18.00 น.
ไร่อินทร์สรณ์
“พ่อเลี้ยงอยู่ไหมคะ”
นิชามาเยี่ยมธีรธรเป็นมารยาทเพื่อตอบแทนน้ำใจและดูว่าเขานั้นเป็นอย่างไรบ้างมาถึงบ้านไม้สไตล์โมเดิร์นหลังใหญ่เธอเห็นแม่บ้านกำลังเดินลงมาพอดีจึงถามหาชายหนุ่ม
“อยู่ด้านในค่ะคุณนิ”
แม่บ้านที่นี่รู้จักหญิงสาวดีเพราะเธอเคยมาที่นี่กับณดาพรางชี้มือเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นบอกกับหญิงสาวว่าพ่อเลี้ยงอยู่ด้านในเธอเองก็จะกลับไปที่พักของเธอเพราะหมดหน้าที่ที่จะทำที่นี่วันนี้แล้ว
“อ๋อ...ค่ะ..”
นิชารู้ว่าธีรธรอยู่ที่ไหนก็รีบเดินไปหาจะได้รีบเยี่ยมแล้วจะรีบกลับเพราะมันเย็นแล้ว
“คุณ..นี่คุณดื่มด้วยเหรอ”
หญิงสาวเดินมาเห็นชายหนุ่มกำลังนั่งดื่มไวน์ราคาแพงอยู่เธอก็อดที่จะถามไม่ได้ว่าเขาดื่มของพวกนี้ในขณะที่ร่างกายยังไม่ค่อยจะดีด้วยหรืออย่างไรเธอคิดในใจว่าเขานั้นช่างไม่ดูแลตัวเองเอาเสียเลย
“ก็ปกติของผมมีดื่มนิดหน่อยในช่วงเย็นๆเท่านั้น”
ธีรธรก็ดื่มของเขาแบบนี้เป็นปกติแทบจะทุกวันแต่ก็ไม่ได้ดื่มมากมายจนเมาไม่รู้เรื่องแค่เรียกเลือดลมก็เท่านั้น
“แต่คุณไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
นิชาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะตอบเธอหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้
“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วแผลก็โอเค..ไม่ได้อักเสบอะไร”
ธีรธรรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่เขาจึงยืนยันว่าเขาโอเคเพราะรู้ตัวดีว่าเขาควรรักษาตัวในระดับไหนอีกอย่างเขาก็ไม่ได้มีอาการไข้อะไรด้วย
“ฉันเอาผลไม้มาฝากค่ะ”
นิชาวางกระเช้าผลไม้ที่โต๊ะหน้าโซฟาของชายหนุ่มข้างๆกับขวดไวน์ราคาแพงของเขา
“ขอบคุณครับ...คุณอยู่ทานข้าวเย็นกับผมนะ”
ธีรธรเห็นว่าตอนนี้ก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดีนึกขอบคุณหญิงสาวที่อุตส่าห์มาเยี่ยมเลยถือโอกาสนี้ชวนเธอทานข้าวด้วยเสียเลยเพื่อทำการผูกมิตรเอาไว้เพราะเขารู้ว่าเธอนั้นมองเขาในแบบที่ไม่เป็นมิตรเท่าไร
“หืม...คุณดื่มแล้วยังจะทานข้าวเย็นได้อีกเหรอ”
นิชาไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มดื่มแล้วยังจะทานข้าวได้อีกเธอล่ะเชื่อเขาเลย
“ผมพึ่งจะยกแก้วขึ้นมาดื่มแล้วคุณก็เดินเข้ามานี่ไงยังไมได้ดื่มเยอะเลย”
ธีรธรไม่ได้ดื่มเข้าไปมากมายเสียหน่อยเขาพึ่งจะเริ่มดื่มตอนที่เธอนั้นเดินเข้ามานี่เอง
“...คือ...”
นิชายังสองจิตสองใจว่าจะอยู่ทานข้าวที่นี่ดีหรือเปล่าเพราะทุกวันเธอต้องกลับไปทานข้าวเย็นกับคุณย่าของเธอที่บ้านทุกวัน
“รังเกียจที่จะทานข้าวกับผมเหรอ”
ธีรธรเห็นหญิงสาวทำหน้าลำบากใจเขาจึงอดที่จะพูดประชดไม่ได้ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะอคติอะไรกับเขานักหนา
“เปล่าซะหน่อย..”
