นางคือสตรีหม้ายที่เพิ่งหย่ากับสามี ส่วนเขาคือท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ที่ไม่สนกฏระเบียบใดทั้งสิ้น เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกันนานวันเข้านางก็ได้รับรู้ว่าเขามีความลับที่ไม่อาจบอกใครปิดบังเอาไว้
Lihat lebih banyakเพียะ เพียะ เพียะ
"ฮือ ฮูหยินน้อยเจ้าคะ!!!"
"นี่คือบทเรียนที่พวกเจ้ากล้าขัดใจข้า ผู้ใดมันเหิมเกริมข้าจะไม่เก็บมันเอาไว้ ไสหัวไป!!!"
เสียงของสตรีนางหนึ่งที่เอ่ยขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด พลางจ้องมองเหล่าบรรดาสาวใช้ด้วยแววตาที่ดุดัน ทำให้สาวใช้ในจวนไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจแรง เพราะเกรงว่าจะถูกฝ่ามือพิฆาตของฮูหยินผู้นี้ฟาดใบหน้าเข้าให้อีกรอบ
"ไป๋เหมยเหม่ย เจ้าจะกำเริบเกินไปแล้วนะ ถือดีอย่างไรมาทำร้ายบ่าวไพร่ในจวนของข้า"
ไม่นานนักก็มีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมา เขาก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับจ้องมองสตรีนามว่าไป๋เหมยเหม่ยด้วยแววตาที่เกลียดชัง ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย
"ท่านพี่เจ้าคะ พวกนางไม่ยอมทำตามที่ข้าสั่ง อีกทั้งยังเข้าข้างแต่ฟ่านกุ้ยอิงที่เป็นเพียงฮูหยินรอง ข้าต่างหากคือนายหญิงน้อยของจวนแห่งนี้ แต่พวกนางกลับกล้ากำเริบ จะมิให้ข้าสั่งสอนได้หรือเจ้าคะ!!!"
"หุบปาก การที่เจ้าได้ตำแหน่งภรรยาเอกมา เป็นเพราะเจ้าใช้วิธีสกปรก ล่อลวงข้าให้หลงกลเจ้า จนข้าไม่อาจปฏิเสธการแต่งงานกับเจ้าได้!!! คนเช่นเจ้าข้าชังน้ำหน้ายิ่งนัก เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกหรือ เพราะข้าเกลียดเจ้า จึงไม่เคยหลับนอนกับเจ้าเลยสักครา!!!"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็กำมือแน่น บิดาของนางเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ มีอำนาจทางการทหาร แม้แต่ฝ่าบาทยังต้องเกรงใจ อีกทั้งบิดาของนางก็ยังเป็นกำลังสำคัญที่สนับสนุนให้ฮ่องเต้พระองค์นี้ขึ้นครองราชย์เมื่อนานมาแล้ว แต่ทว่าเขากลับต่อว่านางเช่นนี้
มันจะเกินไปแล้วนะหยางเจ๋อหยวน!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋เหมยเหม่ยจึงจ้องมองหยางเจ๋อหยวนอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะเดินเข้าไปตบเหล่าสาวใช้ที่นั่งร้องไห้อยู่อย่างไม่ไว้หน้าเขา หยางเจ๋อหยวนหมดความอดทนแล้ว เขาจึงคว้าข้อมือนางเอาไว้ คนทั้งสองฉุดกระชากกันไปมา เพราะหยางเจ๋อหยวนออกแรงมากไปหน่อย ทำให้ไป๋เหมยเหม่ยเซถลาหงายหลังจนศีรษะของนางไปฟาดเข้ากับขอบโต๊ะ สลบไม่ได้สติไปในทันที
เมืองจีนปี 2023
"โอ๊ย!!!"
