แชร์

บทที่2.เสียงปลอบโยน

ผู้เขียน: Luna of The Sea
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-18 05:24:53

เมื่อฤดูทำไร่ทำสวนได้ผ่านพ้นไป ความวุ่นวายจากการเก็บเกี่ยวก็ทุเลาลง แต่สำหรับฮันน่า งานยังไม่จบเพียงเท่านั้น วันหยุดของเธอยังคงเต็มไปด้วยงานรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาถูกเก็บหอมรอมริบเพื่อค่าใช้จ่ายในการไปโรงเรียน

แต่ในบางวันเสาร์อาทิตย์ที่งานไม่หนักจนเกินไป ฮันน่าก็พอจะมีช่วงเวลาที่ได้ผ่อนคลายบ้าง ช่วงเวลานั้น เธอจะได้นั่งดูรายการโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ของบ้าน ความสุขเล็กๆ นี้คือช่วงเวลาที่ฮันน่าได้หลบหนีจากโลกแห่งความรับผิดชอบและความกดดัน เธอจะดูโทรทัศน์ด้วยสายตาเปล่งประกาย ไม่ว่าจะเป็นรายการเกี่ยวกับการ์ตูน นิทาน หรือเรื่องราวจากต่างแดนที่เธอไม่เคยสัมผัส มันทำให้เธอได้เปิดโลกในจินตนาการของเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ยังคงมีความฝันและความหวังเล็กๆ ซ่อนอยู่ในใจ

วันหยุดสัปดาห์ก็มาถึงอีกครั้งวันนี้เป็นวันที่ไม่มีงานจิปาถะใดๆ ที่ต้องทำ ฮันน่ารู้สึกดีใจที่วันนี้เธอได้มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง เธอได้นั่งลงอย่างสบายใจบนพื้นไม้เย็นๆ ในห้องนั่งเล่นเล็กๆ โทรทัศน์เก่าเครื่องนั้นที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ฮันน่านั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์เก่าๆ มือเล็กๆ ของเธอค่อยๆ หมุนปุ่มปรับช่องไปทีละนิด เสียง "กรึกๆ " ดังเบาๆ เป็นจังหวะ ขณะที่เธอเลื่อนช่องไปเรื่อยๆ เธอหยุดฟังและรอดูทีละภาพที่ปรากฏบนจอ แต่ยังไม่เจอรายการที่เธอต้องการ ความตื่นเต้นเล็กๆ แฝงอยู่ในแววตาของเธอเมื่อยังไม่เจอรายการที่เธอชื่นชอบ

เสียงหมุนปุ่ม "กรึก...กรึก..." ดังต่อเนื่องไปจนกระทั่งเสียงผู้ดำเนินรายการดังขึ้นในจอโทรทัศน์ เป็นเสียงนุ่มนวลและไพเราะที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่นและสบายใจ เสียงนั้นเหมือนเสียงของใครบางคนที่คอยปลอบโยนและเป็นมิตรกับเด็กๆ ดวงตากลมโตของเธอเปล่งประกายสดใส โลกในจอพาเธอออกจากความเหน็ดเหนื่อยและความลำบากในชีวิตจริง ช่วงเวลาเหล่านี้คือช่วงที่เธอได้ผ่อนคลายที่สุด ไม่ต้องคิดถึงงาน ไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบใดๆ เพียงแค่ได้นั่งจดจ่ออยู่กับเรื่องราวต่างๆ ที่เปิดโลกจินตนาการให้กว้างไกล ฮันน่านั่งฟังอย่างตั้งใจ ปล่อยให้เสียงนั้นกล่อมให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย ราวกับเสียงนี้ได้เปิดประตูไปสู่โลกใหม่ โลกที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ

จากนั้นเพลงก็ดังขึ้นมา เด็กๆ หลายคนในรายการร่วมกันร้องเพลง เสียงเล็กๆ ใสๆ ของพวกเขาประสานกันอย่างสนุกสนาน จนฮันน่าเองก็อดไม่ได้ที่จะฮัมตามไปเบาๆ ท่ามกลางเสียงเพลงและเสียงหัวเราะเหล่านั้น เธอรู้สึกเหมือนได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ แม้ว่าจริงๆ แล้วเธอจะนั่งอยู่คนเดียวก็ตาม

ใบหน้าเล็กๆ ของฮันน่าเปื้อนรอยยิ้มขณะที่เธอฮัมเพลงตาม เสียงใสๆ ของเด็กๆ ในรายการทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ความโดดเดี่ยวที่เคยมีเหมือนจะเลือนหายไปชั่วขณะ เธอรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งเล็กๆ ที่งดงามนี้ เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขในแบบของเด็กน้อย ที่ได้หัวเราะและร้องเพลงไปกับเพื่อนๆ ในจอทีวี

ตอนนี้ห้องเล็กๆ นั้นถูกแต่งแต้มด้วยความสดใสจากรายการเด็กที่เธอชอบ รายการที่พาเธอหลุดออกจากโลกแห่งความลำบากและความเหนื่อยล้า ให้เธอได้สัมผัสกับความสุขเล็กๆ ในวันหยุดเสียงละมุนของผู้ดำเนินรายการดังขึ้นอย่างอ่อนโยน ราวกับปลอบโยนและโอบกอดหัวใจน้อยๆ ของเด็กๆ ที่กำลังนั่งเงี่ยหูฟังอยู่หน้าจอ หญิงสาวผู้ดำเนินรายการมีใบหน้าสดใสและดวงตาที่ฉายแววเมตตา เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นที่ชวนให้รู้สึกปลอดภัย

