ตอนที่ 10
โกหก
รวีตัดสินใจที่จะปรึกษาทนายความแต่ทางทนายความแนะนำว่าถ้าขืนสู้คดีต่อไปกลัวว่าอาจจะเป็นฝ่ายแพ้เพราะบางทีทางฝ่ายของธเนศอาจจะมีหลักฐานที่หญิงสาวนอกใจไปมีชายอื่นทนายความจึงแนะนำให้เลือกวิธีไกล่เกลี่ยพูดคุยกัน
“คุณธเนศเป็นผู้ชายที่ห่วงหน้าตาในสังคมมากผมว่าบางทีเราสามารถใช้จุดนี้ในการเอาชนะเขาก็ได้นะครับ”
รวีเห็นด้วยกับสิ่งที่ทนายความแนะนำเขาจึงพยายามรวบรวมหลักฐานที่เฌอเอมส่งให้เพื่อใช้ขู่อีกฝ่ายว่าถ้าเรื่องราว การหย่าครั้งนี้ไม่เป็นไปโดยง่ายเรื่องราวทั้งหมดอาจจะถูกร่อนผ่านโลกโซเชียลและรับรองว่าความไวของสื่อสมัยนี้คงทำให้ธเนศได้เป็นผู้ชายที่โดนด่ามากที่สุดเพียงแค่ค่ำคืนเดียว
“แต่ผมอยากจะแนะนำว่าถ้าคิดจะทำตามที่ผมบอกเราต้องมีหลักฐานให้มากพอเพราะถ้าทางโน้นมีหลักฐานที่แน่ชัดกว่าเรา เราก็อาจจะตกเป็นผู้ต้องหาในโลกโซเชียลก็ได้”
รวีตัดสินใจโทรหาลูกสาวเพราะหวังว่าบางทีเฌอเอมอาจจะพอมีวิธีที่จะหาหลักฐานในการมัดตัวธเนศได้มากกว่านี้จากหลักฐานที่เธอมีอยู่เขาเป็นซาตานร้ายเป็นผู้ชายที่กล้าทำร้ายแม้กระทั่งผู้หญิงเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่เป็นหัวหน้าครอบครัวเขาทำให้ภรรยามีแต่ความทุกข์และหวาดกลัวตลอดแต่รวีหวังว่าถ้ามีหลักฐานมากกว่านี้ความเลวที่มีอยู่ของธเนศอาจจะทำให้เขายอมหย่าเพื่อรักษาหน้าตาในสังคม
เฌอเอมตัดสินใจที่จะให้ลินินและแดนไตรพาเธอไปแอบรอที่บ้านของสามีที่เธอเคยอยู่เมื่อรู้ว่าธเนศออกไปทำงานแล้วแน่ ๆ เธอจึงกลับเข้าไปในบ้านเพียงคนเดียวเพื่อหวังหาหลักฐานเพิ่มเติม
“ป้าฉวีคะหนูคงมาเก็บของครั้งนี้และคงไม่ได้เจอกันอีก ป้ากลับไปอยู่ที่บ้านของคุณแม่เถอะค่ะอยู่ที่นี่ก็มีแต่ลำบากและไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงที่คุณธเนศจะหามาใหม่เธอจะเมตตาคุณป้าฉวีเหมือนอย่างที่คุณพรนภาเมตตาไหม”
เฌอเอมแวะทักทายแม่บ้านของเธอด้วยความเป็นห่วงเพราะฉวีมีอายุมากแล้วเธอทำงานไม่ค่อยคล่องแต่ที่หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไรเพราะปกติ เฌอเอมก็ชอบที่จะทำงานบ้านด้วยตัวเองและฉวีก็ยังเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่เธอเคารพนับถืออีกคนแต่เธออดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ถ้าธเนศไปคว้าผู้หญิงที่ไม่ดีมาเป็นเมียมากอาจจะได้รับผลกระทบ
