ลู่เฟิงจิ่นก้มลงมองกล่องไม้ที่ฉู่เยว่หลีถืออยู่นั้นดูมีแน่น แต่ด้วยนิ้วมือที่เรียวเล็กดุจหยกของนาว กลับทำให้มันดูอ่อนช้อยงดงามขึ้นมาลู่เฟิงจิ่นรู้มานานแล้ว ว่านางมีมือที่งดงามที่สุดในโลกหน้า นิ้วเรียวขาวละเอียด ราวกับแกะสลักจากหยกพูดได้เลยว่าฉู่เยว่หลีเป็นหญิงสาวที่สวรรค์เมตตากว่าผู้ใด ตั้งแต่หัวจรดเท้าหาตำหนิไม่ได้เลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งตอนที่นางรีบร้อน เหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย เหงื่อนั้นก็ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวลู่เฟิงจิ่นเคยเห็นกับตาของตัวเอง ยามที่นางร่ายรำ หมู่ผีเสื้อนั้นบินวนเวียนรอบกายนางไม่ยอมห่างนางเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ หาที่ติไม่ได้ลู่เฟิงจิ่นพลันสับสนจู่ ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่จนกระทั่งน้ำเสียงเย็นชาของทั่วป๋าเฟยเยวียนดังขึ้น “ข้าคิดว่าคนสูงศักดิ์อย่างองค์ชายจิ่นนั้น มีของดีใดบ้างที่ไม่เคยเห็น แต่กลับหลงใหลในของขวัญเล็ก ๆ น้อยๆ ช่างน่าขันจริง ๆ!”ความคิดของลู่เฟิงจิ่นพลันกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้งเขามองกล่องไม้ในมือของฉู่เยว่หลี สีหน้าเปลี่ยนไป “อาหลี ข้าคิดว่าข้าพูดชัดเจนแล้ว! เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้?”“องค์ชายไม่ลองเปิดดูหรือเพคะ?” ฉู่
ทั่วป๋าเฟยเยวียนคว้าพระราชโองการในมือของลู่เฟิงจิ่น นางเปิดอ่านดูก่อนจะก็สติหลุดลอยไปชั่วขณะเป็นพระราชโองการที่ฮ่องเต้จะทรงยกเลิกการหมั้นหมายของพวกเขา!“เจ้า...” ทั่วป๋าเฟยเยวียนมองฉู่เยว่หลี วินาทีนั้นกลับพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียวตำแหน่งจิ่นอ๋องเฟยอันล้ำค่า ฉู่เยว่หลีใฝ่ฝันมันมานานมิใช่หรือ?ขอให้ฮ่องเต้อนุญาตทรงถอนหมั้น? เป็นไปไม่ได้!“เจ้า... ต้องการอะไรกันแน่?” ลู่เฟิงจิ่นจ้องฉู่เยว่หลี น้ำเสียงนั้นราวลอดออกมาจากไรฟันก่อนหน้านี้ที่พูดถึงเรื่องถอนหมั้น ก็แค่ขู่เพื่อให้นางยอมรับเงื่อนไขที่ต้องเข้าแต่งงานจวนพร้อมกับทั่วป๋าเฟยเยวียนในวันเดียวกันส่วนถอนหมั้นนั้น อันที่จริงเขาไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำเรื่องการแต่งงานของพวกเขาทั้งสอง เขาตัดสินใจตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วยามนั้น เด็กหญิงตัวน้อยวัยแปดขวบ น่ารักน่าทะนุถนอมดุจหยกสลัก เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นต่อมา นางยิ่งโตนางก็ยิ่งงดงามราวกับดอกบัวที่ชูช่อ ดุจดั่งดอกกล้วยไม้ในหุบเขา เป็นดอกบัวบริสุทธิ์ในใจของชายหนุ่มทุกคนในเมืองหลวงหากถอนหมั้น หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบผู้นี้ ก็อาจจะแต่งงานกับคนอื่นหากนางแต่งงานกับคนอื่น ลู่เฟิงจิ่นก็จ
