ตอนที่ 9
ละครโรงใหญ่
“เอมกลับไปอยู่บ้านของเราเถอะนะ”
ธเนศเมื่อมาถึงและได้เผชิญหน้ากับภรรยาของเขาอีกครั้งเขาก็ตีบทโศกแสดงท่าทางเสียใจน้ำตาอาบแก้มจนคนที่เป็นพ่อตาแม่ยายอดที่จะสงสารลูกเขยไม่ได้
“ฉันคงไม่กลับไปเป็นกระสอบทรายหรือที่ระบายอารมณ์ให้ใครทั้งนั้น”
เฌอเอมไม่มีอะไรที่ต้องปกปิดอีกต่อไป เธอพูดความรู้สึก ทุกอย่างออกมาจากหัวใจทันทีถึงแม้เธอจะรู้ว่าบุพการีทั้งคู่ของเธอต่างไม่มีใครเชื่อก็ตาม
“เธอมีคนอื่นแล้วยังจะมาโยนความผิดให้พี่อีกหรือแต่ ไม่เป็นไรขอแค่เธอกลับไปอยู่ด้วยกันพี่ก็พร้อมจะให้อภัยและลืม ทุกอย่างอย่าทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่สบายใจเลยนะ”
ธเนศคว้ามือของหญิงสาวมาจับและหอมมันอย่างนุ่มนวล ทั้งที่ตลอดชีวิตการแต่งงานเธอไม่เคยได้สัมผัสถึงความรู้สึกแบบนี้เฌอเอมทั้งขยะแขยงทั้งอยากจะอาเจียนใส่คนตรงหน้า เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายจะสามารถแสดงละครได้ขนาดนี้
“ที่ผ่านมาฉันเคยคิดว่าคุณเลวแต่วันนี้นอกจากจะเลวแล้วฉันยังรู้ว่าคุณเป็นผู้ชายที่ตอแหลอีกต่างหากไปเรียนแสดงละครที่ไหนมาถึงได้ตีบทแตกกระจุยแต่อย่าลืมว่าทุกอย่างที่คุณทำมันไม่ได้เป็นความลับ”
เฌอเอมคว้าโทรศัพท์ที่เธอวางทิ้งไว้บนโต๊ะกลางห้องรับแขกและรีบเปิดเครื่องทันทีหลังจากที่อมราปิดเครื่องโทรศัพท์เพราะไม่ต้องการให้ใครโทรมาตามลูกสาวของเธอได้
“ทุกคนดูนี่นะคะ”
หญิงสาวเปิดวีดีโอที่เธอได้แอบตั้งกล้องไว้กลางบ้านเมื่อเธอมั่นใจว่าค่ำคืนไหนเธอจะโดนทำร้ายเธอเก็บหลักฐานไว้หมดและเปิดภาพและเสียงให้พ่อกับแม่ได้ดู ทั้งคู่ถึงกลับเข่าทรุดเมื่อได้เห็นว่าคนที่เป็นลูกเขยที่ทั้งคู่ทั้งรักและชื่นชมแท้จริงเป็นเพียงแค่ ซาตานร้ายที่ทำร้ายผู้หญิง
“ไอ้ธเนศมึงทำลูกกูจริง ๆ”
รวีถึงแม้จะมีอายุ 60 กว่าแล้วแต่เขายังคงแข็งแรงอยู่ สองมือกำแน่นลุกออกจากที่นั่งเพื่อหวังจะสาวหมัดไปยังหน้าลูกเขยแต่ด้วยอายุที่ต่างกันธเนศจึงเป็นฝ่ายขวามือของพ่อตาไว้ได้ก่อนที่จะผลักคนสูงวัยลงไปกองอยู่บนโซฟาอย่างแรงจนลุกไม่ขึ้น
“ก็ใช่ไงก็มึงสองคนไม่ใช่เหรอที่อยากให้กูแต่งงานกับลูกมึงก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นสนใจเลยว่าลูกมึงจะมีความสุขไหมก็เห็นแต่สนใจว่าจะหาประโยชน์อะไรได้บ้างจากครอบครัวของกูแล้วเป็นไงวันนี้จะทำมาเป็นทุกข์ร้อน ถุย! พ่อแม่ยังไม่รักลูกตัวเองแล้วจะหวังให้ใครเข้ามาเห็นค่าจำไว้นะพวกแกต้องชดใช้ที่ทำให้ฉันต้องอายคนในสังคม”
ธเนศสาวเท้าออกจากบ้านหลังใหญ่อย่างไวเพราะเวลานี้เขารู้ว่ากำลังเสียเปรียบเพราะบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของเขาถ้าเกิดอะไรที่เป็นความรุนแรงขึ้นพ่อแม่ของเฌอเอมมีสิทธิ์ที่จะแจ้งความเขาในข้อหาบุกรุกถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกเขยก็ตาม
รถของธเนศขับออกไปแล้วลินินจึงตัดสินใจที่จะให้แดนไตรเข้าไปในบ้านของหญิงสาวที่เป็นเพื่อนเพราะจากลักษณะของการขับรถของธเนศก็พอจะเดาได้ว่าสถานการณ์ข้างในคงไม่ดีนัก
“ลินิน! แดน!”
