ร่างสูงของบุรุษในอาภรณ์สีดำผู้ที่มักจะมีใบหน้าเรียบเฉยอยู่เสมอ เจ้าของนัยน์ตาคมปลาบยืนอิงไหล่กว้างกับขอบหน้าต่างชั้นบนสุดของ หอหมื่นบุปผา หอสุราและโรงน้ำชาเลื่องชื่อแห่งแคว้น หากได้ยินเพียงชื่อหลายคนอาจจะคิดว่าสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นหอคณิกาแหล่งรวบรวมหญิงงาม แต่เปล่าเลย หมื่นบุปผา ชื่อนี้หาได้สื่อถึงหญิงงาม แต่บ่งบอกถึงสุราและชารสเลิศที่บ่มมาจากดอกไม้นานาพันธ์ บุปผาหายากหลากหลายชนิดที่ใช้ทั้งเวลาและกรรมวิธีพิเศษจนได้สุราและชาที่มีกลิ่นหอมและรสเลิศแตกต่างกันออกไปให้เหล่าคอสุราและผู้ที่ชื่นชอบในการดื่มชาได้ลิ้มรสดื่มด่ำกับรสชาติของมัน
เซี่ยเยี่ยนเฉิน แม่ทัพผู้เกรียงไกรหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ ผู้ที่ถือคติมาตลอดว่า นารีงามไหนเลยจะสู้สุราดี เขาก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่หลงใหลในรสสุราของที่นี่ แม้จะไปกรำศึกอยู่ชายแดนนานหลายปี แต่สุราและชาดีก็ถูกส่งไปให้ลิ้มลองไม่เคยขาดเพราะสหายสนิทของเขาคือเจ้าของหอหมื่นบุปผาแห่งนี้
ดวงตาคู่คมหลุบลงมองจอกสุราในมือ จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความเงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อศึกสงครามจบลงชีวิตของเขาก็กลับมาไร้สีสันอีกครั้ง เขาใช้ชีวิตในสนามรบมามากกว่าครึ่งหนึ่งของชีวิต สองมือนั้นคร่าชีวิตของศัตรูมานับไม่ถ้วน ผ่านอุปสรรคเรื่องราวต่างๆ มามากมายจนบางครั้งแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ด้วยเพราะเป็นทายาทสายหลักเพียงคนเดียวของตระกูลเขาจึงมีหน้าที่ที่ต้องแบกรับ ฝ่าฟันทุกอย่างเพื่อนำพาให้ตระกูลมั่นคงและรุ่งเรืองหยั่งรากลึกไปจนชั่วลูกชั่วหลาน ทุกอย่างจึงต้องอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสมและเอื้อประโยชน์ให้กับวงศ์ตระกูล แม้กระทั่งการเลือกคู่ชีวิต
เขาผ่านการมีทั้งภรรยาและบุตร แม้แต่การมีภรรยาเขาก็คิดว่ามันคือหน้าที่ที่พึงกระทำเช่นกัน หาได้มีเรื่องความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง หากถามว่าเขาเคยมีความรักหรือไม่ ตอบได้เลยว่าเขาไม่เคยรู้จักหรือสัมผัสกับความรัก ไม่เคยมีสตรีคนใดที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงมาก่อน จนบางครั้งเขาก็คิดว่าตัวเองไร้ความรู้สึก กลายเป็นคนจิตใจด้านชาไปเสียแล้ว หากจะไร้สตรีข้างกายเขาก็หาได้เดือดเนื้อร้อนใจ แต่เขาจำเป็นต้องมีสตรีที่เพียบพร้อมเหมาะสมทั้งชาติตระกูลและฐานะ เพื่อให้กำเนิดทายาทที่จะเชิดหน้าชูตาตระกูลต่อไป
