Share

ข้าคือหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่ง
ข้าคือหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่ง
ผู้แต่ง: เสี่ยวจีเหมยชุ่ยเจี้ยว

บทที่ 1 การสมรสที่ไม่ต้องการ

บทที่หนึ่ง

การสมรสที่ไม่ต้องการ

 

เช้าตรู่ที่หมอกบางๆ ลอยอ้อยอิ่งเหนือเมืองหลวง หลี่ฟางตวนบิดาของหลี่รุ่ยหลินออกมายืนหน้าประตูจวน กวาดตามองไปยังบุตรสาวและภรรยาที่รออยู่ สายตาของเขาสั่นคลอนเล็กน้อยด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อยที่จะต้องจากไปทำงานใหญ่ครั้งนี้

“รุ่ยหลิน…ดูแลแม่ของเจ้ากับสำนักของเราตอนที่พ่อกับพี่ชายของเจ้าไม่อยู่ให้ดี แล้วก็อย่าปฏิเสธงานมากจนเกินไปเล่า ประเดี๋ยวจะไม่มีเงินเลี้ยงดูเหล่าพี่น้องของเรา” บิดากล่าวเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น

“เจ้าค่ะท่านพ่อ” หลี่รุ่ยหลินตอบอย่างไม่ลังเล ดวงตาของนางฉายแววความมุ่งมั่น ทุกครั้งที่บิดากับพี่ชายไม่อยู่นางในนามของคุณหนูเล็กก็จะได้เลื่อนขึ้นมาเป็นหัวหน้าสำนักรักษาการณ์ในทันทีและนางก็ชื่นชอบหน้าที่นี้เป็นอย่างมาก

หลี่เว่ยตงพี่ชายของหลี่รุ่ยหลินยืนอยู่ข้างบิดา เขาวางมือลงบนบ่าของน้องสาวเบาๆ “อย่าลืมฝึกวิชาที่พี่สอนเจ้าไว้ มันจะมีประโยชน์ในยามคับขัน”

“ข้าจะฝึกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยเจ้าค่ะ” หลี่รุ่ยหลินรับคำด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไปเถิด อย่าให้คหบดีเจียงต้องคอยนาน” หลี่ฮูหยินพูดขึ้น ถึงแม้ว่าจะบอกให้สองพ่อลูกรีบไปทว่าดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความกังวล

“ท่านแม่ ท่านต้องดูแลตัวเองด้วยนะ” หลี่เว่ยตงกล่าวพลางกอดมารดาแน่น

หลี่ฟางตวนหันมากำชับเรื่องสำคัญครั้งสุดท้าย “รุ่ยหลิน เจ้ายังจำเรื่องที่พ่อพูดได้หรือไม่”

“เรื่องแต่งงานนะหรือเจ้าคะ” หลี่รุ่ยหลินตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร นางไม่ได้อยากแต่งงานตั้งแต่แรกแต่ทว่าบิดาก็ยังคงดึงดันจะให้นางแต่งให้ได้ 

หลี่ฟางตวนได้พูดคุยกับคหบดีเจียงเอาไว้แล้วว่าหลังจากภารกิจส่งของไปที่เมืองสุ่ยเสร็จเรียบร้อย พอเขากลับมาก็จะจัดการหมั้นหมายให้หลี่รุ่ยหลินกับคุณชายเจียงบุตรชายของคหบดีเจียงในทันที เขาเห็นดีเห็นงามให้บุตรสาวแต่งเข้าตระกูลเจียงเพราะทำงานสนิทสนมกับสกุลเจียงมานานและสกุลเจียงเองก็ร่ำรวย รับรองว่าหลี่รุ่ยหลินแต่งเข้าไปไม่มีทางลำบากอย่างแน่นอน 

"เมื่อพ่อกลับมา พ่อจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย” หลี่ฟางตวนกล่าว

“แต่ข้าไม่อยากแต่งกับเขา” หลี่รุ่ยหลินเอ่ยเสียงดังพลางเบือนหน้าหนี

“สตรีถึงวัยแล้วอย่างไรก็ต้องแต่งงาน เจ้าจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก” บิดายืนยันหนักแน่น

หลี่รุ่ยหลินหันหลังให้บิดา ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ นางก้าวเท้าหนีไปโดยไม่กล่าวคำลา

บิดามองตามหลังบุตรสาวด้วยความหนักใจ ก่อนจะหันไปหาภรรยาและลูกชายอีกครั้ง “เราไปกันเถิด”

จากนั้นทั้งหลี่ฟางตวนและหลี่เว่ยตงจึงออกเดินทางไปยังจวนของคหบดีเจียงเพื่อสมทบกับขบวนส่งสินค้าที่รออยู่ โดยที่ในใจต่างห่วงใยและคิดถึงครอบครัวที่ต้องทิ้งไว้เบื้องหลัง

สำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนนั้นเป็นสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่งของแคว้นเว่ย ไม่ว่าจะเป็นคหบดีใหญ่ ขุนนาง หรือแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์หากว่าต้องเรียกใช้งานสำนักคุ้มภัยพวกเขาก็จะนึกถึงต้าอันฉวนเป็นอันดับแรก สำนักคุ้มภัยแห่งนี้มีงานไม่เว้นแต่ละวันจนต้องขยายสำนักใหญ่โตมีพี่น้องในสำนักมากมายร่วมหนึ่งร้อยห้าสิบคน หากว่าเป็นงานใหญ่ที่มูลค่าของสิ่งของมาก ๆ หรือว่างานของบุคคลสำคัญหลี่ฟางตวนกับหลี่เว่ยตงก็จะทำหน้าที่นำคณะคุ้มภัยด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากว่าเป็นงานที่ดูอันตรายน้อยกว่าเขาก็จะให้หัวหน้าหน่วยย่อยของเขาเป็นผู้นำคณะไป

ครั้งนี้เป็นการส่งสินค้าชุดใหญ่ของคหบดีเจียงซึ่งเป็นลูกค้าที่อยู่กับสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนมานาน อีกทั้งการส่งสินค้าปลายปีนั้นส่งของจำนวนมากราวสิบห้าคันรถได้จึงต้องการการดูแลมากเป็นพี่เศษ สองพ่อลูกจึงเดินทางไปด้วยตนเอง

หลี่รุ่ยหลินหญิงสาววัยสิบห้าปีซึ่งผ่านพิธีปักปิ่นมาเมื่อไม่กี่เดือนนั้นยังไม่ได้คิดว่าตนเองรีบร้อนจะแต่งงาน ทั้งที่มีบุรุษมาสนใจนางมากมายเพราะใบหน้าที่งดงามราวกับภาพวาดทั้งยังมีวรยุทธ์อีก ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่สามารถหาสตรีเช่นนี้ได้ง่าย ๆ แต่นางมีความคิดเพียงแต่เพียงว่าจะฝึกวรยุทธ์ให้เก่งกาจแล้วขยายสาขาของสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนไปที่เมืองอื่น วาดฝันถึงความมั่งคั่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าเอาไว้ในหัวแล้ว ใบหน้าของพวกคุณชายเหล่านั้นหาได้อยู่ในความคิดของนางไม่

เมื่อบิดากับพี่ชายออกจากสำนักไปแล้วหลี่รุ่ยหลินก็มานั่งคิดไม่ตกอยู่ในห้องนอนของตนเอง หากว่านางต้องแต่งงานกับคุณชายเจียงจริง ๆ ชีวิตต่อจากนี้ไปคงไม่มีความสุขเป็นแน่ ถึงแม้ว่าหญิงสาวเกือบครึ่งเมืองหลวงจะหมายปองเขาก็ตามแต่ทว่าสำหรับนางแล้วเขาก็เพียงแค่ผักกาดขาวต้มเท่านั้น

เพราะว่าคุณชายเจียงผู้นี้เป็นคุณชายเสเพลอย่างแท้จริง มีดีก็แต่บ้านรวยเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แต่ว่าเขากลับเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่สนใจร่ำเรียนเอาแต่เที่ยวดื่มสุรากับพวกเพื่อนเสเพล ใช้เงินไปวัน ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิงแต่ว่าคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ต่อให้รวยแค่ไหนในภายภาคหน้าก็คงรักษาทรัพย์สมบัติที่บิดาทิ้งเอาไว้ให้ได้ไม่นานอยู่ดี และก็รู้ว่าที่คหบดีเจียงอยากได้นางเป็นลูกสะใภ้ก็เพราะว่านางเป็นคนจัดการเรื่องเงินเก่ง ในภายภาคหน้าคงช่วยบุตรชายของเขาดูแลทรัพย์สมบัติสกุลเจียงได้เป็นแน่

หลี่รุ่ยหลินพูดคุยกับบิดาถึงเรื่องลักษณะนิสัยของคุณชายเจียงผู้นี้ไปแล้วแต่ทว่าบิดาของนางก็ให้ข้ออ้างกลับมาว่าเมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ย่อมจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น ในที่สุดก็จะเลิกนิสัยเจ้าสำราญนี้ไปได้เอง ส่วนมารดาของหลี่รุ่ยหลินนั้นไม่ใช่ว่าจะเห็นดีเห็นงามด้วยแต่ด้วยความที่ไม่สามารถขัดแย้งกับสามีได้จึงได้แต่ตามน้ำไป ส่วนพี่ชายของนางนั้นเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าข้างนางและเห็นว่าคุณชายเจียงผู้นี้ไม่เหมาะสมกับน้องสาวของเขาเป็นอย่างยิ่ง

"เจ้าเองก็อย่าได้คิดมากไปเลย พ่อของเจ้าเพียงแต่ต้องการจัดหาคู่ครองที่ดีที่สุดให้เจ้าก็เท่านั้น" หลี่ฮูหยินกล่าวกับบุตรสาว มือข้างหนึ่งก็ลูบบ่าของนางเบา ๆ เพื่อให่้ใจเย็นลง

