Share

บทที่ 13 ความสัมพันธ์วัยเด็ก

บทที่สิบสาม

ความสัมพันธ์วัยเด็ก

 ไม่นาหลังจากที่หวังข่ายกลับมาเขาก็พบว่าบุตรสาวของเจ้ากรมการคลังหลิวผิงผิงมารอพบเขาเขาอยู่ที่หน้าประตูจวน เมื่อพ่อบ้านเปิดประตูให้นางก็วิ่งเข้ามาหาเขาทันทีพร้อมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

"หวังข่าย…เจ้ากลับมาแล้ว" หลิวผิงผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อยพลางยิ้มอย่างสดใส "ข้าเห็นว่าเจ้ากลับมาเหนื่อย ๆ เลยรีบมาหาทันที ข้าเตรียมอาหารไว้ให้เจ้าแล้ว"

"ผิงผิง…ขอบคุณที่เป็นห่วงข้า" หวังข่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ

"ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกินข้าวกันเถอะ" หลิวผิงผิงชวน

"อืม" หวังข่ายตอบรับอย่างยินดี

เมื่อเห็นว่าหวังข่ายยอมรับความปรารถนาดีของนางหลิวผิงผิงก็ยิ้มอย่างปลื้มปิติ นางรีบนำเข้าไปที่ห้องรับแขกและจัดอาหารที่เตรียมมาไว้บนโต๊ะ อาหารที่จัดมาเต็มโต๊ะล้วนแสดงถึงความพยายามของนางที่จะทำให้เขาพึงพอใจ

หลิวผิงผิงแอบชอบหวังข่ายมาตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกนั้นก่อตัวขึ้นในหัวใจของนางเมื่อครั้งที่บิดาพามาเที่ยวเล่นที่จวนอัครเสนาบดีในวัยเยาว์ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเริ่มต้นขึ้นด้วยความเป็นสหาย ทั้งสองเล่นด้วยกัน วิ่งเล่นในสวนและพูดคุยกันอย่างสนิทสนม หลิวผิงผิงรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้หวังข่ายในขณะที่หวังข่ายเองกลับมองว่านางเป็นเพียงสหายผู้หนึ่ง

เวลาผ่านไปหลิวผิงผิงเติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามและมีเสน่ห์ แต่ความรู้สึกในใจของนางต่อหวังข่ายยังคงเหมือนเดิม ทุกครั้งที่บิดาพามาที่จวนอัครเสนาบดีนางจะรอคอยอย่างใจจดใจจ่อและมักจะทำอาหารที่เขาชอบนำมาให้เขาชิมด้วยความหวังว่าเขาจะรู้สึกถึงความใส่ใจและความรักที่นางมีต่อเขา

วันนี้หลี่รุ่ยหลินมีเรื่องสำคัญที่จะขอคำปรึกษาจากคนรักนางจึงมาที่จวนของเขาโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า เมื่อหลี่รุ่ยหลินก้าวเข้าสู่ห้องโถงของจวนนางก็สังเกตเห็นบรรยากาศที่ผิดปกติในทันที กลิ่นอาหารที่ยังคงหอมกรุ่นลอยตลบอบอวลในอากาศและเสียงพูดคุยอย่างเบาๆ ทำให้หลี่รุ่ยหลินหยุดชะงัก ก่อนจะก้าวไปข้างใน จนเมื่อมาถึงหน้าประตูจึงเห็นภาพที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้

หลิวผิงผิงนั่งอยู่ข้างหวังข่าย ทั้งสองกำลังรับประทานอาหารร่วมกันในบรรยากาศที่ดูอบอุ่นและใกล้ชิด หลี่รุ่ยหลินรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่เกิดขึ้นในใจทันที นางพยายามควบคุมความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาแต่กลับทำได้ยากนัก

