เงียบ ทุกอย่างมันดูเงียบสงบเกินไป เงียบจนน่าสงสัยหลายวันมานี้อิงอิงสัมผัสได้ว่า ชีวิตของนางมันดูราบเรียบเงียบสงบอย่างประหลาด คนของเซี่ยชิงเทียนที่คอยจับตามองนางอยู่ก็ดูเหมือนว่าจะหายไป ส่วนเจ้าตัวเองก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายหรือโผล่หัวมาหาเรื่องนางอีกซึ่งมันดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ เขาดูจะโกรธนางมากมายเพียงนั้นแต่กลับยอมรามือไปง่ายๆ มันดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย แม้มันจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่พ่อพระเอกไม่มาเฉียดใกล้ให้นางต้องขวัญผวา ได้แต่ภาวนาให้เขาหายไปให้ตลอดและหากจะให้ดีหายสาบสูญไปเสียได้ก็จะดีกว่ามากนางไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่าที่เป็นเช่นนี้มันอาจจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น บุรุษผู้ที่นางหลับฝันถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เฮ่อ...ช่างน่าเสียดายที่นางไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเพราะมัวแต่ตกตะลึงลุ่มหลงในความหล่อเหลาจนลืมที่จะถามชื่อแซ่ของเขาไปเสียได้ เช่นนี้นางจะสานสัมพันธ์ผูกสมัครรักใคร่กับเขาได้อย่างไรกัน เส้นทางรักของนางช่างมืดมนนักเฮ่อ!เสียงทอดถอนลมหายใจของผู้เป็นนายที่ดังออกมาเป็นระยะราวกับมีปัญหาหนักอก เสี่ยวมี่เห็นจนเป็นภาพชินตาเสียแล้ว เพราะมันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่วันนั้น วันที่คุณหนูเ
เฮ่อ เห็นทีนางคงต้องยอมปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน หากนางและคนผู้นั้นมีวาสนาต่อกันจะอย่างไรสักวันหนึ่งคงได้พบกันแน่ ตอนนี้นางคงต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านและเฉาตายไปอีกรอบ ความจริงนางจะเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองมุดหัวอยู่แต่ในจวนแห่งนี้ก็ได้ แต่การขลุกอยู่แต่ในจวนแม้จะสุขสบาย แต่ที่นี่ไม่มีอะไรทำสักอย่าง วันหนึ่งๆ ของนางผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ ขืนนางยังหมกตัวอยู่แต่ในนี้นางต้องอกแตกตายเป็นแน่ นางอึดอัดจะตายอยู่แล้ว ไหนๆ ตอนนี้พระเอกของเรื่องก็ยังไม่โผล่หัวมาให้นางกังวลใจ เช่นนั้นนางก็ขอหาอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อไม่ให้ชีวิตน่าเบื่อเกินไปแต่จะทำอะไรดีล่ะ นางทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง ประสบการณ์อะไรก็ไม่มีเฮ่อ...คิดแล้วอยากจะร้องไห้ นางช่างไม่เอาไหนเลยจริงๆ แววตาที่อยู่ๆ ก็หม่นเศร้าลงของผู้เป็นนาย ทำให้บ่าวตัวน้อยที่เฝ้าคอยปรนนิบัติอยู่ไม่ห่างอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ เอ่ยถามขึ้นอย่างห่วงใย"คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ"อิงอิงหันมองคนข้างกาย ส่งยิ้มให้คนที่นางพบหน้าครั้งแรกตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในสถานที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ คนที่คอยห่วงใยและคอยดูแลนางเป็นอย่างดีไม่เคยห่าง หากไม่มีเสี่ยวมี่ คนที่ไม่ไ
