นางและลู่เฟิงจิ่นเติบโตมาด้วยกัน เป็นคู่รักกิ่งทองใบหยกที่ทุกคนยอมรับ เพื่อช่วยเหลือเขา นางวางแผนทุกอย่าง ใช้เล่ห์กลอุบายกำจัดอุปสรรคทั้งหมด ทำให้เขากลายเป็นเทพแหสงครามเพียงหนึ่งเดียวของตงหลิง เดิมที่นางคิดจะได้ลงเอยกับคนรักสักวัน แต่แล้ววันหนึ่งหญิงสาวหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่หนึ่งก็เข้ามาในชีวิตของเขา แรกเริ่มเขาบอกว่า “เด็กสาวบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างนาง ไม่คู่ควรแม้แต่จะผูกเชือกรองเท้าให้เจ้า” ต่อมาเขากลับบอกว่า “แม่เด็กนั่น ไม่รู้ประสา อาหลีอย่าได้เอาความนาง” แต่นางค่อย ๆ สังเกตเห็นว่า สายตาของลู่เฟิงจิ่นมองนางนั้นจืดจางลง แต่เมื่อมองไปยังหญิงสาวคนนั้น กลับร้อนแรงกลับเพิ่งเคยพบกันครั้งแรก คึกคะนองแบบที่เด็กหนุ่มเป็นกัน ในที่สุดวันหนึ่ง ลู่เฟิงจิ่นเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “อาหลี ที่ผ่านมาเจ้ามีความสุขหรือไม่? ข้า… เหมือนจะเบื่อเสียแล้ว” คืนนั้นฉู่เยว่หลี่ฉีกสัญญาแต่งงานและจากไปอย่างสง่างาม เขากัดฟันกรอดร้องคำราม “หากไปจากข้า เจ้าอยู่ไม่รอดหรอก!” แต่ฉู่เยว่หลี่กลับยิ้มบาง “ไม่เพคะ หากไม่มีข้า องค์ชายต่างหากที่ไม่เหลืออะไรเลย”
ดูเพิ่มเติมพระสนมรุ่ยกราบลงตรงหน้าฮ่องเต้ และใช้มือเรียวเล็บจับชายผ้าของฮ่องเต้อย่างเบามือเงยหน้ามองฮ่องเต้อย่างเศร้าสร้อย “ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันทำเช่นนี้ก็เพื่อจิ่นเอ๋อร์ แต่หม่อมฉันทำผิดจริงๆ หรือเพคะ?”“จิ่นเอ๋อร์เป็นองค์ชาย ในจวนจะมีเพียงภรรยาเดียวได้อย่างไร? แต่อาหลีไม่เข้าใจ ดื้อดึงจะได้แต่เพียงหนึ่งเดียวให้ได้ จิ่นเอ๋อร์เป็นชาย เรื่องในเรือนก็ทำอะไรไม่ได้ เช่นเดียวกับฮ่องเต้…”นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ฮ่องเต้ก็ทรงทำอะไรไม่ได้กับเรื่องในวังหลัง ฮ่องเต้ทรงรู้เรื่องทุกอย่าง ฮองเฮาทรงรักฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็ไม่เคยทรงทรยศ แต่ฮ่องเต้ทรงเป็นกษัตริย์ แล้วจึงเป็นสามีของพวกเรา ฮ่องเต้ต้องทรงรักษาสมดุลอำนาจ ทรงทำอะไรไม่ได้”“ถึงแม้ฮ่องเต้ทรงอยากจะซื่อสัตย์ต่อคนเดียว ทั่วทั้งแผ่นดินก็ไม่อนุญาต ฮ่องเต้ไม่ใช่คนใจร้าย ฮ่องเต้ทรงทำเพื่อประชาชน”“พวกเราเหล่าหญิงในวังหลัง รู้ว่าไม่ควรหวังจะได้แต่เพียงฮ่องเต้ แต่ก็ไม่อาจไม่รักพระบารมีของฮ่องเต้ พวกเราจะทำอย่างไรได้? ฮ่องเต้ไม่ใช่ฮ่องเต้ของเฮองเฮาเพียงผู้เดียว ฮ่องเต้เป็นของพวกเราด้วย แล้วอาหลีจะให้จิ่นเอ๋อร์เป็นสามีของนางเพียงคนเดียวได้อย่างไร?”“จิ่
