เสียงโทรศัพท์ของนิทราดังขึ้นเจ้าของโทรศัพท์ผวาลุกขึ้นไปก่อนถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าไม่ใช่คนที่ตนเองเฝ้ารอแต่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย
“สวัสดีหวาน โทรมาเสียดึกเชียว” เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มที่เพื่อนโทรมา สร้างความแปลกใจเพราะปกติเพื่อนจะไม่ค่อยโทรหาเธอในเวลานี้เป็นที่รู้กันว่านิทราจะไม่ค่อยรับโทรศัพท์ช่วงเวลาดึก
‘ค่อยโล่งอกนึกว่าจะไม่รับเสียแล้ว’ปลายสายว่าอย่างโล่งใจ
“ปกติไม่ค่อยโทรมาเวลานี้ มีอะไรหรือเปล่า”
“คือว่า ก็ไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจนะนิท แต่มันอดไม่ได้ต้องโทรมาบอก พอดีฉันเห็นสามีเธอมานั่งกินเหล้าในผับกับผู้หญิงน่ะ”
สิ้นคำบอกเล่าตัวเธอก็ชาทันที มือบางสั่น ขาอ่อนแรงจนต้องนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขก
“จะ จริงหรือ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“จริงแน่นอน ฉันจำพสุได้แม่น”
ตอนนี้ไม่รู้มีสีหน้าอย่างไรเพราะสร้อยรีบเข้ามาหาเธอมองอย่างเป็นห่วง นิทราแทบจะไม่รับรู้ประโยคต่อจากนั้นของเพื่อนก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไป มือบางทิ้งลงข้างลำตัว ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ เมื่อวันก่อนก็ไปวันนี้ก็ไปทั้งที่เพิ่งหาย เธอหรือก็เฝ้ารอเขาที่บ้านแต่อีกฝ่ายกลับไปอยู่กับหญิงอื่น
“พี่นิทเป็นอะไรคะ” สร้อยบีบขาของพี่สาวคนสนิทเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สบาย
“เปล่าจ้ะ พี่ไม่เป็นไรหรอก สร้อยดูละครไปเถอะพี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
หากอยู่ตรงนี้เธอร้องไห้แน่ และถ้าสร้อยเห็นเอาไปบอกคุณแม่เรื่องจะยิ่งบานปลายไปกันใหญ่ เธอกลัวพสุโดนว่าจึงเข้าห้องน้ำปิดฝาชักโครกลงนั่งลงราวกับคนหมดแรง น้ำตาไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก พยายามเก็บเสียงไม่ให้มันดังออกไปมันยากเหลือเกิน
..ทำไมพสุถึงทำแบบนี้กับเธอ โกรธเกลียดกันเธอไม่ว่า แต่อย่าทำเหมือนเธอไม่มีหัวใจด้วยการเอาผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ทั้งที่ยังจดทะเบียนสมรสกับเธออยู่ แค่นี้ใจเธอก็เจ็บช้ำมากพออยู่แล้ว เขาต้องการให้เธอเจ็บมากแค่ไหนกัน
“เธอจะรักเราไม่ได้เลยเหรอ” กระซิบถามผ่านลม
คำตอบของเขาก็ชัดเจนผ่านการกระทำทุกอย่างอยู่แล้ว พสุไม่มีวันรักเธอเพราะใจของเขามอบให้ลินดาไปหมดแล้ว เขาเกลียดเธอถึงทำทุกอย่างให้เธอช้ำขนาดนี้ มันเจ็บจนหายใจจะไม่ออกถ้าจะเป็นแบบนี้ขอกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมยังจะดีเสียกว่า หัวใจของพสุไม่มีวันที่จะเป็นของนิทราได้เลย ไม่มีวัน...
เมขลาพยุงหนุ่มหล่อมีดีกรีเป็นถึงรองประธานไปยังห้องพักของโรงแรม เขาพอมีสติอยู่บ้างว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นหากแต่ไม่มีแรงพอที่จะขัดขืนได้มึนหัวไปหมดตาก็แทบจะลืมไม่ขึ้น ดื่มเหล้าไปเยอะพอสมควรจนมึนเมาต้นเหตุก็เพราะเมขลาที่เชียร์ให้ดื่มจนเขาเมาหมดสภาพแบบนี้
“ใกล้ถึงแล้วค่ะ” กระซิบข้างหูโดยมือยังคงใช้คีย์การ์ดเปิดประตู พสุตัวหนักจึงใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าจะลากเขามาที่เตียงได้ “เฮ้อ!ตัวหนักชะมัด” วางลงอย่างแรงด้วยความเหนื่อย ก่อนจัดท่าให้เขานอนอย่างสบาย
“เมย์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวเรามาเล่นน้ำกัน” เสียงหวานกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูยิ้มพึงใจกับคำพูดกำกวมนั้น
พสุพยายามลืมตาขึ้นมองก็ไม่มีแรงเขาเลยหลับตาลงขยับให้ตนเองนอนอย่างสบายรอไม่นานเมขลาก็อาบน้ำเสร็จ เธอใส่เพียงผ้าเช็ดตัวปิดบังร่างกายเอาไว้เท่านั้น ฮัมเพลงอย่างคนอารมณ์ดีหยิบกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งท่าจะถ่ายคลิปวิดีโอ หล่อนเดินไปถอดเสื้อให้เขาที่นอนบนเตียง ถอดกางเกงเหลือเพียงชั้นในตัวเดียวเท่านั้น แม้ว่าจะเคยมีสัมพันธ์กันมาก่อนแต่นั่นก็เพียงชั่วคราวเหมือนเขาปลดปล่อยอารมณ์ดิบเท่านั้นไม่ได้มองมาก จนกระทั่งวันนี้ที่เห็นเต็มตาว่าเจ้านายหนุ่มรูปร่างดีแค่ไหน
“เมียคุณเห็นจะว่ายังไงบ้างนะ” คราวนี้ไม่บ้านแตกก็ตายกันไปข้าง ยิ้มสมใจแล้วเริ่มเล้าโลมเขาปลดผ้าเช็ดตัวออกเหลือเพียงร่างกายเปล่าเปลือยเท่านั้น เดินไปกดอัดคลิปตัวเลขเดินก่อนที่ร่างบางจะเริ่มปฏิบัติการณ์ตามแผนของตนเอง แผนที่จะทำให้เรื่องราวต่อจากนี้รุนแรงราวกับพายุ
03.42 น. พสุงัวเงียตื่นขึ้นมาก็ชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกอดรัด เขาเหลียวมองด้านข้างก็พบเมขลาที่นอนอยู่ข้างกาย สมองเริ่มทำงานทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนจำได้ล่าสุดก็คือเขาเมาที่ร้านแล้วเดินเข้าโรงแรม พยายามที่คิดเหตุการณ์ต่อจากนั้นแต่มันก็มืดไปหมดเขาตัดสินใจเลิกคิดแล้วกลับบ้าน มองหาเสื้อผ้าตนเองรีบหยิบมาใส่ทันที เจอกระเป๋าเงินและกุญแจรถ โทรศัพท์อยู่ข้างเตียงเขาก็หยิบของทั้งหมดเดินออกไปจากห้องพักก่อนที่หญิงสาวจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน ใจตอนนี้คิดไปถึงคนที่บ้าน
..จะยังรอเขาไหมนะ...
