Share

บทที่ 11 ข้าต้องช่วยเจ้าให้ได้

บทที่สิบเอ็ด

ข้าต้องช่วยเจ้าให้ได้

 หวังข่ายซึ่งยืนอยู่ในมุมมืดหลังกระโจมส่งสัญญาณให้กับพี่น้องสำนักคุ้มภัยที่ซุ่มรออยู่ด้านนอก เขารู้ดีว่าการบุกเข้าไปช่วยหลี่รุ่ยหลินในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญ หากพลาดไปพวกเขาอาจไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก

เมื่อพี่น้องสำนักคุ้มภัยเห็นสัญญาณจากหวังข่ายพวกเขาก็ไม่รอช้ารีบพุ่งตัวเข้าไปในค่ายของพวกโจรทันที พวกโจรที่อยู่ภายในค่ายไม่ทันได้ตั้งตัวจากการบุกโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรง พวกมันต่างตื่นตระหนกและวิ่งหนีเป็นกันอยางแตกกระจายเพื่อหาที่หลบภัย

เสียงโลหะกระทบกันดังก้องไปทั่วค่าย ความโกลาหลที่เกิดขึ้นทำให้พวกโจรที่อยู่ในค่ายตกใจและหันไปดู เมื่อเห็นพวกพ้องถูกโจมตีพวกมันก็รีบชักดาบออกมาเตรียมต่อสู้ แต่ก็สายเกินไปแล้วพวกพี่น้องสำนักคุ้มภัยที่บุกเข้ามาอย่างดุดันทำให้พวกมันไม่สามารถตั้งรับได้ทัน พวกโจรถูกฟันล้มลงทีละคนอย่างรวดเร็ว

ลูกน้องโจรคนหนึ่งที่หนีรอดมาจากการโจมตีได้รีบพุ่งเข้ามาในกระโจมของจงเหยียนด้วยความตื่นตระหนก เสียงลมหายใจหอบถี่ของมันแสดงให้เห็นถึงความกลัวที่แฝงอยู่ในใจ ขณะที่จงเหยียนกำลังครุ่นคิดและเตรียมที่จะขืนใจหลี่รุ่ยหลินนั้นเสียงเท้าที่รีบร้อนและท่าทีลุกลี้ลุกลนของลูกน้องก็ทำให้มันหันไปมองด้วยความไม่พอใจ

"นายท่าน" ลูกน้องคนนั้นพ่นคำออกมาพร้อมกับยืนหอบหายใจ "ฐานที่มั่นของเราถูกโจมตี พวกมันบุกเข้ามาถึงใจกลางค่ายแล้ว พวกเรากำลังเสียเปรียบ"

จงเหยียนที่ได้ยินดังนั้นก็เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง อารมณ์โกรธที่คุกรุ่นในตัวมันปะทุขึ้นมาในทันที มันหันกลับมามองหลี่รุ่ยหลินที่กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาเย้ยหยัน “ข้าจะปล่อยเจ้าไว้ที่นี่ก่อน หากเสร็จเรื่องเมื่อไรจะมาจัดการกับเจ้า" 

จงเหยียนปล่อยมือจากหลี่รุ่ยหลินแล้วชักดาบของตัวเองออกจากฝักอย่างรวดเร็วและกระแทกฝักดาบกับพื้นด้วยความโกรธ ก่อนจะรีบหมุนตัวและวิ่งออกจากกระโจมไป มันตั้งใจจะจัดการพวกที่บุกเข้ามาให้สิ้นซากไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม

ภายนอกกระโจมพวกโจรที่เหลืออยู่กำลังพยายามตั้งรับกับการโจมตีอย่างสิ้นหวัง พวกมันถูกพี่น้องสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนที่บุกเข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่องจนเสียขวัญ พวกโจรที่เคยโอหังกลับต้องเผชิญกับความหวาดกลัวและความตายที่ใกล้เข้ามาทุกที