นิชารีบส่ายหัวเธอไม่ได้รังเกียจใครแม้แต่นิดเขาต่างหากที่ตั้งแง่หาว่าเธอไปเอง
“ดี..งั้นเราทานกันเลย”
ธีรธรพยักหน้ายียวนพร้อมลุกขึ้นเดินนำหญิงสาวไปที่โต๊ะอาหารที่ไม่ได้อยู่ไกลมากนัก
“นี่คุณทานข้าวคนเดียวทุกวันเลยเหรอคะ”
นิชารู้ว่าที่นี่จะมีแค่ธีรธรอยู่เพียงคนเดียวเธอคิดว่าชายหนุ่มก็คงจะต้องหาใครมาทานข้าวที่บ้านเป็นเพื่อนบ้างนั่นแหละไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะเหงาตายกันพอดี
“คุณจะถามว่ามีผู้หญิงมาทานกับผมบ่อยไหม...แบบนั้นหรือเปล่า”
ธีรธรฟังน้ำเสียงของหญิงสาวเขาก็พอจะรู้แล้วว่าเธอหมายถึงอะไรจึงถามเธอออกไปตรงๆ
“เปล่าซะหน่อยคุณอย่าร้อนตัวไปสิ”
นิชาหน้าเหวอเล็กน้อยที่ชายหนุ่มดูจะรู้ความคิดเธอหมดทุกอย่างแต่ก็รีบปฏิเสธออกไปโบ้ยเป็นว่าอีกฝ่ายร้อนตัวพร้อมหลบสายตาของเขามองไปทางอื่นแทน
“ผมทานคนเดียวทุกวันแหละครับถ้าหากจะทานกับ..เพื่อน..ทางธุรกิจก็ไปทานข้างนอก..”
ธีรธรอยู่ที่บ้านนี้คนเดียวเขาก็ทานข้าวคนเดียวเป็นประจำทุกวันเว้นแต่วันไหนมีลูกค้าหรือคนรู้จักชวนไปทานข้างนอกเขาถึงจะไป
“อ๋อ..ไปทานข้างนอก”
นิชาพยักหน้าเข้าใจแต่เธอก็แอบคิดในทางที่ไม่ดีเอาไว้ก่อนไอ้คำว่าข้างนอกของเขาคงจะหมายความว่าค้างคืนข้างนอกด้วยหรือเปล่าอันนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันแต่สมองเธอมันคิดแบบนั้นไปแล้ว
“หึ่!!..”
ธีรธรส่ายหัวไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเขารู้ว่ายังไงหญิงสาวก็มองเขาไม่ดีอยู่วันยังค่ำ
“อิ่มแล้วเหรอคุณ”
ธีรธรเห็นว่าหญิงสาวทานอาหารไปไม่เท่าไรเองก็หยุดทานแล้วไม่แน่ใจว่าเธอไม่หิวหรืออาหารไม่ถูกปากกันแน่
“อืม..ช่วงเย็นฉันไม่อยากทานเยอะมันจะอ้วน”
นิชาพยักหน้าตอบชายหนุ่มเธอเป็นคนทานอาหารแต่พอประมาณเพราะกลัวว่าน้ำหนักเธอจะขึ้นเพราะเธอเป็นคนตัวเล็กสูงแค่155เองหากอ้วนก็จะดูไม่ดี
“ตัวคุณเล็กจะตายยังจะกลัวอ้วนอีกเหรอ”
ธีรธรไม่เข้าใจว่าผู้หญิงสมัยนี้เค้าทานข้างเหมือนแมวดมกันหมดอ้างว่ากลัวอ้วนทั้งที่ตัวผอมจนจะเหลือแต่กระดูกแล้ว
“เรื่องของฉัน”
นิชาไม่ได้สนใจคำพูดของธีรธรแม้แต่น้อยเธอพอใจแบบนี้
“มะรืนนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับน้องชายผมคุณมาด้วยนะเดี๋ยวผมจะไปบอกคนที่โฮมสเตย์อีกที”
ธีรธรคิดว่าเปลี่ยนเรื่องคุยกับเธอจะดีกว่าเพราะดูแล้วเรื่องนี้จะทำให้หญิงสาวไม่ชอบหน้าเขาไปกันใหญ่เลยขอเชิญหญิงสาวให้มางานเลี้ยงต้อนรับน้องชายเขาเสียตอนนี้เลยส่วนคนที่โฮมสเตย์เดี๋ยวเขาจะไปบอกด้วยตัวเองอีกทีเพราะว่าเมื่อวานว่าจะบอกก็เกิดเรื่องเสียก่อน
