ฮองเฮาขมวดคิ้ว “ก็แค่คำนินทา ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”“ฮองเฮาไม่ทราบ ตอนนี้ข่าวลือแพร่หลายไปทั่ววัง แม้แต่เมืองนอกก็ยังรู้ ข่าวลือว่า ขณะที่หม่อมฉันประจำการในกองทัพ ก็ร่วมเตียงกับอทุกคืน และยังมีทหารหลายนาย ได้ยินเสียงที่ไม่เหมาะสมของหม่อมฉัน”เมื่อฉู่เยว่หลีพูดจบ ทุกคนก็เงียบลง ใบหน้าของทุกคนร้อนผ่าวแม้แต่ฮองเฮาก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้คำพูดเช่นนี้ พูดออกมาตรง ๆ เอาเข้าจริงก็น่าอายแต่ตอนนี้ ฮ่องเต้กลับมองฉู่เยว่หลีฉู่เยว่หลีคุกเข่าตัวตรง ร่างกายที่บอบบาง แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่านางแข็งแกร่งคำพูดที่หญิงสาวคนอื่นไม่กล้าพูด กลับออกมาจากปากของนางอย่างชัดเจน ไร้ซึ่งความเหนียมอายกลับกันฮ่องเต้เห็นถึงความองอาจของท่านโหวจากเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้!จึงพลันรู้สึกประทับใจขึ้นมา“เราเข้าใจแล้ว คนเจตนาร้ายแพร่กระจายข่าวลือ เพื่อทำลายความบริสุทธิ์ของอาหลีและตระกูลกั๋วกง”สายตาของพระองค์มองไปที่พระสนมรุ่ยในขณะนั้น พระสนมรุ่ยรู้สึกเย็นวาบ ใบหน้าซีดเผือดแต่นางไม่สามารถอธิบายอะไรได้ พูดออกมาก็มีแต่เสียกับเสียสายตาของฮ่องเต้ มองไปที่ทุกคนในงานเลี้ยง น้ำเสียงเย็นชาทรงอำนาจ “ข่าวลือจะจบลงที่ผ
ประตูห้องถูกถีบดังโครมครามนางกำนัลและขันทีต่างก้มศีรษะยืนอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าหายใจแรงแม้แต่นิดราวกับว่าหากหายใจแรงขึ้นเพียงครั้งจะถูกประหารชีวิตทันทีตลอดหลายปีในวังหลัง ผู้ใดเคยเห็นฮ่องเต้ทรงพิโรธขนาดนี้บ้าง?“ฮ่องเต้ทรงสงบสติอารมณ์เถิด!” พระสนมรุ่ยรีบไปหา กำลังจะประคองฮ่องเต้แต่ไม่คาดคิดว่า พระหัตถ์ของฮ่องเต้ยกขึ้น ปัง! ฝ่ามือหนึ่งตบลงบนใบหน้าของพระสนมรุ่ยอย่างแรงพระสนมรุ่ยล้มลงกับพื้น ถูกตบจนมึนงงไปหมด!ตลอดหลายปีที่อยู่ในวัง เมื่อใดเคยถูกตบหน้าเช่นนี้บ้าง? นี่เป็นครั้งแรก!นางถึงกับสงสัยว่าตนเองกำลังฝันอยู่หรือไม่ฮ่องเต้ทรงตบนางจริง ๆ!“พระสนม!” แม่นมซิ่วเจ็บปวดใจอย่างที่สุด รีบไปประคองนางขึ้นแต่ทั้งนายและบ่าวต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำแม่นมซิ่วมองไปที่นางกำนัลและขันที พวกเขาทั้งหลายเข้าใจ กำลังจะก้มศีรษะถอยออกไปแต่ฮ่องเต้เสียงเกรี้ยวกราด “ห้ามใครออกไปทั้งนั้น!”นางกำนัลและขันทีต่างหวาดกลัว ไม่กล้าก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียวพระสนมรุ่ยร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันทำผิดอะไร? ฮ่องเต้…ฮ่องเต้ ถึงต้อง... ต่อหน้าพวกเขา…”“ตอนนี้เจ้ากลับมาสนใจเรื่องหน้าตาเสี