เมื่อจงเหยียนก้าวออกมาจากกระโจม ดวงตาของมันมองไปรอบๆ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งยืนรออยู่ตรงกลางลานค่าย โจรคนอื่นๆ ถูกจัดการจนหมดสิ้นเหลือเพียงศัตรูคนเดียวที่ยืนอย่างสงบเงียบ แต่สายตาของชายผู้นั้นกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความโกรธเกรี้ยว

หวังข่ายยืนมองจงเหยียนด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น "จงเหยียน…ปล่อยตัวหลี่รุ่ยหลินเสีย"

จงเหยียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ร่างสูงใหญ่ของมันสั่นสะท้านแสดงออกถึงความสะใจ "ปล่อยตัวนาง… เจ้าคิดว่าข้าจะยอมปล่อยเหยื่ออันโอชะที่ข้าจับมาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ"

"นางไม่ใช่เหยื่อของเจ้า" หวังข่ายตะโกนสวนกลับด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างไม่อาจยอมรับได้ 

จงเหยียนหัวเราะออกมาอีกครั้ง ดวงตาของมันเป็นประกายเจ้าเล่ห์ "ข้าชักอยากเห็นแล้วสิว่าคนอย่างเจ้าจะทำอะไรได้ ข้าจะให้เจ้าได้รับรู้เรื่องมงคลอย่างหนึ่ง... หลี่รุ่ยหลินตกเป็นของข้าแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสั่งข้า"

คำพูดของจงเหยียนทำให้หวังข่ายโกรธจัด เขาจับกระบี่อ่อนในมือแน่น เลือดในกายเดือดพล่านด้วยความแค้น เขารู้ดีว่าจงเหยียนเป็นคนโหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ การเผชิญหน้ากับมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ความโกรธและความรักที่เขามีต่อหลี่รุ่ยหลินทำให้เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป

"หุบปากพล่อย ๆ ของเจ้าเสีย ก่อนที่ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าออกมา" หวังข่ายตะโกนลั่น ขณะที่กระบี่อ่อนในมือของเขาเริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง วาดเป็นเส้นทางคมกริบในอากาศ

จงเหยียนมองเห็นการเคลื่อนไหวของหวังข่ายก็ไม่รอช้า มันชักดาบยาวออกจากฝักอย่างรวดเร็ว ดาบของมันเป็นอาวุธที่หนักและรุนแรงแต่ก็เชื่องช้าเมื่อเทียบกับกระบี่อ่อนของหวังข่าย ทว่าในมือของจงเหยียนดาบนี้กลับมีความร้ายกาจที่ไม่อาจประมาทได้

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองเริ่มต้นขึ้นทันทีที่ดาบและกระบี่ปะทะกัน เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นก้องทั่วค่าย การโจมตีของหวังข่ายรวดเร็วและแม่นยำ เขาวาดกระบี่ก็เป็นเส้นทางแคบๆ พุ่งเข้าหาจุดอ่อนของจงเหยียน

แรงกดดันจากการโจมตีของหวังข่ายทำให้จงเหยียนถึงกับประหลาดใจ มันยกดาบขึ้นเพื่อป้องกันแต่ทุกครั้งที่ดาบของมันปะทะกับกระบี่อ่อนก็รู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนที่รุนแรง การโจมตีของหวังข่ายนั้นรวดเร็วเสียจนมันไม่สามารถต้านทานได้ทั้งหมด

มันพยายามโต้กลับอย่างดุเดือดแต่การโจมตีของมันเริ่มที่จะพลาดเป้าหมายมากขึ้น หวังข่ายมองเห็นช่องว่างในการป้องกันของจงเหยียนและใช้โอกาสนั้นโจมตีอย่างแม่นยำ ข้อได้เปรียบของกระบี่อ่อนก็คือมันมีความยืดหยุ่นที่มากกว่าและสามารถเข้าถึงในจุดที่อาวุธอื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ กระบี่อ่อนของเขาพุ่งเข้าหาช่องว่างระหว่างดาบของจงเหยียนและร่างกายของมัน