แล้วเขาก็มีภรรยาที่เพียบพร้อมตามต้องการ นางเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางผู้มากไปด้วยอำนาจแห่งแคว้น เป็นสตรีที่ได้รับขนานนามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง จนเขากลายเป็นที่อิจฉาของบุรุษทั่วเมือง แต่แปลกเขากลับมิได้มีจิตเสน่หาต่อนาง แต่ก็ให้เกียรตินางอย่างที่สามีผู้หนึ่งพึงกระทำ เขามีนางเป็นฮูหยินเพียงคนเดียวไม่เคยมีสตรีอื่น ไม่มีแม้แต่อนุหรือสตรีอุ่นเตียง ไม่มีเรื่องสตรีให้ผู้เป็นภรรยาต้องทุกข์ร้อนใจ ผู้คนภายนอกจึงรับรู้ว่าเขารักและหลงใหลในตัวภรรยาอย่างที่สุด แต่นางกลับหาได้พอใจเพียงเท่านั้น ยังคงร่ำร้องถึงความรักจากเขา นางเองนั้นก็คงจะรู้ดีถึงความรู้สึกของเขาจึงได้มองเขาด้วยสายตาตัดพ้ออยู่เสมอ แล้วนางก็ให้กำเนิดบุตรชายแก่เขา แต่หลังจากนั้นร่างกายของนางกลับอ่อนแอลงและจบชีวิตลงในตอนที่บุตรชายของเขาอายุได้เพียงห้าหนาว ภายในใจนั้นรู้สึกผิดต่อนางไม่น้อยที่เขานั้นเป็นสามีที่ไม่ดีนัก หลังจากนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่อีกเลยเพราะไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บช้ำเช่นเดิมอีก เพราะเขาคิดว่าชีวิตนี้คงไม่อาจที่จะรักและดูแลใครได้
แต่ผู้คนภายนอกต่างก็เข้าใจว่าเขานั้นยังรักมั่นคงต่อผู้เป็นภรรยาจนไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่ไปเสียได้ แต่ถึงแม้ว่าพวกคนเหล่านั้นจะเข้าใจเช่นนั้น ก็ยังไม่วายมีเหล่าสตรีมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขาจนต้องหลีกหนีหลบไปใช้ชีวิตอยู่ชายแดนเสียหลายปี
อายุของเขาก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาววนเวียนบรรจบมาหลายฤดู จากแม่ทัพหนุ่มวัยคึกคะนองจนตอนนี้กลายเป็นบุรุษวัยฉกรรจ์ในวัยสามสิบแปด กำลังอยู่ในช่วงวัยที่กำลังพลุ่งพล่าน แม้จะไร้สตรีร่วมเรียงเคียงหมอน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไร้นารีเคียงกาย ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของบุรุษที่ต้องได้รับการปลดปล่อย
มือหนาคลึงจอกในมือที่มีน้ำสีใสอยู่ค่อนจอก ก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากได้รูป ละเลียดชิมสุรารสเลิศปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป ดวงตาสีนิลกวาดมองผู้คนเบื้องล่าง ก่อนมุมปากหนาหยักได้รูปจะกดลึกลงคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดวงตาคมกล้ามีประกายวาววับวูบผ่าน จับจ้องไปยังสตรีเจ้าของร่างบางกับเจ้าหัวขโมยตัวน้อยริมถนนเบื้องล่าง แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่มันจะเลือนหายไป แต่สายตาคู่คมหาได้ละจากภาพเบื้องหน้า ยังคงจับจ้องหนึ่งสตรีและหนึ่งเด็กชายขอทานตัวน้อย ที่หอบหิ้วกันหลบหลีกผู้คนจนหายเข้าไปในตรอกข้างทางจึงได้ละสายตาก้าวเข้าไปนั่งทอดอารมณ์ดื่มด่ำสุราที่ตนหลงใหล
"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ"
อิงอิงเอ่ยถามพร้อมกับใช้หลังข้อนิ้วชี้ของนางเคาะหน้าผากเจ้าเด็กตัวน้อยที่กำลังจับจ้องนางราวกับเห็นผีอย่างนึกมันเขี้ยว ฝ่ามือเล็กยกขึ้นลูบหน้าผากปอยๆ เพราะความเจ็บ แต่กลับไม่ร้องออกมาสักแอะ ดวงตาที่มีหยาดน้ำเอ่อคลอเผลอมองค้อนนางอย่างลืมตัว ก่อนจะเร่งถอยหลังออกห่างจากนางอย่างร้อนรน แม้จะแสดงออกว่ากลัวนางแต่สายตานั้นหาได้เป็นเช่นนั้นมันยังมีความดื้อรั้นแฝงอยู่
หึ เจ้าเด็กดื้อ