จวนแห่งนี้ถึงแม้ว่าจะใหญ่โต แต่กลับไร้การใส่ใจจากเจ้าของจึงทำให้ขาดชีวิตชีวา คุณหนูของจวนผู้ไม่เคยสนใจสิ่งใดนอกจากตัวเองไหนเลยจะใส่ใจหรือหันมามอง นางมัวแต่เอาเวลาทั้งหมดวางแผนเพื่อจับพระเอกและกำจัดนางเอกสหายที่นางเกลียดชัง บ่าวไพร่คนใดที่ทำให้นางต้องขัดเคืองใจล้วนถูกขายออกไปส่วนท่านหมอเทวดาว่านกู่ถิงบิดาของนางนั้น เขาเป็นคนมีความสามารถและมีพรสวรรค์ หลงใหลคลั่งไคล้ในวิชาการแพทย์ หมกมุ่นอยู่กับการคิดค้นสูตรยาและการรักษา มักจะออกเดินทางไปต่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง สถานที่ใดที่มีข่าวลือเกี่ยวกับโรคประหลาดหรือโรคที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ท่านหมอผู้นี้ก็จะเดินทางไปยังที่แห่งนั้นในทันที เขาจะอยู่ศึกษาโรคนั้นจนกว่าจะค้นพบวิธีรักษา ปล่อยให้ผู้เป็นบุตรสาวดูแลจวนโดยไม่คิดที่จะก้าวก่าย แต่สิ่งใดที่บุตรสาวปรารถนาเขาก็พร้อมที่จะนำมาวางไว้ตรงหน้านาง ไม่เคยที่จะขัดใจให้นางต้องขุ่นข้องหมองใจเลยสักครั้ง หากจะกล่าวถึงความรักที่เขามีต่อบุตรสาวก็กล่าวได้ว่ามันมีมากมายไม่ด้อยไปกว่าบิดาคนอื่นๆเฮ่อ...เห็นทีนางคงต้องจัดระเบียบและปรับปรุงจวนแห่งนี้ใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเองลองลงมือทำในสิ่งที่นางไม่เคยทำ เพราะนี่มันไม่ใช่
"ท่าน"ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยู่หลายวันตอนนี้มาปรากฏอยู่ตรงหน้า อีกทั้งยังอยู่ใกล้เสียจนได้กลิ่นกายหอมสะอาดชวนให้ลุ่มหลงของอีกฝ่าย"นายท่าน ท่านเข้ามาได้อย่างไรเจ้าคะ"อิงอิงเอ่ยถามออกมาอย่างโง่งม ไร้ซึ่งความหวาดกลัวที่มีบุรุษบุกรุกเข้ามาถึงห้องนอน อีกทั้งยังใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะโทษว่าตัวเองใจง่าย หากจะโทษก็โทษที่บุรุษผู้นี้หล่อเหลาเกินไปและตรงใจนาง"เจ้ายังมิได้ตอบคำถามข้า ว่าอย่างไร กำลังคิดจะทำสิ่งใดอยู่"เสียงทุ้มแหบเอ่ยขึ้นเนิบนาบ ไม่พูดเปล่าใบหน้าหล่อเหลาที่ชวนให้ใจวาบหวิวยังโน้มเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนลำแขนแข็งแรงเอื้อมมายันโต๊ะด้านหลังของนางเอาไว้ ท่วงท่าคล้ายดังพยัคฆ์ร้ายไล่ต้อนเหยื่อตัวน้อย จงใจกักนางเอาไว้ในอ้อมแขนจนหัวใจดวงน้อยๆ ตุ้มๆ ต่อมๆ อร้าย...หยุดนะ หากยังยั่วยวนกันอยู่เช่นนี้ นางจะไม่ขอทนอิงอิงมองสบตาคมลุ่มลึกมองไม่เห็นก้นบึ้ง ยิ่งมองนางยิ่งรู้สึกหลงใหลคลั่งไคล้ อยากลองสัมผัสร่างกายที่มีอายความร้อนกระจายออกมาจนนางรู้สึกได้ อยากลองสัมผัสริมฝีปากได้รูปสีเรื่อดูสักครั้งบ้าไปแล้ว นางอยากได้บุรุษผู้นี้ขนาดนี้เชียวหรือ เอ๊
ร่างเล็กของสตรีผู้เก่งกล้ายังคงนั่งเหม่ออยู่กับที่ไม่ไหวติง ทั้งๆ ที่บุรุษที่ทำให้สติของนางหลุดลอยได้กระโดดหายออกไปทางหน้าต่างได้ครู่ใหญ่แล้วฝัน สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ คงเป็นเพียงภาพฝันของนางแน่แต่ความรู้สึกเจ็บจี๊ดตรงริมฝีปากและกลิ่นคาวเลือดยังคงอยู่เจ็บริมฝีปาก ใช่นางรู้สึกเจ็บริมฝีปาก มือขาวนวลยกขึ้นลูบไล้ริมฝีปากที่บวมเจ่อของตัวเองอย่างเลื่อนลอย นางโดนกัดปาก คนผู้นั้นกัดปากนางเซี่ยเยี่ยนเฉิน เซี่ยเยี่ยนเฉิน เขา เขากัดปากนางกรี๊ด... กรี๊ด... กรี๊ด...