รถยนต์คันหรูขับเข้ามาภายในรั้วบ้านในเวลาตีสี่ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีก็ถึงบ้านเพราะยังเช้ารถจึงไม่ติด เขาทักทายลุงแซมที่ตื่นเช้ามาทำความสะอาดบ้านรอบนอกตามประสาคนแก่ที่นอนเร็วตื่นเช้า เข้ามาภายในบ้านที่ไฟบางส่วนยังเปิดใจเขาก็หายวาบเมื่อเห็นร่างบางนอนอยู่ที่โซฟาตรงห้องรับแขก เหมือนมีอะไรจุกคอทำเอาเขาพูดไม่ออก ใจมันรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายจนต้องเดินไปนั่งลงปัดผมที่มาปรกหน้าให้ เหลียวมองที่มือบางก็พบว่ายังถือไม้นิตติ้งอยู่
..คงถักรอเขาจนหลับไปสินะ มองดูเสื้อที่เธอถักก็ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก
“ถือว่าไถ่โทษแล้วกัน” ว่าพลางอุ้มร่างบางขึ้นมาไม่อยากปลุกกวนให้ตื่น เขาอุ้มหญิงสาวขึ้นไปบนห้องวางไว้บนเตียงกว้างห่มผ้าให้อย่างดีโดยไม่รู้เลยว่าแววตาที่ตนเองใช้มองภรรยามันอ่อนโยนมากแค่ไหน
พสุลงไปถือตะกร้าถักนิตติ้งที่มีไหมพรมเต็มไปหมดขึ้นมาให้เธอด้วยก่อนจะเข้าไปอาบน้ำใส่ชุดนอน ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์เลยไม่ต้องออกไปทำงานคงได้พักผ่อนเพราะฉะนั้นเขาจะตื่นตอนไหนก็ได้
“อือ อะ” ร่างบางลืมตาตื่นตั้งใจจะพลิกตัวเพราะเมื่อยก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้ตนเองตกอยู่ในอ้อมกอดของพสุ เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันก่อนที่สมองจะนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่เพื่อนโทรมาบอก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลับมาตอนไหนเพราะเธอรอจนหลับไปเสียก่อน คราแรกว่าจะไม่รอเขาแต่ก็ทำไม่ได้ ทำไมคนที่รักต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดด้วย
มองนาฬิกาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว เธอจึงยกมือเขาออกแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีกจนเธออ่อนใจ
“ปล่อยก่อน” เอ่ยขึ้นในที่สุด กลัวไปใส่บาตรกับแม่ไม่ทันแต่พสุก็ไม่พูดอะไรนอกจากกอดเธอเอาไว้อย่างนั้น
“นอนก่อน” เขานอนซ้อนหลังเธอดมกลิ่นผมหอมสูดอย่างชื่นใจ
..ยาสระผมก็ใช้ยี่ห้อเดียวกันแต่ทำไมของนิทราถึงได้หอมกว่าอย่างนี้นะ ตัวก็นุ่มนิ่มกว่าหมอนข้างเสียอีกในความคิด กอดไว้แบบนี้ก็นอนสบายดีเหมือนกัน
“นี่เราจะไปใส่บาตร” ไม่ได้คำรับตอบรับอีกเธอถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
..ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ
นิทรารอจนพสุหลับไปอีกครั้งจึงค่อยๆ ยกแขนเขาออกจากลำตัวเธอ แขนก็หนักเธอหยิบหมอนมาวางไว้ให้เขากอดส่วนตนเองลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เดินออกมาสามีก็ยังคงนอนหลับแม้ว่าตอนนี้จะเจ็ดโมงสิบห้านาทีแล้วก็ตาม เขาช่างเป็นคนที่นอนขี้เซาเหลือเกิน ตั้งแต่เด็กจนโต
“ทำไมวันนี้ตื่นสายล่ะหนูนิท” ลงมาข้างล่างทุกคนก็ทานข้าวหมดแล้ว เธอยิ้มอย่างรู้สึกผิดเดินไปนั่งโซฟาเดี่ยวในห้องโถงใหญ่
“คือเมื่อคืนนิทนอนไม่ค่อยหลับค่ะ” นั่งรอสามีทั้งคืนจนผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดของพสุเสียแล้ว
“แล้วตาเล็กกลับตอนไหนละ” คุณดิลกที่นั่งอ่านหนังสือข้างภรรยาถามขึ้น
“น่าจะดึก นิทก็ไม่ทราบพอดีหลับก่อนค่ะ” ทั้งสองก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก นิทราจึงขอตัวไปบ้านแม่ของตนเองคุณวรรณนภาจึงเดินไปด้วยจะไปคุยถึงเรื่องการไปทำบุญที่นครสวรรค์วันมะรืน บ้านอยู่ใกล้กันก็สะดวกจะไปจะมาตอนไหนก็ได้
คุณยลลดากำลังรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านเห็นน้องสนิทกับลูกสาวเดินมาก็ปิดน้ำ
“วันนี้ตื่นสายหรือเรา” คนเป็นลูกเดินมากอดก็ถามขึ้นเพราะไม่เห็นมาใส่บาตรด้วย
“นิดหน่อยค่ะ” คุณวรรณนภาไม่อยากเอ่ยได้แต่อมยิ้มเพราะขึ้นไปหาบนห้องเคาะประตูแต่ก็ไม่เปิดพอเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อกจึงแง้มดูเห็นสองหนุ่มสาวนอนกอดกันบนเตียง จึงได้แต่อมยิ้มไม่ได้ปลุกแต่อย่างใด ปล่อยให้นอนกอดกัน
“มาเข้าบ้านก่อน” ทั้งสามพากันเดินเข้าไปในบ้าน
วันนี้มีคนมาสั่งตัดชุดราตรีสองชุดจึงต้องเร่งทำ นิทราช่วยมารดาตัดในขณะที่สองหญิงวัยกลางคนชวนกันคุยอย่างสนุกสนานถึงการวางแผนจะไปทำบุญวันมะรืน เห็นว่าทำบุญเสร็จจะชวนกันไปเที่ยวด้วยจึงวางแผนกันใหญ่ว่าจะไปที่ไหนบ้าง
“พ่อ แม่ไปไหนอะ” ตื่นขึ้นมาพบว่ากอดหมอนของนิทรามองหาไม่เห็นร่างบางในห้องจึงตัดสินใจอาบน้ำลงมากินข้าวเพราะตื่นมาก็สิบโมงกว่าแล้ว เขาสดชื่นขึ้นมาบ้างเมื่อนอนหลับเต็มอิ่มไม่ต้องรีบตื่นไปทำงาน ลงมาข้างล่างเห็นเพียงแต่บิดามองหาไปทั่วก็ไม่เห็นใคร
“ถามเป็นเด็ก แม่แกก็ไปหาเพื่อนเขาสิ ใครจะนอนตื่นสายจนตะวันแยงก้นแบบแก อายุก็ไม่น้อยมีเมียจนจะมีลูกแล้ว”
ไม่น่าถามเลย พสุเลยยกมือเบรกพ่อเอาไว้