“คุณไปเถอะค่ะไม่ต้องเป็นห่วงป้า ชีวิตนี้เจออะไรมามากกว่านี้เยอะ”
ฉวีเธอไม่ได้มีชีวิตเป็นอิสระมานานมากแล้วตั้งแต่ครอบครัวของเธอเป็นหนี้ครอบครัวของธเนศเธอก็ก้มหน้าก้มตาเป็นทาสรับใช้โดยไม่ปริปากพูดอะไรมีเพียงแค่เงินเดือนไม่มากนักที่ทำให้เธอพอยาไส้ไปในแต่ละวันและส่งลูกสาวจนเรียนจบมหาวิทยาลัยคำว่ากตัญญูที่ค้ำคอเธออยู่จึงทำให้เธอเลือกที่จะทำงานที่นี่แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่หมดความอดทนฉวีก็พร้อมจะออกไปอยู่ข้างนอกเพราะคนเป็นลูกก็รอคอยวันนั้นอยู่
“คุณจะหย่ากับคุณธเนศไหม” แม่บ้านถามขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
“ก็คงต้องฟ้องหย่าแต่ก็ไม่รู้จะชนะไหมเอมไม่มีหลักฐานมากพอ”
หญิงสาวสัมผัสได้ว่าแม่บ้านของเธออาจมีอะไรบางอย่างเธอจึงพูดจาตรงประเด็นทันทีพอลึกและแล้วเธอก็แอบหวังว่าฉวีเป็นคนที่บ้านอยู่บ้านนี้โดยตลอดบางครั้งเธออาจจะมีหลักฐานที่มากกว่าที่ตัวเองกำลังมีอยู่ก็ได้
“ขอให้คุณชนะนะคะ”
เฌอเอมต้องผิดหวังเมื่อแม่บ้านของเธอไม่ได้มีหลักฐานอะไรให้เพิ่มเติมมีแค่คำอวยพรเท่านั้นหญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณและกอดหญิงตัวอ้วนตรงหน้าเพราะตลอดเวลาที่เฌอเอมอยู่ที่นี่เธอก็มีฉวีเป็นเพื่อนเมื่อรู้สึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้
หญิงสาวใช้เวลาเก็บของแค่เพียงไม่กี่นาทีก่อนที่จะเริ่มเดินทางออกจากบ้านหลังนี้เพราะกลัวว่าจะมีใครโทรศัพท์ไปแจ้งธเนศว่าเธอกลับมาและเธออาจจะถูกทำร้ายหรือถูกขังจะทำให้เรื่องราวยิ่งบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้
เฌอเอมยังไม่ทันกลับไปถึงคอนโดมิเนียมที่เธอกลับแดนไตรพักอยู่ด้วยกันก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความทางไลน์เมื่อเธอเปิดดูจึงพบว่าฉวีส่งรูปมากมายที่เป็นภาพของธเนศกับบรรดาสาว ๆ ของเขากำลังทำกิจกรรมรักกันอยู่เพราะหลายครั้งที่สามีของเธอเลือกที่จะทำอะไรแบบไม่อายฟ้าอายดินกลางห้องรับแขกและฉวีก็เลือกจะเก็บภาพเหล่านั้นไว้เพื่อรายงานพรนภาแต่เธอไม่ได้ลบออกภาพจึงกลายเป็นประโยชน์ในวันนี้ให้กับการขออย่าของเฌอเอม
