เช้าวันเสาร์ พสุตื่นมาด้วยความสดชื่นหลังจากที่เพื่อนสาวคนสนิทของเขานัดเจอที่ร้านอาหารเวลาเย็น ช่วงเช้าเขามีนัดตีกอล์ฟกับลูกค้าคนสำคัญเดินลงมาจากบันไดก็เจอบิดามารดากำลังนั่งดูโทรทัศน์พูดคุยกัน
“มาพอดีเลยลูก วันนี้พ่อกับแม่จะไปทำบุญที่นครสวรรค์นะ กลับพรุ่งนี้ตอนเช้า” วรรณภาเอ่ยบอกกับลูกชายคนเล็กหลังจากที่บอกภมรไปแล้วเมื่อชายหนุ่มจะออกไปข้างนอก
ร่างสูงเดินมานั่งข้างบิดา
“ไปกันสองคนหรือครับ” เขาถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
“แม่หอมก็ไป ป้าลดาก็ไป ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่หรอก” เขาพยักหน้ารับรู้คุยกับท่านทั้งสองสักพักก่อนจะขอตัวออกไปข้างนอก
วรรณนภามองตามลูกชายแล้วหันไปคุยกับคุณดิลก วิจิตรประภาผู้เป็นสามีทันที
“คุณคะ คุณว่าลูกสะใภ้คนเล็กของเราจะเป็นหนูลินดาหรือเปล่า” สามีกำลังดูข่าวอยู่หันมามองภรรยา
“ไม่รู้สิคุณ เห็นเจ้าเล็กก็ไปๆมาๆกับหนูลินดาตั้งนานไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย” เขาพูดตามที่คิด
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น เสียดายหนูนิทฉันน่ะช๊อบชอบหนูนิทแต่ลูกชายคนเล็กไม่เอาด้วย หนูนิทน่ะเก่งงานบ้านงานเรือนหน้าตารึก็สะสวยนิสัยก็อ่อนหวานเรียบร้อย น่ารักมากๆเลยเสียดาย” คุณวรรณนภาเอ่ยชมหลานสาวที่เห็นมาแต่เด็ก
“คุณก็ไปบอกลูกชายของคุณสิ”
“ไม่เอาหรอก มีแต่ตาเล็กจะยิ่งหนีสิไม่ว่าถ้ารู้ว่าแม่อยากจับคู่ให้ ปล่อยให้เป็นไปตามฟ้าลิขิตแล้วกัน”
คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาว่าจะลิขิตความรักของลูกชายคนเล็กของตระกูลวิจิตรประภาจะให้เป็นอย่างไรหวังว่าคงไม่ใจร้ายกับลูกชายของบ้านนี้จนเกินไปแล้วกัน
“นิทเดี๋ยวแม่จะไปทำบุญที่นครสวรรค์กับน้าวรรณนะลูก อยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม” คุณยลลดาเอ่ยบอกลูกอีกครั้งหลังจากที่บอกไปแล้วเมื่อวาน
นิทราพยักหน้ารับรู้ระหว่างช่วยแม่เก็บกระเป๋า
“นิทรู้แล้วค่ะ แม่บอกนิทเป็นร้อยรอบแล้วมั้งเนี่ย” ลูกสาวพูดเย้าแหย่ผู้เป็นมารดา
“แม่ก็ย้ำอีกรอบไง ตกลงนอนคนเดียวได้นะ”
“สบายมากค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงนิทหรอก” ว่าพลางรูดซิปปิดกระเป๋าให้เรียบร้อย
ร่างบางเดินมาส่งแม่ถึงบ้านของน้าวรรณที่นั่งดูทีวีรออยู่ข้างใน
“ฝากดูแลแม่ด้วยนะคะน้าวรรณ” ไหว้ทั้งคุณดิลกและคุณวรรณนภาแล้วก็เอ่ยฝากแม่ของตนเอง
“จ้ะ น้าจะดูแลแม่เราอย่างดีเลย”
นิทราไม่ลืมกำชับให้แม่ดูแลตัวเองจนผู้ใหญ่อดหัวเราะกับสาวน้อยที่ห่วงแม่เกินเหตุไม่ได้ นิทรามองดูรถตู้คันหรูแล่นไปจนลับตาแล้วชะเง้อมองเข้าไปภายในบ้านที่เธอไม่ได้มาเป็นเวลานาน มองไปยังโรงรถก็ไม่เจอรถของพสุจึงเดาได้ว่าเขาไม่อยู่บ้านร่างเล็กแอบเสียดายตัดใจเดินกลับบ้านเพื่อไปทำงานของตนเองต่อ
พสุเดินเข้ามาภายในร้านอาหารที่เขากับลินดาชอบมารับประทานประจำเพราะใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เรียนแถมอาหารยังอร่อยอีกด้วย เป็นร้านโปรดของหญิงสาวเลยละ ไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างบางมาหรือยังเพราะเขามาก่อนเวลานัดสิบนาทีแต่กลับแปลกที่โต๊ะประจำมีลินดานั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองสบตากันก่อนเขาจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่ออีกคนโบกมือทักทาย ไม่ได้เจอกันตั้งสองวันหลังจากที่เธอบอกไม่ให้เขาไปรับไป ส่งแล้ว
“มาเร็วจังเลย อุตส่าห์มาก่อนเวลายังไม่ทันลิน”
ร่างบางยิ้มกว้างแม้ดวงตาจะดูไม่สดใสก็ตามและพสุก็พอจะ ดูออก
“กินอะไรมายัง สั่งอาหารก่อนไหม”
พสุพยักหน้ารับเพราะช่วงบ่ายเขากินไปนิดเดียวจริงๆ เนื่องจากเรื่องที่คุยทำให้ต้องโฟกัสไปที่งานของบริษัทก่อน
สั่งอาหารมาได้สามอย่างก็คุยกันระหว่างรอ ส่วนมากพสุจะเป็นฝ่ายนั่งฟังลินดาพูดเสียมากกว่าเมื่ออาหารมาทั้งสองก็เริ่มลงมือรับประทานแต่คนตัวเล็กกลับกินไปได้นิดเดียวก่อนจะวางช้อนส้อมแล้วดื่มน้ำ
“อิ่มแล้วเหรอ ทำไมอิ่มเร็ว” เขาถามในขณะที่ยังรับประทานอยู่เพราะหิวมากจริงๆ
“ก็กินเยอะไม่ได้ เดี๋ยวอ้วนพอดี”
“อ้วนบ้างก็ดีนะ ลินผอมจนจะปลิวไปตามลมได้อยู่แล้วเนี่ย” เขาเย้าเธอก่อนจะเริ่มรับประทานต่อจนอาหารเกลี้ยงทุกอย่าง พสุดื่มน้ำตาม
“อิ่มมาก แน่นสุดๆ เลยตอนนี้” ลินดายิ้มให้ก่อนจะชวนเขาไปเดินย่อยอาหารที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน ทั้งสองขับรถไปคนละคันแต่ถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน
พสุดูออกว่าเพื่อนมีท่าทีไม่สบายใจแล้วอยากจะถาม แต่ก็รอให้อีกฝ่ายพูดเองมากกว่า
พระอาทิตย์เริ่มตกดินทำให้ลินดาตัดสินใจที่จะบอกกับพสุ
“คือลินมีเรื่องจะบอก” ในขณะที่เดินไปสักพักลินดาก็เอ่ยขึ้นพลางหยุดเดิน
“เราว่าละ ลินดูเหมือนมีอะไรกังวลใจแปลกๆ”
ความกังวลเกิดขึ้นเมื่อจะบอกอีกฝ่าย แน่นอนว่าพสุต้องเสียใจแต่ถ้าปล่อยไว้มันก็ยิ่งไม่เป็นการดีกับฝ่ายไหนเลย เธอจะต้องบอกเขา
