Share

บทที่ 3 จุดพลิกผันสู่เจ้าสำนักน้อย

บทที่สาม

จุดพลิกผันสู่เจ้าสำนักน้อย

 

เมื่อจัดการพิธีศพเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีเวลาให้พวกเขาได้โศกเศร้าเสียใจมากนักเนื่องจากมีงานคั่งค้างที่ต้องสะสางอีกมากมาย ทั้งเรื่องเงินชดเชยที่จะต้องมอบให้กับบิดามารดาของพี่น้องที่เสียชีวิตไปและเรื่องงานที่รับจ้างไว้ก่อนหน้าที่หลี่ฟางตวนจะเสียชีวิต ทำเอาหลี่รุ่ยหลินวุ่นวายไปหมด

"พี่ซีหยาง…นี่พวกเราถูกยกเลิกเลิกงานมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ" หลี่รุ่ยหลินถามอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นบัญชีรายชื่อลูกค้าที่จ้างงานถูกขีดฆ่าชื่ออกไปมากมาย

ซีหยางยิ้มแหย ๆ ให้กับนางเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดีให้กระทบกระเทือนจิตใจของหัวหน้าสำนักน้อยผู้นี้ให้น้อยที่สุด "เอ่อ…คือว่าลูกค้าของพวกเราหายไปราว ๆ เจ็ดส่วนขอรับคุณหนู เอ้ย…ขอรับนายหญิง"

ด้วยความที่ยังไม่เคยชินที่จะเรียกหลีรุ่ยหลินว่านายหญิงพี่น้องสำนักคุ้มภัยต่างก็ยังติดปากเรียนนางว่าคุณหนูอยู่ เพราะการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและอีกอย่างนางก็ยังดูเด็กเกินไปที่จะเรียกว่านายหญิง

หลี่รุ่ยหลินได้ฟังแล้วก็ต้องทอดถอนใจออกมาแล้วกล่าวด้วยความเศร้าใจว่า "คงเป็นเพราะพวกเขาไม่วางใจในฝีมือของข้าใช่หรือไม่ถึงได้ยกเลิกสัญญากันหมด"

ข้อนี้เป็นเรื่องที่นางเข้าใจดีเพราะอย่างไรตนเองก็เป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง นางยังไม่เคยแสดงฝีมือให้ผู้ใดเห็น อีกทั้งยังประสบการณ์ในงานคุ้มภัยก็ยังไม่มากนัก จะมีก็แต่การจัดการบัญชีกับเรื่องภายในสำนักเท่านั้น ส่วนการได้ออกไปทำงานคุ้มภัยจริง ๆ ก็เพียงแค่ติดตามบิดากับพี่ชายไปไม่กี่ครั้ง จึงไม่แปลกที่ลูกค้าทั้งหลายจะไม่วางใจ

"นายหญิงอย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ อย่างน้อยเราก็ยังเหลืองานอีกสามส่วนให้ทำ ลูกค้าพวกนี้ก็ยังคงสนับสนุนนายหญิงอยู่ ส่วนมากแล้วเป็นลูกค้าเก่าแก่ที่อยู่กับเรามายาวนานทั้งนั้น ท่านคหบดีเจียงก็ยังจ้างงานพวกเราอยู่นะขอรับ ท่านลองดูที่บรรทัดนี้" ซีหยางพยายามยามพูดให้กำลังใจนายหญิงของตนเองอย่างเต็มที่ พี่น้องคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็พยักหน้าเช่นกัน ต่างพากันกล่าวว่าถึงแม้จะมีงานน้อยแต่พวกเขาก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่

ทว่าหลี่รุ่ยหลินก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เพราะการมีงานน้อยไม่ได้หมายความแค่ว่าชื่อเสียงของสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนจะตกต่ำลง แต่หมายถึงเงินที่พวกเขาได้รับก็จะน้อยลงด้วย

"แต่งานน้อยถึงเพียงนี้เราจะมีเงินมาเลี้ยงปากท้องพี่น้องของเราทุกคนได้อย่างไร ไหนที่จะต้องจ่ายให้กับบิดามารดาของคนที่เสียชีวิตไปอีก" หลี่รุ่ยหลินกล่าว

"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ พวกเราจะกินใช้กันอย่างประหยัด หากว่าเงินไม่พอเดี๋ยวพวกเราจะออกไปรับจ้างทำอย่างอื่นเพื่อหาเงินมา" ซีหยางตอบ