“สวัสดีค่ะ เด็กๆ ขอให้เด็กๆ ทุกคนคนมองไปบนท้องฟ้าหลับตาลงแล้วอธิษฐาน ว่า ขอให้พระองค์มารับลูกเป็นลูกของพระองค์แล้ว พระเจ้าจะมารับเด็กๆ เข้าสู่อ้อมกอดความรักและเด็กๆ ทุกคน จะไม่เหนื่อยจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป” คำพูดเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาในหัวใจของฮันน่า ที่กำลังฟัง ราวกับเป็นสัญญาว่าจะไม่มีวันทิ้งให้เธอต้องเผชิญความยากลำพัง แม้เพียงอยู่หน้าจอ ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายทั้งหมดแต่เธอรู้สึกอบอุ่นและอยากฟังรายการนี้อีกทุกสัปดาห์

ทุกวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้นเธอได้เฝ้ารอด้วยความตื่นเต้นให้เสาร์อาทิตย์มาถึง ราวกับมีนัดหมายสำคัญที่เธอไม่เคยพลาด คำพูดปลอบโยนและรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้รับการโอบกอดและปลอดภัย เสียงที่น่าไว้ใจชวนให้เธอ ลองอธิษฐาน ทำให้ฮันน่ารู้สึกถึงความหวังเล็กๆ และการปลอบประโลม ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนแล้วเธอพร้อมที่จะลองเปิดใจด้วยความเชื่อและไว้วางใจอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ

ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บข้าวโพด ฮันน่าจึงต้องออกไปช่วยปู่และย่าทำงานที่ไร่ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เสียงกรอบแกรบของต้นข้าวโพดที่ถูกหักจากลำต้น และแสงแดดแรงจ้าที่ส่องลงมา เหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยแม้จะไม่ได้ยินเสียงอ่อนโยนจากผู้ดำเนินรายการในทีวี หรือไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นที่เคยปลอบโยนเธอทุกสุดสัปดาห์แต่คำพูดเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวใจของเธอ ราวกับเสียงสะท้อนที่ไม่เคยเลือนหาย

ในช่วงพักระหว่างวัน ฮันน่าแอบหลบออกมาเงียบๆ ไปยังจุดใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เธอชอบ เธอทิ้งตัวลงนั่งปล่อยให้สายลมเย็นพัดผ่านมากระทบใบหน้าอย่างแผ่วเบา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากว้างที่โอบล้อมอยู่เบื้องบน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวังที่ซ่อนเร้น รู้สึกว่าช่วงเวลานี้เองเหมาะที่จะทำสิ่งที่เธอไม่เคยลองทำมาก่อน

ฮันน่าหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความรู้สึกและคำอธิษฐานไว้ในใจที่อย่างสงบ เธอเริ่ม พูดคำอธิษฐานทีละคำในใจด้วยหัวใจบริสุทธิ์…พลันเธอลืมตาขึ้น ท้องฟ้าที่มองเห็นกลับสว่างสดใสจนแทบจะจับต้องได้ แสงแดดแผ่ประกายออกมาราวกับว่ามันกำลังตอบรับคำอธิษฐานของเธอ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจอย่างแผ่วเบา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกโอบกอดด้วยความรักและความปลอบโยนบางอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ทันใดนั้น เสียงของย่าดังขึ้นมาเรียกให้เธอกลับไปทำงาน "ฮันน่า… ฮันน่า!" เสียงนั้นปลุกเธอจากช่วงเวลาแห่งความฝัน เธอลุกขึ้นจากใต้ต้นไม้ใหญ่ เดินกลับไปหาย่า พร้อมกับความรู้สึกว่าคำอธิษฐานของเธอได้ถูกยินดีรับฟังแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่3.เพื่อนคนหนึ่งที่ห่วงใย

    ในโลกส่วนตัวที่ฮันน่าสร้างขึ้นทุกอย่างเต็มไปด้วยสีสันและจินตนาการอันไร้ขอบเขต โลกใบนี้คือที่ที่เธอได้หลบหนีจากความเหนื่อยล้าและความโดดเดี่ยวในชีวิตจริง ความสุขเล็กๆ ที่เธอเฝ้ารอทุกสัปดาห์คือรายการ “เพื่อนของเด็กๆ”ที่ออกอากาศช่วงบ่ายของทุกเสาร์และอาทิตย์ซึ่งก็ทำให้เธอว่างจากการทำงานในบ้านตอนเช้าแล้วก็ตั้งตารอราวกับเป็นช่วงเวลาที่พิเศษของเธอ รายได้เล็กๆ น้อยๆ จากการรับจ้างที่เธอเก็บหอมรอมริบสำหรับไว้เป็นค่าขนมไปโรงเรียนแต่ก็เพียงพอที่จะให้เธอได้ทำสิ่งหนึ่งที่เธอตั้งใจเธอยอมที่จะอดกินขนมเพื่อใช้เงินที่เก็บไว้ซื้อตราไปรษณียากรและซองจดหมายที่เธอตั้งใจเขียนจ่าหน้าซองถึงตัวเองตามผู้ดำเนินรายการได้แนะนำเพื่อให้ทางรายการจะได้ส่งของขวัญให้กับเด็กๆ ทุกคน ซองเอกสารสีน้ำตาลที่มาพร้อมกับอากรแสตมป์สีสันสดใสถูกส่งมาถึงมือฮันน่า เธอจับมันด้วยมือเล็กๆ ที่สั่นเล็กน้อยจากความตื่นเต้น สายตาจดจ่ออยู่ที่ชื่อของเธอที่เขียนด้วยลายมือบรรจงบนมุมซอง นั่นคือลายมือของเธอเอง... ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ภายใน จนในที่สุด... สิ่งที่เธอเฝ้ารอคอยก็ปรากฏออกมา ภาพนิทานแสนงดงามพร้อมสมุดระบายสีเล่มเล็กๆ ที่มีเรื่องราวเกี่ยว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่4.ปลาน้อยในลำคลอง