“ผมถามนิดเดียวตอบซะยาวเชียว ไปกินข้าวก่อนดีกว่า” เดินไปยังห้องอาหารเรียกแม่บ้านนำกับข้าวมาให้เขา สร้อยจึงถือข้าวต้มกุ้งถ้วยใหญ่มารู้ว่าคุณเล็กกินจุขนาดไหน
“เออสร้อย เมื่อวานนิททำอาหารไว้ไหม”
สร้อยที่ยังโกรธคุณเล็กแทนนิทราก็ตอบเสียงแข็ง
“ทำค่ะ ทำเยอะเชียว ยังเหลืออยู่เลย” มองดูแววตาแข็งของเด็กในบ้านเขาก็ทำเพียงยิ้มให้ หันมาลงมือทานข้าวต้มจนหมดชามจึงยกผ้าขึ้นมาเช็ดปากดื่มน้ำเปล่าตาม
วันนี้เขาว่างทั้งวันไม่คิดจะออกไปไหนด้วยเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์กะว่าจะนอนเล่นดูหนังอยู่ที่บ้าน
“วันนี้แกไม่ไปไหนหรือ” เห็นลูกชายออกมานั่งเล่นด้วยพลางกดโทรศัพท์จึงถามขึ้น ปกติอยู่ไม่ติดบ้านตลอด
“ไม่พ่อ อยากจะพักผ่อน”
“เออ เพิ่งรู้ว่าแกรู้จักคำนี้ด้วย” พ่อเขาก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อหลังจากได้พูดกระทบลูกชาย
ที่จริงเขาเป็นคนไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเสียเท่าไหร่ มีวันหยุดก็ชอบไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่ก็พาลินดาไปทำธุระ จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปกิจกรรมเขาจึงเปลี่ยนไปด้วย คงจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากเจอหน้านิทราหรอก
“กับพี่ชายแกนี่ยังไง ทะเลาะกันหรือ” นั่งเงียบสักพักคุณดิลกก็ปิดหนังสือถามขึ้นเสียงปกติไม่ได้คาดคั้นแต่อย่างใด
..นี่แหละที่น่ากลัวสำหรับบ้านเขา พ่อจะพูดเรียบแต่เด็ดขาด ไม่สามารถโกหกหรือลื่นไหลได้เลย ยิ่งจ้องนิ่งขนาดนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเป้ายิงปืนเสียอย่างนั้น
“ก็ไม่เชิงพ่อ แค่ไม่อยากคุย” ก้มลงเล่นโทรศัพท์ต่อ เข้าแอปพลิเคชันยอดฮิตอย่างอินสตาแกรมเช็กรูปภาพไปเรื่อยในเมื่อพ่อถามมาตรงๆ เขาก็ตอบไปตามตรงเหมือนกัน
“เรื่องหนูลินหรือเปล่า”
“ประมาณนั้น พ่อทำไมฉลาดจังเลย” เงยหน้ามาชม
คุณดิลกเลยถอนหายใจ
“แกเป็นลูกฉัน ฉันก็ดูแลมาตั้งแต่เด็กมีเรื่องแค่นี้ทำไมจะดู ไม่ออก”
“เป็นพี่น้องกันก็รีบเคลียร์เสีย อย่าให้เรื่องผู้หญิงทำให้แตกกัน”
..ก็เข้าใจที่พ่อพูดแต่มันทำยากเหลือเกิน นั่นลินดาที่เขาแอบชอบมานานไม่คิดว่าอยู่ดีๆ พี่ชายจะแย่งไป แย่งอย่างหน้าด้านๆ รู้ทั้งรู้ว่าเขาชอบเธอมานานคิดแล้วก็แค้นไม่หาย
“เข้าใจแล้วน่า”
คุยกันได้สักพักคุณวรรณนภาก็เดินเข้ามาเสียก่อน พสุผละจะหน้าจอโทรศัพท์มองหน้าใครบางคนแต่ก็ไม่เห็น
“ว่าไงพ่อลูกชาย ตื่นแล้วหรือจ๊ะ” นางเห็นลูกเหลือบมองไปข้างหลังก็ยิ้มออกมา คงมองหน้านิทรา
“ก็ครับ เมื่อคืนผมกลับดึกเลยตื่นสายหน่อย”
“ไม่เรียกว่าสายหรอกจ้ะ เรียกว่าจะเที่ยงเลยดีกว่า”
ลูกชายคนเล็กขี้เซาเหลือเกินในขณะที่พี่ใหญ่ตื่นแต่เช้าออกไปทำงานเรียบร้อย แม้จะเป็นวันเสาร์ก็มีนัดนอกรอบกับลูกค้าจนอดสงสารไม่ได้
“แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนหรือ อยู่ติดบ้านเป็นด้วย” ทั้งพ่อทั้งแม่ต่างก็แปลกใจไม่แพ้กันที่ลูกชายคนเล็กอยู่บ้านไม่ออกไปไหนในวันหยุด
พสุถอนหายใจออกมาทำไมทุกคนชอบคิดว่าเขาเป็นหนุ่มนักเที่ยว เขาไม่ได้ชอบเที่ยวแค่ชอบอารมณ์ตอนเที่ยวต่างหาก มันสนุกก็เท่านั้น
“แล้วหนูนิทล่ะคุณ” เห็นลูกชายเหลือบมองไปหน้าบ้านบ่อยเลยถามภรรยาขึ้นให้ เจ้าลูกชายตัวดีคงไม่กล้าถามเป็นแน่
“ช่วยพี่ลดาทำงานอยู่ค่ะ อีกสักพักคงมา”
เท่านั้นพสุก็ยิ้มออกมา ซึ่งไม่พ้นสายตาของคนเป็นพ่อแม่
“ว่าแต่เมื่อคืนกลับมากี่โมง” กลับมาซักลูกชายตัวดี
“ไม่แน่ใจครับ ไม่ได้ดูนาฬิกาเลย” หากบอกตีสี่คงไม่รอดโดนเทศน์ชุดใหญ่แน่เขาเลยตอบแบบกลางๆ
มารดาก็ส่งค้อนให้
..ลื่นเหลือเกินพ่อคุณ
พสุนั่งดูแอพพลิเคชั่นก่อนจะสะดุดกับรูปทะเลที่สัตหีบซึ่งเพื่อนเขาถ่ายมาลง อยู่ใกล้กรุงเทพสามารถขับรถไปเองได้ไม่เหนื่อย
..ก็น่าสนใจดีนะ
“อ้าวหนูนิทมาแล้วหรือจ๊ะ นั่นถืออะไรมา”
ลูกชายคนเล็กของบ้านเงยหน้าขึ้นมาจากจอสี่เหลี่ยมทันที พบภรรยาเดินถือกล่องขนมมาด้วย
“แม่ทำขนมชั้นค่ะเลยแบ่งมาให้”
หน้าตาดูน่าทานวางไว้เต็มจาน ขนมชั้นของคุณยลลดาขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนคุณวรรณนภาขอให้รุ่นพี่สอนแต่รสชาติกลับออกมาไม่อร่อยเท่า
“เดี๋ยวนิทเอาไปใส่จานมาให้กินนะคะ” ไม่แม้แต่จะชายตาแลมายังสามีที่นั่งอยู่
พสุรับรู้ได้ถึงความแปลก เขายังคงนั่งเล่นมือถือต่อไม่ได้สนใจจนกระทั่งภรรยาถือจานขนมออกมาแล้วไปนั่งข้างแม่ของเขา ปกติจะมานั่งโซฟาเดี่ยวข้างเขา
“หนูนิทช่วยแม่ทำงานเสร็จแล้วหรือจ๊ะ”
“ยังค่ะ นิทเอาขนมมาให้แล้วเดี๋ยวจะกลับไปช่วยแม่” สองสาวต่างวัยนั่งคุยกันไปสักพักจนขนมหมด
โดยที่พสุยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาทำเหมือนสนใจจอสี่เหลี่ยมขนาดเล็กตรงหน้าแต่ภายในใจกลับคิดไปต่างๆ นานา