“เจ้าให้โอกาสข้าแก้แค้นงั้นหรือ?” ทั่วป๋าเฟยเยวียนพูดอย่างไม่ยี่ระ “คิดจะให้เล่ห์เหลี่ยมอะไร?”“ใช่ ข้าให้โอกาสเจ้า และให้เพียงครั้งเดียว!” ใบหน้าที่งดงามของฉู่เยว่หลียิ่งดูงดงามยิ่งขึ้นเพราะความเยือกเย็นสายตาของนางมองทอดยาวข้ามคนอื่นไป หยุดอยู่ที่ฉู่เซียวเหอที่เพิ่งมาถึง “หากทั่วป๋าเฟยเยวียนทำร้ายข้าได้ที่นี่ ไม่ว่าจะตายหรือรอด คนของจวนกั๋วกงจะไม่เอาเรื่อง”“ไม่ได้!” ฉู่เซียวเหอรีบวิ่งไปหาฉู่เยว่หลี กันนางไว้ด้านหลังเขาจ้องลู่เฟิงจิ่นอย่างโกรธแค้น “องค์ชายจิ่น แม้ท่านจะสูงศักดิ์แค่ไหน ก็ไม่ควรจะรังแกอาหลีเช่นนี้! จวนกั๋วกงตั้งแต่นายยันบ่าวมีแต่คนที่มีความดีความชอบ หากอาหลีเกิดอะไรขึ้น แล้วราชวงศ์ไม่รับผิดชอบ ข้าจะไปชนเสาในพระที่นั่งให้ตาย อยากจะเห็นนักว่าองค์ชายจะอุดปากคนทั้งเมืองได้อย่างไร!”ทั่วป๋าเฟยเยวียนกลับเอ่ยอย่างดูแคลน “แม่ทัพขี้แพ้เช่นเจ้า ยังกล้ามาขู่ข้า”“เจ้า!” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เซียวเหอเผชิญหน้ากับหญิงผู้นี้ หลังจากที่ถูกทำลายเขารู้สึกตึงเครียดไปทั้งร่าง ฝ่ามือสั่นเครือ แทบจะถึงขีดจำกัดแล้ว!เขาอยากจะฆ่าผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนี้ด้วยมือของตนเอง!“ไม่เป็นไร เรื
องครักษ์และคนใช้ต่างถอยออกไป เหลือเพียงลู่เฟิงจิ่นและฉินอู่ รวมถึงฉู่เซียวเหอและจื่อซูฉู่เซียวเหอยังคงอยากจะเข้าไปขัดขวาง แต่ถูกฉินอู่ขวางไว้“แม่ทัพฉู่ อาหลีเต็มใจเอง เมื่อเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ต่อจากนี้พวกเราก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข” ลู่เฟิงจิ่นอยากจะยุติเรื่องวุ่นวายนี้โดยเร็วที่สุดหากอาหลีถูกเยวียนเอ๋อร์ฟัน ปัญหาทั้งหมดก็จะคลี่คลาย เพียงแค่อาหลีก็รับมีดนั้นไปก่อน จากนี้ไปเขาจะชดเชยนางแน่นอน!ฉู่เซียวเหอตะโกนอย่างร้อนรน “องค์ชาย! องค์ชายรู้จักอาหลีมาหลายปี ไม่รู้หรือว่า นางเป็นหญิงสาวที่อ่อนแอ ทั่วป๋าเฟยเยวียนเติบโตในทะเลทราย วิธีการของนางโหดร้าย...”“เยวียนเอ๋อร์สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายอาหลี แม่ทัพอย่าได้กล่าวหาเช่นนั้น!”“องค์ชาย...”ภายในห้อง ได้ยินเสียงดัง “โครม” แล้วก็ได้ยินเสียงของสิ่งของหนัก ๆ ตกใส่เก้าอี้ แม้แต่เก้าอี้ยังแตกเป็นชิ้นจนเสียงดังกระหึ่ม“อาหลี!” ฉู่เซียวเหอตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอย เขาผลักจื่อซูไปข้างหลัง แล้ววิ่งพุ่งตัวเข้าไปลู่เฟิงจิ่นเองก็วิ่งเข้าไป หนึ่ง เพราะกลัวว่าทั่วป๋าเฟยเยวียนจะทะเลาะกับฉู่เซียวเหอ สอง ก็เพราะเป็นห่วงอาหลีแต่เขาก็ตัดสินใจว่าแล