“คุณยังเจ็บอยู่เดี๋ยวฉันบอกพวกเค้าให้ก็ได้”นิชาเห็นว่าชายหนุ่มแผลยังไม่หายคงขับรถไม่ค่อยถนัดเรื่องแค่นี้เธอบอกให้ก็ได้“อืม..อย่างนั้นก็ได้ขอบคุณนะครับ...คุณจะกลับเลยไหมอยู่เป็นเพื่อนคุยกับผมก่อนสิ”ธีรธรพยักหน้าตอบถึงตอนนี้หญิงสาวจะทานข้าวอิ่มแล้วแต่เขายังไม่อยากให้เธอกลับยังอยากให้เธออยู่เป็นเพื่อนคุยอีกสักหน่อยเพราะเขาไม่มีใครมานั่งทานข้าวด้วยแบบนี้นานแล้ว“นี่มันก็มืดแล้วฉันต้องรีบกลับ...นี่คุณเหงาหรืออะไร”นิชาเห็นว่าที่นี่มันก็เริ่มมืดแล้วเธออยากจะกลับดึกพรางคิดว่าเขาน่าจะเหงาพอมีคนมาทานข้าวด้วยก็ไม่อยากจะให้กลับ“ก็แค่อยากมีเพื่อนนั่งคุยบ้างคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นอะไร”ธีรธรตอบหญิงสาวด้วยสายตาละห้อยเล็กน้อย“อะ..ฉันอยู่ก่อนก็ได้..เออแล้วแผลคุณล้างหรือยัง”นิชาเห็นแก่ที่เขาเคยช่วยเพื่อนเธอเอาไว้จึงยอมใจอ่อนอยู่เป็นเพื่อนคิดเสียว่าทำให้คนๆนึงหายเหงาก็แล้วกันพลันสายตาก็มองไปที่ต้นแขนของเขาอยากจะรู้ว่าวันนี้เขาล้างแผลหรือยังเพราะดุท่าชายหนุ่มคงไม่ใช่คนที่สนใจดูแลตัวเองเท่าไร“เอ่อ..ยังเลย”ธีรธรนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมที่จะล้างแผลไปเลย“งั้นเดี๋ยวฉันล้างแผลให้ก็แล้วกัน”นิชาคิดเอาไว้แล้วว
“ฮ่าๆๆ..ต้องอย่างนี้สิ”ธีรธรยกขวดไวน์ราคาแพงเทใส่แก้วที่หญิงสาวยื่นมาให้พอประมาณ“....เอ่อ...ก็รสชาติดีแฮะ..”นิชาสูดดมกลิ่นของไวน์แล้วค่อยๆจิบเมื่อไวน์สัมผัสกับลิ้นของเธอหญิงสาวรู้สึกชอบรสชาติแบบนี้มากถึงกับตาโตเลยทีเดียว“อีกไหมคุณ..”ธีรธรเห็นว่าหญิงสาวน่าจะชอบเพราะเธอเล่นดื่มทีเดียวจะหมดแก้วเลยจึงยื่นจะเทไวน์ในขวดให้เธออีก“อืมม...”นิชาพยักหน้ารับพร้อมยื่นแก้วให้กับชายหนุ่มเธอไม่คิดว่าของแบบนี้มันจะอร่อยได้เหมือนกันครึ่งชั่วโมงต่อมา“คุณ..ไหวหรือเปล่า..เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้าน”ธีรธรเห็นหญิงสาวดื่มเข้าไปหลายแก้วอยู่เหมือนกันจนตอนนี้เธอนั้นเริ่มที่จะนั่งอึนหน้าแดงตาเยิ้มอย่างเห็นได้ชัดเขาเลยคิดว่าคงจะต้องเป็นเขาแล้วที่พาเธอไปส่งที่บ้านหากขับรถกลับเองคงไม่ดีแน่ชายหนุ่มเข้าไปพยุงตัวของหญิงสาวโดยใช้แขนอีกข้างที่ยังใช้การได้อยู่ตัวเธอเล็กกว่าเขมากจึงใช้แขนข้างเดียวหิ้วขึ้นมาให้ลุกขึ้นได้อย่างสบาย“อย่ามาแตะตัวฉันนะ...คุณมันจอมเจ้าชู้ใครอยู่ใกล้ก็อันตราย”นิชากำลังอยู่ในอาการมึนเมาตอนนี้สติเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเมื่อมองเห็นคนที่กำลังถึงเนื้อถึงตัวกับเธออยู่ก็รีบผละออกแถมยังต่อว่าอ