..หรือนิทราจะโกรธที่เขากลับบ้านค่ำ แต่จะโกรธก็เรื่องของเธอไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด ใช่ไม่เกี่ยวแต่ทำไมใจของเขามันหวิวแปลกๆ
“คุณแม่คะ นิทว่าคืนนี้จะขอนอนบ้าน จะช่วยแม่ทำชุดให้เสร็จ” ไม่แม้แต่จะเหลือบมามองชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าสามี เธอยังโกรธเขาอยู่จึงไม่อยากอยู่ใกล้หรือนอนห้องเดียวกัน
“ก็ดี” เพราะความปากไวจึงพูดออกไป
นิทราเม้มปากแน่นยิ้มให้ผู้อาวุโสทั้งสองเดินถือกล่องใส่อาหารกลับบ้าน คุณวรรณนภาส่ายหัวให้กับความปากแข็งของลูกชาย ส่วนคุณดิลกก็ได้แต่ส่ายหน้าไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องหนุ่มสาวแค่ที่บังคับให้ลูกชายแต่งงานกับนิทราก็สงสารหญิงสาวมากพออยู่แล้ว โดนลูกชายของตนเองทำให้เสียใจตลอด
“ทำไมปากแบบนี้นะ” ถ้าอยู่ใกล้กว่านี้เธอจะตีปากลูกชายให้สมกับความปากมอม
“ดีจะตายแม่ ผมก็จะได้นอนสบายขึ้น” ยิ้มให้มารดาก่อนลุกขึ้นเดินไปบนห้อง พอลับสายตาผู้ใหญ่ทั้งสองหน้าที่ยิ้มก็หุบลงทันที
..นิทราโกรธเขาเป็นแน่ ทำไมรู้สึกกระวนกระวายแบบนี้ล่ะ อยากเดินไปอธิบายแต่ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขาจึงรับสายพบว่าเป็นเพื่อนสนิท
“มึงจะไปเที่ยวสัตหีบหรือ” เป็นเนติธรที่โทรมาหา
“เอออยากไป มึงไปแล้วเป็นไงบ้าง” เดินขึ้นบันไดเปิดประตูห้องตัวเองก่อนนั่งลงที่โซฟายาว หยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิด
“ก็สวยดีนะเว้ย หาดก็สะอาดดี คนไม่เยอะด้วยไม่ใช่ช่วงเทศกาล” นำเสนอเต็มที่อยากให้พสุได้ไป
“แล้วมึงไปกับใคร”
“ถามแปลกๆ กูก็ไปกับแฟนสิครับผม คนเขามีแฟนจะให้ไปคนเดียวแล้วหาเอา ข้างหน้ากูก็กลัวเลือดบวกวะเพื่อน” ส่ายหัวยิ้มขำเพื่อน แต่ก่อนเนติธรก็เสือตัวพ่อเหมือนกัน ได้ลูกค้าในร้านเป็นคู่นอนประจำแต่เดี๋ยวนี้มีแฟนก็เริ่มติดแฟน
“ตอนนี้ก็ไม่แน่ อาจมีก็ได้”
“อ้าวไอ้นี่ มึงพูดจาแมวๆนะครับคุณครับ ว่าแต่ที่ถามนี่จะไปหรือ ไปกับใคร เมียว่างั้น” เจอถามกลับเขาก็พูดไม่ออก เงียบไปสักพักจนปลายสายต้องเรียก
“เออ ไปกับใครก็เรื่องของกูป่ะครับเพื่อน เผือกแล้วครับ” กดตัดสายไปเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของปลายสาย
เขาเปิดโน้ตบุ๊กดูรีวิวถึงสถานที่ท่องเที่ยว ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะไปกับใครรู้แค่ว่าอยากไป แต่ไม่รู้ทำไมใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งถึงลอยเข้ามาได้
..เขาอยากไปกับนิทราอย่างนั้นหรือ?
ไม่รู้จะชวนใครแต่เหตุใดเขาถึงได้เก็บเสื้อผ้าของภรรยาใส่กระเป๋าขนาดกลางพร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลังที่ใส่เสื้อผ้าของเขาลงมาด้วย แม้ใจจะสับสนแต่ก็ทำไปแล้วเวลานี้ก็เหลือแค่ไปชวนอีกคนเท่านั้น เขาควรจะหาเหตุผลอะไรไปบอกเธอดีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียหน้า
..ไม่ได้คิดจะง้อหรอกนะแค่อยากไปทะเลเท่านั้น
เขาท่องในใจไว้แบบนั้นจนกระทั่งลงมาเจอกับแม่ตนเอง
“นั่นจะไปไหน” เห็นกระเป๋าสองใบที่ลูกชายถือก็ถามขึ้นด้วยสงสัย
..ไหนบอกว่าจะอยู่บ้านแต่ผ่านไปไม่นานก็เก็บเสื้อผ้าเสียแล้ว
“ไปทะเลครับ พอดีผมว่าจะไปดูงานเลยกะไปเที่ยวด้วย” ระหว่างทางเดินลงมาเขาคิดข้ออ้างมาเรียบร้อยแล้ว
“อย่างนั้นหรือ ชวนหนูนิทไปด้วยสิ จะได้ไปเปิดหูเปิดตา” คุณดิลกแนะนำและแน่นอนว่าลูกชายไม่ปฏิเสธแต่ถ้าตอบรับเร็วไปก็จะน่าสงสัย
“เขาจะอยากไปกับผมหรือครับ เห็นบอกจะนอนบ้าน” ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรู้ทันบุตรชาย ใจจริงก็คงอยากให้ไปแต่ปากแข็งเท่านั้นไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ
“ไปชวนก่อนไป แม่อยากให้หนูนิทไปเที่ยวบ้าง วันๆ อยู่แต่บ้าน มีสามีทั้งทีก็เอาแต่เที่ยวเตร่อยู่ไม่ติดที่”
..ว่ากระทบเขาอีก ใครเป็นลูกตอนนี้ก็ชักจะไม่แน่ใจในเมื่อมารดาเข้าข้างลูกสะใภ้เสียเหลือเกิน
“ครับคุณแม่ เดี๋ยวผมไปชวนลูกรักแม่แล้วกัน ไปก่อนนะครับ” โบกมือลาผู้ใหญ่ทั้งสองออกจากบ้านไป “แล้วไม่รอให้หนูนิทมาเก็บเสื้อผ้าหรือไง” มองตามหลังลูกชายไปก็ขัดใจ ปากบอกจะชวนแต่ดูเหมือนรีบจะออกไปเสียอย่างนั้น
“เอาน่าคุณ อย่าไปอะไรกับมันนักเลย ปากแข็งเป็นที่หนึ่ง”
พสุเดินไปยังรถยนต์เอากระเป๋าใส่ท้ายรถก่อนขึ้นขับมาจอดที่หน้าบ้านของนิทรา แปลกที่ครั้งนี้กลับตื่นเต้นราวกับไม่เคยมาเสียอย่างนั้น เขาเดินเข้ามาภายในบ้านก็เจอคุณยลลดากำลังเย็บผ้าอยู่ในขณะที่นิทราก็นั่งอยู่เครื่องจักรอีกฝั่ง
“สวัสดีครับคุณแม่” เสียงนั้นเรียกความสนใจจากทั้งสอง อาจเพราะเร่งทำงานเลยไม่ได้ยินเสียงคนเข้ามา พสุก็เดินเบาเสียเหลือเกิน คุณยลลดาผละจากงานที่ทำยิ้มอ่อนโยนให้ลูกเขย
“ว่าไงพสุ มาหายายนิทหรือ” นิทราเงยหน้าสบตากับเขาครู่เดียวก็หลุบตาลงจัดการกับงานตรงหน้า
“ครับ ผมว่าจะชวนนิทไปเที่ยว”
คำตอบตรงทำเอาร่างบางที่เพิ่งก้มหน้าเงยหน้ามาสบตากับเขา
