“เจ้ายังคงโกรธเรื่องนี้อยู่จริง ๆ ด้วย!” ลู่เฟิงจิ่นผิดหวังในฉู่เยว่หลีเป็นอย่างมาก “เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เจ้ายังจำมาจนถึงบัดนี้!”“องค์ชายคิดว่าพี่ชายข้าเสียอนาคตไป เป็นเรื่องเล็กน้อยหรือ?”เขาผิดหวังในตัวฉู่เยว่หลี ฉู่เยว่หลีก็ผิดหวังในตัวเขาอย่างที่สุดเช่นกันไม่ได้หรือ?ลู่เฟิงจิ่นผู้ที่เคยตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เที่ยงธรรม ได้หายไปแล้ว“หากองค์ชายคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คราวหน้าก็ให้นางแทงองค์ชายบ้างสิเพคะ?”ลู่เฟิงจิ่นนึกภาพนั้นก็รู้สึกแน่นที่ท้องขึ้นมาในทันทีเขาพลันรู้สึกหมดแรงอย่างที่สุด “ช่างเถอะ อาหลี เจ้าก็แทงนางไปทีหนึ่ง ทำให้นาง... เจ้ารู้ไหมว่านางเจ็บปวดแค่ไหน? ไม่ใช่แค่เจ็บแค่กาย แต่ศักดิ์ศรีก็ถูกทำลายด้วย มีดนั้นทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบอีกต่อไป...”“นางเคยสมบูรณ์แบบตั้งแต่เมื่อใด?”“อาหลี!” ลู่เฟิงจิ่นไม่พอใจเล็กน้อย “ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า เรื่องที่ผ่านมา จบลงแค่เท่านี้เถิด! ส่วนเรื่องที่เจ้ากับแม่ทัพฉู่ละทิ้งหน้าที่...”“ข้าให้คนส่งข่าวเร็วที่สุดไปยังฮ่องเต้ ขอให้พระองค์ทรงอนุญาตให้ข้าพาพี่ชายกลับเมืองหลวง พระองค์ทรงอนุญาตแล้ว ข้าได้ร
ลู่เฟิงจิ่นคิดว่าฉู่เยว่หลีจะโวยวาย ในเมื่อเรื่องนี้เป็นถูกเอาเปรียบแต่ฉู่เยว่หลีกลับนิ่งเงียบมองเขา ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย ความเงียบสงบนี้ ทำให้เขารู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก“อาหลี นิสัยของเยวียนเอ๋อร์ เจ้าก็ได้เห็นแล้ว นางไม่ยอมใช้สามีกับเจ้า เพราะฉะนั้น ข้าจึงจะถอนหมั้นกับเจ้า”ลู่เฟิงจิ่นรู้ว่าคำพูดนี้ทำร้ายจิตใจ หากฉู่เยว่หลีว่าง่าย เขาก็คงไม่ทำเช่นนี้คงต้องโทษที่นิสัยนางแข็งกร้าวเกินไป เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนาง“อาหลี บัดนี้เยวียนเอ๋อร์ยอมแต่งงานพร้อมกับเจ้าแล้ว นั่นคือถอยมากที่สุดเท่าที่นางจะทำได้แล้ว หากเจ้าไม่ยอม เรื่องแต่งงานของเราก็ต้องยกเลิก”ฉู่เยว่หลียังคงจ้องมองเขา แววตาที่ไม่ร้อนรนนั้น ทำให้ลู่เฟิงจิ่นโมโหอย่างน่าประหลาด“เจ้าคิดอะไรอยู่? อาหลี ไม่ว่าเจ้าจะคิดอะไร ข้าก็จะไม่ทิ้งเยวียนเอ๋อร์! อาหลี เรามาพูดกันตรง ๆ อย่าได้คิดอ้อมค้อมมากความได้หรือไม่?”เขาไม่อยากเสียเวลาไปกับนางมากไปกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น ทั่วป๋าเฟยเยวียนกำลังยังรอเขาอยู่ที่จวนด้วยนิสัยของนาง หากเขาไม่รีบกลับ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก!“ได้ ข้าจะพูดกับองค์ชายอย่างตรงไปตรงมา” ฉู่เยว่หลีเอ่