“เอ่อ..ขอโทษนะคะคุณธรอยู่ไหมคะ..”ณดาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับย่าน้อยเมื่อเธอเห็นแม่บ้านสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่จึงส่งเสียงทักถามหาธีรธรว่าอยู่หรือเปล่า“เอ่อ..คือ..นี่ค่ะ”แม่บ้านสองคนหันกลับมาหาหญิงสาวพร้อมแยกตัวออกจากกันและชี้ไปที่คนที่หญิงสาวกำลังถามหา“นิ..”“ยัยนิ..ตายๆ..ย่าจะเป็นลม”ภาพของทั้งสองปรากฏต่อสายตาของณดาและย่าน้อยทำเอาทั้งคู่อึ้งกันไปตามๆกันย่าน้อยเองเห็นภาพนั้นก็แทบเป็นลมในหัวคิดไปในทางที่ไม่ดีไปแล้วเพราะภาพตรงหน้ามันยากมากที่จะทำให้เธอคิดเป็นอื่นเธอแทบจะเป็นลมล้มพับดีที่ณดาประคองเธอนั่งลงก่อน“คุณย่าคะ..คุณย่านั่งก่อนค่ะ”ณดารีบประคองย่าน้อยนั่งลงที่โซฟาเพราะดูท่าย่าน้อยนั้นน่าจะยืนไม่ไหวเธอพยายามคิดในแง่ดีว่านิชาคงจะมีคำตอบให้ย่าน้อยได้สบายใจ“เดี๋ยวหนูไปเอายาดมมาให้นะคะ”แม่บ้านเห็นว่าหญิงชราจะเป็นลมจึงรีบวิ่งไปเอายาดมมาให้“ขอบคุณค่ะ”“อื้มม..อืออ...หนักจังเลยอะไรเนี่ย..เห้ยยย”นิชางัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายแถมพอเธอจะลุกยังรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆมาทับที่ตัวของเธอเอาไว้อีกด้วยเมื่อเห็นว่าเป็นอะไรทับเธออยู่จึงรีบผละตัวออกทันที“อืม..คุณ..”ธีรธรเมื่อร
20.30 น.“คุณแม่ขาเมื่อไรคุณพ่อจะหายคะ”เด็กหญิงนอนตักคุณแม่ของเธอในใจแอบคิดถึงพ่อของเธออยากจะให้กลับมาอยู่ด้วยกันเร็วๆจึงเอ่ยถามคนเป็นแม่ถึงอาการของพ่อเธอว่าเมื่อไรจะหาย“อืม...คุณพ่อยังต้องรักษาอีกนานเลยค่ะเพราะคุณพ่อเป็นแผลใหญ่”ณดาก้มลงมายิ้มให้ลูกสาวของเธอพร้อมบอกเหตุผลว่าทำไมพ่อของเธอถึงยังไม่หาย“นีน่าสงสารคุณพ่อจังเลยค่ะ”เด็กหญิงพูดถึงคนเป็นพ่อตาละห้อย“..นอนได้หรือยังคะคนเก่ง..”ณดากลัวว่านีน่าจะถามคำถามที่เธอไม่อยากตอบจึงหาเรื่องกล่อมให้ลูกเธอนอนจะดีกว่า“คุณพ่อหายแล้วจะกลับมาอยู่กับนีน่าไหมคะ”เด็กหญิงถามคนเป็นแม่ด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา“อืม..แล้วถ้าคุณพ่อไม่กลับมาอยู่กับนีน่าล่ะคะ”และเรื่องที่เธอกลัวก็เกิดจนได้...หญิงสาวลองเชิงถามลูกสาวของเธอถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเธออยากจะรู้ว่าลูกเธอจะเป็นอย่างไรถ้าเกิดพ่อของเจ้าตัวจะไม่อยู่ด้วย“อ้าวทำไมล่ะคะ”นีน่าคิ้วขมวดเล็กน้อยกับคำถามของแม่เธอ“ถ้าแบบคุณพ่อต้องกลับไปทำงานแล้วมาหามาอยู่กับนีน่าไม่ได้นีน่าอยู่กับแม่สองคนได้ไหมคะ”ณดากลั้นใจถามคำถามนี้กับลูกของเธอจะได้รู้กันไปเลยว่าลูกสาวของเธอจะเป็นอย่างไรจะได้ตั้งรับเอาไว้ก่