ประตูห้องถูกถีบดังโครมครามนางกำนัลและขันทีต่างก้มศีรษะยืนอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าหายใจแรงแม้แต่นิดราวกับว่าหากหายใจแรงขึ้นเพียงครั้งจะถูกประหารชีวิตทันทีตลอดหลายปีในวังหลัง ผู้ใดเคยเห็นฮ่องเต้ทรงพิโรธขนาดนี้บ้าง?“ฮ่องเต้ทรงสงบสติอารมณ์เถิด!” พระสนมรุ่ยรีบไปหา กำลังจะประคองฮ่องเต้แต่ไม่คาดคิดว่า พระหัตถ์ของฮ่องเต้ยกขึ้น ปัง! ฝ่ามือหนึ่งตบลงบนใบหน้าของพระสนมรุ่ยอย่างแรงพระสนมรุ่ยล้มลงกับพื้น ถูกตบจนมึนงงไปหมด!ตลอดหลายปีที่อยู่ในวัง เมื่อใดเคยถูกตบหน้าเช่นนี้บ้าง? นี่เป็นครั้งแรก!นางถึงกับสงสัยว่าตนเองกำลังฝันอยู่หรือไม่ฮ่องเต้ทรงตบนางจริง ๆ!“พระสนม!” แม่นมซิ่วเจ็บปวดใจอย่างที่สุด รีบไปประคองนางขึ้นแต่ทั้งนายและบ่าวต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำแม่นมซิ่วมองไปที่นางกำนัลและขันที พวกเขาทั้งหลายเข้าใจ กำลังจะก้มศีรษะถอยออกไปแต่ฮ่องเต้เสียงเกรี้ยวกราด “ห้ามใครออกไปทั้งนั้น!”นางกำนัลและขันทีต่างหวาดกลัว ไม่กล้าก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียวพระสนมรุ่ยร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันทำผิดอะไร? ฮ่องเต้…ฮ่องเต้ ถึงต้อง... ต่อหน้าพวกเขา…”“ตอนนี้เจ้ากลับมาสนใจเรื่องหน้าตาเสี
ฮองเฮาขมวดคิ้ว “ก็แค่คำนินทา ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”“ฮองเฮาไม่ทราบ ตอนนี้ข่าวลือแพร่หลายไปทั่ววัง แม้แต่เมืองนอกก็ยังรู้ ข่าวลือว่า ขณะที่หม่อมฉันประจำการในกองทัพ ก็ร่วมเตียงกับอทุกคืน และยังมีทหารหลายนาย ได้ยินเสียงที่ไม่เหมาะสมของหม่อมฉัน”เมื่อฉู่เยว่หลีพูดจบ ทุกคนก็เงียบลง ใบหน้าของทุกคนร้อนผ่าวแม้แต่ฮองเฮาก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้คำพูดเช่นนี้ พูดออกมาตรง ๆ เอาเข้าจริงก็น่าอายแต่ตอนนี้ ฮ่องเต้กลับมองฉู่เยว่หลีฉู่เยว่หลีคุกเข่าตัวตรง ร่างกายที่บอบบาง แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่านางแข็งแกร่งคำพูดที่หญิงสาวคนอื่นไม่กล้าพูด กลับออกมาจากปากของนางอย่างชัดเจน ไร้ซึ่งความเหนียมอายกลับกันฮ่องเต้เห็นถึงความองอาจของท่านโหวจากเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้!จึงพลันรู้สึกประทับใจขึ้นมา“เราเข้าใจแล้ว คนเจตนาร้ายแพร่กระจายข่าวลือ เพื่อทำลายความบริสุทธิ์ของอาหลีและตระกูลกั๋วกง”สายตาของพระองค์มองไปที่พระสนมรุ่ยในขณะนั้น พระสนมรุ่ยรู้สึกเย็นวาบ ใบหน้าซีดเผือดแต่นางไม่สามารถอธิบายอะไรได้ พูดออกมาก็มีแต่เสียกับเสียสายตาของฮ่องเต้ มองไปที่ทุกคนในงานเลี้ยง น้ำเสียงเย็นชาทรงอำนาจ “ข่าวลือจะจบลงที่ผ