“เยวียนเอ๋อร์ เจ้าจะทำอะไร?” ลู่เฟิงจิ่นลุกขึ้นยืนในทันใด คว้าข้อมือของทั่วป๋าเฟยเยวียน “วางมีดลง!”ด้านนอก องครักษ์ของจวนกั๋วกงพากันวิ่งเข้ามาฉินอู่รีบวิ่งเข้าไป ตะโกนเสียงดังลั่น “องค์ชายจิ่นอยู่ที่นี่ ผู้ใดกล้าสามหาว! ถอยไปให้หมด!”องครักษ์ไม่กล้าทำอะไรใครคนหนึ่งรีบหันไปแจ้งให้ฉู่เซียวเหอทราบ“เยวียนเอ๋อร์ วางมีดลงก่อน” ลู่เฟิงจิ่นบีบข้อมือของนางแน่นขึ้นทั่วป๋าเฟยเยวียนโกรธจัด “ใจเจ้ายังมีนางอยู่จริง ๆ ด้วย!”“เยวียนเอ๋อร์!” ลู่เฟิงจิ่นก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ถึงได้ใจอ่อนกับนางไปเสียทุกครั้งเมื่อเห็นเปลวไฟแห่งความโกรธในดวงตาของนาง เขาก็ไม่โมโหแล้ว“เยวียนเอ๋อร์ ข้ามีแต่เจ้า แต่นี่คือจวนกั๋วกง อย่าได้ก่อเรื่อง วางมีดลงก่อน!”“หมายความว่า หากนางนางเข้าจวนแล้ว ข้าก็สามารถทำอะไรนางได้ตามใจชอบใช่หรือไม่” ทั่วป๋าเฟยเยวียนหัวเราะเยาะ “แต่ข้ารอไม่ไหวแล้ว!”“เยวียนเอ๋อร์...”“แล้วเจ้าต้องการจะทำอะไร?” ฉู่เยว่หลียังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตั้งแต่ทั่วป๋าเฟยเยวียนเข้ามา มีดที่ส่องแสงแวววาวก็กวัดแกว่งอยู่ตรงหน้า แต่นางก็ยังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆความสงบนิ่งนั้น ทำให้ทั่วป๋าเฟยเยวียนเดือด
ลู่เฟิงจิ่นก้มลงมองกล่องไม้ที่ฉู่เยว่หลีถืออยู่นั้นดูมีแน่น แต่ด้วยนิ้วมือที่เรียวเล็กดุจหยกของนาว กลับทำให้มันดูอ่อนช้อยงดงามขึ้นมาลู่เฟิงจิ่นรู้มานานแล้ว ว่านางมีมือที่งดงามที่สุดในโลกหน้า นิ้วเรียวขาวละเอียด ราวกับแกะสลักจากหยกพูดได้เลยว่าฉู่เยว่หลีเป็นหญิงสาวที่สวรรค์เมตตากว่าผู้ใด ตั้งแต่หัวจรดเท้าหาตำหนิไม่ได้เลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งตอนที่นางรีบร้อน เหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย เหงื่อนั้นก็ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวลู่เฟิงจิ่นเคยเห็นกับตาของตัวเอง ยามที่นางร่ายรำ หมู่ผีเสื้อนั้นบินวนเวียนรอบกายนางไม่ยอมห่างนางเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ หาที่ติไม่ได้ลู่เฟิงจิ่นพลันสับสนจู่ ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่จนกระทั่งน้ำเสียงเย็นชาของทั่วป๋าเฟยเยวียนดังขึ้น “ข้าคิดว่าคนสูงศักดิ์อย่างองค์ชายจิ่นนั้น มีของดีใดบ้างที่ไม่เคยเห็น แต่กลับหลงใหลในของขวัญเล็ก ๆ น้อยๆ ช่างน่าขันจริง ๆ!”ความคิดของลู่เฟิงจิ่นพลันกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้งเขามองกล่องไม้ในมือของฉู่เยว่หลี สีหน้าเปลี่ยนไป “อาหลี ข้าคิดว่าข้าพูดชัดเจนแล้ว! เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้?”“องค์ชายไม่ลองเปิดดูหรือเพคะ?” ฉู่