“เรามีแฟนแล้ว”
คำพูดของร่างบางทำเอาพสุนิ่งงันไป หัวใจเหมือนหยุดเต้นไปชั่วครู่แล้วถามออกมาเสียงสั่น
“ว..ว่าไงนะ มีแฟนแล้ว ลินหลอกเราหรือเปล่า” ถามพลางยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มที่ดูแห้งแล้งก็ตาม
ลินดานิ่งเธอส่ายหน้าน้อยๆ
“เราเพิ่งคบกับเขาได้ห้าวัน ขอโทษนะ”
“ใคร มันเป็นใคร” เขาถามเน้นย้ำเมื่อรู้ได้ว่าสิ่งที่เธอบอกไม่ใช่เรื่องโกหกอีกต่อไป ตอนนี้ลินดาไม่โสดอีกต่อไปแล้วในหัวใจของเธอมีเจ้าของจับจองเป็นที่เรียบร้อยและนั่นไม่ใช่เขา ใจของเขามันเจ็บปวดเหลือเกินที่หญิงสาวซึ่งเฝ้ามองมานานมีแฟน ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่เขาอยู่ด้วยเธอไม่เคยมีท่าทีว่าจะมีแฟนเลย เธอโสดมาตลอดจนกระทั่งวันนี้ที่บอกว่ามีแฟนแล้ว
“ลินขอโทษพสุลินขอโทษจริงๆ ลินคบกับพี่ภมร”
ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาที่ตัวเขามันชาวาบไปหมดเมื่อรู้ว่าคนที่หักหลังเขาคือใคร
..คือพี่ชายแท้ๆ ของเขานั้นเอง!
“เมื่อไหร่ มันเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้งๆ ที่เรารักลินมาตลอดแล้วทำไม” คำถามมากมายเกิดขึ้นเขาพูดแทบไม่รู้เรื่องตอนนี้สมองประมวลผลอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากคำว่าทรยศที่เขามอบให้คนเป็นพี่ชาย
“ลินแอบรักพี่ภมรมานานแล้ว ลินเลยไม่เคยมองใครเลยแม้กระทั่งพสุ”
เป็นคำตอบที่ทำลายเขาได้อย่างน่าเจ็บปวด เพียงเท่านี้เขาก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว คนที่ไม่ถูกเลือกคือเขาสินะ เธอรักพี่ชายเขามาตลอดแล้วทำไมไม่บอกกันบ้าง ปล่อยให้เขาเป็นไอ้โง่ได้อย่างไรมาตั้งนานแสนนาน
พสุยิ้มเยาะตัวเอง
“ขอให้โชคดีแล้วกัน” พูดได้เท่านั้นร่างสูงก็เดินกลับไปที่รถทันทีโดยไม่หันมามองคนที่พยายามเรียกตัวเองอีกเลย ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มประดับเรียบนิ่งจนน่ากลัว เขาปิดประตูรถเสียงดังแล้วขับออกไปด้วยความเร็วจุดหมายปลายทางก็คือผับดังร้านประจำของเขา
เมื่อมาถึงชายหนุ่มก็สั่งเหล้าเข้มๆ มาทันทีดื่มราวกับน้ำโดยไม่ได้มองเลยว่าตอนนี้ตนเป็นเป้าสายตาของใคร
“นั้นเจ้านายเธอใช่ไหมเม” เลขาสาวสวยที่มานั่งดื่มกับเพื่อนหันไปมองก็ยกยิ้มขึ้นมาเมื่อพบกับเจ้านายตนเอง
“ใช่แล้ว คืนนี้ฉันคงไปกับพวกเธอไม่ได้แล้วละ ขอโทษด้วยนะ” เอ่ยลาเพื่อนก่อนจะลุกออกจากโต๊ะแต่โดนเพื่อนอีกคนจับแขนไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ ฉันมีของเล่นมาให้เธอด้วยนะ” ถุงขนาดเล็กที่มีผงสีขาวอยู่ด้านในถูกยื่นให้เมขลาทันที
“ลองเอาไปใช้ดูนะ ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ใช้เสร็จเอามาเล่าให้ฟังด้วยนะ” ทั้งกลุ่มยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย
เมขลารับของมาจากเพื่อนแล้วเก็บไว้อย่างดี ร่างบางเดินตรงไปยังพสุที่นั่งดื่มคนเดียวเงียบๆ หมดแล้วเติมใหม่จนร่างสูงโอนเอนไปมา
“คุณพสุไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่นะคะ” เธอทักเขาแล้วนั่งลงข้างๆ ทันที“ดื่มเยอะระวังเมาแล้วกลับไม่ได้นะ”
เขาไม่ได้สนใจเธอยังคงเติมต่อไปเรื่อยๆ ให้ดับความว้าวุ่นในใจของตนเอง เมขลาเข้าไปกอดแขนเขาพลางเอนตัวซบจนพสุรำคาญสะบัดเธอออก
“จะไปไหนคะ” เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเลยถาม
“เข้าห้องน้ำ” ว่าจบก็เดินออกไปยิ่งเพิ่มโอกาสให้หญิงสาวเธอเทผงสีขาวที่ได้มาจากเพื่อนใส่แก้วให้เขาทันทีแล้วหันไปมองเพื่อนของตนเองที่ส่งยิ้มมาให้ คนให้เข้ากันก่อนจะวางไว้ที่เดิม
ไม่นานร่างสูงก็เดินมายังโต๊ะของตนเอง เขาดื่มรวดเดียวหมดจนเมขลาที่มองยิ้มพอใจ ดื่มไปไม่นานร่างสูงก็รู้สึกร้อนเนื้อร้อนตัวไปหมดความต้องการพุ่งทะยานจนต้องหันไปจูบสาวที่นั่งข้างกายโดยไม่คิดจะยับยั้งชั่งใจ ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มจนคนอื่นต่างสนใจ
เมขลาจึงผละออกจากเขาแล้วพาเดินออกไปจากผับ โดยมีสายตาหลายคู่ยังคงมองอยู่อย่างสนใจ
พสุพยายามจะจูบอีกฝ่ายแต่เธอก็บอกให้ใจเย็นรอถึงรถก่อน ดีที่เขาเป็นสมาชิกผับจ่ายเงินรายปีสามารถเช็กยอดทั้งปีจ่ายครั้งเดียวซึ่งเขาก็มาไม่ค่อยบ่อยนักที่มาส่วนมากก็เพราะคุยงานกับลูกค้าจึงมาสังสรรค์บ้างตามโอกาส
ผลัวะ
ในขณะที่สองร่างกำลังจูบกันตรงลานจอดรถร่างของพสุก็ถูกต่อยเข้าจนอีกฝ่ายเซล้มลงไป
“พี่เข้ม!” เมขลาเห็นหน้าคนที่เข้ามาทำร้ายเจ้านายตนเองก็ต้องตกใจ
“ยังจำผัวมึงได้อยู่เหรอ!” อีกฝ่ายตะโกนใส่หน้าผู้หญิงก่อนจะลากเธอให้ออกไปจากตรงนี้ เขาไม่ได้สนใจพสุอยู่แล้วจึงไม่คิดติดใจเพราะรู้สันดานเมียตัวเองดี
“พี่จะพาฉันไปไหน”
“มึงเงียบ!กูไม่ทำอะไรไอ้นั้นหรอก คนที่จะโดนคือมึง” ว่าจบก็ลากเธอออกไปด้วยแรงมหาศาลของบุรุษทำเอาเมขลาก้าวตามแทบไม่ทัน ไม่วายหันไปมองอีกคนที่นอนอยู่บนพื้นท่าทางทุรนทุราย