เฌอเอมร้องเรียกเพื่อนและคนรักอย่างสุดเสียงด้วย ความดีใจเพราะถึงแม้ว่าเธอจะรู้แล้วว่าพ่อกับแม่เชื่อว่าเธอได้เจออะไรมาบ้างแต่หญิงสาวก็ยังไม่แน่ใจว่าจะถูกปล่อยไปให้เจอ แดนไตรอีกไหม
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”
แดนไตรยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะแต่อีกฝ่ายกลับยกมือรับไหว้แบบพอให้พ้น ๆ เพราะจากการอ่านสถานการณ์ทั้งอมราและรวีต่างรับรู้ได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคงเป็นชู้รักของลูกสาวและจากภาพที่เห็นชายหนุ่มยังใส่ชุดนักศึกษาก็พอจะเดาออกว่าคงไม่ใช่ผู้ชายที่มีอนาคตอะไรคงเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่หวังจะมาเกาะ ลูกสาวของพวกเขากินก็เท่านั้น
“นินพาผู้ชายคนนี้ออกไปจากบ้านก่อนได้ไหมพ่อกับแม่มีเรื่องที่ต้องคุยกับเอมเป็นการส่วนตัวรับรองว่าเพื่อนของเธอไม่เป็นอันตรายอะไรหรอกเพราะฉันเป็นพ่อกับแม่คงไม่ทำร้ายลูกตัวเองได้ลง”
ลินินไม่รู้จะขัดขืนหรือพูดอะไรเธอจึงจำใจต้องพาแดนไตรออกไปจากบ้านทั้งที่ทั้งคู่ยังคงเป็นห่วงเฌอเอมแต่ในเมื่อบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเพื่อนและคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือพ่อแม่ของเฌอเอมเองทั้งคู่จึงจำยอมออกไป
“เด็กหนุ่มคนนั้นอย่าบอกนะว่าเป็น….”