สองแขนเรียวยกขึ้นกอดอกมองดูท่าทีของอีกฝ่าย เด็กคนนี้ไม่ชอบนาง ไม่สิ เขาไม่ชอบว่านเย่วอิงต่างหาก แต่ท่าทางนั้นช่างน่ากลั่นแกล้งเสียจริง อิงอิงแสยะรอยยิ้มอย่างที่คิดว่าน่ากลัวที่สุด หรี่ตามองเด็กน้อยตรงหน้าจนอีกฝ่ายสะดุ้ง
ตู้เฟิงมองสตรีใจร้ายอย่างหวาดระแวง เขามองรอยยิ้มร้ายและแววตาเจ้าเล่ห์นั้นอย่างไม่วางใจ
สตรีนางนี้คิดจะมาไม้ไหนกัน
ตู้เฟิงเคยเจอกับสตรีนางนี้มาก่อน นางเป็นบุตรสาวของท่านหมอใจดีที่รักษาเขา ตอนเจอนางครั้งแรกเขาชอบนางมากๆ เพราะนางนั้นงดงามราวกับนางเซียน งามกว่าสตรีคนใดที่เขาเคยเห็น แต่แววตาของนางนั้นกลับดูน่ากลัว มันดูไร้ซึ่งความเมตตา และเขาก็ได้รู้ว่านางเป็นสตรีที่ใจร้ายที่สุดจริงๆ ถึงเขาจะเป็นเด็กแต่ก็รู้ว่านางใช้บุญคุณที่มีบังคับให้บิดาของเขาทำเรื่องชั่วร้าย แล้วดูสิครั้งนี้นางยังทำร้ายเขาอีก ช่างเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเสียจริงรังแกได้แม้กระทั่งเด็ก แต่เขาจะทำสิ่งใดได้เล่า หากคิดจะต่อกรกับนางเห็นทีเรื่องที่เขาแอบหนีออกมาแล้วยังคิดที่จะขโมยซาลาเปาอีกคงได้ถึงหูบิดาเป็นแน่ คงไม่แคล้วเขาคงโดนบิดาโบยจนหลังลาย คงทำได้แค่เพียงก้มหน้ารับชะตากรรม
"นายหญิง"
เจ้าเด็กน้อยนั่นก้มหน้าก้มตาเอ่ยเรียกนางเสียงเบาราวกับยอมจำนน เก็บซ่อนแววตาดื้อรั้นของตนเอาไว้ จนนางอดที่จะขำกับท่าทางนั้นไม่ได้ เด็กคนนี้ดูท่าจะไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาที่จะมาเล่นกับอีกฝ่ายคงต้องรีบให้พวกเขากลับไปหาบิดามารดา
"ตามข้ามา"
อิงอิงเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินนำเด็กน้อยไปข้างหน้า แต่ก้าวไปได้เพียงสามก้าว เจ้าเด็กนั่นกลับยังนิ่งเฉยท่าทางนั้นบอกให้รู้ว่าเขาไม่คิดที่จะเดินตามนางมา
"ข้าจะไปหาเสี่ยวม่านม่าน"
เพียงได้ยินนางเอ่ยถึงม่านม่าน ดวงตาของเจ้าเด็กตู้เฟิงก็เบิกโพลงจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้าจนดูน่าขัน อย่าบอกนะว่าเจ้าเด็กนี่ ลืมหนูน้อยม่านม่านของนาง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเร่งฝีเท้าจนแทบจะเรียกว่าเหาะก็รู้ได้ว่า ม่านม่านของนางถูกลืมแล้วจริงๆ
เมื่อไปถึงจุดนัดหมายม่านม่านน้อยก็ยิ้มร่าออกมาจากที่ซ่อนเอ่ยเรียกพี่ชายด้วยความดีใจ
"เฟิงเกอท่านมาแล้ว"
ส่วนเจ้าพี่ชายตัวดีนั้นเร่งเข้าไปสำรวจน้องสาวที่ตนเองลืมเอาไว้ จับร่างที่เล็กกว่าตนเพียงเล็กน้อยหมุนไปหมุนมาราวกับว่ากลัวอีกฝ่ายจะโดนนางล่อลวงทำร้าย
อิงอิงมองท่าทางของอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ แล้วทรุดกายลงตรงหน้าเด็กหญิงพลางยกฝ่ามือขึ้นลูบศีรษะเล็กๆ ของอีกฝ่าย เอ่ยกับม่านม่านเสียงอ่อนเสียงหวาน
"เสี่ยวม่านม่าน พาพี่ชายของเจ้ากลับไปหาท่านลุงตู้เสีย ป่านนี้พวกเขาคงกำลังเป็นห่วงแย่แล้ว"
ตู้เฟิ่งมองภาพตรงหน้านั้นราวกับมิเคยเห็น อยากจะใช้นิ้วเล็กๆ ของเขาจิ้มดูเหลือเกิน ว่าสตรีนางนี้ใช่นายหญิงผู้เย็นชาและร้ายกาจผู้นั้นจริงๆ หรือ เหตุใดนางจึงได้ดูราวกับคนละคนเช่นนี้หรือนางจะมีแผนร้ายอันใดเขาคงต้องเตือนม่านม่านเอาไว้เสียแล้ว
"เจ้าค่ะพี่สาว"
