ว่านเย่วอิง สตรีร้ายกาจแห่งแคว้น นางร้ายที่จุดจบนั้นถูกพระเอกวางยาพิษให้ทุกทรมาน เลือดนั้นไหลออกทางทวารทั้งเจ็ดจนตาย ชะตาชีวิตของตัวละครนางนี้แทบทำให้ อิงอิง นั้นอยากร้องไห้ เพราะนางนั้นดันตายแล้วมาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้ มันอาจจะดีหากนางย้อนมาแล้วสามารถพลิกชะตาให้ตัวร้ายกลายเป็นนางเอกเช่นในนิยายหลายๆ เรื่องที่เคยอ่าน แต่นางนั้นเป็นตัวโง่งม สวยแต่ไร้สมอง ไร้ความสามารถ จะใช้สิ่งใดมาตะเกียกตะกายให้ร่างนี้ได้เป็นนางเอกกัน คุณหนูเช่นนางทำสิ่งใดไม่เป็นเลย จะใช้ความสามารถใดพาตัวเองให้รอดพ้นจากความตายเช่นในนิยายได้เล่า นางมิได้เป็นหมอ ทำอาหารหรือก็ไม่เป็น ความรู้ใดก็ไม่มี ก็นางเป็นคุณหนูที่ใช้ชีวิตดุจดั่งเจ้าหญิง บ้านนางร่ำรวยล้นฟ้า แล้วนางจะเหนื่อยดิ้นรนไปทำไมกัน แต่เมื่อนางหลุดมาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ เห็นทีนางคงต้องอยู่นิ่งๆ ไม่ไปวุ่นวายกับผู้ใด แต่ว่านเย่วอิง เหตุใดเจ้าจึงสร้างเรื่องไว้มากมายถึงเพียงนี้ แล้วข้าจักเอาชีวิตรอดได้อย่างไรกัน นางจะไม่ยอมถูกพระเอกของเรื่องฆ่าตายเป็นอันขาด ในเมื่อยั่วยวนพระเอกไม่สำเร็จ นางก็ต้องหาบุรุษที่จะสามารถปกป้องนางจากพระเอกได้ แต่จะใครกันล่ะที่มีอำนาจเหนือพระเอกที่เก่งกาจออกปานนั้น
Узнайте большеเสียงฝีเท้าของผู้คนที่มากกว่าหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้ ทำให้สาวใช้คนสนิทของสตรีที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงดวงตาเหลือกลาน
"คุณหนู พวกเขามากันแล้วเจ้าค่ะ เราจักทำเยี่ยงไรดีเจ้าคะ"
เสี่ยวมี่ เอ่ยถามผู้เป็นนายเสียงสั่น ทั้งร่างของนางยังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวก้าวเข้ามาเกาะขาผู้เป็นนายที่นั่งอยู่บนเตียง
อิงอิง หรือในตอนนี้ก็คือ ว่านเย่วอิง บุตรสาวของท่านหมอ ว่านกู่ถิง หมอผู้ได้รับขนานนามว่าเป็นหมอเทวดาที่ชอบช่วยเหลือคนยากไร้ เป็นที่นับหน้าถือตาของเหล่าเชื้อพระวงศ์ ขุนนางและบรรดาชาวบ้านชาวเมือง ท่านหมอว่านนั้นได้มีโอกาสรักษาโรคประหลาดให้แก่องค์ชายพระองค์หนึ่ง ซึ่งองค์ชายพระองค์นั้นเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้จนหาย ตระกูลว่านจึงได้รับพระราชทานทรัพย์สินมากมาย และเป็นที่ชื่นชมขององค์ฮ่องเต้ จนประทานตำแหน่งให้ท่านหมอว่านเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้แก่เหล่าหมอหลวง ท่านหมอว่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของผู้คน แต่เขากลับมีบุตรสาวที่เป็นสตรีร้ายกาจแห่งแคว้น
"เจ้ารับหน้าพวกเขาไปก่อน แจ้งว่าข้ายังไม่ได้สติ"