รวีนั่งลงกับเก้าอี้สองมือกำแน่นแววตาของเขาเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้แต่พยายามเก็บซ่อนความเจ็บช้ำไว้ในหัวใจเพราะ ไม่อยากให้เรื่องราวมันเลวร้ายไปกว่านี้
“ใช่ค่ะ! เขาเป็นสามีคนใหม่ของลูก แดนไตรเป็นเพียงแค่ เด็กหนุ่มนักศึกษาที่มาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย เขาไม่มีหน้ามีตาในสังคมไม่มีอะไรที่สู้คุณธเนศได้เลย เขามีแค่เพียงความรักและเขาก็ไม่เคยทำร้ายลูก”
เฌอเอมรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังจะพูดมันทำให้พ่อและแม่ต้องเจ็บปวดแต่ในเมื่อวันนี้ความจริงทุกอย่างมันถูกเปิดเผยแล้วไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะต้องเก็บซ่อนอะไรบางอย่างไว้เป็นความลับเธอพร้อมจะเผชิญกับความจริง
“แกเลือกแล้วใช่ไหม”
อมราถามลูกสาวทั้งที่เธอก็รู้คำตอบอยู่แล้วแต่แค่อยากให้เอมได้ลองคิดทบทวนอีกครั้งเพราะในฐานะผู้หญิงเธอเชื่อว่าการที่ลูกสาวของเธอยอมรับชายอีกคนเข้ามาเป็นสามีแบบนี้แปลว่าเธอต้องตัดสินใจที่จะไม่กลับไปหาคนเก่าอีกแน่นอนถึงแม้อมราใน ฐานะแม่จะเห็นด้วยที่เฌอเอมตัดสินใจจะเลิกกับธเนศแต่เธอ รู้สึกผิดหวังที่หญิงสาวไปคว้าผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นสามีแบบนี้
“ครั้งนี้เอมเป็นคนเลือกคุณพ่อคุณแม่อย่าว่าเอมเลยนะคะเพราะเมื่อครั้งที่เอมยอมแต่งงานกับคุณธเนศเอมก็ยกให้คุณพ่อ คุณแม่เป็นคนเลือกแล้วและสุดท้ายผู้ชายที่ดูดีมีหน้ามีตาในสังคมใครจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากที่ดูเป็นสุภาพบุรุษแท้ที่จริงแล้วเขาไม่ต่างจากกุ๊ยข้างถนนที่ทำร้ายผู้หญิงหยาบคายใส่ผู้ใหญ่และยังเจ้าชู้ เขาแทบจะไม่มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนเลย เอมขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวังถ้าการกระทำของเอมทำให้ครอบครัวของเรา ต้องเสียหายลูกก็พร้อมจะก้าวออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่รบกวนพ่อกับแม่อีกเลยค่ะ”
หญิงสาวรีบคว้าโทรศัพท์ เธอตัดสินใจที่จะก้าวออกจาก บ้านหลังนี้เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับแดนไตรเพราะเธอรู้แล้วว่าความสุขที่แท้จริงมันไม่ใช่เงินทองหรือหน้าตาในสังคมแต่มันคือความสุขที่เกิดจากคำว่าครอบครัวการที่เราได้ตื่นนอนแล้วพบว่ามีคนที่รักเรานอนอยู่ข้าง ๆ การที่เราได้รู้ว่ากลับบ้านทุกครั้งจะมีคนที่เรารักและรักเรารออยู่มันมีความสุขแค่ไหน
“ถ้าแกคิดจะมีคนใหม่ก็ควรจัดการเรื่องราวของคนเก่าให้เรียบร้อยพรุ่งนี้พ่อจะติดต่อทนายความให้ระหว่างนี้แกก็ควรจะอยู่นิ่ง ๆ อย่าทำอะไรให้เราต้องเสียเปรียบ”