หลังจากมองดูเด็กทั้งสองจูงมือกันกลับไปหาตู้เซิ่ง ใบหน้างามจึงปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้นอย่างระงับเอาไว้ไม่อยู่ จากนี้ก็ถึงเวลาของนางเสียที นางจะเดินเที่ยวให้หนำใจเลยทีเดียวร่างระหงก้าวเดินราวกับกำลังเริงระบำไปตามเส้นทางที่เริ่มจะมีผู้คนหนาตา สายตากวาดมองรอบกายอย่างตื่นตาตื่นใจ หลงลืมเรื่องทุกข์ใจไปหมดสิ้น ทุกอย่างล้วนแปลกตาสำหรับนาง แต่แล้วเสียงสนทนาอย่างออกรสของกลุ่มคนตรงร้านน้ำชาริมทางทำให้ใบหน้างามหุบยิ้มฉับ ปลายเท้าเล็กที่ก้าวเดินอย่างเริงร่านั้นหยุดกึก กายบางขยับเข้าไปใกล้อย่างแนบเนียน อาศัยร้านหินเครื่องรางที่อยู่ข้างๆ กันเป็นที่กำบัง มือนั้นแสร้งหยิบจับราวกับสนใจหนักหนาแต่หูนั้นตั้งใจฟังคำสนทนาของพวกเขานางมิใช่คนสอดรู้หากจะไม่บังเอิญได้ยินชื่อของนางอยู่ในหัวข้อสนทนา"สตรีนางนั้นส่งคนไปพังร้านซาลาเปาของเถ้าแก่หลิวจนพังเละเทะ ข้าว่าอีกหลายวันกว่าจะเปิดขายได้ นางช่างจิตใจโหดร้ายยิ่งนัก อิจฉาริษยาจนน่ารังเกียจ รังแกคนไม่มีทางสู้"นั่นคือเสียงของหญิงร่างท้วมที่จีบปากจีบคอเอ่ยเล่าอย่างออกรสชาติ ใบหน้ามันเยิ้มนั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันราวกับมันเป็นร้านของตัวเอง ไฝเม็ดโตที่ขยับอยู่เหนือริมฝีปา
".....?"สายตาคู่งามกวาดมองบรรยากาศภายในหอคณิกาแห่งนี้อย่างโง่งม หากไม่กลัวว่าถอยหลังกลับไปแล้วจะจ๊ะเอ๋กับพวกที่ไล่ตามนางมา นางคงถอยกลับไปดูป้ายด้านหน้าอีกครั้งว่านางตาฝาดไปหรือไม่ เพราะภาพตรงหน้าของนางตอนนี้มันไม่เหมือนหอคณิกาในความคิดนางแม้แต่น้อย ไม่เห็นโฉมสะคราญในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย ไม่มีเสียงดนตรี ไม่มีการร่ายรำ แต่มันคล้ายดังโรงเตี๊ยม โรงน้ำชาหรือโรงสุราของเหล่าคนมีเงินเสียมากกว่า คนที่อยู่ด้านในนี้ก็ดูดีมีระดับ ดูจากการแต่งกายแล้วล้วนเป็นเหล่าคุณหนูคุณชายและเหล่าขุนน้ำขุนนางทั้งสิ้น อีกทั้งตอนนี้สายตาของพวกเขาและพวกนางๆ บางคนก็จ้องมองมายังนางด้วยสายตาแปลกๆ อีกด้วย คงเป็นคนรู้จักของว่านเย่วอิงสินะ สายตาที่มองมาทำให้นางเผลอยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองอย่างลืมตัว แต่ให้ตายเถอะ ผ้าคลุมหน้าของนางอันธทานหายไปตั้งแต่เมื่อใดกัน มิน่าเล่าคนเหล่านี้ถึงได้มองนางด้วยสายตาเช่นนั้นแหม...สายตาของแต่ละคนดูรักนางจังเลยนะ ก็อย่างว่านางเป็นถึงนางร้ายผู้โด่งดังของเรื่องนี่นาอิงอิงได้แต่คิดอย่างขมขื่น ก่อนจะกลั้นใจฉีกรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเต็มทนส่งไปให้พวกเขา ซึ่งแต่ละคนเพียงเห็นนางยิ้มให้กลับทำราวกับว่า