    7 ปีผ่านไป…ฮันน่าโตเป็นสาวน้อยวัยรุ่นที่มีชีวิตเรียบง่ายในชนบท เธอใช้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ช่วยปู่ย่าทำไร่ไถนาตามประสาคนในครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำ แต่เมื่อกลับมาบ้าน เธอมักจะแอบหลบอยู่ในห้องนอนเล็กๆ ของตัวเอง โลกส่วนตัวที่เธอสร้างขึ้นยังคงเต็มไปด้วยการขีดเขียนนิยายน้ำเน่าเล่มแล้วเล่มเล่าลงบนสมุดเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของเจ้าชาย เจ้าหญิง หรือชีวิตแสนสุขที่เธอจินตนาการขึ้นเพื่อหลีกหนีจากความเหงาและความโดดเดี่ยวที่เกาะกินใจในห้องเล็กๆ นั้น เธอรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองจากโลกภายนอก มีเพียงแต่เสียงดินสอขูดขีดบนกระดาษและเรื่องราวในหัวของเธอคือสิ่งเดียวที่ทำให้วันเวลาผ่านไปอย่างมีความหมายแต่แล้ว เสียงของหญิงชราก็ดังขึ้นจากหน้าประตูห้อง "ฮันน่า ได้เวลาออกจากห้องแล้วนะ" เสียงนั้นเข้มงวด เรียกให้เธอออกมาจากโลกส่วนตัว เสียงฝีเท้าของหญิงชราดังชัดเจนขึ้นเมื่อเธอเดินมาเคาะประตูซ้ำฮันน่าเงยหน้าขึ้นจากสมุดที่เธอกำลังเขียน นิ้วเล็กๆ ของเธอยังคงจับดินสอแน่น เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะไม้เก่าที่เต็มไปด้วยรอยขูดขีด เธอเดินออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าเก่าๆ ที่มีกลิ่นอายของบ้านไร่ติดตัว"ไปหาปูหาป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)    บทที่5.คำพิพากษาในห้องสี่เหลี่ยม

    แล้ววันนี้ก็มาถึงครูใหญ่ผู้เข้มงวดนั่งประจำโต๊ะในห้องปกครอง ใบหน้าดุดันและสายตาเย็นชา จับจ้องไปที่ฮันน่า ราวกับทุกคำพูดเป็นคำพิพากษา"เราจะไม่สามารถเก็บเธอไว้ในระบบทุนได้อีกต่อไป" ครูใหญ่พูดเสียงหนักแน่น "การไม่ปฏิบัติตามกฎและความประพฤติที่ไม่เหมาะสมไม่เป็นที่ยอมรับ เธอต้องเข้าใจว่าสิ่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของโรงเรียน"ฮันน่าก้มหน้าลง น้ำตาไหลเงียบๆ ลงบนมือที่วางอยู่บนตัก เสียงของครูใหญ่ที่กล่าวคำตัดสินดังก้องในหูของเธอ ราวกับเสียงฟ้าผ่าที่ทำลายทุกความหวังในใจลงในพริบตา "เราจะไม่สามารถอนุญาตให้ฮันน่าเรียนต่อได้อีก..." คำพูดนั้นจบลง แต่ความหนักหนาของมันยังคงกดทับเธอไว้เธอพยายามจะกลั้นน้ำตา แต่ความเสียใจที่ท่วมท้นเกินจะทนก็ทำให้ไหลพรั่งพรูออกมา ใบหน้าของเธอก้มต่ำ มองเห็นเพียงเงาของตัวเองที่สะท้อนกับพื้นห้อง เงานั้นดูสั่นไหวและพร่าเลือนราวกับสะท้อนถึงหัวใจที่แตกสลาย ความผิดหวังที่ถาโถมเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคลื่นลูกใหญ่ เธอไม่รู้ว่าจะลุกขึ้นจากความรู้สึกนี้ได้อย่างไร เสียงสะอื้นที่เธอพยายามกลั้นไว้กลับหลุดออกมาเป็นระยะ ความรู้สึกอับอาย ผิดหวัง และเสียใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่6.หนุ่มน้อยแววตาซื่อ

