ตอนที่ 6
หวงผมหรือ...ครับ
“กินข้าวต้มก่อนนะครับจะได้มีแรง”
เฌอเอมยังคงนอนซมอยู่แต่ถึงแม้ดวงตาคู่สวยจะถูกปิดด้วยเปลือกตาหลับสนิทแต่หัวใจของเธอกลับยังคงมีเสียงสะอื้นมีหยดน้ำตาไหลอยู่ในนั้นอย่างไม่ยอมหยุดเหมือนว่าตลอดเวลาที่เธอกำลังหลับแท้ที่จริงแล้วเธอไม่ได้หยุดร้องไห้เลยสักนาที
“ขอบคุณนะ พี่ทำให้เธอต้องลำบากหรือเปล่าแทนที่จะได้ไปทำงานก็กลับต้องมาดูแลพี่แบบนี้”
ท้องฟ้าที่มืดครึ้มด้านนอกทำให้เฌอเอมรู้ว่าเวลานี้เธอกำลังเป็นภาระให้กับชายหนุ่มที่กำลังยกข้าวต้มเข้ามาป้อนเธอ แดนไตรต้องไม่ได้ไปทำงานเพราะปกติแล้วเขาจะไปทำงานที่ผับเกือบทุกคืนเพราะมีวันหยุดแค่เพียงสัปดาห์ละหนึ่งวันเท่านั้น
“ไม่หรอกครับพี่ ผมแลกวันหยุดกับเพื่อนแล้วพรุ่งนี้ผมคงไปทำงานตามปกติ พี่ก็จะคงดีขึ้นแต่ผมจะรีบกลับมานะ”
แดนไตรเต็มใจและดีใจที่จะได้ดูแลคนตรงหน้าเพราะเขาถามเสียงของหัวใจตัวเองแล้วว่าเขาคงยอมไม่ได้ที่จะให้เฌอเอมกลับไปโดนทำร้ายอีกครั้งเพราะไม่ว่าเขาจะอยู่ในฐานะไหนเป็นแค่คนรู้จักหรือแม้แต่แค่เพื่อนสนิท เขาก็คงปล่อยให้คนที่อยู่ตรงหน้าโดนทำร้ายอีกครั้งไม่ได้
“อุ๊ย !”
“ผมขอโทษครับ พี่ร้อนไหม แย่จริง ๆ ผมไม่ทันระวัง”
ชายหนุ่มรีบหยิบกระดาษทิชชูมาซับน้ำข้าวต้มที่หยดลงไปโดนแขนของหญิงสาวที่เขากำลังนั่งป้อนข้าวต้มให้เธออยู่ด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะข้าวต้มยังคงร้อนอยู่มาก
“เธอไม่ต้องรู้สึกผิดแบบนั้นก็ได้ทำเหมือนพี่เป็นผู้หญิงที่ น่าทะนุถนอมไม่เคยถูกใครทำร้ายมา นับประสาอะไรกับแค่ข้าวต้มเท้าใหญ่ ๆ มือหนา ๆ พี่ก็ทนมาแล้วนับจากนี้พี่คิดว่าคงไม่มีอะไรทำให้พี่รู้สึกเจ็บได้ไปมากกว่านี้อีก”
เฌอเอมไม่ใช่แค่พูดเฉย ๆ แต่สีหน้าของเธอแสดงความโกรธแค้นหญิงสาวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกำลังโกรธแค้นธเนศที่ทำร้ายหรือเธอกำลังโกรธตัวเองที่หน้าด้านหน้าทนอยู่ให้อีกฝ่ายทำร้ายถึงขั้นนี้ถึงได้กล้าตัดสินใจหนีออกมาได้
“จะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันแล้วไงครับ”
แดนไตรรู้ว่าทุกครั้งที่คนเจ็บต้องพูดถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดเฌอเอมเจ็บช้ำแค่ไหน เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงที่เขารักต้องเจ็บปวดอีกแม้แต่เพียงนิดเดียว
“พี่กินเองได้เธอไปทำอย่างอื่นเถอะ”
“ให้ผมเช็ดตัวให้นะตั้งแต่พี่มาถึงยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
เฌอเอมพยักหน้าเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะต้อง รู้สึกอายคนตรงหน้าในเมื่อเขาก็เป็นไม่ต่างจากสามีของเธอทุกส่วนของร่างกายเขาก็ได้เห็นและสัมผัสมาหมดจนบางครั้งเธออดคิดไม่ได้ว่าแดนไตรอาจจะรู้จักทุกส่วนในร่างกายของเธอดีมากกว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีถูกต้องตามกฎหมายเสียอีก
ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างมีความสุขถึงแม้จะเป็นความสุขที่อยู่บนพื้นฐานของความเจ็บปวดในหัวใจก็ตามแต่เฌอเอมก็พยายามที่จะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้หมด เธอรู้แค่เพียงว่าเวลานี้เธอไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วเวลานี้เธอได้อยู่กับคนที่พร้อมจะปกป้องเธอไม่เคยทำร้ายเธอเลยสักครั้งถึงแม้เขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดแบบที่คนในสังคมของเธอคิดก็ตาม
เช้านี้แดนไตรทำกับข้าวไว้ให้คนที่ยังไม่ตื่นเรียบร้อยก่อนที่เขาจะออกไปเรียนที่มหาวิทยาลัยและโทรศัพท์กลับมาเป็นระยะเพราะอยากรู้ว่าหญิงสาวได้ลุกมากินข้าวอาบน้ำกินยาตามที่เขาสั่งไว้หรือเปล่า
“เห็นพี่เป็นเด็กหรือไงไม่ต้องห่วง เราตั้งใจเรียนดีกว่าและรีบกลับมานะคิดถึง”
คำหวานคำแรกที่ออกจากปากของเฌอเอมก่อนหน้านี้เธอก็คิดถึงแดนไตรมาตลอดแต่เธอไม่กล้าพอที่จะเอ่ยออกมาเพราะความรู้สึกผิดที่มันค้ำคออยู่
ร่างกายที่บอบช้ำวันนี้สีของมันเข้มกว่าเดิมแต่ความเจ็บ ลดน้อยลงพิษไข้ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเพราะได้รับการดูแลเช็ดตัวเป็นอย่างดีเฌอเอมจึงลุกมาแต่งหน้าหวีผมทำตัวเองให้สดชื่น เธอตั้งใจว่าเย็นนี้เธอจะทำกับข้าวไว้รอหนุ่มน้อยของเธอกลับมาจากมหาวิทยาลัย
“ผมก็ซื้อกับข้าวมาพี่ไม่เห็นต้องลุกมาทำ...ไหนมาให้ผมจับหน้าผากดูหน่อยยังเป็นไข้อยู่นะเนี่ย”
แดรไตรถึงแม้จะเห็นกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วแอบยิ้ม มุมปากด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มแต่ก็อดเป็นห่วงคนที่ทำไม่ได้เพราะหญิงสาวยังคงไม่หายจากพิษไข้ถึงแม้จะได้กินยาตามที่เขาสั่งไว้แต่รอยช้ำรอบตาแสดงให้เห็นว่าเธอยังมีไข้อยู่
“พี่แค่เป็นไข้ไม่ได้เป็นผู้ป่วยติดเตียงเสียหน่อยถ้าเธอจะให้พี่นอนอยู่เฉย ๆ พี่ว่าพี่จะยิ่งแย่กว่าเดิม”
เฌอเอมแอบยิ้มและหัวเราะให้กับความเป็นห่วงของ เด็กน้อยที่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเธอเสียอีกในเวลานี้เธอเองที่อายุมากกว่าเขาถึง 8 ปีกลายเป็นคนที่ต้องให้เขาดูแลและคอยเป็นห่วงเป็นใยสั่งการทุกอย่างเหมือนว่าเธอเป็นเด็กที่แสนดื้อ
“อร่อยไหม ในตู้เย็นมีของไม่เยอะพี่ก็เลยทำได้แค่นี้พอกินได้ใช่ไหม”
ปกติแล้วแดนไตรไม่ได้ทำกับข้าวกินเองในทุกมื้อแต่เขาก็มีของสดและผักติดตู้เย็นไว้บ้างเพราะจากสถานการณ์โรคระบาดที่เพิ่งผ่านพ้นไปในไม่กี่เดือนทำให้เขารู้ว่าสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเขาจึงมักจะมีของสดติดตู้เย็นไว้บ้างอย่างน้อยก็พอได้ทำอะไรกินสัก 2 มื้อโดยที่ไม่ต้องเดือดร้อนแต่นอกจากของสดแล้วเขายังมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและของแห้งติดคอนโดอยู่เป็นประจำ