..เกิดอะไรขึ้นถึงได้ชวนเธอไปเที่ยว ปกติแค่หน้าเธอเขายังไม่อยากจะมองเลยไม่ใช่หรือ
“ที่ไหนหรือจ๊ะ” คุณยลลดาวางมือจากงานที่ทำหันมาถามพสุ
“ระยองครับ” ในเมื่อเพื่อนไปสัตหีบแล้วเขาก็ไม่อยากไปซ้ำรอยเลยขอเลือกไปอีกที่ที่ใกล้เหมือนกันดีกว่า
“ไปไหมลูก น่าสนุกนะ ตั้งแต่เรียนจบนิทก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยไม่ใช่หรือ” คนเป็นแม่เชียร์เต็มที่เพราะนิทรายังไม่เคยไปเที่ยวไหนไกลบ้านเลยตั้งแต่เรียนจบ ครั้งล่าสุดก็คือเมื่อจบปริญญาตรีที่เธอขอไปเที่ยวโคราชกับกลุ่มเพื่อนก่อนแยกจากกัน
“แต่ว่าชุดแม่จะทำทันหรือคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูก แค่นี้เองแม่ทำคนเดียวก็ได้”
นิทราชั่งใจอยู่สักครู่มองพสุก็ถอนหายใจออกมาแพ้สายตาคมคู่นั้นที่มองอย่างเว้าวอนอยู่ในที
“ถ้าอย่างนั้นนิทขอไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะ” คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มของคนเป็นแม่ได้
ส่วนพสุก็ยิ้มมุมปากเรียกรั้งเธอเอาไว้
“เก็บมาให้แล้ว ไปกันได้เลย”
..มีเตรียมพร้อมอย่างเสร็จสรรพแบบนี้เขารู้แล้วอย่างนั้นหรือว่าเธอจะไป
นิทราไม่ได้โต้ตอบออกไปเพียงแค่เก็บของเช่นโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ใส่ในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก
“ไปนะครับแม่”
“จ้ะ แม่ฝากดูแลนิทด้วยนะ”
“ครับ”
นิทราเดินนำเขาออกจากบ้าน พสุล่ำลาคุณยลลดาแล้วเดินมาขึ้นรถ ขับออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรกันสักคำแม้จะดูอึดอัดแต่ก็ไม่ได้แย่มากเท่าไหร่
“เราจะไประยองทำไมหรือ”
“ไปเที่ยวไง”
ดวงตากลมโตหันไปมองเขาอย่างฉงน ปกติไม่เคยชวนไปไหนทำไมวันนี้กลับมาแปลกชวนเธอไปเที่ยวได้
พสุก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนจ้องแบบนี้ เขาพยายามเรียกกำลังใจให้ตัวเองแล้วตอบสวนกลับอีกครั้ง
“ก็ไปทำงานพอดีมันทางผ่านเลยไปเที่ยว ไม่รู้จะชวนใครเห็นเธออยู่ใกล้เลยชวนแค่นั้นเอง” พูดยาวเสียจนไม่มีจังหวะหายใจ
นิทราพยักหน้ารับช้าๆ เข้าใจแล้วว่าเธอมันก็แค่ตัวเลือกที่อยู่ใกล้มือจับได้ง่าย ยิ้มสมเพชตัวเองที่ตอนแรกคิดไปไกลว่าเขาอาจจะกำลังง้อเธออยู่
..ไม่เลย ไม่ใกล้ความจริงเลยสักนิด
“แวะปั๊มก่อนไหม” เห็นคนข้างกายเงียบจึงถามขึ้น
นิทราส่ายศีรษะมองวิวรอบข้างเหม่อลอยไม่ได้สนใจคนขับรถให้แต่อย่างใด
“แต่พอดีน้ำมันจะหมด แวะก่อนแล้วกัน” ถ้าอย่างนั้นจะมาถามเธอทำไมกัน ใบหน้าหวานหันมาค้อนใส่เขาอย่างน่ารัก พสุอมยิ้มดูเหมือนแมวขู่ให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูมากกว่าจะน่ากลัว
“ไปซื้อของกินให้หน่อย หิว เอาขนมนะ แล้วก็หมากฝรั่งด้วยเคี้ยวไปกำลังดี” มีการสั่งแล้วหยิบเงินแบงค์พันให้เธออีก
..จะซื้อให้หมดเลย
นิทราหยิบเงินมาแล้วเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ เลือกหยิบขนมขบเคี้ยวที่คิดว่าเขาชอบ มีน้ำผลไม้และลูกอมหมากฝรั่งตามที่เขาต้องการ เมื่อซื้อครบก็เดินไปหาพสุที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“ของกินที่เธอสั่งทั้งนั้นแหละ ไปกันเถอะ” บ่ายโมงกว่าแล้วกลัวว่าจะไปถึงเย็นจึงเร่งคนขับรถที่ไม่ได้ดูรีบเป็นเพื่อนเธอเลย พสุดูใจเย็นกว่าที่คิด เขาเปิดน้ำผลไม้ดื่มไปด้วยขณะขับรถ เปิดวิทยุฟังเพลงฮัมไปตามทางราวอารมณ์ดีนักหนาจนคนที่หงุดหงิดกลับเป็นนิทราเสียเองเมื่อคิดว่าที่เขามีความสุขเป็นเพราะผู้หญิงคนเมื่อคืน
“อ้าวเปลี่ยนคลื่นทำไม” คนกำลังอินกับเพลงโดนเบรกเสีย อย่างนั้น
“เราอยากฟังเพลงอื่น” พูดกันขนาดนี้เขาจะทำอะไรได้ นอกจากปล่อยเลยตามเลย
นิทราเห็นร่างสูงไม่ได้เถียงหรือเอาชนะอะไรกลับปล่อยให้เธอฟังเพลงก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
“เปลี่ยนทำไม” แต่เมื่อเพลงจบเขาก็กดกลับไปยังคลื่นวิทยุเดิม
“ก็มันจบแล้ว ฉันจะเปลี่ยนไปฟังที่ฉันชอบบ้าง” กดหาคลื่นจนเจอคลื่นถูกใจแต่แล้วขับรถไปนานๆ คลื่นก็ขาดหาย จึงเปิดเพลงที่มีในมือถือแทน คนข้างกายเขาหลับเป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลย ใบหน้าคมที่เคร่งขรึมระบายยิ้มอ่อนๆ เหลือบมองดูเธอหลับด้วยแววตาอ่อนโยน ไม่อยากยอมรับว่าที่พามาเที่ยวก็เพราะต้องการจะไถ่โทษเรื่องเมื่อวานทำให้เธอรอทั้งคืน อดรู้สึกผิดไม่ได้ยิ่งเห็นนิทราเมินมันก็อยู่ไม่สุขจนต้องพามาเที่ยว
ใช้เวลาสองชั่วโมงรถก็แล่นมาถึงจังหวัดระยอง เขากะจะพาเธอนอนคืนเดียวพรุ่งนี้เย็นก็คงต้องกลับ เนื่องจากเช้าวันจันทร์เขามีประชุมกับการออกแบบรีสอร์ตของคุณปภาวิน ที่จริงวันนี้ต้องเข้าไปเซ็นสัญญาร่วมแต่หน้าที่นี้เป็นของประธานบริษัทอย่างภมรไม่ใช่เขา
พสุจอดรถเมื่อถึงท่าเรือจังหวัดระยอง พวกเขาต้องข้ามฟากไปยังเกาะเสม็ดโดยใช้เรือสปีดโบท เขาอยากขับเองแต่ก็กลัวนิทราจะเมาเรือจึงคิดว่าจะจ้างเอาดีกว่า