เสียดายโอกาสครั้งนี้เหลือเกิน กะว่าจะได้กินอยู่แล้วเชียวกลับพลาดไปเสียได้
พสุค่อยๆ ลุกขึ้นมาเขาหยิบกุญแจมาเปิดรถแม้สติยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์รู้เพียงว่าจะต้องกลับบ้านให้ได้ อาการปวดตรงกลางลำตัวตีขึ้นมาจนเขาต้องกุมมันเอาไว้ ร้อนเนื้อร้อนตัวไปหมดขับรถกลับมาได้แต่ก็เกินความเร็วที่กำหนดไว้ไม่มีด่านตรวจระหว่างทางกลับบ้านเลย
รถคันหรูจอดลงตรงหน้าบ้านวิจิตรประภาก่อนที่เขาจะฟุบลงไป พยายามกลั้นอารมณ์ระงับสติอารมณ์เต็มที่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พสุเปิดให้เราหน่อย”
เป็นนิทราที่มารอเขาตั้งแต่หัวค่ำเพราะรู้ข่าวว่าลินดาคบหากับภมรเนื่องจากอีกฝ่ายเดินมาบอกเธอเอง สิ่งแรกที่คิดถึงคือตอนนี้พสุจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอนั่งรอเขาตั้งแต่เย็นจวบจนตอนนี้ที่เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว บ้านของเขาก็ปิดไฟไปค่อนหลัง
“พสุ”เมื่อลองเปิดประตูก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล็อกเธอจึงพยายามแบกร่างหนาออกมาดีที่เขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจึงพาเดินมาที่บ้านของเธอได้
ร่างสูงสติแทบไม่สมบูรณ์เขาร้อนไปทั้งตัวและยิ่งได้กลิ่นกายสาวความกระหายมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อนิทราปิดประตูบ้านเขาก็ไม่รอช้าคว้าร่างบางมาบดจูบทันทีโดยคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตาโตเพราะไม่เคยโดนจูบเลยสักครั้ง มือเล็กทุบเขาเบาๆเป็นการประท้วงแต่แรงแค่นั้นไม่สะเทือนคนตัวสูงเลยสักนิด
“พสุอย่า”
เป้าหมายของอีกคนเลื่อนไปที่ซอกคอหอมเขาสูดดมพร้อมกับฝากรอยไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากผ่าน แม้จะเมาแต่แรงก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยสักนิดสติของเขาตอนนี้รู้เพียงว่าอยากได้คนตรงหน้าเสียเหลือเกิน เธอช่างหอมเย้ายวนเขาเสียจริง มือหนาทำหน้าที่ถอดเสื้อยืดของอีกฝ่ายออกทันทีโดยที่ปากก็ยังคงดูดดึงริมฝีปากบางอยู่
ความเร็วของเขาทำเอาเธอที่กำลังมัวเมากับรสจูบแทบจะไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งตัวเหลือเพียงบราสีหวานและกระโปรงบางเท่านั้น
“อืม อื้อ” เสียงหวานครางแผ่วยิ่งเพิ่มอารมณ์ให้เขา
พสุถอดเสื้อตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งเข้าหาเธอฝากรอยไว้ที่เนินอกทั้งสองข้าง ก่อนจะปลดตะขอ บราสีหวานออกเผยให้เห็นบัวตูมคู่งามที่ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนลอยเด่นตรงหน้า เขาเข้าครอบครองแล้วดูดกลืนยอดสีหวาน ราวกับกระหายน้ำใบหน้าหวานแอ่นอกรับแหงนหน้าขึ้นคราง เสียงหวานเพราะไม่เคยพานพบความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ชายหนุ่มรีบถอดประโปรงสีหวานของเธอออกพร้อมกับถอดชุดชั้นในชิ้นสุดท้าย
ร่างบางเหลือเพียงตัวเปล่าเปลือยแต่เพราะอารมณ์ฝ่ายต่ำทำให้เธอขาดการรับรู้ทุกอย่าง เขาเองก็รีบถอดชุดออกจากตัวเองเช่นกันเพราะขัดเคืองเหลือเกิน สองร่างโผเข้าหากันอย่างเร่งรีบเพราะอารมณ์ที่เตลิด
“ลิน ลิน”
ชื่อของผู้หญิงอีกคนทำให้นิทราได้สติ ตอนนี้ทั้งร่างไม่เหลือชุดอะไรอีกแล้วเธอจึงพยายามผลักเขาออกไป
“ปล่อยนะพสุ เราไม่ใช่ลินดา” เอ่ยด้วยความน้อยใจแต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟังด้วยแรงน้อยนิดของเธอไม่สามารถทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว
พสุพาร่างบางไปที่โซฟาก่อนจะทับเธอไว้ทั้งตัว สองมือถูกเขาตรึงไว้บนศีรษะแล้วจูบเธอไปเรื่อยก่อนจะหยัดตัวขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีอารมณ์คล้อยตามอีกครั้ง เขารู้ว่าเธอคือนิทราแต่อารมณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะหยุดมันได้แล้ว
ร่างสูงพยายามเอาแท่งบุรุษเพศเข้าไปในกลีบดอกไม้สีหวานก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ว่าเธอยังบริสุทธิ์เมื่อเยื่อพรหมจรรย์ขาด แต่ตอนนี้เขาหยุดไม่ได้อีกแล้ว
“แล้วมันจะดี” เขาปลอบเธอก่อนจะค่อยๆ ดันเข้าไปจนสุดเมื่อเธอพร้อมจึงโยกตามแรงอารมณ์เสียงครางดังไปทั่วห้องรับแขกก่อนที่เขาจะปล่อยเข้าไปในตัวเธอจนหมด
พสุพักเหนื่อยเพียงครู่เดียวก่อนที่จะเริ่มเกมรักอีกครั้ง เขาอุ้มเธอไปบนห้องนอนของเธอวางร่างบางไว้บนเตียงก่อนจะเริ่มเกมรักกับเธออีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งจนกระทั่งรุ่งสางทั้งคู่จึงได้หลับไปเพราะความเพลีย
“กรี๊ดดดดดดดดด!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นทำให้สองร่างที่นอนอยู่บนเตียงงัวเงียลืมตาขึ้นมา เพราะเพิ่งได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงทำให้ทั้งคู่รู้สึกเพลียมากแต่เมื่อได้ยินเสียงดังขนาดนี้ถ้าให้หลับต่อก็คงนอนไม่ลง
“มีอะไรเกิดขึ้นพี่ลดา”
เสียงอันคุ้นเคยปลุกให้พสุลืมตาขึ้นมาทันที
“ว้ายตาเถร!”