"พวกเขาออกไปกันแล้ว เจ้า ปล่อยขาข้าแล้วออกมาเสียที"เสียงแหบพร่าที่ดังขึ้นทำให้อิงอิงสะดุ้งสุดตัว รอยยิ้มบนใบหน้างามหุบฉับ ความคิดที่กำลังเจิดจ้าสะดุดลงทันใด ฝ่ามือเล็กที่กำลังลูบไล้ต้นขาแกร่งอย่างลืมตัวผละออกราวกับแตะต้องของร้อน แต่ความหนั่นแน่นแข็งกร้าวของกล้ามเนื้อที่ได้สัมผัสเมื่อครู่ยังคงอุ่นซ่านไปทั่วฝ่ามือน้อยๆ ของนางจนแก้มนวลร้อนผะผ่าว เท่านั้นยังไม่พอ กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของบุรุษผู้นี้ยังกรุ่นเข้ามาในจมูกนางจนใจสั่นไปหมด จากนั้นก้อนเนื้อภายในอกของนางก็กระตุกวูบแล้วเต้นรัวเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำเสียงที่แหบพร่าของคนผู้นี้มันทำให้นางสัมผัสได้ถึงความมีเสน่ห์ของบุรุษเพศที่เข้มข้นแม่เจ้า นางไม่อยากจะบอกเลยว่า นางชอบน้ำเสียงของเขามาก เพียงแค่ได้ฟังเสียงเท่านั้น ใจของนางถึงกับสั่นไหว นางคลั่งไคล้ในน้ำเสียงแบบนี้นางไม่อยากจะคิดเลยว่าหน้าตาของอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร แม้จะสัมผัสได้เพียงแค่นี้ก็ทำเอาใบหน้านวลถึงกับแดงซ่านร้อนไปทั้งหน้าลามไปถึงลำคอ รู้สึกประหม่าไปหมดแล้วจริงๆอิงอิงสะบัดหัวกับความคิดฟุ้งซ่านของตนเองเร่งคลานออกมาจากใต้โต๊ะ รู้สึกตื่นเต้นและลุ้นมากๆ ว่าเขาจะหน้าตาเป็นเช
"......."เงิบ บอกได้คำเดียวว่าเงิบไปเลยสิคะ อิงอิงถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว เซี่ยเยี่ยนเฉินหรี่ตามองใบหน้าที่แสดงอารมณ์หลากหลายของสตรีตรงหน้าเขาอย่างสนใจ ริมฝีปากอวบอิ่มที่ประเดี๋ยวอ้าประเดี๋ยวหุบอย่างเสียอาการ ช่างดูน่าขบขันในสายตาคนมองยิ่งนัก ดวงตางดงามคู่นี้เขาคิดว่ามันช่างน่ามอง เมื่อครู่นี้มันดูซับซ้อน เจ้าเล่ห์ ดังกับว่าเจ้าของนั้นกำลังคิดแผนการบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกฮึกเหิม แต่ในขณะนี้มันกลับดูเลิ่กลั่ก ตื่นตระหนก ประหม่า ปะปนกันไปหมด ก่อนจะเปลี่ยนมาคล้ายกับกำลังขบคิด ลูกแก้วแวววาวคู่งามกลอกกลิ้งไปมาดูน่ามอง เขาเองก็อยากจะรู้ว่านางจะทำเช่นไรต่อไปฮ่าฮ่าฮ่า"ท่านกล่าวอันใดเช่นนั้นเจ้าคะ ล้อข้าเล่นแล้ว"เสียงหัวเราะที่ฟังดูแห้งแล้งดังขึ้นกล่าวกับอีกฝ่ายเสียงเบา ใบหน้างามยังคงฉีกยิ้มหวานมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไร้เดียงสา แม้จะรู้สึกอับอายขายหน้าที่อีกฝ่ายดันรู้ทันแต่มันกลับมีความรู้สึกปลื้มปริ่มมากกว่าหล่อ เลิศ ฉลาด หลักแหลม โอ้ พ่อเจ้าประคุณของอิงอิง จะหาบุรุษเช่นนี้ได้จากที่ใดอีก เห็นทีคงต้องจับเอาไว้ให้มั่นอิงอิงลอบมองใบหน้าหล่อร้ายของอีกฝ่าย คิ้วหนาได้รูปเลิกขึ้นพร้
"เจ้ามีเรื่องอันใดกับคุณชายเซี่ยชิงเทียนอย่างนั้นหรือ"เมื่อเห็นว่าสตรีที่รับเอาจอกสุราจากเขาไปพยักหน้ารับกับข้อเสนอของเขา จึงเอ่ยถามคำถามที่เขาอยากรู้กับอีกฝ่ายทันทีแต่ชื่อของคนที่หลุดออกมาริมฝีปากหยัก ทำให้มือขาวนวลที่ยกจอกสุราขึ้นดื่มชะงักไป ก่อนจะวางจอกสุราที่ตอนนี้นั้นว่างเปล่าลงบนโต๊ะด้วยแรงที่ไม่เบานัก นั่นทำให้รู้ได้ว่าสตรีตรงหน้าดูจะโกรธเคืองผู้ที่ถูกกล่าวถึงอยู่ไม่น้อย"ท่านรู้จักเจ้าลูกสุนัขนั่นด้วยหรือเจ้าคะ"มิรู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของสุราหรืออย่างไร มันจึงทำให้นางดูผ่อนคลายขึ้น เอ่ยถามอีกฝ่ายพร้อมด้วยจ้องหน้าเขาเขม็ง ลืมวางตัวเป็นสตรีผู้อ่อนน้อมอ่อนหวานไปเสียสิ้น แต่นั่นมิใช่ประเด็นที่ทำให้เขาถึงกับสะอึก