“ถึงแล้วหรือ” พอเข้าที่จอดรถยังไม่ทันจะได้ดับเครื่องสาวร่างบางก็ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
“อือ ลงเถอะ”
นิทราลงจากรถอย่างว่าง่ายเดินไปเอากระเป๋าที่หลังรถจะเอื้อมมือไปถือแต่พสุก็กันเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวถือให้” สร้างความประหลาดใจให้เธอเพิ่มขึ้นไปอีก ปกติเคยถือกระเป๋าให้เธอที่ไหนกัน ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างก่อนรอยยิ้มจะแต่งแต้มที่ใบหน้าหวาน
“ดีจัง” ความรู้สึกหัวใจพองโตแบบนี้เธอรู้สึกชอบมันเหลือเกิน อยากให้เป็นแบบนี้ไปอีกนาน
“รอก่อนเดี๋ยวไปซื้อตั๋ว” พสุเดินไปซื้อตั๋วเรือข้ามฟาก ได้มาสองใบก็มารอเรือพร้อมกับผู้โดยสารอีกสามคนที่จะต้องไปลำเดียวกัน
เรือสปีดโบทจอดเทียบท่าทั้งสองก็พากันขึ้นไปนั่งด้านขวาโดยสวมชูชีพเอาไว้ นิทราไม่เคยนั่งเรือมาก่อนจึงรู้สึกกังวลจับมือพสุเอาไว้เสียแน่น
เรือออกไปได้สักพักนิทราก็หน้าซีดลงทันที ตัวเย็นเฉียบไม่พูดกับเขาสักคำจนร่างสูงต้องถามขึ้น
“เมาเรือหรือ”
“มันจะอ้วก” ตอบเขาเหมือนจะร้องไห้จนอดสงสารไม่ได้ ดึงร่างบางมากอดไว้กดศีรษะให้จมลงกับอกเขา
“หลับตานะ”
นิทราทำตามอย่างว่าง่าย ตอนนี้อะไรก็ได้ขอให้เธอไปถึงฝั่งโดยเร็ว คนบนเรือพากันมองคู่รักอย่างเอ็นดูรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายอย่างบอกไม่ถูก
นิทราที่หลับตาก็ภาวนาให้ถึงเสียที เธอเวียนหัวจนทำอะไรไม่ได้มือไม้ก็อ่อนแรง คลื่นมาทีน้ำก็กระจายเต็มไปหมดเรือก็เหมือนจะล่ม ในใจตอนนี้ท่องบทสวดมนต์ขอให้เธอรอดกลับไปบ้าน
จนกระทั่งถึงฝั่งนิทราจึงผละออกจากสามีที่ให้กอดมาตลอดทาง เธอเดินลงราวกับคนละเมอจนพสุต้องจับเอาไว้เสียก่อน
“เหมือนจะล้มเลย” นิทราหันมาบอกเขาพยายามลงจากเรือ
พสุเลยบอกให้เธอรอก่อนเขารีบลงมาจากเรือแล้วเอากระเป๋าไปไว้ริมฝั่งวิ่งกลับมารับนิทราที่ลงจากเรือพอดี ขามายังเป็นขนาดนี้ขากลับจะเป็นขนาดไหน คงต้องให้กินยาแก้เมาไว้รอ
“เป็นไงสนุกไหม” ส่ายหน้าทันทีเมื่อถูกถามจนพสุหัวเราะออกมายีศีรษะเธออย่างเอ็นดูเหมือนครั้งยังเป็นเพื่อนกัน
“มันน่ากลัว เราสวดมนต์มาตลอดทางเลย” ร่างสูงถือกระเป๋าเสื้อผ้าให้นิทราส่วนของตนสะพายหลัง ในขณะที่หญิงสาวเดินตัวปลิว
“ก็ไม่บอกว่าเมาเรือ”
“เรายังไม่เคยเมาเสียหน่อย”
“แน่สิ เธอเพิ่งมาเป็นครั้งแรก”
..จริงของเขา เธอไม่เคยมาทะเลเลยสักครั้งส่วนมากก็ไปภูเขา เชียงรายเชียงใหม่ไปกับกลุ่มเพื่อนเมื่อยังเรียนมหาวิทยาลัยแต่พอเรียนจบแยกย้ายกันไปก็รวมตัวยาก อยากทำเหมือนเมื่อครั้งยังวัยรุ่นก็ยากเข้าไปใหญ่ต่างคนก็มีครอบครัวแล้วทั้งนั้น
“ว่าแต่เราจะพักไหนหรือ” เดินตามเขามามองหาที่พักซึ่งเรียงรายเต็มไปหมด “อันนี้หาดอะไร”
“หาดทรายแก้ว”
ดวงตากลมโตมองไปยังผู้คนที่มาเที่ยวก็พบเป็นชาวต่างชาติร้อยละห้าสิบที่เหลือก็คนไทย ฝรั่งใส่บิกินี่เดินริมหาดเป็นคู่ เพราะยังเมาเรือจึงไม่ได้สำรวจอะไรมากได้เพียงเดินตามคุณสามีเข้าไปยังห้องพักที่เขาโทรมาจองก่อนมาถึงเพียงแค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น ดีที่ช่วงนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลห้องพักจึงเหลือมากพอสำรองนักท่องเที่ยว
พสุพาเธอเดินเข้ามาในซอยขนาดเล็กก่อนทะลุไปยังด้านหลังที่มีร้านสะดวกซื้อ
“สวัสดีครับคุณพสุ” เมื่อเข้ามาภายในโรงแรมก็มีผู้จัดการมาต้อนรับอย่างดี โรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือดิวัลยาที่เขาเคยดูแลเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวก็เข้ามาพักกันเยอะด้วยชื่อเสียงของโรงแรมและการบริการที่ดีเยี่ยม“สวัสดีครับ” เขากล่าวทักทายอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วเดินไปหยิบคีย์การ์ดขึ้นห้องนิทราเดินตามไปแต่ระหว่างทางก็มองการตกแต่งของโรงแรมที่เน้นบรรยากาศ โดยรอบเป็นผนังกระจกใสที่เห็นวิวข้างนอกประดับด้วยไม้มงคล ไม่เน้นหรูแต่เน้นถึงเอกลักษณ์ในพื้นที่ โคมไฟด้านบนก็เป็นรูปปลาชนิดต่างๆ หรือโซฟาตรงล็อบบี้ก็เป็นรูปทรงปะการังที่ดูธรรมชาติ“เดินช้าจริง” หันมาเห็นภรรยามัวโอ้เอ้เดินดูการตกแต่งไม่ตามมาจึงเดินกลับมาจูงมือเธอให้เดินตามนิทราแอบมองมือหนาที่กอบกุมมือเธอเอาไว้ ความรู้สึกอบอุ่นโอบล้อมรอบตัวจนเผลอยิ้มออกมาด้วยความสุขพอดีกับที่ร่างสูงหันมามอง“ยิ้มอะไร เมายาหรือ”..ดูคำพูดเขา ไม่เคยมีความรู้สึกโรแมนติกเลยหรืออย่างไร ลืมไปว่าเธอคือนิทราไม่ใช่ลินดาคนตัวเล็กดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมหากแต่ฝ่ายชายไม่ยอม พสุยังคงจับมือเธอไว้แน่นในขณะที่รอลิฟต์“ปล่อยสิ” ทนไม่ไหวจึงเอ่ยเสียงเข้ม“ปล่