อิงอิงกล่าวจบนางก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้งและหลับตาลงในทันที
"จะดีหรือเจ้าคะคุณหนู"
เสี่ยวมี่ที่เอ่ยถามผู้เป็นนายของนางเสียงสั่นแต่กลับไม่ได้รับการตอบรับจากอีกฝ่าย พร้อมกับเสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้นางไม่มีทางเลือก รีบทรุดกายลงนั่งบนพื้นข้างเตียง ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นซีดเผือดน้ำตาไหลพราก
"คุณหนูของเจ้าเหตุใดจึงยังไม่ตื่นอีก"
เสียงทุ้มกดต่ำที่เต็มไปด้วยโทสะของบุรุษตรงหน้าทำให้เสี่ยวมี่เอ่ยตอบด้วยเสียงอันสั่นเครือตะกุกตะกัก
"มะ ไม่ทราบ เจ้าค่ะ คุณชายเซี่ย บ่าวมิรู้ว่าเหตุใดคุณหนูของบ่าวถึงได้ยังไม่ฟื้นคืนสติ"
กล่าวได้เพียงเท่านั้นนางก็ปล่อยโฮออกมาอีกครา นางมิได้เสแสร้งแกล้งทำ แต่นางร้องไห้เพราะความหวาดกลัวจริงๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองของบุรุษตรงหน้าที่แทบจะฆ่าคนได้ของคุณชายเซี่ย เซี่ยชิงเทียน นางกลัวเหลือเกินว่ากระบี่ในมือของเขาจะตวัดใส่ลำคอเล็กๆ ของนาง
อิงอิง นางได้ยินเสียงของบุรุษผู้นั้นถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก รับรู้ถึงความโกรธเคืองที่แผ่ออกมาจากกายของอีกฝ่าย คุณชายเซี่ยชิงเทียน พระเอกในนิยายที่คร่าชีวิตของนางร้ายในเรื่องหรือก็คือนางในตอนนี้ไม่ผิดแน่
อิงอิง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในคราแรกนางก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่แปลกตา จำได้ว่านางนอนอ่านนิยายจนไม่ยอมหลับยอมนอนแล้วร่างกายนั้นก็เกิดรับไม่ไหว นางช็อคจนถึงแก่ความตาย แต่ไม่คิดเลยว่าชีวิตหลังความตายของนางจะโผล่มาเป็นนางร้ายในนิยายที่นางเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว จนนางแทบจะจำเนื้อหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในร่างของ ว่านเย่วอิง สตรีร้ายกาจแห่งแคว้น ที่รู้เพียงว่านางร้ายในเรื่องตายอย่างอนาถยิ่งนัก ถูกพระเอกวางยาพิษให้ทุกทรมานเพราะคิดร้ายต่อนางเอก วางแผนทำร้ายนางเอกสารพัดวิธี เลือดนั้นไหลออกทางทวารทั้งเจ็ด จนตาย แค่คิดนางก็ขนพองสยองเกล้า
ในตอนแรกเมื่อรับรู้ว่าตนมาอยู่ในร่างของนางร้ายผู้นี้ นิยายที่นางเคยอ่านก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ สตรีในยุคปัจจุบันเข้ามาเกิดใหม่ในร่างของสตรียุคอดีตที่ไม่ได้โดดเด่น มีความสวยแต่ไม่มีสมอง เป็นตัวประกอบบ้างล่ะ นางร้ายบ้างล่ะ แต่พวกนางกลับใช้ความสามารถที่ติดตัวมาพลิกบทบาทเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นนางเอก