พระสนมรุ่ยกราบลงตรงหน้าฮ่องเต้ และใช้มือเรียวเล็บจับชายผ้าของฮ่องเต้อย่างเบามือเงยหน้ามองฮ่องเต้อย่างเศร้าสร้อย “ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันทำเช่นนี้ก็เพื่อจิ่นเอ๋อร์ แต่หม่อมฉันทำผิดจริงๆ หรือเพคะ?”“จิ่นเอ๋อร์เป็นองค์ชาย ในจวนจะมีเพียงภรรยาเดียวได้อย่างไร? แต่อาหลีไม่เข้าใจ ดื้อดึงจะได้แต่เพียงหนึ่งเดียวให้ได้ จิ่นเอ๋อร์เป็นชาย เรื่องในเรือนก็ทำอะไรไม่ได้ เช่นเดียวกับฮ่องเต้…”นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ฮ่องเต้ก็ทรงทำอะไรไม่ได้กับเรื่องในวังหลัง ฮ่องเต้ทรงรู้เรื่องทุกอย่าง ฮองเฮาทรงรักฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็ไม่เคยทรงทรยศ แต่ฮ่องเต้ทรงเป็นกษัตริย์ แล้วจึงเป็นสามีของพวกเรา ฮ่องเต้ต้องทรงรักษาสมดุลอำนาจ ทรงทำอะไรไม่ได้”“ถึงแม้ฮ่องเต้ทรงอยากจะซื่อสัตย์ต่อคนเดียว ทั่วทั้งแผ่นดินก็ไม่อนุญาต ฮ่องเต้ไม่ใช่คนใจร้าย ฮ่องเต้ทรงทำเพื่อประชาชน”“พวกเราเหล่าหญิงในวังหลัง รู้ว่าไม่ควรหวังจะได้แต่เพียงฮ่องเต้ แต่ก็ไม่อาจไม่รักพระบารมีของฮ่องเต้ พวกเราจะทำอย่างไรได้? ฮ่องเต้ไม่ใช่ฮ่องเต้ของเฮองเฮาเพียงผู้เดียว ฮ่องเต้เป็นของพวกเราด้วย แล้วอาหลีจะให้จิ่นเอ๋อร์เป็นสามีของนางเพียงคนเดียวได้อย่างไร?”“จิ่
ฉู่เยว่หลีพบกับทั่วป๋าเฟยเยวียนครั้งแรกยามที่นางลอบสังหารลู่เฟิงจิ่น คู่หมั้นของนางทั่วป๋าเฟยเยวียนพลาดท่าจึงถูกจับกุมตัว ทว่าลู่เฟิงจิ่นนั้นไม่ลงโทษนาง กลับกันยังรู้สึกว่ามือสังหารหญิงนางนี้ต่างจากหญิงสาวทั่วไป“เจ้าคือลูกสาวของทั่วป๋าหู้หรือ?” ลู่เฟิงจิ่นหรี่ตา จ้องมองเด็กสาวในเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งตรงหน้า “เงยหน้าขึ้นมาให้ข้าดูสักหน่อย”ลู่เฟิงจิ่นคือองค์ชายเทพสงครามแห่งตงหลิง จอมทัพแห่งกองทหารที่ใครต่างต้องก้มหัวให้มีเพียงเด็กสาวตรงหน้าผู้นี้ที่ประจันหน้ากับความเกรี้ยวโกรธของเขาอย่างหยิ่งผยอง ไร้ซึ่งความเกรงกลัว “จะฆ่าหรือจะเลาะกระดูก ก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่หากข้าทั่วป๋าเฟยเยวียนกะพริบตาแม้แต่นิด ข้าย่อมไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกสาวของเจ้าแห่งทะเลทราย!”ท่าทีแข็งกร้าวดื้อรั้นและหยิ่งทะนงตนของนางนั้น ตราตรึงลึกในใจของลู่เฟิงจิ่นลู่เฟิงจิ่นบีบคางของนางด้วยฝ่ามือ เชยดวงหน้าน้อยมอมแมมของนางขึ้นมา “กล้าสามหาวต่อหน้าข้าเช่นนี้ เจ้าคงไม่กลัวตายจริง ๆ สินะ!”“ปล่อยข้า!” ทั่วป๋าเฟยเยวียนไม่อาจหลบเลี่ยง ทำได้เพียงถลึงตามองเขาอย่างเดือดดาล “ชายชาติสุนัข แน่จริงก็ฆ่าข้าสิ!”ลู่เฟิงจิ่นถูกด่า