คนที่ไม่ถูกรัก!คำพูดนี้ ทำให้ทุกคนนึกถึงสัญญาหมั้นระหว่างฉู่เยว่หลีกับองค์ชายจิ่นในอดีต!เสียงของฉู่เยว่หลีแหบพร่า แต่นางก็ยังคงคุกเข่ายืดตัวตรง มองฮ่องเต้ด้วยสายตาที่สงบ“หม่อมฉันกับองค์ชายจิ่นถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีวาสนาต่อกัน แต่ก็เคยรู้จักกัน หม่อมฉันขอเพียงองค์ชายจิ่นกับทั่วป๋าเฟยเยวียน… อย่าได้ทำร้ายหม่อมฉันต่อไปเลย”นางก้มหน้าลง น้ำตาใสไหลลงมาตามแก้มภาพนี้ช่างแสนเศร้า ทำเอาคนอดสงสารไม่ได้“อาหลี ลุกขึ้นเถอะ” ฮองเฮาเมื่อครู่คิดว่าเป็นเรื่องสนุกสนาน แต่ตอนนี้นางโกรธจริงๆใจของชายนั้น แต่ไหนแต่ไรก็เย็นชาเช่นนี้แลหัวร่อต่อกระซิกกันคนใหม่ แต่จะมีผู้ใดได้ยินเสียงสะอื้นของคนเก่าบ้าง?สถานการณ์ของฉู่เยว่หลี ก็เหมือนกับนางมิใช่หรือ?ในวังหลังของฮ่องเต้ มีแต่คนใหม่ ๆ พระสวามีของนางกับหญิงสาวเหล่านั้น ร่วมเตียงกันทุกคืน ใครจะรู้ว่าในคืนที่เงียบเหงาในห้องนอนนั้น นางต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไร?“ดี ดีมาก!” ฮองเฮาจ้องมองทั่วป๋าเฟยเยวียน โมโหจนกำมือแน่น “เจ้ากับองค์ชายจิ่นรักกัน ดีมาก!”“ฮองเฮา เยวียนเอ๋อร์แค่พูดไปโดยไม่คิด นาง…”“เพราะความเห็นแก่ตัว ถึงกับใช้วิธีการอัปยศอดสูเพื่อทำ
“อาหลี อย่าได้เสียมารยาท!” ฮองเฮาเอ็ดแต่แววตาของฉู่เยว่หลีกลับเปล่งประกายอย่างประหลาดนางค่อย ๆ พูดขึ้น “ก็แค่ข่าวลือเล็ก ๆ น้อยๆ เหตุใดต้องตกใจกันนัก คนชอบพูดนินทาไม่เคยขาด หากเพียงเพราะคนอื่นพูดมากมาย ก็ต้องตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เช่นนั้นตลอดชีวิตเจ้าต้องตายกี่ครั้ง จึงจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้?”ฮ่องเต้เข้าใจแล้ว ก็บ่นพึมพำ ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ “หากเป็นเพียงข่าวลือ ก็ไม่ต้องใส่ใจ ทุกคนลุกขึ้นเถอะ”ฮองเฮาก็หัวเราะ “ใช่แล้วเพคะ คนอื่นพูดกันเล่นๆ อาหลี อย่าใส่ใจ คนบริสุทธิ์ก็บริสุทธิ์ ทุกคนก็ไม่เชื่อข่าวลือหรอก”“หม่อมฉันก็คิดว่าเพียงแค่คนชอบนินทาพูดกันไปเรื่อยๆ หม่อมฉันไม่ได้ใส่ใจ จนกระทั่งทั่วป๋าเฟยเยวียนลากหม่อมฉันมาที่นี่ เพื่อให้หม่อมฉันพิสูจน์ความบริสุทธิ์”“อะไรนะ?” แววตาของฮองเฮาเป็นประกาย เด็กหญิงคนนี้ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆคืนนี้สนุกแล้วสิ!แต่นางแสร้งทำเป็นตกใจ “ทั่วป๋าเฟยเยวียนคือผู้ใด ถึงได้มีหน้ามาขอให้เจ้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์?”สายตาของฮ่องเต้กลับมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ลู่เฟิงจิ่นหน้าตาธรรมดา แม้แต่กับนางกำนัลในวังก็ยังสู้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพ
เสียงตวาดของอานเต๋อลู่ ทำให้ผู้คนในงานเลี้ยงต่างก้มหน้าลงแล้วพากันคุกเข่าลง “ถวายบังคมฝ่าบาท! ถวายบังคมฮองเฮา!”ฮ่องเต้มาแล้ว!ลู่เฟิงจิ่นตกใจ ดึงมือทั่วป๋าเฟยเยวียนออก “เสด็จพ่อมาแล้ว! ถ้าไม่อยากตาย รีบคุกเข่าลงถวายบังคม!”ทั่วป๋าเฟยเยวียนไม่เคยเห็นฮ่องเต้แต่ตอนนี้ ทุกคนคุกเข่าลงแล้ว ถึงแม้ว่านางจะมีความกล้ามากแค่ไหน ก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินต่อหน้าฮ่องเต้ฮ่องเต้มีสถานะสูงกว่าจิ่นอ๋องมาก!เมื่อเห็นลู่เฟิงจิ่นคุกเข่าลง ทั่วป๋าเฟยเยวียนก็รีบคุกเข่าลง “ถวายบังฮ่องเต้”แต่นางลืมถวายบังคมฮองเฮา ที่สำคัญกว่านั้น นางไม่คิดว่าเหล่าสนมในวังจะสูงศักดิ์พวกนางต่างก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอาใจผู้ชาย จึงได้มาถึงจุดนี้ นางเกลียดผู้หญิงแบบนี้ที่สุดนางไม่ได้มองฮองเฮา แต่ฮองเฮากลับมองนางอยู่นาน“เจ้าห้า เกิดอะไรขึ้น?” ฮองเฮาถามพระสนมรุ่ยที่มากับพวกเขาก็เห็นรอยแผลที่คอของลูกชายในทันทีเมื่อเห็นผมของทั่วป๋าเฟยเยวียนกระจัดกระจาย ดูเหมือนว่ามีการต่อสู้กัน ก็พลันตกตะลึงได้! นางยังไม่ได้ลงมือ แต่เด็กผู้หญิงคนนี้ดันไปหาเรื่องก่อนแล้วพระสนมรุ่ยรู้สึกกังวลใจ มองไปที่ฉู่เยว่หลีที่อยู่ไม่ไกลนักแ
ความจริงเขาเคยแตะต้องนางหรือไม่กันแน่!ทุกคนต่างรอคำตอบจากจิ่นอ๋องใบหน้าของลู่เฟิงจิ่นร้อนผ่าวเรื่องไร้สาระเช่นนี้ กลับถูกหยิบยกขึ้นมาในที่สาธารณะ ยิ่งกว่านั้นยังอยู่ในวังอีกต่างหาก!ฮ่องเต้อาจจะเสด็จมาได้ทุกเมื่อ ถ้าพระองค์เห็น ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาพระองค์ปนปี้ไม่รู้เท่าไร!ลู่เฟิงจิ่นโกรธจนหน้าแดง ผลักทั่วป๋าเฟยเยวียนออกไป “มีอะไร กลับไปคุยกันที่จวน ตอนนี้ไปให้พ้น!”“เจ้าพูดอะไรนะ?” ทั่วป๋าเฟยเยวียนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาบอกให้นางไปให้พ้น!นางไม่เคยดื้อดึงที่จะอยู่ข้างกายเขา มีหลายครั้งที่นางอยากจะจากไปให้พัน ก็เป็นเขาที่ขอร้องและเกลี้ยกล่อมให้นางอยู่ยามเขากลับบอกให้นางไปให้พ้น?“เช่นนั้นแล้วเจ้าเคยแตะต้องนางจริงๆ ใช่ไหม? ลู่เฟิงจิ่น เจ้าเป็นคนโกหก! เจ้ากล้าโกหกข้า!”นางวิ่งเข้าไปหมายจะคว้าคอเสื้อเขานี่เป็นวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อกันในจวน!ลู่เฟิงจิ่นโตมาขนาดนี้ ไม่เคยถูกใครทุบตี ทั่วป๋าเฟยเยวียนเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เคยตบหน้าเขาเขามักจะโมโหจนอยากจะฆ่านาง แต่กลับรู้สึกว่า หญิงสาวแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วในโลกเขาโกรธ แต่ก็หวงแหนอย่างยิ่งแต่ตอนนี้ พวกเขาอยู่ในวังห