เฌอเอมหยุดยืนนิ่งทันที เธอไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะเข้าใจเธอแบบนี้ถึงแม้ว่าท่านจะยังคงมีสีหน้าที่ยังคงความเสียใจอยู่ก็ตาม
“ขอบคุณคุณพ่อนะคะที่เข้าใจเอม”
หญิงสาวหันหลังรีบโผเข้ากอดบิดาทันทีน้ำตาแห่ง ความปลาบปลื้มใจวันนี้มันไหลบนความโล่งใจและสบายใจ เธอเคยคิดมาตลอดว่าพ่อกับแม่ไม่มีวันที่จะให้อภัยถ้าเธอตัดสินใจแยกทางกับธเนศและมาอยู่กินกับผู้ชายที่ไม่มีอะไรติดตัวมาแบบนี้แต่วันนี้เธอได้รู้แล้วว่าถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเสียใจแค่ไหนแต่ก็เลือกที่จะทำให้ลูกมีความสุข
ตอนที่ 10โกหกรวีตัดสินใจที่จะปรึกษาทนายความแต่ทางทนายความแนะนำว่าถ้าขืนสู้คดีต่อไปกลัวว่าอาจจะเป็นฝ่ายแพ้เพราะบางทีทางฝ่ายของธเนศอาจจะมีหลักฐานที่หญิงสาวนอกใจไปมีชายอื่นทนายความจึงแนะนำให้เลือกวิธีไกล่เกลี่ยพูดคุยกัน“คุณธเนศเป็นผู้ชายที่ห่วงหน้าตาในสังคมมากผมว่าบางทีเราสามารถใช้จุดนี้ในการเอาชนะเขาก็ได้นะครับ”รวีเห็นด้วยกับสิ่งที่ทนายความแนะนำเขาจึงพยายามรวบรวมหลักฐานที่เฌอเอมส่งให้เพื่อใช้ขู่อีกฝ่ายว่าถ้าเรื่องราว การหย่าครั้งนี้ไม่เป็นไปโดยง่ายเรื่องราวทั้งหมดอาจจะถูกร่อนผ่านโลกโซเชียลและรับรองว่าความไวของสื่อสมัยนี้คงทำให้ธเนศได้เป็นผู้ชายที่โดนด่ามากที่สุดเพียงแค่ค่ำคืนเดียว“แต่ผมอยากจะแนะนำว่าถ้าคิดจะทำตามที่ผมบอกเราต้องมีหลักฐานให้มากพอเพราะถ้าทางโน้นมีหลักฐานที่แน่ชัดกว่าเรา เราก็อาจจะตกเป็นผู้ต้องหาในโลกโซเชียลก็ได้”รวีตัดสินใจโทรหาลูกสาวเพราะหวังว่าบางทีเฌอเอมอาจจะพอมีวิธีที่จะหาหลักฐานในการมัดตัวธเนศได้มากกว่านี้จากหลักฐานที่เธอมีอยู่เขาเป็นซาตานร้ายเป็นผู้ชายที่กล้าทำร้ายแม้กระทั่งผู้หญิงเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่เป็นหัวหน้าครอบครัวเขาทำให้ภรรยามีแต่ความทุกข์แล
ตอนที่ 11ค่ำคืนที่ทำให้รู้จักคำว่ารักแท้“พี่พร้อมจะฟังทุกอย่างที่เธอต้องการจะพูดแต่พี่อาจจะไม่เชื่อนะ เธอคงเข้าใจว่าการที่เธอโกหกพี่แบบนี้มันทำให้พี่ไม่กล้าที่จะเชื่ออะไรในตัวเธออีกแล้ว”แดนไตรพยักหน้าเข้าใจเพราะตัวเขาเองก็คิดแล้วว่าถ้าเมื่อไหร่ความจริงของเขาถูกเปิดเผยถ้าเป็นตัวเขาเองโดนหลอกเหมือนอย่างที่ตัวเองกำลังทำอยู่เขาก็คงจะหมดความเชื่อถือในคนที่โกหก ชายหนุ่มจึงไม่คาดหวังว่าหญิงสาวจะเชื่อทุกอย่างโดยทันทีแต่อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่เธอยังให้โอกาสเขาได้เล่าความจริงทุกอย่างแดนไตรเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เขาตัดสินใจออกจากบ้านหลังใหญ่มาใช้ชีวิตที่คอนโดมิเนียมที่แม่ ของเขาซื้อให้ในวันเกิดเพราะตอนนั้นครอบครัวของเขากำลังเกิดปัญหาศรัณย์เป็นนักธุรกิจที่ถึงแม้จะมีอายุมากแล้วแต่ความมีเสน่ห์ของเขาก็ยังคงไม่แพ้หนุ่ม ๆ จึงทำให้มีสาวมาติดมากมายและเขาก็มักจะเลือกที่จะทำนิสัยเจ้าชู้จนทำให้ภาวีซึ่งเป็นแม่ของแดนไตรต้องเสียใจอยู่เรื่อย ๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าถ้ามารดายังเลือกที่จะอยู่กับคนเป็นพ่อเขาก็ขอที่จะไม่ทนเห็นภาพเหล่านั้น ภาวีไม่สามารถตัดใจจากสามีได้เธอจึงยอม
1เพราะเธอมันร้าย การหย่าครั้งนี้ทำชีวิตทั้งชีวิตของชายหนุ่มพัง ไมค์เริ่มต้นชีวิตแต่งงานกับเพียงใจ ตอนนั้นเขามีแค่ตัวกับหัวใจเพียงเท่านั้น วันนี้วันที่เขาต้องยอมเซ็นใบหย่า ให้ผู้หญิงที่เขาพยายามสร้างทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อเธอ บ้าน รถ ที่ดิน และเงินในบัญชีมากมาย เพียงใจกลับไม่เรียกร้องขอสิ่งเหล่านั้น เธอกลับต้องการเพียงแค่อิสระเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งมองใบหย่าและกำลังคิดว่าใครคือคนผิดในเรื่องนี้ สิ่งที่เขาได้รู้มา คือเพียงใจว่าจ้างบริษัทหนึ่งเพื่อหาข้อมูล ข้อบกพร่องของเขา มาใช้ในการขอหย่า และเป็นการหย่าแบบที่ไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น “เจ้าของบริษัทบ้าๆที่มันชอบทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยกมันต้องรับผิดชอบ” ไมค์กำมือทั้งสองข้างแน่น เมื่อเขาบอกกับตัวเองได้ ว่าใครคือคนผิด เขาก็คิดที่จะหาทางเอาคืนให้สาสมทันที “พี่มาตามีลูกค้าเขาขอนัดคุยกับพี่ด่วน แต่เขาให้พี่ออกไปเจอเขานะ เพราะเขาบอกแต่เพียงว่าเป็นคนดังไม่อยากให้เรื่องนี้มีใครรู้มาก เขาโอนเงินมาเพื่อยืนยันว่าเขามีตัวตนหนึ่งแสนบาท แต่ชื่อที่โอนก็เป็นเพียงชื่อพนักงานทั่วไป ไม่ได้มีชื่อเสียงอ
2ชู้รัก****6เดือนที่แล้ว**** “ใจเย็นๆสิคะอรรถ ทำเป็นใจร้อนไปได้”เสียงหวานของเพียงใจยิ่งฟังยิ่งทำให้คนที่ซุกไซ้ซอกคอเธออยู่แทบบจะอดใจไม่ไหว“ผมหิวคุณไปทั้งตัวแล้วนะ จะให้ผมรออะไรอีกล่ะ”เจ้านายหุ่นล่ำบึกเสียงสั่นเพราะหัวใจมันกำลังเรียกร้อง หญิงสาวตรงหน้า“แหม...ก็แค่รอให้เปิดประตูห้องก่อนไม่ไหวเลยเหรอคะ”เพียงใจต้องพูดเตือนสติ เพระตอนนี้ทั้งเขาและเธอต่างก็มีครอบครัวแล้ว และตอนนี้ทั้งคู่ก็รู้จักกันในฐานะเจ้านายและลูกน้องเท่านั้น“ผมก็ลืมไปเลย เห็นหน้าคุณทีไร หัวใจมันทนไม่ไหวทุกที”“หัวใจหรืออะไรคะที่ทนไม่ไหว”เมื่อประตูห้องถูกเปิด เลขาสาวในชุดกระโปรงสั้นสีแดง ก็ถูกผลักลงบนเตียงทันที“ใจคอจะไม่ให้เพียงใจได้อาบน้ำก่อนเลยเหรอคะ”หญิงสาวรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะเธอนั่งรถมาทั้งวันกว่าจะมาถึงที่ทะเล“ไม่ไหวล่ะ เอาตอนนี้ก่อน แล้วเดี๋ยว เราค่อยไปต่อในห้องน้ำกัน”อรรถพลตอนนี้ก็เปรียบได้กับเสือที่กำลังหิว และเหยื่อก็อยู่ตรงหน้า ถ้าขืนปล่อยให้หลุดมือไป คงไม่ใช่เสือผู้หญิงอย่างเขาแน่นอนเสื้อผ้าในชุดสีแดงทั้งตัวของเลขาสาว ถูกถอดออกกองไว้ที่ปลายเตียงนอน แม้แต่ชุดชั้นในตัวจิ๋ว ก็ถูกก