โฉมสะคราญที่นั่งเหม่อลอยอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้กลับยกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้าที่แดงก่ำกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนบ่าวคนสนิทที่พึ่งจะย่างเท้าข้ามธรณีประตูเข้ามาตกใจจนลนลานเนื้อตัวสั่นเทาอ่า...คุณหนูของนางกลับกลายเป็นเช่นเดิมแล้วอย่างนั้นหรือ"คะ คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ"เสี่ยวมี่ยื่นมือที่สั่นเทาสะกิดขาเรียวของผู้เป็นนายอย่างกล้าๆ กลัวๆ เอ่ยเรียกเสียงแผ่ว ถึงแม้จะหวาดกลัวเพราะคิดว่าคุณหนูของนางคงกลับมาร้ายกาจเช่นเดิมแล้ว แต่นางก็ยังห่วงกลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บไข้ตรงที่ใดถึงได้หวีดร้องออกมาเช่นนี้"เสี่ยวมี่ เสี่ยวมี่ เขา เขา อร้าย..."ผู้เ
เซี่ยเยี่ยนเฉินพยัคฆ์ผู้นี้เป็นคนเช่นไรกันนะ ตอนนี้เขาทำให้นางรู้สึกสับสนไปหมดแล้ว บางทีก็ทำเหมือนไม่สนใจในตัวนาง นางยั่วยวนก็ทำนิ่งเฉยราวกับไม่สะทกสะท้าน ขนาดนางสารภาพว่าชมชอบเขา ทอดสะพานให้ถึงเพียงนี้ก็ยังวางท่าเฉยชาใส่ จนรู้สึกเสียความมั่นใจ แต่มองอีกทีก็คล้ายเหมือนจะมีใจให้ อีกประเดี๋ยวก็ถอยห่างจนนางใจแป้ว แต่ผ่านไปครู่เดียวก็เข้ามาชิดใกล้จนหัวใจนางเต้นแรง ดูอย่างเมื่อครู่สิ เขากล่าวออกมาได้อย่างไรว่าเรื่องที่นางเข้าหาเขาจะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น แต่การกระทำของตัวเองกลับตรงกันข้าม เขาล่วงเกินนางในแบบที่ทำให้นางหัวใจแทบวาย นางก็ใช่ว่าจะไม่สังเกตเห็นสายตาร้อนแรงของเขาที่ใช้มองนาง ทำกับนางขนาดนั้นแล้วยังจะปากแข็งอีก กลัวจะเสียหน้าหรืออย่างไรหากจะพูดว่าชอบนางเหมือนกัน เขามันบ้า บ้าที่สุด ปากกล่าวอย่างหนึ่งแต่การกระทำกลับทำอีกอย่างหนึ่งเฮ่อ...นี่คือข้อเสียของบุรุษสูงวัยใช่หรือไม่แม้ว่าจะมีความเป็นผู้นำ อยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แต่ก็อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเข้าวัยทองหรือเพราะอารมณ์แปรปรวนคนแก่ผู้นี้ช่างเข้าใจยากเสียจริงเชียวในความทรงจำนี้นางไม่เคยเห
รถม้าคันใหญ่แล่นมาจอดสนิทริมถนนสายหลักอันเป็นศูนย์รวมของผู้คนเพราะที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าต่างๆ มากมายและบริการหลากหลายทั้งข้าวของเครื่องใช้ อาหารและสถานเริงรมย์ บ่าวสตรีหน้าตาจิ้มลิ้มสองนางก้าวลงมาจากรถม้าเพื่อรอรับผู้เป็นนาย เบื้องหลังปรากฏร่างสะโอดสะองของแม่นางน้อยแต่งกายงดงามก้าวตามลงมา ร่างอวบอิ่มได้รับการประคับประคองจากบ่าวรับใช้ทั้งสองจนมาหยุดยืนมั่นคงอยู่บนทางเท้าริมถนนที่รอบด้านรายล้อมไปด้วยร้านรวงต่างๆ ที่แสนจะคึกคักด้วยดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าใบหน้าพริ้มเพราของโฉมสะคราญกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนบริเวณนั้นทันทีที่ปรากฏกาย รอยยิ้มสดใสแช่มชื่นเปื้อนใบหน้างาม ริมฝีปากอวบอิ่มเย้ายวนฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวราวไข่มุกเรียงตัวสวย