Share

บทที่ 10 ศัตรูคู่อาฆาต

บทที่สิบ

ศัตรูคู่อาฆาต

         การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด เสียงอาวุธปะทะกันดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ จงเหยียนมุ่งตรงเข้าหาหลี่รุ่ยหลินอย่างไม่รอช้า มันมีฝีมือที่รวดเร็วและดุดันกว่าคนอื่นๆ ที่เคยเผชิญหน้ามาก่อนทำให้หลี่รุ่ยหลินต้องโต้ตอบอย่างเต็มกำลัง แม้ว่านางจะเก่งกาจแต่จงเหยียนก็ไม่ใช่ศัตรูที่ประมือได้ง่าย หากว่ามันไม่มีฝีมือจริงก็ไม่สามารถสังหารบิดาและพี่ชายของนางได้หรอก

ขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันนั้นจงเหยียนฉวยโอกาสในจังหวะที่หลี่รุ่ยหลินเผลอชักเอาขวดเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ คลายจุกออกอย่างรวดเร็วแล้วสาดผงควันสีขาวนวลพุ่งเข้าหานางโดยไม่ให้ทันตั้งตัว

“ควันสลบ” หลี่รุ่ยหลินรู้ทันทีว่าตนกำลังเผชิญกับอะไร นางพยายามหลบแต่ไม่ทัน ควันสีขาวปกคลุมร่างของนางในทันที เมื่อสูดเข้าไปแล้วก็ทำให้หัวเริ่มมึนงงและรู้สึกหนักขึ้นเรื่อยๆ มือที่จับพลองแน่นก็เริ่มคลายลง ความคิดที่ชัดเจนกลายเป็นฝ้าฟาง ตาของนางพร่าเลือนและในที่สุดก็ล้มลงกับพื้นหมดสติไป

จงเหยียนหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจ มันก้มตัวลงอุ้มหลี่รุ่ยหลินที่สลบอยู่ขึ้นมาขึ้นมาแล้วควบม้าหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครทันได้สังเกต

หวังข่ายที่กำลังต่อสู้กับพวกโจรอยู่หันมองไปทางหลี่รุ่ยหลินด้วยความเป็นห่วง เมื่อไม่เห็นนางในที่ที่ควรจะอยู่ความกังวลในใจเขาก็เพิ่มมากขึ้น และแล้วเขาก็เหลือบเห็นจงเหยียนที่พาหลี่รุ่ยหลินควบม้าออกจากสนามรบไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับการต่อสู้

“รุ่ยหลิน” หวังข่ายตะโกนเรียกด้วยเสียงอันดัง หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นด้วยความเป็นห่วง

เขาพยายามเร่งฝีเท้าวิ่งตามไป แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวขาไปข้างหน้าก็ถูกโจรฟันเข้าที่หลังแผลหนึ่ง แม้ความเจ็บปวดแล่นผ่านร่างกายของแต่เขาก็ยังไม่ละทิ้งความตั้งใจ หวังข่ายพยายามจะยกกระบี่ขึ้นป้องกันตัวแต่ทว่าความเจ็บปวดทำให้เขาเสียหลักและล้มลงกับพื้น

สายตาของหวังข่ายเต็มไปด้วยความเจ็บใจ เขาพยายามที่จะลุกขึ้นแต่บาดแผลที่หลังทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกครั้งที่ขยับตัว หยดเลือดหยดลงบนพื้นดิน แต่ในความคิดนั้นมีเพียงความเป็นห่วงหลี่รุ่ยหลินเท่านั้น

“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องเป็นอันตราย” หวังข่ายกัดฟันกล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง 

หลังจากที่จงเหยียนได้พาหลี่รุ่ยหลินไปแล้ว พวกโจรที่เหลือก็เริ่มถอนกำลังกลับไป ฝ่ายของหลี่รุ่ยหลินที่เหลืออยู่เห็นดังนั้นจึงตัดสินใจไม่ไล่ตามเนื่องจากตอนนี้กำลังของพวกเขาอยู่ในสภาพย่ำแย่ หวังข่ายและพี่น้องสำนักคุ้มภัยหลายคนต่างบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ ทำให้การไล่ตามเพื่อชิงตัวหลี่รุ่ยหลินกลับมาในตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี

"พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดี" หวังข่ายเอ่ยถามเสียงแหบแห้งขณะที่พยายามลุกขึ้นนั่ง

ผู้ช่วยสำนักคุ้มภัยอีกคนหนึ่งที่ชื่อเฉินลี่หยางก้าวเข้ามาหาเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม "ในสภาพนี้ พวกเราคงไม่สามารถไล่ตามไปได้ ขืนไปตอนนี้ก็คงมีแต่พ่ายแพ้กลับมา"