จนเกือบจะสำลักสุราที่ยกขึ้นดื่มสองครั้งแล้ว สองครั้งแล้วนะเขาอยากจะยกมือขึ้นเคาะบนหน้าผากเกลี้ยงเกลานั่นเหลือเกิน นางช่างเป็นสตรีที่ปากคอเราะร้ายยิ่งนัก เซี่ยเยี่ยนเฉินที่ทำได้เพียงข่มกลั้นมิให้เอ่ยออกไปว่าเขานี่แหละบิดาของเจ้าลูกสุนัขตัวนั้น ได้แต่คิดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ถึงแม้คำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มนั้นจะทำให้เขาถึงกับหน้าชา แต่ก็ยังข่มใจเอ่ยกับอีกฝ่าย"ม
หึ สตรีประหลาดเซี่ยเยี่ยนเฉินหยัดยิ้มขึ้นเอนแผ่นหลังพิงพนัก ทอดสายตามองใบหน้างดงามเย้ายวนราวกับนางจิ้งจอกของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ความจริงช่วงนี้เขาก็เบื่อๆ ลองเล่นกับนางดูเสียหน่อยคงมิเป็นไรกระมัง"แล้วเจ้า คิดเห็นเช่นไรเล่า"ชายหนุ่มจ้องมองลึกลงไปในดวงตาคู่งามที่ตอนนี้ฉ่ำปรือด้วยฤทธิ์สุรา ปลายนิ้วชี้เรียวยาวไล้ไปตามขอบจอกสุราในมือ รอฟังคำตอบจากสตรีขี้เมาที่จ้องมองเขาตอบไร้ความหวั่นเกรงอย่างนึกสนุกอิงอิงมองใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจของบุรุษตรงหน้า ยิ่งพิศมองความรู้สึกของนางยิ่งน่าตกใจ หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำดังรัวกลองนางอยากได้บุรุษผู้นี้ อยากได้ อยากครอบครอง และนางมั่นใจว่ามันมิใช่เป็นเพราะนางเมาเป็นแน่ที่ทำให้รู้สึกเช่นนี้ในตอนแรกที่เห็นใบหน้าของเขา ความหล่อเหลาของอีกฝ่ายทั้งน้ำเสียงและหลายๆ อย่างที่ตรงใจนาง ทำให้นางหลงลืมเรื่องสำคัญไปเสียได้ หากว่าเขามีสตรีเคียงกายอยู่แล้วเล่า นางมิต้องมีจุดจบเช่นนางร้ายในเรื่องหรอกหรือ ความรัก ความใคร่ ความลุ่มหลง ล้วนเป็นเหตุให้นางร้ายต้องตายอย่างอนาถดวงตาฉ่ำน้ำกวาดมองไปทั่วร่างแกร่งกำยำของบุรุษตรงหน้าอย่างพิจารณา ลำคอแกร่งประดับด
แพขนตางอนยาวเรียงตัวสวยขยับยุกยิก เมื่อลำแสงสายหนึ่งลอดผ่านม่านมุ้งเข้ามากระทบใบหน้างามกระจ่าง เปลือกตาบางที่บดบังดวงตาคู่งามค่อยๆ ขยับไหวไปมา ด้วยความเกียจคร้านของผู้เป็นเจ้าของจึงไม่ยอมที่จะลืมตาตื่นสัมผัสแรกที่แทรกซึมเข้ามาเมื่อนางขยับตัวเพื่อพลิกกายเพราะรู้สึกเมื่อยขบคืออาการหนักอึ้งไปทั้งร่าง อิงอิงถึงกับเผลอนิ่วหน้า เมื่อศีรษะของนางก็หนักจนยกไม่ขึ้นเช่นกัน คงเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่นางดื่มเข้าไปเสียหลายจอก เมื่อนึกถึงสุราที่นางดื่มกายบางก็ถึงกับชะงักไป ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้รู้ได้ว่านางกำลังนอนอยู่บนที่นอนหนานุ่มเอ๋... สำนึกสุดท้ายนางจำได้ว่าตัวเองอยู่ที่หอสุรามิใช่หรอกหรือ และยังดื่มสุรากับบุรุษแปลกหน้าสองต่อสองอีกด้วย เมื่อรู้สึกตัวตื่นเต็มที่ร่างบางก็เกร็งไปทั้งร่างแล้วความทรงจำสายหนึ่งคำพูดที่นางเอ่ยกับบุรุษที่พึ่งเจอกันครั้งแรกก่อนที่สติจะดับวูบไปก็ดังก้องเข้ามาในหัว ใบหน้างดงามพลันแดงซ่านเห่อร้อนไปทั้งใบหน้าและลำคอนี่นางทำอะไรลงไปอิงอิงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากรู้สึกว่าลำคอของนางแห้งเป็นผุยผง ราวกับเมื่อคืนนี้นางใช้เสียงมากจนเกินไป แต่นางจำอันใดไม่ได้ ตอนนี้มือไม้แข้ง