ความเจ็บปวดที่หน้าอกทำให้จงเหยียนรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก เลือดเริ่มไหลออกมาจากบาดแผลที่เกิดจากกระบี่อ่อนของหวังข่าย มันร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดแต่กลับพยายามดิ้นรนต่อสู้ต่อ

“เจ้า... เจ้าไม่มีวันชนะข้าได้” จงเหยียนตะโกนขณะที่มันพยายามเงื้อดาบอีกครั้ง แต่ความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการต่อสู้เริ่มชัดเจนขึ้น ดาบของมันหนักขึ้นทุกครั้งที่ยกขึ้นมาและช้าลงทุกครั้งที่เหวี่ยงออกไป

หวังข่ายมองเห็นความอ่อนแอของจงเหยียนอย่างชัดเจน เขาตัดสินใจที่จะจบการต่อสู้นี้อย่างรวดเร็ว กระบี่อ่อนของเขาพุ่งเข้าหาจงเหยียนด้วยความรวดเร็วเป็นครั้งสุดท้าย เส้นทางของกระบี่นั้นพุ่งตรงไปยังหัวใจของมัน

จงเหยียนพยายามยกดาบขึ้นเพื่อป้องกัน แต่ทว่ามันกลับพลาดเป้าหมาย กระบี่อ่อนของหวังข่ายพุ่งเข้าแทงทะลุอกของมัน เลือดพุ่งออกมาเป็นสาย ขณะที่มันทรุดตัวลงกับพื้นมันจับหน้าอกที่ถูกแทงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“ข้า... ข้าไม่ยอมให้เจ้า...” จงเหยียนพยายามพูดแต่เสียงของมันเริ่มแผ่วเบาและขาดหายไป มันพยายามจะสู้ต่อแต่เรี่ยวแรงของมันหมดสิ้นแล้ว

หวังข่ายยืนมองจงเหยียนที่ล้มลงกับพื้นอย่างสงบ เขาถอนกระบี่ออกจากร่างของศัตรูและมองเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล ความโกรธในใจของเขาค่อย ๆ จางหายไป และถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสงบ

“เจ้าสมควรได้รับสิ่งนี้” หวังข่ายเอ่ยขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเดินหนีจากร่างของจงเหยียนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากหารต่อสู้จบลงก็คือวิ่งเข้าไปในกระโจมด้วยความรีบเร่ง หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่จงเหยียนอาจทำร้ายหลี่รุ่ยหลิน แต่เมื่อเขาเห็นหลี่รุ่ยหลินอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ย มือและเท้าของนางถูกมัดแน่นกับเตียง ความโกรธของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง

“รุ่ยหลิน” หวังข่ายเรียกนางด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยอย่างที่สุด เขารีบเข้าไปคลายเชือกที่มัดนางไว้ มือของเขาสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นและความโกรธที่ยังหลงเหลืออยู่

เมื่อเชือกถูกคลายออกเขาก็ดึงตัวหลี่รุ่ยหลินเข้ามากอดแน่น รู้สึกถึงร่างกายที่เย็นเฉียบของนางแนบชิดกับตัวเขา จากนั้นจึงถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ จงเหยียนมันทำร้ายเจ้าหรือไม่”

หลี่รุ่ยหลินส่ายหน้าเบา ๆ สูดหายใจลึกเพื่อพยายามสงบสติอารมณ์ “ข้าไม่เป็นอะไร ดีที่ท่านมาช่วยไว้ทัน” 

หวังข่ายถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกได้ถึงความสั่นสะท้านเล็กน้อยในร่างกายของหลี่รุ่ยหลิน เขากอดนางไว้แน่นขึ้น ราวกับต้องการปกป้องนางจากทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้นอีก

เขามองไปรอบๆ ภายในกระโจมและเห็นหีบเล็กๆ ที่วางอยู่มุมหนึ่ง เมื่อเปิดหีบนั่นออกและพบว่ามีผ้าห่มอยู่ข้างในเขารีบหยิบผ้าห่มนั้นขึ้นมาแล้วห่อตัวหลี่รุ่ยหลินไว้ เพราะเสื้อผ้าของนางถูกจงเหยียนกระชากออกจนหมดนางคงจะรู้สึกหนาวและอับอายหากปล่อยให้อยู่ในสภาพเช่นนี้