หลักฐานทั้งหมดรวีใช้ในการเจรจาเพื่อขอให้อดีตลูกเขยยอมเซ็นใบอย่าให้ลูกสาวและทุกอย่างก็สำเร็จโดยง่ายเพราะธเนศและพรนภาต่างเลือกหน้าตาเป็นสิ่งสำคัญและไม่ต้องการให้เรื่องนี้ถึงหูพ่อของธเนศใบหย่าจึงได้มาง่ายกว่าที่ทุกคนคิดไว้
“วันนี้พ่อจะพาลูกไปงานเลี้ยงซึ่งเป็นงานเปิดตัวธุรกิจของเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นศัตรูและเป็นคู่แข่งทางการค้าของธเนศพ่อหวังจะไปผูกไมตรีกับทางนั้นเพราะต่อไปนี้เราคงต้องตัดขาดจากครอบครัวธเนศโดยไร้เยื่อใยถ้าพ่อ ได้สนิทสนมกับครอบครัวนี้ธุรกิจของเราจะได้ไปต่อแต่ลูกไม่ต้องกลัวนะพ่อคงไม่ใช้วิธีเดิมแล้วพ่อรู้แล้วว่าความสุขของลูกสำคัญกว่าผลประโยชน์ใด ๆ”
เฌอเอมตัดสินใจที่จะไปร่วมงานตามคำขอร้องของบิดาเพราะถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้แนะนำแดนไตรให้พ่อและแม่รู้จักอย่างเป็นทางการในฐานะคนรักของเธอแต่เธอคิดว่าเวลาคงช่วยเยียวยาทุกสิ่งเมื่อหัวใจของพ่อแม่เธอดีขึ้นเธอถึงจะพาเข้ามาสวัสดีทั้งคู่อีกครั้ง
หญิงสาวในชุดราตรียาวสีชมพูเดินควงคู่คุณพ่อของเธอซึ่งเป็นนักธุรกิจในวงการสถาปนิกเข้าไปในงานโดยมีสายตาของแขกที่มาร่วมงานมองเธอก่อนที่จะซุบซิบนินทาซึ่งมันก็ไม่ทำให้เฌอเอมรู้สึกอะไรเพราะเธอเตรียมตัวที่จะรับความรู้สึกนี้อยู่แล้วสังคมที่เธอโตมาดูภายนอกเป็นวงการที่ดูไฮโซสวยงามแต่แท้ที่จริงแล้วก็มีแต่การซุบซิบนินทามองเห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกปากเวลามีความสุขนอกจากจะไม่สรรเสริญก็ยังพากันอิจฉาเธอจึงไม่เก็บมาใส่ใจอะไร
“ผมจัดงานเลี้ยงเปิดตัวธุรกิจใหม่ในวันนี้ต้องการจะเปิดตัวลูกชายที่จะมาดูโครงการใหม่ของเรา”
ศรัณย์นักธุรกิจรุ่นพ่อขึ้นกล่าวเปิดงานบนเวทีก่อนที่จะแนะนำลูกชายของเขาพร้อมเสียงปรบมือเกรียวกราวเพราะทุกคนในสังคมต่างรอชมมานานว่าลูกชายคนเดียวของศรัณย์จะหน้าตาหล่อเหลาขนาดไหนเพราะที่ผ่านมามีแต่ข่าวซุบซิบว่าผู้เป็นทายาทเพียงคนเดียวไม่ยอมรับช่วงต่อธุรกิจเลือกที่จะหนีออกจากบ้านไปดำเนินชีวิตของตัวเอง
“สวัสดีครับทุกคนผมในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ต้องขอ ฝากเนื้อฝากตัวกับพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่คอยช่วยสนับสนุนธุรกิจของ คุณพ่อผมมาโดยตลอด”