ร่างสูงได้ยินเสียงแม่ตนเองเมื่อแน่ใจเขาก็ลุกขึ้นนั่งเห็นทั้งป้าลดาและแม่ของตนเองมองมาที่เขาด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันไปมองด้านข้างก็ยิ่งตกใจ เมื่อพบเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของตนเองนั้นคือนิทรา
บ้าชิบ!ทำไมเมื่อคืนเขาไม่กลับบ้านเป็นเรื่องอีกจนได้
“ไปแต่งตัวทั้งสองคนแล้วลงไปคุยกันที่ข้างล่าง” วรรณนภาเอ่ยขึ้นเสียงเย็นก่อนจะเดินออกไปพร้อมยลลดาที่ยังคงช็อกอยู่ ยิ่งเห็นร่องรอยตามตัวลูกสาวยิ่งเกิดความเสียใจไม่คิดว่าจะได้มาเห็นภาพแบบนี้ด้วยซ้ำ
เมื่อคนทั้งสองปิดประตูห้องแล้วนิทราและพสุก็มองหน้ากันทันทีก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆ ลุกไปใส่เสื้อคลุม เธอพยายามข่มความเจ็บที่จุดซ่อนเร้นและบั้นเอวลงมา พยายามเข้มแข็งแต่ขากลับอ่อนจนล้มลงกับพื้นเมื่อใส่เสื้อคลุมเสร็จแล้ว
พสุยังคงนั่งนิ่ง ใช้เวลาคิด อยากจะไปช่วยเธอแต่ก็ไม่ทำเพราะตอนนี้เขาคิดว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับนิทรา แล้วทำไมนิทราไม่ปลุกเขาให้รีบตื่น ทำไมต้องให้ผู้ใหญ่มาเห็น เธอต้องการให้เขารับผิดชอบอย่างนั้นหรือ ความคิดทุกอย่างจู่โจมมาที่เขา
“นิท เมื่อคืนเราขอโทษ” ในที่สุดก็เอ่ยปากบอกเมื่ออีกฝ่ายจะเดินเข้าห้องน้ำ
“เราไม่ได้ตั้งใจและเราไม่ได้สติ” คำพูดของเขาราวกับมีดที่เฉือนหัวใจเธอ ร่างสูงคว้าผ้าเช็ดตัวแถวนั้นมาพันรอบเอวก่อนเดินไปหาเธอ“แต่เราไม่เข้าใจทำไมเธอไม่ห้ามเรา ทำไมเธอถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้น เธอต้องการอะไรกันแน่” เพราะความขาดสติทำให้คำพูดของเขาไม่ได้กลั่นกรองโดยดี ยามโกรธเขาสามารถโทษได้ทุกอย่าง
คำพูดของพสุยิ่งทำให้นิทราทรงตัวแทบไม่อยู่ เขาโทษเธอว่าทั้งหมดคือความผิดของเธอที่ไม่ห้ามไม่พยายามยับยั้งเขาใช่หรือไม่
“เราพยายามแล้ว” เอ่ยออกมาได้เท่านั้นจริงๆ
พสุถอนลมหายใจออกมา เหตุการณ์นี้มันเกินการควบคุมของเขา
นิทราผละไปอาบน้ำเธอพยายามเดินให้เป็นปกติแม้จะเจ็บมากก็ตาม เขาปล่อยข้างในและยังไม่ได้ล้างออก
เธอต้องทำความสะอาดตัวเองอยู่นานกว่าจะออกมาและก็ต้องตกใจ เมื่อออกมาแล้วเขาขว้างภาพใส่เธอ
“ที่ทำแบบนี้เพราะเธอชอบเราเหรอ” รูปภาพนับสิบแผ่นพร้อมกับสมุดไดอารี่ในมือเขาทำให้เธอเบิกตากว้าง
เขาค้นมันอย่างนั้นหรือ
“นี่มันแผนการของเธอใช่ไหมที่เห็นว่าเราเมาเลยพยายามเข้ามา เธอแอบชอบเราเลยหวังว่าครั้งนี้คงจะทำสำเร็จ ใช่!เธอทำสำเร็จแล้ว คงจะคิดมาอย่างดีว่าอยากให้แม่เรามาเจอ ใช่ไหม! ตอบสิ!” เขาเข้ามาเขย่าไหล่เธอเค้นคำตอบ
“เปล่า เราเปล่า” นิทราพยายามอธิบายแต่อีกฝ่ายไม่ฟังเลย
“ต่อจากนี้ จะไม่มีคำว่าเพื่อนอีกต่อไป” ดวงตาคมมองเธอราวกับโกรธแค้นมานานก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสื้อผ้าของตนเองที่แม่ของเขาเอาขึ้นมาให้เพราะมันกองอยู่ที่ห้องรับแขกด้านล่าง
เมื่อร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำนิทราก็เก็บรูปที่ตนเองไปขโมยมาได้ช่วงมัธยมที่รูปของพสุได้ขึ้นบอร์ดกิจกรรม หลบคนแทบตายกว่าจะได้รูปมาและช่วงมหาลัยที่อีกฝ่ายเป็นถึงเดือนมหาลัยมีรูปเต็มบอร์ดเธอก็แอบขโมยมาอีก ไม่คิดว่าเขาจะมาเจอ ไม่คิดจะบอกอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
พสุออกมาด้วยชุดเรียบร้อยใบหน้าหล่อเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ เธอยืนรอเขาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพร้อมแล้วก็ลงไปข้างล่างที่ตอนนี้มีคุณดิลกนั่งรวมด้วยอีกคน ผู้ใหญ่ทั้งสามมีสีหน้าเรียบนิ่งก่อนที่หนุ่มสาวสองคนจะนั่งลงบนโซฟา
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง” คุณดิลกเริ่มขึ้นก่อนเมื่อมองเด็กทั้งสอง