ดวงตาหวานซึ้งเฉี่ยวคมระยิบระยับสุกสกาวบ่งบอกถึงอารมณ์ชื่นมื่นแสนยินดีของเจ้าตัว พวงแก้มขาวนวลเปล่งปลั่งปรากฏสีแดงระเรื่อชวนมอง เสน่ห์ของนางช่างสะกดใจผู้พบเห็นยิ่งนักโอ้... คุณหนูจวนใดกันช่างงดงามน่ารักน่าใคร่เสียจริง งามสง่าดูเย้ายวนจนไม่อาจที่จะถอนสายตา แต่มองไปมองมา ก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อย คงจะเป็นคุณหนูจากจวนตระกูลใหญ่จวนใดจวนหนึ่งเป็นแน่
แต่การจะลงมือทำอะไรสักอย่างก็ย่อมที่จะมีการลงทุน และทุนทรัพย์ของนางในตอนนี้ก็ไม่อาจที่จะใช้จ่ายได้ตามอำเภอใจเช่นดังชีวิตก่อน ตอนนี้นางรู้ซึ้งแล้วถึงค่าของเงินและคำว่าเงินต่อเงิน หากมีเพียงสมองแต่ไร้ทุนทรัพย์ก็ไม่อาจที่จะต่อยอดสิ่งที่คิดได้อย่างเต็มที่ การจะประสบความสำเร็จในชีวิต เงินนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เห็นทีสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือนางต้องหาทุนทรัพย์สำหรับต่อยอดกิจการของนาง ดังนั้นด้านหน้าร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่จึงปรากฏเรือนร่างอวบอิ่มของโฉมสะคราญที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เพียงแต่วันนี้นางไม่ได้จะมาอุดหนุนหรือละลายทรัพย์เช่นที่ผ่านมา แต่การมาเยือนครั้งนี้ก็เพื่อดูราคาค่างวดของเครื่องประดับในยุคนี้ต่างหาก เพราะหากนางเดินหอบเอาเครื่องประดับมากมายเข้าโรงจำนำสุ่มสี่สุ่มห้าเกรงว่าจะโดนกดราคาเอาได้ เช่นนั้นจึงต้องสอบถามราคากันเสียก่อนภาพของโฉมสะคราญที่กำลังชื่นชมเครื่องประดับและสอบถามราคากับผู้ดูแลร้านอย่างสนอกสนใจอยู่นั้น ทำให้คิ้วคมเข้มของบุรุษใบหน้าหล่อเหลาผู้ที่บังเอิญผ่านมาขมวดมุ่น ในคราแรกเซี่ยชิงเทียนมองอย่างไม่แน่ใจ ว่านางจะใช่สตรีคนเดียวกัน
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี
เสียงล้อรถม้าของคุณหนูสามจ้าวอี้หลันบดมาบนท้องถนนตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่จวนตระกูลจ้าว สองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านค้าบ้านเรือนเริ่มบางตาลง จนมีเพียงแนวต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เสียงจอแจของผู้คนที่ดังมาตลอดทางตอนนี้เงียบสงัดมีเพียงเสียงเสียดสีของกิ่งไม้ที่พัดไหวตามแรงลม เพราะมัวแต่สนทนากับสหายจนลืมเวลา ตอนนี้รอบกายจึงโอบล้อมไปด้วยความอึมครึมของเวลาเย็นย่ำโพล้เพล้แม้อากาศยามนี้จะเย็นสบายแต่ใจของสตรีภายในรถม้ากลับร้อนรุ่ม นางกลับบ้านมืดค่ำเช่นนี้คงไม่ดีแน่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครมาคอยจับตามองเช่นเก่า แต่นางก็จำต้องกลับจวนให้ตรงเวลา มิเช่นนั้นคราวหน้าผู้เป็นพี่ชายคงไม่อนุญาตให้นางออกมาอีกเป็นแน่ และดีไม่ดีอาจจะโดนฮูหยินใหญ่เล่นงานเอาได้หลังจากที่พี่สาวต่างมารดาของนางทั้งสองออกเรือนไป ดูเหมือนชีวิตของคุณหนูคนงามจะมีอิสระมากขึ้น แต่ถึงแม้ฮูหยินใหญ่จะขังตัวเองอยู่เพียงในเรือนเพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องงามหน้าของบุตรสาวทั้งสอง ตรอมใจจนล้มป่วย แต่ก็ยังคอยส่งคนมาสอดส่องนาง หากมีโอกาสคงเล่นงานนางอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนบิดาแม้จะรู้สึกอับอายแต่ก็ยังคงเอาแต่ทำงานไม่มีเวลามาสนใจในตัวนางเช่นเดิมท่ามกลาง