ทั่วป๋าเฟยเยวียนคว้าพระราชโองการในมือของลู่เฟิงจิ่น นางเปิดอ่านดูก่อนจะก็สติหลุดลอยไปชั่วขณะเป็นพระราชโองการที่ฮ่องเต้จะทรงยกเลิกการหมั้นหมายของพวกเขา!“เจ้า...” ทั่วป๋าเฟยเยวียนมองฉู่เยว่หลี วินาทีนั้นกลับพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียวตำแหน่งจิ่นอ๋องเฟยอันล้ำค่า ฉู่เยว่หลีใฝ่ฝันมันมานานมิใช่หรือ?ขอให้ฮ่องเต้อนุญาตทรงถอนหมั้น? เป็นไปไม่ได้!“เจ้า... ต้องการอะไรกันแน่?” ลู่เฟิงจิ่นจ้องฉู่เยว่หลี น้ำเสียงนั้นราวลอดออกมาจากไรฟันก่อนหน้านี้ที่พูดถึงเรื่องถอนหมั้น ก็แค่ขู่เพื่อให้นางยอมรับเงื่อนไขที่ต้องเข้าแต่งงานจวนพร้อมกับทั่วป๋าเฟยเยวียนในวันเดียวกันส่วนถอนหมั้นนั้น อันที่จริงเขาไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำเรื่องการแต่งงานของพวกเขาทั้งสอง เขาตัดสินใจตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วยามนั้น เด็กหญิงตัวน้อยวัยแปดขวบ น่ารักน่าทะนุถนอมดุจหยกสลัก เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นต่อมา นางยิ่งโตนางก็ยิ่งงดงามราวกับดอกบัวที่ชูช่อ ดุจดั่งดอกกล้วยไม้ในหุบเขา เป็นดอกบัวบริสุทธิ์ในใจของชายหนุ่มทุกคนในเมืองหลวงหากถอนหมั้น หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบผู้นี้ ก็อาจจะแต่งงานกับคนอื่นหากนางแต่งงานกับคนอื่น ลู่เฟิงจิ่นก็จ
“เจ้าให้โอกาสข้าแก้แค้นงั้นหรือ?” ทั่วป๋าเฟยเยวียนพูดอย่างไม่ยี่ระ “คิดจะให้เล่ห์เหลี่ยมอะไร?”“ใช่ ข้าให้โอกาสเจ้า และให้เพียงครั้งเดียว!” ใบหน้าที่งดงามของฉู่เยว่หลียิ่งดูงดงามยิ่งขึ้นเพราะความเยือกเย็นสายตาของนางมองทอดยาวข้ามคนอื่นไป หยุดอยู่ที่ฉู่เซียวเหอที่เพิ่งมาถึง “หากทั่วป๋าเฟยเยวียนทำร้ายข้าได้ที่นี่ ไม่ว่าจะตายหรือรอด คนของจวนกั๋วกงจะไม่เอาเรื่อง”“ไม่ได้!” ฉู่เซียวเหอรีบวิ่งไปหาฉู่เยว่หลี กันนางไว้ด้านหลังเขาจ้องลู่เฟิงจิ่นอย่างโกรธแค้น “องค์ชายจิ่น แม้ท่านจะสูงศักดิ์แค่ไหน ก็ไม่ควรจะรังแกอาหลีเช่นนี้! จวนกั๋วกงตั้งแต่นายยันบ่าวมีแต่คนที่มีความดีความชอบ หากอาหลีเกิดอะไรขึ้น แล้วราชวงศ์ไม่รับผิดชอบ ข้าจะไปชนเสาในพระที่นั่งให้ตาย อยากจะเห็นนักว่าองค์ชายจะอุดปากคนทั้งเมืองได้อย่างไร!”ทั่วป๋าเฟยเยวียนกลับเอ่ยอย่างดูแคลน “แม่ทัพขี้แพ้เช่นเจ้า ยังกล้ามาขู่ข้า”“เจ้า!” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เซียวเหอเผชิญหน้ากับหญิงผู้นี้ หลังจากที่ถูกทำลายเขารู้สึกตึงเครียดไปทั้งร่าง ฝ่ามือสั่นเครือ แทบจะถึงขีดจำกัดแล้ว!เขาอยากจะฆ่าผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนี้ด้วยมือของตนเอง!“ไม่เป็นไร เรื