ไป๋มู่หลานสะดุ้งตกใจผุดลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพลางหายใจเหนื่อยหอบ ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับหน้าผากของตนเองคราหนึ่ง
"ให้ตายเถิด ฝันแบบนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย"
ไป๋มู่หลานสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินไปหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม แล้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวในความฝัน ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
เธอฝันเรื่องแบบนี้มาหลายเดือนติดต่อกันแล้วนะ หรือว่าเพราะดูซีรีส์มากเกินไปจนเก็บไปฝันกันนะ อีกทั้งสตรีที่ชื่อว่าไป๋เหมยเหม่ยก็มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดอีกด้วย แต่ผู้ชายอีกคนในฝันเธอไม่คุ้นหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
ไป๋มู่หลานส่ายหน้าไปมา พลางเหลือบมองดูเวลา พบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสี่แล้ว เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับสะพายกล้องตัวโปรดติดไปด้วยเหมือนเช่นเคย วันนี้พระเอกที่เธอรักกำลังจะไปถ่ายซีรีส์เรื่องใหม่ เธอจะต้องทำหน้าที่แฟนคลับที่ดีโดยการปีนเขาไปให้กำลังใจเขา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นไป๋มู่หลานจึงรีบเร่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้เดินออกจากประตูบ้านก็ได้ยินเสียงชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"ลูกสาว เอาเงินมาให้พ่อสักหนึ่งร้อยหยวนสิ"
ไป๋มู่หลานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ไม่มีค่ะ"
เพียะ
ฝ่ามือหนาใหญ่ฟาดลงมาบนใบหน้าของหญิงสาวอย่างเต็มแรง ไป๋มู่หลานถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ใบหน้าของหญิงสาวเรียบเฉยราวกับเรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำซากจนเจ้าตัวเคยชิน
เธอมีอายุเพียงยี่สิบห้าปี หลังจากเรียนจบมหาลัยแล้วจึงมาทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่ได้สูงมากนัก วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนของเธอ เธอจึงนัดกับเพื่อนในกลุ่มเพื่อไปตามถ่ายรูปพระเอกซีรีส์ที่ชื่นชอบ อีกเหตุผลก็คือเธอไม่อยากอยู่บ้านกับพ่อที่เอาแต่ไถเงินเธอทั้งวันเช่นนี้
ไป๋มู่หลานไม่เอ่ยสิ่งใด เธอเดินหนีออกมาจากบ้านไม่สนใจคำด่าทอของผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย หลังจากแม่ตายจากไป เธอก็ต้องทนอยู่กับพ่อที่ติดการพนัน ถูกเขาทุบตีราวกับเธอไม่ใช่คน
ใช้เวลาร่วมชั่วโมงไป๋มู่หลานก็เดินทางมาถึงสถานที่ถ่ายทำ เธอโบกมือให้กับกลุ่มที่เธอนัดเอาไว้เพื่อตามถ่ายรูปพระเอกซีรีส์ในดวงใจ ก่อนจะเอ่ย
"นี่พวกเธอ วันนี้เขาถ่ายที่ไหนกันวันนี้"
"บนเขาโน่น"
"บนเขาอีกแล้ว"
"ไม่สู้เหรอ?"
"สู้สิ เพื่อผู้ชายตกเขาตายก็คุ้ม"
ไป๋มู่หลานเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะกระชับเป้ที่ใส่กล้องถ่ายรูปบนบ่าเอาไว้แน่น พร้อมกับเดินขึ้นไปกับกลุ่มเดียวกันที่บนเขาทันที ทุกอย่างเหมือนจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเฉกเช่นทุกวัน จนกระทั่งระหว่างที่ไป๋มู่หลานกำลังจะเดินลงมาจากเขา เพราะทางมันลื่นและฝนก็ตกมาโปรยปราย ทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
"ว้าย!!!"
"ไป๋มู่หลานระวัง!!!"
ไป๋มู่หลานทรงตัวไม่อยู่กลิ้งตกเขาไปอย่างรวดเร็ว ศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างรุนแรง ก่อนจะหมดสติ ไป๋มู่หลานรู้สึกได้ว่าภาพตรงหน้าช่างเลือนรางลงไปทุกขณะแล้ว
เวรละ!! ต้องมาตกเขาตายจริงๆ หรือวะตัวเรา!!!