แล้วนางเล่า เดิมนางนั้นเป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่ ตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวยติดอันดับของประเทศ ชีวิตของนางจึงเปรียบดั่งเจ้าหญิง ที่ไม่แม้แต่จะต้องหยิบจับสิ่งใด วันๆ หนึ่ง ชีวิตของนางจึงมีแต่เรื่องน่าเบื่อหน่าย สิ่งเดียวที่นางทำได้ดีคือชี้นิ้วสั่ง นางไม่มีความสามารถใดใดเลย นางทำสิ่งใดไม่เป็น อีกอย่างนางนั้นยังเป็นตัวโง่งม ไร้ความสามารถ จะใช้สิ่งใดมาตะเกียกตะกายให้ร่างนี้ได้เป็นนางเอกกัน คุณหนูเช่นนางจะทำสิ่งใดได้ จะใช้ความสามารถใดพาตัวเองให้รอดพ้นจากความตายเช่นในนิยายได้เล่า นางมิได้เป็นหมอ ทำอาหารหรือก็ไม่เป็น ความรู้ใดก็ไม่มี ก็นางเป็นคุณหนูที่ใช้ชีวิตดุจดั่งเจ้าหญิง บ้านนางร่ำรวยล้นฟ้า แล้วนางจะเหนื่อยดิ้นรนไปทำไมกัน
แต่อิงอิงเอ๋ย เจ้าช่างมาอยู่ในร่างนี้ได้ถูกเวลายิ่ง เพียงคิดว่าหากอยู่อย่างสงบ นางก็จะไม่พบจุดจบที่น่าเศร้า แต่กลับมิอาจทำได้ เมื่อเจ้าของร่างเดิมได้สร้างเรื่องเอาไว้ให้นางเสียแล้ว
ว่านเย่วอิงนางปักใจรักในตัวคุณชายเซี่ยชิงเทียนมาตั้งแต่นางอายุได้สิบสองหนาว เพราะว่านเย่วอิงนั้นได้ติดตามผู้เป็นบิดาซึ่งเป็นหมอผู้ที่มีพรสวรรค์ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงตั้งแต่สี่ปีก่อน เรือนของทั้งสองนั้นอยู่ติดกัน จึงทำให้ทั้งคู่นั้นสนิทสนมกันมาตั้งแต่บัดนั้น
คุณชายเซี่ยชิงเทียนมีอายุมากกว่าว่านเย่วอิงสองปี เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เป็นชายหนุ่มรูปงามทำให้ว่านเย่วอิงตกหลุมรักอีกฝ่ายตั้งแต่แรกพบ ว่านเย่วอิงนางคิดมาตลอดว่าชายหนุ่มเองก็มีใจให้แก่นาง จนกระทั่งในวันปักปิ่นของนางเมื่อหนึ่งปีก่อน ว่านเย่วอิงถึงได้รู้ว่าชายที่นางตกหลุมรัก เขานั้นมีใจให้สตรีอีกคน เพราะเขานั้นสารภาพรักกับสตรีนางนั้นในวันปักปิ่นของนาง ซึ่งสตรีนางนั้นก็เป็นสหายสนิทของว่านเย่วอิง หลิวซูเซียน นางเอกของเรื่อง จึงสร้างความโกรธแค้นให้ว่านเย่วอิงเป็นอย่างมาก นางจึงเข้าไปทำร้ายอีกฝ่าย เรื่องราวในวันนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของนางและเซี่ยชิงเทียนแย่ลงอย่างมาก
หลิวซูเซียนนางเป็นเพียงบุตรสาวของเถ้าแก่ร้านขายซาลาเปา ที่ฝ่าฟันอุปสรรคระหว่างชนชั้นและการกลั่นแกล้งของนางร้ายของเรื่อง ซึ่งก็คือว่านเย่วอิงอดีตสหายจนได้ครองคู่กับพระเอก
ความสัมพันธ์ของว่านเย่วอิงกับหลิวซูเซียนนั้นก็ได้จบสิ้นลงตั้งแต่วันนั้นเช่นกันและว่านเย่วอิงนางก็คอยกลั่นแกล้งอีกฝ่ายมาตลอด จากเรื่องเล็กๆ คล้ายจะหนักมือขึ้นเรื่อยๆ จนครั้งนี้ว่านเย่วอิงถึงกับคิดจะเอาชีวิตของอีกฝ่าย นางผลักหลิวซูเซียนจนพลัดตกลงไปในสระบัว แต่นางเองก็พลาดท่าพลัดตกลงไปด้วย หลิวซูเซียนที่กำลังจะหมดลมหายใจกลับได้พระเอกช่วยเอาไว้ได้ทัน เหตุการณ์ในครั้งนี้หลิวซูเซียนนั้นรอดแต่ว่านเย่วอิงนั้นไม่รอด นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นางมาอยู่ที่นี่และเป็นผู้รับโทสะของพระเอกของเรื่องที่เป็นสาเหตุให้คนรักของเขาเจ็บตัว