องครักษ์และคนใช้ต่างถอยออกไป เหลือเพียงลู่เฟิงจิ่นและฉินอู่ รวมถึงฉู่เซียวเหอและจื่อซูฉู่เซียวเหอยังคงอยากจะเข้าไปขัดขวาง แต่ถูกฉินอู่ขวางไว้“แม่ทัพฉู่ อาหลีเต็มใจเอง เมื่อเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ต่อจากนี้พวกเราก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข” ลู่เฟิงจิ่นอยากจะยุติเรื่องวุ่นวายนี้โดยเร็วที่สุดหากอาหลีถูกเยวียนเอ๋อร์ฟัน ปัญหาทั้งหมดก็จะคลี่คลาย เพียงแค่อาหลีก็รับมีดนั้นไปก่อน จากนี้ไปเขาจะชดเชยนางแน่นอน!ฉู่เซียวเหอตะโกนอย่างร้อนรน “องค์ชาย! องค์ชายรู้จักอาหลีมาหลายปี ไม่รู้หรือว่า นางเป็นหญิงสาวที่อ่อนแอ ทั่วป๋าเฟยเยวียนเติบโตในทะเลทราย วิธีการของนางโหดร้าย...”“เยวียนเอ๋อร์สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายอาหลี แม่ทัพอย่าได้กล่าวหาเช่นนั้น!”“องค์ชาย...”ภายในห้อง ได้ยินเสียงดัง “โครม” แล้วก็ได้ยินเสียงของสิ่งของหนัก ๆ ตกใส่เก้าอี้ แม้แต่เก้าอี้ยังแตกเป็นชิ้นจนเสียงดังกระหึ่ม“อาหลี!” ฉู่เซียวเหอตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอย เขาผลักจื่อซูไปข้างหลัง แล้ววิ่งพุ่งตัวเข้าไปลู่เฟิงจิ่นเองก็วิ่งเข้าไป หนึ่ง เพราะกลัวว่าทั่วป๋าเฟยเยวียนจะทะเลาะกับฉู่เซียวเหอ สอง ก็เพราะเป็นห่วงอาหลีแต่เขาก็ตัดสินใจว่าแล
“องค์ชายจงวางใจเถิด ข้าจะไม่เสียใจ” ฉู่เยว่หลียกมุมปาก แย้มยิ้มบาง “ในเมื่อยามนี้ข้าที่ไม่ต้องการองค์ชายแล้ว”หลังจากที่แย้มยิ้มให้ลู่เฟิงจิ่นอีกครั้ง ฉู่เยว่หลีก็จากไปย่างก้าวนั้นช่างสำราญใจแผ่นหลังนั้นชวนหลังใหลไร้ซึ้งความเศร้าโศก!ลู่เฟิงจิ่นกำมือแน่น แข็งทื่อไปทั้งตัว“องค์ชาย เช่นนั้น... กลับจวนก่อนเถิด ดูท่าแม่นางทั่วป๋าเหมือนจะไม่ไหวแล้ว คนไม่รู้คงคิดว่านางตายไปแล้วกระมัง!” ฉู่เซียวเหอเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนยามนี้หากเจอทั่วป๋าเฟยเยวียนแล้วควบคุมตัวเองไม่ให้วู่วามฆ่านางได้ ก็นับว่าเขาอดทนอย่างถึงที่สุดแล้วอยากให้เขาดีกับทั่วป๋าเฟยเยวียน ชาตินี้คงเป็นไปไม่ได้!“แม่ทัพฉู่ ระวังคำพูดด้วย!” ลู่เฟิงจิ่นจ้องเขาอย่างดุเดือดแต่เมื่อเห็นทั่วป๋าเฟยเยวียนยังหมดสติอยู่บนพื้น ภาพนั้นทำเขาหัวใจกระตุกวูบเมื่อครูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เมื่อเห็นฉู่เยว่หลีจะจากไป กลับทิ้งเยวียนเอ๋อร์วิ่งตามไปเสียอย่างนั้นยังไม่รู้ว่าเยวียนเอ๋อร์บาดเจ็บมากน้อยเพียงใดเขาพลันหันหลังกลับ อุ้มทั่วป๋าเฟยเยวียนขึ้น แล้วรีบวิ่งออกจากห้องโถง “ใครก็ได้! กลับจวน!”ฉู่เซียวเหอไม่ได้ตั้งใจจะส่งเขา พอส่