งานแต่งงานผ่านพ้นไปได้ร่วมเดือนแล้ว ยามนี้จางเหยียนเหว่ยเข้ามาอยู่ที่จวนของไป๋เหมยเหม่ยอย่างเต็มตัวในฐานะบุตรเขยแล้ว เขาไม่ได้กลับไปพักที่โรงน้ำชาอีกเมื่อแต่งงานกันกิจการต่างๆ ของเขาก็ยกให้ไป๋เหมยเหม่ยทั้งหมด ไม่เหลือสิ่งใดที่เป็นของตนเลยแม้แต่น้อย มีคราหนึ่งเขาออกเดินทางไปที่นอกเมืองหลวง พบสตรีน้อยนางหนึ่งมาบอกรักเขา บอกว่ายินดีจะเคียงคู่เป็นภรรยาของเขาไปชั่วชีวิต เขากลับตอบเพียงว่า“ขออภัยด้วย เงินข้าอยู่กับภรรยาหมดแล้ว ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูเจ้าหรอก ลำพังตัวข้าเองยังต้องขอเงินนางเลย เจ้าไปหาสามีคนอื่นเถิด ข้าจนมากทุกวันนี้ยังอาศัยบ้านภรรยาอยู่เลย”สตรีน้อยนางนั้นรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางมองเขาด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ไม่เสื่อมคลายจางเหยียนเหว่ยคร้านจะสนใจสิ่งใดอีก วันนี้เขาไปพบท่านแม่มาและนำยาบำรุงไปให้นาง หน้าตาท่านแม่ดูสดใสขึ้นมาก อีกทั้งยังบอกให้เขารีบมีหลานเร็วๆ จางเหยียนเหว่ยเพียงยิ้ม ก่อนจะรีบกลับจวนมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที ระหว่างนั้นเขาพบกับไป๋กู้ชวนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัว ได้ยินว่าระยะหลังมานี้เขามักสนใจการทำอาหารเป็นอย่างมากในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากทักไป๋กู้ชวนอยู
จางเหยียนเหว่ยเดินมาพร้อมกับไป๋เหมยเหม่ย ในขณะที่กำลังจะขึ้นรถม้าก็พลันเห็นฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่กำลังเดินลงมาจากรถม้า ชายชราชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะจ้องมองคนทั้งสองด้วยแววตาที่วูบไหวจางเหยียนเหว่ยไม่เอ่ยสิ่งใด อีกทั้งยังไม่คิดจะบอกเรื่องราวของท่านแม่ให้คนผู้นี้ได้รับรู้ คนเช่นเขานี่คือการลงโทษที่ดีที่สุดแล้ว ให้เขาคิดว่าท่านแม่ตายไปแล้ว จมอยู่กับความทุกข์ใจของตนไปเช่นนี้ก็ดีไม่น้อยฮ่องเต้จางเหลียนไห่เพิ่งกลับมาจากที่ฝังศพของหลัวหลินฮวา คิดจะแวะมาไหว้พระที่วัดไป๋หวา แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอบุตรชายของตนเข้า ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม"อาเหยียน"ฮ่องเต้จางเหลียนไห่เอ่ยเรียกบุตรชายตนอย่างอ่อนโยน จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ไม่คิดว่าคนเช่นท่านจะเข้าวัดด้วย คิดจะมาสนทนาธรรมหรือสารภาพบาปกันเล่า"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระตุกแขนเสื้อจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่งพลางส่งสายตาห้ามปรามเขา ฮ่องเต้จางเหลียนไห่คร้านจะใส่ใจคำพูดประชดประชันของลูกชายตน จึงเอ่ยตอบ"เจ้าจะแต่งงานแล้วนี่ ไม่คิดบอกข้าสักคำหรือ""ไม่จำเป็น ข้าจัดงานเองไ