“ฉันว่าแล้ว..ฉันไม่ได้อยากก้าวก่ายอะไรคุณหรอกนะคะแต่คุณพอจะบอกปัญหาได้ไหมเผื่อฉันจะมีทางช่วยเพราะถ้าให้ฉันไปถามนิดถามให้ตายนิดก็ไม่ตอบหรอกค่ะ”หนามเตยคิดเอาไว้ไม่ผิดดีที่เขาตัดสินใจถามอคิณไม่อย่างนั้นรอเพื่อนเธอบอกให้ตายก็คงจะไม่บอกเธออยู่ดีที่เธอทำแบบนี้เพราะอยากช่วยทั้งสองและเห็นแก่นีน่าหลานของเธอกลัวว่าพ่อกับแม่หลานเธอจะมาแยกทางกันอีก“ผมว่าถ้าคุณรู้ปัญหาก็คงจะไม่อยากช่วยผมแน่ๆ..”อคิณคิดว่าหากหนามเตยรู้เรื่องเธอคงจะไม่อยากช่วยเขาเหมือนที่พูดตอนนี้เป็นแน่เพราะเขาและณดาไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องนิดๆหน่อยๆ“ทำไมคะหรือว่า..คุณมีคนอื่น”หนามเตยคิดว่ามันจะมีอะไรที่ทำให้เธอไม่อยากช่วยให้ทั้งสองคืนดีกันนอกเสียจากว่าชายหนุ่มมีคนอื่น“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ..คือผมเคยทำร้ายนิดมาก่อน”อคิณรีบส่ายหัวเรื่องนั้นเขาไม่มีให้เป็นปัญหา..และเขาก็ตอบถึงปัญหาที่เขามีด้วยเสียงอ่อนลงอีกด้วยยังไม่แน่ใจว่าจะเล่าให้หญิงสาวฟังดีหรือไม่“หืมม...”หนามเตยยิ่งฟังเธอก็ยิ่งสงสัย“ผม...”อคิณตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หนามเตยฟังเพราะตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเขาทำผิดก็ต้องยอมรับผิด“หา..ทั้งหมดนี่ฝีมือคุณ...”หนาม
“พอดีผมไม่ชินทาง”เตชินพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรเขาเองก็ไม่ได้อยากจะให้มันเกิดแค่เขาไม่ค่อยชินทางเท่านั้นเองอีกทางทางที่นี่ก็คดเคี้ยวไปมาทำให้มองไม่ค่อยจะเห็นรถคันอื่น“มีประกันกับมีใบขับขี่หรือเปล่าคุณน่ะ”หนามเตยอยากจะให้ชายหนุ่มเรียกประกันของเขามาจะได้เคลียให้จบๆไป“เอาเป็นว่าคุณต้องการค่าเสียหายเท่าไรว่ามาเลย”เตชินคิดว่าการพูดแบบนี้หญิงสาวน่าจะต้องการเงินเท่าที่เขาเคยเจอมาเพราะหากถามหาประกันกับใบขับขี่เขาพึ่งกลับมาจะมีได้อย่างไรประกันรถพี่ชายของเขาก็น่าจะไม่ได้ต่ออะไรเพราะรถคันนี้ไม่ได้ใช้นานแล้วและเขาเองก็อยากกลับมาที่นี่กะทันหันด้วย“นี่คุณ...ฉันถามว่ามีใบขับขี่หรือเปล่าไม่ใช่ให้คุณมาเอาเงินฟาดหน้าฉัน”หนามเตยถึงกับลมออกหูเธอถามหาประกันกับใบขับขี่ชายหนุ่มแต่อีกฝ่ายดันมาหาว่าเธออยากจะได้เงินเสียอย่างนั้น“ไม่มี..”เตชินตอบหญิงสาวไปตามตรงแบบหน้าตาเฉยพร้อมยืนพิงรถกดมือถือเล่นอย่างสบายอารมณ์“ประกันล่ะ..”หนามเตยเห็นพฤติกรรมของอีกฝ่ายช่างดูไม่มีมารยาทเอาเสียเลยเธอยังคงถามหาประกันต่อเพราะถ้าหากเขามีจะได้ให้ประกันของเขากับของเธอมาตกลงกัน“ไม่รู้คั