ที่บรรทัดแรกของสมุดรายชื่อนั้นมีอยู่งานหนึ่งที่จะต้องเดินทางในอีกสิบวันข้างหน้า เจ้าของงานนี้ไม่ได้ยกเลิกแต่อย่างใดทั้งยังกำหนดวันเดินทางไว้ตามเดิม เมื่อหลี่รุ่ยหลินอ่านอย่างละเอียดก็เห็นว่าเป็นงานคุ้มกันอดีตอัครเสนาบดีกลับบ้านเกิด กระดาษที่แนบมาเป็นรายการสิ่งของคร่าว ๆ ที่เขาจะนำกลับไปบ้านเกิดด้วยซึ่งมีมากมายพอสมควร

"งานนี้ไม่ได้ถูกยกเลิกอย่างนั้นหรือ" หลี่รุ่ยหลินเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างงุนงง เพราะคนจ้างเป็นถึงอดีตอัครเสนาบดีเหตุใดถึงยังกล้าจ้างสำนักคุ้มภัยที่มีหญิงสาวเช่นนางเป็นหัวหน้าทำงานให้อยู่

ซีหยางยืดตัวตรงแล้วกล่าวอย่างดีใจว่า "เมื่อเช้าคนของท่านอัครเสนาบดีมายันยันว่าจะจ้างพวกเราตามเดิม เขาอยากสนับสนุนนายหญิงขอรับ

"อย่างนั้นก็ดี พวกเรามาทำงานนี้กันให้เต็มที่เถอะ ท่านอัครเสนาบดีจะได้ไม่ผิดหวัง ทั้งยังเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนของพวกเรากลับคืนมาด้วย" หลี่รุ่ยหลินกล่าวอย่างมุ่งมั่น

พูดจบนางก็เรียกพี่น้องทุกคนมาประชุมในทันที สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือแจ้งข่าวเรื่องที่สำนักคุ้มภัยถูกยกเลิกงานให้กับทุกคนได้รู้โดยทั่วกัน เหล่าพี่น้องชาวต้าอันฉวนรักใคร่ปรองดองกันยิ่งนักมีอาสาสมัครก้าวออกมาจะไปทำงานรับจ้างเพื่อหาเงินมาเป็นเงินสำรองให้กับสำนักมากมาย หลี่รุ่ยหลินซาบซึ้งในน้ำใจของพวกเขามาก 

อย่างที่สองคือนางแจ้งข่าวเรื่องงานต่อไปที่ต้องทำซึ่งก็คือการคุ้มกันอดีตอัครเสนาบดีกลับบ้านเกิด ถึงแม้ว่างานนี้จะได้เงินไม่มากแต่ทว่าอย่างน้อยหากทำสำเร็จก็จะได้กอบกกู้ชื่อเสียงของสำนัก ลูกค้าคนอื่นจะได้เชื่อมั่นในตัวนางและสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวน และหลังจากนั้นพวกเขาจะได้มีงานมากมายล้มหลามเหมือนเมื่อก่อน หลี่รุ่ยหลินคัดเลือกพี่น้องที่เป็นยอดฝีมือมาสามสิบคนและครั้งนี้นางจะเป็นผู้นำคณะเดินทางคุ้มภัยด้วยตัวเอง

"เรื่องงานต่าง ๆ ที่สำนักช่วงที่ข้าไม่อยู่จะให้พี่ซีหยางเป็นคนจัดการ ทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งของพี่ซีหยางเข้าใจหรือไม่" หลี่รุ่ยหลินถาม น้ำเสียงของนางดูมีอำนาจราวกับว่าไม่ใช้หญิงสาววัยปักปิ่นอีกแล้ว

"เข้าใจขอรับนายหญิง" เหล่าพี่น้องต้าอันฉวนตอบพร้อมกัน

เหลือระยะเวลาอีกไม่ถึงสิบวันก่อนเดินทาง หลี่รุ่ยหลินฝึกวรยุทธ์อย่างหนักรวมทั้งพี่น้องอีกสามสิบคนที่จะเดินทางไปกับนางด้วย การเดินทางครั้งนี้อันตรายหรือไม่ไม่มีผู้ใดสามารถตอบได้ ที่สำคัญคือพวกจงเหยียนที่สังหารบิดากับพี่ชายของนางยังไม่ตาย หากว่านางมีโอกาสได้พวกพบมันในระหว่างทางแล้วละก็นางจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีแก้แค้นให้กับบิดาและพี่ชายให้จงได้ 

พวกที่ฝึกวรยุทธ์ก็ฝึกไป พวกที่ไปทำงานหาเงินก็ทำไป เพื่อสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนนั้นพวกเขาสามารถทำทุกอย่างได้ เพราะที่นี่เปรียบเสมือนบ้านของพวกเขา ที่ได้มีกินมีใช้มีเงินส่งให้บิดามารดาในทุกวันนี้ก็เป็นเพราะสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนทั้งนั้น