เรือนหลังหนึ่งท้ายวัดไป๋หวายามนี้แม่นมหลัวกำลังพาจางเหยียนเหว่ยและไป๋เหมยเหม่ยมาที่เรือนหลังหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังวัดไป๋หวา เรือนหลังนี้ค่อนข้างเล็ก เขามองไปโดยรอบก่อนจะครุ่นคิดเหตุใดเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่ามีเรือนเช่นนี้อยู่ในวัดไป๋หวาด้วย"พระชายาอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ นางอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็มือสั่นเทาไม่น้อย เขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง ยื่นมือไปเปิดประตูบานนั้นออก ความกลัวเริ่มปกคลุมในจิตใจ เขาเกรงว่าหากเขาเปิดประตูเข้าไปแล้วพบกับท่านแม่ นางจะรังเกียจเขาหรือไม่ นางจะด่าทอทุบตีเขาหรือไม่ระหว่างทางที่มาแม่นมหลัวเล่าว่าในวันที่ท่านแม่ป่วยตายนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น ท่านแม่ให้แม่นมหลัวไปหายาชนิดหนึ่งมา ยานั้นหากกินเข้าไปแล้วจะหลับสนิท ไร้ลมหายใจราวกับตาย ต้องรีบใช้ยาแก้ภายในสองชั่วยาม มิเช่นนั้นจะตายจริงๆเขาเพิ่งเข้าใจในวันนี้ว่าเพราะเหตุใดแม่นมหลัวจึงเร่งให้นำศพของท่านแม่ไปฝัง จากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดตามความเป็นไปของท่านแม่อีก ไม่ได้รับรู้ว่าคนของท่านแม่แยกย้ายไปอยู่ที่ใดกันบ้างหลังจากนำศพไปฝัง แม่นมหลัวก็นำคนที่ไว้ใจได้มาขุดหลุมศพและช่วยท่า
จางเหยียนเหว่ยที่กลับมาถึงเมืองหลวงก็รีบมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที เมื่อได้พบนางอีกคราเขาก็ปวดใจไม่น้อย คล้ายว่านางจะผอมลงไปมาก"เหมยเหม่ย""เหยียนเหยียน"เขารีบสั่งให้คนเปิดประตูคุกหลวงออก ก่อนจะรีบโผเข้าไปกอดนางทันที ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นว่าจางเหยียนเหว่ยกลับมาแล้วก็ดีใจจนร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กน้อย "ท่านกลับมาแล้ว ฮึก ข้ากลัวมากเลย มีแต่คนมารังแกข้า ฮือ"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิดเหลือเกิน เขาไม่ได้บอกแผนการนี้กับนาง ทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ เพราะว่าอะไรน่ะหรือ ก็เพื่อความปลอดภัยของนาง หากนางยังอยู่สุขสบาย คนตระกูลฟ่านย่อมไม่มีทางตายใจจนโผล่หางตนออกมา อีกทั้งยังอาจส่งคนมาลอบสังหารและทำร้ายนางกับครอบครัวอีกด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะนาง ก่อนจะเอ่ย"ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้านะ"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงผละออกจากเขาทันที จางเหยียนเหว่ยยิ้มให้นางก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทั้งโมโหทั้งดีใจในคราเดียวกัน"ท่านไม่บอกข้า!!! ข้าจะตีท่าน""ตีเลย ตีเลย ขอเพียงเจ้าหายโกรธข้าก็พอ"ไป๋เหมยเหม่ยยิ้ม
วันคืนผ่านไปเช่นนี้คืนแล้วคืนเล่า ไป๋เหมยเหม่ยไม่อาจรับรู้ข่าวคราวจากภายนอกได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว จวบจนคืนหนึ่งที่ฟ่านเหลียนมาพบกับนาง เขาสั่งให้คนเปิดประตูห้องขังออก ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหานาง ฟ่านเหลียนจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ย"เป็นเช่นไรบ้างเล่าน้องเหมยเหม่ย รู้สำนึกแล้วหรือยัง หากว่าเจ้าเลือกข้าตั้งแต่วันนั้น เจ้าก็ไม่ต้องพบจุดจบเช่นวันนี้ เมื่อใดที่หลักฐานว่าบิดาและพี่ชายเจ้ายอมมอบข้อมูลทางการทหารให้แคว้นเซียวชัดเจน เจ้าจะถูกประหารทั้งตระกูล เฮ้อ!!! น่าเสียดายความงามของเจ้ายิ่งนัก"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ทำราวกับไม่สนใจคำพูดของฟ่านเหลียน