Share

โกหก  

ตอนที่ 10

โกหก

รวีตัดสินใจที่จะปรึกษาทนายความแต่ทางทนายความแนะนำว่าถ้าขืนสู้คดีต่อไปกลัวว่าอาจจะเป็นฝ่ายแพ้เพราะบางทีทางฝ่ายของธเนศอาจจะมีหลักฐานที่หญิงสาวนอกใจไปมีชายอื่นทนายความจึงแนะนำให้เลือกวิธีไกล่เกลี่ยพูดคุยกัน

“คุณธเนศเป็นผู้ชายที่ห่วงหน้าตาในสังคมมากผมว่าบางทีเราสามารถใช้จุดนี้ในการเอาชนะเขาก็ได้นะครับ”

รวีเห็นด้วยกับสิ่งที่ทนายความแนะนำเขาจึงพยายามรวบรวมหลักฐานที่เฌอเอมส่งให้เพื่อใช้ขู่อีกฝ่ายว่าถ้าเรื่องราว               การหย่าครั้งนี้ไม่เป็นไปโดยง่ายเรื่องราวทั้งหมดอาจจะถูกร่อนผ่านโลกโซเชียลและรับรองว่าความไวของสื่อสมัยนี้คงทำให้ธเนศได้เป็นผู้ชายที่โดนด่ามากที่สุดเพียงแค่ค่ำคืนเดียว

“แต่ผมอยากจะแนะนำว่าถ้าคิดจะทำตามที่ผมบอกเราต้องมีหลักฐานให้มากพอเพราะถ้าทางโน้นมีหลักฐานที่แน่ชัดกว่าเรา เราก็อาจจะตกเป็นผู้ต้องหาในโลกโซเชียลก็ได้”

รวีตัดสินใจโทรหาลูกสาวเพราะหวังว่าบางทีเฌอเอมอาจจะพอมีวิธีที่จะหาหลักฐานในการมัดตัวธเนศได้มากกว่านี้จากหลักฐานที่เธอมีอยู่เขาเป็นซาตานร้ายเป็นผู้ชายที่กล้าทำร้ายแม้กระทั่งผู้หญิงเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่เป็นหัวหน้าครอบครัวเขาทำให้ภรรยามีแต่ความทุกข์และหวาดกลัวตลอดแต่รวีหวังว่าถ้ามีหลักฐานมากกว่านี้ความเลวที่มีอยู่ของธเนศอาจจะทำให้เขายอมหย่าเพื่อรักษาหน้าตาในสังคม

เฌอเอมตัดสินใจที่จะให้ลินินและแดนไตรพาเธอไปแอบรอที่บ้านของสามีที่เธอเคยอยู่เมื่อรู้ว่าธเนศออกไปทำงานแล้วแน่ ๆ เธอจึงกลับเข้าไปในบ้านเพียงคนเดียวเพื่อหวังหาหลักฐานเพิ่มเติม

“ป้าฉวีคะหนูคงมาเก็บของครั้งนี้และคงไม่ได้เจอกันอีก ป้ากลับไปอยู่ที่บ้านของคุณแม่เถอะค่ะอยู่ที่นี่ก็มีแต่ลำบากและไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงที่คุณธเนศจะหามาใหม่เธอจะเมตตาคุณป้าฉวีเหมือนอย่างที่คุณพรนภาเมตตาไหม”

เฌอเอมแวะทักทายแม่บ้านของเธอด้วยความเป็นห่วงเพราะฉวีมีอายุมากแล้วเธอทำงานไม่ค่อยคล่องแต่ที่หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไรเพราะปกติ เฌอเอมก็ชอบที่จะทำงานบ้านด้วยตัวเองและฉวีก็ยังเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่เธอเคารพนับถืออีกคนแต่เธออดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ถ้าธเนศไปคว้าผู้หญิงที่ไม่ดีมาเป็นเมียมากอาจจะได้รับผลกระทบ

