แชร์

บทที่ 6

ฉู่เยว่หลีไม่เอ่ยคำใด เพียงแต่มองหน้าลู่เฟิงจิ่น แล้วยิ้มบาง

นางไม่ปลอบใจเขาเหมือนเช่นเคย ลู่เฟิงจิ่นผิดหวังไม่น้อย

เขาคิดว่าอย่างน้อยอาหลีคงเอ่ยปากให้อภัยเขา ให้เขาเบาใจขึ้นบ้าง

ในเมื่อเขาไม่ได้ปิดบังนาง สิ่งในที่ตนเองคิด เขานั้นสารภาพกับนางจากใจจริง

ใต้ฟ้านี้มีชายหลายใจมากนัก เขาบอกตัวเองว่าจะทำให้ดีกว่าชายใดบนโลกหล้า

ทว่าสุดท้ายแล้วนางก็ไม่โมโหอีก

ลู่เฟิงจิ่งรู้ อาหลีนั้นจิตใจงามที่สุด ไม่ว่าเขาจะทำอะไร หากนางเข้าใจแล้วสุดคงยกโทษให้เขา

“อารมณ์ดีหน่อย ระหว่าวเราต้องดีขึ้นแน่นอน รอข้านะ” เขากลับไปอย่างพอใจระดับหนึ่ง

วินาทีที่แผ่นหลังของเขาหายไปจากหน้าประตูเรือน รอยยิ้มมุมปากของฉู่เยว่หลีถึงได้ค่อย ๆ จางหายไป

นางหันหลังเดินเข้าไปในห้องของจื่อซู

ทว่ากลับเห็นจื่อซูนั่งอยู่บนเตียงกำลังเช็ดน้ำตา

“เป็นอะไรไป? เจ็บตรงไหนหรือ?” แววตาของฉู่เยว่หลีเปลี่ยนไป รีบเดินเข้าไปหา

จื่อซูส่ายหน้า มองนาง น้ำตาคลอเบ้า “คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่ข้า ได้ยินทั้งหมดแล้ว องค์ชายจิ่น พระองค์... พระองค์ทำเกินไปแล้ว! เหตุใดเขาถึงได้ทำกับท่านเช่นนี้!”

อันที่จริงวันนั้น ยามที่ได้ยินทั่วป๋าเฟยเยวียนกล้สเรียกองค์ชายว่า “ไอ้ชาติหมา” ทว่าครั้งองค์ชายได้ยินแล้วกลับทำราวเหมือนเรื่องธรรมดา จื่อซูก็รู้ในทันทีว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ปกติ

แม้แต่คุณหนูยังไม่เคยพูดจาสามหาวเช่นนี้กับองค์ชาย เห็นได้ว่าองค์ชายจิ่นเอ็นดูทั่วป๋าเฟยเยวียนเพียงใด

“คุณหนู ท่านคิดว่าพระองค์จะกลับใจได้จริงหรือ?”

ที่คิดไม่ถึงก็คือฉู่เยว่หลีกลับมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตาไร้ซึ่งความตื่นตระหนก “พระองค์จะลืมทั่วป๋าเฟยเยวียนได้หรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”

จื่อซือตกใจ “คุณหนู...”

“ไม่มีผู้ใดอยากอยู่ที่เดิมหรอก เพื่อรอใครคนหนึ่งหันกลับมามองตัวเองสักครั้งหรอก ในเมื่อเขาเดินจากไปแล้ว เช่นนั้นคงทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปเช่นกัน”

ความรักเก้าปี ใช่ว่าเพียงแค่ข้ามวันจะเลือนหายไป ทว่ากระจกครั้นมีรอยร้าว ไม่ว่าหลังจากนั้นจะเฝ้าถนอมอย่างไร ก็ไม่อาจกลับมางดงามสว่างใสได้ดังเดิม