ฟ่านเหลียนที่เห็นว่านางยังคงเฉยชาก็เริ่มมีโทสะ เขายื่นมือไปบีบคอของนาง ก่อนจะเอ่ย"อย่าอวดเก่งให้มากนัก!! ข้าจะให้หนทางรอดแก่เจ้า หากเจ้ายอมเป็นของเล่นของข้าและจางหลิงหยาง ข้ารับรองว่าจะหาทางช่วยเจ้า เป็นเช่นไร ข้อเสนอดีหรือไม่ รีบตัดสินใจเสียสิ เจ้าจะได้บุรุษมาครอบครองทีเดียวสองคนเลยนะ ไม่ดีหรือ อ้อ หรือว่าเจ้าจะรอว่าที่สามีใหม่ที่เป็นถึงท่านอ๋องมาช่วย โอ้ว เขาจะมาทันหรือ ยามนี้จะตายอยู่ในสนามรบ
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด ด้านจางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรีบหันมามองไป๋เหมยเหม่ยในทันที"เรารีบไปดูกันเถิด"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะรีบกลับไปที่จวนตระกูลไป๋พร้อมจางเหยียนเหว่ยในทันที เมื่อมาถึงก็พบว่ายามนี้จวนตระกูลไป๋ถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว เหล่าทหารจากวังหลวงยามนี้กำลังบุกเข้าไปในจวน ก่อนจะจับตัวคนในจวนออกมาทั้งหมด"ท่านแม่ กู้ชวน!!!"ไป๋เหมยเหม่ยร้องเรียกไป๋ฮูหยินและไป๋กู้ชวนที่ยามนี้ถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนเหล่าบ่าวไพร่ในจวนล้วนถูกกักบริเวณไม่สามารถออกไปที่ใดได้ จางเหยียนเหว่ยจ้องมองทหารเหล่านั้นด้วยแววตาที่เย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ย"ผู้ใดสั่งให้เจ้าบุกมาจับคนเช่นนี้ คำสั่งฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ""ท่านอ๋องโปรดวางใจ หากการตรวจสอบพบว่าคนตระกูลไป๋บริสุทธิ์ ย่อมถูกปล่อยตัวในเร็ววัน"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงปรายตามองไปที่ด้านหน้าตนคราหนึ่ง พบว่าเป็นเสนาบดีฟ่านฉีนั่นเอง เขาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม"เสด็จลุงส่งท่านมาหรือ"เสนาบดีฟ่านฉียิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เป็นรับสั่งของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าท่านอ๋องคิดจะขัด
หากนับย้อนไปเมื่อเกือบสิบปีก่อน ยามนั้นเขายังเป็นองค์รัชทายาทแคว้นเซียว แคว้นเซียวนั้นแต่เดิมรุ่งเรืองและรักสงบ อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับแคว้นไท่เหลียง ยามที่จางเหยียนเหว่ยมาทำสงครามรบกับแคว้นเยี่ยนนั้น เขาก็ได้พบกับสหายผู้นี้โดยบังเอิญ นับแต่นั้นคนทั้งสองก็สนิทสนมกันเรื่อยมา ชายแดนแคว้นเซียวและแคว้นไท่เหลียงอยู่ใกล้กัน ทำให้เขามาพบเจอกับจางเหยียนเหว่ยได้ทุกเมื่อ อีกทั้งบางครายังช่วยส่งทหารมาร่วมรบต่อต้านกบฏด้วยกันแต่ทว่าสถานการณ์กลับพลิกผัน สามปีก่อนชายแดนสงบ แต่ทว่าแคว้นเซียวกลับไม่เป็นเช่นนั้น เซียวหลิ่น น้องชายต่างมารดาลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อ และสังหารเสด็จแม่ของเขา ใช้กำลังคนไล่ล่าทำร้ายเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาพ่ายแพ้เพราะไม่ได้เตรียมการรับมือ ท้ายที่สุดเซียวหลิ่นก็ขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นเซียวพระองค์ใหม่ ความละโมบทำให้เซียวหลิ่นคิดก่อสงคราม สังหารผู้คนไปทั่ว แคว้นใดไม่ยอมศิโรราบก็บุกตีแคว้นนั้นจนราบคาบ ไฟสงครามคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ในขณะที่เขาเองทำได้เพียงมองดูภาพนั้นอย่างโศกเศร้าโดยที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้เขาหนีไปซ่อนตัวหลายต่อหลายแห่ง คนที่ภักดีล้วนตายเพราะปกป้องเขา ครั้นจะกลับไปหาจ