ทันใดนั้นในสวนดอกไม้ก็วุ่นวายอลม่านลู่เป่ยโม่พร้อมกับจิงเหลยและหลิวอวิ๋นมาถึง ก็เห็นว่าผู้คนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่หลิวอวิ๋นเข้าไปถามข่าวในทันที “องค์ชาย หญิงสาวที่องค์ชายจิ่นพามานั้น ทำร้ายแม่นางหลี! องค์ชายจะเข้าไปช่วยหรือไม่?”ความตื่นเต้นฉายขึ้นในแววตาของลู่เป่ยโม่ เขาหันไปทางจิงเหลยที่อยู่ข้างหลัง “ดูว่าอานเต๋อลู่ไปถึงไหนแล้ว ให้เขามาดูความสนุกสนานนี้ด้วย”“ขอรับ” จิงเหลยรับทราบแล้วหันหลังกลับไปแต่หลิวอวิ๋นกลับร้อนใจ “แม่นางหลีล้มอยู่กับพื้น องค์ชาย จะไม่ไปช่วยเลยหรือ?”ลู่เป่ยโม่ไม่พูดอะไร เดินต่อไปเมื่อจิงเหลยกลับมา ก็เห็นหลิวอวิ๋นยังคงร้อนใจอยู่เขาหัวเราะเสียงเย็น “ท่านชายฉู่ก็อยู่ที่นี่ เขายังไม่รีบ เจ้ารีบทำไม?”แต่หลิวอวิ๋นกลับเอ่ยว่า “ท่านชายฉู่กำลังดื่มเหล้าอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่นางหลี เขาถึงได้ไม่รีบน่ะสิ!”จิงเหลยมองเขา หมดคำจะพูดเจ้าโง่นี่ อยู่ข้างกายองค์ชายมาได้สิบกว่าปี ช่างโชคดีเหลือเกินเขาก็เดินตามไป ไม่สนใจไอ้คนพูดมากอีกต่อไปจุดศูนย์กลางของความวุ่นวายยังคงเป็นลู่เฟิงจิ่นกับหญิงสาวสองคนข้างกายลู่เฟิงจิ่นรีบเข้าไป จะพยุงฉู่เยว่หลีข
ฉู่เยว่หลีกำลังดื่มชาอยู่แม้ว่ารอบข้างจะมีเสียงซุบซิบมากมาย แต่ใบหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง ท่าทางสง่างามท่าทางที่สงบเยือกเย็นนั้น ไร้ที่ติใด ๆแต่ไม่ทันไร ขณะที่ฉู่เยว่หลีวางถ้วยชาลง ก็มีเสียงดัง “ปัง” ถ้วยชาบนโต๊ะของนางก็ถูกคนกระแทกจนแตก!น้ำชาที่เหลืออยู่ในถ้วยกระเด็นไปทั่ว หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วรีบหลบออกไป“ฉู่เยว่หลี นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ทั่วป๋าเฟยเยวียนยืนอยู่หน้าโต๊ะ มองนางด้วยสายตาที่เย่อหยิ่งฉู่เยว่หลีเงยหน้าขึ้น มองนางช้า ๆแวบแรก ดูเหมือนสงบ แต่พอพิจารณาดี ๆ กลับรู้สึกถึงคลื่นใต้น้ำที่น่าหวั่นเกรงทั่วป๋าเฟยเยวียนรู้สึกอยากถอยหลังโดยไม่รู้ตัวคืนนั้น นางมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าเป็นฉู่เยว่หลีหรือไม่ที่ลงมือแต่ลู่เฟิงจิ่นรับประกันกับนางหลายครั้งแล้วว่า ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ฉู่เยว่หลีไม่รู้ศิลปะการต่อสู้เลยทั่วป๋าเฟยเยวียนยอมรับคำอธิบายนี้ในที่สุด คงจะเป็นฝีมือของยอดฝีมือที่แฝงตัวมาช่วยฉู่เยว่หลีในคืนนั้นฉู่เยว่หลีคนนี้ เจ้าเล่ห์ เจ้าคิดเจ้าแค้น ยามนี้นางจัดฉากใส่สีตีไข่ทุกสิ่งขึ้นมาเอง วิธีการช่างต่ำช้าน่ารังเกียจ!“ทั
ความคิดเห็น