3ทำหน้าที่แทนภรรยา***ปัจจุบัน***หลังจากที่พยายามกลืนข้าวที่ชายหนุ่มเอามาให้ ลงท้องให้ได้มากที่สุดเพื่อจะมีแรงถ้าหากเธอพอมีทางที่จะหนีได้ “อร่อยใช่ไหม กินเกือบหมดเลย พรุ่งนี้จะได้ทำให้กินอีก เมนูนี้เพียงใจเขาชอบมากๆเลยนะ แต่ช่วงหลังผมยุ่งกับงาน จนไม่ได้ทำให้เธอกินเลย” เวลาที่ไมค์พูดกับเธอดีๆ มาตาฟังทีไรกลับรู้สึกสงสาร เพราะเสียงของเขามีความเศร้าปนอยู่ในนั้น เธอสัมผัสได้ “แล้วคุณกินข้าวหรือยัง”มาตาอดเป็นห่วงชายหนุ่มไม่ได้ เพราะเขาดูเหมือนคนไม่ได้กินไม่ได้นอนมาหลายวัน“ผมกินไปเมื่อกลางวันแล้ว มันกินไม่ลง คุณไม่ต้องเป็นห่วงว่าผมจะตายแล้วไม่มีใครพาคุณออกไปจากที่นี่หรอก”มาตาได้แต่มองหน้าชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเขาคงเคยหล่อและดูดีเอามาก ๆ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาหมองคล้ำ หนวดก็ขึ้นเต็มไปหมด เหมือนคนที่ไม่ดูแลตัวเอง“เสื้อผ้า ของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิง ผมเอาของเพียงใจเอามาไว้ให้คุณใช้แทนแล้ว”“ของแบบนี้ใครเขาใช้ร่วมกัน” มาตาส่ายหัวไม่ยอมใช้ของที่ไมค์บอกว่ามันเคยเป็นของเพียงใจมาก่อน“คุณอยากรู้นักใช่ไหม ว่าผมจับคุณมาที่นี่เพื่ออะไร ก็เพื่อให้คุณทำทุกอย่างแทนที่เพียง
4ตัวแทน “ตื่นแล้วไปทำกับข้าวให้ผมกินด้วย เพียงใจเขาทำอะไรก็อร่อย” ชายหนุ่มในสภาพที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ออกปากสั่งผู้หญิงที่เขาจับตัวมา โดยที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าด้วยซ้ำไป มาตาจัดการใส่เสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย น้ำตามันไหลไปตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้านี้ หญิงสาวเลือกที่จะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ว่ามันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ในครัวมีอุปกรณ์พร้อม ในตู้เย็นก็มีเนื้อสัตว์และผัก เพียงพอกับการทำอาหารได้อีกหลายมื้อ มาตาพยายามคิดว่าเธอสามารถทำกับข้าวอะไรเป็นบ้าง เพราะปกติเธอก็ใช้ชีวิตแบบคนสมัยใหม่ซื้อกินเอา “กับข้าวอะไร รูปร่างไม่ได้น่ากินเลย” ไมค์มองกลับข้าวบนโต๊ะที่หญิงสาวจัดวางไว้บนโต๊ะอาหาร ด้วยสายตาตำหนิ “ฉันทำได้แค่นี้แหละค่ะ” มาตาตอบห้วนๆ “ตอนเด็กๆ พ่อแม่ของเธอคงไม่เคยสอนเลยมั้ง โตมาถึงได้ทำอะไรไม่เป็น” ชายหนุ่มเริ่มลามไปถึงพ่อกับแม่ของเธอ “แม่ของฉันฆ่าตัวตายตั้งแต่ฉันยังไม่โตและพ่อก็แต่งงานใหม่ ส่วนมากฉันใช้ชีวิตอยู่คนเดียว” คำตอบของหญิงสาวทำให้ไมค์คิดถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เ