    ณ.จังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน บรรยากาศยามเช้าของหมู่บ้านเงียบสงบ เสียงไก่ขันคลอไปกับเสียงพูดคุยในตลาดเล็กๆ ที่ผู้คนมารวมตัวกันจับจ่ายใช้สอยกันตามปกติ แต่ในวันนี้ มีภาพที่แตกต่างออกไป ชายหนุ่มสูงยาวคนหนึ่ง ใบหน้ามีแววตาใสซื่อ แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาคือ อาดัม หนุ่มน้อยลูกครึ่งที่พูดไทยไม่ชัดนัก มือข้างหนึ่งถือหนังสือพระธรรม ขณะที่อีกข้างหนึ่งโบกเรียกความสนใจจากผู้คน“คุณ...อยากขึ้นสวรรค์ไหม? พูดตามผม...”อาดัม หนุ่มน้อยใบหน้าสดใสที่สะท้อนความมุ่งมั่น ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน น้ำเสียงของเขาแฝงความกระตือรือร้น แม้จะติดสำเนียงแปลกๆ แต่ความจริงใจที่แสดงออกทางแววตาและน้ำเสียงของเขา ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนบางคนหยุดเดิน และเริ่มมองไปที่เขาด้วยความสนใจ“พูดตามผมครับ...” เขากล่าวต่อ พลางหยิบหนังสือเล่มเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า “บนโลกนี้ เราอาจมีทั้งความสุขและความทุกข์ แต่บนสวรรค์ จะมีแต่ความสุขที่สมบูรณ์แบบ...”ผู้คนเริ่มรุมล้อมรอบตัวเขา บางคนยิ้มอย่างอ่อนโยน บางคนมองด้วยความสงสัย แต่ไม่มีใครเดินหนีไปไกล อาดัมไม่ใช่เพียงแค่พูด แต่แววตาและท่าทางของเขาบอกชัดว่าเขาเชื่อมั่นในสิ่งที่เขากำลังสื่อสาร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่7.ความฝัน

    กลางกรุงที่พลุกพล่าน ท้องฟ้าสีครามถูกขับเน้นด้วยเส้นขอบฟ้าของตึกสูงรายรอบเสียงรถยนต์และฝูงชนที่เดินขวักไขว่สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังของเมืองหลวง ใจกลางความวุ่นวาย สองพ่อลูกยืนอยู่ริมฟุตาบาธในเสื้อผ้าที่เรียบง่าย ฝุ่นจับรองเท้าสะพายกีต้าร์คู่ใจข้างหลัง ดวงตาของอาดัมเปี่ยมไปด้วยความหวัง ลึกซึ้งและสุกใส ราวกับแสงประกายเล็กๆ ที่ส่องผ่านม่านเมฆหมอกแต่เขามองตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ตึกกระจกสูงระฟ้าที่สะท้อนแสงแดดยามบ่ายดูเหมือนจะเป็นมากกว่าอาคารมันเป็นเป้าหมาย เป็นปลายทางของความฝันที่เขาและพ่อร่วมกันสร้าง ดวงตาคู่นั้นไม่เพียงสะท้อนภาพความทะเยอทะยาน แต่ยังแฝงไว้ด้วยความเชื่อมั่นในพลังของเสียงเพลงและอนาคตที่ยังไม่ถูกกำหนด อาดัมและพ่อก้าวเข้าไปในตึกสูงตระหง่าน ประตูอัตโนมัติเปิดออก ล็อบบี้กว้างขวางที่ปูด้วยหินอ่อนเงาวับ แสงไฟนีออนสาดส่องให้ทุกอย่างดูหรูหราและเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม เสียงรองเท้าของพวกเขากระทบพื้นดังกังวานในพื้นที่ที่ดูจะกว้างใหญ่เกินกว่าที่คุ้นเคย อาดัมเหลือบมองรอบตัวด้วยความตื่นเต้น ขณะที่พ่อมองตรงไปยังแผงปุ่มเรียกลิฟต์ ด้วยใบหน้าที่แฝงความมุ่งมั่นเมื่อประตูลิฟต์เปิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-19
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่8.เส้นทางที่กำหนด

    อาดัมก้าวเข้ามาในห้องที่ดูโอ่อ่า แต่กลับมีบรรยากาศที่เคร่งขรึมจนทำให้เขารู้สึกเหมือนอากาศหนักขึ้นทุกย่างก้าว พื้นพรมหนานุ่มช่วยกลบเสียงฝีเท้าของเขา แต่หัวใจที่เต้นแรงกลับก้องอยู่ในความรู้สึก ราวกับเสียงกลองที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จังหวะไคลแมกซ์แสงไฟสีขาวนวลส่องลงมาจากโคมระย้าด้านบน ทำให้เงาบางๆ จากเฟอร์นิเจอร์ในห้องทอดลงบนพื้น เจ้าของค่ายเพลงนั่งอยู่ที่เก้าอี้หนังตัวใหญ่ ด้านหลังเป็นชั้นวางหนังสือและรางวัลมากมายที่ประดับอย่างเป็นระเบียบ เขาดูสง่างามแต่ก็น่าเกรงขาม ราวกับราชาผู้ครองอาณาจักรมือของเขาเคาะปากกากับเอกสารตรงหน้าอย่างเป็นจังหวะ เบา แต่ชัดเจนพอที่จะสร้างแรงกดดันในความเงียบของห้อง ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่อาดัม ราวกับสามารถมองทะลุความคิดในใจของเขาได้ทุกอย่าง“นั่งลงสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้อาดัมขยับเข้าไปน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-19
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่9.ทุ่งนาที่แห้งแล้ง