กระจกร้าวยากหวนคืน คำสอนของคนโบราณ ไม่มีทางหลอกใคร

“รีบรักษาตัวให้หายดี พวกเราต้องกลับเมืองหลวงแล้ว” ฉู่เยว่หลีลุกยืนขึ้น เดินไปทางประตู “ข้าจะไปดูพี่ใหญ่ก่อน”

จื่อซูอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับทำได้เพียงมองแผ่นหลังงามของนาง ไม่เอ่ยคำใด

ทุกคนต่างคิดว่าคุณหนูนั้นเปราะบางอ่อนแอ ยอมให้คนกลั่นแกล้งได้ตามใจ มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่า คุณหนูนั้นเข้มแข็งกว่าผู้ใด!

เมื่อข่าวการตายของท่านโหวและภรรยาส่งกลับมาในปีนั้น ท่านกั๋วกงอาวุโสก็ล้มป่วย ท่านชายใหญ่หมดสติ มีเพียงคุณหนูที่ดูแสนเปราะบาง จัดพิธีศพให้แก่ท่านโหวและภรรยาด้วยตัวนางเพียงคนเดียว

นางดูบอบบางปลิวลม แต่คือปากอ่าวที่ทุกคนต่างพึ่งพา ไม่เช่นนั้น ทุกครั้งที่องค์ชายจิ่นเองพบเจอเรื่องทุกข์ใจ จะมาขอคำปลอบจากคุณหนูหรือ เพียงแต่เขาไม่รู้ตัวก็เท่านั้น!

หลังจากวันนั้น ฉู่เยว่หลีก็อยู่ที่เรือนตลอด คอยดูแลพี่ชายใหญ่และจื่อซูที่บาดเจ็บด้วยตัวเอง

ลู่เฟิงจิ่นไม่เห็นนางร้องไห้ฟูมฟาย แต่รู้ว่านางยอมรับเรื่องของตนและทั่วป๋าเฟยเยวียนแล้วก็โล่งใจ

เจ็ดวันติดต่อกันมาแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้พบกันเลย

เจ็ดวันหลังจากนั้น ทัพทหารเตรียมพร้อมเดินทางกลับเมืองหลวง

ฉู่เซียวเหอที่ฟังฟื้นตัวได้พอประมาณเป็นผู้นำทหารเดินทัพกลับเมืองหลวง

ขามาองค์ชายจิ่นอยู่ข้างกายนาง ทั้งสองพูดคุยหัวร่อต่อกระซิก ชวนให้คนอิจฉา

คิดไม่ถึงเลยว่าขากลับ ข้างกายองค์ชายจิ่นจะกลายเป็นที่ของคนอื่นแล้ว

จื่อซูอดบ่นในใจไม่ได้

ทว่าฉู่เยว่หลีกลับสีหน้าเรียบเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน

ยามสายตะวันโด่ง เหล่าทหารรอมานานแล้ว แต่องค์ชายกลับยังมาไม่ถึง

เหล่าทหารรอต่อไปอีกครึ่งราวครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็เห็นรถม้าขององค์ชายเคลื่อนเข้ามาจากไกล ๆ ค่อย ๆ เข้าประตูเมืองมา

ตัวคนยังไม่ถึง ทว่าเสียงเซ็งแซ่กลับดังก้องไปทั่วทั้งหูของทุกคน

“เจ้ากับนางหมั้นกันแล้ว แล้วจะหาข้าไปเมืองหลวงทำการอันใด? เจ้าคิดว่าข้าเป็นนางหรือ ที่ยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อยศตำแหน่ง? ลู่เฟิงจิ่น ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ ข้าไม่ไป! ข้าทั่วป๋าเฟยเยวียน ชาติไม่มีทางใช้สามีร่วมกับหญิงอื่น! หากไม่อาจเคียงคู่กันตลอดชีวิต ก็อย่าได้หาเรื่องใส่ตัว! ไสหัวไป!”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status