“พรุ่งนี้พาพี่ไปซื้อของสดบ้างสิพี่จะทำกับข้าวให้เรากิน ทุกวัน”
เฌอเอมพูดด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุขขึ้นก่อนที่เธอจะเปลี่ยน สีหน้าทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเนื้อตัวของเธอที่ตอนนี้มีรอยม่วงเขียวเต็มไปหมดคงจะทำให้คนข้างนอกที่เห็นพากันตกใจ
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมซื้อให้พี่ก่อนอีกไม่กี่วันก็คงหายแล้วเราค่อยไปซื้อด้วยกัน”
เจ้าของบาดแผลพยักหน้าเธอไม่อยากทำหน้าเศร้าให้ แดนไตรต้องไม่สบายใจมากไปกว่านี้ เธอจึงเลือกที่จะยิ้มให้เขาเหมือนว่าเธอไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เฌอเอมได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ภายในหัวใจเท่านั้น
“เธอเรียนอยู่ปีไหนแล้วเรารู้จักกันมาได้สักพักพี่แทบจะไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเธอเลยส่วนมากก็มีแต่เธอที่รู้เรื่องราวของพี่เท่านั้น”
ทั้งคู่กินอาหารเสร็จแล้วจึงมานั่งลงบนโซฟาเพื่อดูซีรีส์เรื่องโปรดของเอม หญิงสาวจึงมีโอกาสได้ชวนหนุ่มน้อยนักศึกษาคุยเพราะตลอดเวลาที่ทั้งคู่ได้เจอกันส่วนมากแดนไตรก็จะทำหน้าที่เป็นถังขยะคอยรองรับความรู้สึกของหญิงสาว เฌอเอมจึงแทบจะไม่มีโอกาสรู้เรื่องราวของชายหนุ่มที่กำลังนอนหนุนตักเธออยู่
“ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วครับ เทอมหน้าผมต้องออกไปฝึกงานแต่ที่ทำงานที่ผมติดต่อไว้ให้เงินเดือนด้วยนะพี่ว่าดีไหม”
สองมือหนาของคนที่กำลังนอนหนุนตักโอบกอดเอวเจ้าของร่างนุ่มไว้อย่างเอาใจก่อนที่จะส่งสายตาหวานรอคำตอบ
“ดีสิ ถ้าได้เงินเดือนแล้วเธอไม่ต้องไปทำงานกลางคืนได้ไหมคือพี่….”
เฌอเอมอายเกินกว่าที่จะพูดคำต่อไปเพราะที่ผ่านมาถึงเธอกับเขาจะมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งแต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยคุยกันว่าระหว่างทั้งสองคนมันเรียกว่าอะไร เธอจึงไม่กล้าที่จะพูดว่าเธอหวงไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องอยู่ใกล้ผู้หญิงคนอื่นเพราะกลัวว่ามันจะกลายเป็นเธอที่เป็นฝ่ายจริงจังกับความสัมพันธ์นี้เอง
“หวงผมเหรอครับ”
คนตอบดึงมือนุ่มขึ้นมาหอมก่อนที่จะวางไว้แนบอกของเขาส่งยิ้มหวานด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายก็หวงเขาเพราะที่ผ่านมาแดนไตรอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองก็เป็นเพียงแค่เครื่องระบายความทุกข์ที่ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับผู้หญิงที่เขาแอบหลงรัก