    แต่เวลานี้ครอบครัวฮันน่าและชาวบ้านในชนบทแทบจะสิ้นหวังก็ว่าได้เมื่อถึงกลางฤดูร้อนที่แสนโหดร้ายจนทำให้ผู้คนท้อแท้กับอาชีพทำไร่ทำสวน ท้องฟ้าสีครามที่เคยงดงามบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยหมอกควันจางๆ ที่เกิดจากไอร้อนระอุ นาข้าวที่เคยเขียวขจีและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา กลับกลายเป็นเพียงทุ่งกว้างที่ปกคลุมด้วยความแห้งแล้ง ดินแตกระแหง สีน้ำตาลหม่น ฝุ่นทรายปลิวฟุ้งอยู่ในอากาศ เหมือนกับเสียงสะท้อนของธรรมชาติที่กำลังร้องไห้ในลำคลองที่เคยเต็มไปด้วยน้ำใสและฝูงปลาว่ายวน บัดนี้กลับกลายเป็นแค่ทางน้ำแคบๆ ที่แห้งขอด ปลาน้อยใหญ่ที่เคยมีให้จับกินทุกวัน เริ่มหร่อยหรอจนแทบจะมองไม่เห็น ความแร้นแค้นทำให้ชีวิตของชาวไร่ชาวนาหนักหนากว่าเดิม สถานการณ์การเงินของทุกครอบครัวในหมู่บ้านดิ่งลงเหว การขายผลผลิตที่เคยเป็นที่พึ่งในฤดูก่อนกลายเป็นเพียงฝันเลือนราง ในบ้านไม้หลังเล็กที่ตั้งอยู่กลางทุ่งแห้งผาก สองปู่ย่าของฮันน่าก็ไม่ต่างจากธรรมชาติรอบตัว พวกท่านนับวันยิ่งแก่ชราลง กำลังวังชาที่เคยมีเริ่มหมดไป การเดินเหินกลายเป็นเรื่องยากยิ่ง ลำพังการใช้ชีวิตประจำวันก็เหนื่อยล้า การทำไร่ทำสวนที่เคยเป็นความภาคภูมิใจในอดีตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-19
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่10.มิตรภาพและความลับ

    ฮันน่าใช้ชีวิตในเมืองที่ไม่คุ้นเคยด้วยความเหงาและโดดเดี่ยว แต่โชคดีที่เธอมีแจนเป็นเพื่อนสนิทในโรงงาน ความไว้ใจจึงเริ่มขึ้นทีละเล็กละน้อยจากการพูดคุยและการใช้เวลาอยู่ด้วยกัน“ฮันน่า คืนนี้ไปกับฉันได้ไหม? มีหนุ่มนัดเจอที่ร้านอาหาร ไม่ไกลจากที่นี่หรอก เขาบอกว่าอยากเจอเธอด้วย” แจนพูดพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน ในห้องน้ำหญิงที่ทั้งสองแอบมาพักเบรกช่วงบ่าย ฮันน่ามองแจนด้วยความลังเล เธอไม่ค่อยชอบพบปะคนแปลกหน้า แต่ก็ไม่อยากทำให้แจนผิดหวัง“แล้ว...เขาเป็นใครเหรอ?” ฮันน่าถามน้ำเสียงเรียบ แจนยิ้มทันทีราวกับรู้ว่าฮันน่าจะตอบตกลงในที่สุด“แค่ไปสนุกๆ เองน่า ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธออึดอัด” แจนกล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ฮันน่าพยักหน้าเบาๆ แม้ใจจะยังครุ่นคิด แต่เธอก็รู้สึกว่าแจนเป็นคนเดียวที่ทำให้ชีวิตในเมืองใหญ่นี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นคืนนั้นอาจเป็นอีกครั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอแน่นแฟ้นขึ้น หรืออาจนำไปสู่เรื่องราวใหม่ที่ฮันน่าเองก็ไม่คาดคิด...หลังจากเลิกงาน ฮันน่าและแจนรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกเดินทางไปยังจุดหมายที่อยู่ห่างออกไปโดยรถแท็กซี่บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยเปลี่ยวลึกฮันน่าเดินตามแจนเข้าไปในร้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20

บทล่าสุด

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่25.การเช็กอินที่ตึงเครียด

    บรรยากาศที่เปิดโล่งของล็อบบี้รีสอร์ตกลางสวนปาล์ม สียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาไกลๆราวกับคำทักทายของมหาสมุทร เสียงลมพัดผ่านกิ่งใบของต้นไม้เกิดเป็นเสียงกระซิบที่แผ่วเบา คล้ายดนตรีธรรมชาติที่บรรเลงประสานกันอย่างลงตัว แสงแดดอุ่นยามสายลอดผ่านเพดานกระจกใสด้านบน สาดส่องลงมา ทอดเงาเป็นลวดลายอ่อนช้อยบนพื้นหินขัดสีเทาที่เปี่ยมด้วยความประณีตเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลถูกจัดวางไว้อย่างมีสไตล์และลงตัว ที่สะท้อนถึงความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติและความทันสมัย เสียงรองเท้าของฮันน่ากระทบพื้นเบาๆ ในจังหวะที่มั่นคง ตรงไปยังที่เคาน์เตอร์รับรองกลางล็อบบี้ พนักงานสาวสวมเสื้อสูทสีขาวสะอาดทับเสื้อเชิ้ตเนื้อเบาสีฟ้าอ่อน ใบหน้าผ่องใสถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มต้อนรับอย่างอ่อนน้อม เธอยืนสง่างามหลังเคาน์เตอร์ไม้เรียบหรู มือวางพร้อมบริการฮันน่าหยุดอยู่ด้านหน้าเค้าน์เตอร์ สูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมสมาธิ ขณะที่หัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจแต่ยังแฝงด้วยความตื่นเต้น“สวัสดีค่ะ ฉันฮันน่าเข้าเช็กอินค่ะ”“สักครู่นะคะ” เสียงของเธอราวกับสายลมเย็นที่พัดผ่านกลางฤดูร้อน ก่อนหยิบเอกสารเช็กอินมาตรวจสอบอย่างต