“องค์ชายจงวางใจเถิด ข้าจะไม่เสียใจ” ฉู่เยว่หลียกมุมปาก แย้มยิ้มบาง “ในเมื่อยามนี้ข้าที่ไม่ต้องการองค์ชายแล้ว”หลังจากที่แย้มยิ้มให้ลู่เฟิงจิ่นอีกครั้ง ฉู่เยว่หลีก็จากไปย่างก้าวนั้นช่างสำราญใจแผ่นหลังนั้นชวนหลังใหลไร้ซึ้งความเศร้าโศก!ลู่เฟิงจิ่นกำมือแน่น แข็งทื่อไปทั้งตัว“องค์ชาย เช่นนั้น... กลับจวนก่อนเถิด ดูท่าแม่นางทั่วป๋าเหมือนจะไม่ไหวแล้ว คนไม่รู้คงคิดว่านางตายไปแล้วกระมัง!” ฉู่เซียวเหอเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนยามนี้หากเจอทั่วป๋าเฟยเยวียนแล้วควบคุมตัวเองไม่ให้วู่วามฆ่านางได้ ก็นับว่าเขาอดทนอย่างถึงที่สุดแล้วอยากให้เขาดีกับทั่วป๋าเฟยเยวียน ชาตินี้คงเป็นไปไม่ได้!“แม่ทัพฉู่ ระวังคำพูดด้วย!” ลู่เฟิงจิ่นจ้องเขาอย่างดุเดือดแต่เมื่อเห็นทั่วป๋าเฟยเยวียนยังหมดสติอยู่บนพื้น ภาพนั้นทำเขาหัวใจกระตุกวูบเมื่อครูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เมื่อเห็นฉู่เยว่หลีจะจากไป กลับทิ้งเยวียนเอ๋อร์วิ่งตามไปเสียอย่างนั้นยังไม่รู้ว่าเยวียนเอ๋อร์บาดเจ็บมากน้อยเพียงใดเขาพลันหันหลังกลับ อุ้มทั่วป๋าเฟยเยวียนขึ้น แล้วรีบวิ่งออกจากห้องโถง “ใครก็ได้! กลับจวน!”ฉู่เซียวเหอไม่ได้ตั้งใจจะส่งเขา พอส่
“เป็นฝีมือฉู่เยว่หลี!” ทั่วป๋าเฟยเยวียนหน้าซีดเผือด เห็นได้ชัดว่ากำลังตื่นตกใจลู่เฟิงจิ่นขมวดคิ้ว “จะเป็นอาหลีได้อย่างไร? นางไม่มีวรยุทธ์!”“ไม่ นางมีวรยุทธ์ ฝีมือของนาง เก่งยิ่งกว่าเจ้าด้วยซ้ำ...”“เหลวไหล!” ครั้งนี้ลู่เฟิงจิ่นโกรธขึ้นมาจริง ๆ “ข้ารู้จักอาหลีมาหลายปี มีเรื่องอะไรที่ข้าไม่รู้บ้าง?”“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?” ทั่วป๋าเฟยเยวียนสีหน้าพลันเปลี่ยน ความโกรธตีขึ้นมา “ไอ้ชาติหมา หรือว่าเจ้า...”“เจ้าด่าใครว่าไอ้ชาติหมา?” ประตูเปิดออกในทันใด หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างเดือดดาลโดยมีแม่นมคอยพยุง “องค์ชายจิ่นผู้ทรงเกียรติแห่งตงหลิง แต่เจ้ากลับเรียกเขาว่าไอชาติหมาหรือ?”“เสด็จแม่!” ลู่เฟิงจิ่นสีหน้าเปลี่ยน รีบลุกขึ้นยืน โค้งคำนับ “ถวายบังคมเสด็จแม่”พระสนมรุ่ยเฟย เสด็จแม่ของลู่เฟิงจิ่นนี่เองทั่วป๋าเฟยเยวียนถึงบางอ้อ รู้สึกประหม่า แต่ท่าทีหยิ่งยโสของพระสนมรุ่ยเฟย กลับทำให้ความหยิ่งทะนงของนางเพิ่มขึ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางเก็บความประหม่านั้นไว้ มองพระสนมรุ่ยเฟย ไม่แสดงท่าทีใด“สามหาว!” แม่นมที่อยู่ข้างกายพระสนมรุ่ยเฟย สีหน้าเปลี่ยนบึ้งตึง เอ่ยเสียงขุ่น “พบกับพระสนมรุ