หลิวผิงผิงเมื่อเห็นหลี่รุ่ยหลินก็หยุดชะงักเล็กน้อย ดวงตาของนางฉายแววเยาะเย้ยและสะใจเล็กๆ นางรู้ว่าหลี่รุ่ยหลินคือผู้ที่หวังข่ายให้ความสำคัญ และนางก็พอใจที่จะทำให้หลี่รุ่ยหลินรู้สึกถึงความไม่พอใจในสถานการณ์นี้

บรรยากาศในห้องโถงเริ่มเคร่งเครียดขึ้น หวังข่ายสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ทันที เขาเงยหน้าขึ้นจากชามอาหารและพบว่าหลี่รุ่ยหลินยืนอยู่ที่ประตู 

"รุ่ยหลิน" หวังข่ายเอ่ยขึ้นน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความเป็นห่วงกลัวว่านางจะรู้สึกไม่ดีที่เห็นเขาอยู่กับหลิวผิงผิง

หลี่รุ่ยหลินนิ่งเงียบสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบๆ "ข้ามีเรื่องที่สำนักคุ้มภัยจะมาปรึกษา" 

หวังข่ายรีบลุกขึ้นจากที่นั่งและก้าวเข้าไปหา “รุ่ยหลิน…ให้ข้าอธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟังก่อน” 

ในขณะที่หลี่รุ่ยหลินพยายามควบคุมความรู้สึกที่ปะทุขึ้นก็เห็นสายตาของหลิวผิงผิงที่มองมาที่นาง เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและท้าทาย หลี่รุ่ยหลินจึงไม่ยอมให้ตนเองแสดงความอ่อนแอออกมา นางตอบกลับไปด้วยสายตาที่แข็งกร้าวและเยือกเย็น

ทั้งสองต่างมองกันอย่างไร้คำพูดแต่ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย หลิวผิงผิงรู้ดีว่าตนเองมีความได้เปรียบในสถานการณ์นี้จึงจงใจแสดงความอ่อนโยนและใส่ใจต่อหวังข่ายเพื่อให้หลี่รุ่ยหลินรู้สึกถูกคุกคาม

ในที่สุดหลี่รุ่ยหลินก็หันหลังกลับเตรียมจะจากไป นางรู้สึกถึงความอึดอัดที่ไม่สามารถอยู่ในห้องนี้ต่อไปได้ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความหึงหวงและความเศร้า แต่ก่อนที่นางจะก้าวออกจากห้องหวังข่ายก็รีบคว้ามือของนางไว้

“รุ่ยหลิน…ได้โปรดรอก่อน ข้าขอพูดให้เจ้าเข้าใจ” หวังข่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ 

หลี่รุ่ยหลินไม่พูดอะไรแต่มองหวังข่ายและหลิวผิงผิงด้วยสายตาที่เฉียบคม ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับหวังข่ายที่ยังจับมือของนางไว้

"รุ่ยหลิน…ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้ารู้สึกไม่สบายใจ" หวังข่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะที่ทั้งสองเดินไปยังสวนเล็กๆ ในจวน "เรื่องระหว่างข้ากับผิงผิงนั้นไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าสหาย ข้าไม่เคยคิดจะมีความสัมพันธ์อื่นนอกจากสหายกับนาง"

หลี่รุ่ยหลินหยุดเดินและหันไปมองเขา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสับสนและความกังวลใจ "แต่ข้ารู้สึกว่านางไม่ได้มองท่านเพียงแค่สหาย นางแสดงออกชัดเจนว่าชอบท่านและข้าก็ไม่อาจไว้ใจนางได้"

"ข้าเข้าใจความกังวลของเจ้า แต่ข้าอยากให้เจ้าเชื่อมั่นในตัวข้า ข้ายืนยันได้ว่าใจของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น" หวังข่ายกล่าว

คำพูดของหวังข่ายทำให้หลี่รุ่ยหลินรู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่ความไม่สบายใจเกี่ยวกับหลิวผิงผิงยังคงมีอยู่ "ข้าเข้าใจแต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี"

หวังข่ายยิ้มเล็กน้อยและจับมือนางเบาๆ "ข้าสัญญาว่าจะดูแลความรู้สึกของเจ้า จะไม่ให้สิ่งใดมาเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของเราได้"