“อืมมม”
“ผมตัดสินใจเลิกทำแล้วครับเพียงแต่ว่าการลาออกใบลาออกจะมีผลก็ต่อเมื่อ 2 เดือนแล้วทนอีกหน่อยนะครับผมจะออกมาดูแลพี่ ผมจะหางานทำพิเศษที่พอเลี้ยงเราสองคนได้ถึงแม้พี่อาจะไม่ได้สุขสบายเหมือนที่ผ่านมาก็ตาม”
เอมได้ฟังถ้อยคำทำให้หัวใจเธอรู้สึกหวิวยังบอกไม่ถูก ชายหนุ่มที่กำลังนอนหนุนตักทำตาหวานใส่เธอตอนนี้เหมือนเขากำลังวาดฝันให้เธออยู่กับเขาไปตลอดชีวิตทั้งที่ตัวเธอเองยังไม่เคยมีคำตอบให้กับชีวิตตัวเองเลยว่านับจากนี้ไปเธอจะจัดการกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างไรเธอจะกลับไปหาความทุกข์อีกหรือจะเผชิญความจริงแล้วพาตัวเองออกมาจากที่นั่นตลอดไป
ตอนที่ 7ความสุขที่มีเธอ“กลับคอนโดมาเจอของกินเต็มโต๊ะแบบนี้ทุกวันอีกหน่อยผมคงกลายเป็นหมู อู๊ด ๆ”แดนไตรกลับจากฝึกงานเขารีบตรงมาที่โต๊ะอาหารเพื่อเปิดดูเมนูของมื้อเย็นวันนี้เพราะตั้งแต่เฌอเอมมาอยู่กับเขาจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบสองเดือน หญิงสาวจะทำกับข้าวรอรับเขาในทุกวัน“พูดแบบนี้วันหลังพี่ไม่ทำแล้วนะ”แม่ครัวทำท่าน้อยใจจนชายหนุ่มในชุดนักศึกษาต้องดึงเธอเข้ามากอดจนหญิงสาวแอบยิ้มหัวเราะด้วยความชอบใจที่อีกฝ่ายมักจะง้อเธอตลอดถึงแม้ว่าเธอจะแค่เพียงงอนเล่น ๆ เท่านั้น“อะไรกัน” เฌอเอมถามด้วยความแปลกใจคนอายุน้อยกว่ายื่นซองสีขาวที่ในนั้นดูก็รู้ว่ามีเงินอยู่ให้กับหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ แต่อีกฝ่ายยังเลือกที่จะไม่รับเพราะเธอไม่เข้าใจว่าแดรไตรส่งซองเงินให้เธอทำไม“เงินเดือนผม ที่ฝึกงานเขาจ่ายมาครับส่วนที่จำเป็นต้องใช้ผมหยิบแยกมาแล้วที่เหลือผมยกให้พี่ไว้ใช้จ่าย”“เธอเก็บไว้เถอะพี่มีเงินเก็บเหลืออยู่ เธอเองก็ยังต้องเติมน้ำมันรถไปทำงานมีค่าใช้จ่ายอีกเยอะแยะไม่ต้องทำมาเป็นใจใหญ่เลยนะ”เฌอเอมรีบคว้าซองเงินและส่งคืนให้กับเจ้าของทันทีเพราะตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่ถึงแม้เธอจะไม่ทำงานอะไรแต่ก็มีเงินเก็บในบั
ตอนที่ 8คำพูดที่ไม่มีใครเชื่อสวนย่อมขนาดเล็กริมระเบียงถูกจัดให้กลายเป็นที่ทำงานของเฌอเอมเพราะตอนนี้หญิงสาวตัดสินใจที่จะรับงานออกแบบฉลากสินค้ามาทำเพราะเธอเรียนมาทางด้านนี้และเป็นการทำงานที่ไม่ต้องออกไปพบปะผู้คนถึงแม้ว่าเงินในบัญชีของเธอจะยังคงมีมากมายก็ตามแต่ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่จึงไม่อยากจะใช้เงินของพ่อและแม่อยากหาเงินใช้ด้วยตัวเอง‘แม่เข้าโรงพยาบาลนะ’ข้อความทางไลน์ที่พ่อของเธอส่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าหญิงสาวไม่ได้กดอ่านเพราะปกติแล้วทั้งพ่อและแม่จะส่งข้อความมาตลอดจากตอนแรกที่เธอตัดสินใจหนีออกมาจากบ้านของธเนศทั้งคู่ก็ส่งข้อความมาต่อว่าจนเวลาผ่านไปจนถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นห่วงใยและต้องการให้เธอกลับไป