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่24.กับดักบนเกาะทองคำ

    ใกล้เกาะทองคำ บรรยากาศเหนือผืนน้ำสงบแต่แฝงไปด้วยความตึงเครียด บนเรือสายตรวจ เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างเงียบงัน เสียงคลื่นกระทบตัวเรือดังก้องเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่ในหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและข้อสงสัยเรือสปีทโบ๊ตต้องสงสัยที่ได้รับรายงานถูกตรวจค้นอย่างละเอียด ทุกช่องเก็บของ และมุมเล็กมุมน้อยถูกเปิดออกเพื่อตรวจสอบ เอกสารทุกแผ่นถูกอ่านอย่างถี่ถ้วน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความว่างเปล่าไม่มีสิ่งของผิดกฎหมายหรืออะไรที่ชวนให้คิดว่าเรือลำนี้เกี่ยวข้องกับการลักลอบเลยแม้แต่น้อยเสียงถอนหายใจดังขึ้นเบา ๆ ท่ามกลางความผิดหวัง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งหันไปหาหัวหน้าทีม “ข้อมูลผิดพลาด…ครับหัวหน้า” เขาพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจด้วยน้ำเสียงที่สับสนและความรู้สึกสิ้นหวังหัวหน้าทีมยืนนิ่งอยู่ตรงสะพานเรือ ดวงตาของเขามองไกลออกไปยังผืนทะเลที่ทอดยาวสุดสายตา ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ภายในเขากำลังประมวลผลข้อมูล “ไม่ใช่ความผิดพลาด…” เขาเอ่ยในที่สุด น้ำเสียงหนักแน่นของเขาทำให้ทุกคนหยุดนิ่งและหันมาฟังอย่างตั้งใจ “พวกเขาเปลี่ยนแผนแล้ว เราถูกเบี่ยงเบนความสนใจ”คำพูดนั้นทำให้ทั้งทีมตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนเริ่มตระหนักว่าภ

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่23.รอยต่อแห่งท้องทะเล

    บรรยากาศในบ้านอาดัมเริ่มเงียบสงบลง หลังจากเสียงหัวเราะและความสนุกสนานของปาร์ตี้วันขอบคุณพระเจ้าค่อยๆ จางหายไป กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารที่ยังหลงเหลือในอากาศผสมกับความอบอุ่นจากแสงไฟในบ้าน เพื่อนๆ หลายคนทยอยกันกลับ บางคนช่วยคุณแม่ของอาดัมเก็บจานชาม บางคนกวาดบ้านพร้อมพูดคุยเรื่องราวในค่ำคืนที่เพิ่งผ่านไปวิน เพื่อนสนิทของอาดัม เดินเข้ามาพร้อมหยิบเสื้อคลุมที่วางพาดเก้าอี้ขึ้นมา ก่อนจะหันไปพูดกับอาดัมด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แฝงด้วยความคาดหวัง"อาดัม พรุ่งนี้นายว่างไหม? เราข้ามเกาะไปเที่ยวที่เกาะทองกันสักคืนดีไหม? ฉันอยากรำลึกถึงวันเก่าๆ เพราะเดี๋ยวอีกสองสามวันฉันต้องกลับแล้ว"อาดัมที่กำลังเก็บกีตาร์ใส่กระเป๋าหยุดมือชั่วครู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองวินด้วยรอยยิ้มกว้าง แววตาฉายชัดถึงความยินดีที่เพื่อนสนิทเอ่ยปากชวน"ได้สิเพื่อน วิน ฉันว่างอยู่ งั้นเราขึ้นเรือรอบแรกกันเลยไหม? รอบ 8 โมงเช้า เจอกันที่ท่าเรือ"วินหัวเราะเบาๆ ขณะสวมเสื้อคลุม "ตกลง งั้นเจอกันพรุ่งนี้!" เขายื่นมือไปหาอาดัม ทั้งสองยกมือประกบกันอย่างแน่นหนา ก่อนที่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพวกเขาจะเติมเต็มห้องที่เงียบสงบ"งั้นฉันไปก่อนนะ พรุ่งนี้