หวังข่ายกำหมัดแน่น รู้สึกเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยหลี่รุ่ยหลินได้ในทันที เขากล่าวด้วยเสียงกร้าว "แต่เราจะปล่อยให้นางอยู่ในเงื้อมมือของพวกมันแบบนี้ไม่ได้" 

"พวกเรารู้ดี ไม่ใช่เพียงแค่ท่านที่เป็นห่วง พวกเราเองก็เป็นห่วงนายหญิงเช่นกัน" ไป๋ฮ่าวเทียนตอบ "แต่ตอนนี้พวกเราต้องตั้งสติและพักฟื้นก่อน ถ้าฝืนไปมีแต่จะเพิ่มจำนวนศพให้กับพวกมันเท่านั้น"

หวังข่ายพยักหน้าเข้าใจ รู้ว่าคำพูดของไป๋ฮ่าวเทียนถูกต้อง เขามองไปยังพี่น้องสำนักคุ้มภัยที่นอนบาดเจ็บอยู่รอบๆ บางคนมีแผลลึกและต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน

"ถ้าอย่างนั้นกลับไปที่บ้านของพ่อข้าที่เมืองเสวียนเทียนก่อน ที่นั่นมีเสบียงและยารักษาที่เพียงพอ" หวังข่ายกล่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ตลอดการเดินทางกลับเมืองเสวียนเทียนหวังข่ายไม่สามารถละทิ้งความกังวลในใจได้เลย เขาคิดถึงหลี่รุ่ยหลินที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพความทรงจำของนาง 

หวังข่ายนั่งอยู่ในห้องพักรักษาตัว เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ยังหลงเหลืออยู่จากบาดแผลบนหลัง แม้ร่างกายจะต้องการพักผ่อนแต่จิตใจของเขากลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความคิดถึงหลี่รุ่ยหลิน นางถูกพาตัวไปตั้งแต่วันนั้นและเขายังไม่มีโอกาสแม้แต่จะพยายามช่วยเหลือนาง ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขาทรมานใจยิ่งนัก

"ข้าจะต้องช่วยนางให้ได้..." หวังข่ายพึมพำกับตัวเองขณะที่มือกำหมัดแน่น

เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกเช่นนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทั้งที่ก่อนหน้านี่ก็ไม่เคยใส่ใจนางเลยแม้แต่น้อย ออกจะทะเลาะกันบ่อยเสียด้วยซ้ำ แต่มาวันนี้ความรู้สึกกลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เขารู้สึกได้ว่าไม่อยากสูญเสียนางไป

"ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง" หวังข่ายคิดขณะลุกขึ้นจากเตียง 

เขาเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกโจรที่พาหลี่รุ่ยหลินไป แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการหาที่อยู่ของพวกมันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยอมแพ้ เขาถามไถ่จากพี่น้องในสำนักคุ้มภัยที่เหลืออยู่ว่าพวกโจรเหล่านั้นอาจซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบ้างและพวกเขาจะหาหนทางนำตัวหลี่รุ่ยหลินกลับมา

หวังข่ายรู้ดีว่าการบุกเข้าไปช่วยหลี่รุ่ยหลินโดยไม่มีกำลังเพียงพออาจจะเป็นการเสี่ยงเกินไป เขาจึงตัดสินใจประชุมกับพี่น้องสำนักคุ้มภัยเพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุด

ในการประชุมหวังข่ายยืนอยู่กลางห้องมองดูพี่น้องที่มีสีหน้าจริงจังเช่นเดียวกับเขา "พวกเราจำเป็นต้องเพิ่มกำลังคน หากเราจะบุกเข้าไปช่วยรุ่ยหลิน กำลังที่มีอยู่ตอนนี้อาจจะไม่พอที่จะต่อกรกับพวกมัน"

เฉินลี่หยางพยักหน้าเห็นด้วย "ข้าเห็นด้วยกับคุณชาย"

หลังจากหารือกันอย่างละเอียด พวกเขาตัดสินใจว่าทางเดียวที่จะได้กำลังเสริมมาอย่างรวดเร็วคือการเรียกพี่น้องสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนทั้งหมดมา เพื่อนายหญิงของพวกเขาแล้วพวกเขาย่อมทำอย่างเต็มที่

หวังข่ายหันไปมองไป๋ฮ่าวเทียน "พี่ฮ่าวเทียน ข้าขอให้ท่านเป็นผู้เขียนจดหมายถึงสำนักคุ้มภัย แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้น"

ไป๋ฮ่าวเทียนพยักหน้าแล้วเริ่มลงมือเขียนจดหมายทันที ข้อความในจดหมายนั้นสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดและบอกด้วยว่าตอนนี้นายหญิงของพวกเขาถูกจับตัวไปแล้ว เมื่อเขียนจดหมายเสร็จสิ้นก็มอบให้กับผู้ส่งสารโดยกำชับว่าให้รีบส่งจดหมายนี้ถึงสำนักโดยเร็วที่สุด