“อืม...งั้นเหรอคะ...นีน่าคะมาทานขนมกับน้านิดีกว่านะคะ..แล้ววันนี้น้านิก็มีสมุดวาดรูปเล่มใหม่มาให้นีน่าด้วย”นิชาคิดว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแล้วจึงรีบชวนนีน่าให้หากิจกรรมอย่างอื่นทำดีที่วันนี้เธอมีของเล่นชิ้นโปรดมาให้นีน่าด้วยหวังว่ามันคงทำให้หลานเธออารมณ์ดีขึ้นนะ“โห...นีน่าชอบมากเลยค่ะน้านิ”เด็กก็ยังมีความเป็นเด็กเมื่อเห็นว่าน้าของเธอมีของเล่นชิ้นโปรดมาให้ก็รีบคว้าเอาไว้พร้อมยิ้มแป้นจนตาหยี“งั้นเอาขนมไปนั่งทานแล้ววาดรูปด้วยเลยไหม”“ค่ะ”นีน่ารีบไปนั่งวาดรูปตามคำที่น้าของเธอบอกอย่างรวดเร็ว“.......”นิชามองตามหลังหลานสาวของเธอด้วยแววตาที่ปนความสงสารเธอจะปล่อยให้หลานเธอต้องกลายมาเป็นเด็กที่ไม่ร่าเริงไม่ได้“นิดฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”นิชาจะต้องคุยกับณดาให้รู้เรื่องว่าทั้งสองคนเพื่อนเธอกับอคิณเป็นอะไรยังไงกันเพราะไม่อยากให้มันกระทบหลานเธอ“เรื่องอะไรเหรอ”ณดาที่กำลังทำอาหารเย็นอยู่ในครัวหันมาอมยิ้มให้เพื่อนเธอคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาของเพื่อนเธอที่อยากจะปรึกษากับเธอเป็นแน่“คุณคิณจะไม่อยู่กับแกกับลูกแล้วเหรอ”“หืมม...ใครบอก”ณดาถึงกับหน้าถอดสีไม่รู้ว่าเพื่อนเธอไปรู้เรื่องนี้มาจากใคร“นีน่า”“ค
วันต่อมา18.00 น.“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยผู้ใหญ่มากันเยอะ”ธีรธรยืนต้อนรับแขกที่หน้างานเมื่อเห็นน้องชายทำหน้าไม่สบอารมณ์ก็ต้องเตือนกันหน่อย“ผมไม่ได้อยากให้มีงานต้องรับอะไรผมสักหน่อย”เตชินเซ็งกับงานอย่างมากที่เขาต้องมายืนรับหน้าใครต่อใครที่ไม่รู้จัก“แกนี่มัน...ฉันว่าถ้าแกจะอยู่ที่นี่คงต้องปรับตัวใหม่แล้วล่ะ”ธีรธรไม่เข้าใจว่าน้องชายเขาจะให้ความร่วมมือสักหน่อยมันจะเป็นอะไรไปเขาคิดว่าจบงานนี้คงต้องอบรมน้องเขาอีกเยอะเลยทีเดียวงานเลี้ยงที่ธีรธรจัดขึ้นภายในไร่ของเขาเป็นงานสังสรรค์ที่ไม่ใหญ่มากเพียงแค่ต้องการให้ทุกคนได้รับรู้เท่านั้นว่าน้องชายเขาจะมาอยู่ที่นี่ถาวรเมื่อแขกเริ่มมากันครบธีรธรก็ไม่รีรอที่จะแนะนำตัวน้องชายของเขากับทุกคนอย่างเป็นทางการงานทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีเว้นเสียแต่ต้องคอยสั่งให้เตชินปั้นหน้ายิ้มบ่อยๆเท่านั้นเองเช้าวันต่อมา“...แกเมื่อคืนน้องคุณธรนี่หน้าไม่รับแขกเท่าไรเลย...”หนามเตยเจอหน้านิชาก็แอบบ่นเรื่องเมื่อคืนอุกเพราะเธอรู้สึกว่าน้องชายธีรธรช่างเป็นคนที่ไร้มารยาทสิ้นดี“คงจะไม่ชินกับคนเยอะหรือเปล่าอีตาพ่อเลี้ยงคงจะไม่ได้ถามความเห็นจากน้องก่อนจะจัดงานเป็นแน่ชอบคิดเอง