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่22.เดิมพันใต้ควันวิสกี้

    ในยามหัวค่ำ ย่านท่องเที่ยวของถนนริมทะเล ร้านค้าบาร์และสถานบันเทิงแต่งแต้มด้วยไฟนีออนหลากสีส่องแสงระยิบระยับ เสียงเพลงและเสียงหัวเราะของผู้คนดังคลออยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดสะดุดตายืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน เผยรอยยิ้มที่ถูกฝึกมาเพื่อดึงดูดสายตา ฮันน่าเดินลัดเลาะไปบนถนนที่เปียกชื้นเพื่อไปยังซอยลับที่ทอดตัวเงียบงันในย่านที่วุ่นวาย ที่ตั้งของ บาร์ลินลี่ สถานที่นัดหมายเสียงเพลงแผ่วเบาดังออกมาจากบาร์ แม้ประตูจะปิดสนิท กลิ่นบุหรี่และกลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลอยอ้อยอิ่งในอากาศ ประสานกับเสียงกระดิ่งเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าดังกังวานเป็นจังหวะเหมือนบทเพลงต้อนรับแขก หรืออาจเป็นสัญญาณเตือนใจสำหรับผู้ที่กล้าก้าวเข้ามา ทันใดนั้น เสียง เพล้ง! ขวดกระแทกพื้นดังสะท้อนก้องไปทั่วซอย ฮันน่าหยุดชะงัก ร่างของเธอนิ่งสนิทในชั่วขณะ ก่อนจะหันมองไปยังต้นเสียงด้วยนัยน์ตาตื่นตัวที่ด้านหน้าบาร์แห่งหนึ่ง ชายสองคนในสภาพเมาหนักกำลังโวยวายใส่กันอย่างไม่ลดละ เสียงตะโกนหยาบคายและการแกว่งมือไปมาของพวกเขาดูเหมือนพร้อมจะปะทะได้ทุกเมื่อ ใบหน้าของทั้งคู่แดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์พลันประตูบาร์เปิดออกอย่างแรง ชายร่างใหญ่สองคนท

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่21.วันเริ่มต้นของความกล้า

    เสียงมือถือดัง "ครืด... ครืด..." สั่นอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในยามเช้าตรู่ ปลุกให้ฮันน่าที่กำลังหลับใหลค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เธอลืมตาอย่างเชื่องช้า ความงัวเงียยังฉาบทับเปลือกตาและจิตใจ ร่างของเธอขยับเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แสงจากหน้าจอทำให้เธอต้องหรี่ตา พลางใช้มืออีกข้างบังบางส่วนไว้ เธอเพ่งมองข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ เป็นข้อความจาก "ลินลี่""เจอกันที่บาร์ของฉันเย็นนี้"ฮันน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ราวกับเหนื่อยล้าในใจ เธอยกมือกุมขมับพลางพึมพำกับตัวเอง“ฉันต้องกลับไปที่ซอยนั้นอีกแล้ว...”เสียงของเธอแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความกดดันที่ยากจะปฏิเสธ สถานที่ที่ลินลี่หมายถึงไม่ใช่ที่ที่เธออยากกลับไป แต่งานนี้กลับเป็นสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ เงินที่เธอใช้ไปแล้ว และเงินอีกส่วนที่ยังรออยู่หลังงานสำเร็จ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเธอในตอนนี้เธอกลั้นหายใจลึก พยายามผลักความลังเลออกจากหัว ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วของเธอค้างอยู่บนหน้าจอชั่วขณะ เหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง แต่แล้วเธอก็พิมพ์ข้อความสั้นๆ ตอบกลับไป"ตกลง ลินลี่ แล้วเจอกัน"เธอวางโทรศัพท์ลงข้างตัว หันหน้าไปจ้องเพดาน สายตาว่างเปล

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่20.การเจอกันครั้งที่สอง

    ฮันน่าก้าวออกจากซอยแห่งแสงสีและความลับ เธอรู้สึกเหมือนหลุดพ้นจากความอึดอัดบางอย่าง แต่ภายในใจยังวุ่นวายคิดเรื่องงานของลินลี่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า …..เธอก้าวเดินไปบนถนนริมชายหาดอย่างเชื้องช้าให้สายลมเย็นจากทะเลพัดผ่านใบหน้า เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งดังแผ่วเบาเป็นฉากหลังในความมืดที่กระซิบปลอบประโลมในคืนที่เดียวดาย เธอสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบใจ แต่กลับรู้สึกว่าความกดดันในใจยิ่งเพิ่มขึ้น เธอพยายามตั้งสติ ดึงตัวเองเข้าสู่เส้นทางที่กำลังเดินไปข้างหน้าที่มี แสงไฟจากผับและบาร์ที่เรียงรายเป็นทางยาวส่องแสงนวลใต้ดวงไฟที่กระพริบ เหมือนเป็นสัญญาณเรียกร้องให้เธอและผู้คนเข้ามาสัมผัสค่ำคืนของเมืองแห่งนี้ทุกมุมถนนเต็มไปด้วยสีสัน เสียงหัวเราะ และดนตรีที่ผสมผสานกันเป็นดั่งเสียงเรียกของค่ำคืนที่ยาวนานเธอเดินทอดน่องไปบนไหล่ทางริมต้นมะพร้าว เรียงยาวเป็นเงาสลัว ความกดดันและความเหนื่อยล้าภายในหลอมรวมเป็นความอึดอัด คงจะมีเพียงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้ค่ำคืนนี้ผ่านไปเร็วขึ้น…..เสียงเพลงบรรเลงจากลานบาร์ของโรงแรมห้าดาวดังขึ้นมาจากระยะไกล้ ท่วงทำนองนั้