5ผู้ชายที่แสนร้าย คืนนี้มาตายกเอาผ้าห่มกับหมอนมานอน ที่พื้นข้างๆโซฟา เพื่ออยู่เป็นเพื่อนคนเมา เพราะถ้าจะให้เธอลากเขาเข้าไปห้องนอนไม่ไหวแน่ สภาพของไมค์ตอนนี้ ช่างแตกต่างจากชายหนุ่มในวันที่มาตายังเรียนอยู่ชั้นมัธยมและเธอก็แอบปลื้มเขา ในวันที่เขาติดต่อผ่านมาทางครูของเธอเพื่อช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษา ตอนที่หญิงสาวเรียนจบ เธออยากไปขอบคุณเขา แต่ชายหนุ่มเองบอกข้อตกลงไว้ตั้งแต่เริ่มแรกว่า เขาไม่ต้องการทำความรู้จักกับเด็กที่เขาให้ทุน เพราะต้องการช่วยเหลือแบบไม่หวังสิ่งตอบแทน “หิวน้ำขอน้ำหน่อย” หญิงสาวสะดุ้งลุกขึ้นทันที เมื่อได้ยินคนเมาร้องขอน้ำ แต่เขาไม่ยอมลุกหญิงสาวจึงค่อยปล้อนให้ แต่ด้วยความไม่ถนัด น้ำจึงหกรดเสื้อผ้า ไมค์โมโหคว้าแก้วได้ ขว้างกระแทกกำแพงจนแตก เพล้ง! แก้วแตกกระจาย หญิงสาวมองหน้าคนที่อยู่ในอ้อมแขนเธอมาตาปลอยแขนออกทันที จนศีรษะของชายหนุ่มกระแทกลงกับขอบโซฟา “โอ๊ะ! อีคนชอบทำลายครอบครัวคนอื่นเขา ไป!อยากไปไหนก็ไป” ไมค์ชี้ไม้ชี้มือไล่มาตา โดยที่ตัวเองยังลืมตาแทบไม่ขึ้น ความอดทนของหญิงสาวถึงที่สุ
6กลัว เกือบมืดแล้วแต่ไมค์ก็ยังไม่กลับมา มาตาไม่กล้าแม้แต่จะเปิดไฟ เพราะกลัวจะทำให้พวกโจรรู้ว่ามีคนอยู่ในบ้าน “มาตา” เสียงเรีกชื่อดังมาพร้อมกับเสียงไขกุญแจ หญิงสาวจำน้ำเสียงได้ดี เธอรีบลุกจากข้างหน้าต่าง โผเข้ากอดเจ้าของเสียงด้วยความดีใจ “เป็นอะไร แล้วทำไมไม่เปิดไฟ นั่งอยู่มืดๆไม่กลัวหรือไงกัน” ชายหนุ่มโอบเอวหญิงสาวแล้วค่อยๆพาเธอเดินเปิดไฟในห้องรับแขก “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้กลัวแบบนี้” ไมค์ถามด้วยสีหน้าเหมือนคนที่กำลังกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เพราะกลัวคนเล่าจะโมโหเอา มาตาเล่าเรื่องที่เธอได้ยิน เมื่อไมค์ออกไปทำงานได้ไม่ถึงชั่วโมง โดยที่หญิงสาวลืมไป ว่าชายหนุ่มก็จะรู้ว่าเธอกำลังคิดจะหนีไปจากที่นี่ “แล้วคุณออกไปทำอะไรที่กำแพง” ไมค์ทำเสียงเข้ม “ฉันก็แค่ออกไปเดินเล่น” มาตาหลบตาทันที “ก็ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าห้ามออกจากบ้านเลย เห็นไหมแถวนี้มันมีแต่พวกโจรป่า ถ้าคุณโดนพวกมันจับ รับรองมีผัวพร้อมกันเป็นสิบแน่ๆ” ไมค์ลุกขึ้นจากโซฟาทันที เพราะกลัวจะกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ไหว เมื่อเ