เช้าวันจันทร์ไม่ได้สดใสสำหรับพสุเลยแม้แต่น้อย เขาไม่อยากนอนตื่นเช้ามานั่งหลังขดหลังแข็งอ่านเอกสารเป็นวันๆ หากให้ลงพื้นที่ดูไซต์งานก่อนสร้างยังจะมีความสุขมากกว่าแต่ก็เลี่ยงไม่ได้เพราะเขาโยนงานให้พี่ชายไปแล้วหลายงานวันนี้จึงต้องจัดการงานที่เหลือของตนเองเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกางเกงสแล็กสีเข้ม เน็กไทและเสื้อสูทแขวนไว้อย่างเรียบร้อยที่ห้องแต่งตัว เป็นอย่างนี้มาสักพักแล้วที่นิทราจะเตรียมชุดให้เขาทั้งเช้าและเย็นหากช่วงแรกเขาก็ไม่ใส่บ้างแต่เพราะช่วงหลังตื่นสายแล้วต้องรีบเขาเลยจำใจใส่ชุดที่เธอเลือกไว้ให้จนชิน“อ้าว กำลังขึ้นมาตามพอดี สายแล้วนะ” ใบหน้าหวานโผล่มาส่งยิ้มให้จนเขาอดเอ็นดูไม่ได้ ไม่ค่อยได้เห็นมุมนี้ของเธอเท่าไหร่“ก็กำลังจะลงไปแล้ว ทำไมวันนี้ไม่ปลุกฉัน”นิทราเดินมาหาสามีก่อนช่วยใส่เน็กไทให้“ปลุกแล้วพสุก็เอาแต่ตอบในลำคอ จะขี้เซาอะไรขนาดนั้น” แอบยู่หน้าใส่จนเขาอดใจไม่ไหวเอามือมาบีบจมูกเธอโยกเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว“ขี้บ่นจริง”นิทราแก้มแดงด้วยความเขินกับการกระทำและแววตาที่เขาส่งมา เธอผละออกแล้วหยิบเสื้อสูทมาถือไว้ให้เขา“ลงไปกินข้าวกันเถอะ” มือหนายกมาโอบไหล่บางของภรรยาไว้แล้วหยิบของลงไปข้า
ร่างบางเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยชุดเดรสลายดอกไม้แขนตุ๊กตาสั้นเหนือเข่าเพียงเล็กน้อย ผมถูกรวบครึ่งหัวแล้วปล่อยยาวลงมาปลายดัดลอนเพียงเล็กน้อย ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มสีสันส่งให้เธอดูน่ามองมากยิ่งขึ้น กว่าจะลงมาได้ก็หมุนดูตัวเองในกระจกหลายรอบจนอดหัวเราะในความตื่นเต้นครั้งนี้ไม่ได้ เขาชวนเธอไปกินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกมันเหมือนกับเดตแรกของเราสองคน“สวยจริงลูกแม่ ทานอาหารให้อร่อยนะจ๊ะคุณวรรณภาลูบศีรษะลูกสะใภ้ด้วยความเอ็นดู เหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดีในทางที่ควร จะเป็น“ค่ะ หนูไปก่อนนะคะ” ไม่อยากไปสายเธอจึงเลือกที่จะไปรอเขาก่อนเวลานัดลุงแซมเปิดประตูให้ส่งยิ้มพร้อมชมคุณผู้หญิงคนเล็กของบ้าน“วันนี้คุณนิทสวยมากเลยครับ” “ขอบคุณค่ะ” ได้รับคำชมก็เก้อเขินเล็กน้อยขึ้นไปนั่งบนรถรอจนกระทั่งลุงแซมออกรถไปยังที่หมายคือโรงแรมระดับห้าดาวรถติดมากเป็นพิเศษกว่าจะถึงก็ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งทั้งที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก หล่อนยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้วจึงรีบลงจากรถด้วยความรีบ เธอนำบัตรวีไอพีที่เขาให้ไว้กับเธอยื่นให้พนักงานดูเขาจึงได้นำไปยังชั้นดาดฟ้าเมื่อถึงสถานที่ดินเนอร์เธอก็ตกตะ
รถคันหรูขับเข้ามาจอดภายในโรงรถในเวลาห้าทุ่มครึ่ง เขาหยิบของลงมาพอดีกับที่รถอีกคันมาจอดเทียบ พสุหันไปมองพี่ชายที่ลงมาจากรถด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า“พึ่งกลับมาหรือพี่” คำทักทายทำให้ภมรแปลกใจไม่คิดว่าน้องจะกลับมาพูดราวกับไม่เคยมีเรื่องเคืองขุ่นต่อกัน“ใช่ แล้วนายไปไหนมาทำไมกลับเอาป่านนี้”“พอดีไปเคลียร์อะไรนิดหน่อยน่ะ” สองพี่น้องเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมกันก่อนจะแยกไปห้องของตนเองก่อนเข้าห้องพสุเรียกกำลังใจให้กับตนเองราวกับกลัวนักหนาทั้งที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด เข้าห้องได้ก็มืดไปหมดเขาจึงเปิดไฟหลอดเล็กเห็นนิทรานอนหลับอยู่บนเตียง ร่างหนานำชุดที่เปียกแยกไว้เดินกลับมานั่งบนเตียง“ขอโทษนะ” มือหนาค่อยๆ แตะที่หน้าผากมนแผ่วเบา เขารู้สึกผิดต่อเธอยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายรอนานขนาดไหนก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุด เขาจัดผมให้เธอนอนสบายมากขึ้นแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดมานอนข้างกายภรรยาของตนเอง“อือ” มือหนากอดเอวบางเอาไว้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวนิทราลืมตามาก็เห็นพสุที่มองตนอยู่ก่อนแล้วยังมือหนาที่โอบกอดเอาไว้อีก เธอขืนตัวออกหากเขากลับรัดแน่นขึ้น“ปล่อยนะ”“อากาศมันหนาว กอดกันจะได้อุ่น” เขายิ้มให้ราวกลับไปเป็
เพียะ“เธอกล้าทำแบบนี้ได้ยังไงพสุ เธอทำกับผู้หญิงที่รักเธอได้ยังไง” คำพูดห่างเหินที่กล่าวกับลูกชายพร้อมกับแรงที่กระทบใบหน้ายิ่งสร้างความรู้สึกผิดให้กับพสุมากขึ้นร่างสูงไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไปเพียงแค่กล่าวคำสั้นๆ“ผมขอโทษ” คุณวรรณนภากำมือแน่นอดสงสารลูกชายไม่ได้เมื่อเห็นแววตาแดงก่ำที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไหล่หนาลู่ลงอย่างน่าสงสาร“ขอโทษไปมันก็เอาลูกของเธอกลับมาไม่ได้แล้ว” พสุมองหน้ามารดาแม้ใจจะเต้นระรัวไปด้วยความกลัวแต่มันกลับแฝงความหวังเอาไว้ เขาจับไหล่มารดาแน่นพยายามยึดเป็นหลักในการยืน“แม่หมายความว่ายังไง” คุณวรรณนภาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ตอนแรกที่เธอรู้ก็แทบเป็นลมไปเหมือนกัน