"ท่านแม่…คนอย่างข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบุรุษใดท่านก็รู้ หากว่าไม่มีคนมาสู่ขอจริง ๆ ข้าก็เพียงแต่ทำงานอยู่ในสำนักคุ้มภัยนี้ช่วยเหลือพี่ใหญ่ก็เท่านั้น อีกอย่างสำนักคุ้มภัยของเรามีแต่จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งต้องการคนมาก จะให้ข้าตัดใจทิ้งให้ทุกคนทำงานหนักแล้วแต่งไปอยู่ที่อื่นอย่างนั้นหรือ" หลี่รุ่ยหลินกล่าว 

อย่าว่าแต่แต่งกับคุณชายเจียงเลยต่อให้เป็นบุรุษคนใดนางก็ไม่ยินดีที่จะแต่งด้วยทั้งนั้น น้อยคนนักที่จะมีความคิดเช่นนางซึ่งก็คือผู้หญิงสามารถยืนหยัดและดูแลตัวเองได้ นางเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่จะต้องพึ่งพาบุรุษ นางมีความรู้ มีวรยุทธ์ บางทีอาจจะทำงานได้ดีกว่าบุรุษบางคนก็เป็นได้

"พ่อของเจ้าก็คงไม่อยากให้เจ้าต้องลำบาก" หลี่ฮูหยินกล่าว

"แล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณชายเจียงนั่นจะดูแลข้าได้ ข้าไม่คุยกับท่านแม่แล้ว ขอไปตรวจดูรายชื่อลูกค้าจ้างงานคุ้มภัยในช่วงนี้ก่อน" หลี่รุ่ยหลินพูดจบก็เดินออกจากห้องไปมุ่งหน้าสู่ห้องหนังสือทันที ที่นั่นมีงานมากมายรอให้นางไปสะสาง

หลี่ฟางตวนกับหลี่เว่ยตงออกเดินทางคุ้มกันขบวนสินค้าของคหบดีเจียงไปจนถึงหุบเขาไจ่เซียงมุ่งหน้าสู่แดนตะวันตก ในระหว่างที่ตั้งค่ายพักแรมกันในหุบเขาไจ่เซียงนั้นก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ พวกสำนักคุ้มภัยเตรียมตัวพร้อมเพราะรู้อยู่แล้วว่าพื้นที่ช่วงหุบเขาไจ่เซียงนั้นอันตรายยิ่งและเกิดการดักปล้นแย่งชิงสินค้าอยู่บ่อยครั้ง และนี่คือสาเหตุหนึ่งที่หลี่ฟางตวนกับหลี่เว่ยตงตัดสินใจคุ้มกันขบวนสินค้าด้วยตัวเอง

ภายใต้แสงจันทร์ที่มืดสลัวนั้นโจรกลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาในค่ายพักแรมของขบวนสินค้า โจรกลุ่มนี้หลี่ฟางตวนกับหลี่เว่ยตงรู้จักดีเนื่องจากเคยปะทะกันมาหลายครั้งแต่ทว่าพวกมันไม่เคยปล้นขบวนสินค้าที่สองพ่อลูกคุ้มกันมาสำเร็จเลยสักครั้ง ครั้งนี้พวกมันจึงรวบรวมพรรคพวกมามากเป็นพิเศษเพราะคิดว่าจะฆ่าหัวหน้าสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนคนนี้เสีย การปล้นในครั้งต่อไปจะได้ไม่มีอุปสรรคอีก 

พวกโจรนำโดยจงเหยียนหัวหน้าใหญ่และลูกน้องราวร้อยกว่คนบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนของสำนักคุ้มภัยที่มีน้อยกว่าเสียเปรียบมาก ต่อให้หลี่ฟางตวนกับหลี่เว่ยตงจะมีฝีมือแค่ไหนแต่ก็ยังคงต้านทานโจรมากมายถึงเพียงนั้นไม่ไหวอยู่ดี ในที่สุดก็ถูกสังหารภายใต้น้ำมือของจงเหยียนนั่นเอง สิ่งที่หลี่ฟางตวนทำได้ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะหมดลงนั้นก็คือส่งคนที่พอจะรอดชีวิตหนึ่งคนขี่ม้าไปบอกข่าวกับบุตรสาวและภรรยาที่เมืองหลวง

หิมะที่ตกลงมาโปรยปรายเริ่มตกหนักขึ้น รถม้าขนส่งสินค้าทั้งสิบหาคันถูกพวกโจรลากไปแล้ว ทิ้งไว้ก็แตเพียงซากศพของหลี่ฟางตวน หลี่เว่ยตงและคนสำนักคุ้มภัยกับบ่าวรับใช้จวนคนหบดีอีกกว่าห้าสิบชีวิตที่ตอนนี้หิมะแทบจะถมทับพวกเขาไว้ข้างใต้แล้ว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status