“ผมผิดเองครับ ผมไปกินเหล้ามาแล้วไม่ได้สติเรื่องมันเลยเลยเถิด” เขาก้มหน้ายอมรับผิดพร้อมกับคลานเข่าไปกราบขอโทษคุณยลลดาแทบเท้าที่ทำร้ายลูกสาวของท่าน“ผมขอโทษที่ทำอะไรไม่ยั้งคิด” นิทรานั่งกุมมือนิ่งมองการกระทำของเขาด้วยความปวดใจ เขาขาดสติ เขาเมา เขาไม่รักเธอนั่นคือความจริงที่เจ็บปวดที่สุดแล้ว
“แกจะทำยังไง ลองบอกฉันมาสิ”
“ผมขอโทษครับ แต่ถ้าจะให้ผมแต่งงานกับเธอ ผมทำไม่ได้จริงๆ ผมไม่ได้รักนิท” เขาไม่อยากแม้แต่จะเอ่ยชื่อผู้หญิงร้อยมารยาคนนี้ออกมา ความเป็นเพื่อนของเขากับเธอจบลงตั้งแต่ที่เขารู้แล้วว่าเธอคิดแผนไม่ซื่อกับเขาแบบนี้
“แต่แกต้องแต่ง! ฉันพูดกับแม่ของหนูนิทแล้ว ฉันจะให้แกกับหนูนิทแต่งงานกัน” คุณดิลกเอ่ยขึ้นเสียงดัง ลูกสาวของเพื่อนรัก โดนลูกชายเขาย่ำยีขนาดนี้ถ้าไม่แสดงความรับผิดชอบเขาคงไม่มีหน้าไปพบเพื่อนยามจากโลกนี้ไป
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะนะคะ” เห็นว่าเขาไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับเธอและสำหรับตัวเธอแล้วก็ไม่คิดจะแต่งงานกับพสุหากเขาไม่ได้รักเธอ
“ไม่ได้หรอก น้าไม่ยอมเด็ดขาดหนูต้องแต่งงานกับตาเล็ก เรื่องนี้ผู้ใหญ่จะคุยกันเอง เราสองคนแค่รู้ไว้ว่างานแต่งจะถูกจัดขึ้นในเดือนหน้า!” คำพูดของวรรณนภาถือเป็นประกาศิตไม่มีใครกล้าขัดได้อีก
พสุนิ่งไปก่อนจะหันมามองนิทรา
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ” เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วเดินออกมาจากบ้านหลังนี้ทันที
นิทราก็รีบลุกตามเขาออกไปเช่นกัน ผู้ใหญ่ทั้งสามมองหน้ากันก่อนที่ยลลดาจะกล่าว
“ทำแบบนี้มันจะดีหรือ เด็กไม่ได้รักชอบกัน”
“แต่หนูนิทเสียหายค่ะ ตาเล็กต้องรับผิดชอบไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่” วรรณนภาเอ่ยขัด
แม้ยลลดาจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่กล้าแย้งเพราะในใจก็อยากให้ลูกสมหวังกับคนที่ลูกรัก เธอรู้มาตลอดว่าลูกสาวเธอแอบรักใครอยู่และหวังลึกๆ ว่าจะสมหวัง คราวนี้ความหวังก็คงจะเป็นจริงแล้ว
“ก็คงต้องแล้วตามกัน” ทั้งสามคุยเรื่องงานแต่งงานของลูกตนเองทันที
วรรณนภาแอบดีใจที่จะได้หญิงสาวที่เอ็นดูมาเป็นลูกสาวอีกคน งานแต่งครั้งนี้ของลูกชายเธอจะต้องเลิศที่สุด!
“เดี๋ยวก่อนพสุ” ร่างบางวิ่งมาจับมือเขาแต่อีกฝ่ายสะบัดออกทันทีราวกับรังเกียจกันเหลือเกิน
“อย่ามาใกล้ฉัน เพราะเธอทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้” คำเรียกที่เปลี่ยนไปทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวแต่ก็ยังยิ้มสู้
“เราไม่ได้ทำ เธอต่างหากที่ทำ เธอไม่ฟังที่เราบอกเลย”
“แล้วทำไมเธอไม่ขัดขืน!แค่เอาอะไรทุบหัวฉันให้สลบไปมันยากเหรอ หรือเพราะเธอรอเวลานี้มานานแล้ว” เขาถามกลับ
นิทราส่ายหน้าไปมา
“เราไม่เคยคิดแบบนั้นกับเธอเลยนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
“คำว่าเพื่อนมันจบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เราไม่ใช่เพื่อนกันและฉันเกลียดเธอ!” เขาผลักเธอออกห่างแล้วเดินเข้าไปภายในบ้านทันทีปล่อยร่างบางให้ยืนน้ำตาไหลลงมาคนเดียว
หลังจากนี้มันคือความจริงสินะ ความจริงที่นอกจากเขาจะไม่รักแล้วยังเกลียดเธออีกด้วย เป็นแบบนี้แล้วชีวิตครอบครัวของเธอกับเขาจะเกิดอะไรขึ้น
“เล็กเกิดอะไรขึ้น” คนในบ้านมักจะเรียกภมรว่าคุณใหญ่ซึ่งก็คือลูกคนโตของบ้านและเรียกพสุว่าคุณเล็กเพราะทำให้ทั้งสองเรียกกันด้วยชื่อนี้ตลอด
“ทำไมพี่ไม่บอกวะว่าคบกับลิน” เจอหน้าคนเป็นพี่เขาก็ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อทันทีด้วยส่วนสูงที่ใกล้เคียงกันทำให้ทั้งสองสบตากันนิ่ง แววตาของคนเป็นพี่นิ่งแต่พสุกลับเดือดดาลหากเผาคนตรงหน้าได้เขาคงทำไปแล้ว
“พี่ขอโทษ พี่รักลินจริงๆ”
“พี่รักทั้งๆที่รู้ว่าผมก็รักลินอย่างนั้นเหรอ พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง พี่ทำได้ยังไง!” เขาบอกเล่าเรื่องลินดาให้ภมรฟังเสมอและเขาก็ต้องมาเจ็บเพราะคนที่เขาไว้ใจทั้งสองคนทรยศหักหลัง
ไม่สิคนที่เขาไว้ใจทั้งสามคนต่างหาก..