เมื่อกำลังเสริมมาถึงหวังข่ายก็ไม่รอช้า เขาแบ่งพี่น้องในสำนักออกเป็นหลายกลุ่ม เพื่อกระจายการค้นหาทั่วทุกพื้นที่ที่คาดว่าพวกโจรอาจซ่อนตัวอยู่ การค้นหานั้นใช้เวลาหลายวันแต่ในที่สุดพวกเขาก็พบร่องรอยที่สำคัญ กลุ่มหนึ่งของพี่น้องในสำนักพบว่าพวกโจรได้ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึกที่ห่างไกล มีร่องรอยของคนที่เคยผ่านเข้าออกและรอยเท้าม้ามากมายเป็นกลุ่มใหญ่

"พี่น้องทั้งหลาย ข้าขอให้ทุกคนระวังตัวและทำตามแผนที่เราได้วางไว้" ไป๋ฮ่าวเทียนกล่าวกับพี่น้องสำนักต้าอันฉวนทุกคน

พี่น้องในสำนักพยักหน้าอย่างเข้าใจ พวกเขารู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทุกคนต่างมีความตั้งใจที่จะช่วยนายหญิงของพวกเขาออกมาให้ได้

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมไป๋ฮ่าวเทียนก็ออกคำสั่งให้เริ่มการบุก พวกเขาแบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะเป็นกลุ่มที่แฝงตัวลอบเข้าไปในหุบเขาอย่างเงียบๆ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์และหาตำแหน่งที่หลี่รุ่ยหลินถูกขัง ส่วนที่สองจะรอคำสั่งพร้อมบุกเข้าไปเมื่อได้รับสัญญาณ

หวังข่ายนำกลุ่มแรก เขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เมื่อเข้าไปถึงพื้นที่ที่พวกมันกางกระโจมหวังข่ายก็มุ่งตรงไปยังกระโจมที่ใหญ่ที่สุดในทันทีเพราะคาดว่าน่าจะเป็นที่พักของจงเหยียน เมื่อเขาแอบมองเข้าไปข้างในก็เห็นหลงลี่หลินอยู่ในนั้น

ภายในกระโจมของจงเหยียนหลี่รุ่ยหลินที่ถูกขังอยู่นั้นพยายามข่มความกลัวในใจ นางถูกมัดด้วยเชือกหนาๆ ที่พันธนาการมือและเท้าไว้ติดกับเตียง นางพยายามดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นแต่ความพยายามทั้งหมดกลับไร้ผล แรงของนางตอนนี้เทียบกับเชือกแข็งแรงนั้นไม่ได้เลย

จงเหยียนเดินเข้ามาในกระโจม ใบหน้าของมันแสดงถึงความพอใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นหลี่รุ่ยหลินถูกจับมัดไว้แน่นหนาตรงหน้า ดวงตาของมันเปล่งประกายของความชั่วร้าย มันเดินเข้ามาใกล้เตียงที่นางถูกจับมัดไว้ แล้วนั่งลงข้างๆ ด้วยท่าทีที่ของบุรุษหื่นกาม

“เจ้าไม่ต้องกลัว หากเจ้ายอมเป็นภรรยาของข้าดีๆ เจ้าก็จะไม่ต้องเจ็บตัว” จงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย 

หลี่รุ่ยหลินเงยหน้าขึ้นมองมันด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางพยายามพูดออกมาด้วยเสียงที่แข็งแกร่งแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนแอ “อย่าคิดว่าข้าจะยอมเจ้า ข้ายอมตายดีกว่าที่จะต้องมาเป็นภรรยาของคนอย่างเจ้า”

เมื่อได้ยินคำพูดของนางจงเหยียนก็หัวเราะอย่างเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าการตายจะง่ายถึงเพียงนั้นหรือ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายง่ายๆ หรอก เจ้าจะต้องเป็นของข้าอย่างไม่มีทางเลือก เจ้าลองคิดดูดี ๆ เพราะถ้าเจ้ายอมข้าชีวิตของเจ้าสบายกว่าเดิม ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล้นขบวนคุ้มภัยของสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนอีก”

“เจ้าฝันไปเถอะ” นางกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว 

แววตาโกรธแค้นฉายออกมาจากแววตาของจงเหยียน มันลุกขึ้นแล้วจับข้อมือของนางแน่นด้วยความโกรธ “ถ้าเจ้าไม่ยอมดีๆ อย่างนั้นข้าจะใช้วิธีที่รุนแรงขึ้น”

หลี่รุ่ยหลินพยายามสู้เท่าที่สามารถ แต่ด้วยแรงน้อยนิดที่นางมีตอนนี้ก็ไม่อาจสู้กับแรงของจงเหยียนได้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status