้านตัวเองไป ภมรมองตามจนร่างบางลับตาเขาจึงเดินเข้าบ้านตัวเอง

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status