ชายหนุ่มที่เดินขึ้นไปอยู่กลางเวทีพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพฟังดูสุขุมเยือกเย็นเป็นผู้ใหญ่และเป็นน้ำเสียงที่เฌอเอมคุ้นหูเป็นที่สุดเธอไม่รู้ว่าเวลานี้เธอควรรู้สึกดีใจตกใจรู้สึกอะไรกันแน่ตลอดเวลาเธอคิดว่าแดนไตรเป็นเพียงแค่นักศึกษาจน ๆ คนหนึ่งแต่วันนี้ผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาจริงใจกับเธอเสมอมาเขากลับโกหกเธอมาตลอดเพราะความจริงแล้วเขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่
“ผู้ชายคนนั้นใช่คนเดียวกับที่มากับลินินวันนั้นไหมลูก”
รวีหันไปถามลูกสาวเพราะตัวเขาเองก็แค่เพียงคุณหน้าแต่ไม่แน่ใจเพราะมีโอกาสได้เจอกับแดนไตรแค่เพียงครั้งเดียวแล้วเวลานั้นเขาก็อยู่ในอารมณ์ที่โมโหเกินกว่าจะจดจำรายละเอียดของ ชายหนุ่มได้
หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบทุกอย่าง เฌอเอมขออนุญาตบิดาไปนั่งรอที่รถแต่คนเป็นพ่อไม่ยอมเธอจึงเปลี่ยนเป็นนั่งรอที่เก้าอี้ที่อยู่ในมุมอับของงานแทนเพราะเธอไม่สามารถที่จะทนปั้นหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ก่อนหน้านี้เธอโดนสามีทำร้ายและนอกใจแต่เมื่อเธอคิดว่าเธอจะได้เจอกับรักแท้สุดท้ายเธอกลับเป็นแค่เพียงตัวตลกให้เขาปั่นหัวหรอกเธอ
“แต่งงานกับผมนะครับ”
เฌอเอมมัวแต่นั่งหลับตาปล่อยหัวใจและความคิดให้ไหลไปกับเสียงเพลงที่บรรเลงอยู่บนเวทีแต่เธอต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกว่าเสียงดนตรีภายในงานเงียบลงและมีเสียงชายหนุ่มที่เธอแสนจะคุ้นเคยพูดผ่านเครื่องเสียงเหมือนกำลังขอใครสักคนแต่งงาน
“อะไรกันแดนไตรพี่ไม่ตลกด้วยนะ”
เฌอเอมรู้สึกว่าเธอปรับอารมณ์ไม่ทันเธอกำลังโกรธเขาและกำลังเสียใจอีกเพียงไม่กี่นาทีเธอกำลังถูกชายหนุ่มที่สร้างเรื่องมาโกหกคุกเข่าเขาขอเธอแต่งงานโดยมีสักขีพยานเป็นบรรดาไฮโซที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้เกือบร้อยคนและหนึ่งในนั้นคือพ่อของเธอที่กำลังยืนยิ้มอย่างภูมิใจ
“คุณพ่อของพี่ไม่ได้รู้เรื่องนี้ผมวางแผนกับคุณพ่อของผมเชิญท่านมาร่วมงานและให้พาพี่มาด้วย ยกโทษให้ผมนะครับที่โกหกในทุก ๆ เรื่องแต่ผมเชื่อว่าถ้าพี่ได้รู้เหตุผลว่าเพราะอะไรผมถึง ไม่บอกความจริงพี่จะต้องเข้าใจดีว่าผมทำทุกอย่างไปเพื่ออะไรแต่วันนี้สิ่งที่ผมไม่โกหกพี่แน่นอนก็คือ ผมรักพี่นะครับและจะดูแลพี่ตลอดไปมาเป็นเจ้าสาวให้ผมได้ไหม...”