“ข้าขอโทษที่ข้ามาช้า” หวังข่ายกล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด 

หลี่รุ่ยหลินส่ายหน้าอีกครั้ง นางมองหวังข่ายด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักและความซาบซึ้งใจ “ไม่ต้องขอโทษ ข้ารู้ว่าท่านพยายามถึงที่สุดแล้ว”

คำพูดของนางทำให้เขาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแต่ในใจของเขายังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เขาโอบร่างของหลี่รุ่ยหลินขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง นางซบหน้าลงกับอกของเขาน้ำตาที่เก็บไว้ไหลออกมาอย่างเงียบงัน

หวังข่ายพาหลี่รุ่ยหลินออกจากกระโจม ทันทีที่พี่น้องสำนักคุ้มภัยที่รออยู่เห็นหวังข่ายอุ้มหลี่รุ่ยหลินออกมา พวกเขาก็ส่งเสียงเฮดังลั่นด้วยความดีใจ นายหญิงของพวกเขาถูกช่วยออกมาได้แล้ว ความโล่งใจและความยินดีปะทุขึ้นในใจของทุกคน

“นายหญิง! ขอบคุณคุณชายหวังๆ” เหล่าพี่น้องสำนักคุ้มภัยกล่าวออกมาอย่างยินดี

รอบๆ บริเวณนั้นเต็มไปด้วยศพของพวกโจรที่ถูกฆ่าตาย ไม่มีโจรคนไหนรอดชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ เหล่าพี่น้องทุกคนกวาดล้างโจรชั่วพวกนี้ได้สำเร็จ

“ขอบคุณพี่น้องทุกคน หากไม่มีพวกท่านภารกิจครั้งนี้คงไม่สำเร็จ” หวังข่ายกล่าวกับพี่น้องสำนักคุ้มภัยด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง 

พี่น้องสำนักคุ้มภัยยิ้มรับ และบางคนก็โค้งศีรษะให้ด้วยความเคารพ 

“พวกเราคือพี่น้องต้าอันฉวน นายหญิงก็คือหัวใจของพวกเรา เพราะฉะนั้นพวกเรายอมตายได้เพื่อนายหญิงและสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวน" ไป๋ฮ่าวเทียนกล่าว

หวังข่ายพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังม้าที่รออยู่ เขาวางหลี่รุ่ยหลินลงบนหลังม้าอย่างเบามือ จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปนั่งข้างหลังนาง อ้อมแขนของเขาโอบร่างนางไว้แน่นเพื่อให้แน่ใจว่านางจะไม่ตกลงมา

“พวกเราไปกันเถอะ” หวังข่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง ก่อนจะหันไปพูดกับพี่น้องสำนักคุ้มภัย “กลับไปยังเมืองเสวียนเทียน พักผ่อนกันก่อน ข้าจะให้การดูแลทุกคนเป็นอย่างดี”

พี่น้องสำนักคุ้มภัยตอบรับอย่างยินดีและพากันเดินทางุม่งหน้าสู่ทิศทางของเมืองเสวียนเทียน

แสงตะวันยามเย็นเริ่มส่องสว่างอยู่ที่ขอบฟ้าเหมือนเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ หลี่รุ่ยหลินยังคงซบอยู่ในอ้อมแขนของหวังข่าย แม้นางจะรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรงจากสิ่งที่เพิ่งเผชิญมาแต่ความอบอุ่นและการปกป้องของเขาทำให้นางรู้สึกปลอดภัย นางเริ่มหลับตาลงอย่างช้าๆ และผล็อยหลับไปในอ้อมอกของเขา

หวังข่ายมองหลี่รุ่ยหลินที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้สิ่งใดทำร้ายนางได้อีก 

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status