“ถ้าพี่ไม่เป็นแฟนกับลินมันคงไม่เกิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ขึ้น เพราะพี่ มันเป็นความผิดของพี่คนเดียว” ว่าแล้วเขาก็ผลักอีกฝ่ายออกไปแล้วเดินขึ้นบนห้องด้วยความฉุนเฉียว
ภมรที่กำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเห็นบิดามารดาเดินมาก็ตรงเข้าไปหาท่านทั้งสองทันที
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณพ่อ”
คุณดิลกมองหน้าลูกชายคนโตแล้วบอกให้เข้าไปนั่งคุยกันที่ห้องโถงใหญ่ซึ่งภมรก็ไม่เอ่ยขัดเขาเดินตามบิดาไปเงียบๆ แม้ในใจจะร้อนรนก็ตาม
“พ่อจะให้ตาเล็กแต่งงานกับหนูนิท”
คำถามเกิดขึ้นทันทีในใจของภมร ..ทำไมถึงต้องทำแบบนั้น
“ผมไม่เข้าใจครับพ่อ ทำไมต้องให้เล็กแต่งงานกับนิท สองคนนั้นไม่ได้รักกัน” เอ่ยถามออกไปจนทั้งพ่อและแม่ต้องถอนหายใจ
“ก็ไอ้น้องชายตัวดีของเราน่ะไปมีอะไรกับหนูนิท แม่ไม่อยากให้หนูนิทเสียหาย บอกป้าลดาไปว่าจะรับผิดชอบเองเลยให้ตาเล็กแต่งงานกับหนูนิท”
เขามึนไปหมดแล้วตอนนี้
..พสุไปมีอะไรกับนิทราอย่างนั้นหรือแล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไรเพราะน้องชายเขาไม่มีท่าทีว่าจะรักชอบอีกฝ่ายได้เลย
“แม่ยังโมโหไม่หาย! ไปทำบัดสีแบบนั้นที่บ้านป้าเขาได้ยังไง หมดกันชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเพราะลูกชายคุณคนเดียวเลย” ว่าจบก็หันไปบ่นสามีแล้วเดินออกไปปล่อยให้คุณดิลกมองตามแล้วถอนหายใจออกมา
..ไปทำบุญมาแท้ๆ แต่กลับต้องมาเจอเรื่องหนักใจ
“อีกเดือนหนึ่งจะมีงานแต่งของน้องแกเกิดขึ้น ก็ช่วยๆ พ่อหน่อยแล้วกันนะ” เขาตบบ่าลูกชายเดินตามภรรยาออกไป
ปล่อยให้ภมรได้แต่นั่งอึ้งเพราะเรื่องราวเกิดขึ้นเร็วเกินไป
“คุณใหญ่คะ คุณลินดามาขอพบค่ะ” แม่บ้านพูดจบภมรก็รีบลุกขึ้นไปหาแฟนสาวทันที
ลินดาเห็นชายหนุ่มที่รักก็รีบเดินมาหาทันทีพร้อมกับใบหน้าเคร่งเครียด
“พี่ภมรคะเกิดอะไรขึ้น ลินได้ข่าวว่าพสุจะแต่งงานกับนิทหรือคะ”
..ข่าวไปไวเหลือเกิน
เขาพยักหน้าแล้วพาเธอไปยังสระน้ำหลังบ้าน สาวสวยเดินตามไปเพราะอยากจะรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะริมสระ
“พี่ก็ไม่รู้รายละเอียดชัดเจนรู้แค่เพียงว่าเล็กไปมีอะไรกับนิทแล้วป้าลดาเห็น คุณแม่เลยแสดงความรับผิดชอบด้วยการให้เล็กแต่งงานกับนิท” ฟังแล้วลินดาก็แทบจะเป็นลม
..ทั้งสองมีอะไรกันอย่างนั้นหรือ! เป็นไปได้อย่างไรกัน
“จริงหรือคะพี่ภมร หรือว่ามันจะเป็นเพราะลินบอกพสุว่าเราเป็นแฟนกันเขาเลยประชดหรือเปล่า”
“พี่ไม่รู้ พี่เดาใจนายเล็กไม่ออกเลย” เขาส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง เรื่องราวดูเหมือนจะซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจะรู้
สองคนนั่งมองผืนน้ำจนกระทั่งโทรศัพท์ของลินดาดังขึ้นและเธอต้องไปทำธุระของบริษัทจึงขอตัวจากเขา
ภมรเดินไปส่งแฟนสาวแล้วเข้ามาภายในบ้านสวนทางกับพสุ ที่เดินออกมาพอดีเขาจะเอ่ยทัก แต่อีกฝ่ายก็เดินเลยไปราวกับเขาไม่มีตัวตน
..ทุกอย่างมันเกิดเร็วไปหมดแม้ว่าเขาจะทำใจไว้แล้วก็ตามแต่นี่มันเหนือความคาดหมายของเขาเกินไป
เวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านไปนิทรายุ่งกับการเตรียมชุดแต่งงานของตนเองและเจ้าบ่าวโดยเธอเป็นคนออกแบบและตัดชุดเองคุณวรรณนภาเป็นธุระเรื่องการวัดตัวพสุก่อนจะเอามาให้เธอตัดชุด ร่างบางอมยิ้มน้อยๆ เมื่อมองชุดเจ้าบ่าวซึ่งกำลังจะเสร็จด้วยความปลื้มใจ เขากำลังจะได้ใส่ชุดที่เธอตัดให้ถือเป็นชุดผู้ชายชุดแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอตัด“พักก่อนไหมนิท” คุณยลลดาถือแก้วโอวัลตินมาวางไว้ข้างกายลูกสาวหลังจากเห็นหล่อนทำงานหนักมาหลายวันแล้วนิทราตัดชุดเจ้าสาวเสร็จเรียบร้อยทั้งชุดงานหมั้นและงานฉลองตอนเย็น ตอนนี้จึงเหลือชุดเจ้าบ่าวที่ต้องตัดทั้งสองชุด พอนางอาสาจะช่วยลูกสาวก็ปฏิเสธเพราะอยากทำให้เจ้าบ่าวด้วยตัวเอง“ไม่ค่ะแม่ ชุดหมั้นใกล้เสร็จแล้ว เสร็จค่อยพักก็ได้” แม้เป็นเวลากว่าเที่ยงคืนเธอก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิม “แม่ไปนอนเถอะค่ะ นิทยังไหว”เห็นหน้าซีดเซียวของลูกสาวแล้วก็อดบ่นว่าที่ลูกเขยในใจไม่ได้ อีกฝ่ายไม่เคยแม้แต่จะย่างกรายเข้ามาที่บ้านของเธอเลย ใจจริงถ้าฝ่ายชายไม่เต็มใจเธอก็ไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานด้วยแต่เพราะน้องคนสนิทคะยั้นคะยอจะรับผิดชอบเธอก็เลยไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธทั้งยังกลัวลูกสาวอับอายอีกด้วย“จ้ะ แม่รักลูกนะ” คุ