เสียงคนในงานพยายามตะโกนเชียร์ให้หญิงสาวตรงหน้ายอมสวมแหวนเพชรเม็ดงามที่ชายหนุ่มสั่งทำอย่างเร่งด่วน เฌอเอมไม่รู้ว่าเวลานี้เธอควรจะมีความสุขเสียใจหรือโกรธแต่เธอก็ยอมแพ้หัวใจตัวเองจึงยอมสวมแหวนแต่โดยดี
งานในค่ำคืนนี้จบลง รวีตัดสินใจกลับบ้านคนเดียวเพื่อให้ ลูกสาวได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับแดนไตรเพราะตอนนี้คนเป็นพ่อดูออกว่าลูกสาวถึงจะมีความสุขที่ได้สมหวังในความรักแต่เธอยังคงตะขิดตะขวงใจที่ถูกอีกฝ่ายโกหกมาตลอด
ตอนที่ 11ค่ำคืนที่ทำให้รู้จักคำว่ารักแท้“พี่พร้อมจะฟังทุกอย่างที่เธอต้องการจะพูดแต่พี่อาจจะไม่เชื่อนะ เธอคงเข้าใจว่าการที่เธอโกหกพี่แบบนี้มันทำให้พี่ไม่กล้าที่จะเชื่ออะไรในตัวเธออีกแล้ว”แดนไตรพยักหน้าเข้าใจเพราะตัวเขาเองก็คิดแล้วว่าถ้าเมื่อไหร่ความจริงของเขาถูกเปิดเผยถ้าเป็นตัวเขาเองโดนหลอกเหมือนอย่างที่ตัวเองกำลังทำอยู่เขาก็คงจะหมดความเชื่อถือในคนที่โกหก ชายหนุ่มจึงไม่คาดหวังว่าหญิงสาวจะเชื่อทุกอย่างโดยทันทีแต่อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่เธอยังให้โอกาสเขาได้เล่าความจริงทุกอย่างแดนไตรเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เขาตัดสินใจออกจากบ้านหลังใหญ่มาใช้ชีวิตที่คอนโดมิเนียมที่แม่ ของเขาซื้อให้ในวันเกิดเพราะตอนนั้นครอบครัวของเขากำลังเกิดปัญหาศรัณย์เป็นนักธุรกิจที่ถึงแม้จะมีอายุมากแล้วแต่ความมีเสน่ห์ของเขาก็ยังคงไม่แพ้หนุ่ม ๆ จึงทำให้มีสาวมาติดมากมายและเขาก็มักจะเลือกที่จะทำนิสัยเจ้าชู้จนทำให้ภาวีซึ่งเป็นแม่ของแดนไตรต้องเสียใจอยู่เรื่อย ๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าถ้ามารดายังเลือกที่จะอยู่กับคนเป็นพ่อเขาก็ขอที่จะไม่ทนเห็นภาพเหล่านั้น ภาวีไม่สามารถตัดใจจากสามีได้เธอจึงยอม
1เพราะเธอมันร้าย การหย่าครั้งนี้ทำชีวิตทั้งชีวิตของชายหนุ่มพัง ไมค์เริ่มต้นชีวิตแต่งงานกับเพียงใจ ตอนนั้นเขามีแค่ตัวกับหัวใจเพียงเท่านั้น วันนี้วันที่เขาต้องยอมเซ็นใบหย่า ให้ผู้หญิงที่เขาพยายามสร้างทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อเธอ บ้าน รถ ที่ดิน และเงินในบัญชีมากมาย เพียงใจกลับไม่เรียกร้องขอสิ่งเหล่านั้น เธอกลับต้องการเพียงแค่อิสระเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งมองใบหย่าและกำลังคิดว่าใครคือคนผิดในเรื่องนี้ สิ่งที่เขาได้รู้มา คือเพียงใจว่าจ้างบริษัทหนึ่งเพื่อหาข้อมูล ข้อบกพร่องของเขา มาใช้ในการขอหย่า และเป็นการหย่าแบบที่ไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น “เจ้าของบริษัทบ้าๆที่มันชอบทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยกมันต้องรับผิดชอบ” ไมค์กำมือทั้งสองข้างแน่น เมื่อเขาบอกกับตัวเองได้ ว่าใครคือคนผิด เขาก็คิดที่จะหาทางเอาคืนให้สาสมทันที “พี่มาตามีลูกค้าเขาขอนัดคุยกับพี่ด่วน แต่เขาให้พี่ออกไปเจอเขานะ เพราะเขาบอกแต่เพียงว่าเป็นคนดังไม่อยากให้เรื่องนี้มีใครรู้มาก เขาโอนเงินมาเพื่อยืนยันว่าเขามีตัวตนหนึ่งแสนบาท แต่ชื่อที่โอนก็เป็นเพียงชื่อพนักงานทั่วไป ไม่ได้มีชื่อเสียงอ
2ชู้รัก****6เดือนที่แล้ว**** “ใจเย็นๆสิคะอรรถ ทำเป็นใจร้อนไปได้”เสียงหวานของเพียงใจยิ่งฟังยิ่งทำให้คนที่ซุกไซ้ซอกคอเธออยู่แทบบจะอดใจไม่ไหว“ผมหิวคุณไปทั้งตัวแล้วนะ จะให้ผมรออะไรอีกล่ะ”เจ้านายหุ่นล่ำบึกเสียงสั่นเพราะหัวใจมันกำลังเรียกร้อง หญิงสาวตรงหน้า“แหม...ก็แค่รอให้เปิดประตูห้องก่อนไม่ไหวเลยเหรอคะ”เพียงใจต้องพูดเตือนสติ เพระตอนนี้ทั้งเขาและเธอต่างก็มีครอบครัวแล้ว และตอนนี้ทั้งคู่ก็รู้จักกันในฐานะเจ้านายและลูกน้องเท่านั้น“ผมก็ลืมไปเลย เห็นหน้าคุณทีไร หัวใจมันทนไม่ไหวทุกที”“หัวใจหรืออะไรคะที่ทนไม่ไหว”เมื่อประตูห้องถูกเปิด เลขาสาวในชุดกระโปรงสั้นสีแดง ก็ถูกผลักลงบนเตียงทันที“ใจคอจะไม่ให้เพียงใจได้อาบน้ำก่อนเลยเหรอคะ”หญิงสาวรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะเธอนั่งรถมาทั้งวันกว่าจะมาถึงที่ทะเล“ไม่ไหวล่ะ เอาตอนนี้ก่อน แล้วเดี๋ยว เราค่อยไปต่อในห้องน้ำกัน”อรรถพลตอนนี้ก็เปรียบได้กับเสือที่กำลังหิว และเหยื่อก็อยู่ตรงหน้า ถ้าขืนปล่อยให้หลุดมือไป คงไม่ใช่เสือผู้หญิงอย่างเขาแน่นอนเสื้อผ้าในชุดสีแดงทั้งตัวของเลขาสาว ถูกถอดออกกองไว้ที่ปลายเตียงนอน แม้แต่ชุดชั้นในตัวจิ๋ว ก็ถูกก
3ทำหน้าที่แทนภรรยา***ปัจจุบัน***หลังจากที่พยายามกลืนข้าวที่ชายหนุ่มเอามาให้ ลงท้องให้ได้มากที่สุดเพื่อจะมีแรงถ้าหากเธอพอมีทางที่จะหนีได้ “อร่อยใช่ไหม กินเกือบหมดเลย พรุ่งนี้จะได้ทำให้กินอีก เมนูนี้เพียงใจเขาชอบมากๆเลยนะ แต่ช่วงหลังผมยุ่งกับงาน จนไม่ได้ทำให้เธอกินเลย” เวลาที่ไมค์พูดกับเธอดีๆ มาตาฟังทีไรกลับรู้สึกสงสาร เพราะเสียงของเขามีความเศร้าปนอยู่ในนั้น เธอสัมผัสได้ “แล้วคุณกินข้าวหรือยัง”มาตาอดเป็นห่วงชายหนุ่มไม่ได้ เพราะเขาดูเหมือนคนไม่ได้กินไม่ได้นอนมาหลายวัน“ผมกินไปเมื่อกลางวันแล้ว มันกินไม่ลง คุณไม่ต้องเป็นห่วงว่าผมจะตายแล้วไม่มีใครพาคุณออกไปจากที่นี่หรอก”มาตาได้แต่มองหน้าชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเขาคงเคยหล่อและดูดีเอามาก ๆ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาหมองคล้ำ หนวดก็ขึ้นเต็มไปหมด เหมือนคนที่ไม่ดูแลตัวเอง“เสื้อผ้า ของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิง ผมเอาของเพียงใจเอามาไว้ให้คุณใช้แทนแล้ว”“ของแบบนี้ใครเขาใช้ร่วมกัน” มาตาส่ายหัวไม่ยอมใช้ของที่ไมค์บอกว่ามันเคยเป็นของเพียงใจมาก่อน“คุณอยากรู้นักใช่ไหม ว่าผมจับคุณมาที่นี่เพื่ออะไร ก็เพื่อให้คุณทำทุกอย่างแทนที่เพียง