เธอจึงคิดว่าข้อความที่ส่งมา เมื่อเช้าก็คงจะไม่ต่างจากทุกวันแต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นข้อความที่สำคัญที่สุดเพราะบิดาแจ้งว่าตอนนี้มารดาของเธอกำลังไม่สบายอยู่ที่โรงพยาบาล“พี่ต้องกลับไปดูแม่กับข้าวอยู่บนโต๊ะแล้วนะ…พี่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”“พี่รอผมได้ไหมผมจะเข้าไปกับพี่” แดนไตรไม่อยากให้เฌอเอมกลับไปที่บ้านคนเดียวเพราะเขาไม่ไว้ใจในตัวธเนศถึงแม้ว่
ตอนที่ 9ละครโรงใหญ่“เอมกลับไปอยู่บ้านของเราเถอะนะ”ธเนศเมื่อมาถึงและได้เผชิญหน้ากับภรรยาของเขาอีกครั้งเขาก็ตีบทโศกแสดงท่าทางเสียใจน้ำตาอาบแก้มจนคนที่เป็นพ่อตาแม่ยายอดที่จะสงสารลูกเขยไม่ได้“ฉันคงไม่กลับไปเป็นกระสอบทรายหรือที่ระบายอารมณ์ให้ใครทั้งนั้น”เฌอเอมไม่มีอะไรที่ต้องปกปิดอีกต่อไป เธอพูดความรู้สึก ทุกอย่างออกมาจากหัวใจทันทีถึงแม้เธอจะรู้ว่าบุพการีทั้งคู่ของเธอต่างไม่มีใครเชื่อก็ตาม“เธอมีคนอื่นแล้วยังจะมาโยนความผิดให้พี่อีกหรือแต่ ไม่เป็นไรขอแค่เธอกลับไปอยู่ด้วยกันพี่ก็พร้อมจะให้อภัยและลืม ทุกอย่างอย่าทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่สบายใจเลยนะ”ธเนศคว้ามือของหญิงสาวมาจับและหอมมันอย่างนุ่มนวล ทั้งที่ตลอดชีวิตการแต่งงานเธอไม่เคยได้สัมผัสถึงความรู้สึกแบบนี้เฌอเอมทั้งขยะแขยงทั้งอยากจะอาเจียนใส่คนตรงหน้า เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายจะสามารถแสดงละครได้ขนาดนี้“ที่ผ่านมาฉันเคยคิดว่าคุณเลวแต่วันนี้นอกจากจะเลวแล้วฉันยังรู้ว่าคุณเป็นผู้ชายที่ตอแหลอีกต่างหากไปเรียนแสดงละครที่ไหนมาถึงได้ตีบทแตกกระจุยแต่อย่าลืมว่าทุกอย่างที่คุณทำมันไม่ได้เป็นความลับ”เฌอเอมคว้าโทรศัพท์ที่เธอ
ตอนที่ 10โกหกรวีตัดสินใจที่จะปรึกษาทนายความแต่ทางทนายความแนะนำว่าถ้าขืนสู้คดีต่อไปกลัวว่าอาจจะเป็นฝ่ายแพ้เพราะบางทีทางฝ่ายของธเนศอาจจะมีหลักฐานที่หญิงสาวนอกใจไปมีชายอื่นทนายความจึงแนะนำให้เลือกวิธีไกล่เกลี่ยพูดคุยกัน“คุณธเนศเป็นผู้ชายที่ห่วงหน้าตาในสังคมมากผมว่าบางทีเราสามารถใช้จุดนี้ในการเอาชนะเขาก็ได้นะครับ”รวีเห็นด้วยกับสิ่งที่ทนายความแนะนำเขาจึงพยายามรวบรวมหลักฐานที่เฌอเอมส่งให้เพื่อใช้ขู่อีกฝ่ายว่าถ้าเรื่องราว การหย่าครั้งนี้ไม่เป็นไปโดยง่ายเรื่องราวทั้งหมดอาจจะถูกร่อนผ่านโลกโซเชียลและรับรองว่าความไวของสื่อสมัยนี้คงทำให้ธเนศได้เป็นผู้ชายที่โดนด่ามากที่สุดเพียงแค่ค่ำคืนเดียว“แต่ผมอยากจะแนะนำว่าถ้าคิดจะทำตามที่ผมบอกเราต้องมีหลักฐานให้มากพอเพราะถ้าทางโน้นมีหลักฐานที่แน่ชัดกว่าเรา เราก็อาจจะตกเป็นผู้ต้องหาในโลกโซเชียลก็ได้”รวีตัดสินใจโทรหาลูกสาวเพราะหวังว่าบางทีเฌอเอมอาจจะพอมีวิธีที่จะหาหลักฐานในการมัดตัวธเนศได้มากกว่านี้จากหลักฐานที่เธอมีอยู่เขาเป็นซาตานร้ายเป็นผู้ชายที่กล้าทำร้ายแม้กระทั่งผู้หญิงเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่เป็นหัวหน้าครอบครัวเขาทำให้ภรรยามีแต่ความทุกข์แล