เซี่ยชิงเทียนจ้าวอี้หลันจวินฟางตงคนทั้งสามนั่งมองสตรีเจ้าของเรือนที่ไม่ว่าพวกตนจะมาเยือนสักกี่ครั้ง สภาพของเจ้าของเรือนก็จะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง นั่นคือนั่งเหม่อไม่พูดไม่จา ถามอะไรก็ตอบเพียง อืม อื้อ อือ อยู่เช่นนั้นจนคนมองรู้สึกผิดและเจ็บปวดใจ โดยเฉพาะเซี่ยชิงเทียนที่ละอายใจเหลือเกินที่เรื่องของตนทำให้อีกคนเป็นเช่นนี้ เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายคล้ายดังมีลมหายใจแต่ไร้วิญญาณส่วนผู้เป็นบิดา เฮ้อ...เมื่อนึกถึงอีกฝ่ายก็รู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนการบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าบิดาจะใช้เล่ห์กลใดให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการก็เท่านั้น เขารู้ว่าบิดาของตนรักและหวงแหนสตรีนางนี้มากมายเพียงใด และไม่มีวันปล่อยมือจากนางเป็นอันขาด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องของเขา ทั้งสองคงได้ครองคู่กันไปเสียตั้งนานแล้ว บิดาไม่มีทางปล่อยให้สตรีนางนี้อยู่ห่างกายอยู่แบบนี้เป็นแน่ และเป็นไปไม่ได้ที่บิดาของเขาจะยอมหันหลังให้นางง่ายดายถึงเพียงนี้ บุรุษเฒ่าผู้นั้นมากเล่ห์และเจ้าแผนการเหนือผู้ใด เขานั้นรู้ดีที่สุด ที่แสร้งหันหลังให้ว่านเย่วอิงในครั้งนี้ก็เป็นเพียงมารยาของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย คงคิดจะกดดันว่านเ
"โอ๊ย...หายใจไม่ทัน"เสียงบ่นกระปอดกระแปดคละเคล้าเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของชายหญิงผู้ที่พากันวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากที่กระโดดขึ้นรถม้าได้สำเร็จคนทั้งสองก็ทิ้งกายลงพิงผนังรถม้าอย่างหมดแรงทันทีที่ล้อรถม้าเคลื่อนตัวออกห่างจากบริเวณสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตราย อิงอิงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อชะโงกใบหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าแล้วไม่เห็นว่ามีใครตามมา"อ่า...นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว""อิงอิง ต่อไปถ้าบิดาของเจ้าจะดุขนาดนี้ ไม่ต้องชวนข้ามากับเจ้าแล้วนะ ข้าเหนื่อยเกือบตาย"จวินฟางตงยกมือเรียวของตนขึ้นทาบแผ่นอกที่ตอนนี้ภายในนั้นกำลังเต้นแรงดั่งรัวกลอง เขาใจหายใจคว่ำไปหมดแล้ว ลำคอของเขาตอนนี้แห้งผากเป็นผุยผง เหนื่อยก็เหนื่อย กลัวก็กลัว สายตาของแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินที่ใช้มองเขาทำให้รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง หากสายตาของคนผู้นั้นสามารถฆ่าคนได้ เขาคงได้ตายไปแล้ว"เจ้าจะบ้าหรือตงตง นั่นไม่ใช่พ่อ นั่นน่ะผัว"แค่ก แค่ก แค่กจวินฟางตงสำลักลมหายใจตัวเองหน้าดำหน้าแดงจนเกือบจะตายอีกครั้ง เพราะคำพูดตรงไปตรงมาของสตรีที่ทิ้งกายลงนอนแผ่หลาอย่างไร้ความเป็นกุลสตรีที่คุณหนูในห้องหอพึ