แม้ภายนอกพสุจะดูแข็งแกร่งแต่แท้จริงแล้วเขายังแฝงความเป็นเด็กชายที่ยังรับเรื่องหนักไม่ไหว“หนูนิทแท้ง” มือหนาทิ้งลงข้างลำตัวทันทีเมื่อรู้ข่าว เขาแทบยืนไม่ได้จนต้องเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างคุณยลลดาที่ไม่พูดจาเลยสักคำทั้งที่เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกหากแต่ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ต้องมารับรู้ว่าลูกได้จากเขาไปแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเขาซบหน้าลงบนฝ่ามือตัวเองไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาแต่หากให้กลั้นไว้คงทำไม่ได้ มัน
วันต่อมาพสุเดินทางมาที่โรงพยาบาลเขาตรงไปยังห้องพักพิเศษซึ่งภรรยาของตนเองนอนอยู่ ร่างสูงผลักประตูเข้าไปพบเพียงนิทราที่นั่งทานอาหารอยู่บนเตียงคนเดียว ใบหน้าหวานเงยหน้ามาสบสายตาคมที่จ้องกลับมา ร่างสูงเดินเข้าหาหญิงสาว“กินข้าวหรือ” มันเป็นคำทักทายที่ดูไม่ได้เรื่องที่สุดเลย เขาก่นด่าตัวเองในใจขณะยืนข้างร่างบางนิทราหันมามองแล้วก้มลงทานอาหารที่ทางโรงพยาบาลจัดหามาให้โดยไม่ได้พูดอะไรกับเขา“น่าอร่อยจังเลย ให้ป้อนไหม” มือหนาจะหยิบช้อนจากเธอแต่อีกฝ่ายก็หันมามองนิ่งพร้อมกับขยับมือหนีนั้นเป็นการปฏิเสธทางอ้อมอย่างชัดเจน“ออกไป” หล่อนกล่าวคำสั้นๆ ที่ทำเอาชายหนุ่มนิ่งไป..แต่เขาไม่ยอมแพ้หรอก“ไม่ไป จะนั่งมองหน้าเธออยู่แบบนี้ทั้งวัน”..คราวที่อยากให้เขาอยู่ข้างกายกลับไม่พบหากในวันนี้ที่ต้องการตัดใจอีกฝ่ายกลับมาตอแยนิทราไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากรับประทานอาหารตรงหน้าจนหมดแม้ว่ามีพสุนั่งมองหน้าอยู่ทำให้อึดอัดก็ตาม“เดี๋ยวเอาไปเก็บให้”ภายในใจของนิทราภาวนาเพียงให้มารดารีบมาเพราะดูท่าพสุจะรุกหนักเหลือเกินแม้จะบอกว่าไม่ให้เขาเข้ามาก็ตามร่างสูงจัดการเก็บอาหารให้กับนิทราและเปิดทีวีกลัวเธอเบื่อ“กินผลไม้ไหม”
วันต่อมานิทราตื่นเช้ามาใส่บาตรกับมารดาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบพสุกับคุณวรรณนภายืนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว แม้ใจจะอยากเดินเข้าบ้านแต่ก็คิดว่าเธอไม่ควรจะหนีเขาจึงทำหน้านิ่งเดินไปกางโต๊ะและนำของใส่บาตรวางไว้ ร่างสูงเดินมายืนข้างนิทราโดยที่มารดาไม่ต้องบอกเหมือนครั้งก่อนแล้ว“ใส่บาตรด้วยนะคะพี่ลดา”“มาสิวรรณ” หญิงสูงวัยทั้งสองเดินไปข้างกันปล่อยให้สามีภรรยาใส่บาตรด้วยกัน“ตื่นเช้ามารับอากาศบริสุทธิ์แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ คงต้องตื่นเช้าบ่อยๆ เสียแล้ว” ร่างสูงชวนคุยแต่นิทราก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบอะไร เขาถอดรองเท้าตามหญิงสาวเพราะเห็นพระเดินมาก่อนนั่งลงใส่บาตร เมื่อเสร็จแล้วพสุก็เริ่มคิดหนักเพราะนิทราไม่ได้กล่าวอะไรกับตนแถมทำท่าจะเดินเข้าบ้านอีกด้วย“หิว หิวข้าวจังเลยครับแม่ ผมขอเข้าไปกินข้าวด้วยได้ไหมครับ” เขาเดินไปหาคุณยลลดาแล้วเอ่ยถามจนนิทราหันมามองด้วยความไม่ชอบใจ“นายก็ไปกินบ้านตัวเองสิ” ยังไม่ทันที่มารดาจะตอบนิทราก็เอ่ยขึ้นมาขัด“แต่ว่าบ้านเรายังทำอาหารไม่เสร็จใช่ไหมครับแม่” พูดคนเดียวไม่พอยังหาตัวร่วมคุณวรรณนภาเพียงแค่ยิ้มเท่านั้นไม่ได้พูดอะไร“ผมขออนุญาตไปกินข้าวเช้าด้วยนะครับแม่ลดา” ใบหน้าคมยิ้ม
เช้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันจัดกระเป๋าออกเดินทางไปยังสนามบินโดยให้เลขาจองตั๋วไว้ให้ ตอนนี้เขาได้สั่งให้นักสืบที่จ้างไปตามหานิทราจากข้อมูลที่ได้มาก็ทราบว่าเธอเช่ารีสอร์ตเล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่กับเพื่อน แต่เขาก็ยังสงสัยว่าเหตุใดหญิงสาวจึงบอกมารดาว่าอยู่บ้านเพื่อนพสุถึงสนามบินจัดการธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงเข้าไปนั่งรอภายในเกท และไม่นานเขาก็ได้ขึ้นเครื่องที่พร้อมจะทะยานไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อปรับความเข้าใจกับภรรยาของตนเอง ครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้พลาดอีกแล้วเขาพักผ่อนสายตาจนกระทั่งเครื่องบินลงจอด ดีที่เคยติดต่องานกับเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดนี้จึงแจ้งความประสงค์ใช้รถอีกฝ่ายก็หามาให้อย่างดีโดยมีคนขับรถมารอรับถึงหน้าสนามบิน“เธออยู่คนเดียวหรือ” หลังจากนั่งรถมาไม่นานเขาก็โทรศัพท์หานักสืบที่ตนได้ว่าจ้างทันทีด้วยความร้อนใจ“ครับ เพื่อนของเธอเก็บกระเป๋าออกไปกับผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ หากก็ยินดีที่เธออยู่คนเดียวอาจจะทำให้การง้อของเขาครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี“เฝ้าเธอไว้ถ้าเธอไปไหนให้รายงานผมด้วย” เขากดวางสายทันทีพลาง