ฉู่เซียวเหอถูกทั่วป๋าเฟยเยวียนลอบทำร้าย แถมบริเวณที่บาดเจ็บยังเป็นท่อนล่างอีกด้วย!ยามฉู่เยว่หลีรุดมาถึง ฉู่เซียวเหอนอนบนเตียง ลมหายใจรวยรินหมอทำแผลให้เขาเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งเปลี่ยนกางเกงที่อาบไปด้วยเลือดหมอเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “เกรงว่าท่านทัพจะ... มีทายาทไม่ได้อีกต่อไปแล้วขอรับ”ในหัวของฉู่เยว่หลีอึ้งอึงไปหมด ราวกับมีสายฟ้าฟาดตระกูลกั๋วกงจงรักภักดี ลูกชายทั้งสามของกั๋วกงตายในสงครามกลางทะเลทรายทั้งหมดลูกชายคนโต จงหย่งโหวคือพ่อของฉู่เยว่หลี สู้จนตัวตายในสนามรบ หลงเหลือเพียงนางและพี่ใหญ่สองพี่น้องอารองและอาสามตายในสงครามตั้งแต่ยังหนุ่ม อารองเพิ่งจะแต่งงานก็ออบรบ อาสามยังไม่ทันได้แต่งงานด้วยซ้ำด้วยเหตุนั้นพี่ใหญ่จึงคือบุรุษเพียงหนึ่งเดียวในจวนกั๋วกงของพวกเราทว่ามีดนั้นของทั่วป๋าเฟยเยวียน ทำให้ไฟดวงสุดท้ายของจวนกั๋วกงดับมอดลง!พี่ชายที่ซื่อสัตย์ภักดี ทว่ากลับถูกนางทำลายชีวิต!ฉู่เยว่หลีหยิบมีดสั้นบนพื้นขึ้นมา แล้วพุ่งตัวออกไป“คุณหนู! คุณหนูอย่าวู่วามเจ้าค่ะ!” จื่อซูไล่ตามหลัง ร้อนรนจนสองตาแดงก่ำฉู่เยว่หลีไม่จำเป็นต้องตามหาทั่วป๋าเฟยเยวียน เพราะลู่เฟิงจิ่นพาตัวนางเข้
หัวใจของฉู่เยว่หลีเหมือนถูกแทงจนไม่มีชิ้นดีเพราะแววตานั้นทั้งสองรู้จักกันมานานหลายปี แถมเดือนหน้าก็จะแต่งงานกัน แต่ยามนี้เขากลับคิดจะฆ่าจะแกงนางเพียงเพราะเด็กสาวคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงครึ่งเดือนยามแรงอาฆาตแวบผ่านในแววตาของเขา ความรู้สึกอันลึกซึ้งที่สั่งสมมานานหลายปีก็พลันเปลี่ยนเป็นเรื่องน่าขำนางหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “องค์ชายจะแก้แค้นแทนนางหรือ?”“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ?” ลู่เฟิงจิ่นกัดฟันกรอด น้ำเสียงรอดออกมาจากไรฟันทั้งเย็นชาทั้งโหดร้ายจื่อซูได้ยินแล้วก็พันตื่นตระหนก รีบพุ่งตัวเข้ามา “องค์ชายเพคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณหนู ทั่วป๋า เฟเยวียน ทำร้าย...ก่อน”“ไปให้พ้น!” ลู่เฟิงจิ่นยกเท้าขึ้น ถีบจื่อซูอย่างแรงจื่อซูล้มกระแทกลงกับพื้น กรีดร้องก่อนจะกระอักเลือดออกมา“จื่อซู” ฉู่เยว่หลีพลันได้สติ ก่อนจะรีบเข้ามาพยุง จื่อซูขึ้นจื่อซูอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่พออ้าปากก็กระอักเลือดออกมา นางหายใจแทบไม่ทัน ท้ายที่สุดดวงตาทั้งสองกลอกขึ้น ก่อนจะหมดสติไป“จื่อซู!” ฉู่เยว่หลีร้องตะโกนอย่างร้อนรน “ฟื้นสิ!”จื่อซูอยู่ข้างกายนางมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่านางจะเป็นเพียงสาวใช้ แต่ทั้ง