“คุณไปเถอะค่ะไม่ต้องเป็นห่วงป้า ชีวิตนี้เจออะไรมามากกว่านี้เยอะ”

ฉวีเธอไม่ได้มีชีวิตเป็นอิสระมานานมากแล้วตั้งแต่ครอบครัวของเธอเป็นหนี้ครอบครัวของธเนศเธอก็ก้มหน้าก้มตาเป็นทาสรับใช้โดยไม่ปริปากพูดอะไรมีเพียงแค่เงินเดือนไม่มากนักที่ทำให้เธอพอยาไส้ไปในแต่ละวันและส่งลูกสาวจนเรียนจบมหาวิทยาลัยคำว่ากตัญญูที่ค้ำคอเธออยู่จึงทำให้เธอเลือกที่จะทำงานที่นี่แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่หมดความอดทนฉวีก็พร้อมจะออกไปอยู่ข้างนอกเพราะคนเป็นลูกก็รอคอยวันนั้นอยู่

“คุณจะหย่ากับคุณธเนศไหม” แม่บ้านถามขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

“ก็คงต้องฟ้องหย่าแต่ก็ไม่รู้จะชนะไหมเอมไม่มีหลักฐานมากพอ”

หญิงสาวสัมผัสได้ว่าแม่บ้านของเธออาจมีอะไรบางอย่างเธอจึงพูดจาตรงประเด็นทันทีพอลึกและแล้วเธอก็แอบหวังว่าฉวีเป็นคนที่บ้านอยู่บ้านนี้โดยตลอดบางครั้งเธออาจจะมีหลักฐานที่มากกว่าที่ตัวเองกำลังมีอยู่ก็ได้

“ขอให้คุณชนะนะคะ”

เฌอเอมต้องผิดหวังเมื่อแม่บ้านของเธอไม่ได้มีหลักฐานอะไรให้เพิ่มเติมมีแค่คำอวยพรเท่านั้นหญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณและกอดหญิงตัวอ้วนตรงหน้าเพราะตลอดเวลาที่เฌอเอมอยู่ที่นี่เธอก็มีฉวีเป็นเพื่อนเมื่อรู้สึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้

หญิงสาวใช้เวลาเก็บของแค่เพียงไม่กี่นาทีก่อนที่จะเริ่มเดินทางออกจากบ้านหลังนี้เพราะกลัวว่าจะมีใครโทรศัพท์ไปแจ้งธเนศว่าเธอกลับมาและเธออาจจะถูกทำร้ายหรือถูกขังจะทำให้เรื่องราวยิ่งบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้

เฌอเอมยังไม่ทันกลับไปถึงคอนโดมิเนียมที่เธอกลับแดนไตรพักอยู่ด้วยกันก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความทางไลน์เมื่อเธอเปิดดูจึงพบว่าฉวีส่งรูปมากมายที่เป็นภาพของธเนศกับบรรดาสาว ๆ ของเขากำลังทำกิจกรรมรักกันอยู่เพราะหลายครั้งที่สามีของเธอเลือกที่จะทำอะไรแบบไม่อายฟ้าอายดินกลางห้องรับแขกและฉวีก็เลือกจะเก็บภาพเหล่านั้นไว้เพื่อรายงานพรนภาแต่เธอไม่ได้ลบออกภาพจึงกลายเป็นประโยชน์ในวันนี้ให้กับการขออย่าของเฌอเอม

หลักฐานทั้งหมดรวีใช้ในการเจรจาเพื่อขอให้อดีตลูกเขยยอมเซ็นใบอย่าให้ลูกสาวและทุกอย่างก็สำเร็จโดยง่ายเพราะธเนศและพรนภาต่างเลือกหน้าตาเป็นสิ่งสำคัญและไม่ต้องการให้เรื่องนี้ถึงหูพ่อของธเนศใบหย่าจึงได้มาง่ายกว่าที่ทุกคนคิดไว้