เงียบ ทุกอย่างมันดูเงียบสงบเกินไป เงียบจนน่าสงสัยหลายวันมานี้อิงอิงสัมผัสได้ว่า ชีวิตของนางมันดูราบเรียบเงียบสงบอย่างประหลาด คนของเซี่ยชิงเทียนที่คอยจับตามองนางอยู่ก็ดูเหมือนว่าจะหายไป ส่วนเจ้าตัวเองก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายหรือโผล่หัวมาหาเรื่องนางอีกซึ่งมันดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ เขาดูจะโกรธนางมากมายเพียงนั้นแต่กลับยอมรามือไปง่ายๆ มันดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย แม้มันจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่พ่อพระเอกไม่มาเฉียดใกล้ให้นางต้องขวัญผวา ได้แต่ภาวนาให้เขาหายไปให้ตลอดและหากจะให้ดีหายสาบสูญไปเสียได้ก็จะดีกว่ามากนางไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่าที่เป็นเช่นนี้มันอาจจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น บุรุษผู้ที่นางหลับฝันถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เฮ่อ...ช่างน่าเสียดายที่นางไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเพราะมัวแต่ตกตะลึงลุ่มหลงในความหล่อเหลาจนลืมที่จะถามชื่อแซ่ของเขาไปเสียได้ เช่นนี้นางจะสานสัมพันธ์ผูกสมัครรักใคร่กับเขาได้อย่างไรกัน เส้นทางรักของนางช่างมืดมนนักเฮ่อ!เสียงทอดถอนลมหายใจของผู้เป็นนายที่ดังออกมาเป็นระยะราวกับมีปัญหาหนักอก เสี่ยวมี่เห็นจนเป็นภาพชินตาเสียแล้ว เพราะมันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่วันนั้น วันที่คุณหนูเ
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี
เสียงล้อรถม้าของคุณหนูสามจ้าวอี้หลันบดมาบนท้องถนนตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่จวนตระกูลจ้าว สองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านค้าบ้านเรือนเริ่มบางตาลง จนมีเพียงแนวต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เสียงจอแจของผู้คนที่ดังมาตลอดทางตอนนี้เงียบสงัดมีเพียงเสียงเสียดสีของกิ่งไม้ที่พัดไหวตามแรงลม เพราะมัวแต่สนทนากับสหายจนลืมเวลา ตอนนี้รอบกายจึงโอบล้อมไปด้วยความอึมครึมของเวลาเย็นย่ำโพล้เพล้แม้อากาศยามนี้จะเย็นสบายแต่ใจของสตรีภายในรถม้ากลับร้อนรุ่ม นางกลับบ้านมืดค่ำเช่นนี้คงไม่ดีแน่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครมาคอยจับตามองเช่นเก่า แต่นางก็จำต้องกลับจวนให้ตรงเวลา มิเช่นนั้นคราวหน้าผู้เป็นพี่ชายคงไม่อนุญาตให้นางออกมาอีกเป็นแน่ และดีไม่ดีอาจจะโดนฮูหยินใหญ่เล่นงานเอาได้หลังจากที่พี่สาวต่างมารดาของนางทั้งสองออกเรือนไป ดูเหมือนชีวิตของคุณหนูคนงามจะมีอิสระมากขึ้น แต่ถึงแม้ฮูหยินใหญ่จะขังตัวเองอยู่เพียงในเรือนเพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องงามหน้าของบุตรสาวทั้งสอง ตรอมใจจนล้มป่วย แต่ก็ยังคอยส่งคนมาสอดส่องนาง หากมีโอกาสคงเล่นงานนางอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนบิดาแม้จะรู้สึกอับอายแต่ก็ยังคงเอาแต่ทำงานไม่มีเวลามาสนใจในตัวนางเช่นเดิมท่ามกลาง