ตอนที่ 11ค่ำคืนที่ทำให้รู้จักคำว่ารักแท้“พี่พร้อมจะฟังทุกอย่างที่เธอต้องการจะพูดแต่พี่อาจจะไม่เชื่อนะ เธอคงเข้าใจว่าการที่เธอโกหกพี่แบบนี้มันทำให้พี่ไม่กล้าที่จะเชื่ออะไรในตัวเธออีกแล้ว”แดนไตรพยักหน้าเข้าใจเพราะตัวเขาเองก็คิดแล้วว่าถ้าเมื่อไหร่ความจริงของเขาถูกเปิดเผยถ้าเป็นตัวเขาเองโดนหลอกเหมือนอย่างที่ตัวเองกำลังทำอยู่เขาก็คงจะหมดความเชื่อถือในคนที่โกหก ชายหนุ่มจึงไม่คาดหวังว่าหญิงสาวจะเชื่อทุกอย่างโดยทันทีแต่อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่เธอยังให้โอกาสเขาได้เล่าความจริงทุกอย่างแดนไตรเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เขาตัดสินใจออกจากบ้านหลังใหญ่มาใช้ชีวิตที่คอนโดมิเนียมที่แม่ ของเขาซื้อให้ในวันเกิดเพราะตอนนั้นครอบครัวของเขากำลังเกิดปัญหาศรัณย์เป็นนักธุรกิจที่ถึงแม้จะมีอายุมากแล้วแต่ความมีเสน่ห์ของเขาก็ยังคงไม่แพ้หนุ่ม ๆ จึงทำให้มีสาวมาติดมากมายและเขาก็มักจะเลือกที่จะทำนิสัยเจ้าชู้จนทำให้ภาวีซึ่งเป็นแม่ของแดนไตรต้องเสียใจอยู่เรื่อย ๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าถ้ามารดายังเลือกที่จะอยู่กับคนเป็นพ่อเขาก็ขอที่จะไม่ทนเห็นภาพเหล่านั้น ภาวีไม่สามารถตัดใจจากสามีได้เธอจึงยอม
1เพราะเธอมันร้าย การหย่าครั้งนี้ทำชีวิตทั้งชีวิตของชายหนุ่มพัง ไมค์เริ่มต้นชีวิตแต่งงานกับเพียงใจ ตอนนั้นเขามีแค่ตัวกับหัวใจเพียงเท่านั้น วันนี้วันที่เขาต้องยอมเซ็นใบหย่า ให้ผู้หญิงที่เขาพยายามสร้างทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อเธอ บ้าน รถ ที่ดิน และเงินในบัญชีมากมาย เพียงใจกลับไม่เรียกร้องขอสิ่งเหล่านั้น เธอกลับต้องการเพียงแค่อิสระเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งมองใบหย่าและกำลังคิดว่าใครคือคนผิดในเรื่องนี้ สิ่งที่เขาได้รู้มา คือเพียงใจว่าจ้างบริษัทหนึ่งเพื่อหาข้อมูล ข้อบกพร่องของเขา มาใช้ในการขอหย่า และเป็นการหย่าแบบที่ไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น “เจ้าของบริษัทบ้าๆที่มันชอบทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยกมันต้องรับผิดชอบ” ไมค์กำมือทั้งสองข้างแน่น เมื่อเขาบอกกับตัวเองได้ ว่าใครคือคนผิด เขาก็คิดที่จะหาทางเอาคืนให้สาสมทันที “พี่มาตามีลูกค้าเขาขอนัดคุยกับพี่ด่วน แต่เขาให้พี่ออกไปเจอเขานะ เพราะเขาบอกแต่เพียงว่าเป็นคนดังไม่อยากให้เรื่องนี้มีใครรู้มาก เขาโอนเงินมาเพื่อยืนยันว่าเขามีตัวตนหนึ่งแสนบาท แต่ชื่อที่โอนก็เป็นเพียงชื่อพนักงานทั่วไป ไม่ได้มีชื่อเสียงอ