”หุ” เสียงแค่นหัวเราะดังขึ้น ทำลายความอึดอัดระหว่างทั้งสองคนพระสนมรุ่ยเฟยโมโหจนถึงขีดสุด แต่กลับหัวเราะขึ้นมา “ดี ดีมาก ลูกชายของข้า ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสามีของเจ้าหรอก”“เสด็จแม่ นางจิตใจงาม เพียงแต่ยังเด็กอยู่ก็เท่านั้น…” ลู่เฟิงจิ่นรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวรอยยิ้มนี้ของเสด็จแม่ น้อยนักที่เขาจะมีโอกาสได้เห็นคราวก่อนที่ได้เห็น ก็ตอนที่นางยิ้มเยาะยามสั่งประหารแม่นมเฒ่าที่คอยรับใช้ข้างกายตัวเองมาลู่เฟิงจิ่นพยายามอธิบายต่อ “เสด็จแม่ เยวียนเอ๋อร์ไม่มีเจตนาจะดูหมิ่นท่าน ลูกเพียงแค่…”“ลู่เฟิงจิ่น เจ้าจะก้มหัวให้นางหรือ?” ทั่วป๋าเฟยเยวียนที่ยังคงอวดดีตั้งแต่เมื่อครู่ ใบหน้าเปลี่ยนไปในทันที ดูไม่ได้เอาเสียเลยนางรู้ดีถึงสถานะของพระสนมรุ่ยเฟย และรู้ว่าหากขัดคำสั่งนาง ผลที่ตามาคงไม่ดีแน่แต่สิ่งที่นางต้องการ คือความจริงใจนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะพิสูจน์ว่าลู่เฟิงจิ่นจริงใจกับนางหรือไม่หากลู่เฟิงจิ่นไม่ปกป้องนางในตอนนี้ วันหน้ายามอยู่ในจวนองค์ชาย นางจะไม่มีอำนาจนางไม่ได้โง่ เพียงแต่อยากเดิมพันสักครั้งแต่พระสนมรุ่ยเฟยหมดความอดทนแล้ว“ใครก็ได้!”ทันทีที่นางออกคำสั่ง องคร
ลู่เฟิงจิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นอาหลีที่วางแผนหลอกล่อองค์ชายสี่ไปยังศึกทางเหนือ แต่อาหลีก็เป็นคนของลูก หากองค์ชายสี่แค้นใจ ก็คงจะแค้นลูกด้วย”“อาหลีเป็นคนออกอุบายนี้หรือ?” พระสนมรุ่ยเฟยตกใจ “เช่นนั้น ข่าวลือข้างนอกจึงเป็นความจริงสินะ?”“ข่าวลืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ลู่เฟิงจิ่นไม่รู้ว่ามีข่าวลืออะไรพระสนมรุ่ยเฟยขมวดคิ้ว “พวกเขาว่ากันว่าในกองทัพของเจ้ามีกุนซือหญิง วางแผนการรบเก่งกาจ ไม่มีใครเทียบได้ ชัยชนะของเจ้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นเพราะแผนการของนาง”“เหลวไหล!”“จิ่นเอ๋อร์ เรื่องนี้ เจ้าต้องบอกความจริงกับแม่” หากไม่มีมูลจะแพร่ไปได้อย่างไร ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทุกครั้งที่ลูกชายออกศึก ก็จะพาฉู่เยว่หลีไปด้วยจริง ๆ อย่างที่ว่า ห่วงใยคนรัก แรกเริ่มนางคิดว่าลูกชายยังคงห่วงใยคนรัก แต่ยามนี้ดูเหมือนว่าลูกชายจะสนใจกลศึกของอาหลีมากกว่า“จิ่นเอ๋อร์ เจ้าได้เป็นเทพสงครามของตงหลิง มีความดีความชอบของอาหลีอยู่มากน้อยเท่าใด? องค์ชายสี่จะกลับมาแล้ว ยามนี้หากเจ้ายังไม่ยอมบอกความจริงกับแม่ แม่ก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว!”ลู่เฟิงจิ่นเงียบไปพักใหญ่ จึงเอ่ยเสียวแผ่ว