“วันนี้พ่อจะพาลูกไปงานเลี้ยงซึ่งเป็นงานเปิดตัวธุรกิจของเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นศัตรูและเป็นคู่แข่งทางการค้าของธเนศพ่อหวังจะไปผูกไมตรีกับทางนั้นเพราะต่อไปนี้เราคงต้องตัดขาดจากครอบครัวธเนศโดยไร้เยื่อใยถ้าพ่อ            ได้สนิทสนมกับครอบครัวนี้ธุรกิจของเราจะได้ไปต่อแต่ลูกไม่ต้องกลัวนะพ่อคงไม่ใช้วิธีเดิมแล้วพ่อรู้แล้วว่าความสุขของลูกสำคัญกว่าผลประโยชน์ใด ๆ”

เฌอเอมตัดสินใจที่จะไปร่วมงานตามคำขอร้องของบิดาเพราะถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้แนะนำแดนไตรให้พ่อและแม่รู้จักอย่างเป็นทางการในฐานะคนรักของเธอแต่เธอคิดว่าเวลาคงช่วยเยียวยาทุกสิ่งเมื่อหัวใจของพ่อแม่เธอดีขึ้นเธอถึงจะพาเข้ามาสวัสดีทั้งคู่อีกครั้ง

หญิงสาวในชุดราตรียาวสีชมพูเดินควงคู่คุณพ่อของเธอซึ่งเป็นนักธุรกิจในวงการสถาปนิกเข้าไปในงานโดยมีสายตาของแขกที่มาร่วมงานมองเธอก่อนที่จะซุบซิบนินทาซึ่งมันก็ไม่ทำให้เฌอเอมรู้สึกอะไรเพราะเธอเตรียมตัวที่จะรับความรู้สึกนี้อยู่แล้วสังคมที่เธอโตมาดูภายนอกเป็นวงการที่ดูไฮโซสวยงามแต่แท้ที่จริงแล้วก็มีแต่การซุบซิบนินทามองเห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกปากเวลามีความสุขนอกจากจะไม่สรรเสริญก็ยังพากันอิจฉาเธอจึงไม่เก็บมาใส่ใจอะไร

“ผมจัดงานเลี้ยงเปิดตัวธุรกิจใหม่ในวันนี้ต้องการจะเปิดตัวลูกชายที่จะมาดูโครงการใหม่ของเรา”

ศรัณย์นักธุรกิจรุ่นพ่อขึ้นกล่าวเปิดงานบนเวทีก่อนที่จะแนะนำลูกชายของเขาพร้อมเสียงปรบมือเกรียวกราวเพราะทุกคนในสังคมต่างรอชมมานานว่าลูกชายคนเดียวของศรัณย์จะหน้าตาหล่อเหลาขนาดไหนเพราะที่ผ่านมามีแต่ข่าวซุบซิบว่าผู้เป็นทายาทเพียงคนเดียวไม่ยอมรับช่วงต่อธุรกิจเลือกที่จะหนีออกจากบ้านไปดำเนินชีวิตของตัวเอง

“สวัสดีครับทุกคนผมในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ต้องขอ            ฝากเนื้อฝากตัวกับพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่คอยช่วยสนับสนุนธุรกิจของ           คุณพ่อผมมาโดยตลอด”

ชายหนุ่มที่เดินขึ้นไปอยู่กลางเวทีพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพฟังดูสุขุมเยือกเย็นเป็นผู้ใหญ่และเป็นน้ำเสียงที่เฌอเอมคุ้นหูเป็นที่สุดเธอไม่รู้ว่าเวลานี้เธอควรรู้สึกดีใจตกใจรู้สึกอะไรกันแน่ตลอดเวลาเธอคิดว่าแดนไตรเป็นเพียงแค่นักศึกษาจน ๆ คนหนึ่งแต่วันนี้ผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาจริงใจกับเธอเสมอมาเขากลับโกหกเธอมาตลอดเพราะความจริงแล้วเขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่