เมื่อถึงวันเดินทางหลี่รุ่ยหลินก็ร่ำลามารดา พี่น้องที่พร้อมเดินทางทั้งสามสิบคนสะพายดาบยืนอยู่ด้านหลังนางด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น

"ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ท่านแม่อยู่ที่สำนักดูแลตนเองให้ดี อย่าได้โศกเศร้ามากเกินไป" หลี่รุ่ยหลินสวมกอดมารดาอย่างอบอุ่นก่อนจะผละออกแต่ทว่าหลี่ฮูหยินไม่อยากให้นางออกจากอ้อมแขน

"แม่ไม่อยากให้เจ้าไป แม่ไม่อยาก…ไม่อยากให้ซ้ำรอยเดิมอีก" หลี่ฮูหยินกล่าว น้ำตาไหลพรากอาบแก้มทั้งสองข้าง

หลี่รุ่ยหลินดึงมารดาเข้ามากอดอีกครั้งและกล่าวปลอบ "ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ครั้งนี้ไม่ได้คุ้มกันข้าวของมากมายอะไร มีเพียงแต่ท่านอัครเสนาบดีกับของใช้ของเขาเท่านั้น ไม่เป็นเป้าสายตาแก่พวกโจรหรอก อีกอย่างเพื่อความเชื่อมั่นของลูกค้าข้าในฐานะหัวหน้าสำนักจำเป็นต้องแสดงฝีมือด้วยตัวเอง"

จากนั้นจึงหันไปหาซีหยาง "พี่ซีหยาง ฝากท่านดูแลท่านแม่ด้วย"

คราวนี้นางผละออกจากอ้อมกอดของมารดาไปจริง ๆ หลี่ฮูหยินได้แต่ร้องไห้เรียกรั้งบุตรสาวของตนเองไว้ แต่ด้วยภาระหน้าที่หลี่รุ่ยหลินไม่สามารถทำตามที่มารดาร้องขอได้จริง ๆ

หัวหน้าสำนักน้อยนำเหล่าพี่น้องมุ่งหน้าสู่จวนอัครเสนาบดี เมื่อไปถึงหน้าจวนทางนั้นก็จัดเตรียมข้าวของขึ้นรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดิมทีหลี่รุ่ยหลินไม่คิดว่าการเดินทางกลับบ้านเกิดนั้นจะต้องนำข้าวของไปมากมายถึงเพียงนี้ แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วก็ไม่แปลกใจเพราะผู้เดินทางเป็นถึงอดีตอัครเสนาบดี ขบวนทรัพย์สมบัติจำนวนห้าคันรถจึงไม่ได้ถือว่ามากไปแต่อย่างใด

อัครเสนาบดีหวังเดินออกมาพร้อมบุตรชาย หลี่รุ่ยหลินเห็นแล้วเข้าไปทักทายในทันที "คารวะท่านอัครเสนาบดี คารวะคุณชาย ผู้น้อยหลี่รุ่ยหลินหัวหน้าสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่"

"เตรียมพร้อมหมดแล้ว เจ้าเองก็จัดขบวนเดินทางเถอะ" อัครเสนาบดีหวังกล่าวกับนางอย่างเอ็นดู 

ทว่าคุณชายผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นกลับมีสีหน้าที่บอกบุญไม่รับ เขามองนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปกล่าวกับบิดา "ท่านพ่อวางใจจริงหรือขอรับ พวกเราเอาคนไปเพิ่มอีกหน่อยดีหรือไม่"

เดิมทีที่เขาไม่วางใจในตัวนางอยู่แล้วและเมื่อเห็นนางใกล้ ๆ ก็ยิ่งไม่วางใจขึ้นไปอีก หญิงสาวที่มีใบหน้างดงาม ผิวพรรรผุดผ่องถึงเพียงนี้จะไปอยู่ร่วมกับพวกเขา หลับนอนกลางป่า กินอาหารไม่ถูกปากได้อย่างนั้นหรือ ยิ่งเรื่องวรยุทธ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางรักสวยรักงามถึงเพียงนี้จะฝึกวรยุทธ์อะไรได้

หลี่รุ่ยหลินได้ยินที่หวังข่ายกล่าวกับบิดาแล้วก็โกรธขึ้นมาในใจแต่ต้องสูดลมหายใจข่มกลั้นความโกรธไว้ เพราะผู้ที่กล่าววาจานั้นคือลูกค้าของนาง เมื่อสองพ่อลูกเดินไปขึ้นรถม้าแล้วนางถึงได้กล่าวพึมพำออกมาอย่างเคียดแค้นว่า "คอยดูเถอะคุณชายหน้าขาว แล้วท่านจะได้เห็นฝีมือของข้า" 

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status