Share

บทที่ 12 บังเกิดเป็นความรัก

บทที่สิบสอง

บังเกิดเป็นความรัก

 หลังจากการต่อสู้ที่ยากลำบากและการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายพวกเขาก็สามารถกำจัดพวกโจรที่ก่อความเดือดร้อนได้หมดสิ้นแล้ว การเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงจึงดำเนินไปด้วยความราบรื่นและสบายใจ

เมื่อเดินทางออกจาเมืองเสวียนเทียนทุกคนก็รู้สึกโล่งใจราวกับว่าพายุร้ายได้ถูกพัดหายไปแล้ว หลี่รุ่ยหลินและพี่น้องสำนักคุ้มภัยต่างก็เต็มไปด้วยความพอใจที่สามารถทำภารกิจสำเร็จ ทั้งที่เจออุปสรรคมากมาย แต่พวกเขาก็ยังคงสามารถพิชิตชัยเหนือศัตรูได้

ระหว่างการเดินทางกลับสู่เมืองหลวงหวังข่ายและหลี่รุ่ยหลินเริ่มมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ความใกล้ชิดที่เริ่มงอกเงยทำให้พวกเขาเริ่มรู้จักกันมากขึ้น และการพูดคุยระหว่างของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเข้าใจและความไว้วางใจที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่ละวันบนเส้นทางกลับหลี่รุ่ยหลินกับหวังข่ายมักจะใช้เวลาในการสนทนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เรื่องราวต่าง ๆ จากอดีตที่ถูกเปิดเผยให้กันฟัง ทำให้พวกเขาสามารถเข้าใจและรับรู้ถึงความคิดและความรู้สึกของกันและกันได้มากขึ้น หวังข่ายมักจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความรู้ที่เขามีให้นางฟัง ขณะที่หลี่รุ่ยหลินก็เรื่องการฝึกวรยุทธ์และชีวิตในวันเด็กที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานให้เขาฟังเช่นกัน

ในระหว่างการเดินทางพวกเขามักจะช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ เมื่อหลี่รุ่ยหลินรู้สึกเหนื่อยจากการเดินทางหวังข่ายจะหยุดพักและทำอาหารให้ นอกจากนี้เขายังดูแลให้แน่ใจว่าหลี่รุ่ยหลินได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยอย่างสูงสุด ในขณะที่หลี่รุ่ยหลินก็แสดงความใส่ใจและดูแลหวังข่ายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งสองคนดูแลกันและกันอย่างจริงใจ

พวกเขามักจะนั่งพูดคุยกันใต้แสงดาวในยามค่ำคืน หวังข่ายและหลี่รุ่ยหลินจึงรู้สึกถึงความรักและความผูกพันที่เริ่มเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขากลายเป็นเรื่องที่ชัดเจนและความใกล้ชิดของพวกเขาก็กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนในขบวนเดินทางเริ่มสังเกตเห็น

พี่น้องสำนักคุ้มภัยที่เดินทางด้วยกันก็เริ่มมีการพูดคุยกับนายหญิงและคุณชายหวังอย่างหยอกล้อ “ดูเหมือนว่านายหญิงของพวกเราจะมีความรักแล้ว” 

ไป๋ฮ่าวเทียนกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม “พวกเราคงจะมีนายท่านคนใหม่กับนายน้อยมาด้วยในไม่ช้านี้”

คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศของการเดินทางกลับเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความขบขัน ทุกคนยิ้มและหัวเราะเมื่อได้ยินความคิดเห็นเหล่านั้น หลี่รุ่ยหลินกับหวังข่ายเองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าหลี่รุ่ยหลินจะเขินอายอยู่บ้างตามประสาหญิงสาวแต่นางก็ไม่ได้ปฏิบัติเสธคำพูดเหล่านั้น

คืนหนึ่งในพื้นที่ราบเล็ก ๆ ในหุบเขา เป็นคืนเดือนมืดท่ามกลางแสงดาวอยู่บนฟ้า หวังข่ายชวนหลี่รุ่ยหลินออกไปเดินเล่นในที่มุมหนึ่งห่างจากกระโจมพักและเหล่าพี่น้อง บรรยากาศของค่ำคืนเต็มไปด้วยความสงบและความงดงามของธรรมชาติเหมาะสำหรับการพูดคุยและเปิดเผยความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อพวกเขานั่งอยู่บนก้อนหินใต้ต้นไม้ใหญ่หวังข่ายก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “รุ่ยหลิน คืนนี้ข้าอยากพูดคุยกับเจ้าเรื่องหนึ่ง”

หลี่รุ่ยหลินมองเขาด้วยความสงสัย ถามว่า “เรื่องอะไรหรือ”

“ตั้งแต่พวกเราได้ร่วมเดินทางและผ่านเหตุการณ์มากมายด้วยกัน ข้ารู้ว่าความรู้สึกของข้าที่มีต่อเจ้านั้นเปลี่ยนไปมาก ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าสิ่งที่พวกเรามีเป็นแค่ความสัมพันธ์ในฐานะลูกค้ากับสำนักคุ้มภัยเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้ารู้ดีว่ามันไม่ใช่” หวังข่ายกล่าว

หลี่รุ่ยหลินเงียบและมองไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้า ใบหน้าของนางเปล่งปลั่งจากแสงของดาวและรอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏที่มุมปาก “ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับท่าน ตั้งแต่ที่พวกเราได้เดินทางร่วมกันและเผชิญหน้ากับอันตรายมากมาย ข้าก็เริ่มเข้าใจว่าความรู้สึกของข้าต่อท่านก็เปลี่ยนไปเช่นกัน”

"เจ้ารู้สึกตั้งแต่เมื่อไร" หวังข่ายถาม

"ตอนที่ข้าถูกจับตัวไปนั้นในใจของข้าก็ร้องเรียกแต่ท่าน คิดว่าเมื่อหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมาคนที่จะจะมาช่วยข้าก็คือท่าน และแล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ" หลี่รุ่ยหลินตอบ

หวังข่าวใช้มือข้าหนึ่งโอบไหลของนางเองไว้ "ตอนนั้นข้าเป็นห่วงเจ้ามาก ข้าคิดเพียงว่าอย่างไรต้องช่วยเจ้าให้ได้"

"ขอบคุณท่านมาก หากไม่มีท่านข้าคงตกเป็นของจงเหยียนผู้นั้นไปแล้ว" หลี่รุ่ยหลินกล่าวพลางเอียงหน้าซบลงที่อกของเขา

"ต่อจากนี้ไปข้าจะปกป้องเจ้า ต่อให้จะมีจงเหยียนสักกี่คน หรือว่าพวกโจรมากมายสักเท่าใดข้าก็จะไม่ให้พวกมันแตะต้องเจ้าได้เป็นอันขาด" หวังข่ายกล่าว

เมื่อความเงียบสงบของคืนท่ามกลางแสงดาวยิ่งทำให้ความรู้สึกของพวกเขาลึกซึ้งและจริงจังยิ่งขึ้น หวังข่ายและหลี่รุ่ยหลินรู้ดีว่าพวกเขาได้เริ่มต้นการเดินทางใหม่ด้วยความรักและความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีและเต็มไปด้วยความสุขร่วมกัน

เมื่อพวกเขากลับมาถึงเมืองหลวง บรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความครึกครื้นและยุ่งเหยิงเหมือนเช่นเคย หวังข่ายและหลี่รุ่ยหลินเดินข้ามสะพานและผ่านถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เคลื่อนไหวไปมา ทั้งสองคนรู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดก็มาถึงบ้านเสียที

หลี่รุ่ยหลินปิดจบงานของสำนักคุ้มภัยด้วยการมาส่งหวังข่ายที่จวนก่อนจะปฏิเสธเงินค่าจ้างจากเขา "เป็นคนรักกันย่อมไม่คิดค่าจ้าง"

เขามองหลี่รุ่ยหลินด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย “รุ่ยหลิน ถึงแม้พวกเราจะกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว แต่ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าลืมว่าข้ายังคงอยู่ที่นี่เพื่อเจ้าเสมอ หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือมีปัญหาอะไรอย่าลังเลที่จะบอกข้า”

หลี่รุ่ยหลินยิ้มและพยักหน้า “ข้าจะไม่ลืมแน่นอน ข้าจะมาสร้างความวุ่นวายให้ท่านทุกวัน”

หวังข่ายหัวเราะและยื่นมือไปจับมือของหลี่รุ่ยหลินอย่างอ่อนโยน “เจ้าก็ยังคงเป็นเจ้า”

"แน่นอน ท่านเองก็รักษาตัวด้วย ช่วงนี้ข้านน่าจะยุ่งหน่อยเพราะต้องสะสางงานที่สำนัก ไว้ข้ามีเวลาจะมาหา" หลีรุ่ยหลินกล่าว

"ตั้งใจทำงานให้ดี สร้างต้าอันฉวนให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ประกาศให้ผู้คนได้รู้ว่าสำนักคุ้มภัยภายใต้การดูแลของเจ้านั้นยังคงเป็นอันดับหนึ่งของแคว้น" หวังข่ายกล่าว สายตามที่มุ่งมั่นของเขาส่งตรงไปยังนาง ทำให้หลี่รุ่ยหลินเองก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา

"เจ้าค่ะ" หลี่รุ่ยหลินตอบรับจากนั้นจึงหมุนตัวเดินจากมา

ในระหว่างทางกลับบ้าน หลี่รุ่ยหลินได้พบกับความสงบและความสุขที่มาจากความรักที่หวังข่ายมีให้นาง นางรู้ว่าชีวิตจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นหากว่ามีเขาอยู่เคียงข้าง และรู้ว่าความรักและความสนับสนุนของเขาจะช่วยให้นางเผชิญกับความท้าทายและความยากลำบากในภายภาคหน้าได้