เขายังเป็นองค์ชายจิ่น ทว่าเขากลับเหมือนไม่ใช่ตัวเขาลู่เฟิงจิ่นในอดีตนั้นกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ทว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉู่เยว่หลีในคืนนี้กลับเป็นชายใบหน้าหม่นหมองคนหนึ่งเขาถึงขั้นหมดอาลัยตายอยากฉู่เยว่หลีรินเหล้าให้เขาลู่เฟิงจิ่นยังคงเหมือนเช่นเคย หากมีเรื่องในใจมักจะมาหานาง ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจก็จะมาบอกเล่าให้นางฟังค่ำคืนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่สบายใจหลังจากดื่มเหล้าฤทธิ์แรงติดต่อกันไปหลายจอก ลู่เฟิงจิ่นถึงได้มองเห็นฉู่เยว่หลีอย่างชัดเจน ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา “อาการบาดเจ็บของแม่ทัพฉู่ดีขึ้นแล้วหรือไม่?”“ดีขึ้นแล้ว” ฉู่เยว่หลีตอบเสียงเรียบเฉย ใบหน้าเย็นชา ไม่มีอารมณ์ใดแม้แต่นิดลู่เฟิงจิ่นรู้ว่าอาการเช่นนั้น คือถูกตัด ไม่อาจหายดีได้เขากุมมือฉู่เยว่หลีอย่างแผ่วเบา “อาหลี อย่าโกรธข้าเลย วันนั้นข้าผิดเอง ข้าไม่ควรตวาดเจ้า”อันที่จริงหลายปีมานี้ เขานั้นดีกับฉู่เยว่หลีมากจริง ๆอย่าว่าแต่ตวาดนางเลย หากพูดจาใส่อารมณ์กับนางเพียงเล็กน้อย เขาก็จะขอโทษในทันทีเขาไม่เคยแม้แต่จะเรียกตนเองว่า “องค์ชาย” ต่อหน้านางด้วยซ้ำ ยกเว้นครั้งนั้นเมื่อสามวันก่อนฉู่เยว่หลีหลุบตาลง ชักมือขอ
”เช่นนั้นแล้ว องค์ชายมาเพื่อพูดเรื่องถอนหมั้นกับข้าหรือ?” ใบหน้าของฉู่เยว่หลียังคงราบเรียบ สงบนิ่งทว่าสิบนิ้วที่เก็บซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อนั้นจิกเกร็งแน่นเล็บอันแหลมคม จิกเข้าไปในเนื้อกลางฝ่ามือ เจ็บแสบเล็กน้อย แต่เพราะความเจ็บปวดที่หัวใจ ความเจ็บปวดบนฝ่ามือนั้นจึงไม่หนักหนาต่อไปคู่หมั้นของนางเอ่ยกันนางด้วยสีหน้าทุกข์ทนว่าเขาชอบหญิงอื่น แต่ต้องการให้นางปลอบโยนเขาเหมือนเช่นเคยเฮ้อ ใต้นภายิ่งใหญ่ อัศจรรย์ใดก็เกิดขึ้นทั้งนั้นช่างน่าขันนัก“ถอนหมั้น” สองพยางค์นี้ แทงหัวใจของลู่เฟิงจิ่งสาหัสนัก“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร! ข้าจะถอนหมั้นกับเจ้าได้อย่างไร? ชาตินี้ข้าจะไม่มีวันไปจากเจ้า”เขาตื่นตระหนก กุมมือของฉู่เยว่หลีเอาไว้อีกครั้งคราวนี้กำแน่นกว่าคราวไหน บีบเลยด้วยซ้ำ เล็บมือของฉู่เยว่หลีเดิมทีจ่ออยู่กลางฝ่ามือ เมื่อถูกเขาบีบเช่นนั้น เล็บทั้งเล็บจึงจิกลึกเข้าไปในเนื้อทั้ง ๆ ที่เจ็บยิ่งนัก แต่กลับไม่รู้สึกอันใดนางมองลู่เฟิงจิ่น น้ำเสียงนิ่งเรียบ “เช่นนั้นแล้วที่องค์ชายมาคืนนี้ อยากจะพูดอะไรกับข้ากันแน่?”“อาหลี เจ้าอย่าได้เย็นชากับข้าเช่นนี้ได้หรือไม่? เราสองรักกันมานานหลาย