"คุณชาย บ่าวว่าเรากลับกันก่อนเถิดนะขอรับ คุณหนูว่าน นางเองก็ยังไม่ได้สติ แล้วเราค่อยมาชำระความกับนางในภายหลัง ตอนนี้บ่าวว่าท่านรีบกลับไปรอต้อนรับท่านแม่ทัพก่อนเถิดนะขอรับ"
เสียงบ่าวชายคนสนิทของบุรุษผู้นั้นเอ่ยกับเขา ทำให้อิงอิงที่แกล้งหลับแทบจะลุกขึ้นตบมือให้บ่าวผู้นั้น แต่ก็จำต้องฝืนเอาไว้ เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนบุรุษผู้นั้นจะกล่าวขึ้น
"ได้ ข้าจะกลับไปก่อน แต่ข้าจะกลับมาชำระความกับสตรีร้ายกาจเช่นเจ้าแน่ ว่านเย่วอิง"
ว่าแล้วชายผู้นั้นก็สะบัดชายอาภรณ์ แล้วเดินกลับออกไปด้วยแรงอารมณ์ อิงอิงนางหรี่ตามองเสี่ยวมี่ที่รีบลุกไปปิดประตูก่อนจะระบายลมหายใจออกมายืดยาว
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี
เสียงล้อรถม้าของคุณหนูสามจ้าวอี้หลันบดมาบนท้องถนนตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่จวนตระกูลจ้าว สองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านค้าบ้านเรือนเริ่มบางตาลง จนมีเพียงแนวต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เสียงจอแจของผู้คนที่ดังมาตลอดทางตอนนี้เงียบสงัดมีเพียงเสียงเสียดสีของกิ่งไม้ที่พัดไหวตามแรงลม เพราะมัวแต่สนทนากับสหายจนลืมเวลา ตอนนี้รอบกายจึงโอบล้อมไปด้วยความอึมครึมของเวลาเย็นย่ำโพล้เพล้แม้อากาศยามนี้จะเย็นสบายแต่ใจของสตรีภายในรถม้ากลับร้อนรุ่ม นางกลับบ้านมืดค่ำเช่นนี้คงไม่ดีแน่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครมาคอยจับตามองเช่นเก่า แต่นางก็จำต้องกลับจวนให้ตรงเวลา มิเช่นนั้นคราวหน้าผู้เป็นพี่ชายคงไม่อนุญาตให้นางออกมาอีกเป็นแน่ และดีไม่ดีอาจจะโดนฮูหยินใหญ่เล่นงานเอาได้หลังจากที่พี่สาวต่างมารดาของนางทั้งสองออกเรือนไป ดูเหมือนชีวิตของคุณหนูคนงามจะมีอิสระมากขึ้น แต่ถึงแม้ฮูหยินใหญ่จะขังตัวเองอยู่เพียงในเรือนเพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องงามหน้าของบุตรสาวทั้งสอง ตรอมใจจนล้มป่วย แต่ก็ยังคอยส่งคนมาสอดส่องนาง หากมีโอกาสคงเล่นงานนางอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนบิดาแม้จะรู้สึกอับอายแต่ก็ยังคงเอาแต่ทำงานไม่มีเวลามาสนใจในตัวนางเช่นเดิมท่ามกลาง