“หนูนิทเป็นไงบ้างลูก” “ตัวร้อนครับ สงสัยโหมงานหนักไปหน่อย” พูดจบภาพเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขาจนต้องสลัดมันทิ้งไป“ฝากดูแลด้วยนะแม่ ผมต้องไปทำงานแล้ว” ถ้าขืนอยู่ต่อมีหวังแม่ต้องซักไซ้เขาแน่นอนจึงต้องหาทางเอาตัวรอดก่อน“วันนี้ไม่ต้องไปก็ได้” คนเป็นพ่อบอกด้วยเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกโหมงานหนักแต่พสุก็ปฏิเสธ“พอดีวันนี้งานด่วน ผมขอตัวก่อนนะครับ” หยิบของสำคัญได้ก็รีบออกจากบ้านทันทีโดยไม่ทันจะได้เปลี่ยนชุด..เขากำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร วันก่อนเกลียดแต่เมื่อกี้กลับดูเป็นห่วงเธอ อาจจะเป็นเพราะเธอเคยเป็นเพื่อนสนิทของเขามานานความเป็นห่วงมันก็มีอยู่แล้ว แต่เรื่องที่เธอทำกับเขานั้นก็ไม่ลืมเช่นกันคิดได้สรุปก็เริ่มเบาใจ..เขาไม่ได้รักเธอ ไม่มีทางตกหลุมรักเธออย่างแน่นอนมารดาของนิทราเป็นคนเช็ดตัวให้ลูกสาว พอเที่ยงอีกฝ่ายสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็ดีใจ คุณวรรณนภารีบสั่งเด็กเอาข้าวต้มขึ้นมาให้ลูกสะใภ้ทันทีพร้อมยา“นิทเป็นลมหรือคะ” ตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกปวดหัว“ใช่จ้ะ” คุณแม่ทั้งสองช่วยกันประคองหญิงสาวให้นั่งพิงหัวเตียงเอาไว้ ใบหน้าหวานดูซีดเซียวจนคนเป็นแม่ต้องลูบศีรษะปลอบประโลมลูกสาวของตนเองนิทร
นิทราลงมาแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรเป็นเพื่อนแม่ของตนเอง นิทราเข้าไปเก็บของก่อนจะกลับมายังบ้านหลังใหญ่ เธอทำซุปแก้อาการแฮงไว้ให้พสุที่ตอนนี้ยังไม่ลงมา“เมื่อคืนตาเล็กกลับบ้านกี่โมง” หันไปถามสร้อยที่อยู่รออีกฝ่ายก็อึกอักไม่กล้าตอบพอดีกับนิทราเดินเข้ามาในห้องอาหารของบ้าน“พสุยังไม่ลงมาหรือคะ” ไม่เห็นเขาบนโต๊ะอาหารก็เอ่ยถามขึ้น“ยังเลยลูก ขึ้นไปดูหน่อยก็ดี”ด้วยความเป็นห่วงนิทราจึงลุกขึ้นไปดูอีกฝ่ายบนห้อง เข้ามาก็ได้ยินเสียงอ้วกทันที ก่อนร่างสูงจะเดินออกมาด้วยความงัวเงีย ใบหน้าหล่อดูซูบเล็กน้อย ตอนนี้เขาสวมชุดพร้อมไปทำงานเรียบร้อยแต่เพราะต้องลงพื้นที่ดูตรวจงานจึงไม่ได้ใส่สูทไปเพียงแค่ชุดทะมัดทะแมงเท่านั้น “ดื่มน้ำหน่อยไหม” รินน้ำข้างหัวเตียงให้ เขาก็ไม่ปฏิเสธรับมาดื่มอย่างเสียไม่ได้“ดีขึ้นรึยัง”พสุไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น เมื่อคืนเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมาไปตอนไหนหรือกลับมายังไง ใครเป็นคนดูแลเขาเพราะตื่นมาก็อยู่ในชุดนอนแล้ว ปกติหากเมากลับมาแบบนี้แม่จะสวดเป็นชุดพอขึ้นมาเขาก็นอนด้วยชุดนั้นตื่นมาค่อยอาบน้ำ หากเมื่อคืนไม่ใช่ เขาจำอะไรไม่ได้คิดว่าคนที่ดูแลเขาคงเป็นหญิงร่างเล็กที่กำลังตรวจควา
พสุนั่งทำงานได้สักพักก็ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ เป็นอย่างนี้ประมาณสี่รอบ หน้าเขาเริ่มซีดจนน่าเป็นห่วงดีที่เอกสารมีไม่มากเขาจึงคิดว่าจะกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงานเพราะหากทนอยู่ต่อก็คงไม่ไหว มันปวดจนไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งปวดหนักแล้วเหมือนจะอ้วกด้วยจนกระทั่งเลขาสาวนำอาหารเที่ยงมาให้ก็สังเกตอาการของเจ้านายได้ เธอรีบพาเขาไปโรงพยาบาลทันที ระหว่างทางพสุก็พยายามอดกลั้นไว้เหมือนจะปวดหนักตลอดเวลา เขาอ้วกออกมาระหว่างทางดีที่มีถุงพลาสติกไม่อย่างนั้นต้องได้อ้วกใส่รถแน่ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล ทำเรื่องรอสักพักก็ได้เข้าตรวจ หมอต้องนำผลเลือดของเขาไปตรวจเพราะอาจติดเชื้อระหว่างนี้ให้พสุนอนรอที่ห้องตรวจก่อน“ว่ายังไงตาใหญ่” คุณวรรณนภาที่กำลังนั่งดูละครอยู่กับแม่บ้านรับโทรศัพท์เห็นว่าเป็นลูกชายคนโต“เล็กอยู่โรงพยาบาลนะครับแม่ หมอบอกว่าอาหารเป็นพิษต้องนอนให้น้ำเกลือ” ได้ยินอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็ตกใจเสียยกใหญ่“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่ไปหาน้อง โรงพยาบาลไหนลูก” ลูกชายบอกรายละเอียดก่อนจะวางสายไป คนเป็นแม่ก็แสนจะเป็นห่วงรีบเดินไปบ้านข้างๆ ที่ลูกสะใภ้อยู่เพราะต้องช่วยงานตัดเย็บของคุณยลลดาถึงแม้จะไม่รีบแต่ก็ต้องทำไ
เสียงโทรศัพท์ของนิทราดังขึ้นเจ้าของโทรศัพท์ผวาลุกขึ้นไปก่อนถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าไม่ใช่คนที่ตนเองเฝ้ารอแต่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย“สวัสดีหวาน โทรมาเสียดึกเชียว” เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มที่เพื่อนโทรมา สร้างความแปลกใจเพราะปกติเพื่อนจะไม่ค่อยโทรหาเธอในเวลานี้เป็นที่รู้กันว่านิทราจะไม่ค่อยรับโทรศัพท์ช่วงเวลาดึก‘ค่อยโล่งอกนึกว่าจะไม่รับเสียแล้ว’ปลายสายว่าอย่างโล่งใจ“ปกติไม่ค่อยโทรมาเวลานี้ มีอะไรหรือเปล่า”“คือว่า ก็ไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจนะนิท แต่มันอดไม่ได้ต้องโทรมาบอก พอดีฉันเห็นสามีเธอมานั่งกินเหล้าในผับกับผู้หญิงน่ะ” สิ้นคำบอกเล่าตัวเธอก็ชาทันที มือบางสั่น ขาอ่อนแรงจนต้องนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขก“จะ จริงหรือ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ“จริงแน่นอน ฉันจำพสุได้แม่น” ตอนนี้ไม่รู้มีสีหน้าอย่างไรเพราะสร้อยรีบเข้ามาหาเธอมองอย่างเป็นห่วง นิทราแทบจะไม่รับรู้ประโยคต่อจากนั้นของเพื่อนก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไป มือบางทิ้งลงข้างลำตัว ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ เมื่อวันก่อนก็ไปวันนี้ก็ไปทั้งที่เพิ่งหาย เธอหรือก็เฝ้ารอเขาที่บ้านแต่อีกฝ่ายกลับไปอยู่กับหญิงอื่น“พี่นิทเป็นอะไรคะ”