เมื่อหลี่รุ่ยหลินกลับมาถึงจวนของตนเอง การกลับสู่ชีวิตประจำวันก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายที่มาพร้อมกับงานที่ล้นมือ หลี่รุ่ยหลินที่เพิ่งกลับมาถึงจวนก็พบว่ามีงานต่าง ๆ เข้ามามากมายตั้งแต่การตอบรับการจ้างงานใหม่ไปจนถึงการจัดการกับข่าวสารและการประสานงานต่าง ๆ 

เป็นเพราะว่าเหตุกาณ์ที่สำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนสามารถจัดการกับโจรกลุ่มใหญ่และจงเหยียนได้สำเร็จทำให้ชื่อเสียงของสำนักเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ผู้คนจึงกลับมาไว้ใจต้าอันฉวนอีกครั้ง

เสียงของซีหยางผู้ช่วยของหลี่รุ่ยหลินดังขึ้นข้างหูของนางขณะที่นางกำลังสะสางงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน “นายหญิง…มีจดหมายจากนายอำเภอในเมืองซานเหอที่ต้องการให้ท่านช่วยจัดการเรื่องคดีโจรขโมยทรัพย์สิน”

หลี่รุ่ยหลินหันไปมองซีหยางด้วยความสายตาที่งุนงงและเต็มไปด้วยคำถาม “เหตุใดพวกเขาไม่ไปแจ้งทางการ เรื่องเช่นนี้มาจ้างพวกเราได้ทำไมกัน”

“ข้าเองก็ไม่รู้ขอรับ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าของที่หายนั้นไม่สามารถให้ทางการรู้ได้” ซีหยางตอบ

"ถ้าอย่างนั้นก็รับเถอะ งานนี้ให้พี่ฮ่าวเทียนไปก็แล้วกัน เขาดูมีความรู้เรื่องการสืบสวนมากที่สุด" หลี่รุ่ยหลินออกคำสั่ง

ซีหยางพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องไป "ขอรับนายหญิง"

หลี่รุ่ยหลินยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานและจัดการกับงานต่าง ๆ ด้วยความมุ่งมั่น งานที่เพิ่มขึ้นมากมายนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จที่นางได้รับจากการทำงานหนักและการสร้างชื่อเสียงให้กับสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวน

หลังจากที่จัดการงานต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยหลี่รุ่ยหลินก็ต้องการที่จะไปเยี่ยมหลุมศพของบิดาและพี่ชายของนางเพื่อแสดงความเคารพและบอกกับพวกเขาว่านางสามารถแก้แค้นให้กับพวกเขาได้แล้ว

วันถัดมาหลี่รุ่ยหลินได้พามารดาไปที่หลุมศพของบิดาและพี่ชาย

“ท่านพ่อ…ท่านพี่…” หลี่รุ่ยหลินเริ่มพูดขณะที่นางและหลี่ฮูหยินยืนอยู่ข้างหลุมศพ “ข้าได้แก้แค้นให้กับพวกท่านแล้ว พวกเราสามารถจัดการกับกลุ่มโจรที่ฆ่าท่านพ่อกับท่านพี่ได้สำเร็จ และตอนนี้พวกมันไม่มีโอกาสที่จะก่อความเดือดร้อนให้กับผู้ใดอีก”

หลี่ฮุหยินยืนอยู่ข้างหลุมศพและฟังด้วยความปลาบปลื้ม น้ำตาเริ่มไหลออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่บุตรสาวกล่าวต่อหน้าหลุมศพของสามีและลูกชาย “ลูกแม่…แม่รู้ว่าท่านพ่อและพี่ชายของเจ้าคงจะดีใจมากที่ได้ยินเรื่องนี้ ขอบใจเจ้าที่แก้แค้นให้กับพวกเรา”

หลี่รุ่ยหลินกุมมือของมารดาอย่างอบอุ่น “ท่านแม่…ข้ารู้ว่ามันไม่สามารถทำให้ท่านพ่อและท่านพี่ฟื้นกลับคืนมาได้ แต่อย่างน้อยก็เพื่อให้ความยุติธรรมและความสงบสุขแก่พวกเขา”

หลีฮูหยินยิ้มผ่านน้ำตาและกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ลูกแม่…แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก เจ้าคือความภูมิใจของต้าอันฉวน”

เมื่อการไหว้หลุมศพเสร็จสิ้นหลี่รุ่ยหลินและหลี่ฮูหยินก็กลับมาที่สำนัก สำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนบัดนี้กลับมาสงบสุขทั้งยังยิ่งใหญ่กว่าเดิม ชื่อเสียงของหัวหน้าสำนักหญิงหลี่รุ่ยหลินดังไปทั่วเมืองหลวง ไม่ว่าผู้ใดหากพูดว่าจะจ้างสำนักคุ้มภัยต่างก็พูดถึงต้าอันฉวนเป็นแห่งแรก

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status