4ตัวแทน “ตื่นแล้วไปทำกับข้าวให้ผมกินด้วย เพียงใจเขาทำอะไรก็อร่อย” ชายหนุ่มในสภาพที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ออกปากสั่งผู้หญิงที่เขาจับตัวมา โดยที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าด้วยซ้ำไป มาตาจัดการใส่เสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย น้ำตามันไหลไปตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้านี้ หญิงสาวเลือกที่จะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ว่ามันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ในครัวมีอุปกรณ์พร้อม ในตู้เย็นก็มีเนื้อสัตว์และผัก เพียงพอกับการทำอาหารได้อีกหลายมื้อ มาตาพยายามคิดว่าเธอสามารถทำกับข้าวอะไรเป็นบ้าง เพราะปกติเธอก็ใช้ชีวิตแบบคนสมัยใหม่ซื้อกินเอา “กับข้าวอะไร รูปร่างไม่ได้น่ากินเลย” ไมค์มองกลับข้าวบนโต๊ะที่หญิงสาวจัดวางไว้บนโต๊ะอาหาร ด้วยสายตาตำหนิ “ฉันทำได้แค่นี้แหละค่ะ” มาตาตอบห้วนๆ “ตอนเด็กๆ พ่อแม่ของเธอคงไม่เคยสอนเลยมั้ง โตมาถึงได้ทำอะไรไม่เป็น” ชายหนุ่มเริ่มลามไปถึงพ่อกับแม่ของเธอ “แม่ของฉันฆ่าตัวตายตั้งแต่ฉันยังไม่โตและพ่อก็แต่งงานใหม่ ส่วนมากฉันใช้ชีวิตอยู่คนเดียว” คำตอบของหญิงสาวทำให้ไมค์คิดถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เ
5ผู้ชายที่แสนร้าย คืนนี้มาตายกเอาผ้าห่มกับหมอนมานอน ที่พื้นข้างๆโซฟา เพื่ออยู่เป็นเพื่อนคนเมา เพราะถ้าจะให้เธอลากเขาเข้าไปห้องนอนไม่ไหวแน่ สภาพของไมค์ตอนนี้ ช่างแตกต่างจากชายหนุ่มในวันที่มาตายังเรียนอยู่ชั้นมัธยมและเธอก็แอบปลื้มเขา ในวันที่เขาติดต่อผ่านมาทางครูของเธอเพื่อช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษา ตอนที่หญิงสาวเรียนจบ เธออยากไปขอบคุณเขา แต่ชายหนุ่มเองบอกข้อตกลงไว้ตั้งแต่เริ่มแรกว่า เขาไม่ต้องการทำความรู้จักกับเด็กที่เขาให้ทุน เพราะต้องการช่วยเหลือแบบไม่หวังสิ่งตอบแทน “หิวน้ำขอน้ำหน่อย” หญิงสาวสะดุ้งลุกขึ้นทันที เมื่อได้ยินคนเมาร้องขอน้ำ แต่เขาไม่ยอมลุกหญิงสาวจึงค่อยปล้อนให้ แต่ด้วยความไม่ถนัด น้ำจึงหกรดเสื้อผ้า ไมค์โมโหคว้าแก้วได้ ขว้างกระแทกกำแพงจนแตก เพล้ง! แก้วแตกกระจาย หญิงสาวมองหน้าคนที่อยู่ในอ้อมแขนเธอมาตาปลอยแขนออกทันที จนศีรษะของชายหนุ่มกระแทกลงกับขอบโซฟา “โอ๊ะ! อีคนชอบทำลายครอบครัวคนอื่นเขา ไป!อยากไปไหนก็ไป” ไมค์ชี้ไม้ชี้มือไล่มาตา โดยที่ตัวเองยังลืมตาแทบไม่ขึ้น ความอดทนของหญิงสาวถึงที่สุ