วันเวลาล่วงเลยมาร่วมเดือน จวบจนเข้าสู่ช่วงปลายฤดูหนาวอีกครา ไป๋เหมยเหม่ยมองดูหิมะที่ตกลงมาประปราย ก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ป่านนี้ไม่รู้ว่าท่านพ่อและพี่ชายของนางจะเป็นเช่นไรบ้างด้านจางเหยียนเหว่ยนั้นนางกับเขาได้พบกันบ้าง แต่ระยะหลังมานี้เขามีเรื่องให้ต้องจัดการมากมาย จึงไม่ได้มาพบหน้านางหลายวัน นางเองก็ไม่ได้รบเร้าสิ่งใดจากเขาเพราะเข้าใจว่าเขามีเรื่องที่ต้องจัดการ ส่วนนางเองก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการดูแลกิจการหม้อไฟทั้งสองสาขา ยามนี้ร้านของนางขยายกิจการแล้ว บางคราก็มีเย่เพ่ยมาคอยช่วยเหลือ นางกับเย่เพ่ยสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย ทุกๆ วันเย่เพ่ยมักจะมาเที่ยวหานางทั้งที่จวนและที่ร้านหม้อไฟ "คุณหนูเจ้าคะ ระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ อย่าออกไปตากหิมะเลย"เฉียวเหลียนเดินเข้ามาหานางก่อนจะส่งเตาอุ่นมือมาให้ พร้อมกับหาผ้าคลุมมาคลุมกายให้ความอบอุ่นแก่นาง ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มให้เฉียวเหลียนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ขอบใจเจ้ามาก""วันนี้คนเข้าร้านไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ""อืม ดูแลลูกค้าให้ดีเล่า""เจ้าค่ะ"เฉียวเหลียนพยักหน้าก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง ไป๋เหมยเหม่ยมองออกไปที่นอกร้าน พบว่ายามนี้หิมะเริ่มตกหนักเ
จวนตระกูลไป๋ยามนี้ไป๋เหมยเหม่ยกำลังนั่งอยู่ข้างจางเหยียนเหว่ย นางกำมือแน่นไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใด ไป๋จินเซียงเล่นถีบประตูห้องโผล่เข้าไปในขณะที่เขาและนางกำลังพลอดรักกัน นางจึงไม่อาจแก้ตัวได้แม่ทัพใหญ่ไป๋จ้องมองจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่ง แม้ในใจจะโกรธแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาใด ทำได้เพียงหันไปกระซิบกับไป๋จินเซียงที่นั่งอยู่ข้างกัน"เจ้าแน่ใจนะว่าท่านอ๋องรังแกนาง ไม่ใช่นางไปฉุดท่านอ๋องหรอกนะ"เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มีหรือเขาจะไม่รู้นิสัยของบุตรสาวตน ไป๋เหมยเหม่ยหากอยากได้สิ่งใดย่อมต้องทำทุกวิถีทางจนได้มาครอบครอง เขาเกรงว่าครั้งนี้นางจะใช้อุบายหลอกจางเหยียนเหว่ยเสียมากกว่าไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะพ่นชาร้อนออกมาจากปาก เขาขมวดคิ้วพร้อมกับทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย"ข้าก็ไม่แน่ใจขอรับ แต่ตอนที่ข้าเข้าไปก็เห็นอาเหยียนอยู่บน ส่วนเหมยเหม่ย เอ่อ นางนอนอยู่ข้างล่าง สองมือโอบรอบคอของอาเหยียนเอาไว้และส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานเลยขอรับ"แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามองเห็นชัดหรือไม่ โอบลำคอแน่หรือ ไม่ใช่รัดคอหรอกนะ!!!"ไป๋จินเซียงที่ถูกบิดาตนเอ่ยถามเช่นนั้นก็เร
Komen