“ผู้ชายคนนั้นใช่คนเดียวกับที่มากับลินินวันนั้นไหมลูก”

รวีหันไปถามลูกสาวเพราะตัวเขาเองก็แค่เพียงคุณหน้าแต่ไม่แน่ใจเพราะมีโอกาสได้เจอกับแดนไตรแค่เพียงครั้งเดียวแล้วเวลานั้นเขาก็อยู่ในอารมณ์ที่โมโหเกินกว่าจะจดจำรายละเอียดของ          ชายหนุ่มได้

หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบทุกอย่าง เฌอเอมขออนุญาตบิดาไปนั่งรอที่รถแต่คนเป็นพ่อไม่ยอมเธอจึงเปลี่ยนเป็นนั่งรอที่เก้าอี้ที่อยู่ในมุมอับของงานแทนเพราะเธอไม่สามารถที่จะทนปั้นหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ก่อนหน้านี้เธอโดนสามีทำร้ายและนอกใจแต่เมื่อเธอคิดว่าเธอจะได้เจอกับรักแท้สุดท้ายเธอกลับเป็นแค่เพียงตัวตลกให้เขาปั่นหัวหรอกเธอ

“แต่งงานกับผมนะครับ”

 เฌอเอมมัวแต่นั่งหลับตาปล่อยหัวใจและความคิดให้ไหลไปกับเสียงเพลงที่บรรเลงอยู่บนเวทีแต่เธอต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกว่าเสียงดนตรีภายในงานเงียบลงและมีเสียงชายหนุ่มที่เธอแสนจะคุ้นเคยพูดผ่านเครื่องเสียงเหมือนกำลังขอใครสักคนแต่งงาน

“อะไรกันแดนไตรพี่ไม่ตลกด้วยนะ”

เฌอเอมรู้สึกว่าเธอปรับอารมณ์ไม่ทันเธอกำลังโกรธเขาและกำลังเสียใจอีกเพียงไม่กี่นาทีเธอกำลังถูกชายหนุ่มที่สร้างเรื่องมาโกหกคุกเข่าเขาขอเธอแต่งงานโดยมีสักขีพยานเป็นบรรดาไฮโซที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้เกือบร้อยคนและหนึ่งในนั้นคือพ่อของเธอที่กำลังยืนยิ้มอย่างภูมิใจ

“คุณพ่อของพี่ไม่ได้รู้เรื่องนี้ผมวางแผนกับคุณพ่อของผมเชิญท่านมาร่วมงานและให้พาพี่มาด้วย ยกโทษให้ผมนะครับที่โกหกในทุก ๆ เรื่องแต่ผมเชื่อว่าถ้าพี่ได้รู้เหตุผลว่าเพราะอะไรผมถึง          ไม่บอกความจริงพี่จะต้องเข้าใจดีว่าผมทำทุกอย่างไปเพื่ออะไรแต่วันนี้สิ่งที่ผมไม่โกหกพี่แน่นอนก็คือ ผมรักพี่นะครับและจะดูแลพี่ตลอดไปมาเป็นเจ้าสาวให้ผมได้ไหม...”

เสียงคนในงานพยายามตะโกนเชียร์ให้หญิงสาวตรงหน้ายอมสวมแหวนเพชรเม็ดงามที่ชายหนุ่มสั่งทำอย่างเร่งด่วน เฌอเอมไม่รู้ว่าเวลานี้เธอควรจะมีความสุขเสียใจหรือโกรธแต่เธอก็ยอมแพ้หัวใจตัวเองจึงยอมสวมแหวนแต่โดยดี

งานในค่ำคืนนี้จบลง รวีตัดสินใจกลับบ้านคนเดียวเพื่อให้ ลูกสาวได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับแดนไตรเพราะตอนนี้คนเป็นพ่อดูออกว่าลูกสาวถึงจะมีความสุขที่ได้สมหวังในความรักแต่เธอยังคงตะขิดตะขวงใจที่ถูกอีกฝ่ายโกหกมาตลอด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status