นางพยักหน้ารับ เมื่อทั้งสองกลับไปที่ห้องอาหารหวังข่ายจึงชวนหลี่รุ่ยหลินนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับหลิวผิงผิง “เจ้านั่งก่อนเถอะ กินข้าวด้วยกัน”

หลี่รุ่ยหลินพยายามที่จะวางตัวอย่างสงบ นั่งลงที่โต๊ะและยิ้มเล็กน้อย แต่หลิวผิงผิงที่นั่งอยู่ก่อนแล้วกลับทำหน้าบึ้งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็พยายามปิดบังความไม่พอใจด้วยการยิ้มตอบอย่างเสแสร้งเช่นที่นางทำเป็นประจำ

“แม่นางหลี่” หลิวผิงผิงเอ่ยขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสุภาพ แต่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ “ข้าเพียงแค่อยากจะบอกกับเจ้าว่าข้าสนิทกับหวังข่ายมาตั้งแต่เด็ก เราเล่นด้วยกัน โตมาด้วยกันและข้ารู้จักเขาดีมาก”

เมื่อได้ฟังคำพูดนั้นแล้วหลี่รุ่ยหลินก็รู้สึกถึงความข่มเหงที่แฝงอยู่ในคำพูดของหลิวผิงผิง แต่นางไม่แสดงอาการใดๆ เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบ "ข้ารู้ว่าความสัมพันธ์ตั้งแต่เด็กนั้นสำคัญ แต่ก็เชื่อว่าความรักและความเข้าใจในปัจจุบันสำคัญยิ่งกว่า"

คำพูดของหลี่รุ่ยหลินทำให้หลิวผิงผิงรู้สึกหงุดหงิด นางรู้ว่าหลี่รุ่ยหลินต้องการจะบอกว่าสิ่งที่หลิวผิงผิงมีในอดีตไม่ได้หมายความว่านางจะมีในปัจจุบันหรือในภายภาคหน้า

หลิวผิงผิงพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองแต่นางก็ไม่สามารถปิดบังความไม่พอใจได้ ดวงตาของนางวูบไหวด้วยความโกรธแต่กลับพูดอะไรไม่ออก แม้จะรู้ว่าหลี่รุ่ยหลินกำลังท้าทายนางและความพยายามที่จะข่มเหงหลี่รุ่ยหลินในครั้งนี้กลับไม่ได้ผลตามที่นางคาดคิด

ในขณะที่บรรยากาศเริ่มจะตึงเครียดขึ้นหวังข่ายก็กลับมาจากการไปเข้าห้องน้ำ เขาสังเกตเห็นบรรยากาศที่เปลี่ยนไปและรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองคงจะมีการพูดคุยกันบางอย่าง

“ผิงผิง…ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าต้องขอตัวไปสนทนากับรุ่ยหลินต่อ พวกเรามีธุระที่สำคัญที่ต้องคุยกัน เจ้ากลับไปก่อนเถิดวันหลังเราค่อยพบกัน” หวังข่ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ 

หลิวผิงผิงพยายามยิ้มตอบ แม้ในใจนางจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจนางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตาม

“พวกเจ้าตามสบายเถอะ ไว้วันหลังข้าจะมาใหม่” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามสงบแม้จะมีความไม่พอใจแฝงอยู่ 

เมื่อกล่าวจบหลิวผิงผิงก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ นางมองหลี่รุ่ยหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้และอิจฉา แม้จะพยายามยิ้มและวางตัวอย่างผู้ดีแต่ก็ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกขุ่นเคืองในใจได้ นางชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป

หลี่รุ่ยหลินที่เห็นท่าทางของหลิวผิงผิงก็เพียงแค่ยิ้มเล็กๆ นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของการท้าทายระหว่างนางกับหลิวผิงผิง นางพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นและเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ของนางกับหวังข่าย ต่อให้หลิวผิงผิงพยายามเท่าไรก็ไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาได้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status