2ชู้รัก****6เดือนที่แล้ว**** “ใจเย็นๆสิคะอรรถ ทำเป็นใจร้อนไปได้”เสียงหวานของเพียงใจยิ่งฟังยิ่งทำให้คนที่ซุกไซ้ซอกคอเธออยู่แทบบจะอดใจไม่ไหว“ผมหิวคุณไปทั้งตัวแล้วนะ จะให้ผมรออะไรอีกล่ะ”เจ้านายหุ่นล่ำบึกเสียงสั่นเพราะหัวใจมันกำลังเรียกร้อง หญิงสาวตรงหน้า“แหม...ก็แค่รอให้เปิดประตูห้องก่อนไม่ไหวเลยเหรอคะ”เพียงใจต้องพูดเตือนสติ เพระตอนนี้ทั้งเขาและเธอต่างก็มีครอบครัวแล้ว และตอนนี้ทั้งคู่ก็รู้จักกันในฐานะเจ้านายและลูกน้องเท่านั้น“ผมก็ลืมไปเลย เห็นหน้าคุณทีไร หัวใจมันทนไม่ไหวทุกที”“หัวใจหรืออะไรคะที่ทนไม่ไหว”เมื่อประตูห้องถูกเปิด เลขาสาวในชุดกระโปรงสั้นสีแดง ก็ถูกผลักลงบนเตียงทันที“ใจคอจะไม่ให้เพียงใจได้อาบน้ำก่อนเลยเหรอคะ”หญิงสาวรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะเธอนั่งรถมาทั้งวันกว่าจะมาถึงที่ทะเล“ไม่ไหวล่ะ เอาตอนนี้ก่อน แล้วเดี๋ยว เราค่อยไปต่อในห้องน้ำกัน”อรรถพลตอนนี้ก็เปรียบได้กับเสือที่กำลังหิว และเหยื่อก็อยู่ตรงหน้า ถ้าขืนปล่อยให้หลุดมือไป คงไม่ใช่เสือผู้หญิงอย่างเขาแน่นอนเสื้อผ้าในชุดสีแดงทั้งตัวของเลขาสาว ถูกถอดออกกองไว้ที่ปลายเตียงนอน แม้แต่ชุดชั้นในตัวจิ๋ว ก็ถูกก
3ทำหน้าที่แทนภรรยา***ปัจจุบัน***หลังจากที่พยายามกลืนข้าวที่ชายหนุ่มเอามาให้ ลงท้องให้ได้มากที่สุดเพื่อจะมีแรงถ้าหากเธอพอมีทางที่จะหนีได้ “อร่อยใช่ไหม กินเกือบหมดเลย พรุ่งนี้จะได้ทำให้กินอีก เมนูนี้เพียงใจเขาชอบมากๆเลยนะ แต่ช่วงหลังผมยุ่งกับงาน จนไม่ได้ทำให้เธอกินเลย” เวลาที่ไมค์พูดกับเธอดีๆ มาตาฟังทีไรกลับรู้สึกสงสาร เพราะเสียงของเขามีความเศร้าปนอยู่ในนั้น เธอสัมผัสได้ “แล้วคุณกินข้าวหรือยัง”มาตาอดเป็นห่วงชายหนุ่มไม่ได้ เพราะเขาดูเหมือนคนไม่ได้กินไม่ได้นอนมาหลายวัน“ผมกินไปเมื่อกลางวันแล้ว มันกินไม่ลง คุณไม่ต้องเป็นห่วงว่าผมจะตายแล้วไม่มีใครพาคุณออกไปจากที่นี่หรอก”มาตาได้แต่มองหน้าชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเขาคงเคยหล่อและดูดีเอามาก ๆ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาหมองคล้ำ หนวดก็ขึ้นเต็มไปหมด เหมือนคนที่ไม่ดูแลตัวเอง“เสื้อผ้า ของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิง ผมเอาของเพียงใจเอามาไว้ให้คุณใช้แทนแล้ว”“ของแบบนี้ใครเขาใช้ร่วมกัน” มาตาส่ายหัวไม่ยอมใช้ของที่ไมค์บอกว่ามันเคยเป็นของเพียงใจมาก่อน“คุณอยากรู้นักใช่ไหม ว่าผมจับคุณมาที่นี่เพื่ออะไร ก็เพื่อให้คุณทำทุกอย่างแทนที่เพียง