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่19.เดิมพันที่ไร้ทางถอย

    ในห้องรับรองที่เปี่ยมด้วยแสงไฟสลัว ฮันน่ายืนนิ่งตรงหน้าลินลี่ สายตาของเธอจับจ้องหญิงตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ทุกเส้นผม ทุกท่วงท่าของลินลี่ส่งผ่านภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากสิ่งที่ฮันน่าเคยเห็นเมื่อครั้งก่อนในบาร์ สตรีที่อยู่ตรงหน้าดูทรงพลังและแน่วแน่เกินกว่าจะเป็นคนธรรมดาที่ใครจะมองข้ามเธอเคยรู้จักลินลี่เพียงผิวเผิน การพูดคุยกันเพียงเสี้ยวหนึ่งในเส้นทางของโชคชะตา แต่ในคืนนี้ ลินลี่กลับฉายภาพที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ลินลี่นั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาหรูด้วยท่าทีที่ราวกับกำลังปกครองอาณาจักรเล็กๆ ของตัวเอง กลิ่นหอมบางของน้ำหอมผสมควันบุหรี่ลอยอวลในอากาศ ทำให้บรรยากาศรอบตัวหล่อนดูหนักแน่นและเย้ายวนฮันน่าไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้ ความมั่นใจที่แผ่ออกมาจากลินลี่มันเป็นรังสีที่ทำให้ฮันน่าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันเธอสูดหายใจลึก ควบคุมความรู้สึกของตัวเองไว้ ก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ“สวัสดี, ลินลี่” ลินลี่จ้องมองฮันน่าด้วยสายตาคมกริบราวกับต้องการสำรวจทุกอณูของหญิงสาวตรงหน้า ยั่งลึกลงไปข้างในความคิดและความรู้สึกทั้งหมดอย่างไม่ให้คลาดสักเสี้ยวนาที“นั่งสิ ฮันน่า” ลินลี่เอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงด้วยน้ำเส

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่18.แสงสีแห่งความลับ

    ในห้องน้ำเล็กๆของโรงแรม แสงสีส้มอมทองส่องลงมาจากไฟบนเพดาน เสียงจากปลายสายดังลอดออกมาจากลำโพงมือถือที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ข้างอ่างล้างหน้า คำพูดที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและความเร่งเร้าเหมือนบีบคั้นฮันน่าในทุกลมหายใจ"ฮันน่า ตกลงเธอจะเคลียร์เงินวันไหน ขอความชัดเจนหน่อยได้ไหม ไม่ใช่ให้รอไปวันๆ"เสียงนั้นกระแทกหูเธอซ้ำๆ ฮันน่าจับขอบอ่างล้างหน้าแน่นจนข้อนิ้วเปลี่ยนสี ความเงียบที่แทรกระหว่างคำพูดนั้นเหมือนกับจะกดดันเธอยิ่งกว่าเสียงตะคอก"ฮันน่า ...ฮันน่า"เสียงปลายสายยังคงเรียกชื่อเธอ ทว่าฮันน่าไม่ได้ตอบอะไรกลับ เธอก้มหน้ามองมือที่สั่นเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้สายนั้นตัดไป เสียง "ตี๊ด ตี๊ด ตี้ด" แทรกผ่านเข้ามาในความเงียบ เธอเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจก สบสายตากับเงาสะท้อนที่ดูอ่อนล้าและเต็มไปด้วยความสับสน"อดทนสิฮันน่า..." เธอบอกตัวเองในใจ ราวกับพยายามยึดเหนี่ยวคำปลอบโยนเล็กๆ เพื่อก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไป เธอหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก และถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆจากนั้นเธอเอื้อมไปหยิบขวดยาที่วางอยู่ข้างๆ บนเคาน์เตอร์ เปิดฝาและเทมันออกมา เธอจ้องเม็ดกลมๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโยนเข้าปากตามด้วยน้ำที่อยู่ในแก้วพล

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่17.การพบเจอ

    สายตามองของฮันน่ามองไปที่ทะเลที่มีแสงรำไรจากดวงจันทร์ส่องบนผืนน้ำหัวใจของเธอจดจ่อรอฟัง เสียงของลินลี่่ “ตอนนี้ลินลี่ยังไม่สะดวกรับสาย รบกวนฝากข้อความไว้ค่ะ” เธอถอนหายใจยาวราวกับว่าคำตอบที่ได้ฟังทำให้เธอได้มีมีเวลาคิดอีกสักนิด เสียงตอบรับอัตโนมัติจากปลายสายทำให้ฮันน่าเกิดความรู้สึกทั้งโล่งใจและวิตกในเวลาเดียวกัน เธอวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะช้าๆ ราวกับว่าการเคลื่อนไหวที่รีบร้อนจะย้ำเตือนความไม่มั่นใจในใจของเธอ สายตาจ้องมองโทรศัพท์นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง“ยังไม่ต้องตัดสินใจตอนนี้...” เวลาที่ได้เพิ่มมานี้เหมือนเป็นทั้งของขวัญและบททดสอบ เธอรู้ดีว่าในไม่ช้าคำตอบจะต้องถูกส่งออกไป แต่การได้รับโอกาสให้ทบทวนอีกครั้งก็ทำให้เธอเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ……..แสงแรกของวันเริ่มสาดส่องบนขอบฟ้า แม้จะไม่เจิดจ้า แต่ก็เพียงพอที่จะเผยให้เห็นผืนทะเลที่กว้างใหญ่และสงบนิ่ง ฮันน่าก้าวเท้าลงบนทรายละเอียด ความเย็นของเม็ดทรายและสายลมที่พัดผ่านใบหน้าทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลมเล็กน้อย ร่องรอยของค่ำคืนที่ไม่อาจข่มตาหลับฉายชัดบนใบหน้าของเธอ ดวงตาที่ล้าจ้องมองไปยังเส้นขอบฟ้า สายน้ำระย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status