6กลัว เกือบมืดแล้วแต่ไมค์ก็ยังไม่กลับมา มาตาไม่กล้าแม้แต่จะเปิดไฟ เพราะกลัวจะทำให้พวกโจรรู้ว่ามีคนอยู่ในบ้าน “มาตา” เสียงเรีกชื่อดังมาพร้อมกับเสียงไขกุญแจ หญิงสาวจำน้ำเสียงได้ดี เธอรีบลุกจากข้างหน้าต่าง โผเข้ากอดเจ้าของเสียงด้วยความดีใจ “เป็นอะไร แล้วทำไมไม่เปิดไฟ นั่งอยู่มืดๆไม่กลัวหรือไงกัน” ชายหนุ่มโอบเอวหญิงสาวแล้วค่อยๆพาเธอเดินเปิดไฟในห้องรับแขก “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้กลัวแบบนี้” ไมค์ถามด้วยสีหน้าเหมือนคนที่กำลังกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เพราะกลัวคนเล่าจะโมโหเอา มาตาเล่าเรื่องที่เธอได้ยิน เมื่อไมค์ออกไปทำงานได้ไม่ถึงชั่วโมง โดยที่หญิงสาวลืมไป ว่าชายหนุ่มก็จะรู้ว่าเธอกำลังคิดจะหนีไปจากที่นี่ “แล้วคุณออกไปทำอะไรที่กำแพง” ไมค์ทำเสียงเข้ม “ฉันก็แค่ออกไปเดินเล่น” มาตาหลบตาทันที “ก็ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าห้ามออกจากบ้านเลย เห็นไหมแถวนี้มันมีแต่พวกโจรป่า ถ้าคุณโดนพวกมันจับ รับรองมีผัวพร้อมกันเป็นสิบแน่ๆ” ไมค์ลุกขึ้นจากโซฟาทันที เพราะกลัวจะกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ไหว เมื่อเ
7ความเฉยชา เช้านี้เขาไม่ได้ออกไปทำงาน มาตาตั้งใจจะทำกับข้าวให้เขากินสุดฝีมือ “กับข้าวเสร็จแล้วค่ะ”แม่ครัวคนสวยออกไปตามชายหนุ่มที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องรับแขกไม่มีเสียงตอบ แต่ไมค์ก็ลุกมานั่งที่โต๊ะอาหารตามปกติ โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรหว่างที่นั่งกินอาหารกันมาตารู้สึกอึดอัดจากที่ตั้งใจ จะทำกินข้าวให้อร่อย แต่กลับเป็นว่าเธอแทบจะกลืนไม่เข้าสักคำ“อิ่มแล้วเหรอคะ” หญิงสาวถามเมื่อเห็นคนนั่งตรงข้างรวบช้อน“อืม”คำตอบที่ดูเหมือนไม่อยากตอบ มาตาก็สุดที่จะหาวิธีง้อแล้ว เธอจึงได้แต่อิ่มตาม เพราะไม่มีอารมณ์ที่จะนั่งกินแล้ววันนี้ทั้งวันทั้งสองคน ต่างอยู่กันคนละมุมบ้าน มาตาเองก็ไม่อยากเห็นเขาทำหน้าเฉยชาใส่เธอ ส่วนไมค์เองก็คงยังไม่อยากเห็นหน้าเธออาหารค่ำกลายเป็นไมค์เข้าครัวเป็นคนทำเอง เขาจัดโต๊ะที่เขาเคยใช้นั่งดื่ม ให้เป็นโต๊ะอาหาร ตกแต่งด้วยดอกไม้ มาตาก็ทำได้แค่แอบมองเพราะไม่กล้าเข้าไปยุ่งท้องฟ้าเริ่มมืด ชายหนุ่มเดินเข้ามาที่ห้องนอน และยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ที่ในนั้นมีเสื้อผ้าอยู่ให้มาตา“ชอบตัวไหนก็ใส่แล้วออกมากินข้าว คิดว่าคงเลือกชุดที่สวยที่สุด เพราะวันนี้ผมอยากกินข้าวกั