เซี่ยชิงเทียนจ้าวอี้หลันจวินฟางตงคนทั้งสามนั่งมองสตรีเจ้าของเรือนที่ไม่ว่าพวกตนจะมาเยือนสักกี่ครั้ง สภาพของเจ้าของเรือนก็จะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง นั่นคือนั่งเหม่อไม่พูดไม่จา ถามอะไรก็ตอบเพียง อืม อื้อ อือ อยู่เช่นนั้นจนคนมองรู้สึกผิดและเจ็บปวดใจ โดยเฉพาะเซี่ยชิงเทียนที่ละอายใจเหลือเกินที่เรื่องของตนทำให้อีกคนเป็นเช่นนี้ เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายคล้ายดังมีลมหายใจแต่ไร้วิญญาณส่วนผู้เป็นบิดา เฮ้อ...เมื่อนึกถึงอีกฝ่ายก็รู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนการบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าบิดาจะใช้เล่ห์กลใดให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการก็เท่านั้น เขารู้ว่าบิดาของตนรักและหวงแหนสตรีนางนี้มากมายเพียงใด และไม่มีวันปล่อยมือจากนางเป็นอันขาด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องของเขา ทั้งสองคงได้ครองคู่กันไปเสียตั้งนานแล้ว บิดาไม่มีทางปล่อยให้สตรีนางนี้อยู่ห่างกายอยู่แบบนี้เป็นแน่ และเป็นไปไม่ได้ที่บิดาของเขาจะยอมหันหลังให้นางง่ายดายถึงเพียงนี้ บุรุษเฒ่าผู้นั้นมากเล่ห์และเจ้าแผนการเหนือผู้ใด เขานั้นรู้ดีที่สุด ที่แสร้งหันหลังให้ว่านเย่วอิงในครั้งนี้ก็เป็นเพียงมารยาของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย คงคิดจะกดดันว่านเ
"โอ๊ย...หายใจไม่ทัน"เสียงบ่นกระปอดกระแปดคละเคล้าเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของชายหญิงผู้ที่พากันวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากที่กระโดดขึ้นรถม้าได้สำเร็จคนทั้งสองก็ทิ้งกายลงพิงผนังรถม้าอย่างหมดแรงทันทีที่ล้อรถม้าเคลื่อนตัวออกห่างจากบริเวณสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตราย อิงอิงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อชะโงกใบหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าแล้วไม่เห็นว่ามีใครตามมา"อ่า...นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว""อิงอิง ต่อไปถ้าบิดาของเจ้าจะดุขนาดนี้ ไม่ต้องชวนข้ามากับเจ้าแล้วนะ ข้าเหนื่อยเกือบตาย"จวินฟางตงยกมือเรียวของตนขึ้นทาบแผ่นอกที่ตอนนี้ภายในนั้นกำลังเต้นแรงดั่งรัวกลอง เขาใจหายใจคว่ำไปหมดแล้ว ลำคอของเขาตอนนี้แห้งผากเป็นผุยผง เหนื่อยก็เหนื่อย กลัวก็กลัว สายตาของแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินที่ใช้มองเขาทำให้รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง หากสายตาของคนผู้นั้นสามารถฆ่าคนได้ เขาคงได้ตายไปแล้ว"เจ้าจะบ้าหรือตงตง นั่นไม่ใช่พ่อ นั่นน่ะผัว"แค่ก แค่ก แค่กจวินฟางตงสำลักลมหายใจตัวเองหน้าดำหน้าแดงจนเกือบจะตายอีกครั้ง เพราะคำพูดตรงไปตรงมาของสตรีที่ทิ้งกายลงนอนแผ่หลาอย่างไร้ความเป็นกุลสตรีที่คุณหนูในห้องหอพึ
Комментарии