เซี่ยชิงเทียนจ้าวอี้หลันจวินฟางตงคนทั้งสามนั่งมองสตรีเจ้าของเรือนที่ไม่ว่าพวกตนจะมาเยือนสักกี่ครั้ง สภาพของเจ้าของเรือนก็จะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง นั่นคือนั่งเหม่อไม่พูดไม่จา ถามอะไรก็ตอบเพียง อืม อื้อ อือ อยู่เช่นนั้นจนคนมองรู้สึกผิดและเจ็บปวดใจ โดยเฉพาะเซี่ยชิงเทียนที่ละอายใจเหลือเกินที่เรื่องของตนทำให้อีกคนเป็นเช่นนี้ เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายคล้ายดังมีลมหายใจแต่ไร้วิญญาณส่วนผู้เป็นบิดา เฮ้อ...เมื่อนึกถึงอีกฝ่ายก็รู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนการบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าบิดาจะใช้เล่ห์กลใดให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการก็เท่านั้น เขารู้ว่าบิดาของตนรักและหวงแหนสตรีนางนี้มากมายเพียงใด และไม่มีวันปล่อยมือจากนางเป็นอันขาด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องของเขา ทั้งสองคงได้ครองคู่กันไปเสียตั้งนานแล้ว บิดาไม่มีทางปล่อยให้สตรีนางนี้อยู่ห่างกายอยู่แบบนี้เป็นแน่ และเป็นไปไม่ได้ที่บิดาของเขาจะยอมหันหลังให้นางง่ายดายถึงเพียงนี้ บุรุษเฒ่าผู้นั้นมากเล่ห์และเจ้าแผนการเหนือผู้ใด เขานั้นรู้ดีที่สุด ที่แสร้งหันหลังให้ว่านเย่วอิงในครั้งนี้ก็เป็นเพียงมารยาของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย คงคิดจะกดดันว่านเ
"โอ๊ย...หายใจไม่ทัน"เสียงบ่นกระปอดกระแปดคละเคล้าเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของชายหญิงผู้ที่พากันวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากที่กระโดดขึ้นรถม้าได้สำเร็จคนทั้งสองก็ทิ้งกายลงพิงผนังรถม้าอย่างหมดแรงทันทีที่ล้อรถม้าเคลื่อนตัวออกห่างจากบริเวณสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตราย อิงอิงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อชะโงกใบหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าแล้วไม่เห็นว่ามีใครตามมา"อ่า...นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว""อิงอิง ต่อไปถ้าบิดาของเจ้าจะดุขนาดนี้ ไม่ต้องชวนข้ามากับเจ้าแล้วนะ ข้าเหนื่อยเกือบตาย"จวินฟางตงยกมือเรียวของตนขึ้นทาบแผ่นอกที่ตอนนี้ภายในนั้นกำลังเต้นแรงดั่งรัวกลอง เขาใจหายใจคว่ำไปหมดแล้ว ลำคอของเขาตอนนี้แห้งผากเป็นผุยผง เหนื่อยก็เหนื่อย กลัวก็กลัว สายตาของแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินที่ใช้มองเขาทำให้รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง หากสายตาของคนผู้นั้นสามารถฆ่าคนได้ เขาคงได้ตายไปแล้ว"เจ้าจะบ้าหรือตงตง นั่นไม่ใช่พ่อ นั่นน่ะผัว"แค่ก แค่ก แค่กจวินฟางตงสำลักลมหายใจตัวเองหน้าดำหน้าแดงจนเกือบจะตายอีกครั้ง เพราะคำพูดตรงไปตรงมาของสตรีที่ทิ้งกายลงนอนแผ่หลาอย่างไร้ความเป็นกุลสตรีที่คุณหนูในห้องหอพึ