“สวัสดีครับคุณพสุ” เมื่อเข้ามาภายในโรงแรมก็มีผู้จัดการมาต้อนรับอย่างดี โรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือดิวัลยาที่เขาเคยดูแลเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวก็เข้ามาพักกันเยอะด้วยชื่อเสียงของโรงแรมและการบริการที่ดีเยี่ยม“สวัสดีครับ” เขากล่าวทักทายอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วเดินไปหยิบคีย์การ์ดขึ้นห้องนิทราเดินตามไปแต่ระหว่างทางก็มองการตกแต่งของโรงแรมที่เน้นบรรยากาศ โดยรอบเป็นผนังกระจกใสที่เห็นวิวข้างนอกประดับด้วยไม้มงคล ไม่เน้นหรูแต่เน้นถึงเอกลักษณ์ในพื้นที่ โคมไฟด้านบนก็เป็นรูปปลาชนิดต่างๆ หรือโซฟาตรงล็อบบี้ก็เป็นรูปทรงปะการังที่ดูธรรมชาติ“เดินช้าจริง” หันมาเห็นภรรยามัวโอ้เอ้เดินดูการตกแต่งไม่ตามมาจึงเดินกลับมาจูงมือเธอให้เดินตามนิทราแอบมองมือหนาที่กอบกุมมือเธอเอาไว้ ความรู้สึกอบอุ่นโอบล้อมรอบตัวจนเผลอยิ้มออกมาด้วยความสุขพอดีกับที่ร่างสูงหันมามอง“ยิ้มอะไร เมายาหรือ”..ดูคำพูดเขา ไม่เคยมีความรู้สึกโรแมนติกเลยหรืออย่างไร ลืมไปว่าเธอคือนิทราไม่ใช่ลินดาคนตัวเล็กดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมหากแต่ฝ่ายชายไม่ยอม พสุยังคงจับมือเธอไว้แน่นในขณะที่รอลิฟต์“ปล่อยสิ” ทนไม่ไหวจึงเอ่ยเสียงเข้ม“ปล่
เช้าวันจันทร์ไม่ได้สดใสสำหรับพสุเลยแม้แต่น้อย เขาไม่อยากนอนตื่นเช้ามานั่งหลังขดหลังแข็งอ่านเอกสารเป็นวันๆ หากให้ลงพื้นที่ดูไซต์งานก่อนสร้างยังจะมีความสุขมากกว่าแต่ก็เลี่ยงไม่ได้เพราะเขาโยนงานให้พี่ชายไปแล้วหลายงานวันนี้จึงต้องจัดการงานที่เหลือของตนเองเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกางเกงสแล็กสีเข้ม เน็กไทและเสื้อสูทแขวนไว้อย่างเรียบร้อยที่ห้องแต่งตัว เป็นอย่างนี้มาสักพักแล้วที่นิทราจะเตรียมชุดให้เขาทั้งเช้าและเย็นหากช่วงแรกเขาก็ไม่ใส่บ้างแต่เพราะช่วงหลังตื่นสายแล้วต้องรีบเขาเลยจำใจใส่ชุดที่เธอเลือกไว้ให้จนชิน“อ้าว กำลังขึ้นมาตามพอดี สายแล้วนะ” ใบหน้าหวานโผล่มาส่งยิ้มให้จนเขาอดเอ็นดูไม่ได้ ไม่ค่อยได้เห็นมุมนี้ของเธอเท่าไหร่“ก็กำลังจะลงไปแล้ว ทำไมวันนี้ไม่ปลุกฉัน”นิทราเดินมาหาสามีก่อนช่วยใส่เน็กไทให้“ปลุกแล้วพสุก็เอาแต่ตอบในลำคอ จะขี้เซาอะไรขนาดนั้น” แอบยู่หน้าใส่จนเขาอดใจไม่ไหวเอามือมาบีบจมูกเธอโยกเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว“ขี้บ่นจริง”นิทราแก้มแดงด้วยความเขินกับการกระทำและแววตาที่เขาส่งมา เธอผละออกแล้วหยิบเสื้อสูทมาถือไว้ให้เขา“ลงไปกินข้าวกันเถอะ” มือหนายกมาโอบไหล่บางของภรรยาไว้แล้วหยิบของลงไปข้า
ร่างบางเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยชุดเดรสลายดอกไม้แขนตุ๊กตาสั้นเหนือเข่าเพียงเล็กน้อย ผมถูกรวบครึ่งหัวแล้วปล่อยยาวลงมาปลายดัดลอนเพียงเล็กน้อย ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มสีสันส่งให้เธอดูน่ามองมากยิ่งขึ้น กว่าจะลงมาได้ก็หมุนดูตัวเองในกระจกหลายรอบจนอดหัวเราะในความตื่นเต้นครั้งนี้ไม่ได้ เขาชวนเธอไปกินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกมันเหมือนกับเดตแรกของเราสองคน“สวยจริงลูกแม่ ทานอาหารให้อร่อยนะจ๊ะคุณวรรณภาลูบศีรษะลูกสะใภ้ด้วยความเอ็นดู เหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดีในทางที่ควร จะเป็น“ค่ะ หนูไปก่อนนะคะ” ไม่อยากไปสายเธอจึงเลือกที่จะไปรอเขาก่อนเวลานัดลุงแซมเปิดประตูให้ส่งยิ้มพร้อมชมคุณผู้หญิงคนเล็กของบ้าน“วันนี้คุณนิทสวยมากเลยครับ” “ขอบคุณค่ะ” ได้รับคำชมก็เก้อเขินเล็กน้อยขึ้นไปนั่งบนรถรอจนกระทั่งลุงแซมออกรถไปยังที่หมายคือโรงแรมระดับห้าดาวรถติดมากเป็นพิเศษกว่าจะถึงก็ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งทั้งที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก หล่อนยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้วจึงรีบลงจากรถด้วยความรีบ เธอนำบัตรวีไอพีที่เขาให้ไว้กับเธอยื่นให้พนักงานดูเขาจึงได้นำไปยังชั้นดาดฟ้าเมื่อถึงสถานที่ดินเนอร์เธอก็ตกตะ